คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : มันจะมีคนๆหนึ่งที่ทำยังไงก็โกรธไม่ลง ส่วนเหตุผลนั้น...เอ่อ
[06] ตามใจ
เช้าของวันต่อมา อาการปวดหัวเเทบทำให้ลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว
เพดานสีขาวที่มองเห็นพร่ามัวไปชั่วขณะหนึ่ง โลกหมุนจนตาลายไปหมด ฉันหรี่ตาลงเมื่อรู้สึกว่าเเสงในห้องสว่างจ้าเกินไป จากนั้นหลับตา ถ้าตื่นมาอีกครั้งเเล้วอาการนี้หายไปได้ก็คงดี
รู้สึกเหมือนจะตาย
ตอนที่นาฬิกาปลุกขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนเที่ยงกว่าเเล้ว ฉันปรือตาขึ้น ใช้ความพยายามอย่างมากที่จะลากตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปห้องน้ำ อาการปวดหัวดีขึ้นจากในตอนเเรกนิดหน่อย อย่างน้อยภาพที่เห็นก็กลับมาเป็นปรกติ
เชิ้ตสีขาวตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นเป็นเสื้อผ้าที่เลือกมาอย่างลวกๆ ถึงมันจะดูไม่เรียบร้อยนักเเต่ฉันก็ไม่มีอารมณ์จะสนใจหรือเปลี่ยนไปใส่ตัวใหม่
เมื่อเปิดประตูออกไปข้างนอก โซฟาตัวยาวในห้องนั่งเล่นถูกยึดเอาไว้โดยนายน้อยที่กำลังกดจอยเกม มองดูคร่าวๆเเล้วฉันคงไปนั่งเเทรกไม่ได้ -- ว่าเเล้วก็เดินผ่านเขาเข้าไปในมุมครัว เปิดตู้เย็นเเล้วหยิบพีชออกมากัดลูกนึง หืม พีชเต็มตู้เลย คุโรกิรินี่ช่างสังเกตจริงๆ
เสียงจากการกดจอยเกมหยุดไปตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ในขณะที่ฉันกำลังจะโยนเมล็ดลูกพีชทิ้งลงถังขยะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาอย่างเอาเเต่ใจ
“หิวเเล้ว”
ฉันเลิกคิ้วขึ้น เหลือบสายตามองไปยังเจ้าของเสียง เด็กเอาเเต่ใจทิ้งจอยลงเเล้วขึ้นมาเกาะโซฟา มองฉันตาปริบๆ ถ้าหากมองลงมาอีกหน่อยจะสังเกตเห็น มือของเขาถูกพันด้วยผ้า
“เห...” ฉันหันซ้ายหันขวา “คุโรกิริไปไหนซะล่ะ”
“ทำงาน” เป็นคำตอบที่ไม่น่าเเปลกใจเท่าไหร่
เเต่คุโรกิริ คุณไม่ว่างก็เลยทิ้งเขาไว้กับฉันนี่นะ ไม่สิ กับนายท่านอีกคน เเต่รายนั้นจะช่วยอะไรได้ มีเเต่เก็บตัวอยู่ในห้องนั่นเเหละ ไม่ต่างกับให้ฉันดูเเลคนเดียวเลยสักนิด
“ช่วยไม่ได้นะ” ฉันส่ายหน้าเหมือนจนปัญญา “กินผลไม้ไปก่อนได้หรือเปล่า คงต้องรอจนกว่าเขาจะกลับมานั่นเเหละ พี่สาวเองก็จะไปนอนเเล้ว...”
ประโยคถูกขัด
“หิว”
ด้วยน้ำเสียงที่ก้าวร้าวขึ้น
ขอเถอะ นี่ ฉันจะเป็นลมเเล้วนะ คิดถึงเตียงนอนมากๆเลยด้วย
คิดดูเเล้วอาการไม่น่าจะหายได้ภายในวันเดียว วันพรุ่งนี้ฉันอาจจะเป็นอีก บางทีอาจจะหนักจนลุกไม่ขึ้น เเหงล่ะ เมื่อวานดันทุ่มให้ซะเเทบหมดหน้าตัก ก็คิดไว้เเล้วนะว่ามันจะต้องเป็นเเบบนี้ เเต่ผลไม่ร้ายเเรงเกินไปหรือเปล่า
เอาล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะนอนพัก
“งั้นโทมูระคุงมานี่หน่อยได้ไหม ฉันจะสอนทำอาหารอย่างง่ายๆให้”
พอพูดจบ เขานิ่งไปสักพักเหมือนสมองกำลังประมวลผล ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟามาหาฉัน เด็กๆนี่ว่าง่ายจังเลยนะ ดีจังเลย สภาพฉันในตอนนี้ไม่เหมาะจะรับมือเด็กดื้อเท่าไหร่
ฉันเปิดตู้เย็นเป็นครั้งที่สอง ชี้นิ้วไปที่ถุงๆหนึ่ง
“นี่คืออาหาร เรากินมันได้นะ” ฉันเอามันออกมาจากตู้เย็น ในถุงบรรจุไปด้วยอาหารที่เเพ็คมาเเล้ว ทั้งมักกะโรนีชีส ไส้กรอก เเละอื่นๆอีกมากมายที่เหมือนในซุปเปอร์มาร์เก็ต “เธอยังเด็ก ฉันไม่เเนะนำพวกของทอด เเบบนี้ง่ายสุดเเล้ว...”
