คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #31 : serendipity ครบ
[28]
มันวุ่นวายกว่าที่คิด
เริ่มตั้งแต่ควันจากไฟที่ลามไปทั่วป่าคลุ้งจนแสบจมูก เดินไปได้ครึ่งทางฉันก็ไอเเค่ก กระบอกตาแสบแทบลืมไม่ขึ้น ฝุ่นพวกนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นมลพิษ ฮือ ทำไมสู้กันไหวเนี่ย แข็งแกร่งชะมัดเลย
เสียงต่อสู้ยังดังแว่วมาให้ได้ยิน พื้นที่ป่าเสียหาย เมื่อลองมองผ่านกลุ่มควันหนาแน่นจะพบว่าเด็กหลายคนต่างกำลังวุ่นอยู่กับการชวยเพื่อนที่บาดเจ็บ ต่อสู้กับพวกวิลเลิน หรือไม่ก็ไปเช็คดูความปลอดภัยของเพื่อนคนอื่น
ฉันเดินไปได้อีกสองสามก้าวก่อนจะทรุดลงพิงต้นไม้ บีบ ๆ นวด ๆ ขาที่ปวดล้าจากการเดิน โชคดีที่ก่อนจะมาค่ายไปหาซื้อพวกเสื้อผ้าที่คล่องตัวมาเพิ่ม ไม่งั้นการใส่ชุดกระโปรงเดินป่าแบบนี้คงยุ่งยากแน่
‘เธอ...คงไม่มีส่วนรู้เห็นกับวิลเลินพวกนั้นใช่ไหม?’
ฉันขยี้ตาที่เริ่มเเสบขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งสูดหายใจเอาควันเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ลำคอก็ยิ่งร้อนผ่าว
ไม่ไหวจริง ๆ ด้วย จะแส่หาเรื่องออกมาทำไมนะตัวฉัน นอนอยู่ที่ค่ายเฉย ๆ ก็พอแล้วเเท้ ๆ ถึงไม่มีฉันยังไงอิซึคุคุงก็จัดการวิลเลินและช่วยโคตะคุงออกมาได้อยู่เเล้ว ยังไงเขาก็ไม่ตายง่าย ๆ หรอก
ปรกติไม่เป็นแบบนี้เเท้ ๆ
ปรกติฉันไม่ได้มีนิสัยฮีโร่แบบนี้สักหน่อย
อือ แย่จังเลยนะไอ้ปัจจัยสภาพแวดล้อมเนี่ย พอได้ช่วยเหลือคนบ่อย ๆ ก็เผลอทำเป็นเรื่องปรกติไปซะแล้ว
ฉันหลับตาเมื่อคิดว่าการขยี้ตาต่อไปไม่ได้ช่วยอะไร พิงหัวกับต้นไม้ เหยียดขาอย่างขี้เกียจ เอาไงต่อดีนะ กลับไปที่พักตอนนี้ก็น่าจะไม่หลงเหลือความสงบแล้ว พวกวายร้ายต้องบุกไปโจมตีที่นั่นแน่เลย แต่การนอนพักในที่แบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ปลอดภัยเสียด้วยสิ
ถ้ามีใครสักคนมาเจอตัวเข้า….
“มาอยู่ตรงนี้นี่เอง”
...ต้องเเย่เเน่
พอฉันลืมตาขึ้นมาก็เเทบจะร้องไห้อยู่ในใจเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้า ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็ไม่มีทางเป็นเด็กยูเอย์ได้
เถื่อน
เด็กยูเอย์ไม่มีทางดูเถื่อนขนาดนี้!
รอยแผลเป็นตามใบหน้าเเละร่างกายที่ดูเหมือนจะถูกเย็บไว้ ดวงตาเหมือนปลาตาย มุมปากที่กดลงเป็นรอยยิ้มเหยียด ท่าทางดูเอื่อยเฉื่อย....น่ากลัวชะมัดเลย! สภาพยิ่งกว่านายท่านตอนบาดเจ็บอีก
ฉันถอยกรูดจนแทบจะรวมร่างกับต้นไม้เมื่อฝ่ายนั้นเดินเข้ามาใกล้ เงยหน้าขึ้นไปมองหน้าเขาก่อนจะพยายามเค้นความทรงจำในหัวว่าลักษณะแบบนี้คือใคร...ดาบิ นั่นคือชื่อตอนที่เขาแนะนำตัวกับสมาพันธ์วายร้าย แน่นอนว่าคงไม่ใช่ชื่อจริง
ฉันจ้องหน้า เขามองฉัน
พอจะหาทางหนี แขนก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นมา
ตัวฉันวูบไปข้างหน้าอย่างทรงตัวไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นเเขนที่ถูกจับก็เริ่มเจ็บเพราะอีกฝ่ายใช้แรงไม่ใช่น้อย ๆ ฉันเบ้หน้ามองวายร้าย นึกอยากจะต่อว่าเขาข้อหาที่ทำให้ร่างกายสาวน้อยบอบช้ำ
“เราต้องรีบไปแล้ว”
เจ็บตัวไม่พอ
ยังไม่ทันที่จะได้ยืนทรงตัวดี ๆ วายร้ายคนนี้ยังฉุดแขนฉันแล้วเดินนำลิ่ว แทบจะเป็นการลากเมื่อจังหวะการก้าวของเราไม่เท่ากัน
ฉันมองแผ่นหลังเขา ก่อนจะเลื่อนมามองเเขนตัวเองที่ถูกจับไว้ กับการที่ต้องก้าวขายาว ๆ ตามเขาจนรู้สึกเหนื่อย ขาเราไม่ได้ยาวเท่ากันสักหน่อย
ฮึ่ม!
