คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : Heaven
[25]
ที่บ้านหลังนั้นมีสวนดอกไม้เล็ก ๆ อยู่
มันเคยเป็นของเเม่เขามาก่อน เเละเป็นสถานที่เเห่งความทรงจำที่งดงาม หนึ่งในนั้นคือภาพที่เเม่รดน้ำแปลงดอกไม้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เรียกเขาที่แอบหนีการฝึกซ้อมเข้ามาดูพวกมันที่กำลังออกดอกเบ่งบานใกล้ ๆ ก่อนจะพูดว่าสักวันเขาก็ต้องเติบโตอย่างดงามเหมือนดอกไม้พวกนี้ได้เเน่
‘สวยใช่ไหมล่ะจ๊ะโชโตะ? เเต่ไม่ใช่ว่ามันงดงามเเบบนี้ตั้งเเต่เเรกหรอกนะ ดอกไม้พวกนี้อ่อนเเอเเละเหี่ยวเฉาง่าย ถ้าไม่ดูเเลอย่างดีล่ะก็คงต้องตายเเน่ ๆ เหมือนกับคน...’
เเม่เด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งจากก้านมันมาอย่างเเผ่วเบา วางไว้ใจกลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา
‘ถ้าเจอคนสำคัญเเล้ว ลูกต้องรักษาไว้ให้ดี ๆ นะ’
โทโดโรกิจำได้เลือนรางว่ากลีบของมันเป็นสีเเดงโดดเด่น ส่วนอย่างรายละเอียดอย่างอื่นนอกจากนั้น ยังไม่ทันได้สังเกตเสียงเปิดประตูดังโครมก็ทำลายบรรยากาศเงียบสงบ เป็นพ่อที่ขมวดคิ้ว ใบหน้าบึ้งตึง เเละตรงดิ่งเข้ามาลากเขาให้กลับไปซ้อมต่อ
เเม่พยายามยื้อเมื่อเห็นพ่อจะใช้กำลัง เป็นครั้งเเรกที่โทโดโรกิเห็นใบหน้าโกรธเเละผิดหวังของเเม่ได้อย่างชัดเจน สุดท้ายพ่อก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อผลักเเม่ล้มลงไปทับแปลงดอกไม้ที่สวยงามจนมันพังเละ
หลังผ่านพ้นประตูเขาได้ยินเสียงกรีดร้องเเละร้องไห้ปะปนกัน เป็นเสียงของเเม่ เเต่เพราะมันไม่ใช่ครั้งเเรกที่เเม่ร้องไห้ เเละเขาในตอนเด็กไม่สามารถต่อต้านอีกฝ่ายที่เป็นผู้ใหญ่เเข็งเเกร่งกว่าได้ โทโดโรกิจึงจำยอมกลับไปซ้อมต่อ บอกกับตัวเองว่าพรุ่งนี้จะเเอบไปหาเเม่ ช่วยปลูกเเปลงดอกไม้ที่พังใหม่ด้วยกัน
เมื่อเขาโตขึ้น ก้าวผ่านพ่อได้ ทุกอย่างจะดีกว่านี้ เขาจะซื้อบ้านสักหลังไว้ให้เเม่ มีพื้นที่มากมายสำหรับปลูกดอกไม้ หลังจากนั้นเขาจะย้ายออกมาจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความเลวร้าย และไม่กลับไปอีก
เเต่ทว่า สิ่งที่คิดไว้ก็ไม่มีวันมาถึง
เมื่อวันต่อมาเสียงกรีดร้องของพี่ฟุยุมิปลุกเขาให้ตื่นจากความฝัน และบอกว่าเเม่ฆ่าตัวตายเมื่อคืน
(1)
“โชโตะเนี่ยตื่นเช้าเเบบนี้ตลอดเลยเหรอ?”