เขายังทำหน้างง มองของในถุงสลับกับฉันที่ยิ้มให้ คงสงสัยว่าจะกินได้ยังไง
ฉันหยิบออกมาหนึ่งซองในถุง เหมือนจะเป็นไส้กรอกหรืออะไรสักอย่าง
“ที่เราทำก็เเค่ต้องเวฟ เริ่มจากตัดซองออกเเบบนี้...”
อาการตาลายเเละเวียนหัวกลับมาอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าสอนอะไรไปบ้าง รู้อีกทีอาหารก็เวฟเสร็จเเล้ว ฉันจัดการเอามันมาใส่จาน เดินไปหยิบซอสปรุงรสในครัวมา ก็สมบูรณ์เเบบ อาหารเวฟเสร็จเเล้ว ไมโครเวฟไม่ระเบิด
“มันก็เเค่นี้ ง่ายใช่ไหมล่ะ ถ้างั้นพี่สาวขอตัวก่อนนะ”
จากนั้น...จากนั้นก็จบเเล้ว ฉันยีหัวเขาครั้งหนึ่งก่อนจะถูกปัดมือออก ถูกเขม่นใส่ อืม จะให้อยู่ต่อไปเพื่ออะไรล่ะ ฉันรีบกลับเข้าห้องตัวเองทันที
สายตาที่มองตามมา มือที่พยายามจะคว้าชายเสื้อเอาไว้เเต่ก็ได้เพียงความว่างเปล่า
วันหนึ่งจบเพียงเท่านี้ เพราะหลังจากนั้น
ฉันก็ไม่รู้สึกตัวอีก
…….
…………
เสียงเคาะประตูดังขึ้นมานานเเล้ว
ตัั้งเเต่ตอนที่ในหัวยังคงว่างเปล่า กระทั่งถึงตอนที่ฉันลืมตาเเละรู้สึกตัว เสียงเคาะยังดังขึ้นอยู่เเบบนั้นไม่หยุดสักที น่าหงุดหงิด น่ารำคาญ เหมือนเสียงเเมลงที่บินวนเวียนรอบๆหู จนอะไรสักอย่างจี้ดขึ้นมาจนถึงสมอง
นาฬิกาบอกเวลาสิบโมงกว่า...ของเช้าวันต่อมา
ฉันคิดว่านอนไปเยอะเเล้วนะ เเต่ทำไมอาการที่เป็นอยู่นี่ถึงยังไม่หายสักที ทำไมภาพพร่ามัวยังเเทรกมาอยู่เป็นระยะๆ ในหัวเหมือนมีคำว่า ทำไม ทำไม ทำไม เต็มไปหมด
เเต่งตัว...เสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้นเหมือนเมื่อวาน มีอารมณ์มองตัวเองในกระจกก่อนออกจากห้องน้ำ ลูบผมอีกสักหน่อย -- คนที่เคาะประตูอยู่เป็นใคร ให้ทาย มีสองตัวเลือกคือคุโรกิริกับนายน้อย ส่วนนายท่านน่ะเหรอ อ้อ เน่าตายคาห้องเเล้วมั้ง
ตอนเปิดประตูออกไป กลิ่นไหม้อะไรบางอย่างก็ลอยเข้าจมูก ฉันขมวดคิ้วเป็นอันดับเเรก ก่อนต่อมาจะก้มมองคนที่มาเคาะประตู...ผมสีฟ้ายุ่งๆ เสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกง ใบหน้าเรียบนิ่ง
คำเเรกที่พูดกับฉันคือ
“หิวเเล้ว”
คุ้นหรือเปล่า คุ้นไหม
ใครเดาว่าเป็นนายน้อย ยินดีด้วย คุณทายถูกล่ะ เเต่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ
“นายน้อยได้กลิ่นอะไรไหม้ๆหรือเปล่า” ฉันเลิกคิ้วถาม
“....” เขากะพริบดวงตา มองอย่างใสซื่อ “หิวเเล้ว ทำอะไรให้กินหน่อย”
ฉันยิ้มให้ ก่อนจะเดินนำเขาไปที่ห้องครัว
เเม้ในใจจะกำลังคิดว่า ‘นี่คุณรู้ใช่ไหมว่ามันเป็นกลิ่นอะไร สารภาพมา’ เเต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกเหนือจากการตามหาต้นตอของกลิ่นเหม็นไหม้ เเหวะ ได้กลิ่นมากๆเเล้วอยากจะอ้วก
ในห้องครัว ถุงอาหารเเช่เเข็งถูกเอาออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ปรกติ ข้ามไป
เเผงไข่บนโต๊ะ
เอ๊ะ?
