คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : ตอนพิเศษ3 : [Au] เจ้าหญิงจีกับหมาไม่เชื่อง!
warning : Au cakeverse*, ย้อนยุค???(คำพูดคำจาเหมือนเดิมค่ะ**เกือบๆ จะเป็นดิสโทเปีย มีการกล่าวถึงเลือด และคนตาย**), เวทมนตร์, OOC, กาว
*NSFW*
Toxic relationship, romanticize
Polyamorous(ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวหรือมีคนรักหลายคน โดยที่ทุกฝ่ายรับรู้และยินยอม)
___________
[06]
จีมีบ้านเล็กที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าเขตโซลดิ๊กหนึ่งหลัง
เป็นบ้านที่ได้มาเพราะคุณปู่เซโน่เห็นใจที่เวลาจีกลับมาทีไรเป็นอันต้องโดนคุณแม่จับแต่ตัวให้ตลอด ก็เลยสร้างไว้ให้เป็นที่พักผ่อนเพื่ออยากมีเวลาส่วนตัวอะไรประมาณนั้น
และถึงจะเรียกว่าบ้านเล็ก แต่อันที่จริงก็ไม่เล็กหรอก สำหรับผู้อยู่อาศัยคนเดียวนี่คือคฤหาสน์เปล่าเปลี่ยวกลางป่าชัดๆ
แม้จะมีคนมาทำความสะอาดให้ทุกสัปดาห์เพื่อสะดวกเวลาใช้งาน แต่ความทะมึนรอบบ้าน (ต้นไม้ใหญ่และเสียงร้องโหยหวนของพวกลอบเข้ามาแล้วกลายเป็นอาหารของมิเกะ) ก็ทำให้รู้สึกสยองจนได้หนีไปนอนบ้านใหญ่เหมือนเดิม
ต้องขอบคุณพวกแฮมยักษ์ที่ตามติดไม่ปล่อย จีก็เลยนึกถึงตัวตนของบ้านที่เกือบจะปล่อยทิ้งร้างนี้ขึ้นมาได้…
แน่นอนว่าหลังจากนั้นก็ต้องหนีสิ!
เพราะมีคุณปู่เป็นแบ็คให้ สมาชิกก็เลยเกรงใจไม่ค่อยมีใครเข้ามากวนเวลาจีมาพักที่นี่ ถือเป็นปราการป้องกันอย่างดี
โฮๆ ขอบคุณค่ะคุณปู่ คราวหน้าจีจะทำเครื่องนวดหลังให้นะ
ในที่สุดก็ถึงช่วงเวลาอิสระ!
พอไม่มีคนคุม อะไรๆก็ง่ายขึ้นมาก อย่างชวนมิลกี้มาโต้รุ่งเล่นเกมด้วยกัน ชวนคาลูโตะคุงมาออกแบบของขวัญที่จะให้คุณปู่ หรือถ้าว่างหน่อยก็หัดทำขนมที่ตาแก่เนเทโล่ชอบบ่นว่าอยากให้ลูกหลานมาทำให้กิน
ไล่ดูข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นในปีนี้ไปพลาง ค้นคว้าเวทมนตร์ใหม่ๆ ไปพลาง เมื่อเห็นว่าในปีนี้ไม่น่าจะมีเหตุการณ์ให้จีไปช่วยเบาแรงตาแก่ บวกกับทำอุปกรณ์ชิ้นใหม่ที่ได้รับรีเควสจากลูกค้าประจำมาเสร็จพอดี ตารางงานที่เหลือก็เลยว่างจนมีความคิดว่าไหนๆ ก็อุตส่าห์เข้ามาอยู่ทั้งที ถือโอกาสนี้ตกแต่งบ้านที่แสนอึมครึมใหม่แล้วกัน
อุดอู้ทำงานนอนในห้องสมุดมาหลายวันแล้ว ขืนนอนต่อไปอีกมีหวังเสียสุขภาพกันพอดี!
“ทำบ้านใหม่...?”
“อื้ม! นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ คาลูโตะมีความเห็นอะไรเพิ่มไหม?”
ลูกชายคนเล็กของบ้านโซลดิ๊กที่ผ่านมาส่ายหน้า “สวยดี เธอออกแบบเองเหรอ”
“ลูกค้าให้แบบมาเป็นของขวัญน่ะ”
ถึงจะเรียกว่าทำบ้านใหม่ แต่ก็แค่ต่อเติมออกมาจากคฤหาสน์เป็นโซนเล็กๆ ไว้เปลี่ยนบรรยากาศเวลาเบื่อเท่านั้นเอง
ลูกค้าประจำของจีคนหนึ่งขึ้นชื่อเรื่องฝีมือการออกแบบมาก พอได้ยินว่าจีมีแพลนจะสร้างบ้านให้คนสวยอยู่สักหลังก็ชวนไปดูบ้านต่างๆ ที่ออกแบบไว้ แต่ยังไงที่เด่นสะดุดตาที่สุดก็คงเป็นบ้านโบราณที่เห็นว่าได้แรงบันดาลใจมาจากประเทศเกาะเล็กๆ ทางตะวันออก
เหมือนพวกชุดต่างๆ ของคาลูโตะก็ได้แบบมาจากเกาะนี้เหมือนกัน
สิ่งที่เรียกว่าฟูกนอนนั้นนุ่มนิ่มมาก ฤดูหนาวก็มีโต๊ะอุ่นขาให้ความอบอุ่น หรือถ้าเป็นในหน้าร้อนแบบนี้ก็สามารถมานั่งที่ระเบียงบ้านกินของหวานเย็นๆ ฟังเสียงกระดิ่งลมแสนเสนาะหู ชมสวนไปพลางๆ ก็สงบดี
(ถึงดอกไม้ที่ประดับในสวนส่วนมากจะเลือกได้แต่พวกมีกลิ่นหอมแรงเพราะแถวนี้มีกลิ่นเลือดคลุ้งก็เถอะ)
ที่สำคัญบ้านโบราณนี้ยังให้อารมณ์เข้ากับพวกชุดกิโมโนหรือยูกาตะอย่างไม่น่าเชื่อ
หลักฐานก็คือคาลูโตะที่ดูกลมกลืนไปกับบ้านเลยนี่ไง
อืมๆ ดีจังนะ คราวหน้าเวลามาพักโซนนี้จีก็ใส่ยูกาตะบ้างดีกว่า
ขณะที่ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี อีกคนก็ถอนหายใจ
“พี่อิลูมิกลับมาแล้วนะ” เว้นช่วงไปสักพักก่อนจะพูดต่อ “ส่วนพี่คิรัวร์ก็คงจะมาไล่เลี่ยกัน…”
คุณพี่ชายกลับมาแล้ว?!