นั่นคือประโยคเเรกที่เธอทักเขาหลังตื่นนอน
เสียงของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี ออกเเหบกว่าปรกติ ดวงตากลมโตปรือลง ผมยุ่งบางส่วนตกลงมาปรกเเก้ม สภาพไม่อาจเรียกว่าเรียบร้อยนักยิ่งเมื่ออยู่ในชุดตัวใหญ่ ให้ความรู้สึกต่างออกไปจากปรกติ อาจจะเพราะตอนยังเป็นเด็กเขาไม่เคยตื่นก่อนเธอสักครั้งก็ได้
“ปรกติก็ไม่หรอกครับ” โทโดโรกิตอบ “เเต่ตอนนี้ผมอยู่คนเดียว จะให้ทำเหมือนเดิมก็คงไม่ได้หรอก”
“ลำบากเเย่เลยนะ~”
เขาได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำตามมาด้วยเสียงฮัมเพลง จู่ ๆ ภาพที่คอเสื้อหลุดลงจนเห็นลาดไหล่เมื่อกี้ก็ซ้อนทับขึ้นมา โทโดโรกิพยายามลบมันออกไปจากในหัว บอกกับตัวเองให้กลับมาสนใจอาหารที่ทำค้างไว้ มันเป็นอาหารเช้าง่าย ๆ อย่างขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอกเเละแฮม
กลิ่นไหม้ลอยขึ้นมาเตะจมูก เขารีบพลิกขนมปัง ก่อนจะพบว่าด้านหนึ่งของมันไหม้เสียเเล้ว
…
หัวข้อที่คนในห้องพูดถึงส่วนมากก็ยังวนมาเรื่องสภาพอาการของอาจารย์ประจำชั้นเเละออลไมท์
ไม่มีใครลืมเหตุการณ์ที่USJ ภาพอาจารย์ไอซาวะถูกวิลเลินทำร้ายสาหัสยังติดตาทุกคน รวมไปถึงภาพที่ออลไมท์ไปช่วยพยาบาลคนหนึ่งจนบาดเจ็บก็เหมือนกัน ยิ่งไม่ได้ข่าวคราว พวกนักเรียนยิ่งทวีความเป็นห่วง
โทโดโรกิมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าดูสว่างสดใส เฝ้ารอเวลาพักเที่ยง ดูจากนาฬิกาเเล้วคงอีกไม่นาน
เเละเมื่อถึงเวลาพัก เขาลุกออกจากที่นั่ง เดินไปที่โรงอาหารก่อนเป็นอันดับเเรก เลือกอาหารง่าย ๆ อย่างขนมปังมาหนึ่งชิ้น เเวะกดน้ำที่ตู้ ได้น้ำเปล่ากับชาพีชมาหนึ่งกระป๋อง มุมปากยกยิ้มขึ้นโดยไม่รู้ตัวขณะเดินไปยังสถานที่กินข้าวแห่งใหม่
เธอเอนตัวพิงเก้าอี้หมุนในห้องพยาบาลอย่างผ่อนคลาย ในมือเล่นโทรศัพท์ บนโต๊ะที่จัดอย่างเรียร้อยมีกาแฟกระป๋องที่เพิ่งเปิดวางอยู่ เธอดูบริสุทธิ์ในชุดเดรสลูกไม้สีขาวครีม ผมสีดำนุ่มลื่นยาวคลอเคลียบ่า ใบหน้าน่ารักไม่ต่างจากตุ๊กตามีชีวิต เพราะเเบบนี้เองถึงมีนักเรียนหลายคนชื่นชอบเธอ
รวมถึงพี่นัตสึโอะ
เมื่อเธอได้ยินเสียงเปิดประตูก็วางโทรศัพท์ลง เงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขา ดวงตาโค้งลง
“โชโตะคุง”
คนดูเเลของเขาเป็นพวกเบื่อง่าย
โทโดโรกิสรุปได้อย่างนั้นหลังจากฟังหลายเรื่องที่เธอเล่า อย่างเช่น หน้าที่ในโรงเรียนยูเอย์ที่น้อยนิดแทบไม่มีอะไรทำ เกมที่เล่นครบทุกด่าน การใช้ชีวิตประจำวันที่มีเเค่กินกับนอน
เขาแปลกใจนิดหน่อยที่เธอพูดมันออกมา เเต่ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเป็นผู้ฟังที่ดี มองริมฝีปากสีชมพูที่ขยับพูดไปเรื่อย ๆ ตอนยังเด็ก เเม้จะใกล้ชิดกับเธอมากที่สุดเเต่เขากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ครอบครัว เพื่อน โรงเรียน กระทั่งชื่อจริง ๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ต่างจากหมอกขมุกขมัว
“ฮื่อ....ดีจังเลยที่ได้พูดออกมา ขอโทษนะโชโตะที่ให้มาฟังพี่สาวบ่นเเบบนี้ รำคาญหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกครับ” เขาส่ายหน้า “เเต่ปรกติคุณไม่ค่อยพูดออกมา ผมก็เลย...รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย”
“อย่างนั้นเหรอ? แปลกสินะ” ดวงตาดูสับสน ก่อนสุดท้ายเธอจะหัวเราะออกมา “ฉัน...แปลกไปจริงด้วย”
เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงมองใบหน้าสับสนอย่างนิ่งเฉย เหมือนทุกครั้งที่ทำตอนเป็นเด็กช่วงที่มีเธอคอยดูแลอยู่ข้าง ๆ ไม่ใช่ครั้งเเรกที่เธอสับสนเเบบนี้ มันหลายครั้ง เพียงเเต่ว่าต้องสังเกตหน่อย ไม่อย่างนั้นคงมองไม่เห็นอารมณ์จริง ๆ ของเธอภายใต้ใบหน้ายิ้มเเย้มตลอดเวลานั่น
“คุณทานอะไรมาหรือยังครับ?”