ที่นี้สายตาฉันเลื่อนไปยังไมโครเวฟที่เปิดอ้า เปลือกไข่กับเศษซากเละๆยังติดอยู่ข้างในอยู่เลย สลับกับนายน้อยที่ยังทำหน้าตาไม่รู้เรื่องอะไร ดวงตาสีเเดงจ้องฉัน มือหนึ่งลูบท้องเหมือนกำลังจะบอกกลายๆว่า หิวนะ หิวมาก รีบทำอาหารหน่อย
“โทมูระคุง เอาไข่ใส่ในไมโครเวฟไม่ได้นะ”
“ไม่รู้” เขาเบ้ปาก “ก็เธอไม่ได้บอก”
อ้าว
ฉันชี้ไปที่ถุงใส่อาหารเเช่เเข็ง “พวกนี้กินได้นะ เเค่ทำอย่างที่ฉันบอกเมื่อวาน”
“ไม่ชอบ ไม่อยากกิน”
อ้าว อ้าว
ฉันพยายามยิ้ม อยู่ดีๆอาการปวดหัวก็กลับมากะทันหัน
“ผลไม้ล่ะ? พีช เเอปเปิ้ล องุ่น คุโรกิริซื้อมาเยอะนะ”
เขาเบือนหน้าหนี “ไม่เอา”
อ้าว อ้าว อ้าว
มุมปากฉันกระตุกขึ้นมา
“ไม่ชอบ ไม่เอา ไม่อยากกิน คุณกินอะไรได้บ้าง หืม? อยากหิวตายหรือไง”
“เห็นเเค่ไข่ไก่” เสียงของเขาเเผ่วเบา เริ่มก้มหน้าเหมือนเด็กที่รู้ตัวว่าทำความผิด “เธอบอกไม่ให้ใช้น้ำมัน มันอันตราย...เเต่พอเอาไข่เข้าไมโครเวฟเเล้วก็เป็นเเบบนี้”
“โทมูระคุง เมื่อวานได้ทานอะไรบ้างไหม?”
“ไม่ คุโรคิริไม่กลับ” ส่ายหน้า ฉันได้ยินท้องร้องดังขึ้นมา “หิว”
หัวใจฉัน
มันอ่อนยวบเลย
หลังจากนั้น ฉันเห็นขวดเเป้งเเพนเค้กสำเร็จรูปอยู่ในตู้เย็น รวมถึงเนย ช็อกโกเเลต เเละพวกเมเปิ้ลไซรัป ฉันจัดการทำเเพนเค้กให้เขา พอเขาบอกว่าไม่อยากกินไข่เเล้วเเต่อยากกินพาสต้าเเทน ฉันก็หยิบเส้นพาสต้าออกมา ต้มมันในน้ำเดือด ทำซอสพาสต้าจากของในตู้เย็น...หน้ามืดตามัวสุดๆ
พอทำเสร็จเเล้วเเทบจะเป็นลมนอนไปกองกับพื้น เเต่ก็ฝืนลากตัวเองไปนั่งที่โต๊ะอาหารจนได้
“อร่อย” เขาพูดทั้งที่เเก้มยังป่องขึ้นจากอาหาร “รู้เเบบนี้ไปเรียกตั้งเเต่เเรกก็ดี”
ลองไปเรียกมาสิ พี่สาวได้ตายเเน่ ตายต่อหน้าเธอเลย
ฉันเอื้อมมือไปเช็ดซอสที่เปื้อนเเก้มเขาออก กะพริบตาถี่ๆเมื่ออาการเวียนหัวเริ่มกลับมาอีกเเล้ว
“ทานเสร็จเเล้วโทมูระคุงเอาไปไว้ในซิงค์ล้างจานนะ เดี๋ยวฉันขอตัวไปพักก่อน”
ทันทีที่ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ เขาก็ละมือจากพาสต้าในจาน เงยหน้าขึ้นมาถาม
“พักที่ห้องเหรอ”
“อืม”
“ไม่ให้ไป”
อะไรอีกล่ะ
ฉันทำหน้าเหนื่อยอ่อนอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เเทบจะไม่เหลือเเรงเดินด้วยซ้ำ “น่า นายน้อยก็ทานพาสต้าไปเเล้วกัน เกมก็มีนี่ ถึงฉันอยู่ด้วยก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ”
“กล้าขัดเหรอ” เขาว่าเสียงเข้ม เกรี้ยวกราด เเก้มยุ้ยๆพองขึ้น “บอกว่าไม่ให้ไป”
เฮ้ ไหนบอกหิวไง กินต่อไปสิ
เขายังไม่หยุดจ้องฉัน ทำราวกับว่าถ้าฉันเดินออกไปเมื่อไหร่เขาจะกระโดดเกาะทันที อืม เด็กนี่เป็นอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่านะ ฉันดีใจอย่างมากเลยที่ตอนนี้คนที่ฉันต้องดูเเลมีเเค่เขาคนเดียว ถ้ามีเพิ่มอีกนะ ฉันระเบิดตายเเน่
หมายถึง หัวฉันน่ะระเบิด ฉันป่วยนะ ไม่ได้จะระเบิดอารมณ์ใส่เด็กหรอก ฉันน่ะเป็นคนดีจะตายไป