จีละมือจากการตัดแต่งกิ่งไม้ ยิ้มแก้มปริให้คนที่นำข่าวมาบอก “ตื่นเต้นจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนานแน่ะ อิลูมิจะเปลี่ยนไปเยอะไหมนะ”
ช่วงนี้จีอยู่กับมิลกี้(ที่ให้อารมณ์ไม่ต่างจากอิลูมิเวอร์ชั่นเกรี้ยวกราดตลอดเวลา)บ่อยจนใจเลิกตูมตามแล้ว ถึงคราวนี้จะเจอกับอิลูมิตัวจริงก็คงไม่คณามือ!
“เธอรอดูเอาเองเถอะ” เขาหน่ายจะยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของพี่คนโตแล้ว “แล้วไม่คิดจะถามถึงพี่คิรัวร์…”
“ดอกไม้อันนี้สีเดียวกันกับชุดของคัลโต้เลย!”
“อย่าทำเป็นเมินสิ”
“มาดูนี่เร็ว!”
คาลูโตะมองดอกไม้สีชมพูคนละโทนกับเสื้อผ้าเขาที่ถูกอีกฝ่ายหยิบมาเลี่ยงประเด็นก็ถอนหายใจ “เธอนี่มัน...น่าปวดหัวจริงๆ”
[06.5]
เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ตอนนี้จีเหลืออาหารโปรดอยู่น้อยนิดมีไม่กี่อย่าง
แน่นอนอย่างแรกคือไม่อยากเห็นอาหารคนสวยน้ำตาร่วงเผาะตอนได้กลิ่นคนอื่นจากจี
คุณเขาเป็นแมวตัวพิเศษที่นอกจากจีจะไม่เกลียด ยังยกขึ้นแท่น ‘อาหารรักอันดับหนึ่ง’ ตลอดกาล ดังนั้นตามใจนิดตามใจหน่อยจะเป็นอะไรไป!
แต่จีก็ไม่ได้เป็นพวกเอ็นดูเขาจนเอ็นเราขาด
เสียงของน้องกระเพาะที่คร่ำครวญจะทำเมินเฉยก็ไม่ได้
ดังนั้นถึงจะไม่กินพวกพี่แล้ว ช่วงแรกๆ น้องก็ยังตระเวนหาอาหารชั่วคราวมาประทังความหิวเสมอ
และความโชคร้ายก็บังเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนจีกลับมาเยี่ยมบ้านโซลดิ๊ก
‘มิเกะน่ะเลี้ยงง่ายแล้วก็น่ารักมากเลย ดูสิจ๊ะจีจัง เชื่องใช่ไหม?’
...แล้วก็โดนคุณแม่เป่าหูจนอยากเลี้ยงหมา
จีเกลียดแมว แต่ก็ไม่ได้เอ็นดูสัตว์อื่นเป็นพิเศษ ทว่าพอมาเห็นมิเกะตัวโตแสนเชื่องที่เลี้ยงง่ายและไม่เคยแว้งกัดคนในบ้าน จู่ๆ ก็เกิดปิ๊งความคิดว่าถ้าจีมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเองบ้างก็คงจะดี
น้องอยากเลี้ยงหมา!
อินกับความคิดนั้นจนถึงขั้นเตรียมปลอกคอ(โชคเกอร์สีดำห้อยจี้ที่จีทำเอง)ไว้เรียบร้อย—เหลือก็แต่หาคนมาใส่!
และไม่รู้ว่าตัวเองอยากได้จนเพี้ยนไปแล้วหรือไง พอวันนั้นเห็นคุณพี่ชายนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดดูสงบนิ่งเรียบร้อย ก็ดันจินตนาการไปถึงหูหางทิพย์ที่ผุดออกมา จากนั้นก็คิดว่าเข้ากันดีไม่หยอก คุณพี่ชายต้องเป็นหมาแสนเชื่องได้แน่ๆ!
ทั้งที่คิดในใจ แต่ปากกลับดันโพล่งออกไปซะแล้ว
‘อิลูมิ มาเป็นหมาให้จีเถอะ’
บ้า
เป็นความคิดที่บ้ามาก
บ้าซะจนอยากย้อนเวลากลับไปตบหัวตัวเองตอนนั้นที่ตาเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นที่ต้องการเมื่อเห็นอิลูมิพยักหน้าให้เลย
นั่นไม่ใช่ปาฏิหาริย์ แต่คือจุดเริ่มต้นของนรกต่างหาก!
ทว่าจีในตอนนั้นไม่รู้ เพราะไม่รู้ตอนเห็นอิลูมิพยักหน้าให้ก็เลยกระดี๊กระด๊าใหญ่ ขณะที่สวมปลอกคอทำเองให้คุณพี่ชายก็คิดอย่างดีใจว่าในที่สุดก็จะได้มีสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องเป็นของตัวเองแล้ว
ตั้งแต่จนจนจบ อิลูมิพูดแค่ว่า ‘รับผิดชอบด้วย’
แล้วจีก็ดันพยักหน้า ‘อื้ม!’
รับผิดชอบเรื่องอะไรนั้น แน่นอนว่าเพราะดีใจเกินไปเลยลืมถามไปเสียสนิท
ยิ่งคุณพี่ชายส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ พอลองเอามือไปลูบแก้มอีกฝ่ายก็เอียงใบหน้าซบกลับมาอย่างแสนเชื่อง—ความคิดอ่านของจีในตอนนั้นก็ลดลงเป็นศูนย์ทันที
...แต่ทุกอย่างคือภาพลวงตา
พอมีเจ้าหมาแล้ว นอกจากจะไม่ได้กินพวกพี่ อาหารชั่วคราวก็ไม่ได้กินด้วย!
หมาของจีบอกไม่ฟัง เลี้ยงไม่เชื่อง เลี้ยงไม่เชื่องไม่พอยังหวงเจ้าของเข้ากระดูกดำ ดังนั้นไม่ว่าจีจะแอบไปมีอาหารชั่วคราวเท่าไหร่ คนพวกนั้นก็อยู่ไม่รอดถึงเดือนสักราย
เป็นเจ้าหมาดุร้ายที่จะปล่อยก็ไม่ไป อยากจะทิ้งก็ทำไม่ได้ จึงได้แต่กัดฟันตัดใจจากอาหารชั่วคราวพวกนั้นแล้วหันมากินอยู่วิถีเรียบง่ายแทน
อาหารในคลังของจีตอนนี้เลยเหลืออยู่สามคนถ้วน
และถ้าตัดคุณคนสวยกับอิลูมิออกไป อาหารของจีก็จะเหลือแค่หมาบ้าฮิโซกะที่รอดมาได้เพราะอิลูมิฆ่าไม่ตายสักที...
โฮๆ ตอนนั้นไม่น่าอยากเลี้ยงหมาจนหน้ามืดตามัวเลย!
