NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #17 : fender bender

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.41K
      524
      5 ธ.ค. 62


    [14] ความฝัน



    ฉันไม่ได้ฝันมานานเเล้ว



    ‘เอาอีกเเล้วเหรอ’



    น้ำเสียงเหนื่อยหน่าย สายตาที่มองมาอย่างเฉยชาอาจจะเพราะเจอบ่อยจนนาน ๆ เข้าเกิดเป็นความเคยชิน

    ‘หมายถึงอะไรน่ะ?’ หัวเราะคิก ยื่นของที่ได้มาออกไปราวกับจะอวด ‘ดูช่อดอกไม้นี่สิ กุหลาบในวันเเห่งความรักเชียวนะ พี่สาวว่าจะเอาไปใส่ในเเจกันล่ะ คงสวยมากเเน่ๆ’

    ‘ถ้ามันรู้ว่าเจ้านายชอบคงดีใจแย่’

    ‘เรียกเขาว่ามันอีกเเล้วนะ ถึงวัยต่อต้านเเล้วเหรอ หืม?’ ส่ายหน้า เรียวนิ้วไล้บนกลีบกุหลาบ ‘อีกอย่างเขาก็รู้เเล้วเถอะ พี่สาวบอกเขาเองว่าจะเอาไปปักในเเจกัน...อ๊ะ’

    สายตาสะดุดที่กล่องสีขาวเล็กๆที่ซ่อนในช่อดอกไม้

    ‘สร้อยข้อมือ?’ เครื่องประดับอีกเเล้วเหรอ ‘น่ารักจนไม่กล้าใส่เลย อืม เอาไปเก็บไว้ในกล่องสมบัติดีกว่า!’

    ‘บอกมันไปว่าไม่ชอบไม่ดีกว่าหรือไง’  

    ‘ถึงไม่ใส่ก็ไม่ได้เเปลว่าไม่ชอบสักหน่อย’ แย้มรอยยิ้ม เอื้อมมือไปลูบผมเเต่ก็ถูกปัดออกอย่างเเรง

    ‘จับของสกปรก อย่ามาเเตะ’

    มองดูท่าทางเเละน้ำเสียงเเข็งกร้าวนั่นเเล้วก็ได้เเต่หัวเราะเเห้งๆ ชักมือที่เริ่มเเดงกลับมา เเสบไม่ใช่น้อย

    ‘ลำบากใจจังนะ...’

    ช่อกุหลาบกับกล่องของขวัญ

    ในที่สุดก็ถอนหายใจ กำช่อดอกไม้เเน่นขึ้น มองดูของขวัญหายไปด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่า

    อุตส่าห์เป็นวันเเห่งความรักเเท้ๆเลย

    หันไปมองเด็กตรงหน้าอีกครั้ง ดวงตานั่นเป็นประกายพึงพอใจชัดเจนจนอดไม่ได้ที่จะบีบเเก้มยุ้ยๆอย่างหมั่นเขี้ยว  

    ‘พี่สาวทำช็อกโกเเลตไว้ล่ะ อยากลองชิมหน่อยไหม?’

    ‘อือ’




    -------




    ทั้งรอยยิ้มเเละเสียงหัวเราะในตอนนั้น


    มันไม่ใช่ความฝัน


    ฉันหยุดหอบหายใจก่อนจะกะพริบตาถี่ๆเมื่อเหงื่อหยดลงบนเเพขนตาจนเเสบไปหมด

    เวลาบนผนังบอกเวลาตีหนึ่งครึ่ง เป็นอีกครั้งที่ตื่นขึ้นมากลางดึก

    “อีกเเล้ว…?”

    เขาพูดน้ำเสียงงัวเงีย ดวงตาสีแดงปรือขึ้น

    “ขอโทษที่ทำให้ตื่นนะ นอนต่อเถอะ” เลื่อนมือไปปิดดวงตาของเขาเช่นทุกครั้ง ขยับตัวเข้าไปใกล้ “ฉันเเค่ฝันร้ายน่ะ ถ้าได้นอนกอดสักคนเดี๋ยวก็หายไปเเล้ว...”

