คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : la langue
“ขอทักทายพวกเธอทุกคนที่สอบผ่านอีกครั้ง ฉันคือเจ้าหน้าที่ตัวแทนคณะกรรมการสอบชื่อเนเทโล่...”
ไข่เหยี่ยวแมงมุมอร่อยมาก
รสชาติเข้มข้นลึกล้ำราวกับจะละลายบนลิ้นได้ ต่างกับไข่ต้มปรกติราวฟ้ากับเหว น่าเสียดายที่ตอนแรกไม่รู้ว่ามันอร่อยขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นคงติดมือกลับมาอีกสักฟองสองฟองกินเผื่อมื้อค่ำด้วย การกินแค่ฟองเดียวไม่ช่วยให้อิ่มเลยสักนิด กระเพาะฉันยังเหลือที่ว่างอีกเยอะ…
ไม่ไหว
ไม่ไหวแน่ ๆ
ขืนใช้แรงไปมากกว่านี้คงหิวตายแหง
ฉันคร่ำครวญในใจ มือลูบท้องตัวเองขณะที่ทวนคำพูด ‘จุดหมายถัดไปคือพรุ่งนี้ตอน8โมงเช้า เชิญพักผ่อนได้ตามสบายจนกว่าทางเราจะเรียกหา’ แค่คิดว่าต้องออกแรงอีกรอบก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาแล้ว
ในขณะที่ฉันกำลังตายซาก สองคู่หูกลับชวนกันไปสำรวจเรือเหาะหน้าตาเฉย พลังล้นเหลือราวกับว่าการสอบที่ผ่านมาช่างแสนง่ายดาย พวกนายไม่หิวเลยหรือไงนะ? หรือว่ามีอีกกระเพาะไว้ตุนอาหารงั้นเหรอ?
ฉันพิงผนังอย่างอ่อนแรง กว่าจะสลัดตัวตลกออกไปได้ก็เหมือนเรี่ยวแรงถูกดูดออกไปหมด ไม่พอยังมาเจอคิรัวร์บ่นใส่ว่าชอบหายไปเรื่อย เกิดไปเตะตาตัวประหลาดเข้าจะทำยังไง...อื้อ ถ้าหมายถึงฮิโซกะล่ะก็ไม่ทันแล้วค่ะ
เจอการโจมตีสองต่อแบบนี้ทำเอาพลังชีวิตของฉันลดฮวบ ห่อเหี่ยวเหมือนต้นกล้าน้อยที่กำลังจะตาย
ฉันกวาดตามอง ว่าจะหาที่พักอย่างสงบสักที่ แต่สายตาก็ดันไปสะดุดกับทอมป้าที่เข้าไปคุยกับพวกเลโอลีโอเสียก่อน จะว่าไปแล้วนี่ใช่คนที่มาสอบหลายๆรอบไหมนะ? เห็นคนเรียกว่ามือพิฆาตเด็กใหม่---เอ๊ะ?
“ถ้าอยากจะเข้าสอบรอบถัดไปล่ะก็ แม้แต่ในเรือเหาะก็ระวังเนื้อระวังตัวไว้ก่อนดีกว่า-----”
“รู้ดีจังเลยนะคะ”
ฉันหรี่ตาลง เดินวนรอบคนที่ยืนตัวเกร็ง หลังตรงแน่ว ยื่นจมูกไปดมฟุดฟิดที่เสื้อของอีกฝ่าย พอสำรวจจนพอใจก็ผละออกมา ยิ้มแย้มอย่างไม่มีเจตนาร้าย
“แต่คงไม่แปลกสินะ เห็นผู้เข้าสอบคนอื่นบอกว่าคุณสอบฮันเตอร์มาหลายครั้งแล้วนี่” ฉันปรบมืออย่างชื่นชม “ตั้งแต่สอบรอบแรกแล้วคุณก็แนะนำคนอื่นไปไม่ใช่น้อย ๆ เลย ไว้คราวหน้ามาแนะนำฉันบ้างสิคะ”
“คะ ครั้งก่อนฉันก็เคยแนะนำไปแล้วนี่...” มือเช็ดเหงื่อที่แตกพลั่ก “อีกอย่างไม่ใช่ว่าเธอมีหมายเลข44...”
“เอ๋?”
“ก็การสอบปีก่อนรอบแรก...”
“จำไม่ได้เลยค่ะ...อืม เพราะงั้นคิดว่าฉันเป็นเด็กใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลยก็แล้วกันนะ?”
ฉันมองคนตรงหน้าด้วยสายตาชื่นชมไปอีกขั้น
“การสอบฮันเตอร์ยากทีเดียว ฉันเองแค่สองครั้งก็จะไม่ไหวแล้ว เห็นคุณทอมป้าพยายามไม่หยุดแบบนี้ต้องบอกว่าน่านับถือจริงๆค่ะ”
ก้าวเข้าไปขอจับมือด้วย ฉันยิ้มกว้าง สองมือเขย่ามืออีกฝ่าย ท่าทางตื่นเต้นเหมือนเจอคนที่ตัวเองชื่นชอบ
“ทั้งเรื่องที่ไม่อยากเป็นฮันเตอร์ ทั้งเรื่องที่มาสอบเอาความตื่นเต้นหรือเพื่อทำลายความหวังของคนอื่น มันก็ไม่ผิดหรอก ฉันเข้าใจค่ะ ความชอบกับอุดมการณ์ของแต่ละคนมันต่างกันนี่นะ ฉันเองก็ไม่ได้ดีถึงขนาดจะไปห้ามไม่ให้คุณทำด้วย..”
“แต่สองคนนี้สำคัญกับฉัน”
กระซิบให้ได้ยินแค่สองคน
“ถ้ายังมายุ่งอีก คราวหน้าฉันจะลงมือโดยถือว่าได้เตือนแล้วนะคะ”
ปล่อยมือที่จับเอาไว้ ถอยหลังออกมาและส่งยิ้มให้ เพียงเท่านั้นก็ทำให้อีกฝ่ายหน้าซีด วิ่งเตลิดอย่างกลัวตาย
ฉันกอดอก หัวเราะหึ หันไปบอกสองคนด้านหลังด้วยสีหน้าภูมิใจประหนึ่งได้ปกป้องพวกเขาจากคนชั่ว
“เท่านี้ก็ปลอดภัยแล้วล่ะค่ะ!”