。゚゚(´□`。)°゚。
และนั่นคือเหตุผลลับๆ ที่ทำให้จีหนีออกจากบ้านโซลดิ๊กไปอยู่กับพวกพี่(และตอนกลางคืนก็แอบหนีไปหาคุณคนสวย)เพื่อเยียวยาใจช่วงห้าปีที่ผ่านมา
เป็นเหตุผลลับที่แม้มิลกี้จะเค้นถามก็ไม่ยอมตอบ
แหงล่ะสิ ขืนตอบไปก็ขายขี้หน้าพอดี
ผ่านมาห้าปี ตอนนี้จิตใจของน้องเข้มแข็งขึ้นแล้ว(จากที่อยู่กับมิลกี้) อย่าหวังเลยว่าแค่หมาไม่เชื่องคนเดียวจะทำให้หนีหัวซุกหัวซุนได้อีก!
————
หมาไม่เชื่องอย่างอิลูมิ ถ้าทิ้งไปได้ก็คงดี
“หนีไปไหน?”
ถ้าทิ้งได้แต่วันแรก ก็คงไม่มีภาระอย่างคำว่า ‘เจ้าของ’ เป็นเงาตามติด ห้าปีที่ผ่านมาก็จะไม่มีอะไรติดค้างต่อกัน จีก็จะยังเป็นจีที่กินไปเรื่อยๆ ส่วนอิลูมิก็จะเป็นพี่คนโตไม่ใช่หมาที่ถูกเจ้าของหนี อยู่ตัวใครตัวมัน
แต่เพราะทิ้งไม่ได้ การพบกันอีกครั้งระหว่างเจ้าของกับหมาก็เลยไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่
ที่ตอนเช้าทำเป็นลั้นลาพูดกับคาลูโตะว่า ‘ตื่นเต้นจัง อยากเจออิลูมิ’ ไป ใครจะรู้ว่าใจของน้องตอนนั้นสั่นยิ่งกว่าแผ่นดินไหวเสียอีก
ถ้าอิลูมิไม่โกรธก็ดีไป
“จี”
แต่ถ้าโกรธ...ก็แค่โดนหมากัด
อิลูมิเมื่อห้าปีก่อนเป็นยังไง ตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นราวกับเวลาชีวิตถูกสต๊าฟไว้ ทั้งใบหน้างดงามที่เรียบนิ่งจนเหมือนหุ่น ผมยาวนุ่มๆ ที่ปล่อยสยายปิดต้นคอขาว ดวงตาสีดำไร้แววอันเป็นเอกลักษณ์
และ...โชคเกอร์สีดำห้อยจี้ที่ประดับบนลำคอ
ชุดกี่เพ้าสีฟ้าน้ำทะเลที่ยังเปื้อนคราบเลือดแห้งกรังกับผมที่ค่อนข้างยุ่งไม่เรียบร้อยเหมือนภาพในความทรงจำ ทำให้รู้ว่าพอกลับมาถึงบ้าน คนคนนี้ก็รีบมาหาจีโดยที่ยังไม่ได้ไปเจอคนในบ้านหรือพักอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเลย
“อิล...อิลูมิ อย่าเพิ่งดื้อ”
สองข้อมือถูกกดเหนือหัวจมลงในเตียงนุ่มนิ่ม พี่ชายคนโตที่ตอนนี้กลายเป็นหมาบ้าไม่ฟังคำห้ามของจีสักนิด เขาโน้มใบหน้าแล้วแนบริมฝีปากแดงนั่นลงมาจนแทบไร้ช่องว่าง กลิ่นหอมหวานจากปลายลิ้นกับคาวเลือดคลุ้งปนกันในโพรงปาก ไม่รู้จะเรียกว่าจูบหรือหมาเลียหน้ากันแน่เพราะริมฝีปากของอิลูมิกดลงมาอย่าง...ค่อนข้างสะเปะสะปะ
ถ้าหันหน้าหนี อิลูมิก็จะจูบแก้ม ไล่ลงมายังสันกรามและลำคอ—จูบหน้าผาก จูบหางคิ้ว จูบเปลือกตา จูบไปทั่วโดยไม่มีการเรียงลำดับอะไรเลย, ก่อนจู่ๆ จะนึกอะไรไม่รู้ใช้มือข้างหนึ่งจับปอยผมที่หล่นลงมาคลอเคลียแก้มทัดใบหูให้ แล้วแลบลิ้นเลียใบหูข้างนั้น จงใจลากปลายลิ้นผ่านช้าๆ จนจีรู้สึกเสียววูบในท้องน้อย แทบจะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่ เพราะแบบนั้นจึงต้องหันหน้ามาเผชิญอีกครั้ง...และถูกจูบอีกครั้ง
“จี”
กระซิบเสียงแหบพร่าทั้งที่ริมฝีปากยังคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง
หน้าต่างที่เปิดอ้ารับอากาศอบอ้าวตอนกลางคืนเข้ามาทำให้ผิวที่เพิ่งผ่านการอาบน้ำและบำรุงมาหมาดๆ เปียกชื้น
เขากดจูบหนักหน่วงลงมาครั้งหนึ่ง วนเวียนขบเม้มกลีบปากล่างคล้ายไม่อยากละออกไปไหน ก่อนริมฝีปากร้อนผ่าวนั้นจะเลื่อนลงมาดูดกึ่งกลางลำคอเหมือนจะให้กล่องเสียงหลุดติดมาด้วย
อย่างน้อยก็เข้าทางประตูดีๆ ไม่ได้หรือไงนะ
เพราะเป็นนักฆ่าก็เลยชอบปีนหน้าต่างหรือไง
แล้วยังมาตอนที่คนกำลังจะนอนอีก
“จี”
เรียกน้องอีกแล้ว
จะเรียกทำไมนักหนา
ชุดนอนลูกไม้ผ้าเนื้อบางที่หยิบมาใส่เพราะวันนี้อากาศอบอ้าวถูกปลดออกไปทีละชิ้น ข้างล่างเบาโหวงแต่ก็ไม่สามารถขยับขามาปิดอะไรได้เพราะถูกตัวใหญ่ๆ ของอิลูมิแทรกกลาง ไอร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดกึ่งกลางอกทำให้จีรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด
อิลูมิเหมือนเค้กหวานๆ ที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม ไม่ว่าจะกินเมื่อไหร่ก็ใจไม่ดีทุกที
ผมสีดำเรียบลื่นให้สัมผัสเหมือนผ้าชั้นดีตกลงมาสัมผัสผิวชวนจั๊กจี้ เปลือกตาของอีกฝ่ายหรี่ปรือจนสามารถเห็นแพขนตายาว นัยน์ตาสีดำที่มักจะเรียบนิ่งไร้อารมณ์คู่นั้นกลับทอประกายอ่อนลงแทบจะเรียกได้ว่าออดอ้อนร้องขอ
“อย่าหายไปอีกนะ”
ออดอ้อน?