ฉันสะบัดเเขนออกจากการเกาะกุม
นั่นทำให้การเดินหยุดชะงักลง เขาหันหลังกลับมามอง เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ฉันเงยหน้ามองเขากลับขณะลูบแขนที่ปวดร้าวของตัวเอง ขาก็เริ่มเดินไม่ไหวเเล้วด้วย ไม่ชอบการที่ต้องมาใช้แรงเลยจริง ๆ
“ยังไม่ได้บอกว่าจะไปด้วยนะคะ”
วายร้ายดูแปลกใจมากกว่าเดิม นิ่งไปสักพักก่อนจะตั้งท่าเข้ามาจับเเขนฉันอีกรอบ ฉันร้องฮึ่ม ซ่อนเเขนไว้ด้านหลัง เบี่ยงตัวหลบอย่างสุดชีวิต
ถ้าโดนจับอีกครั้งแขนคงเดี้ยงแน่ ทำไมคนรอบข้างฉันถึงมีแต่พวกแรงเยอะ ๆ กันนะ
“หัวหน้ายังไม่ได้บอกเธอหรือไง”
‘เธอ...คงไม่มีส่วนรู้เห็นกับวิลเลินพวกนั้นใช่ไหม?’
ฉันส่ายหน้า
ถ้าหมายถึงการที่โทรมาฉันนอนอยู่ก็เลยไม่ได้รับสาย อีกอย่างโทรศัพท์ก็ถูกยึดไปแล้วด้วย
— พอปฏิเสธไปเเบบนั้น วายร้ายก็ทำหน้ายุ่งขึ้นมา
“ฉันถูกสั่งให้มาพาเธอกลับไป”
อื้อ หลังจากนั้นฉันก็จะถูกบดเป็นเนื้อ
ภาพตอนถูกระเบิดอารมณ์ใส่ลอยมาเป็นฉาก ๆ
โทมูระคุงต้องโกรธแหง ๆ ส่วนนายท่าน...นึกถึงรอยยิ้มก็สยอง
ฉันส่ายหัวปัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ถอยหนีจากวายร้ายอีกก้าว ป่านนี้พวกเด็กจะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ยังไงหลังจากจบค่ายครั้งนี้คงต้องมีคนเจ็บแน่ ๆ ฉันก็ควรจะอยู่รักษาถึงตอนนั้น
“ฉันยังไม่อยากกลับตอนนี้ค่ะ” ริมฝีปากฉีกยิ้มอย่างสดใส “คุณก็รีบกลับไปเถอะ ถูกมาเห็นเข้าจะแย่เอานะ นี่ตัวจริงด้วยใช่ไหมคะ? ไว้เจอกันคราวหน้าก็เเล้วกัน”
เขาเหยียดยิ้ม
“รู้เหตุผลที่ถูกส่งมาที่นี่หรือเปล่าเจ้าหญิง”
มองฉันเหมือนเป็นคนโง่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร
“ทั้งที่ตอนนี้น่าจะถูกจับตามองอย่างเข้มงวด แต่กลับถูกปล่อยให้ออกมาข้างนอกง่าย ๆ แม้จะรู้ว่ามีคนจ้องจะตะครุบเธออยู่” วิลเลินหัวเราะเหมือนมันเป็นเรื่องขบขัน
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนที่ยังไม่รู้ฝ่ายแน่ชัด เธอยังพอมีทางที่จะเป็นผู้บริสุทธิ์ได้ด้วยผลงานการช่วยเหลืออะไรนั่น...แต่ไม่ใช่กับตอนนี้ที่มีหลักฐานมัดตัวว่าเคยมีการติดต่อกับวิลเลิน”
“ขาดเพียงหลักฐานอีกเล็กน้อยเธอก็จะกลายเป็นตัวอันตรายโดยสมบูรณ์ เชื่อสิ หลังจากเธอกลับไปหลักฐานนั่นมันก็จะผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ทั้งสาเหตุที่ทำให้โรงเรียนถูกลอบโจมตี หรือการที่มีส่วนรู้เห็นจนทำให้นักเรียนถูกลักพาตัวไป สุดท้ายเธอก็จะหนีสถานะนั้นไม่ได้”
ในขณะที่ฉันยืนนิ่ง เขาก็ก้าวเข้ามาใกล้ ทาบฝ่ามือลงบนลำคอ ปลายนิ้วกดลงบนจุดที่จำได้ว่าฝังระเบิดไว้
“คราวนี้ได้ตายจริง ๆ แน่”
บรรยากาศอึดอัดเปลี่ยนผันในพริบตา
เมื่อฉันหัวเราะเหมือนได้ยินเรื่องตลก วายร้ายชะงักทำอะไรไม่ถูก นั่นทำให้ฉันยิ่งหัวเราะหนักขึ้นกว่าเดิมจนรู้สึกปวดท้องขึ้นมา พอรู้ตัวก็พยายามเก็บอารมณ์ให้กลับมาปรกติที่สุด ปัดฝ่ามือที่กุมลำคอตัวเองออก
“ขอบคุณที่เตือนนะคะ” ท้ายประโยคหลุดหัวเราะออกมาอีกจนได้ “ถ้าเขาถามคุณก็ตอบว่าฉันยังไม่อยากกลับก็แล้วกัน หรือจะบอกว่าฉันติดฮีโร่จนไม่กลับมาแล้วก็ได้ แบบนั้นจะดีต่อตัวคุณมากกว่า”
“แล้วก็อย่าทำแบบเมื่อกี้อีกนะคะ”
ฉันคลี่ยิ้ม ชี้มาที่คอตัวเอง
“ถ้าฉันตกใจขึ้นมาจะแย่เอา”
แค่นี้ก็คงพอเเล้วล่ะมั้ง
เอาล่ะ แยกย้าย-------
ในตอนที่หันหลังเตรียมจะกลับ จู่ ๆ แขนก็ถูกคว้าเอาไว้อีกครั้ง ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรโลกก็พลันหมุนกลับเมื่อถูกวายร้ายยกจนตัวลอยหวือ ฉันเบิกตากว้าง รู้ตัวอีกทีก็ถูกพาดไว้บนบ่า เห็นเเค่แผ่นหลังกับพื้นดิน
“ดะ—เดี๋ยวนะคะ!!” วายร้ายคนนี้ตัวสูง ถ้าตกลงไปสภาพคงดูไม่จืด ดังนั้นถึงจะอยากให้เขาวางฉันลงยังไงก็ทำได้เเค่หวีดร้องในใจ เพราะถ้าเขาเผลอปล่อยลงจริง ๆ
ฉันแย่แน่
“ไม่ใช่ว่าคุยกันรู้เรื่องเเล้วเหรอ!”