“...ขู่อะไรเขาไปล่ะนั่น” เลโอลีโอวางมือบนไหล่ฉัน มองทอมป้าที่หนีไปไกลลิ่ว ทำหน้าเหมือนไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเอือมฉันก่อนดี “ตัวแค่นี้ยังจะเปรี้ยวอีก เกิดเจ็บอะไรมาพี่ชายเธอจะไม่ฆ่าพวกเราตายเรอะ”
“ไม่ตายหรอกน่า พวกคุณแกร่งจะตาย!”
“พวกเราไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แล้วคำพูดแค่นั้นก็ไม่จำมาใส่ใจหรอก” คุโรปิก้าเอ็ด “จะว่าไปเห็นทอมป้าพูดว่าครั้งก่อน...เธอไม่ได้มาสอบครั้งแรกเหรอ?”
“ค่ะ พอดีมีปัญหานิดหน่อย...” ฉันหัวเราะแห้ง ไม่พูดถึงเรื่องสมรู้ร่วมคิดกับฮิโซกะ คว้าดาบมาแทงกรรมการรอบสุดท้ายจนอีกฝ่ายเกือบม่องเท่ง
“แล้วที่ทอมป้าบอกว่าเคยแนะนำเธอ?”
“ไม่รู้สิคะ” ฉันยักไหล่ เรื่องเมื่อปีก่อนนอกจากฮิโซกะแล้วอะไรก็ไม่เข้าตาทั้งนั้นแหละ “พอดีฉันลืมง่ายน่ะ”
“ลืมเนี่ยนะ?”
“อื้ม!”
เพราะไม่ใช่อาหารก็เลยไม่ได้จำล่ะมั้ง?
คนที่ไม่มีกลิ่นไม่มีรสแบบนั้นกินไม่ได้สักหน่อย
ถ้าปีนี้ไม่ได้มายุ่งกับอาหารอันแสนสำคัญของฉัน จะชื่ออะไร ทำวีรกรรมไหนมาบ้าง ฉันก็ไม่สนหรอก
คุโรปิก้าทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “คงไม่ใช่ว่าเจอกันครั้งต่อไปเธอจะลืมพวกเราหรอกนะ?”
โฮๆ จะลืมได้ยังไงคะ คุณเป็นคนสำคัญเชียวนะ
เห็นฉันทำหน้าสะเทือนใจเลโอลีโอก็ทำมือปัดเหมือนไม่ต้องพูดต่อก็ได้ เขาปิดปากหาว ดูเหนื่อยเต็มที
“ช่างเถอะ ฉันเข้าใจว่าการสอบมันยาก กว่าจะผ่านมาได้~หาว~ตอนนี้ฉันอยากจะหลับเป็นตายมากกว่า...”
ว่าแล้วก็ลากคุราปิก้าที่คิดจะทดสอบสมองปลาทองของฉันไปด้วย
“เธอก็ตามมาสิ”
ฉันกะพริบตา ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ฉันเหรอคะ?”
“แถวนี้ก็มีเธอแค่คนเดียวไม่ใช่รึไง” เลโอลีโอเลิกคิ้ว “อย่าบอกนะว่าจะไปสำรวจเรือเหาะอีกคน?”
“เปล่าค่ะ ฉันว่าจะไปนอนที่อื่น” ฉันไม่ใช่พวกมีพลังเหลือล้นอย่างคิรัวร์ แถมร่างกายตอนนี้ก็อ่อนเปลี้ยอย่างมาก ไปสำรวจเรือเหาะอันกว้างใหญ่ตอนนี้ก็ตายพอดี
“ฉันจะนอนตรงนู่นแหน่ะ”
“อีกฟากเนี่ยนะ?” เขามองอีกฝั่งที่เต็มไปด้วยผู้เข้าสอบดูไม่น่าไว้ใจ “กลัวฉันกับคุราปิก้าจะทำอะไรไม่ดีรึไง เห็นแบบนี้ฉันก็เป็นสุภาพบุรุษนะ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
เชิญชวนสินะ นี่คือการเชิญชวนสินะ? โฮๆ ได้โปรดอย่ามายั่วกันตาใสแบบนี้ กระเพาะฉันจะร้องไห้แล้ว!
ฉันก้มหน้าแอบปาดน้ำลายมุมปาก ตอบปฏิเสธไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นที่สุด ก่อนจะวิ่งปราดไปอีกฝาก ขีดเส้นกั้นระหว่างตัวเองกับอาหารที่กินไม่ได้อย่างรวดเร็ว ถือว่าเตือนแล้วนะ ถ้าก้าวเข้ามาจะกินแล้วนะ!
เข้ามาเลย!
...
...ทำไมไม่เข้ามาล่ะ
ฉันอุตส่าห์เบิกตาค้าง สองมือรอตะครุบอยู่นาน ทว่าก็ไม่มีอาหารคนไหนก้าวผ่านเขตอันตรายเข้ามาสักคน
สองอาหารแสนสำคัญพอเห็นฉันวิ่งไปอีกฝั่งก็ไม่ได้ตามตื้อต่อ พากันไปหาที่งีบ จากนั้นก็หลับเป็นตายไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้สักนิด กะ--กรนอีกต่างหาก!