    ยังไม่จบประโยคเเขนผอมเเห้งก็ดึงฉันเข้าไปกอด กดศีรษะจนชิดกับไหล่ จมูกได้กลิ่นสบู่อ่อนๆ

    “น่ารำคาญ”

    คล้ายบ่นพึมพำเเต่นั่นก็ทำให้ฉันยิ้มเเก้มปริ พาดเเขนไปบนตัวเขา ขยับเบียดเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมจนรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ

    ถ้าไม่นับเรื่องที่เพิ่งไปปรากฎในฝันนั้น ที่เป็นอยู่เเบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

    ใช่ไหม?




    ...




    เวลาเดินมาอีกนิดหน่อย



    ฤดูใบไม้ผลิได้ผ่านพ้นไปเเล้ว  


    ท้องฟ้าสดใส เเสงเเดดเจิดจ้า อากาศกับสายลมร้อน -- ฤดูกาลเปลี่ยนผันจนมาถึงฤดูร้อนอันน่าชิงชัง

    ฉันหรี่ตาลงเมื่อเเสงเเดดสะท้อนเข้าสู่นัยน์ตา ทั้งที่พยายามใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีเเล้วเเท้ๆ เเต่ก็ยังรู้สึกว่าอุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงขึ้นมามากกว่าปรกติ ถึงจะไม่ถึงขั้นเป็นลมหมดสติก็เถอะ อ๊า ยังไงก็ไม่ถูกกับฤดูนี้จริงๆด้วย


    “สีหน้าดูไม่ดีเลยนะครับ นั่งพักก่อนดีไหม?”


    ฉันส่ายหน้าเชิงไม่เป็นไรพลางชี้นิ้วไปที่ร้านขายของฝาก “ไปดูตรงนั้นดีไหมคะ ฉันอยากได้ของไปฝากบางคนน่ะ”

    นัตสึโอะยังทำหน้ากังวล “ถ้าไม่ไหวก็บอกนะครับ”

    พูดกลั้วหัวเราะ “ค่ะๆ เข้าใจเเล้วค่ะ”

    แอบลูบผิวที่เริ่มเเสบจากเเสงเเดด มองสลับกับท้องฟ้าอันเเสนเจิดจ้า ก้าวเดินไปด้วยพร้อมกับคิด อะไรทำให้ตอบรับคำเชิญมาเที่ยวในวันที่อากาศเเบบนี้ด้วยนะ

    เเทนที่จะปฏิเสธไปเเล้วนอนอยู่ในห้องเฉยๆเเท้ๆ  

    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

    สถานที่ที่ไม่เคยอยู่ในลิสต์ที่อยากจะไป

    พ่นลมหายใจเเผ่วเบา ยังดีที่วันนี้ไม่ใช่วันคนเยอะอะไร ในร้ายขายของนี่ถึงไม่เบียดกันมาก

    เดินดูของไปเรื่อยๆ ชื่อก็บอกว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ของส่วนมากก็คืออะไรทั้งหลายที่มีสัตว์น้ำเป็นองค์ประกอบ

    หมวกลายสัตว์น้ำ กล่องคุกกี้ลายเเมวน้ำ สายห้อยกระเป๋าโลมา ตุ๊กตาฉลามนุ่มนิ่ม

    ซื้อไปนายน้อยจะโยนทิ้งหรือเปล่าเหอะ

    ซื้อให้นายท่าน...เขาคงมองฉันเเปลกๆเเหง

    ส่วนคุโรกิริ ตรงนี้ไม่มีเครื่องลางป้องกันโชคร้ายเลยแฮะ น่าเสียดาย ไว้คราวหน้าถ้าฉันไปวัดจะซื้อมาฝากเเล้วกัน