“เรื่องอะไรฉันต้องฟังที่เธอพูด” เขาว่าขณะที่แบกฉันไปด้วย “ไอ้หัวหน้านั่นเหรอจะยอมฟังฉัน ขืนปล่อยเธอไปก็ซวยพอดี”
ฉันเริ่มเกลียดน้ำเสียงเบื่อโลกของเขาขึ้นมา
“คุโรกิริ”
เเต่ที่เกลียดที่สุด
คือการที่หมอกควันสีดำจากอัตลักษณ์ของบางคนโผล่ขึ้นมาตรงหน้า...วาร์ปของคุโรกิริ
พื้นที่ป่าที่เสียหายไปกว่าครึ่ง เสียงร้องของใครสักคนที่รักษาเพื่อนเอาไว้ไม่ได้ หลังจากนี้คงยูเอย์คงจะถูกสื่อเล่นงาน เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่ปล่อยให้นักเรียนถูกจับตัวไปได้ นอกจากนั้นยังส่งผลต่อความน่าเชื่อถือที่สังคมมีต่อฮีโร่
วิลเลินทำสำเร็จ
ส่วนฉัน...
“ฮืออออ ปล่อยฉันลงนะคะ!!”
ตาย
(1)
ก่อนหน้านั้นฉันมีวันหยุดบ่อยมาก
วันหยุดที่ว่าคือการไม่มีนัดกับโชโตะน้อย หรือกับใคร ไม่มีตารางงานที่ต้องจัดการ หรือต้องไปดูแลใคร สิ่งที่ฉันทำทั้งวันคือถ้าไม่กิน ก็นอน หรือไม่ก็นอนบนโซฟาดูข่าวฮีโร่ในโทรทัศน์กินขนมที่ซื้อมาตุนไว้ไปพลาง หาอะไรที่ทำให้เวลาชีวิตหมดไปอย่างสิ้นเปลือง
จำได้ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นในวันหนึ่ง ขณะที่ฉันนอนเอกเขนกบนโซฟา มือหนึ่งกดโทรศัพท์เล่นเกมที่เพิ่งโหลดมาเมื่อวาน หูยังได้ยินเสียงจากโทรทัศน์ที่ฉายข่าวของออลไมท์ บนโต๊ะคือขนมหลายห่อที่ถูกเปิดกินแล้ว กับพวกช็อคโกแลตที่ยังกินไม่หมดจนมันเริ่มละลาย
ตอนที่กำลังจดจ่ออยู่กับเกมในมือถือ จู่ ๆ โทมูระคุงก็โพล่พรวดมาจากด้านหลังโซฟา ยัดเยียดอะไรบางอย่างใส่มือของฉัน แน่นอนว่าการมาแบบไม่ทันตั้งตัวนี้ทำฉันสะดุ้ง แทบจับโทรศัพท์เอาไว้ไม่ทัน
พอเห็นว่าโทรศัพท์ยังอยู่ดีก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะมาสนใจสิ่งที่ถูกยัดเยียดมาให้ มันคือ...เกม
หน้าจอเปิดค้างถึงอะไรสักอย่างที่เหมือนจะเป็นการสุ่มของ ฉันลองอ่านรายละเอียดดูก่อนจะรู้ว่ามันเป็นอีเว้นท์ในเกม ฉลองวันครบรอบ อีเว้นท์นี้ไม่ต้องเสียอะไร สิ่งที่ต้องใช้มีแค่ดวง เป็นการสุ่มของโดยระบบ ดวงดีหน่อยก็อาจจะได้แรร์ไอเทมหายาก ส่วนดวงร้ายก็ได้ชิ้นส่วนธรรมดา
ฉันกระเถิบตัวถอยให้โทมูระคุงที่ปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาด้วย ถามเขาว่า ‘นี่คือ...?’ ทั้งที่พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว
‘เกม’ เขาตอบ ‘กดให้หน่อย’
ได้ยินเขาพูดแบบนั้นฉันก็แทบจะร้องไห้ จำนวนการสุ่มของแต่ละคนจำกัดเพียงสิบครั้ง นายน้อยของฉันดันใช้ไปแล้วเก้า เหลืออีกแค่หนึ่ง นี่เขาคาดหวังอะไรจากฉัน
‘วันนี้โชคไม่ดี’
‘คิดว่าพี่สาวโชคดีหรือไง’
เด็กชายได้ยินแบบนั้นก็หน้ามุ่ย ไม่พอใจชัดเจน ดวงตาสีแดงจ้องฉันเขม็ง แต่เพราะตอนนั้นเขายังเป็นเด็กแก้มยุ้ยก็เลยดูน่ารักมากกว่า ถึงจะไม่อ้อนเท่าน้องน้อย เอาแต่ใจบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็น่ารักอยู่ดี ความเป็นเด็กนี่อันตรายจริง ๆ