ฉันได้แต่เก็บสองมือลงไปด้วยความช้ำใจ พิงผนังแข็งๆแล้วนอนขด กอดตัวเองเหมือนเป็นดักแด้ ข่มตานอนให้หลับ มองข้ามเสียงร้องไห้ของน้ำย่อยในกระเพาะ ดีที่มันย่อยจริงๆไม่ได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงเหลือแต่ซาก
ฮื่อ
พี่ชายพี่สาว หนูคิดถึงจังเลย
(1)
ในความฝัน ชีวิตการเป็นน้องนั้นแสนสุขมาก
อย่างเช่นการที่ไม่ต้องออกไปหาอาหารเอง แต่จะมีพวกพี่เอาอาหารมาให้ หรือบางครั้งก็อุทิศร่างบางส่วนของตัวเองให้ชิม แลกกับให้ฉันช่วยงานนิดหน่อย และไม่ต้องออกไปเถลไถลที่ไหนให้โดนจับไปประมูลอีก
ในขณะที่คนอื่นโตวันโตคืน เหมือนเติบโตได้ไม่มีที่สิ้นสุด ฉันกลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ ส่วนสูงกับรูปลักษณ์ไม่เคยเปลี่ยน ใบหน้าแต่ก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น
ข้อดีคือเพราะถูกมองว่าเป็นเด็กจึงได้รับตำแหน่งน้องไปโดยปริยาย เวลาว่างๆก็โดนพวกพี่สาวจับแต่งตัว จะออกไปไหนก็ต้องมีพี่ชายคนหนึ่งตามประกบอยู่เสมอ
ส่วนข้อเสีย
‘ไปฉลองไม่บอกหนูอีกแล้ว’
...ก็เพราะเป็นน้องนั่นแหละ
ฉันไม่ค่อยได้ออกไปร่วมมือกับคนอื่นเท่าไหร่ วันๆก็เอาแต่อยู่ในที่พักชั่วคราว นั่นล่ะคือช่องโหว่ กว่าจะรู้ว่าพวกเขาเสร็จงานและพากันไปดื่มฉลองก็สายไปแล้ว ฉันไปร่วมวงด้วยไม่ทัน ผลคือถูกทิ้งอย่างโดดเดี่ยว
แรก ๆ ก็ฮึดฮัดจะไปด้วยให้ได้ แต่พอไปแล้วยังไง สุดท้ายเครื่องดื่มที่เหล่าพี่ชายพี่สาวอนุญาตให้เข้าปากได้ก็มีแค่สิ่งที่ไร้แอลกอฮอล์
ไม่ว่าจะเป็นครั้งที่สอง สาม หรือสี่ ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง ช่วงหลังนี้ฉันถึงปลงตก ไม่ตื้อแล้วก็ได้ แต่เปลี่ยนแผนเป็นโกรธแล้วขอกินแทน
พวกพี่เก่งมาก ดังนั้นจึงเดาได้ง่าย ๆ เลยว่าวันไหนจะไปหรือไม่ไป ถ้ากลับช้ากว่าทุกทีฉันจะเดินวนเวียนในที่พัก แวะไปนั่งเล่นนอนเล่นเฉพาะห้องที่พวกพี่อนุญาตให้เข้า ถ้าเจอขนมหรือชิ้นส่วนอาหารในห้องคนใดคนหนึ่งก็กินได้ เพราะเป็นของที่จะให้ฉันภายหลังอยู่แล้ว
ทว่าช่วงหลังมานี้ถูกบอกว่ากินเยอะมากไปจนนุ่มนิ่มไปหมด ขนมที่สามารถหาได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปิดประตูเข้าไปจึงหายากขึ้นอีกเป็นหลายเท่า พวกพี่ต่างเอามันไปซ่อนหมด ไม่เว้นแม้แต่หัวหน้า ถึงจะให้ทีหลังปริมาณมันก็น้อยกว่าเดิมจนกินไม่อิ่มอยู่ดี
ในตอนที่ฉันช้ำใจกับเรื่องปริมาณขนมอันแสนน้อยนิด และคิดจะแอบออกไปข้างนอก จู่ ๆ ฉันก็ไปพบความลับเข้าว่าท่ามกลางคนที่งดของหวาน ยังมีพี่ชายคนหนึ่งแอบเก็บมันไว้ให้ฉันอยู่
เป็นพี่ชายที่ตัดหัวคนอื่นได้ตาไม่กะพริบ สนุกกับการต่อสู้ แถมยังโดนพี่คนอื่นบอกว่าเหี้ยมโหดอยู่บ่อย ๆ
‘ทำไมไม่กลับห้อง’
‘หนูยังกินไม่หมด’
ฉันหยิบลูกอมน้ำผึ้งอันสุดท้ายในขวดโหลเข้าปาก เอาล่ะ ทำลายหลักฐานเรียบร้อย ถ้าพี่คนอื่นเข้ามาค้นในห้องเขาก็ไม่เจอขนมแล้ว
ถึงจะรู้สึกผิดนิดหน่อยที่มาแอบกินแบบนี้ แต่กระเพาะฉันน่าสงสารนี่นา
‘ทีหลังอย่าเอามากินบนเตียง’
ฉันวางขวดโหลไว้บนพื้น ‘อื้อ’
เขาปีนขึ้นมาบนเตียง คว้าเอาหมอนไปหนุน ด้วยความที่พื้นที่เตียงเล็กนิดเดียว พอเพิ่มคนเข้ามาแบบนี้ก็แทบจะทำให้ฉันถูกเบียดตกเตียงอยู่รอมร่อ
‘ขยับให้หนูหน่อย’
เขาปรือตาขึ้นมา ‘เรื่องมาก’
อ๊ะ ขยับแล้วก็มีพื้นที่นี่นา
จะว่าไปถ้าไม่นับเรื่องความเหี้ยมกับใบหน้าที่ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ฉันก็ชอบพี่ชายคนนี้มาก เพราะเขาชอบเอาอาหารที่จัดการได้มาให้ฉันบ่อย ๆ ถึงจะบอกว่าเป็นแค่ขยะ แต่รสชาติก็ยอดเยี่ยมอยู่ดี
‘พรุ่งนี้อยากกินเค้กจัง’
‘ไปบอกคนอื่น’ เขาขมวดคิ้วทั้งที่ยังหลับตา ตอบอย่างรำคาญ ‘พรุ่งนี้ฉันไม่อยู่แล้ว ต่อไปก็หากินเองแล้วกัน’
‘ถ้าอย่างนั้นหนูจะโกรธพี่แล้วขอกิน’
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาพี่คนนี้ยังไม่ให้ฉันชิมเลย!
