NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Hunter X Hunter」L’appel Duvide [OC]

    ลำดับตอนที่ #6 : Fetid ครบ

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 62



    น้องแมวเตรียมพร้อมมาก


    ทั้งจิตใจ(จิ้มชายโครงคุณแม่กับพี่ชายหัก) ทั้งเครื่องมือช่วยในการสอบ(สเก็ตบอร์ด) และเงิน(เขาบอกว่าพอมีนิดหน่อยจากการต่อสู้ที่ลานประลองกลางหาว)

    ดังนั้น ฉันที่ไม่มีอะไรเลยก็เลยได้รับผลพลอยได้ไปด้วย น้องแมวดูแลดีมาก พอออกจากบ้านมาได้ก็มองดูชุดนอนลายหมีของฉันด้วยสีหน้าว่างเปล่า ส่ายหัวอย่างรับไม่ได้ บอกว่าจะไม่เดินทางไปกับฉันด้วยสภาพนี้เด็ดขาด จากนั้นก็ลากฉันไปหาซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่

    เขาพาฉันมาที่ร้านเสื้อผ้าแห่งหนึ่ง ตอนแรกก็ปล่อยให้เลือกเสื้อผ้าเองนั่นแหละ จนกระทั่งฉันหยิบชุดเดรสที่ดูไม่เหมาะจะไปเสี่ยงตายสักนิดมาลอง แมวที่อยู่ข้างนอกถึงกับทนไม่ไหว เข้ามาในร้านเพื่อเลือกเสื้อผ้าให้เอง

    สุดท้ายก็ได้เสื้อฮู้ดตัวหนากับกางเกงขาสั้นมา รองเท้าก็ถูกเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบ พอลองใส่แล้วดูตัวเองในกระจกมองเผิน ๆ ก็คล้ายชุดคู่กันจนเผลอถามออกไป

    แมวเกรี้ยวกราดใส่ฉัน บอกว่าตัวเองจับคู่เสื้อผ้าผู้หญิงไม่เก่งก็เลยเลือกแบบง่าย ๆ ให้ จากนั้นก็เดินหนีไปจ่ายเงิน เร่งฉันที่ยืนงงอยู่ให้รีบตามมา

    “ถ้าช้าจะไม่รอแล้วนะ!”

    ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่ก็หยุดรออยู่ดีนี่นา



    (1)

    สถานที่สอบฮันเตอร์ครั้งนี้อยู่ภายในร้านอาหารเล็ก ๆ ในเมืองซาบัน

    คิรัวร์ได้หมายเลข99 ถัดมาคือฉันที่ได้หมายเลข100 ระหว่างรอผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ ที่อีกไม่นานก็คงทยอยกันเข้ามา น้องแมวก็ยืนกอดอก หรี่ตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าไม่ไว้วางใจ เหมือนกลัวฉันจะตายตั้งแต่รอบแรกอย่างไรอย่างนั้น

    “เอาสเก็ตบอร์ดไปเผื่อไหม?” เขายื่นตัวช่วยของตัวเองมาให้ “หนักอยู่พอตัว ถ้าคับขันก็ใช้ฟาดได้”

    “ฉันเล่นไม่เป็นค่ะ” ปฏิเสธโดยแทบไม่ต้องคิด ตั้งแต่เกิดมาฉันเคยเล่นกีฬาที่ไหน “แล้วก็ดูคนรอบตัวด้วย อาวุธอันตรายทั้งนั้น ก่อนที่จะได้ฟาดฉันคงถูกบดก่อน”

    ผู้สมัครคนอื่นล้วนแต่มีกล้าม ฉันจะเอาอะไรไปสู้!

    สมัยอยู่กับพวกพี่ชายพี่สาวก็แทบจะไม่ได้ทำอะไร ทั้งวันได้แต่นอนรออาหาร สบายเหมือนถูกขุนเป็นหมู ตอนอยู่กับฮิโซกะก็เหมือนกัน และพอย้ายมาอยู่กับตระกูลโซลดิ๊ก ทุกวันก็เรียบง่ายเพราะมีคนในตระกูลคอยหนุนหลัง การทดสอบก็ไม่เคยโดน เค้กเอย อาหารเอย ทุกอย่างมีพร้อมเสร็จสรรพ สบายกว่าอยู่โรงแรมอีก

    “นี่เป็นผลจากการถูกเลี้ยงดีเกินไปไงล่ะ!”