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน กดเข้าไปดูของที่โทมูระคุงสุ่มได้...แล้วก็ได้ถอนหายใจอีกรอบ อือ โชคไม่ดีจริง ๆ นั่นแหละ ถึงว่าทำไมดูหงุดหงิดขนาดนี้ ก็ของแต่ละอย่างที่เขาได้มันเป็นชิ้นส่วนธรรมดาหมดเลยนี่นา
มองออกไปผ่านบานกระจกที่กั้นระเบียง ฤดูกาลเปลี่ยนผันมาจนถึงฤดูที่มีท้องฟ้าสีสดใส แดดจ้าจนทำตาพร่ามัว
ฉันเกลียดฤดูร้อน
ไม่ใช่เพียงเพราะมันทำให้ฉันร้อนจนหน้ามืด แสบผิว หรือเหงื่อออกเยอะกว่าปรกติ หน้าร้อนยังทำให้นึกถึงวันในอดีตที่ไม่ดีเท่าไหร่ แค่คิดก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา ต้องโชคร้ายแน่
หลับตาลง กดปุ่มสุ่มแบบผ่าน ๆ
พอลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าโทมูระคุงที่น่าจะกินช็อคโกแลตเมื่อกี้กำลังขยับมาใกล้ฉัน ใบหน้าไม่พอใจในตอนแรกหายไป ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นมา แม้จะเพียงเล็กน้อยแต่ก็ทำให้รู้ว่าเขากำลังอารมณ์ดี...บรรยากาศเปลี่ยนไปกะทันหัน ณ ตอนนั้นถึงจะไม่ก้มไปดูว่าสุ่มได้อะไรมา แต่ก็พอเดาได้ว่าคงหนีไม่พ้นพวกของหายาก
ฉันเม้มปาก ก่อนแขนจะอ้อมไปด้านหลังเเล้วคว้าโทมูระคุงมากอด ซุกใบหน้าบนแผ่นหลังเล็ก น้วยอย่างเต็มที่ก่อนที่เขาจะอารมณ์เสีย ถือว่าเป็นค่าตอบเเทนเล็ก ๆ ทางใจ ปรกตินายน้อยคนนี้ชอบให้กอดเสียเมื่อไหร่
‘ไหนบอกว่าโชคไม่ดีไง’
ฉันเสียงฮืม ๆ ในลำคอเมื่อเด็กน้อยในเเขนดิ้นเหมือนรำคาญ มือพยายามผลักหน้าฉันที่น้วยเขาอยู่ออก อันตรายนะโทมูระคุง ถ้าที่อยู่ตรงนี้ไม่ใช่ฉันป่านนี้อัตลักษณ์ของเธอคงย่อยเขาหายไปแล้ว...แต่เพราะเป็นฉัน ดังนั้นแทนที่จะถอยออกห่างกลับยิ่งกอดเขาแน่นมากขึ้นกว่าเดิม
‘โชคไม่ดีจริง ๆ นะ’ ฉันว่า แค่นึกถึงพวกไอเทมหายากที่สุ่มมาได้อาการเวียนหัวก็เหมือนจะกลับมาอีกรอบ ได้ชิ้นส่วนธรรมดาแบบโทมูระคุงฉันยังจะดีใจกว่าเลย ‘ถ้าสมมติว่านายน้อยสุ่มได้แต่ของเดิมซ้ำ ๆ ก็คงเบื่อใช่ไหมล่ะ’
‘....’
‘ฮื่อ...’ ฉันเริ่มน้วยต่อเมื่อเห็นว่าเขาไม่ขัดขืน เหลือบมองดูเกมที่เขาเล่นก่อนจะถอนหายใจ ‘เก่งจังเลยน้า~ เกมที่ต้องคิดซับซ้อนแบบนี้พี่สาวไม่ถนัดเลย’ การวางแผนไม่ใช่แนวของฉัน ถึงจะไม่แย่ แต่มากสุดก็เล่นได้ปานกลางเท่านั้น
พอเห็นเขาเล่นเกมไม่สนใจฉันอีก ฉันก็เลยกอดเขา เกยคางบนบ่า เอาเเก้มน้วย หัวใจได้รับการฟื้นฟู เวลาหลับตานึกว่ากำลังกอดน้องไคอยู่เลย ถ้านายน้อยยอมให้กอดแบบนี้ทุกวันก็ดีสิ
ถ้าน้องไคอยู่ตรงนี้ก็ดีสิ...
‘นี่’
จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมา นั่นทำให้ฉันลืมตาขึ้น ในหัวมึนเบลอด้วยความง่วง ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีโทมูระคุงก็เล่นเกมจบเเล้ว บนหน้าจอกำลังเเสดงความยินดีกับชัยชนะของเขา ถึงจะใช้ไอเทมหายากเข้ามาช่วยแต่ก็เก่งอยู่ดี
‘เธอจะช่วยฉันอีกใช่ไหม’
เห็นเขาเป็นเด็กดีฉันก็ร้อง ‘อืม ๆ’ ก่อนจะซุกเขาอีกรอบ พอง่วงอะไรก็ไม่เข้าหัว เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง
‘ตลอดไปนะ...’