‘ไม่ใช่แค่ฉัน คนอื่นก็เหมือนกัน’ มือยืดแก้มฉันออก ‘กว่าจะรวมกันคงอีกนาน เธอก็ตัดสินใจเองแล้วกันว่าจะออกไปอยู่คนเดียว หรือไปเที่ยวกับใครสักคน’
ถ้าอย่างนั้นที่ฉลองนี่ก็ฉลองก่อนแยกย้ายน่ะสิ
แล้วทิ้งฉันให้โดดเดี่ยวนี่นะ
‘หนูจะย้อนเวลากลับ...’
‘เป็นบ้ารึไง’
ฉันฮึดฮัด แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจากมุ่ยหน้า จะตีแขนตีขาไม่พอใจก็กลัวไปถูกคนด้านข้างแล้วถูกฟันฉับกลับมา
‘ก่อนจะแยกก็อยากดื่มฉลองบ้างนี่’
‘เป็นเด็กเป็นเล็ก’
‘ครั้งหน้าไม่พลาดแน่…โอ๊ย!’ ฉันจับแก้มที่ถูกยืดจนเจ็บ น้ำตาแทบเล็ดออกมา ‘ทำไมพวกพี่ชอบดึงแก้มหนู’
‘มันขม’
อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้นะเจ้าผู้ร้ายยืดแก้ม!
ฉันยกสองมือประกบหน้า ปกป้องแก้มสุดฤทธิ์
‘แค่ไหนล่ะ’ อาหารห่วยฉันก็เคยกินมาแล้วน่า
สักพักกว่าพี่ชายจะตอบ
‘ขมกว่า...ลูกกวาดทั้งหมด’
เปรียบได้ไม่น่ากลัวสักนิด
‘อยากกินอยู่ดี’
‘อย่ามาบอกฉัน’
‘ถ้าไม่บอกแล้วพี่โกรธ เจอคราวหน้าก็อดขนมสิ’
อีกฝ่ายดูไม่อยากรับรู้อะไร มือคว้าหมอนอีกใบมาปิดหู พลิกตัวนอนหันหลังให้ ขีดเส้นไม่ให้รบกวนเด็ดขาด
ฉันส่งเสียงฮืมๆในคอ พอคิดว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปจะไม่มีคนแอบเอาอาหารมาให้อีกแล้วก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ขยับไปใกล้อีกฝ่าย ดีที่อากาศของเมืองนี้ค่อนข้าวหนาว แทนที่จะเบียดกันแล้วรู้สึกอบอ้าวจึงกลายเป็นความอุ่นแทน
ฉันแนบหน้าผากกับหลังของเขา พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยที่สุด ‘ไม่มีพี่แล้วกระเพาะหนูต้องร้องไห้แน่’
เพราะงั้นอยู่ต่ออีกนิดเนอะ? หาเสบียงเพิ่มให้หน่อย ไม่งั้นก่อนไปก็เฉือนเนื้อทิ้งไว้ให้สักนิดก็ได้
น่าเสียดายที่เหมือนพี่ชายคนนี้จะไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว เตรียมนอนอย่างเดียว ฉันร้องฮึ่ม ถูแก้มกับหลังอย่างหงุดหงิด ‘มีคนบอกว่าถ้าดื่มในฤดูหนาวจะช่วยให้ตัวอุ่นขึ้นด้วยล่ะ’
‘...’
‘ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากลองบ้าง’
‘...’
‘อยากดื่มกับพี่เฟย์’
...เพราะคนอื่นน่าจะปฏิเสธหมด
ถอนหายใจ กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วกลับห้องตัวเองอย่างห่อเหี่ยว แต่แล้วจู่ ๆ ก็ถูกดึงข้อมือจนหงายหลังล้มลงบนเตียง ฉันกะพริบตา มองคนที่คิดว่าจะหลับที่ขึ้นมาอยู่บนตัว กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
‘พรุ่งนี้ก็ลืมไปซะ’
นิ้วไล้กลีบปาก
ดวงตาคู่นั้นสว่างภายใต้ความมืด
‘แลบลิ้นออกมา’
(2)
หวาน…เหมือนน้ำผึ้ง
นี่มัน...
“ตอนนอนก็ยังจะกินได้อีกเหรอเนี่ย♥”
ไม่ใช่
ฉันกะพริบตาปรับภาพพร่ามัวที่มองเห็น
เมื่อชัดเจนขึ้นก็เห็น...ตัวตลก
ตัวตลกที่น่าจะไล่ไปได้แล้วตอนนี้กลับอุ้มฉันมานั่งบนตัก กักไว้ด้วยสองแขน ผ้าห่มที่เอามาจากไหนไม่รู้คลุมไว้บนตัวฉันอีกที
ฮิโซกะชูหลังมือตัวเองขึ้นมาให้เห็นรอยแดงกับรอยกัดที่ประทับบนนั้น แสร้งทำเสียงเหมือนคนถูกรังแก
“ที่รักเป็นคนทำล้วน ๆ เลย♣”
รสน้ำผึ้งยังติดบนปลายลิ้น ไม่ขมเหมือนในฝัน
ฉันสะบัดหัวไล่ความมึนเบลอออกไป ลุกขึ้นจากตักของตัวตลกอย่างโซซัดโซเซ พอจะถูกอีกฝ่ายจับก็ปัดมือออก
“หนูจะไปเดินเล่น...พี่ไม่ต้องตามมา”
ทำไมถึงทำหน้าประหลาดแบบนั้นนะ
อา...ช่างมันเถอะ
------
พอมานั่งพักจนรู้สึกสร่างขึ้นมาบ้างแล้ว จู่ ๆ ก็ถูกชวนเล่นเกมโดยตาแก่คนหนึ่งที่เดินผ่านมาพอดี
กติกาคือ ‘ถ้าเอาบอลไปได้จะให้เป็นฮันเตอร์’ ความง่ายดายนี้ทำเอาฉันอารมณ์ดีขึ้นมาหลายส่วนเมื่อคิดว่าจะได้ไม่ต้องไปสอบใช้แรงให้ยุ่งยาก ก่อนอารมณ์จะดิ่งลงทันทีเมื่ออีกฝ่ายเอ่ยประโยคต่อมา
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่กับแม่แล้วหรือยัยหนูจี?”