    คิรัวร์นวดขมับ ทำหน้าเหมือนคิดผิดที่ตัดสินใจหนีบฉันมาสอบด้วย “เธอนี่มัน....”

    “โชคดีจนน่าอิจฉาเลยใช่ไหมล่ะคะ”

    ฉันยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ นอกจากจะเล่นเกมเสี่ยงโชคแม่นแล้ว ในชีวิตจริงฉันก็แม่นเหมือนกัน ราวกับว่าฟ้าลิขิตให้ฉันเดินไปเจอแต่คนที่สามารถขุนเลี้ยงให้เป็นหมูได้ อาหารไม่เคยอดอยาก จะมีอะไรดีไปกว่านี่อีก---

    “โอ๊ย!”

    ลูบหน้าผากที่ถูกเขกด้วยแรงนักฆ่า มองต้นเหตุด้วยสีหน้าของผู้ถูกกระทำ ฉันเบะปาก บีบน้ำตาให้ดูน่าสงสาร “เกิดฉันสมองเสื่อมขึ้นมาจะทำยังไงคะ”

    “ฉันก็จะเขกจนกว่าสมองเธอจะกลับมาเป็นปรกติเลยไง!” คิรัวร์ถลึงตาใส่อย่างไม่ตกหลุมพราง ทำหน้าเหมือนอยากจะเขกหัวฉันอีกสักรอบ “รอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไงห๊ะ? ถ้าไม่มีโชคคงตายไปร้อยรอบแล้ว!”

    “คิดว่าน่าจะมากกว่าร้อยรอบนะคะ” ฉันแก้ให้ คนที่เลี้ยงฉันแทบทุกคนไม่รู้ทำไมถึงเป็นคนที่มีศัตรูเยอะนัก เหอะๆ ยังจำได้ดีเลยว่าเคยมีคนจะเอามีดมาแทงฉันด้วย

    นึกแล้วก็น่าสงสารจริง ๆ

    เพราะอีกฝ่ายดันวืดไปแทงคนข้างหลังฉันแทน และคนด้านหลังที่ว่าดันเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่ใจเหี้ยมมาก มีดนั้นถากเสื้อเขาไปนิดเดียว เขากลับฟันฉับ ตัดหัวเจ้าของมีดหลุดจนกลายเป็นฉากสยองภายในพริบตา

    เห็นเจ้าแมวถอนหายใจปลงตกก็ลูบหลังปลอบ อารมณ์ดีหน่อยสิ ห่อเหี่ยวแบบนี้ก็กินไม่อร่อยกันพอดี

    “ให้ฉันถอนตัวดีไหมคะ”

    อย่างไรเสียการสอบฮันเตอร์ก็ไม่ได้มีครั้งเดียว และฉันก็มีเวลามากพอจะสอบได้อีกเป็นร้อยรอบ ถ้ากลับตระกูลนักฆ่าตอนนี้โทษคงยังไม่นักหนามาก อาจจะแค่โดนงดของหวานไปนิดหน่อย แต่ก็ดีกว่าโทษหนักล่ะน่า

    “ไม่ต้อง” คิรัวร์ส่ายหน้า ขยี้ผมฉัน “อุตส่าห์พาออกมาได้ทั้งที เดี๋ยวฉันจะช่วยเองก็แล้วกัน”

    “แม้ว่าตัวเองจะลำบากเหรอคะ?”