อา...ใช่แล้ว อิลูมิเป็นหมานี่นา
หมาดุร้ายที่เคยถูกเจ้าของทิ้งไปห้าปี
ตอนนี้ก็เลยพยายามทำตัวน่ารักให้จีเอ็นดูอยู่
ความคิดนั้นเริ่มมีเค้าเป็นความจริงขึ้นมาเมื่ออิลูมิปล่อยข้อมือที่ตัวเองตรึงไว้เหนือหัวออก ดูเหมือนจะเริ่มสำนึกผิดที่ตัวเองทำแรงเกินไปจนข้อมือบอบบางเกิดรอยนิ้วแดงๆ ขึ้นบนผิว จึงโน้มใบหน้าลงมาประทับจูบแผ่วเบาที่รอยนั้น
—ก่อนที่จะใช้ปลายลิ้นสีแดงอ่อนนุ่มลากเลียคล้ายกับสัตว์เล็กงุ่นง่านที่ตระหนกจนหลงลืมวิธีทำแผลที่ถูกต้อง
เสียงงึมงำในลำคอแม้จะแผ่วเบาแต่ก็พอฟังจับใจความได้ว่า ‘ขอโทษ’
พอเห็นว่าไม่ว่าจะทำยังไงรอยแดงที่ข้อมืออันเป็นผลงานของตัวเองก็ยังคงไม่หายไป ใบหน้างดงามของอิลูมิจึงซบลงมาที่ฝ่ามือของจี
แล้วใช้แก้มถูไถ ช้อนตามองอย่างแสนเชื่อง
แต่แม้จะมาถึงขั้นนี้ก็ยังพูดได้แค่ “จี” คำเดียว
เป็นสัตว์เลี้ยงที่ขี้อายเหลือเกิน
พออีกฝ่ายมอบอำนาจในการควบคุมให้ ดวงตาสีม่วงกลมโตก็หรี่ลง ใช้ปลายนิ้วพันเส้นผมนุ่มของนักฆ่าที่เวลานี้ผิวกายทั้งหมดกลับขึ้นสีแดงเรื่อดูงดงามเย้ายวน
“สุนัขติดสัด”
จีกัดปลอกคอสีดำที่ตัวเองเคยเป็นคนใส่ให้อิลูมิกับมือ
“ถ้าอยากให้หนูช่วยก็เห่าซะสิ”
สัตว์เลี้ยงของจีขี้อายเหลือเกิน
แต่แม้จะพูดด้วยเสียงแผ่วเบายังไง จีก็ยังได้ยินคำว่า “โฮ่ง” ชัดเจนอยู่ดี
———CUT———-
[07]
‘ถ้าโลกนี้มีแค่จีที่เข้าใจเรื่องเวทมนตร์อยู่คนเดียวคงจะน่าเบื่อแย่เลย’
พอช่วยงานบ้านโซลดิ๊กจนไม่มีอะไรทำ จู่ๆ ความคิดนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัว
เพราะเวทมนตร์เป็นสิ่งที่จีมั่นใจที่สุด เป็นสิ่งเดียวที่พอช่วยเหลือพวกพี่กับคนอื่นได้ ได้เป็นผู้ปรึกษาพูดคุยกับคนอื่นได้บ้าง — ถ้าโลกนี้ไม่มีเวทมนตร์ ถ้าหากพลังถูกเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น ไม่สามารถให้คำปรึกษาใครได้เพราะไม่มีใครเข้าใจเรื่องเวทมนตร์ที่จีพูด ได้แต่มองแผ่นหลังของทุกคนที่ก้าวเดินไปข้างหน้าโดยที่ไม่สามารถเป็นกำลังให้ใครได้
ได้แต่เป็นผู้รับ ไม่เคยได้เป็นผู้ให้
นั่นคง...น่าเศร้านิดหน่อย
ถึงตอนนี้จะยังมีคนไม่เข้าใจเรื่องเวทมนตร์ที่จีพูดเหมือนกัน...แต่ถ้าเทียบกับจินตนาการน่าสลดนั่นแล้วก็ดีกว่ามากโข
“เอ่อ...ขอโทษนะ ฉันไม่เข้าใจเรื่องเส้นเวทมนตร์ที่ไอพูดเลยอ่ะ...ตั้งแต่แรกเลย! ช่วยพูดให้เข้าใจง่ายกว่านี้ได้ไหม?”
“เวทมนตร์ก็รู้อยู่หรอก แต่ไอ้เส้นๆ นี่มันอะไรอ่ะ…”
อย่างน้อยเจ้ามนุษย์ก็เข้าใจเรื่องเวทมนตร์นะคุณจี!
อื้ม พยายามปลอบตัวเองอยู่ล่ะ
เด็กสาวกอดอก มองคนตัวโตที่ประนมมือกลางอกทำหน้าทึ่มๆ ที่สื่อได้ว่า ‘ขอโทษนะ ที่พูดไปเมื่อกี้ไม่มีอะไรเข้าหัวเลย’ ก็รู้สึกอยากลุกหนีแล้ววาร์ปไปหามิลกี้ซะตอนนี้เลย
ณ บ้านเล็กที่โซลดิ๊กสร้างไว้เป็นที่พักผ่อนแก่ลูกทูนหัวโดยเฉพาะ—ที่ห้องรับแขก ตรงหน้าจีคือบุคคลสามคน
คุณลุงเลโอลีโอ คุราปิก้า กอน
บุคคลทั้งสามคนนี้พ่วงด้วยตำแหน่งเพื่อนของคิรัวร์
(เพื่อนที่ทางบ้านโซลดิ๊กไม่ค่อยอยากจะยอมรับเท่าไหร่ ก็เลยต้องระหกระเหินมาปรึกษากันที่บ้านเล็กของน้องเพราะไม่อยากให้เกิดสงครามขนาดย่อมที่บ้านใหญ่น่ะสิ)
เด็กสาวเอนกายบนโซฟาสีเลือดหมูอย่างอ่อนแรง “กอนไม่เข้าใจตั้งแต่ตรงไหนล่ะ?”
เจ้าของชื่อยิ้มแห้ง “ตั้งแต่ต้นเลย...?”