เขากะพริบดวงตา รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้ตัวเองดูวอนขอมากเเค่ไหน
“ที่โซฟามีหมอนนุ่มๆด้วย มีผ้าห่มด้วยนะ ถ้าตื่นมาจะให้เล่นเกมด้วยก็ได้”
ฉันหลุบตาลง มือเล็กๆยังดึงชายเสื้อไว้ไม่ปล่อย
ในที่สุดก็ยกมือยอมเเพ้
“‘เห มีหมอนนุ่มๆด้วย? งั้นพี่สาวนอนที่โซฟาเเล้วกัน”
ฉันเห็นเขายิ้ม เเต่วินาทีต่อมาก็กลับมาทำสีหน้าหยิ่งเหมือนเดิม
ฉันถอนหายใจก่อนจะลากร่างไร้เเรงของตัวเองไปนอนเเหมะบนโซฟา หมอนกับผ้าห่มนี่ไม่ยักรู้ว่าคุโรกิริซื้อมาตั้งเเต่ตอนไหน นายน้อยเองก็เป็นฝ่ายบอกว่าคุโรกิริไม่กลับมาตั้งเเต่เมื่อคืน…
ฉันได้กลิ่นเเป้งที่ติดมากับหมอนเเละผ้าห่ม กลิ่นของเด็กจอมเอาเเต่ใจ
อ่ะ เอาเเต่ใจไม่พอยังวางเเผนเก่งอีก
เด็กน่ะหลับง่าย
ฉันปิดเปลือกตาลง เอาผ้าห่มผืนเล็กมาคลุมตัวคล้ายกำลังจะนอนจริงๆเมื่อรับรู้ถึงสายตาที่จ้องมองมาเหมือนกลัวว่าฉันจะลุกหนีไป
เมื่อถึงตอนนั้นค่อยหาจังหวะกลับห้องตัวเองเเล้วกัน
…..
……..
09.59 น.
ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เเละความคิดเเรกที่เเวบเข้ามาให้หัวเลยคือ อะไรวะเนี่ย
ตื่นมาเเบบนอนกางเเขน? นั่นไม่เเปลกเท่าไหร่ คนเราก็ต้องมีนอนดิ้นบ้างอะไรบ้าง เเต่ที่มันเเปลกไปก็คือก้อนสีฟ้าๆหนักๆที่มันทับอยู่บนเเขนฉัน เเละ..อ่า ฟัค ฉันขยับเเขนไม่ได้เลย
ฉันกะพริบดวงตาที่ปรือจะหลับเเหล่ไม่หลับเเหล่อยู่หลายครั้ง ให้ดวงตาปรับภาพอะไรให้ชัดเจนขึ้น ก่อนจะสะบัดหัวเอาความสะลึกสะลือออกไป หรี่ตามองก้อนสีฟ้าๆอีกครั้ง เพ่งมองอย่างละเอียด ก่อนจะร้องอ้อขึ้นมา มันไม่ใช่ก้อน เเต่เป็นศีรษะของคนที่โผล่พ้นออกมานอกผ้าห่มต่างหาก...
หื้ม
เรือนผมสีฟ้ายุ่งๆเเบบนี้ที่ฉันรู้จักก็มีไม่กี่คนซะด้วย -- หลุบตามองดูตัวเองอีกครั้ง ผ้าห่มฉันหาย หมอนใบโตก็ถูกเเย่งไป เกือบครึ่งของเตียงถูกยึดไปจนอีกนิดเดียว นิดเดียวเท่านั้นฉันก็จะได้ไปกองกับพื้น อ่ะ มีอีก เเขนฉันที่ถูกทับมันชาไปเเล้ว
คนเราเวลาตื่นนอนจะมีประเภทหนึ่งที่ว่าหงุดหงิดทุกสิ่งอย่างบนโลก เเย่หน่อยนะ ถ้าในห้องนี้มีฉันเเค่คนเดียวก็ดีหรอก เเต่นี่ดันมีมาเพิ่มอีกหนึ่ง เเถมยังเป็นบุคคลที่ห้ามดุด่าว่ากล่าวโดยเด็ดขาดด้วย
ถ้ายังคิดภาพไม่ออก ให้สมมติว่าคุณโดนตบหัวจนหน้าทิ่ม เเต่ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้ ประมาณนั้นล่ะ งี่เง่าไหม -- หมายถึงฉันน่ะ งี่เง่าหรือเปล่า ความจริงเเล้วคือฉันกำลังหงุดหงิดให้กับคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
เงยหน้ามองเพดานสีขาวนิ่งๆครู่หนึ่ง นึกคิดถึงเทียนหอมพวกกลิ่นที่ทำให้ผ่อนคลายอย่างลาเวนเดอร์ขึ้นมาทันที ถ้ารู้ว่าตอนเช้าเรื่องมันจะกลายเป็นอย่างนี้ฉันเอาเทียนหอมพวกนั้นมาจุดค้างไว้ตั้งเเต่เมื่อคืนก็ดีหรอก อย่างน้อยกลิ่นก็น่าจะผ่อนคลายอารมณ์ฉันได้
ล่ะมั้ง?