เขาหันมากอดตอบ แน่นอนว่าพอเด็กที่ปรกติไม่ยอมให้น้วยแถมยังชอบทำหน้าหงุดหงิดรำคาญ พอมาอ้อนแบบนี้ถึงจะง่วงยังไงสติฉันก็ฟื้นขึ้นมาครึ่งนึง ใจอ่อนยวบเหมือนถูกลนไฟ ถ้าเรื่องเกมล่ะก็จะให้พี่สาวช่วยสุ่มกี่ครั้งก็ได้
‘ตลอดไปเลยนะ’ เขาย้ำอีกครั้ง
ฉันพยักหน้า แทบจะตายด้วยความอิ่มเอมใจ ‘อื้อ ตลอดไป’ พี่สาวยอมทุกอย่างเลย ทำไมเด็กน่ารักขนาดนี้นะ
เสียงหัวใจของเขาที่เต้นแรง
ฉันไม่ได้รับรู้เเม้เเต่น้อย
….
หลังจากโวยวายจนเหนื่อยฉันก็เผลอหลับไป
พอลืมตาขึ้นมาอีกที
ฉันก็เปลี่ยนมาอยู่บนหลังของคนที่คุ้นเคย
ผมสีฟ้ายุ่ง ๆ บ่าที่เคยซุกอยู่บ่อย ๆ ครั้งสุดท้ายที่เจอกันก็ที่USJครั้งนั้น อือ ไม่เห็นหน้าเลย ตอนนี้จะโกรธอยู่หรือเปล่านะ ไม่น่าถามเลย ต้องโกรธอยู่เเล้วสิ ตอนที่ถูกฮีโร่ยิงต้องเจ็บมากแน่ ๆ กระสุนนั่นก็ไม่น่าจะใช่กระสุนยางด้วย
“โทมูระคุง----”
“หุบปาก”
เขาไม่ได้ตะคอก แต่แค่น้ำเสียงเรียบ ๆ นั่นก็ทำฉันเงียบได้เป็นอย่างดี อะไรสักอย่างทำให้ฉันกำมือแน่น รอยยิ้มฝืดจนรู้สึกได้ ถ้าเป็นแบบนี้...ให้เขาตะคอกใส่ซะยังจะดีกว่า
“ตอนนี้เธอเป็นตัวประกัน”
แต่ก่อนฉันอุ้มเขาได้ด้วยซ้ำ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โตขนาดนี้
ฉันฝังใบหน้าลงบนบ่าของเขา พยายามข่มตาให้หลับ ที่เป็นแบบนี้เพราะนอนไม่พอแน่ ๆ ถ้าตื่นมาอีกครั้งเดี๋ยวก็กลับมาเป็นปรกติเหมือนเดิม...มันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
อย่างน้อย
ฉันก็ไม่ได้หลับพร้อมใครมานานเเล้ว
(1.1)
“โช...โชซัง!”
ฉันสะดุ้งตื่นเพราะเสียงระเบิด
กะพริบตา ปรับสายตาที่พร่ามัวจนกลับมาปรกติ ฉันถึงรู้สึกตัวว่าตัวเองถูกมัดไว้กับเก้าอี้ ด้านข้างคือโชโตะที่ถูกมัดไว้ไม่ต่างกัน ส่วนเสียงระเบิดที่ปลุกฉันตื่นได้นั้นมาจากอัตลักษณ์ของเด็กท่าทางเกรี้ยวกราด...บาคุโก
ถ้าไม่รวมฉัน...วิลเลินจับมาได้สองคน
แถมทั้งสองคนยังเป็นเด็กเก่ง อีกคนก็ลูกชายฮีโร่อันดับสอง อีกคนก็โดดเด่นวันกีฬาสียูเอย์ อนาคตฮีโร่ทั้งนั้น
แต่ที่ฉันแปลกใจ
“โชโตะ...ถูกจับมาได้ยังไง?”
“อาซากิบอกว่าคุณอยู่กับวิลเลิน...ผมก็เลยตามหา” เขาเลี่ยงไม่สบตาฉัน “พอพลาดก็เลยถูกจับมาแบบนี้”
ฉันไม่คิดว่าเขาจะพลาด...แต่ก็ช่างเถอะ
ฉันกวาดมองไปทั่วห้อง เห็นวิลเลินมารวมกันแบบนี้ก็น่าชื่นชมสเตน ให้เดาว่าหนึ่งในนี้คงมีแนวคิดเหมือนเขาแน่ ทั้งหมดดูมีฝีมือไม่เลว อย่างน้อยก็คงไม่เหมือนพวกวิลเลินที่โดนฮีโร่จัดการไป โดยเฉพาะดาบิ...วายร้ายที่พาฉันมา เขามีอัตลักษณ์ที่ดี ไฟสีฟ้าของเขาสวยมาก
ฉันมองจนไปสะดุดกับจอที่วางบนเคาน์เตอร์บาร์ ในหน้าจอนั้นมีผู้อำนวยการกับพวกอาจารย์กำลังเเถลงข่าวเรื่องการบุกโจมตีของวิลเลิน เเล้วก็เรื่องที่นักเรียนถูกจับตัวไป นักข่าวไล่ต้อน ส่วนคนข้างนอก...ก็น่าจะไม่พอใจเท่าไหร่ พวกเขาไม่สนหรอกว่าในขณะนั้นจะจัดการวิลเลินลำบากขนาดไหน ถ้าผลลัพธ์ออกมาไม่น่าพอใจมันก็แค่นั้น