เล่าเหตุการณ์โดยย่อ คือ สมัยเก่าแก่ที่จียังชอบตระเวนหาอาหารอร่อยๆ อยู่ มีโอกาสตามตาแก่ไปดูการทดสอบเพื่อเข้าเป็นฮันเตอร์ และพอแฝงตัวเข้าไปร่วมด้วยเล่นๆ ก็บังเอิญได้รู้จักกับพวกเขา–เหล่าอาหารที่มีกลิ่นน่าอร่อย
แล้วก็ได้อยู่เกาะกลุ่มกันแบบนั้นจนสอบเสร็จ
ไอ คือนามแฝงที่ใช้เมื่อตอนนั้น
แต่ถึงตอนนี้จะเปิดเผยชื่อจริงว่าคือจี ชื่อนามแฝงก็ถูกเรียกจนพวกเขาชินปากไปแล้ว
พอนึกถึงตอนตัวเองตกลงเป็นเพื่อนกับกอนเสร็จ เจ้าอาหารนี่ก็ไปทักคิรัวร์ต่อปุ๊บทีไร จีก็รู้สึกมวนท้องทุกที…
ฮื่อ
ย้อนถึงเหตุการณ์เก่าๆ แล้วไม่อยากอาหารเลยอ่ะ
เอาเป็นว่าถึงเวลาจะผ่านมานานแล้ว สามคนนั้นกับจีก็ยังติดต่อหากันอยู่เนืองๆ สายสัมพันธ์ของเราก็เลยยังนับเป็นเพื่อนกันอยู่
แล้ววันนี้ที่เดินทางมาหาก็เพราะกอนป่วย—ป่วยจากที่ช่วงนี้ฝืนใช้เวทมนตร์พิสดารบ่อยเกินไปจนภาชนะอย่างร่างกายทนรับไม่ไหว บวกกับโรคเก่าตอนศึกราชามดกำเริบ สภาพเลยสะโหลสะเหลจนคุราปิก้าได้ติดต่อมาขอความช่วยเหลือ
อ่ะ เหมือนก่อนหน้านั้นคิรัวร์จะส่งข้อความมาเหมือนกัน
แต่จีเมินและไม่เคยกดเข้าไปอ่าน
เฮ้อ โชคดีแล้วล่ะนะที่เปลี่ยนคนส่งข่าว ไม่งั้นกอนคงได้ตายก่อนแน่ๆ
“ไอ ตกลงไอ้เส้นๆ คืออะไรอ่ะ?”
น่าเสียดายที่ตอนนี้กอนก็ใกล้จะตายเหมือนกัน
...ไม่ได้ตายเพราะโรคหรอก แต่จะตายเพราะอีกไม่นานจีจะทนรำคาญไม่ไหวแล้วฟาดเข้าให้สักป๊าบนี่แหละ
เด็กสาวกุมขมับ จิ้มแก้มของอาหารที่โตจนไม่มีเนื้อนุ่มๆ น่ากินแล้ว
“สายใยแห่งชีวิต, เส้นเวทมนตร์ซึ่งไหลเวียนอยู่ในร่างกายที่ถ้าถูกตัดจะตาย พูดแบบนี้กอนพอจะเข้าใจบ้างหรือยัง?”
“อ๋อ! เจ้านั่นนี่เอง!”
“เข้าใจแล้วสินะ?!”
“อื้ม! งั้นไอช่วยอธิบายเรื่อง ‘เส้นไม่เสถียร’ อีกรอบได้รึเปล่า?”
เหนื่อย
เมื่อย
หิว
กับพวกพี่จีไม่เคยได้ใช้พลังงานเยอะขนาดนี้เลยนะ…
พอส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้คุณลุงที่เป็นหมอช่วยอธิบาย เลโอลีโอก็ทำหน้าทึ่มใส่ ‘ฉันก็ไม่เข้าใจที่เธอพูดเหมือนกัน’ พร้อมทำมือโบ้ยให้จีปวดหัวคนเดียว
ฮึ่ม!( `н´ )
อย่าคิดว่าคุณจีใช้งานง่ายขนาดนั้นนะ
ถ้าเอาเวลานั่งจุมปุ้กที่นี่ไปเจอตาแก่รู้ไหมว่าจีจะได้อั่งเปากลับมาเท่าไหร่?!
(แหงล่ะ เป็นเจ้าหญิงหลานรักนี่นา)
“เอาเป็นว่าสรุปคือสถานการณ์ของกอนตอนนี้ไม่ดีสุดๆ ตอนนี้อาจจะแค่ใช้เวทมนตร์ติดขัดก็จริง แต่ปล่อยไว้ระยะยาวจะใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต ถ้าให้จีประมาณคงจะอยู่ได้ไม่เกิน 10 ปีนับจากวันนี้ อ่า ดูเหมือนว่าตอนตายจะทรมานมากเลยล่ะ เริ่มจากหูจะไม่ได้ยิน กินอะไรไม่รับรส ตาบอด สุดท้ายก็เป็นอัมพาตทั้งร่าง ก่อนจะค่อยๆ ตายลง...”
เลโอลีโอหน้าทะมึนแทนคนป่วยไปแล้ว “นี่เธอกำลังสาปแช่งอยู่เหรอห๊ะ?!”
จียิ้ม “กอนเคยสู้กับลูกน้องของเมลเอมนี่นา? ผลงานดีๆ เดี๋ยวจีจะวานคุณตาให้สลักเกียรติคุณของกอนลงบนแผ่นหินให้เอง…”
“ยัยเด็กนี่!”
กอนยิ้มแห้ง “น่าๆ เลโอลีโอ” พูดพร้อมดันจานคุกกี้ไปไว้ตรงหน้า รินน้ำชาเสิร์ฟให้อย่างดี “ใจเย็นๆ ก่อนนะ…”
ตกลงใครเป็นคนป่วยกันแน่
จีดูเวลาที่แขวนบนผนัง อ๊ะ เสียเวลาขีวิตที่นี่ไปเยอะแล้ว ถึงเวลาเลิกเล่นแล้วกลับได้นอนกลางวันแล้วมั้ง?
คุราปิก้ายิ้มอย่างอ่อนใจ สุดท้ายก็ควักซีเรียลแท่งรสนมออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้
“ไอ กินนี่แล้วอารมณ์ดีขึ้นเถอะนะ?”
“จีเป็นฟอร์คนะ อาหารปรกติจะไปรู้รสได้ยังไง”
มองขนมแฮนด์เมดสลับกับคุราปิก้า เฮ้อ อาหารคนนี้ดูเหมือนจะนุ่มนิ่มกว่าเมื่อหลายปีก่อนเสียอีก นิ่มเหมือนสัตว์เล็กไร้ทางสู้ไม่มีผิด
นิ่มจนอยากแกล้งบีบแรงๆ สักครั้ง
คิดอย่างนั้นก็หรี่ตามองด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“...ถ้าเป็นอาหารอันอื่นก็ว่าไปอย่าง”
“อาหารอันอื่น?”
พูดไปนั่น
จีไม่อยากเห็นคนสวยน้ำตาร่วงเผาะตอนได้กลิ่นอาหารคนอื่นติดตัวจีกลับมาหรอกนะ
ช่วงนี้น้องใจอ่อนกับอาหารนุ่มนิ่มเป็นพิเศษซะด้วยสิ
แล้วยิ่งมาทำสีหน้ามึนๆ งงๆ ใส่จีเหมือนสงสัยว่า ‘อาหาร’ ที่ว่าคืออะไรอีก
เหมือนคุณคนสวยตอนที่ไม่รู้ว่าจีกำลังอ้อนขอกินเลย!
เฮ้อ
ขนมนั่นกลิ่นน่าอร่อยดี จีจะรับไว้เป็นของกำนัลแล้วกัน
(ฟอร์คมีปัญหาที่ต่อมรับรส ไม่ได้มีปัญหาที่จมูก ดมจากกลิ่นแล้วขนมฝีมือคุณคนนี้ต้องอร่อยแน่ๆ...น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้วัตถุดิบพิเศษจีเลยไม่รู้รสนี่สิ)
“ไอหมายถึงเค้กเหรอ?” คุราปิก้าชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “แต่เลโอลีโอบอกว่าไม่ได้กลิ่นเค้กจากตัวฉันนะ?”