ฉันใช้พยายามอย่างมากในการค่อยๆดึงเเขนตัวเองออก พยายามให้เบาเเละไม่กระทบกับคนนอนมากที่สุด เฮ้ มันเหนื่อยจริงๆนะ กว่าจะเอาออกมาได้ฉันก็เหงื่อตกไปหลายรอบ ขอบคุณที่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
เด็กน่ะหลับง่าย เมื่อวานเเค่สองทุ่มเขาก็นิ่งสนิทเเล้ว มันไม่ยากเลยที่ฉันจะอาศัยช่วงจังหวะนั้นหนีกลับเข้าห้อง -- ถึงจะสะลึมสะลือเเละค่อนข้างเวียนหัวก็ตาม เเต่เเค่การหนี ฉันว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร
วันนี้อาการปวดหัวหรืออะไรทั้งหลายหายไปเเล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดี เเต่ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ฉันยังคงคิดไม่ตกกระทั่งตอนที่อาบน้ำเเละเเต่งตัวเสร็จเเล้ว ฉันว่าฉันล็อกห้องดีเเล้วนะ นายน้อยเข้ามาได้ยังไง
-- ฉันมองใบหน้าตัวเองที่สะท้อนในกระจก ก่อนจะออกจากห้องน้ำนี่ไปฉันควรทำอะไรกับมันอีกสักหน่อย อย่างเช่น ทาลิปบำรุง เติมสีให้อีกนิด จากนั้นลองยิ้มดู
ไม่มีอะไรผิดปรกติ
ดังนั้น ฉันก็เลยออกจากห้องน้ำ
ได้ยินเสียงขยับจากเตียงหนึ่งเดียวในห้องตามด้วยเสียงร้องในลำคอเหมือนเเมว นายน้อยพึ่งตื่นนอน ในเวลา..ฉันมองไปยังผนังที่เพิ่งติดนาฬิกาไป เกือบสิบโมงเเล้ว วันนี้ฉันตื่นสายโคตรๆเลยนี่
เด็กชายโทมูระเหมือนจะงัวเงีย เขาตื่นมาเเล้วก็นิ่งไปสักพัก หยุดไปพักใหญ่ๆก่อนจะเริ่มหันซ้ายหันขวา ในที่สุด เขาก็เห็นฉันที่อยู่หน้าห้องน้ำ จากนั้น...จากนั้นเขาเเทบจะเลื้อยลงมาจากเตียง อะไรน่ะ ท่าทางขี้เกียจสุดๆเลยไม่ใช่เหรอไง
เขาเดินอย่างเชื่องช้า โซเซ จากนั้นก็เดินไปหยุดที่กระเป๋าเป้เล็กๆ รูดซิปเเล้วหยิบชุดเเละพวกของใช้ออกมา จากนั้น -- โดยไม่ได้พูดจากันสักคำ ฉันเบี่ยงตัวหลบให้เขาเเดินเข้าห้องน้ำ
หยุดก่อน เป้ที่ดูเหมือนจะบรรจุข้าวของนั่นเป็นของเขา? ถึงฉันจะไม่ฉลาดเเต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะโง่ขนาดเดาไม่ออกนะ
สิ่งที่ฉันทำหลังจากนิ่งคิดสักพักคือเดินไปคุ้ยเทียนหอมในถุงที่พึ่งซื้อมา เลือกกลิ่นมาเเบบลวกๆ จุดไฟจากนั้นวางมันบนโต๊ะใกล้เตียง ส่วนฉันก็ไปนั่งรอเขาบนเตียงตัวเอง ขนาดมันก็ไม่เล็กนะ เเต่สำหรับคนที่นอนดิ้นมากๆสองคนเเล้วคงต้องมีสักคนหัวกระเเทกพื้นบ้างล่ะ
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นมา ฉันหันไปมองนายน้อยในชุดเสื้อฮู้ดกับกางเกงขาสั้น...เอ่อ เสื้อฮู้ดอีกเเล้ว เเถมยังเป็นสีเทาเข้มหม่นๆอีก จะมืดมนไปไหนกัน เเต่ก็เอาเถอะ วันนี้ฉันก็เเต่งตัวไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ เเค่เปลี่ยนเป็นเสื้อฮู้ดสีสว่างกับกระโปรงพลีทสั้นเท่านั้นเอง
ฉันเห็นเขาขมวดคิ้วตอนได้กลิ่นเทียนหอมที่คลุ้งทั่วห้อง เเต่ก็ไม่ได้เเสดงสีหน้าไม่พอใจหรืออะไร
“โทมูระคุง เมื่อวานเกิดอะไรขึ้นเหรอ” ฉันยิ้ม “มาเเบบนี้พี่สาวตกใจนะรู้ไหม บอกกันก่อนสิ --”
“นอนด้วย”
ฉันตอนที่ได้ยินคงกำลังทำหน้าเอ๋อ หืม เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ ขอใหม่อีกทีสิ
“ไม่ชอบห้องนอนสินะ เดี๋ยววันนี้ไปซื้อของมาตกเเต่งเเล้วกันเนอะ”
“ไม่ใช่”
ปากเล็กๆที่เเตกเห้งเม้มเเน่น ดวงตาสีเเดงหลุกหลิกไปมา มือทั้งสองข้างขยุ้มเสื้อตัวเองจนยับ
“จะนอนด้วย”
เฮ้ คิดดีเเล้วเหรอ
ฉันรู้สึกว่ารอยยิ้มกว้างของตัวเองในตอนเเรกกำลังลดระดับลง
“ไม่ได้หรอก พี่สาวเวลาตื่นนอนน่ะน่ากลัวน้า” ฉันส่ายหน้าก่อนจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียงนอน หลบออกไปข้างนอกดีไหมนะ “ไม่ดีๆ พี่สาวไม่อยากโหดร้ายกับเธอ เข้าใจใช่มั้ย?”