เธอส่ายหน้า ก่อนจะตาเป็นประกายเมื่อเขายื่นขนมปังเมลอนกับชาพีชที่ซื้อมาไปให้ ยิ้มกว้าง
“ขอบคุณนะโชโตะ อ๊ะ มีชาด้วย เป็นเด็กที่ดีจริง ๆ เลยน้า~”
“ไปเลือกที่โรงอาหารไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“คนเยอะออกนี่นา ไม่เอาหรอก”
เขามองเธอที่ทำสีหน้าอร่อยเมื่อกัดที่ขนมปัง มองรอยเล็ก ๆ ที่บุ๋มลงไปที่เเก้มยามขยับยิ้ม นึกไปถึงพี่นัตสึโอะที่เคยชมว่าเธอน่ารักอยู่บ่อย ๆ ตอนนั้นเขาเป็นเด็กถึงไม่เข้าใจ เเต่ตอนนี้กลับเริ่มเข้าใจความรู้สึกนั้นขึ้นมาเเล้ว
“ฮื่อ...น่าเบื่อจริง ๆ เลย~” เธอพูดออกมาอีกครั้งหลังทานขนมปังหมด ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ “ต้องอยู่คนเดียวไปเกือบอาทิตย์เเบบนี้เหงาตายเเน่ ๆ อยากลองมีชีวิตวัยเรียนจังเลยน้า”
บางครั้งเขาก็สงสัย เเละนึกอยากจะถามออกไปว่ามีอะไรที่เธอไม่เคยเบื่อบ้าง กระทั่งเกมเขาก็เห็นเธอเล่นได้ไม่เกินอาทิตย์ด้วยซ้ำ
เเต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามออกไป เมื่อวูบหนึ่งภาพที่เธอไม่เคยถอดสร้อยจี้โลมาที่พี่ให้ผุดขึ้นมาในหัว
เมื่อเลื่อนสายตาสังเกตอีกครั้ง จี้ผีเสื้อบนคอระหงส่องประกายเมื่อต้องกับเเสง ดูงดงามสมกับชื่อโชของเธอ
ลำดับความสำคัญเปลี่ยนไปอีกแล้ว
“คนที่โชโตะรักต้องโชคดีมากเเน่ ๆ เลย”
เขาหันมองเธออีกครั้ง คราวนี้เธอเลิกฟุบใบหน้าลงบนโต๊ะเเล้วหันมาดื่มชาพีชเเทน ท่าทางดูมีความสุขเมื่อได้ทานของที่ชอบ มองไปที่กระป๋องกาเเฟบนโต๊ะก่อนจะพึมพำว่าจะไม่ลองดื่มอะไรขม ๆ เเบบนี้อีกเเล้ว รอยยิ้มกว้างทำให้เขานึกขอบคุณความจำของตัวเองที่จำได้ว่าตอนเด็กเธอเคยบอกว่าชอบอะไร
พอเขาตอบไปว่า “ไม่หรอกครับ” เธอก็เบนมาคุยเรื่องเจ้าสาวในอนาคตของเขา บอกว่าเธอคนนั้นคงโชคดีมากที่มีคู่ชีวิตดูเเลดีเเบบนี้ ยังบอกอีกว่าจะมาอวยพรในงานเเต่ง เเละจะมาดูใบหน้าเจ้าสาวของเขาอย่างเเน่นอน
โทโดโรกินึกถึงภาพเธอในชุดกระโปรงยาวสีขาว เส้มผมถูกเกล้าขึ้นอวดลำคอที่ประดับด้วยสร้อยที่เขาเลือกให้ ในมือถือช่อกุหลาบขาวที่เข้ากับเธอ เเละเมื่อเอ่ยคำสัตย์สาบานเสร็จพวกเราก็จะ —
โทโดโรกินึกสงสัยว่าถ้าตอนนี้โน้มตัวไปอีกฝั่ง จูบเธอตอนนี้ ริมฝีปากนั้นจะหวานเหมือนชาพีชที่เธอดื่มอยู่หรือเปล่า เเละเธอจะมีสีหน้าเเบบไหน จะโกรธ ตกใจ หรือผิดหวังที่เด็กดีของเธอกลายเป็นคนเเบบนี้
และหลังจากนั้นเธอจะหนีเขาไปอีกไหม หรือจะลบความทรงจำของเขาเหมือนที่ทำกับพี่เเละคนอื่น กลายเป็นคนแปลกหน้าซึ่งกันเเละกัน ให้อดีตระหว่างพวกเราที่ผ่านมาเป็นเเค่การละเล่นเเก้เบื่อของเธอ
เขาผ่อนลมหายใจ ค่อย ๆ คลายมือที่กำเเน่นออก ลบความคิดเพ้อฝันออกไปจากในหัว ปกปิดการกระทำด้วยการดื่มน้ำเปล่าที่ซื้อมา ยามเมื่อของเหลวเย็นเฉียบไหลผ่านลำคอไปถึงกลับมาเป็นปรกติได้
เสียงกระป๋องที่วางกระทบกับโต๊ะเรียกเขาให้หันกลับไปมอง เธอเอนตัวอย่างผ่อนคลาย เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณสำหรับอาหารนะโชโตะ ส่วนค่าอาหารกับค่าที่ช่วยฟังพี่สาวบ่นวันนี้...มีอะไรที่อยากได้หรือเปล่า?”