“เทียบไม่ได้หรอก ยัยหนูนี่เป็นลูกรักพระเจ้าน่ะสิ ไม่ว่าจะใครก็เห็นเป็นเค้กไปหมด กลุ่มโจรพวกนั้นก็ไม่เว้น...”
จียักไหล่ “คุณลุงอิจฉาล่ะสิ?”
“ก็นะ เดี๋ยวนี้ ‘เค้ก’ น่ะหายากจนแทบจะเป็นตำนานแล้ว ฟอร์คอย่างเราเลยไม่ต่างจากคนเป็นโรคต่อมรับรสพิการหรอก” เลโอลีโอผู้เป็นฟอร์คอีกคนพยักหน้าอย่างเซ็งๆ “เป็นโรคที่หมอคนไหนก็รักษาไม่ได้ เฮ้อ พูดแล้วก็อิจฉาพวกนายจังน้าที่มีความสุขกับการกินอาหารได้ ฉันนี่สิได้แต่กินพอประทังชีวิตตลอด...”
“คุณลุงรู้รึเปล่าว่าตอนนี้มีของที่ฟอร์คกินแล้วรับรสได้อยู่นะ?” ไหนๆ ก็ไหนๆ ขอขายของให้คนสวยหน่อยแล้วกัน “วัตถุดิบที่ผลิตมาเพื่อฟอร์คโดยเฉพาะ ถ้าซื้อตอนนี้เดี๋ยวจีติดต่อกับคนทำให้ลดราคาเป็นพิเศษเลย!”
“ฉันไม่ได้รวยอย่างพวกโซลดิ๊ก ถึงเอาเงินเก็บทั้งปีมารวมกันก็ไม่พอซื้อหรอกโว้ย!” เลโอลีโอโวย “จะว่าไปได้ยินว่าผู้สร้างเป็นเค้กนี่นา แทนที่จะซื้อของเสมือน ไปจีบคนทำน่าจะดี—“
“คุณลุงอยากเป็นกบสินะ(╬ಠ益ಠ)”
“ไหงถึงโกรธฉันเล่า?!”
กล้ามากนะที่มาหมายปองคุณคนสวยของจี!
แต่ถ้าเค้กหายากขนาดนี้ก็แปลว่าคุณเขาเป็นอาหารลิมิเตดแสนล้ำค่าในโลกนี้น่ะสิ?
→ต้องมีฟอร์คหน้าโง่ที่อยากเป็นกบแบบคุณลุงอีกแน่เลย…
หยิบขนมของคุราปิก้ามาเคี้ยวระบายความหงุดหงิดพร้อมกับมอง ‘ฟอร์คหน้าโง่’ ด้วยสายตาเหยียดหยาม ยิ่งมองยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเพราะดันจินตนาการไปถึงภาพคุณคนสวยนุ่มนิ่มถูกฟอร์คไม่รู้ที่ต่ำที่สูงมารังแก
ฮื่อ คุณเขาทั้งตัวบาง ร่างหอม บีบจับนิดเดียวก็ช้ำหมดแล้ว ไม่น่าปล่อยไว้คนเดียวเลย รู้แบบนี้ก่อนจะถูกงอนพาตัวไปไว้ที่หอคอยก่อนดีกว่า
ง่า แต่ก็ว่ามากไม่ได้เพราะตัวเองก็เพิ่งรังแกคุณเขามาเหมือนกัน…
รังแกจนถูกเขางอนไม่อยากเจอหน้า
ที่ไม่ได้ไปหาทั้งที่อยากเจอใจจะขาดเพราะกำลังหาของไปง้อนี่แหละ
เลโอลีโอมองกอนด้วยความเป็นห่วง “กลับเข้าเรื่องเลยนะ อาการของเจ้านี่มีอะไรช่วยบรรเทาไหม?”
จีเหลือบมองคนป่วยที่ยิ้มเจื่อนรอบหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือไปจิ้มแก้มอีกฝ่ายอย่างขอไปที “อ่ะ รักษาเสร็จแล้ว อยู่นิ่งๆ ไม่ใช้เวทมนตร์ไปสักเดือน หลังจากนั้นก็สบายหายห่วง”
“แค่นี้?”
“ถ้าคุณลุงสงสัยก็รออีกสักยี่สิบปีแล้วกัน ถ้ากอนใกล้จะตายค่อยพากลับมาให้จีรักษาใหม่” ถอนหายใจก่อนจะบีบแก้มคนป่วยอย่างหมั่นไส้ “อุตส่าห์ดึงตัวออกจากมือยมทูตให้ทั้งที คราวนี้ก็อย่าไปซ่าที่ไหนอีกล่ะ”
“ขอบคุณนะไอ” กอนยิ้มสดใสจนดวงอาทิตย์ยังอาย “แล้วก็...ขอบคุณที่ตอนนั้นข่วยไคท์ไว้ด้วย”
ที่กอนพูดถึงคงเป็นเรื่องศึกกับราชามด
ตอนนั้นจีได้ยินข่าวว่าเป้าหมายที่พวกมดกำลังจะไปรุกรานอยู่ใกล้ที่พักคุณคนสวย...ด้วยความเป็นห่วงเลยอาสากับตาเนเทโล่ว่าจะไปกวาดล้างให้
แล้วก็บังเอิญไปเจอพวกกอนกับคิรัวร์ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดพอดี
บังเอิญว่าตอนนั้นจีหงุดหงิดมากที่เห็นคิรัวร์ บังเอิญที่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเป็นแมว บังเอิญว่าเจ้านั่นเป็นแมวโง่ชอบคนเก่งๆ แล้วก็บังเอิญว่าจีเกลียดแมวสุดๆ
พอข่วนแก้มจีไปทีนึง ลูกน้องของเมลเอมที่หน้าตาเหมือนแมวขาวราวกับเป็นตัวแทนคิรัวร์เลยถูกจีอัดซะเป็นเนื้อบด
ถูกขังอยู่ในคุกอนธการไร้ทางออก จมอยู่กับเหล่าวิญญาณแค้นที่ถูกขังอยู่ข้างใน ใช้เวทมนตร์ไม่ได้และกายเนื้อก็อ่อนนุ่มไร้เกราะป้องกัน
ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ถูกฟื้นฟูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วนเวียนอยู่ในนรกอันมืดมิดอยู่หลายปี กว่าเมลเอมจะขอจีให้ปล่อยตัวออกมาได้ก็แทบเป็นบ้า
เป็นแมวบ้าวิ่งหนีจีหูหางตั้งอยู่ครึ่งปี ถ้าไม่ได้เมลเอมช่วยฟื้นฟูจิตใจให้คงจะถูกจีรำคาญจนจับยัดใส่คุกอีกรอบแล้ว
“ขอบคุณนะ” คุราปิก้าลูบหัว “ถ้าเดือนหน้าไอว่างอยากมาหมู่บ้านฉันไหม? จะมีเทศกาลเก็บเกี่ยวประจำปีน่ะ แล้วก็...เกราะป้องกันหมู่บ้านที่ไอทำให้ครั้งก่อนช่วยทุกคนไว้ได้มากเลย ทุกคนอยากขอบคุณเธอน่ะ”
ดวงตาสีแดงของเผ่าคุราปิก้าถูกจัดเป็นหายากในตลาดมืดเลยถูกนักล่าหลายคนจ้องเป็นเป้าหมายบ่อยๆ...ที่คุณอาหารนุ่มนิ่มออกเดินทางก็เพราะอยากเป็นคนแข็งแกร่งที่ปกป้องหมู่บ้านได้
เป็นเรื่องเผอิญจริงๆ ที่บ่อน้ำพุร้อนที่จีหมายตาว่าจะพาคุณคนสวยไปแช่ให้ได้ดันอยู่ในขอบเขตรับผิดชอบของหมู่บ้านของคุราปิก้า ‘บ่อน้ำพุแสนสวยจะขาดคนดูแลไม่ได้’ คิดแบบนั้นเลยร่ายเวทคุ้มครองให้พร้อมกับสอนวิธีให้หัวหน้าหมู่บ้าน
มีฟังก์ช้่นม่านลวงตาระดับสูงด้วยนะ ถ้าคนในหมู่บ้านไม่ยอมก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เข้าไป!