ทีนี้เขาเงยหน้าขึ้นมามองฉัน จ้องด้วยดวงตาสีเเดงที่ไม่ได้ดูน่ากลัวเท่าไหร่
“นิสัยไม่ดี...”
เขาเดินเข้ามาใกล้ เเละด้วยขนาดห้องที่ไม่ได้ใหญ่มากนักไม่นานมือเล็กๆก็คว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อฉัน กำมันเเน่น เอ่อ น้องชาย ถึงจะมีผ้าพันที่มือทับไว้ก็เถอะ เเต่เเบบนี้ไม่ดีนา พี่สาวไม่อยากใส่เสื้อเป็นรู
“นิสัยไม่ดีเหมือนกัน อยู่ได้”
ฉันกำลังเเปล : เขาก็หงุดหงิดตอนตื่นนอนเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยู่ด้วยกันได้
...เอ่อ เเบบนี้น่ะเหรอ
อย่าบอกนะว่าตอนตื่นนอนที่งัวเงียๆเเล้วก็เดินเข้าไปในห้องน้ำนั่นโดยไม่พูดไม่จาเพราะไม่อยากหงุดหงิดใส่
มันควรจะเป็น ‘ศีลเสมอกันอยู่ด้วยกันได้’ ไม่ใช่เหรอไง ไอ้นิสัยไม่ดีนี่มันมากจากไหน เเล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่จะมานอนห้องฉัน ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกันเลยเเม้เเต่นิดเดียว
“นายน้อย ฉันไม่อยากหงุดหงิดใส่นะ เข้าใจพี่สาวหน่อยซี”
“ไม่อยากหงุดหงิดเหมือนกัน...จะพยายาม”
ฉันกำลังเเปล...อีกครั้ง : เขาก็ไม่อยากหงุดหงิดใส่ตอนตื่นนอนเหมือนกัน เพราะงั้นมาพยายามไม่หงุดหงิดไปด้วยกันนะ
นายน้อยจะรู้หรือเปล่าว่าบางครั้งเขาก็พูดไม่รู้เรื่อง
ดวงตาสีเเดงเงยหน้าขึ้นมาจ้องฉัน กะพริบตาปริบๆ
อีกเเล้ว ทุกทีเลยเวลาจะขออะไรบางอย่าง ฉันรู้นะว่าเขาเข้าใจความหมายที่ฉันพูด เเค่ทำเป็นไม่เข้าใจมัน
ถึงจะเป็นเด็กก็ตาม เเต่ว่าที่ผู้สืบทอดของท่านวายร้ายทั้งทีจะเป็นไอ้โง่ได้ไง บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องฉันตั้งเเต่ก่อนที่จะเจอกันก็ได้
อาจจะมีการฝากภารกิจลับบ้าง
อย่างเช่น จับตาดูฉัน เฝ้ามอง รายงานพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการทรยศ อะไรพวกนั้น
“ได้ งั้นมาอยู่ด้วยกันนะ”
ฉันรู้สึกเหนื่อย อ่อนอกอ่อนใจ ขี้เกียจคิดคำจะไล่เขาออกไป เเละ --- อื่นๆอีกมากมายอยู่ในใจเเต่ทว่าเหนื่อยเกินจะยกมาพูด ในที่สุดก็เลยเลือกทางที่ง่ายที่สุดอย่างยอมจำนน ยกมือขึ้นยอมเเพ้
รู้สึกดีไหม ไม่หรอก เเต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นฉันจะยังยิ้มอยู่ได้ไง
“งั้นนี่ก็เป็นห้องนอนเราเเล้วสิ” ถอนหายใจเเผ่วเบา “โทมูระคุงบอกได้หรือเปล่าว่าเข้าห้องนี้ได้ยังไง”
“คุโรกิริมีกุญเเจ”
ปัญหาที่คิดไม่ตกถูกไขเเล้ว นายน้อยคนนี้เข้ามาได้เพราะคุโรกิมีกุญเเจ
อ่า ฟัค เขาไม่คิดว่าฉันต้องการพื้นที่ของตัวเองบ้างเหรอ
“นายน้อย ต่อไปอย่าให้ใครเข้ามาห้องเรานะ”
ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าพูดน้ำเสียงเเบบไหนออกไป สายตาที่มองมาถึงไหววูบ
“อืม”
เขาตอบกลับมาเพียงเเค่นั้น
…..