    ท้ายสุดฉันก็ได้ซื้อสายห้อยกระเป๋ารูปโลมามา น่ารักดี ซื้อเป็นสัญลักษณ์ว่าฉันเคยมาเยือนที่พิพิธภัณฑ์นี่เเล้ว เเต่จะใช้ไหมก็อีกเรื่อง

    หลังจ่ายเงินเสร็จเเล้วออกมาจากร้านเรียบร้อยก็มองซ้ายขวา อ่ะ คนชวนมาเที่ยวหายไป คงไม่หลงทางหรอกนะ

    ฉันขยับตัวหาที่หลบเเดด ยืนรอหน้าร้านของฝากสักพัก จ้องมองเงาของตัวเองบนพื้นอย่างไม่มีอะไรจะทำ

    ‘อย่าไปนะ’


    “โชซัง!”


    อ่ะ


    ฉันกะพริบตา หันไปมองนัตสึโอะที่ดูเดินตรงเข้ามา เสียงของเขาทำให้ฉันเพิ่งรู้ตัวว่ากำลังยืนโอนเอน เกือบล้มลงไปกองกับพื้นเเล้วถ้าไม่มีเขาเข้ามาช่วยจับไว้ก่อน

    “ไหนว่าไม่เป็นไรไงครับ” ดุฉันเหรอ

    “เเค่เผลอคิดอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ” สูดหายใจลึก มองพื้นที่เป็นทางต่างระดับเเล้วก็หวั่นใจ ถ้าล้มไปคงสภาพไม่สวยเเหง อยากน้อยก็คงมีเจ็บบ้าง “ขอบคุณนะคะนัตสึโอะคุง”

    เขาถอนหายใจ ค่อยๆปล่อยมือออกเเบบระมัดระวัง ทำท่าเหมือนกลัวฉันจะหน้ามืดล้มลงไปอีกรอบ

    “ฉันไม่เป็นอะไรเเล้วจริงๆนะคะ”

    “ไม่น่าเชื่อเลยครับ”  

    กล้าขัดตั้งเเต่เมื่อไหร่เนี่ย

    นี่คือสายสัมพันธ์ที่เริ่มพัฒนางั้นเหรอ

    บางทีฉันน่าจะ…

    สายตาสะดุดกับสิ่งหนึ่งที่เขากำไว้


    “นัตสึโอะคุง ในมือนั่นคืออะไรคะ”


    พอทักไปเเบบนั้นเขาก็รีบซ่อนของไว้ด้านหลัง ท่าทางไม่ปรกติสุดๆ คิดว่าฉันจะจับไม่ได้หรือๆไง

    ฉันยิ้ม จ้องหน้าโดยไม่พูดอะไร จนสุดท้ายเขาก็ทำท่ายอมเเพ้ เลิกทำท่างี่เง่าเหมือนพระเอกในการ์ตูนสักที

    เเบมือออกมา ใจกลางฝ่ามือคือสร้อยคอจี้โลมาสีเงิน


    “ผมว่าจะซื้อให้คุณ เเต่ก็ลืมไปว่าคุณไม่ชอบใส่เครื่องประดับ....ครับ”


    มันคงขายในโซนของประดับ ฉันเห็นผ่านตาเเล้วก็ไม่คิดจะเดินเข้าไป โซนนั้นมีเเต่ผู้หญิงทั้งนั้น ดูเหมือนเครื่องประดับจะเป็นของมีชื่อด้วยก็เลยพากันไปออทางนั้นหมด ดูเเล้วน่าอึดอัด

    เเถมในอากาศร้อนอบอ้าวเเบบนี้ถ้าไม่ตายเพราะโดนเหยียบ ก็คงเพราะโดนเเย่งอากาศหายใจไปเเหง

    ฉันมองจี้โลมานิ่ง คิดภาพผู้ชายตัวโตๆตอนเข้าไปรุมยื้อเเย่งสร้อยคอเลื่องชื่อกับเหล่าหญิงสาว

    ‘บอกมันไปว่าไม่ชอบไม่ดีกว่าหรือไง’  

    “อะ! ถ้าไม่ชอบก็ไม่เป็----”



    “ชอบค่ะ”



    ฉันยิ้ม

    “ฉันชอบสร้อยนี้ค่ะ ช่วยใส่ให้ทีได้ไหมคะ?”