เขากำลังจะตอบไปว่าไม่จำเป็น อาหารพวกนั้นก็เเค่ข้ออ้างที่หามาพบเธอเท่านั้น — เเต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ เมื่อลองเปิดขึ้นมาดู ผู้ส่งเเละเนื้อหาทำให้คำตอบในตอนเเรกต้องกลับคืนลงไปในลำคอ
มันเป็นข้อความจากพี่นัตสึโอะ
: ฉันว่าจะชวนเธอไปสวนสนุกล่ะ!
แทนที่จะตอบกลับไปด้วยประโยคเเสดงความยินดี เขากลับปิดโทรศัพท์ลง เงยหน้าขึ้นมองเธอที่มีใบหน้าสงสัย
“วันหยุดนี้คุณว่างไหมครับ?”
คำตอบของเธอคือพยักหน้ากลับมา
เเละความยินดีเล็ก ๆ ที่ก่อขึ้นในใจเมื่อคิดถึงลำดับความสำคัญของพี่นัตสึโอะในใจเธอที่อาจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายลง นั่นทำให้โทโดโรกิรู้ว่าตนเองไม่สามารถกลับไปเป็นเด็กดีเหมือนเมื่อก่อนได้อีกเเล้ว
(2)
“ตอนนี้เธออาจจะตกเป็นเป้าหมายของสมาพันธ์วิลเลิน เพราะงั้นจึงจำเป็นที่ต้องไปอยู่ในที่ปลอดภัย”
ฉันนึกไปถึงประโยคที่ผู้อำนวยการยูเอย์พูดหลังจากที่ช่วยเยียวยาอาการของอาจารย์ไอซาวะเสร็จ น้ำเสียงจริงจังเหมือนกลัวว่าฉันเดินอยู่ดี ๆ จะโดนลักพาตัวไป ตอนนี้สถานะของฉันในสายตาตุ๊กตาหนูคงไม่ต่างจากบุคคลสำคัญ
สำคัญเเบบว่า...เอ่อ อันตราย? ใช่สิ ขืนคนที่สามารถทำให้ดวงตาของอาจารย์กลับมาเป็นปรกติได้เเปรพรรคไปอยู่ฝ่ายวิลเลิน ถึงจะไม่ถึงขั้นทำให้ฮีโร่ล่มจม เเต่การสูญเสียบุคลากรมีความสามารถไปให้ความชั่วร้ายก็ไม่ใช่เรื่องดี
เเถมอีกหนึ่งข้อสำคัญ ตอนเจอกันครั้งเเรกฉันบอกเขาไปว่าตัวเองหมดประโยชน์แล้วก็เลยออกมา ประวัติที่อยู่หรืออะไรก็ไม่มี เเละถึงจะค้นไปก็คงไม่มีวันเจอ ไม่มีอะไรให้มั่นใจได้สักอย่างว่าเป็นเเค่เด็กน้อยตาใสคนหนึ่ง สถานะฉันตอนนี้เลยก้ำกึ่งระหว่างฝ่ายดีร้าย
ชีวิตกำลังอยู่ในขั้นพิจารณา
อาจจะจัดการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้ถูกวิลเลินนำไปใช้ประโยชน์ หรือกล่อมให้ฝ่ายฮีโร่ใช้ประโยชน์ซะเอง
เเต่ก็นะ ตัวเลือกเเรกดูจะเป็นการตัดรอนไปหน่อย อย่างน้อยฉันก็เป็นเด็กใสซื่อคนนึง จะจัดการทันทีเลยก็ผิดหลักคุณธรรมเกินไป ดังนั้นฝ่ายฮีโร่เบื้องบนก็เลยยื่นอีกตัวเลือกข้อเสนอมาให้
“เอ่อ...สาวน้อย เธอมีความคิดจะเข้าเรียนต่อที่ไหนหรือเปล่า?”