เนิ่นนานกว่าจะยิ้มกลับไปได้ “เปล่าค่ะ”
“อย่างนั้นเรอะ เฮ้อ น่าเสียดาย” ประธานสมาคมลูบเคราตัวเอง “ครั้งล่าสุดที่ได้เจอก็เมื่อกี่สิบปีมาแล้วนะ? ตอนนั้นฉันแพ้แม่เจ้าราบคาบเลยต้องยอมทำตามคำขอ เล่นซะเลือดตาแทบกระเด็น เจ้าเองก็ติดแม่มาก...”
“แค่ได้ลูกบอลก็พอสินะคะ?”
เมื่อรู้ว่าพูดมากไปอีกฝ่ายก็หยุด หันมาพยักหน้าให้ มือโยนลูกบอลเล่น “ถ้าคิดว่าเข้ามาแย่งไปได้ล่ะก็นะ”
“ถ้าเกมจบเร็วทำตามคำขอสองข้อให้ฉันได้ไหมคะ”
อีกฝ่ายมองฉันด้วยสายตาไม่ไว้ใจเหมือนกลัวว่าจะถูกฉันใช้เหมือนท่านแม่ จนฉันต้องรีบพูดต่อไม่ให้เข้าใจผิด
“ข้อแรกขออาหารเลิศรส ส่วนข้อสอง หลังจากจบเกมแล้วฉันยังสามารถอยู่ต่อดูการสอบได้”
“จะว่าไปแล้วเจ้าเองก็มีเพื่อนกับเขานี่นะ...” ตาแก่พยักหน้ากับตัวเอง “ตกลง คำขอสองข้อนั้นฉันทำให้ได้”
เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารแล้ว
ฉันยิ้มอย่างเกียจคร้าน แบมือออก
“ขอบอลหน่อยสิคะ”
ง่ายจนน่าเบื่อจริงๆ
(3)
“มาเล่นเกมใหม่อีกครั้งซิ!”
ในที่สุดก็ได้กินอาหารดี ๆ แล้ว
ฉันจัดการชิมสเต็กที่ทำโดยฮันเตอร์เลิศรสเม็นจิ คนเดียวกับที่ให้ผู้เข้าสอบทำซูชิแล้วพังพินาศ ถึงเกณฑ์ผ่านจะโหดหินไปหน่อย แต่มาถึงตอนนี้ก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย คนที่ลิ้นลิ้มรสและทำแต่อาหารชั้นเลิศการจะให้ซูชิของมือสมัครเล่นผ่านคงเป็นไปไม่ได้
เนื้อคุณภาพเยี่ยมที่ถูกเลือกสรรมาไม่มีความเหนียวให้น่ารำคาญใจสักนิด มันนุ่มจนเหมือนจะละลายบนลิ้น ทุกครั้งที่เคี้ยวก็รับรู้ได้ถึงความชุ่มฉ่ำจากไขมันที่แทรกซึมอยู่ในกล้ามเนื้อ เข้ากันได้ดีกับซอสกลมกล่อม
กินหมดไปจานนึงก็ต่อด้วยซีซาร์สลัด ชีสที่นุ่มละมุน ตามด้วยของหวานที่เป็นไอศกรีมตัดรสผลไม้ ถึงจะไม่ใช่ฟูลคอร์ส แต่ฉันก็พอใจกับอาหารมื้อนี้มาก
“ยัยหนูจี ฟังตาแก่คนนี้อยู่หรือเปล่า!?”
ฉันหยิบผ้ามาเช็ดปาก ตบพุงอย่างอิ่มแปล้
หยิบฮันเตอร์การ์ดที่ว่ากันว่าถ้าขายไปจะทำให้มีกินมีใช้ไปทั้งชาติขึ้นมาดู เพ่งพินิจมองยังไงก็ไม่ต่างจากการ์ดสะสมธรรมดา ฉันขมวดคิ้ว เริ่มไม่มั่นใจ “นี่ของจริงแน่นะคะ?” หรือที่จริงเขาโกหกแล้วให้การ์ดปลอมมา
“ของจริงแน่อยู่แล้ว เจ้าเอาไปใช้ตอนนี้เลยก็ได้!”
ตาแก่ยังคงไม่หยุดโมโหจากเมื่อกี้ ได้ยินฉันกล่าวหาว่าต้มตุ๋นก็พิโรธผมชี้ฟ้า แทบจะบีบลูกบอลในมือเละ
“กินเสร็จแล้วก็มาเล่นอีกสักครั้ง คราวนี้เจ้าต้องเอาจริงบ้าง มีแย่งบอลที่ไหนยืนนิ่งแบบนั้น ขนาดเพื่อนของเจ้ายังพยายามมากกว่านี้เลย!”
โปรดอย่าเอาฉันไปเทียบกับพวกพลังเหลือเฟือ!
มองคนวัยทองด้วยสีหน้าปลาตาย เมินคำพูดเมื่อกี้แล้วกวาดสายตาหาทางออก ก่อนหน้านี้ฉันลำบากหิวโหยมาตั้งเท่าไหร่ ทำไมจะต้องไปออกแรงชิงบอลอีก นอกจากหาประโยชน์ไม่ได้แล้วยังสิ้นเปลืองพลัง---
ฉันชะงัก นับเวลากินกับเล่นอยู่นี่แล้วก็กลืนน้ำลาย หน้าของน้องแมวตอนหงุดหงิดลอยเข้ามาในหัวทันที
หันไปบอกท่านประธานอย่างยิ้มแย้ม
“มาเล่นอีกสักครั้งก็ได้ค่ะ”
---------
ฉันมองของหวานที่บรรจุไว้ในกล่องอย่างดีด้วยความพึงพอใจ เล่นหนึ่งครั้งแลกกับขนมจากฮันเตอร์เลิศรสหนึ่งชนิด เพราะโดนคะยั้นคะยอให้เล่นต่อไปอีกหลายครั้งของที่ได้รับมาก็เลยเยอะหน่อย
ทั้งมาเดอลีน คาเนเล่ ทาร์ตผลไม้ เค้ก ฉันไม่รู้ของที่คิรัวร์ชอบก็เลยพยายามนึกแต่สิ่งที่เขาเคยกินแล้วบอกว่าไม่ได้แย่มา อย่างน้อยถึงจะไม่ใช่ของโปรด แต่ก็คงกินได้โดยไม่รู้สึกฝืนใจ
“เจ้าจะกินทั้งหมดนั่นจริง ๆ รึ?” ประธานเนเทโล่มองกองของหวานสลับกับฉันด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก “ฉันว่านี่ออกจะมากไปหน่อย...”