    “ฉันไม่ได้ห่วยขนาดแบกคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ”

    จะว่าไปตอนชวนเล่นเกมคู่ เมื่อฉันตายเขาก็เป็นคนสู้ต่อจนจบ ถึงจะทำท่าโกรธยังไงแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ด่าอะไรจริงจัง จะมีบางครั้งที่ใช้ฉันไปยกขนมมาให้กับขยี้ผมจนฟูเป็นการทำโทษนิดหน่อยเท่านั้นเอง

    ฮืม…

    “ใจดีจังเลยนะคะ” ฉันเอ่ย มองคิรัวร์แล้วก็เกิดความรู้สึกผิดน้อยนิดขึ้นมา เขาไม่น่าเป็นอาหารที่อร่อยเลย “ตั้งแต่มาที่นี่ก็ช่วยฉันไว้หลายเรื่องแล้ว ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” ดูแลดีขนาดนี้ถึงว่าทำไมน้อง ๆ ถึงรักเขานัก

    “ท--ที่ฉันช่วยก็เพราะข้อตกลงต่างหาก!” เขาโวยวาย หน้าแดงไปถึงหู “ถึงเวลาเธอก็ต้องช่วยฉันเหมือนกัน ถ้าเกิดตายขึ้นมาก็แย่น่ะสิ ทั้งหมดนี่ไม่ได้ทำให้ฟรีนะ!”

    ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว

    ถึงอย่างนั้นก็ยังระยิบระยับ ระยิบระยับไปหมด

    จ้องลูกแมวที่ขู่ฟ่อว่า ‘ถ้าไม่มีประโยชน์ฉันก็ไม่พามาด้วยหรอก’ ฉันยิ้มกว้าง และเกือบจะหลุดขำออกมา

    ตั้งแต่ที่ยอมตกลงรับข้อเสนอจนถึงตอนนี้ ฉันก็ยังไม่ได้ช่วยอะไรเขาเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากรักษาเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเสี่ยงไอเทมเกมให้ ถ้าฉันเป็นเขาคงไม่ลากตัวถ่วงแบบนี้มาสอบเสี่ยงตายด้วยแน่

    ในที่สุดเจ้าแมวก็เลี่ยงประเด็นไปที่เรื่องอื่น พยักเพยิดให้ฉันหันไปมองกลุ่มคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ และดูเหมือนจะเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้ว ทันทีที่เห็นพวกนั้นใจฉันก็เต้นโครมคราม ตาเป็นประกาย เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง

    “ดูเป็นไง?” คิรัวร์ถาม

    “น่าอร่อยค่ะ” ตอบโดยไม่ต้องคิด แค่ยืนเฉย ๆ ยังชวนน้ำย่อยทำงานแบบนี้สมเป็นตัวเอกจริง ๆ

    “น้ำลาย...”

    “โอ๊ะ” แย่แล้ว แบบนี้น้องแมวก็ระแวงพอดี ฉันรีบปาดหลักฐานแสดงความหิวออกไป หัวเราะเหมือนเมื่อกี้เป็นแค่การพูดเล่น “เฮ้อ คิดถึงขนมมากเกินไปแน่ ๆ เลย ที่จริงฉันจะพูดว่า ‘น่าคบหาดีนะ’ น่ะ”

    ยิ้มอย่างไม่มีพิษมีภัย

    “อย่าถือสาที่ฉันพูดผิดเลยนะคะ”

    “ยืนยันมาสิว่าเธอไม่คิดจะกินพวกเขา”

    เปิดสกิลเลี่ยงสายตาไปมองทางอื่นอย่างมืออาชีพ “จะไปคิดได้ยังไงกันล่ะคะ อย่ามองฉันในแง่ร้ายสิ”

    “เธอเคยกัดแก้มฉัน...”

    แมวถอยห่างจากฉันก้าวนึง

    “ตอนฉันเล่นเกมก็จ้องเหมือนกำลังหิว...”

    อ๊ะ เห็นด้วยเหรอเนี่ย

    “หลุดคำว่าอยากกินเวลาจ้องหน้าฉันบ่อย ๆ...”

    อย่าทำหน้าเหมือนกำลังนึกถึงความทรงจำสะเทือนใจสิ ฉันแค่เผลอไปนิดเดียวเอง นิดเดียวจริง ๆ นะ!

    ขยับก้าวไปหาคิรัวร์ที่ยกสเก็ตบอร์ดขึ้นมากันไว้เหมือนฉันเป็นตัวอันตราย ฉันบีบน้ำตาและทำหน้าเศร้าอย่างคนไม่ได้รับความเป็นธรรมจนในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมลดสเก็ตบอร์ดลง ลูบหัวอย่างช่วยไม่ได้


    “ค--แค่ครั้งเดียวนะ...”