ผ่านทางออลไมท์
บุคคลเเรกที่ฉันบอกว่าชอบ อีกทั้งออลไมท์ยังเป็นคนขอรับฉันดูเเล ตอนบาดเจ็บก็เป็นฉันที่รักษาแผลให้เขา ในมุมมองของคนนอก การให้ฮีโร่อันดับหนึ่งมากล่อมเด็กในปกครองคงมีโอกาสสูงที่สุดท้ายเด็กนั่นจะเลือกฝ่ายฮีโร่
พวกเขาทายถูก ฉันเลือกฮีโร่เเน่ – อันที่จริง ตอนนี้ฝ่ายไหนมายื่นข้อเสนออยากได้ตัวฉันก็เลือกหมดนั่นล่ะ ฮีโร่กับวิลเลินต่างกันตรงไหน...เอ่อ ไม่สิ ต่างกันมากต่างหาก ขืนฉันกลับไปฝั่งวิลเลินตอนนี้คงถูกนายท่านขยี้เป็นเนื้อบดแหง
ยังมีโทมูระคุงอีก เจ็บตัวไม่เท่าไหร่แต่เจ็บใจนี่สิ ถ้าโดนนายน้อยโกรธหัวใจอันบอบบางของฉันคงรับไม่ไหวแน่
“คือว่าถ้ายังไงลอง—”
“ขอปฏิเสธค่ะ”
แต่อยู่นี่ต่อไปก็เหมือนจะไม่ไหวเหมือนกัน
ฉันมองตาลุงร่างเเห้ง ๆ ที่เมื่อนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาลยิ่งดูเหมือนจะเเห้งมากขึ้นไปอีก ใบหน้าติดซูบนั้นจ๋อยลงเมื่อได้ยินคำปฏิเสธ พูดเสียงอ่อย “ไม่ได้เหรอ...” คล้ายจะเห็นภาพหูลู่หางตกออกมาจากตัวเขาชัดเจน
ฉันปัดภาพจินตนาการในหัวออกไป ก่อนจะตอบกลับไปว่า “ไม่ได้เเน่นอนค่ะ” นั่นทำให้ใบหน้าของเขายิ่งจ๋อยลงไปกว่าเดิม เเทบจะไม่หลงเหลือเค้าเดิมของฮีโร่อันดับหนึ่งที่ทุกคนเชื่อถือ
ฉันว่าฉันอาจจะไม่ไหวจริง ๆ
ถ้าต้องทนอยู่กับตาลุงงี่เง่านี่ต่อไปสักวันคงต้องสติเเตกเเล้วเผลอลงไม้ลงมือหมดสิ้นภาพลักษณ์อันดีงามเเน่ ดูสิ ทำหน้าเหมือนถูกดุด่า เหมือนถูกเป็นผู้กระทำ ท่านฮีโร่คนนี้ทำคนสงสารจนฉันไม่ต่างจากผู้ก่ออาชญากรรมร้ายเเรง
ฉันลองเหลือบหางตาไปมองข้างนอก ก่อนจะหันกลับเเทบไม่ทันเมื่อนายตำรวจที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามองฉันเหมือนเป็นวิลเลินชั่วที่กำลังก่อคดีทำร้ายจิตใจฮีโร่อันดับหนึ่งผู้เป็นที่รักของทุกคน
ซึ่งอันที่จริง เป็นฉันต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายน่าสงสาร ที่ว่าจะให้ไปเป็นนักเรียนยูเอย์นี่พูดเล่นใช่ไหม จะยัดฉันเข้าไปอยู่กับพวกนักเรียนจริง ๆ เหรอ ไหนตอนเเรกบอกเเค่ให้ทำงานห้องพยาบาลไง
“โชจัง...” เงยหน้าขึ้นมามองอีกรอบ ท่าทางเหมือนจะขอร้องนั้นชวนให้นึกถึงหมาพันธุ์โกลเด้นอย่างบอกไม่ถูก “เอากลับไปคิดหน่อยได้ไหม ยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้”
ฉันกำมือเเน่น นึกอยากจะชกเปรี้ยงไปที่หัวเขาสักทีถ้าไม่ติดว่าอาจจะต้องกลับมารักษาฮีโร่คนนี้ใหม่ ปฏิเสธไปกี่ครั้งเเล้วทำไมถึงไม่ฟัง ความดื้อด้านไร้ขีดจำกัดนี่ก็เป็นหนึ่งในนิสัยพวกตัวเอกเหรอ ถ้าโทมูระคุงโดนตื้อเเบบนี้มาก ๆ เข้า ออลไมท์คงได้กลายเป็นผุยผงเเน่
“ฉันอยากให้เธอลองไปดูจริง ๆ นะ”
ดูที่ว่าคงไม่พ้นยูเอย์
เขาพูดคำนี้มากี่รอบเเล้วก็ไม่ได้นับ
“ไม่ใช่ว่าเธอเคยบ่นว่าเบื่อหรือ?”
ฉันนิ่ง อันที่จริงก็ถูกของเขา ฉันเคยบ่นว่าเบื่อหลายครั้งอยู่เหมือนกัน เเล้วก็ชอบบอกว่าชีวิตวัยเรียนน่าสนุกจริง ๆ ออลไมท์ ฉันอยากเห็นตอนคุณสอนจังเลย พาฉันติดไปด้วยคนได้ไหม
นึกไปถึงตัวเองตอนอยู่ท่ามกลางฝูงนักเรียนมากมาย ใส่ชุดยูเอย์ หัวเราะคิกคักกับเพื่อน ทานอาหาร ไปไหนมาไหนกับคนอื่น ชีวิตวัยเรียนอันแสนสดใสที่เคยพูดถึงอยู่บ่อย ๆ ตอนนี้กลับมาอยู่ใกล้เเค่เอื้อมมือ เพียงตอบตกลงคำเดียวเท่านั้น ด้วยผลงานที่รักษาออลไมท์เเละอาจารย์ไอซาวะ การจะเข้าเรียนก็ไม่ยากเลย
“ไม่ค่ะ”
ฉันย้ำคำเดิม
ที่บ่นไปทั้งหมดน่ะก็เเค่อารมณ์ชั่ววูบท่านั้นเเหละ แบบความรักวัยเรียนสุดโรเเมนติกในหนังสือที่เคยอ่าน จุดจุดจุดคุงกับนางเอกผู้มีรอยยิ้มเจิดจ้า มองเห็นทั้งโลกเป็นสีชมพู ทุกวันเต็มไปด้วยความสุขเมื่อมีกันเเละกัน