เฮ้อ เกิดเรื่องบังเอิญขึ้นทีไรมีอันต้องเหนื่อยกายทุกที
“คุราปิก้าสนใจเรื่องเส้นใยชีวิตเหรอ?”
เห็นเขาจับๆ บีบๆ แก้มตัวเองเหมือนพยายามสังเกตอะไรสักอย่างจีเลยถามขึ้น
คุณอาหารรสนมหน้าแดงเมื่อถูกจับได้ “ก็...อื้อ”
ท่าทางน่ารักนุ่มนิ่มที่สุด
แล้วจีก็ดันใจเหลวกับอะไรแบบนี้ง่ายมาก
“ถ้าไม่รังเกียจก็เอาไปอ่านสิ” หยิบหนังสือกองหนึ่งออกมาจากคลังมิติ “อ่า ข้างในมีส่วนที่เขียนไว้เยอะอยู่ คุราปิก้าค่อยไปลบออกนะ?”
พวกนี้เป็นเล่มที่เคยใช้สอนคุณคนสวยเมื่อนานมาแล้ว ช่วงตะล่อมแรกๆ เลยมั้งน่ะ คิดแล้วก็แทบหลั่งน้ำตา กว่าจะได้กินคุณคนหวานคำนึงนี่มันยากจริงๆ…
คุราปิก้าทำหน้างงเมื่อเห็นหนังสือ
โธ่ งงอะไรเล่า!
“เจ้านี่น่ะน้าไม่ว่าจะเป็นคนใช้เวทมนตร์สายไหนก็ใช้ได้หมดเลย มีประโยชน์มากด้วย! ถ้าใช้เก่งแล้วไม่ต้องแตะตัวก็ทำให้คนนั้นตายได้ ถ้าชำนาญหน่อยก็ควบคุมเหมือนกำลังเชิดหุ่น เหมาะกับคุณหอมๆ อย่างคุราปิก้าที่สุด…”
เลโอลีโอเห็นปกหนังสือแล้วหน้าซีด “ไม่ใช่ของปลอมใช่ไหม? เธอประมูลมากี่หมื่นล้าน?”
หึ
ไม่เสียสักล้าน ก็นี่จีเขียนเองนี่นา
เขียนไว้สองเล่ม ที่ใช้สอนคนสวยคือเล่มหลัก ส่วนอีกเล่มก็อปปี้บางส่วนเล่นๆ แล้วฝากฮิโซกะเอาไปขาย โชคดีที่นามปากกาของจีค่อนข้างมีชื่ออยู่บ้างเลยได้ค่าขนมกลับมาเลี้ยงคุณเขาอยู่หลายเดือน…
—แต่เรื่องอะไรต้องบอกฟอร์คโง่อย่างคุณลุงด้วย!
ไม่สิ...ถ้าไม่บอกฟอร์คโง่คนนี้เลยสักเรื่อง ต่อไปจะทำเรื่องทึ่มๆ แล้วเอาปัญหาน่าปวดหัวมาให้จีช่วยแก้อีกรึเปล่า…
คิดได้อย่างนั้นก็หรี่ตามองทุกคนก่อนจะถอนหายใจเมื่อความเป็นไปได้ในอนาคตมีสูงจริงๆ
“ไหนๆ ก็อุตส่าห์พบกันทั้งที จีจะขอเตือนหน่อยแล้วกัน พวกหนังสือเวทมนตร์กับอุปกรณ์เวทโฆษณาชวนเชื่อที่ขายในตลาดมืดน่ะ—อย่าหลงไปประมูลมาเชียวล่ะ ขืนเผลอไปทำสัญญากับของต้องห้ามจนอายุขัยลดลง ถึงตอนนั้นจะเป็นจีก็ช่วยจากเงื้อมมือยมฑูตไม่ได้หรอกนะ”
อันที่จริงช่วยน่ะช่วยได้ แต่ขู่ไว้หน่อยแล้วกัน
ขืนได้ใจเกินไปก็แย่พอดี!
“พวกหนังสือก็เหมือนกัน—อย่างถ้าเห็นนามปากกาแบบนี้บนหน้าปกหนีไปให้ไกลเลย” ชี้นิ้วไปยังเล่มต้นแบบที่ตัวเองเขียนขึ้น “ถึงสารพัดประโยชน์ก็จริง แต่นั่นก็แค่ในกรณีที่เรียนจนจบทุกบทต่างหาก ซึ่งกว่าจะถึงจุดนั้นก็ไม่รู้สินะว่าร่างกายจะอยู่ครบกี่ส่วน?”
“อ่า จำได้ว่ามีบทนึงถ้าจะเรียนต้องไปรับพรจากมหาภูติที่ป่าสุดขอบทางใต้ก่อนด้วย ทั้งค่าเดินทาง ทั้งค่าตามหา ทั้งเสี่ยงชีวิตตัวเอง นับๆ แล้วที่ต้องจ่ายไปมากกว่าราคาที่ประมูลมาอีกมั้งนั่น...”
“แล้วหล่อนก็กล้าโยนหนังสืออันตรายพรรค์นี้ให้คุราปิก้าเรอะ?!” คุณลุงโวยหน้าซีด “ถ้าที่พูดเป็นเรื่องจริง ทำไมมันถึงยังติดท็อปทรี ‘หนังสือต้องห้ามที่ควรลองอ่านก่อนตาย’ ได้ล่ะฟะ..”