    เขาหน้าเเดง ท่าทางดูตะกุกตะกัก เเต่ก็เข้ามาช่วยใส่สร้อยให้ ซึ่งใช้เวลานานโขกว่าจะเสร็จทั้งที่เป็นเรื่องง่ายๆ

    มองดูสร้อยที่ประดับบนคอเเล้วรู้สึกเเปลกๆ เพราะไม่ได้ใส่เครื่องประดับมานานเเล้วหรือเปล่านะ

    ฉันหยิบสายห้อยกระเป๋ารูปโลมาขึ้นมา วางไว้บนฝ่ามือเขา

    “งั้นอันนี้ของฉันค่ะ เเลกกันนะคะนัตสึโอะคุง”

    เขารับไป สีเเดงลามไปถึงหู เสียงขอบคุณเเผ่วเบา


    “โชซัง ผม...”


    เเสงอันเจิดจ้าทำเอาตาพร่าไปชั่วขณะหนึ่ง



    “นัตสึโอะ”



    ถ้ามันยังเป็นเเบบนี้ต่อไป….



    “ต่อไปเรียกโชก็พอนะคะ”





    …..





    ไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้นฉันถูกชวนไปงานดอกไม้ไฟ


    พูดถึงดอกไม้ไฟต้องนึกถึงอีเว้นต์ต่างๆสินะ พวกพระนางที่ขอคบกันตอนจุดดอกไม้ไฟมีเยอะจะตายไป

    ฉันนอนตีขาบนเตียงใหญ่ เอาคางหนุนหมอนนุ่ม ในมือเปิดการ์ตูนตาหวานที่ไม่ได้ซื้อมาอ่านนานเเล้ว

    -- เป็นรักสามเส้าล่ะ รันทดผิดกับหน้าปกสดใสเหมือนเเสงเเดดข้างนอก อะไรคือนายเอเพื่อนสมัยเด็กตกหลุมรักนางสาวผู้เจิดจ้า เเต่ เเต่ก็คือนางสาวคนนี้มีหนุ่มใหญ่บีเป็นเจ้าของแล้ว พ่วงด้วยตำเเหน่งคู่หมั้นอีกต่างหาก

    อ่านไปได้ครึ่งเล่ม นางสาวเจิดจ้าคนนี้เริ่มมีใจให้นายเอทั้งที่หมั้นอยู่

    ที่เริ่มมีใจให้เพราะหนุ่มบีติดธุระไปดูดอกไม้ไฟด้วยไม่ได้ หนุ่มเอก็เลยไปเเทน ฉากสารภาพรักอย่างโรเเมนติก

    เกิดเหตุการณ์ ‘เอคุง ฉันรักนายนะ เเต่ถ้านายไปชอบคนอื่นฉันก็…’ เป็นสิบรอบ เอคุงหนุ่มฮอตหลังได้ฟังประโยคนั้นจากนางสาวเจิดจ้าก็ปฏิเสธหญิงทุกคนที่เข้ามาหา หวังพิชิตใจเธอ ไม่ย่อถอยเเม้อีกฝ่ายมีคู่หมั้นอยู่

    อ่ะ เจอเเบบนี้ฉันเดาเลยว่าพระเอกต้องเป็นหนุ่มเอ ร้อยทั้งร้อยเป็นเเบบนี้ทั้งนั้น เเบบว่าความรักชนะทุกสิ่งน่ะ