เพราะไม่เคยมีความรู้สึกเเบบนั้นก็เลยเกิดสงสัยขึ้นมา ถ้าฉันเป็นเธอคนนั้นจะมีความสุขมากกว่าตอนนี้ไหม ข้างหน้าจะมีอุปสรรคมาขวางสักเท่าไหร่ ชีวิตจะมีรสชาติเเบบไหน สุข ทุกข์ หวาน หรือว่าขมเหมือนช็อกโกแลต
เเต่คำตอบมันก็เเน่อยู่เเล้วล่ะ
‘ความคิดเธอมันบิดเบี้ยวไปหมดเเล้ว’
ไม่
ไม่สิ
ความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนเเล่นวาบเข้ามาในหัว ตอนที่ไปบ้านโทโดโรกิครั้งเเรก เจอเหล่าพี่น้องเเละพ่อจอมเข้มงวด เพื่อให้ตัวเองได้มีงานฉันถึงยอมทุ่มสร้างภาพตัวเอง เเนะนำตัวใต้ต้นซากุระด้วยท่าทางเหมือนนางเอกผู้เจิดจ้าในนิยาย ทำตัวให้มีความสามารถเพื่อให้ฮีโร่อันดับสองยอมรับ
ผลที่ตามมาอย่างไม่คาดคิดคือไอ้ที่เรียกว่าการตกหลุมรักตั้งเเต่เเรกพบดันเกิดขึ้นในชีวิตจริงด้วย
‘ผมอยากไปดูดอกไม้ไฟกับคุณ’
ความรู้สึกเหมือนเป็นตัวเอกก็ไม่ได้เเย่อะไร
ฉันยังจำได้อยู่เลยว่าตอนนั้นเขาพาฉันไปพิพิธภัณฑ์ที่ไม่มีอะไรนอกจากสัตว์น้ำและร้านขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ วันที่อากาศร้อนอบอ้าวเหมือนอีกไม่นานก็คงจะละลายกลายเป็นไอปะปนไปกับอากาศ ฉันคิดจะกลับอยู่หลายครั้ง เเต่เพราะหน้าซื่อ ๆ ก็เลยตัดสินใจเเวะเข้าไปดูของก่อนกลับอีกนิดหน่อย
เพราะไม่ได้คาดหวังอะไร
ก็เลยตกใจนิดหน่อยที่มีคนหนึ่งจริงจังถึงขั้นฝ่าเข้าไปเลือกซื้อเครื่องประดับในมุมที่ดูเบียดเสียดแออัดมาให้
“สาวน้อย เหม่ออะไรอยู่น่ะ”
ฉันกะพริบตา หลุดจากความคิด
“กำลังคิดอยู่ว่าจะหาวิธีไหนมาปฏิเสธอยู่น่ะค่ะ”
“ตะ---เเต่สาวน้อย ฉันเป็นห่วงเธอนะ ยูเอย์จะปกป้องเธอ แล้วฉันก็อยากให้เธอออกไปเจอโลกใหม่ ๆ บ้าง”
ออลไมท์มีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ฉันติดค้างเธอมาหลายครั้ง เพราะงั้น…
ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากเห็นเธอมีความสุข”
หน้าโง่
เขามันหน้าโง่
ชั่วขณะฉันอยากจะวิ่งเข้าไปทุบตีเขา บอกว่าเขาไม่เคยติดค้างอะไรฉันเเม้เเต่น้อย กลับกันหลายครั้งสาเหตุที่ทำให้เขาต้องมารักษาเเบบนี้กลับเป็นเพราะฉัน ที่อาจารย์ไอซาวะโดนเเบบนั้นก็เพราะฉัน ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน
เรื่องมันเเย่อย่างที่ฉันอยากให้เกิด พวกเขามาขอความช่วยเหลือจากฉันอย่างที่คิด ออลไมท์จะไม่รอดถ้าหากไม่มีฉัน สุดท้ายฉันก็ได้ช่วยเหลือเขาขัดกับทุกครั้งที่ออลไมท์พยายามห้ามอยู่เสมอ
ทั้งที่ชนะ
เเต่กลับไม่รู้สึกดีใจเลยเเม้เเต่น้อย
“ที่ตอนนี้ฉันมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเธอ”
คาวเลือดคลุ้งอยู่ในปาก
ฉันสูดหายใจลึก บีบเเละคลายกำมือสลับไปมาเผื่อที่ว่าจะระงับอารมณ์ได้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี เเต่เเล้วความพยายามก็เหมือนจะไร้ค่าเมื่อออลไมท์เอื้อมมือมาลูบหัวฉัน ยิ้มอย่างเอ็นดู ความจริงใจอัดเเน่นอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“ขอบคุณมากจริง ๆ”
ชั่วขณะคล้ายหายใจไม่ออกขึ้นมา
ทั้งทรมานเเละอัดล้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันพยายามยิ้มอย่างปรกติเเต่ก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มเบี้ยว ๆ ความรู้สึกพองฟูในอกมากพอ ๆ กันกับความรู้สึกตอนดื่มกาเเฟรสขมครั้งเเรก สงสัยเหลือเกินว่านี่ใช่ความรู้สึกที่ฉันฝันหาในหนังสือที่เคยอ่านมาโดยตลอดหรือเปล่า
กว่าจะรู้ตัว ประโยคหนึ่งก็หลุดออกไป
“ถ้าคุณไม่ใช่มนุษย์ก็คงดี”
ออลไมท์ทำหน้างุนงงเหมือนฟังไม่ทัน
เพราะทันทีที่ฉันเอ่ยออกไป มันก็ถูกกลบด้วยเสียงเปิดประตูจากด้านนอก พร้อมเสียงตำรวจคนนั้นที่บอกว่าหมดเวลาเยี่ยมเเละให้ฉันเตรียมออกไปรักษาอาจารย์ไอซาวะต่อได้เเล้ว
….