เนื้อหาในข่าว...บอกแค่ว่านักเรียนสองคนถูกจับ
ฉันส่ายหน้า ปัดความคิดไม่เข้าท่าออกไปจากในหัว อีกเดี๋ยวฮีโร่ก็จะมาช่วยแล้ว ทนไปอีกหน่อยก็แล้วกัน
สิ่งที่ฉันจะทำหลังจากกลับไปได้อย่างแรกก็คือนอนให้เต็มอิ่ม จะลากออลไมท์ให้พาไปเที่ยวอย่างคนปรกติให้ได้ และถ้าเขาฝืนไปช่วยคนอีก ฉันจะตีเขา
ถึงจะบอกว่าทน --- เเต่วินาทีต่อมาการที่ถูกมัดนาน ๆ ก็ทำฉันปวดตัวจนทนไม่ไหว พอฮึดฮัดไม่พอใจขึ้นมาเชือกที่มัดอย่างเเน่นหนาตอนแรกก็ดันหลุด วายร้ายที่เมื่อกี้จ้องบาคุโกหันขวับมามองฉัน สายตาทำเอาฉันเหงื่อตก คิดในใจว่าแย่แล้ว ฮือ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปลดเชือกจริง ๆ นะ
พอดิบพอดีกับที่มีเสียงเคาะประตูขึ้น
“พิซซ่าสาขาคามิโนะมาส่งครับ”
ฉันเดาได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป
ดังนั้นก่อนที่อะไรจะเกิดขึ้นก็เลยรีบสะบัดเชือกที่เกะกะออก ลุกขึ้นไปช่วยปลดกุญแจมือให้โชโตะ เอาเชือกออกจากเขาอย่างเร็วที่สุด อย่างน้อยพอเรื่องมันตูมตามขึ้นมาแล้วเขาก็จะได้หนีได้ไม่ลำบาก-----
ผนังถูกอัดจนพังเป็นเสี่ยง
ไม้จากอัตลักษณ์ของโปรฮีโร่เข้าจับกุมวายร้าย
“ไม่มีที่ให้พวกเธอหนีอีกเเล้วเหล่าพันธมิตรวายร้าย!”
ข้างนอกยังได้ยินเสียงของฮีโร่คนอื่นที่มาช่วย
แต่สายตาฉันยังจับจ้องที่เขา
“เพราะพวกเรา...มาเเล้ว!!”
ฉันจะได้กลับบ้านแล้ว
ทั้งที่คิดแบบนั้น
แต่ตัวฉันก็ถูกไม้จับไว้เช่นกัน
(1.2)
“ฮิกิชิ เคนจิ”
“ซาโกะ อัตซึฮิโระ”
“อิกุชิ ชูอิจิ”
“โทกะ ฮิมิโกะ”
“บูบาอิกาวาระ จิน”
แกรนโทริโน่พูดชื่อจริงของวายร้ายแต่ละคนตอนที่พวกเขาพยายามจะขัดขืน ใบหน้าของโปรฮีโร่ที่เคยเป็นอาจารย์ของออลไมท์จริงจัง “พวกเธอไม่มีที่ให้หลบหนีอีกเเล้ว ได้ยินรึเปล่าชิการาคิ และฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย...หัวหน้าของเธออยู่ที่ไหน?”
ในหัวฉันคิดแค่ ‘ไม่มีชื่อฉันอยู่ในนั้น’
ความหวังเล็ก ๆ ก็เลยยังไม่ดับมอดไป
“หนุ่มน้อยโทโดโรกิ เธอปลอดภัยใช่ไหม?!!”
แม้ว่าออลไมท์จะไม่ได้ช่วยฉันก็ตาม
(1.3)
ตอนที่วายร้ายถูกต้อนจนจนมุม
จู่ ๆ สถานการณ์ก็พลิกผัน --- เริ่มตั้งแต่โชโตะกับบาคุโกที่อยู่ข้างออลไมท์โดนของเหลวที่เป็นเหมือนเมือกสีดำคลุมร่าง พอกะพริบตาอีกครั้งพวกเขาก็หายไป กว่าที่ฮีโร่จะรู้ตัวของเหลวนั่นก็ผุดออกมาเรื่อย ๆ เข้าครอบคลุมวายร้ายที่ถูกไม้จับ….รวมทั้งฉัน
ถึงจะรู้ว่าการทำแบบนี้นายท่านจะไม่พอใจ
แต่ฉันก็พยายามขัดขืน ยื่นมือออกไปสุดแขนหวังว่าจะมีฮีโร่สักคนที่รู้ตัวดึงฉันออกไป คนที่อยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้
และมันก็กลายเป็นความพยายามอันเเสนไร้ค่า
“ออลไมท์...”