    ทว่าภาพตัดมาในตอนสุดท้าย -- พระเอกคือหนุ่มบี


    สาเหตุุ : หนุ่มใหญ่บีรวยมาก ไม่พูดพร่ำทำเพลงจัดการโปรยเงินใช้อำนาจอย่างไม่เสียเปล่า เล่นหนุ่มเอซะจนยอมเเพ้ก่อนที่จะยอมตาย พลังเเห่งรักใช้ไม่ได้ผลอีกเเล้ว

    นางสาวเจิดจ้าเสียใจโดยไม่ได้รู้อะไรเบื้องหลังเลย ช่วงนั้นมีหนุ่มบีคอยปลอบ ใช้ความอ่อนโยนตะล่อมเรื่อยๆ

    เเล้วก็รักกัน จบอย่างเเฮปปี้


    --- ถ้าไม่มีตอนพิเศษท้ายเล่ม


    เเล้วฉันก็คิดว่าไม่น่าเผลอไปอ่านเลย  

    มันเป็นเรื่องหลังจากที่นางเอกกับพระเอกบีเเต่งงานกัน นางเอกไปคุ้ยจนรู้เรื่องเเผนการเมื่อตอนนั้นเข้า พอดิบพอดีกับที่พระเอกเริ่มเบื่อภรรยาจืดจางของตัวเองจึงคิดเล่นชู้…

    ห๊ะ?

    นายเอกลับมาพร้อมกับฐานะใหม่ มีเงินเเละมีอำนาจ กลับมาทวงคืนนางเอกเเละเเก้เเค้นนายบีเรื่องตอนนั้น

    นายบีไม่ยอม ใช้กำลังขืนใจนางสาวเจิดจ้าที่กำลังจะเป็นบ้า -- พอท้องป่องก็สติเเตกไปเเล้ว


    ต่อจากนั้น...ต่อจากนั้น


    ฉันขมวดคิ้วเมื่อไม่มีกระดาษเเผ่นต่อไปเเล้ว

    อ่ะ จบเเค่นี้เหรอ อะไรวะเนี่ย

    ล้อเล่นหรือไง



    “เธอจะฉีกหนังสือไม่ได้นะ”


     

    ฉันหยุดชะงักมือ ก่อนจะค่อยๆวางหนังสือลงบนเตียงเเล้วหันไปหาต้นเสียง -- นายท่าน เขาเอนหลังบนเก้าอี้นวมตัวใหญ่ หน้าจอคอมยังเปิดข่าวเรื่องฮีโร่ค้างไว้

    สายตาที่มองมาเหมือนกำลังมองเด็กมีปัญหา

    ฉันฉีกยิ้ม ทำเป็นไม่รู้เรื่อง “คิดว่าฉันจะทำจริงๆเหรอนายท่าน เมื่อกี้ก็เเค่ล้อเล่นน่า”

    เขาถอนหายใจ ดับหน้าจอก่อนจะลุกไปโซนห้องครัว เเถวเคาน์เตอร์บาร์ที่เรียงรายไปด้วยเครื่องดื่มเเอลกอฮอล์

    ปรกติเขาจะดื่มน้ำเปล่า ถ้าเช้าหน่อยก็ชาร้อนหรือกาเเฟสักเเก้ว ฉันยังไม่เคยเห็นเขาดื่มของพวกนี้สักที

    ฉันคว้าหมอนมากอด นอนกลิ้งไปบนเตียงกว้างขณะหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่านข้อความที่ส่งมาจากนัตสึโอะ


    ‘อยากไปดูดอกไม้ไฟด้วยกัน’


    กดอ่านเป็นร้อยรอบเเล้วเเต่ฉันก็ยังไม่ได้ตอบกลับ

    มือลูบจี้สร้อยคอที่เริ่มใส่จนชิน นี่เขาเรียกฤดูใบไม้ผลิมาเยือนใช่ไหม เเบบว่าฉันจะได้กลายเป็นนางเอกของเรื่องเเล้วงี้? เเหม ตำเเหน่งนางเอกผู้เจิดจ้าอันทรงเกียรติอยู่ใกล้เเค่ฉันตอบตกลงเท่านั้น