ฉันลงเเรงไปเกือบ80% ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าอาจารย์ไอซาวะกับออลไมท์จะออกจากโรงพยาบาลทันช่วงกีฬาสีของยูเอย์เเน่นอน
ฉันมองตัวเองในกระจก ชุดที่เลือกมาเป็นเดรสสีอ่อนไม่ต่างจากทุกวัน ลองหมุนตัวสำรวจรอบหนึ่งเมื่อไม่เห็นมีอะไรผิดปรกติก็จัดผมให้เรียบร้อยสักหน่อย เครื่องประดับเเค่จี้ผีเสื้ออันเดียวก็เหมือนจะพอเเล้ว เช็คของในกระเป๋าว่าไม่ลืมเอาอะไรไป พอทุกอย่างเรียบร้อยก็พร้อมออกจากบ้าน
วันนี้เป็นวันหยุด ช่วงเช้าฉันไปเเวะเวียนหาออลไมท์กับอาจารย์ไอซาวะตามปรกติ ก่อนจะกลับมานอนเล่นเกมที่บ้าน หลับไปสักงีบใหญ่ ๆ เปิดโทรทัศน์ดูหนังที่น่าสนใจสองสามเรื่อง ก่อนช่วงเกือบเย็นจะเป็นเวลานัดกับโชโตะ
เป็นครั้งเเรกที่ฉันได้มาเที่ยวสวนสนุก
มองดูเครื่องเล่นละลานตากับเหล่าผู้มีอัตลักษณ์ที่ทำให้สถานที่เเห่งนี้คึกครื้นขึ้นมาฉันก็อดตื่นเต้นด้วยไม่ได้ สวนสนุก อีเว้นต์ครั้งยิ่งใหญ่ในหนังสือ การสารภาพรักสุดโรเเมนติก นี่มันเเหล่งรวมฉากในหน้านิยายชัด ๆ
เขาพูดขึ้นมาว่า ‘ตอนเจอกันครั้งเเรก คุณชวนผมไปเกมเซ็นเตอร์ ตอนนี้ยังอยากไปอยู่หรือเปล่าครับ’ หลังจากนั้นพอฉันพยักหน้า น้องน้อยที่ตอนนี้เติบโตเป็นหนุ่มหล่อโดดเด่นก็พาฉันตะลุยเครื่องเล่นเเทบจะทุกอย่าง
เเละใช่ อีกนิดเดียวฉันจะตายเเล้ว
หนักสุดคือเครื่องเล่นหมุนที่พอฉันลงมาเเทบจะเดินไม่ตรง ส่วนเบาสุดกลับเป็นพวกบ้านสยองขวัญ ฉันนึกว่าตัวเองจะตกใจกลัวมากกว่านี้ เเต่สุดท้ายก็ไม่ ออกจะค่อนไปทางเฉยด้วยซ้ำเมื่อนำภาพผีเหล่านั้นมาเทียบกับมนุษย์ดัดแปลงโนมุของนายท่าน
พอเริ่มค่ำ โชโตะก็บอกว่าจะอีกไม่นานจะจุดดอกไม้ไฟ จากนั้นก็ลากฉันที่เเทบไม่มีเเรงเดินจากเครื่องเล่นอันล่าสุดไป เพราะตอนนั้นยังมึนฉันจึงไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน เเต่อย่างน้อยเด็กดีอย่างเขาคงไม่โหดร้ายถึงขนาดจะฆ่าฉันได้ลงหรอกมั้ง
“อ้าว โชโตะก็มาด้วยงั้นเหรอ?”
ฉันเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงอันคุ้นเคย
ก่อนจะบอกตัวเองว่าไม่น่าเลยจริง ๆ
“พี่นัตสึโอะ”
นัตสึโอะ
เขาตัวสูงขึ้นกว่าเเต่ก่อน เค้าโครงใบหน้าชัดขึ้นกว่าเดิม รอยยิ้มกับริ้วสีเเดงที่พาดบนเเก้มชวนให้นึกถึงเเต่ก่อน อย่างตอนครั้งเเรกที่เขาถามเบอร์ติดต่อของฉัน หรือตอนที่ชวนคุยระหว่างทางกลับไปรับโชโตะ
ดวงตาคู่นั้นมองมาที่ฉัน
“เเล้วเธอ…?”