    เป็นพี่ชายที่ดีจริง ๆ เลย

    ชายที่ชื่อทอมป้าเข้าไปทักกลุ่มตัวเอก พูดกันได้สักพักก็ชี้นิ้วไปที่ผู้เข้าสอบคนอื่น แนะนำแต่ละคน หมองูบาบอน นักสู้หมัดมวย นักมวยปล้ำ สามพี่น้องอาโมริ พรานป่าเกรเตอร์ แล้วก็…

    “อ๊ากกกกกก”

    “มหัศจรรย์จริง ๆ แขนหายไปได้ไงเนี่ย

    ไม่แยแสแม้จะเพิ่งตัดแขนผู้เข้าสอบคนหนึ่งไป



    “ระวังหน่อยซี่ เรื่องชนคนแล้วไม่ขอโทษเนี่ย



    ฮิโซกะ

    “นั่นคือเพื่อนของอิลูมิ?” คิรัวร์สะกิดถาม

    ฉันพยักหน้า “แล้วก็เป็นคนที่เอาฉันมาฝาก...” คิดแล้วก็ช้ำใจ ต้องใจเหี้ยมขนาดไหนถึงกล้าเอาสาวน้อยไปปล่อยที่หน้าประตูตระกูลนักฆ่า นั่นสร้างแผลใจให้คนคนหนึ่งได้เลยนะ ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันยังปลอดภัยอยู่!

    คิรัวร์มองตัวตลกแล้วทำหน้าแหยง พึมพำว่าสมแล้วที่ไปกันรอดกับอิลูมิ ก่อนจะตบหลังฉันแปะ ๆ ทำสีหน้าเห็นใจ “เอ๋อ ๆ อย่างเธออยู่กับคนแบบนั้นได้นี่ดวงดีจริง ๆ ทำยังไงถึงยังปลอดภัยมาถึงตอนนี้ได้ล่ะเนี่ย”

    ฉันพยักหน้าเออออ หันไปมองทอมป้าที่ยื่นกระป๋องน้ำให้ตัวเอกด้วยใบหน้าเป็นมิตร เด็กชุดเขียวพอดื่มไปแล้วก็คายออกมา พอเห็นแบบนั้นผู้ชายที่หน้าสวยมากกับตาลุงคนหนึ่งก็เทน้ำในกระป๋องทิ้งอย่างไม่ไยดี

    “ตื่นเต้นแฮะ คอแห้งเป็นผงเลย” คิรัวร์บ่น จับๆคอตัวเอง ก่อนจะสังเกตไปเห็นกระป๋องน้ำส้มที่ทอมป้าถืออยู่ ระยะทางจากตรงนี้ค่อนข้างไกลพอควร ดังนั้นเขาจึงหันมาหาฉัน ยัดสเก็ตบอร์ดมาให้ถือ เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

    “อยู่ตรงนี้อย่าตามใครเขาไปล่ะ” และชี้มาที่สเก็ตบอร์ด “ฉันไปเอาน้ำแป๊บเดียว ใครมาหาเรื่องก็เอาไอ้นี่ฟาดถ่วงเวลาไว้ก่อน ฟาดไม่ต้องยั้ง เข้าใจไหม?”

    ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย “อื้อ”

    แมววิ่งไปแล้ว

    ฉันวางสเก็ตบอร์ดลงกับพื้นแล้วใช้เป็นที่นั่ง จะว่าไปก่อนหน้านี้ก็เคยเห็นคิรัวร์เล่นมาก่อน ดูคล่องแคล่วอย่างกับมันเล่นง่ายแสนง่าย ไถลไปที่โค้งสูง ๆ แล้วตวัดกลับลงมาอย่างสวยงาม ฉันก็เอาแต่ดูไม่เคยเล่นสักที บางทีมันอาจจะไม่ยากอย่างที่คิดก็ได้ เผื่อลองเล่นแล้วฉันอัจฉริยะกว่าน้องแมวงี้

    ลองวางเท้าข้างหนึ่งลงบนแผ่น อีกข้างก็ไถล...

    วืดไปข้างหน้า


    “ยัยเอ๋อ!”