“เอาไปให้เพื่อนต่างหากค่ะ” ถึงจะชอบมากแต่ฉันก็มีขีดจำกัดเหมือนกันนะ! “คิรัวร์ กอร์น เลโอลีโอ แล้วก็คุราปิก้า มีตั้งหลายคน ต้องกินเผื่อใช้พลังด่านต่อไปด้วย...” เล่นอีกสักรอบดีไหมนะ? เผื่อกินไม่อิ่มจะยังไง
“ขืนเล่นกับเจ้าอีกครั้งฉันต้องโดนหนูเม็นจิว่าแน่ที่ใช้งานหนัก” ตาแก่ส่ายหน้า “ไม่คุ้มเอาเสียเลย ขยับของเจ้าก็แค่วิ่งมาสองสามก้าว สุดท้ายก็ขอบอลฉันอยู่ดี”
แต่ก็ขยับแล้วนะ!
ฉันใช่สายใช้พลังเสียเมื่อไหร่ การสอบรอบแรกวิ่งมาได้ขนาดนั้นก็เพราะวาร์ปช่วยกับโดนเจ้าแมวดึง ไม่งั้นฉันคงเดี้ยงไปตั้งแต่ครึ่งทาง มาถึงด่านนี้ไม่ได้แน่
แอบฉกขนมเข้าปากชิ้นนึง ก่อนจะหอบทั้งหมดไว้ในแขน ภารกิจสำเร็จ ทั้งได้กินทั้งได้ผ่านด่าน ต่อไปฉันก็แค่เฝ้ามองพอ ไม่ต้องออกแรงหรือทนหิวแล้ว สบายสุดๆ
“จะเอาขนมพวกนั้นไปให้จริง ๆ หรือ” ประธานหรี่ตาลง “เจ้าได้บอลจากฉันทุกครั้ง กลับกันเพื่อนของเจ้าที่พยายามถึงที่สุดแค่ทำให้ฉันใช้แขนได้เท่านั้น ยกของที่ชนะให้แบบนี้ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมองว่าเจ้าดูถูกหรือไงกัน”
สร้างความร้าวฉาน!
ฉันมองอีกฝ่ายประหนึ่งเป็นตัวร้ายที่คิดเป่าหูให้เข้าใจผิด แพ้แล้วพาลสินะ? คิดจะให้อาหารของฉันอดตายสินะ? หรือที่จริงแล้วคุณปิดบังความชั่วร้ายของตัวเองโดยใช้ชื่อประธานบังหน้า ลับหลังคือเจ้าพ่อวงการใต้ดิน!
เบะปากอย่างไม่ปิดบัง
“ฉันไม่หลงกลคุณหรอก!”
“หลงกลอะไร?!” ประธานพิโรธจนหน้ามืด กุมหน้าผากเซถอยหลังคล้ายจะเป็นลม “ฉันแค่พูดเผื่อไว้ เจ้านี่ไม่เข้าใจเสียเลย...แต่ก็เอาเถอะ เพื่อนของเจ้าดูไม่น่าจะใช่คนคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องพวกนี้”
หลังสงบอารมณ์ได้ก็ลูบเคราอย่างสุขุม
“อะแฮ่ม ถ้ายังไงคราวหน้าบอกให้แม่เจ้ามาสู้...”
เบื่อชีวิตแล้วรึไงคะ
ฉันทำหน้าไม่รับรู้ คว่ำปากใส่คนที่ยังไงก็ยังไม่ยอมแพ้เรื่องการต่อสู้บ้าๆบอๆ จากนั้นก็หนีโดยการวาร์ปทันที
-----------------
หลังจากนั้นก็แบ่งขนมกินด้วยกันอย่างอร่อย
น้องแมวไม่ได้ถามว่าฉันเอาขนมมาจากไหน แต่ถามว่า ‘ทำไมต้องเอามาเยอะขนาดนี้’ พอฉันตอบไปตามตรงว่าจำขนมที่เขาชอบไม่ได้ น้องแมวก็ตบหัวฉันปุปุ ถอนหายใจเหมือนปลงตกกับอะไรสักอย่าง
“อยากหมั่นไส้แต่ก็ทำไม่ลง...”
ท่าทางห่อเหี่ยวต่างกับกอร์นลิบลับ ฝั่งตัวเอกนั้นพอได้ฟังก็ยิ้มเจิดจ้าจนทำเอาแสบตา ถามว่าทำให้ตาแก่ขยับตัวได้ยังไง เก่งจังเลย สมเป็นน้องคิรัวร์...โฮๆ ที่จริงฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เขาให้บอลมาเอง!
หยิบทาร์ตมากินเยียวยาความช้ำใจ ก้มหน้าหลบรอยยิ้มอันเจิดจ้าของคุณตัวเอก ไม่อยากพูดความจริงทำลายความฝันของเขาเลย อย่ามาคาดหวังกับฉัน สงสารฉันหน่อย ฉันอ่อนแอขนาดผลักนิดเดียวก็ล้มแล้ว!
ฮื่อ กดดันจนอยากจะกินอีก…
“เธอไม่กินเยอะไปหน่อยเหรอนั่น?”
ฉันเงยหน้าไปมองเลโอลีโอ “อื๋อ?” ส่งเสียงในคอตอบกลับไป พูดไม่ได้เพราะทาร์ตผลไม้ยังคาอยู่ในปาก
“ภายนอกดูไม่น่าจะกินเยอะนา...”