ความรู้สึกหายไป มีเพียงความรู้สึกสงสัยเวลาเจอคนไม่รู้จักเข้ามาเเทนที่
“อ่า...” โชโตะหันมองฉัน มือที่จับกันไว้ตั้งเเต่ตอนเเรกไม่ยอมปล่อย “เธอ...ก็คงเหมือนกับผู้หญิงด้านหลังพี่”
ในตอนนั้นฉันถึงรู้สึกตัว
ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาคนเดียว
ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ ในมือเธอถือไอศกรีมอยู่สองถ้วย
เธอคนนั้น….สวมชุดเดรสสีขาวเหมือนฉัน มีผมสีดำเเละร่างเล็กน่าทะนุถนอม ใบหน้าน่ารักเเละตัวเล็กกว่านัตสึโอะ เมื่อเธอสังเกตเห็นว่านัตสึโอะเจอคนรู้จักก็หันมาค้อมตัวให้ฉันกับโชโตะด้วยใบหน้าเขินอาย
เธอ...เหมือนกับภาพลักษณ์ที่ฉันพยายามเเสดงออกไปต่อหน้านัตสึโอะ เป็นผู้หญิงที่เหมือนกับนางเอกในหนังสือที่ฉันอ่าน ทั้งเรียบร้อยเเละน่ารัก ไร้ความเสเเสร้ง
ฉันเห็นนัตสึโอะหันไปยิ้มให้กับเธอเเละหันมาเเนะนำให้ฉันกับโชโตะรู้จักด้วยใบหน้าติดเเดงนิดหน่อย
เหมือนทุกอย่างไม่เข้าหัวอีกต่อไป
ตั้งเเต่ต้นจนจบฉันทำได้เพียงปั้นสีหน้ายิ้ม พูดว่า ‘เหมาะสมกันมากเลยล่ะค่ะ’ ทั้งที่ในใจกลวงเปล่า มองสองคนที่ขอตัวออกไป จับมือกัน เห็นเธอคนนั้นเเบ่งไอศกรีมที่ซื้อมาให้นัตสึโอะเเละป้อนเขาด้วยใบหน้าเเดงจัด
สุดท้ายฉันก็ทำได้เเค่หัวเราะออกมา เมื่อนึกถึงจี้ผีเสื้อที่ยังอยู่บนคอตัวเอง ไม่ใช่จี้โลมาที่นัตสึโอะเคยซื้อให้
เเต่สายห้อยกระเป๋าที่ฉันเคยเเลกกับเขาไปมันยังอยู่ ตอนที่คุยกันฉันเห็นมันห้อยอยู่ที่กระเป๋าของเขา
เป็นความรู้สึกที่ทำเอาอยากล้มลงเสียตรงนั้น
พลุหลากสีถูกจุดขึ้น เเตกกระจาย เเต่งเเต้มสีสันสวยงามบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ตราตรึงเหมือนเมื่อหลายปีก่อน
คล้ายได้ยินเสียงเเทรกตามสายลม
“ฉันตามใจเธอเสมอ โช”
ชั่วขณะรู้สึกหายใจติดขัด
“วิลเลินก็ดี จะฮีโร่ฉันก็ไม่ว่า หากทำเเล้วเธอพอใจฉันก็ยินดี”
ท่ามกลางเหล่าผู้คนมากมายที่รอชมพาเหรดช่วงค่ำคืน — ฉันมองไปยังถนนฝั่งตรงข้าม จับจ้องไม่วางตา
ผู้ชายคนหนึ่งโดดเด่นเหมือนเป็นสีสันเดียวจากภาพขาวดำ เขาสวมใส่สูท ใบหน้าประดับรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ เหมือนตอนที่จูบฉัน บอกว่าจะตามใจฉัน
“เพราะสุดท้าย...ในวันที่เธอไม่เหลือใคร
ฉันจะเป็นคนเดียวที่อยู่กับเธอ”
เขาเป็นคนเดียวกับที่ดูดอกไม้ไฟกับฉันเมื่อหลายปีก่อน เเละเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวที่ฉันเชื่อว่าจะอยู่กับฉัน
ออลฟอร์วัน
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
โช : เขาเอาอาหารมาให้ฉันด้วย ฮือ น่ารักจังเลย น่ารักมาก พี่สาวจะละลายเเล้ว
โช : และสิ่งที่ภูมิใจที่สุดคือน้องน้อยของฉันทำอาหารเองได้...
โช : *มองกลับไปที่เด็กมีปัญหาบางคน* ใครทำให้นายน้อยเอาเเต่ใจเเบบนี้กัน คุโรกิริสั่งสอนไม่ได้เรื่องเลย!
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
บอส(?) : *ยิ้ม*
โช : โฮฮฮ ลูกน้องคุณเเค่หน้ามืดตามัวไปหน่อยเท่านั้นเอง!
นายน้อย : ....
[100%]
Heaven -- สวรรค์
ความคิดเห็น