    เหมือนทุกอย่างกลายเป็นภาพช้า

    ฉันเห็นคิรัวร์เบิกตากว้าง ทำหน้าแมววิ่งเข้ามาพร้อมกระป๋องน้ำเต็มแขน แต่ก็มารับไม่ทัน ร่างของฉันลอยวืดไปด้านหน้าพร้อมสเก็ตบอร์ด และลอยละลิ่วจนหน้าไปปะทะกับผู้เข้าสอบที่ดูอารมณ์ไม่ดีอย่างมากเพราะแขนข้างหนึ่งขาดด้วน

    โอ๊ะโอ๋

    คนที่ไปชนตัวตลกนี่เอง

    ฉันหัวเราะแฮะ ๆ ก้าวถอยหลังและเตรียมจะขอโทษ กล่าวอวยพรให้โชคดีในการสอบ ทว่าแขนกลับถูกจับไว้ อีกฝ่ายมีสีหน้าทะมึน เส้นเลือดปูดข้างขมับ เหมือนเจอที่ระบายอารมณ์จากตัวตลกสักที

    “เด็กผู้หญิง? ดูไม่คุ้นหน้าคุ้นตา คงเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งสมัครเข้ามาสินะ หึ! พวกเด็กก็งี้ คิดว่าการสอบมันง่ายเหรอ ด่านแรกก็ไม่น่าจะผ่านแล้วมั้ง กลับบ้านไปหาแม่ไป๊!”

    อีกฝ่ายเงื้อมือสูง ฝ่ามือเตรียมฟาดลงมา

    “ถ้าแกแตะยัยนั่น----!”

    ทว่าก่อนที่มือจะมาถึงใบหน้า

    ราวกับหมดเวลา

    โดยไร้ซึ่งเสียงกรีดร้องใด ๆ



    ร่างของเขาก็ระเบิดออก



    อวัยวะทั้งหมดกลายเป็นเศษเนื้อชิ้นเล็กชิ้นน้อย กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณจนผู้เข้าสอบรอบข้างต้องขยับหนี เลือดสาดย้อมเหมือนฉากในหนังสยอง

    บางคนทำหน้าคลื่นไส้เมื่อเห็นเครื่องในที่เผละออกมา ก้อนไขมันสีขาวในหัวถูกระเบิด ลูกตาก็กลายเป็นของแหยะ ๆ กองรวมกันกับพวกไส้

    ไม่เหลือชิ้นดีสักอย่าง

    คิรัวร์วิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน ทิ้งพวกกระป๋องน้ำในมือที่ได้มาจนหมด กรอบหน้าผุดซึมด้วยเหงื่อ ไม่สนคนที่เพิ่งระเบิดไปแม้สักนิด มือหันตัวฉันที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดและเศษเนื้อหมุนซ้ายหมุนขวาสำรวจว่ามีตรงไหนบาดเจ็บหรือเปล่า ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

    “แค่เปื้อนสินะ...ดีแล้วล่ะ”

    มือปัด ๆ เศษเนื้อที่เกาะตามตัวออกให้ ปากก็บ่นว่าคนที่ใช้พลังนี้ทำงานได้สกปรกชะมัด เละเทะไปหมด

    “เธอนี่ก็จริง ๆ เลย ฉันบอกให้อยู่เฉย ๆ ไง เกือบตายไปแล้วไหมล่ะ โชคดีเกือบจะเอาไม่อยู่แล้วนะ!”

    ฉันก้มลงไปหยิบสเก็ตบอร์ดที่ตกอยู่พื้นขึ้นมาส่งคืนให้เขา “ฉันลองแล้วและพบว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ด้านนี้ค่ะ คิรัวร์เอาไปใช้เถอะ” โฮๆ ฉันมันไม่เจียมตัวเอง คิดจะไปเทียบกับอัจฉริยะได้ยังไง!