“อย่าดูถูกไป เห็นแบบนี้แต่ปริมาณการกินของยัยเอ๋อเกือบจะเท่ากับพี่คนรองของฉันเชียว” คิรัวร์มองเลโอลีโอเหมือนว่าเขาช่างไม่รู้อะไร “เป็นตัวเขมือบของแท้!”
“คงจะเป็นผลมาจากการใช้พลังล่ะมั้ง? พวกที่ดูแค่ภายนอกไม่ได้ก็มีให้เห็นบ่อย ๆ” คุราปิก้าลูบคาง ดวงตาหรี่ลงเพ่งสำรวจ “แต่ถ้าที่กอร์นพูดมาเป็นความจริง...ฉันนึกภาพคนที่กินเหมือนแฮมสเตอร์แบบนี้แย่งบอลจากประธานเนเทโล่ไม่ออกเลย”
ฮ--แฮมสเตอร์!
กอร์นห้าม “น่าๆ ไอเขาก็แค่ชอบกินเฉยๆเอง”
ฉันมองเค้กที่ถืออยู่
อือ
...บางทีควรจะพอแค่นี้ดีกว่า
(4)
“ที่นี่คือหอคอยทริคทาวเวอร์ เป็นจุดเริ่มต้นของการสอบรอบที่3”
คุณถั่วอธิบาย
“ต่อไปคือเนื้อหาของการสอบ เป็นข้อความที่กรรมการฝากมา ‘รอดชีวิตไปถึงด้านล่างให้ได้’ ให้เวลา72ชั่วโมง”
ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้
ฉันแทบร้องไห้เมื่อถูกเจ้าแมวดึงให้ลงมาจากเรือเหาะด้วยกัน รู้ตัวอีกทีก็ได้ลงมารวมกับผู้สมัครคนอื่น เตรียมตัวสอบอีกครั้งเสียแล้ว โฮ มาช่วยฉันทีคุณถั่ว ท่านประธานของคุณให้ฉันผ่านแล้วนะ!
“พวกเราแยกกันหาทางเข้าก็แล้วกัน”
ฉันนวดขมับ รู้สึกเหนื่อยล้าขึ้นมาทันที
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะนอนแผ่ข้างบนนี้ครบ72ชั่วโมงไม่ขยับไปไหนเลย แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะมีคนมารับหรือเปล่านี่สิ จะปีนลงไปด้านล่างก็มีผู้สมัครดวงซวยเป็นตัวอย่างของความสยดสยองให้ดูแล้ว
เพราะงั้น…
ก็มีแต่ต้องเล่นเกมนี้จนผ่าน---
“โอ๊ะ บังเอิญจัง♣”
---ไม่น่าผ่านแล้ว
ฉันกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา คิดในใจว่าวันนี้เป็นอะไรกันนะ โชคดีใช้หมดแล้วเหรอถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาเจอตัวตลกด้วย อยู่กับเขาทีไรฉันซวยทุกที ฮือ ใช้แรงกายไม่พอยังต้องมาใช้แรงใจอีก!
“ย--แยกกันไปก็แล้วกันนะคะ...”
“อิลูมิฝากมาถามว่า ‘พากันหนีออกมาสนุกไหม’ น่ะ”
ฮิโซกะยิ้มหน้าระรื่นขัดกับเนื้อหา ทำเอาฉันที่กำลังจะย่องออกไปอย่างเนียน ๆ หยุดชะงัก เหงื่อแตกพลั่กเหมือนเด็กถูกจับได้ ในหัวมีแต่คำว่าตายแล้วกับตายแล้ว
แค่ฝากเพื่อนมาฉันยังสัมผัสได้ถึงความอาฆาตขนาดนี้...ชีวิตอันสงบเริ่มไม่ปลอดภัยแล้ว!
“ไหนๆก็ไหนๆ ที่รักก็มากับเค้าแล้วกัน♠”
ฉันจำต้องพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ พับแผนจะเดินเล่นหาคิรัวร์กลับลงไป เดินตามหลังฮิโซกะต้อยๆ ถ้าเจออิลูมิอย่างน้อยก็มีตัวตลกเป็นโล่ ถึงจะถูกเข็มปักเป็นเม่น แต่ฉันก็ขอเป็นเม่นที่ขนน้อยแล้วกัน
เดินตามมาได้สักพักก็เริ่มเอ๊ะเอ๋
ทำไมทางเดินมันเริ่มมืดลงเรื่อย ๆ นะ อุณหภูมิก็ลดต่ำ ทางแยกกับบานประตูก็ผุดขึ้นมาเยอะเหมือนดอกเห็ด...บรรยากาศเหมือนกำลังผจญภัยอยู่ในหนังระทึกขวัญนี้ทำให้ฉันขนลุก ถึงผีจะน่ากลัวน้อยกว่าฮิโซกะ แต่ถ้าเกิดมันโผล่มาแอ่แฮ่ฉันเองก็ช็อคได้เหมือนกัน
เพราะงั้น ให้ผีเจอกันเองน่าจะดีที่สุด
ไม่สิ แค่ผีเห็นฮิโซกะก็น่าจะหนีเตลิดแล้วมั้ง!
“ฉันรอแกอยู่พอดี!”
โอ๊ะ ตัวนี้ไม่หนีแฮะ
ชะโงกหน้าไปดูว่าผีตัวไหนหนอที่ช่างใจเด็ดมาขวางทางตัวตลกแบบนี้ ฉันหรี่ตาลง เพ่งมองฝ่าความมืดจนเห็นหน้าของผีร้ายนั้นชัดๆ...เอ่อ คุ้นๆอยู่นะ น้ำเสียงแบบนี้ ใบหน้าแบบนี้ ใช่กรรมการปีก่อนหรือเปล่า?
คนที่ฉันเอาดาบแทงท้องนั่นไง!
“หึ มากันทั้งสองคน ตั้งแต่ปีที่แล้วฉันก็คิดหาทางฆ่าพวกแกมาโดยตลอด วันนี้แหละ...” กรรมการหน้าเหี้ยมดึงอาวุธออกมาชี้หน้า “ฉันจะฆ่าพวกแกให้ได้!!”