เมื่อไม่มีใครสนใจฉันเลย
ไม่มี....แม้เเต่คนเดียว
(1.4)
หูฉันอื้อไปพักใหญ่เมื่อออลไมท์ปะทะกับออลฟอร์วัน ยังไม่พอแค่นั้น ฉันยังกระเด็นไปไกลลิ่ว เพราะไม่ระวังตัวศีรษะก็เลยกระแทกกับพวกอาคารที่พังลงมา ที่ตัวก็รู้สึกเจ็บ พอก้มไปมองดูแผลถลอกที่แขนขา...ของเหลวก็ไหลมาตามแก้ม พอลองแตะมาดู สีเเดงสดก็ทำฉันแทบร้องไห้
ฉันหัวแตก
แผลก็เต็มไปหมด
สภาพคงดูไม่ได้
ฉันกัดฟันทนความเจ็บก่อนจะยันตัวเองขึ้นมาลุกขึ้นยืน หันไปมองดูรอบ ๆ เมื่อฝุ่นจากการปะทะเมื่อกี้เริ่มหายไปแล้ว คนที่อยู่ใกล้ฉันตอนนี้มากที่สุดก็คือโชโตะกับโทมูระคุง
“ออกไปจากที่นี่ซะโทมูระ”
คนที่พูดประโยคนั้น...คือนายท่านที่มีสภาพก่อนที่ฉันจะรักษา เหมือนคนบาดเจ็บหนัก ตามตัวมีสายระโยงระยาง
เขาบังคับให้พลังของคุโรกิริที่สลบอยู่ทำงาน
หมอกควันสีดำปรากฏอยู่ด้านหลังของฉัน
“ไปซะ”
ทุกอย่างดูวุ่นวาย
วายร้ายที่เป็นพรรคพวกของโทมูระคุงกำลังพยายามพาวายร้ายที่เจ็บหนี ตะโกนบอกให้โทมูระคุงรีบตามมาก่อนที่จะถูกจับได้อีกครั้ง ให้ตอนนี้นายท่านถ่วงเวลาออลไมท์ให้
ฉันเห็นออลฟอร์วันตัวปลอมอัดออลไมท์ไปติดกำแพงจนฮีโร่อันดับหนึ่งกระอักเลือดออกมาเปรอะเปื้อนชุดไปหมด
ตอนที่ฉันถามว่า ‘ทำไมถึงต้องพยายามช่วยขนาดนี้’ จำได้ว่าเขาตอบกลับมาอย่างน่าหมั่นไส้สมเป็นฮีโร่ว่าเขาอยากช่วยทั้งหมด อยากทำให้โลกสงบสุข แต่เขาช่วยทุกคนไม่ได้ เพราะงั้นถึงต้องพยายามเท่าที่ตัวเองจะทำได้
ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร
เขาต้องเจ็บมากเเน่ๆ
ถ้าฉันไม่อยู่รักษาเขาคงใช้ชีวิตลำบาก พอลำบากจะไปเที่ยวไหนก็ไม่ได้ ฉันไม่อยากลากคนป่วยไปด้วยหรอกนะ
ถ้าคุณเอื้อมไม่ถึงฉัน ฉันจะไปหาเองก็ได้
เพราะงั้นอย่าเป็นอะไรนะคะ
อย่าเป็นอะไรเลยนะคะออลไมท์
“นั่นใช่หนึ่งในพวกวายร้ายหรือเปล่า?!”
คุณน่ะ….
(1.5)
‘เกี่ยวกับระเบิดทั้งสองเธอไม่ต้องกังวล’
ครั้งหนึ่งตุ๊กตาเคยเรียกไปอธิบาย
‘อันแรกคนที่ควบคุมจะไม่ทำอะไรกับมันนอกเหนือจากเธอจะเป็นอันตรายจริง ๆ ส่วนอันที่สองเธอไว้ใจได้ เขาอยู่ข้างเธอตลอดเวลา คอยช่วยเธอ เพราะงั้นไม่มีวันกดหรอก’
อยู่ข้างฉันตลอดเหรอ หวา ไม่รู้ตัวเลยแฮะ
ฉันอยากจะหัวเราะเเต่ก็ทำได้เเค่ตอบไปว่า ‘ค่ะ เข้าใจแล้ว’ สิ่งที่ฉันไม่ได้บอกคือไม่ว่าจะกดหรือไม่ผลก็ไม่ต่างกัน
อันที่จริงมันไม่ใช่ครั้งแรก ระเบิดพวกนี้ฉันเจอมันมาไม่น้อย --- ครั้งเเรกสุดก็เมื่อนานมาแล้ว
เผอิญไม่รู้ไปต้องตาใครเข้าสุดท้ายก็โดนจับไป ดูเหมือนจะให้เป็นตัวประกัน พวกเขามัดระเบิดเวลาไว้กับตัวฉัน ก่อนจะโทรศัพท์ไปหาใครคนหนึ่ง ขู่ว่าถ้าไม่มาตัวฉันจะระเบิดไม่เหลือชิ้นดีแน่ ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจด้วยใบหน้าของวายร้ายที่ในนิยายจบไม่สวยสักราย
และในตอนสุดท้าย น้องไคก็จัดการไม่เหลือสักคน
เขามาช้าไปหน่อย แต่ฉันเข้าใจว่าช่วงนี้เขางานเยอะ จะช้าก็ไม่แปลก อ๊ะ แน่นอนว่าพอช้าไประเบิดก็หมดเวลา
ใบหน้าตกใจของคนที่ตอนแรกมั่นใจนักหนาว่าฉันจะต้องตายตลกดี ถึงตอนนี้ฉันก็ยังลืมไม่ลง ระเบิดคุณไม่ได้เสียหรอก แค่ใช้ไม่ถูกคนเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่นคงระเบิดแน่
ที่ฉันยอมให้ติดก็เพราะอยากเห็นสีหน้าตลก ๆ อีกเท่านั้น แล้วเวลาพวกคุณตื้อมาก ๆ มันก็น่ารำคาญออก
‘เธอ...คงไม่คิดมากใช่ไหม?’
‘ไม่หรอกค่ะ’ ฉันจิบชาไปอึกหนึ่ง หยิบขนมที่มาจากร้านมีชื่อเข้าปาก ‘ถ้าไม่ทำตัวมีปัญหาก็พอแล้วใช่ไหมคะ’
‘เธอสมควรมีชีวิตอยู่’
จะเป็นเด็กดีก็เเล้วกัน
เพราะถ้าไม่มีฉันใครจะรักษาคุณล่ะ
(1.6)
‘เขาอยู่ข้างเธอตลอดเวลา...’