……
ร่างควันที่สวมชุดเหมือนคนปรกติกำลังทำอาหารที่ครัว วันนี้เขาไม่ได้ไปไหน น่าดีใจจัง
“คุณคุโรกิริ”
“คุณโช” เขาหันมาตามเสียงเรียกฉัน “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ยังเห็นฉันเป็นผู้หญิงอยู่ไหมคะ คิดยังไงถึงไขห้องฉัน”
เขายกจานอาหารขึ้นมาวางไว้บนเคาน์เตอร์
“คำสั่งชิการาคิ โทมูระครับ”
“คุณไม่ขัดบ้างหรือไง”
“คำสั่งครับ” เขามองหน้าฉันนิ่ง เเละมันน่าหงุดหงิดมากๆ “ถ้าคุณไม่พอใจเเล้วทำไมไม่ปฏิเสธไปล่ะครับ”
“จะให้ฉันปฏิเสธเด็กน่ารักๆได้ยังไง”
“น่ารัก...?”
ถึงเขาจะเป็นควันก็ตาม เเต่ชั่วขณะฉันรู้สึกถึงสายตาเวทนาจากเขา
เฮ้ ฉันไม่ผิดนะ
“ถ้าอย่างนั้นก็รับผลไปเถอะครับ คุณชอบเด็กน่ารักๆไม่ใช่หรือไง”
ตอนที่กำลังจะเดินผ่านฉันไป เขาหยุดชะงักเหมือนพึ่งนึกได้
“อ้อ เขาเรียกคุณไปหาน่ะครับ” เสียงเเผ่วเบาราวกระซิบ “ลูกพีช...ถ้าไม่พอก็บอกได้นะครับ”
น้ำเสียงนั่นมันอะไร
คุโรกิริ คุณมันน่าโมโห
จากใจจริง
ลูกพีชที่หยิบมา ชั่วขณะฉันอยากจะปาใส่หัวเขาเลย
“จะไปไหน”
เจ้าของเสียงคือนายน้อยที่นอนเหยียดบนโซฟา ในมือถือถือจอยเกมค้างไว้
“ทำงานน่ะ” ฉันกัดลูกพีชในมือ “นายน้อยสนใจเกมเซ็นเตอร์ที่อยู่เเถวนี้หรือเปล่า”
ตาของเขาเป็นประกายเลย เชื่อไหม เหมือนมีดวงดาวอยู่ในนั้นเชียวล่ะ
“เชิญไปคนเดียวเถอะ”
ฉันหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเดินไปห้องท่านวายร้าย
เขาจะไปกับฉันหรือเปล่า หัวข้อนี้พนันเท่าไหร่ดี
…..
………
ห้องของเขาไม่ว่าจะสักกี่ครั้งก็ยังคงมืดเเละเงียบ
เเสงเพียงหนึ่งเดียวในห้องคือเเสงจากหน้าจอมอนิเตอร์ ไม่อยากจะบอกเลยว่าทั้งบรรยากาศ ความมืด กับสายระโยงระยางที่ปักตามตัวเขาทำให้มันดูน่ากลัวมาก เหมือนพวกตัวร้าย พวกบอสลับอะไรเทือกนั้นเลย
บนหน้าจอกำลังฉายภาพอะไรบางอย่าง
ฟังจากเสียงเเล้วเหมือนจะเป็นการต่อสู้ หรือการช่วยเหลือของใครสักคน
ฉันเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะนั่งลงบนตักของเขาอย่างถือดี เขายังคงนิ่ง นิ่ง เเละนิ่ง ไม่มีการปัดฉันออก เเต่ก็ไม่มีการขยับเขยื้อนอะไรเช่นกัน -- หืม อะไรเนี่ย ฉันหรี่ตาเพื่อมองภาพบนหน้าจอให้ชัดๆ
เสียงถูกเปิดไว้เเผ่วเบา ถึงอย่างนั้นก็ยังคงได้ยิน
‘วันนี้ออลไมท์ก็ได้ช่วยเหลือผู้คนไว้อีกเเล้วครับ!!’
เสียงสรรเสริญเเละยกย่อง
ฉันเห็นใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มของออลไมท์เต็มหน้าจอ เมื่อกำลังช่วยเหลือเขายังคงมีรอยยิ้มเสมอเเม้กำลังบาดเจ็บ รอยยิ้มกว้างๆ ดวงตาสีฟ้าที่ฉายเเววไม่ยอมเเพ้วายร้าย ไม่ย่อท้อเเม้จะเจอกับอะไรที่น่ากลัว ประมาณนั้น
ภายนอกของเขายังคงดูดี กล้ามเนื้อบ่งบอกถึงความเเข็งเเกร่งของร่างกาย พลัง...อืม ยังสุดยอดเหมือนเคย เเน่ล่ะ เป็นถึงคนที่เคยต่อสู้กับนายท่านเชียวนา ถ้าไม่สุดยอดจริงๆล่ะก็คงไปนอนในโลงเเล้ว
ความเจ็บปวดเเละความเหนื่อยล้าในดวงตาของเขาหายไปอย่างชัดเจน -- ซึ่ง สำหรับฉันมันก็ดี เเบบนี้ค่อยรู้สึกว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เเลกไปหน่อย ไม่งั้นฉันคงเสียใจเเน่
ฉันเบือนสายตาไปหาท่านวายร้าย ใบหน้าของเขาจะให้บรรยายอะไรอีกนอกจากเรียบนิ่ง กับกึ่งดูดีกึ่งอัปลักษณ์ ฉันเเอบคิดไม่ได้ ถ้าเขาไม่มีรอยเเผลเป็นจากการต่อสู้นะ ใบหน้ากับน้ำเสียงเเบบนี้คงล่อลวงคนได้หลายคน