แค้นนี้ฝังลึกมาก
ทำเอาฉันสงสารที่เป้าหมายของเขาคือฮิโซกะ คนที่อยากฆ่าดันเก่งขนาดนี้ต้องฝึกอีกกี่สิบปีถึงจะมีปัญญา--
“จัดการนังนั่นก่อนก็แล้วกัน!!”
แผละ
ฮิโซกะรับมีดทั้งหมดได้อย่างสวยงาม
ตามด้วยอีกฝ่ายที่ระเบิดจนไม่เหลือซาก
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกขอบคุณที่เมื่อกี้หลบอยู่ข้างหลังฮิโซกะ ไม่อย่างนั้นทั้งเลือด เนื้อ หรือเครื่องในคงเปื้อนฉันเหมือนการสอบด่านแรก น้องแมวยิ่งชอบบ่นอยู่ แค่เห็นสีแดงก็ทึกทักไปแล้วมั้งว่าฉันไปเถลไถลจนได้เลือดมา
“เหมือนรอบแรกเลยเนอะ” ฮิโซกะปล่อยดาบที่รับได้อย่างไม่ใส่ใจ เดินไปเขี่ยเศษซาก “ตอนนั้นคนเยอะ เค้าก็มองหาว่าใครเป็นคนทำ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ ไม่คิดว่าจะอยู่ใกล้ตัวแค่นี้เอง★”
อ๊ะ เลือดติดหน้า
ลองชิมดูนิดนึง…
ไม่มีรสชาติเลย!
ส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง นึกว่ากรรมการคุมสอบทุกคนจะยอดเยี่ยมเสียอีก แบบนี้ก็ต้องมาลุ้นเอาสิ ไม่แน่ว่าคุณเม็นจิ บูฮาร่า หรือกระทั่งประธานเนเทโล่เองก็อาจจะเป็นพวกห่วย ไร้รสชาติเหมือนอาหารคนนี้ก็ได้
“เมื่อกี้ที่รักทำได้ยังไง?♦”
ฮือ ชีวิตอยู่ยากขึ้นอีกแล้ว
“เมื่อกี้ฉันไม่ได้ทำค่ะ” หันไปตอบมายากรด้วยความเศร้าสร้อย อารมณ์อยากจะเดินเล่นลดฮวบเมื่อได้รู้ความจริงเกี่ยวกับอาหาร คิดถึงน้องแมวจัง คิดถึงพวกกอร์นด้วย ถ้าได้มาสักชิ้นส่วนคงช่วยเยียวยาได้บ้าง
ฮิโซกะขมวดคิ้ว “หือ? ฉันว่าคิดไม่ผิดนะ...♢”
“ฉันไม่ได้ทำ แต่มันทำเองค่ะ”
ฉันไหวไหล่ ตอบอีกฝ่ายไปตามตรง อันที่จริงก็ไม่ใช่ความลับอะไร กับพี่ชายพี่สาวก็รู้ความจริงข้อนี้กันหมด
“คิดจะฆ่าก็ตูม คิดจะทำร้ายก็ตูม ทำฉันบาดเจ็บนิดเดียวก็ตูม อ้อ ถ้าฉันไม่พอใจก็ตูมด้วยเหมือนกันค่ะ”
“เรียกว่าป้องกันอัตโนมัติคงได้ล่ะมั้ง?”
ฉันเช็ดเลือดออกจากหน้า
“แต่กับบางคนก็เป็นข้อยกเว้นนะคะ...อืม แล้วถ้าฉันยังไม่อยากให้ตายก็จะไม่ตูม เหมือนพวกที่ประมูลฉันได้ บางคนก็อร่อยเกินกว่าจะทำให้เละแบบนี้ ฉันเสียดายน่ะค่ะ เวลาชิ้นส่วนมันปนรวมกันแยกรสชาติยากออก”
ฉันเดินไปนั่งที่มุมหนึ่งของห้องห่างไกลจากเศษซาก เอนหลังพิงผนังอย่างเกียจคร้าน ปิดปากหาว พูดถึงเรื่องนี้ทีไรระดับความอยากใช้ชีวิตก็ต่ำลงทุกที ขี้เกียจขยับแขนขา ขี้เกียจหายใจ ฮื่อ แย่จริงเลยแบบนี้
ที่นี่ไม่มีพี่ชายพี่สาวด้วย
ไม่มีคนคอยโอ๋
ไม่มีอาหารอร่อยๆ
น่าเบื่อจนสิ้นหวัง
“ที่รักจะไปนั่งตรงนั้นทำไม♢”
นอนสักชั่วโมงแล้วค่อยวาร์ปออกไปดีกว่า
“เราต้องเดินต่อนะ♤”
อยากกินเค้กจัง
“อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ชนะแล้ว♧”
ฮื่อ
“อุ้มหน่อย”
ตื้ออยู่นั่น
คนเบื่อง่ายอย่างเขาชอบตื้อตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉันชูสองมือขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงเอาแต่ใจแบบที่ว่าหากไม่ใช่พวกพี่ชายพี่สาวก็คงจะมองเอือมใส่ แล้วหันหลังกลับไม่สนใจฉันอีก ถ้าเป็นพวกพี่สกิลนี้คงใช้ไม่ได้แล้วฉันจะถูกตามใจ แต่นี่คือคนนอก ต้องได้ผลแน่!
“ฮิโซกะ อุ้มหนูหน่อย”
รีบเอือมแล้วปล่อยให้ฉันพักได้แล้ว---
“ได้สิ♧”
เอ๊ะ?
“จะให้อุ้มที่รักตลอดไปเลยก็ได้♥”
สกิลเกลียดชัง : ใช้ไม่ได้ผล
-------------
la langue : ลิ้น
--------------
-หัวข้อ- น้อง
ไอ : แต่ก่อนฉันมีพี่ ตอนนี้ก็ยังมีพี่อีก
ไอ : แต่พี่คนนี้ดันชอบบ่นกับชอบข่วนนี่สิ!*ร้องไห้*
คิรัวร์ : ...
------------------
-หัวข้อ- เอาแต่ใจ
ฮิโซกะ : มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ♡
คิรัวร์ : ออกไป๊!!*กางเล็บ*
ความคิดเห็น