ฉันเคยคิดว่าคนที่กดระเบิดจะเป็นใครก็เหมือนกัน
‘เธอสมควรมีชีวิตอยู่’
คุณน่ะ…
เป็นฮีโร่ของฉัน
(1.7)
คนที่กดระเบิด...คือออลไมท์
ทั้งที่ไม่มีความเจ็บเกิดขึ้นกับร่างกาย
เเต่ ณ ตอนนั้น
ฉันกลับเข้าใจความรู้สึกของคนที่ตายไปเเล้วขึ้นมา
(1.8)
“กลับได้เเล้ว”
กว่าจะรู้ตัวก็โดนจับที่เเขน
เป็นเวลาเดียวกับที่เเม็กเน่ถูกบังคับให้ใช้อัตลักษณ์แม่เหล็ก โทมูระที่เป็นขั้วใต้ถูกดึงไปหาโทกะที่เป็นขั้วเหนือ แต่เพราะเขาจับแขนฉัน...ฉันก็เลยถูกดึงไปด้วย ทั้งที่คิดไว้ตั้งแต่แรกว่าจะต่อต้าน แต่ก็ทำได้แค่อยู่นิ่งเฉยเท่านั้น เสียงในหัวอื้ออึงไปหมด
ฉันอยากกลับบ้าน
ฉันอยากกลับไปซุกผ้าห่มอุ่น ๆ อยากกลับไปกอดหมอนออลไมท์ที่เพิ่งซื้อมา อยากกลับไปทำอาหารเย็นเผื่อคุณหิวจากการทำงาน
ที่กดระเบิดคงมีอะไรผิดพลาด ฉันเข้าใจ ฉันจะไม่โกรธคุณด้วย เรามาเริ่มกันใหม่ได้นะ ฉันจะพยายามเป็นเด็กดีให้มากกว่านี้ จะทำตัวดีให้มากกว่านี้
เพราะงั้น...
ใครก็ได้
มาช่วยฉันออกไปที
(1.9)
“ฉันอุตส่าห์ยอมให้เธอเป็นตัวประกัน”
มีใครสักคนกอดฉัน
“เธออยู่กับเขามาตลอดก็น่าจะรู้ ตัวประกัน...ผู้บริสุทธิ์ ฉันจับเธอมัดไว้ขนาดนั้นก็น่าจะรู้ว่าเป็นคนที่ต้องถูกช่วย”
เสียงของโทมูระคุง
ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าฉันฝังอยู่บนไหล่
“แต่ดูสิ่งที่พวกเขาทำกับเธอสิ...จำไม่ผิดตรงนี้น่าจะมีระเบิดใช่ไหมนะ? ทั้งที่ที่ผ่านมาเธอก็ช่วยเขาเเล้วแท้ๆ”
‘เธอสมควรมีชีวิต’
หยุดนะ
“ถูกใช้ไปเยอะเลยนี่”
‘ถ้าเป็นไปได้...ฉันก็อยากให้เธอมีความสุข’
พอได้เเล้ว
ขอบตาฉันร้อนผ่าว เลือดคลุ้งไปทั่วโพรงปาก เล็บจิกเเผ่นหลังเขา พยายามผลักออก แต่ยิ่งขัดขืนเขายิ่งกอดแน่น ยังพูดประโยคพวกนั้นออกมา จากที่ขอบตาร้อนผ่าวในตอนเเรกแก้มก็เริ่มเปียกชื้น อยากจะเถียงแต่ก็พูดไม่ออก
ฉันอยากกลับบ้าน
ตอนนี้ฉันมีบ้านให้กลับแล้วนะ
ออลไมท์รอฉันอยู่ที่นั่น...
“เธอหมดประโยชน์กับพวกนั้นแล้ว”
ภาพที่เคยอยู่ด้วยกันผุดขึ้นมาในหัวเรื่อย ๆ ทั้งตอนที่เขาอยู่ดูแลฉันตอนป่วย ทั้งตอนที่ส่งข้อความบอกให้ฉันกลับบ้าน ตอนที่ชมว่าอาหารที่ฉันทำอร่อยมาก ตอนที่เข้ามาช่วยฉันจากคุโรกิริจนตัวเองตกอยู่ในอันตราย ตอนที่เป็นห่วงฉัน บอกว่าจะดูแลฉัน
ทั้งหมดฉันอยากจะบอกเขาว่าถึงจะถูกใช้ก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างน้อยฉันก็มีบ้านให้กลับ มีที่นอนนุ่ม ๆ ให้พักและก็มีคุณที่รอฉัน
ฉันไม่เป็นอะไรหรอก...จริง ๆ นะ
ฉันจะหยุดร้องไห้ ฉันจะเป็นเด็กดี
แล้วคุณก็จะมารับฉัน
“โช พวกเขาไม่ต้องการเธอแล้ว”
เมื่อเงยหน้าขึ้นมา
ที่อยู่ตรงหน้า...กลับไม่มีฮีโร่สักคน
(1.10)
ณ ตอนนั้น ฉันก็ตื่นจากฝันอันแสนหอมหวาน
เเละมารับรู้ความจริง
ว่าถูกโลกทอดทิ้งโดยสมบูรณ์แบบ
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
โช : นายน้อยได้โปรดอย่าโกรธฉัน!
นายน้อย(?) :...
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
นักเขียน : อย่างยัยแค่ถูกจับก็ไปเเล้วล่ะค่ะ น่ากลัวอะไรไม่มีหร๊อกกกกกกก
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
serendipity [N] การบังเอิญเจอเรื่องดีๆ อย่างไม่คาดคิด, ความโชคดีที่พบสิ่งที่ต้องการโดยบังเอิญ, การเจออะไรบางอย่างที่ดีทั้งที่กำลังมองหาสิ่งอื่นอยู่
นิยายรักคอเมดี้
ดราม่าพอกรุบกริบ
555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555555
ความคิดเห็น