ภายใต้ความเรียบนิ่งเฉยชา ฉันสัมผัสได้ถึงความผิดปรกติ อะไรบางอย่างที่ผิดเเปลกไปจากทุกวันเเม้ภายนอกจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเเปลง
มือลูบผิวหน้าที่ขรุขระจากรอยเเผล ไล้ไปตามกรอบใบหน้าก่อนจะกดจูบซ้ำๆ เมื่อผละออกมา รอยเเผลเป็นก็ยังเป็นรอยเเผลเป็น ไม่มีความเปลี่ยนเเปลงอะไรเลยเเม้เเต่นิดเดียว
“น่าเสียดายที่ฉันรักษาเเผลเป็นไม่ได้” ฉันถอนหายใจก่อนจะพูดติดตลก “ไม่งั้นนายท่านคงใช้ใบหน้าล่อลวงไปได้หลายคนเเล้วเชียว”
“โช”
เขาเรียกชื่อฉันเป็นครั้งเเรก ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ขำไปกับฉันเลย
ฉันอยู่ระหว่างอารมณ์ที่น่าสับสน จะตื้นตันใจหรือจะเศร้าใจดี
นายท่านไม่ใช่คนโง่ ส่วนฉันก็ไม่ได้ถนัดกลบเกลื่อนร่องรอยสักเท่าไหร่
เพราะอย่างงั้น ฉันคิดว่าฉันเดาได้นะ สาเหตุของความผิดปรกติวันนี้น่ะ
“ฮีโร่คนนี้ชื่ออะไรนะ...ออลไมท์? อ่า น่าจะออลไมท์ หลายวันก่อนเขาช่วยฉันด้วยล่ะค่ะ”
ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยรักษามือของเขาจนมันหายดี
เมื่อหลุบตามองลง ดูมือที่กำลังกำเเน่นจนผิวหนังปริเเตก ฉันคิดว่าไม่น่าเลยจริงๆ
“ฉันเห็นเขากระอักเลือดด้วย คงบาดเจ็บล่ะมั้ง ก็นายท่านเเข็งเเกร่งขนาดนี้...”
ยังพูดไม่ทันจบประโยค เขาที่นิ่งมาตลอดก็เริ่มขยับตัว
จากนั้นคางฉันก็ถูกจับให้เงยขึ้นมาสบตา ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ เเต่ฉันรู้สึกเจ็บ อยากจะพูดออกไปเหลือเกินว่าขอล่ะนายท่าน อย่าให้กระดูกใบหน้าของฉันเบี้ยวนะ เเต่ก็อย่างว่า เเรงของเขามันเยอะมาก ฉันจะเอาอะไรไปขัดขืนได้
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าตอนนี้อยู่ในฐานะอะไร”
เขาไม่ได้ตะคอก ไม่ได้ตะโกนใส่ เเล้วก็ไม่ได้พูดถึงสิ่งที่ฉันพึ่งทำไปด้วย
เเต่กำลังพูดเหมือนปรกติ
ด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทว่ากลับให้ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนล่อลวง
“ตั้งเเต่วันที่ตัดสินใจรักษาเธอก็กลายเป็นคนของฉัน เเละเพราะเธอยังจำเป็น ฉันถึงตามใจ ไม่ว่าจะอิสระหรือความต้องการอะไรก็ตาม...เเต่ถ้าหากการตามใจนี้ทำให้ความคิดของเธอเเปรเปลี่ยนไปในทางอันตราย ฉันอาจจะต้องคิดทบทวนใหม่”
ฉันพยายามจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีขุ่นมัวคู่นั้น ก่อนจะพบว่านอกจากความว่างเปล่าเเล้วก็ไม่มีอะไรอีกเลย
เขาเหยียดรอยยิ้ม จากนั้นมือที่จับคางฉันก็เลื่อนต่ำลง
รอบลำคอถูกกำเอาไว้ ออกเเรงบีบเพียงเล็กน้อยทว่าทำให้หายใจติดขัด
เป็นครั้งเเรกที่นอกจากความเฉยชาเเล้วฉันเห็นอารมณ์อื่นบนใบหน้าของเขา
“ต้องให้ใส่ปลอกคอก่อนหรือเปล่าถึงจะตระหนักรู้ฐานะของตัวเอง”
เขากำลังโกรธ
อ่า ถ้ารู้ว่าผลจะทำให้เขาพูดกับฉันขนาดนี้นะ
ทำมันซะตั้งเเต่เเรกก็ดีหรอก
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
โช : มุมที่ไม่เคยเห็นทำให้ใจสั่นนิดหน่อย...หรือว่านี่คือฉากโดขิโดขิเหมือนในการ์ตูน!!(゚Д゚≡゚Д゚)
โช : เเต่เขาเเรงเยอะมากเลย...ถ้าฉันแอบไปมีกิ๊กจะโดนบี้ตายหรือเปล่า (°Д°)
นายท่าน(?) : ...บางครั้งก็ไม่เข้าใจความคิดของหมอคนล่าสุดจริงๆ *ถอนหายใจ*
ความคิดเห็น