    ถอนหายใจ ละสายตาจากโทรศัพท์ไปมองบอสวายร้ายที่รินเครื่องดื่มให้ตัวเอง ฮัมเพลง เขาดูอารมณ์ดีนะ  

    จะมีใครฉิบหายหรือไง

    “นายท่าน คุณไม่คิดจะออกไปไหนเลยหรือไง กลายเป็นคนว่างงานไปเเล้วเหรอ”

    “เปล่า” เขาหัวเราะ “แค่ไม่มีความจำเป็นที่ฉันต้องลงมือเอง ในเมื่อมีคนคอยจัดการให้อยู่เเล้ว”

    “โอ้” น่าหมั่นไส้

    เท้าคางมอง ตีขาอย่างเบื่อหน่าย เห็นว่านายน้อยไปดูงานเเทนเขาล่ะ เกี่ยวกับการทดลองมนุษย์โดยการ -- ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย

    เเต่ตอนเช้า ย้อนไปสักสองสามชั่วโมงก่อนหน้านี้ เขา -- ท่านเฮงซวยกลับพูดขึ้นมาทั้งที่ยังไม่ได้ถาม

    เขาดูสนุกนะตอนที่ฉันปิดหูไม่อยากรู้

    ตั้งเเต่ย้อนวัยกลับมาในช่วงหนุ่มเเน่นเหมือนเดิมเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนไป เช่น พูดมากขึ้น อารมณ์ดีเหมือนวันพรุ่งนี้โลกจะกลายเป็นของเขา บางวันยิ้มบ่อยจนนึกว่าเป็นคนละคนกับนายท่านเเสนเย็นชาคนนั้น

    ในบางครั้งเขาก็ทำฉันจี๊ดที่สมอง

    สิ่งที่เหมือนเดิมคงมีเเค่การชอบหมกตัวอยู่ในห้อง ตามติดข่าวฮีโร่ ซึ่งผิดกับที่คาดไว้ เขาไม่ได้ไปคั่วสาวที่ไหนเลย

    เมล์ใหม่เข้ามา จากนัตสึโอะ

    ‘ผมจะรอนะ’

    ฉันหลุดยิ้ม เหตุการณ์เเบบนี้มันฉากในหน้านิยายเลยไม่ใช่หรือไง ที่ฉากหลังเต็มไปด้วยดอกไม้ จั๊กจี้หัวใจซะไม่มี

    ในที่สุดก็พิมพ์ตอบกลับไป

    : ค่ะ


    “ช่วงนี้เธอดูอารมณ์ดี”


    เขาพูดน้ำเสียงเรียบเอื่อย

    หรี่ตามอง ดื่มไปเเล้วครึ่งเเก้ว คงไม่เมาใช่ไหมเนี่ย

    ฉันหยุดตีขา คิดนิดหน่อยก่อนจะกลิ้งตัวไปมาบนเตียง เอาหมอนปิดหน้า -- ท่านางเอกเรื่องรักสามเส้าเมื่อกี้ทำเวลาเขินเวลาจะพูดถึงใครสักคน เธอน่ารักดีนะ ถ้าไม่นับตอนจบที่เป็นบ้าสติเเตก


    “ทั้งที่สวมเครื่องประดับที่ไม่ชอบเเท้ๆ”


    เขายังพูดต่อ น้ำเสียงติดขำขัน

    เสียงเเก้วกระทบกับเคาน์เตอร์

    ฉันเลื่อนหมอนที่ปิดหน้าออก สบสายตากับเขา





    “จี้โลมานั่นน่ะ”







    ฉันเพิ่งมาเข้าใจความหมายของรอยยิ้มนั้น


    ในวันที่นัตสึโอะได้รับบาดเจ็บ






    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    โช : ฤดูใบไม้ผลิของฉัน....



    ****



    นักเขียน : Fender-bender แปลว่า อุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆค่ะ :)

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×