นักเขียนเบสเซลเลอร์ยักไหล่ “ก็นะ ที่พูดไปอยู่บทท้ายๆ ของหนังสือน่ะ ถ้าเป็นพื้นฐานก็เรียนได้ไม่มีปัญหา...อันที่จริงได้แค่นั้นก็ไม่มีใครกล้าแหยมแล้ว”
จะขายหนังสือทั้งที จีก็ต้องเขียนอันที่มนุษย์พอทำได้ด้วยสิ
ถ้าขายไม่ออกจีจะเอาเงินที่ไหนไปหาเลี้ยงคุณคนสวย!
“แล้วสรุปว่ามันควรอ่านหรือไม่ควรอ่านกันแน่เนี่ย…”
ความลับ
ขืนบอกไปมากกว่านี้ก็ขาดทุนพอดี
“ถ้าคุราปิก้าสนใจจะเรียน จีจะมอบพรให้แล้วกัน” ว่าแล้วก็จิ้มแก้มเจ้านุ่มนิ่มไปทีนึง “เรียนจบ ถ้าไม่ถึงกับเป็นโรคจากคำสาปโบราณ คุราปิก้าก็คงรักษาได้หมดแล้ว อย่างโรคของกอนวันนี้ก็คงไม่คณามือ..”
อาหารแก้มแดงเรื่อ “ขอบคุณนะ”
“กอนก็...เอาเป็นเล่มนี้แล้วกัน!”
“ทำอุปกรณ์เวทฉบับมือใหม่...?”
“คุณตาบอกว่ากอนกำลังพัฒนาอาวุธใหม่อยู่นี่นา ช่วงนี้ก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ด้วย เอาเล่มนี้ไปอ้างอิงอาจจะได้อะไรกลับมาก็ได้”
ถึงจะดูกิ๊งก๊องไปหน่อยแต่เล่มนี้ก็ติดเบสเซลเลอร์ของตลาดช่างทำอาวุธนะ!
“แล้วฉันที่เป็นหมอล่ะเฮ้ย”
“คุณลุงก็เลือกสักเล่มจากกองนั้นแล้วกัน อ๊ะ เล่มนี้เป็นไง? ดูเหมาะกับคุณลุงดีนะ”
“ทำอย่างไรไม่ให้เผลอไปเป็นมือที่สาม...ก็บ้าแล้ว! เธอว่าใครเป็นมือที่สามฟะ?!”
หึ ก็ฟอร์คโง่ที่คิดจะจีบคุณคนสวยไง!
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่สุดท้ายก็ได้เลือกหนังสือให้จนได้…
แล้วก็ได้จิ้มแก้มทั้งสามคน
คุราปิก้ากับกอนก็พอว่าอยู่หรอก แต่คุณลุงแก้มสากมาก!
อุตส่าห์เป็นคนที่ได้รับพรแห่งโลกไปทั้งที ทำไมไม่แก้มนุ่มกว่านี้บ้างนะ
ขาดทุน ขาดทุนย่อยยับเลย...
ถ้าเจอกันรอบหน้าไม่เก่งขึ้นล่ะก็น่าดู!
เด็กสาวนอนแหมะบนโซฟาหลังจากจัดการส่งเพื่อนๆ ให้กลับออกไปโดยสวัสดิภาพ ดวงตากลมโตเหม่อมองเพดาน พอมาอยู่คนเดียวเงียบๆ แบบนี้ความคิดก็ผุดขึ้นมาในหัวหลายอย่าง
หนังสือที่ให้ทั้งสามคนไปล้วนเป็นของที่จีเขียนขึ้นเองทั้งหมด เนื้อหาครบถ้วน ไม่มีส่วนไหนที่ถูกตัดออกไป
ต้นฉบับย่อมดีกว่าของที่ก็อปปี้เอาไปขายอยู่แล้ว แต่แน่นอนว่า ‘ค่าทดแทน’ ก็สูงตามไปด้วย พรคุ้มครองจึงจำเป็นสำหรับมนุษย์
แต่ก็มีกรณียกเว้นที่พรคุ้มครองไม่ได้ผล
‘การมีชีวิตอยู่โดยต้องทนเห็นผู้เป็นที่รักตายไป...แบบนั้นมันน่าเศร้าออกนะ’
‘ที่จริงจีก็ต้องการใครสักคนใช่ไหมล่ะ?’
บทลงโทษสำหรับผู้ที่ริอาจท้าทายเส้นแบ่งระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า
‘อยากจะเป็นอมตะเฉกเช่นลูกข้า? เป็นมนุษย์ที่ช่างเพ้อฝันเหลือเกิน’
‘เจ้ารู้จุดจบของอิคาลัสผู้โอหังหรือไม่?’
‘เห็นแก่ลูกสาวของข้า...ค่าบทเรียนครั้งนี้เอาเป็นแค่ขาทั้งสองข้างนั่นแล้วกัน’
‘จงใช้ชีวิตที่เหลือรู้ซึ้งถึงความไร้พลังของตนเสียเถอะ เจ้านกปีกหัก’
จีเม้มปาก
“คนสวย...บางครั้งก็โง่จนไม่น่าเชื่อเลยนะ”
_______________
[ยังไม่ครบ]
คนที่จะขอฉากคัทรบกวน
เข้าไปอ่านWarningหน่อยนะคะ
เงื่อนไขการขอคัท (หลังจากจิ้มเข้าไปอ่าน Warning แล้ว )
: เม้นต์ว่ารู้สึกยังไงกับนิยายเรื่องนี้ คิดยังไง มีอะไรอยากจะบอกนักเขียนไหม คาดหวังอะไรในอนาคต ฯลฯ
อยากได้ฉากคัทของใครก็บอกเหตุผลที่ชอบคู่นั้นค่ะ
บอกแค่คนเดียว เราก็จะส่งคัทของคนนั้นให้คนเดียว
Ex.
1. ขอฉากคัทของ____ เพราะ ____(เหตุผลที่อยากได้ เหตุผลที่ชอบคู่นี้)___
2. ขอฉากคัทของ____ เพราะ ____(เหตุผลที่อยากได้ เหตุผลที่ชอบคู่นี้)___
3. ขอฉากคัทของ____ เพราะ ____(เหตุผลที่อยากได้ เหตุผลที่ชอบคู่นี้)___
จากนั้นก็ทิ้งเมล์ไว้ได้เลยค่ะ เราจะส่งให้พร้อมรหัส (ไม่ว่าเม้นต์สั้นหรือเม้นต์ยาวเราจะส่งให้ แต่ต้องไม่ทิ้งเมลล์อย่างเดียว)
ถ้าพิมพ์แค่ 'ส่งให้หน่อยค่ะ/ขอด้วยคนนะคะ+ส่งเมล์มาอย่างเดียว' เราขออนุญาตไม่ส่งให้นะคะ
ปิดส่ง 7/7/2564 เวลา 00.00 น.
ความคิดเห็น