    คิรัวร์รับมันไปและปาดคราบเลือดออกด้วยสีหน้าขยะแขยง ทำหน้าเหมือนอยากจะถามสักอย่าง

    “จะว่าไปเธอเห็นคนที่ฆ่า----”


    กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงง



    “จากนี้เป็นต้นไปถือว่าสิ้นสุดเวลารับสมัคร”



    กรรมการคุมสอบรอบแรกกล่าว




    “และจะขอเริ่มการสอบฮันเตอร์ ณ บัดนี้”




    คิรัวส์ขมวดคิ้ว เริ่มทำหน้าเครียดขึ้นมาเมื่อกรรมการเร่งความเร็วที่เดิน เขาคว้าแขนฉันแล้วพาวิ่งตามคนอื่นไปเมื่อกรรมการบอกว่าการสอบรอบแรกต้องตามไปด่านสองให้ได้

    ตอนที่คนอื่นตกใจกับระเบิดเหมือนฉันเห็นอิลูมิแว็บ ๆ ด้วย เหอะ ๆ ปลอมตัวได้น่ากลัวชะมัดเลย!

    เขาคงมาตามน้องกลับ

    ฮืม…

    ถ้าอย่างนั้นก็แย่แล้วสิ

    น้องแมวจะมีเวลาเที่ยวเท่าไหร่ล่ะเนี่ย



    “อยู่กันแบบนี้คงไม่ได้ขยับไปไหนแหง”



    ส่งยิ้มให้คิรัวร์ที่ทำหน้าไม่เข้าใจ

    “สนใจกลุ่มเด็กพวกนั้นใช่ไหมล่ะคะ ลองไปคุยดูสิ บางทีอาจจะได้คู่หูเล่นเกมคนใหม่ก็ได้นะ”

    วิ่งไปพูดไปแบบนี้เหนื่อยชะมัด

    ฮื่อ

    ที่จริงไม่อยากจากเลย

    แต่ถ้าขืนวิ่งอยู่แบบนี้คงเหนื่อยตายแหง

    เพราะงั้น…

    แกะมือที่เกาะกุมอยู่ออก




    “มาแยกกันตรงนี้เถอะคิรัวร์”




    และวาร์ป

    ไปอยู่ด้านหลังกรรมการสอบ

    หวังว่าน้องแมวจะมีเพื่อนกับเขาบ้างนะ

    ฉันมองคราบเลือดที่เกาะตามตัวตัวเองแล้วก็ถอนหายใจ สกปรกจนนึกถึงอ่างอาบน้ำที่ตระกูลนักฆ่าขึ้นมา นึกถึงขนมหวานหลังอาหารแสนอร่อย ป่านนี้ตระกูลโซลดิ๊กคงกำลังวุ่นวายแหง กลับไปฉันโดนงดขนมแน่

    ชิมเลือดที่ติดบนนิ้ว เหม็นขึ้นจมูกจนอยากจะอ้วก

    ไม่น่าคาดหวังเลย

    นี่ไม่ใช่อาหารแล้ว



    “แย่ชะมัด…”


     

    ขยะชัด ๆ




    (2)


    “นี่คือป่าดงดิบนูเมเล่ ฉายา ‘รังนักต้มหมู’


    ในที่สุดก็พ้นอุโมงค์


    “ตามมาและระวังให้ดี มีหลายชนิดที่ทั้งเจ้าเล่ห์ทั้งหิวกระหายคอยล่อหลอกมนุษย์ไปเป็นอาหาร สัตว์ป่าหายากหลายชนิดมีอยู่เฉพาะในป่านี้ เราต้องผ่านที่นี่เพื่อจะไปสนามสอบรอบที่สอง ถ้าหลงกลล่ะก็---ถึงตายเชียวนะ”

    หูฟังข้อมูลจากกรรมการคุมสอบซาธ็อท มือลูบหน้าผากตรงส่วนที่ถูกคิรัวร์เขกเข้าให้หลังเจอหน้ากันอีกครั้ง เจ้าแมวโวยวายใส่ตามที่คาด บอกว่าฉันทิ้งเขาเสียดื้อ ๆ นึกว่าจะหนีกลับตระกูลโซลดิ๊กไปแล้ว

    ทั้งถลึงตาใส่ ทั้งกางเล็บเหมือนจะข่วนหน้า ฉันได้แต่ก้มหน้ายอมรับทุกข้อความผิดอย่างเจี๋ยมเจี่ยม เถียงกลับไปไม่ได้สักคำ พอจะเลี่ยงประเด็นอื่นก็โดนสายตาดุจนพูดต่อไปไม่ได้ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กซนไม่มีผิด

    เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าตอนที่คิรัวร์บ่นมันน่ากลัวขนาดไหน กระทั่งความวุ่นวายตอนที่ฮิโซกะปาไพ่ใส่กรรมการคุมสอบเพื่อพิสูจน์ก็หยุดเขาไม่ได้สักนิด คิรัวร์ยังบ่นฉันต่อไปไม่สนใจเลยว่าใครจะเป็นกรรมการตัวจริง

    “คราวหลังจะทำอะไรก็บอกกันบ้าง” ในที่สุดก็ถอนหายใจ “ที่นี่อันตราย...ระวังหน่อยก็ดี”

    ตัวเอกยิ้ม “ที่จริงคิรัวร์เป็นห่วงใช่ไหมล่ะ”

    “นายก็ดูสิกอร์น ยัยนี่ทำอะไรไม่ระวังสักนิด เผื่อทะเล่อทะล่าจนบาดเจ็บจะทำยังไง!”

    “เอาน่าๆ คิรัวร์อย่าดุนักเลย”

    “นายอยู่ข้างใครกันแน่เนี่ย!”

    ฉันมองกอร์นสลับกับคิรัวร์ที่ดูเข้ากันได้ดี จากที่จะร้องไห้เพราะถูกบ่นเมื่อกี้ก็ยิ้มออกมา คิดว่าคุ้มแล้วล่ะ ถึงจะถูกบ่นที่ทำตามใจก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยช่วงที่ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังเรื่องฉัน เขาก็หาเพื่อนได้

    ถ้าอิลูมิรู้เข้าฉันคงถูกเข็มปักเป็นเม่นแน่

    ไม่สิ รู้แน่ๆ กิตาราเคิลยังจ้องฉันอยู่เลย

    “กอร์น ขยับไปด้านหน้าหน่อยดีกว่า”

    “ฮื่อ เกิดคลาดสายตากับกรรมการไปก็แย่เนอะ”

    “ยัยเอ๋อ วิ่งให้เร็วกว่านี้หน่อย!” คิรัวร์เร่งฉัน ก่อนจะพูดเตือน “ควรอยู่ห่าง ๆ เจ้าฮิโซกะไว้ก่อน ไอ้หมอนั่นดูกระสันอยากจะฆ่าคนขึ้นมาแล้ว เข้าในหมอกเมื่อไหร่คงลงมือเมื่อนั้น”

    กอร์นพยักหน้าเข้าใจ หันไปบอกเพื่อนข้างหลัง “เลโอลีโอ! คุราปิก้า! คิรัวร์บอกว่าขึ้นมาข้างหน้าดีกว่าน่ะ!!”

    ทำไมพวกนายถึงแรงเหลือเฟือขนาดนี้!

    ได้โปรดถามฉันหน่อย ถามฉันสักนิดก็ได้

    ฉันวิ่งตามกรรมการทั้งน้ำตา

    ตอนแรกที่ยังไม่เจอกอร์นเจ้าแมวก็ชะลอความเร็วเพราะสงสารร่างอ่อนแอของฉันอยู่หรอก แต่พอเจอกันแล้วนี่สิ นึกภาพเด็กสองคนที่ทางด้านกายภาพเข้าขั้นสัตว์ประหลาด กับคนอ่อนแออีกหนึ่ง การจะวิ่งตามพวกเขาให้ทันโดยไม่ใช้ตัวช่วยอะไรบอกเลยว่าแทบตาย

    พอเข้าหมอกหนาก็เริ่มได้ยินเสียงโหยหวน

    เพียงแป๊บเดียวข้างหลังก็เริ่มแตกตื่น พวกรั้งท้ายถูกสัตว์ในป่านี้ล่อออกไปผิดทางได้พักใหญ่ คิรัวร์หันมองฉันที่จะเหนื่อยตายอยู่รอมร่อ สลับกับกอร์นที่เอาแต่หันหลังกลับไปเพราะห่วงว่าเพื่อนตัวเองจะเป็นอันตราย

    เขาบอกให้ตอนนี้กอร์นห่วงตัวเองก่อน


    ซึ่ง


    ก็ไม่ได้ผล


    เพราะทันทีที่กอร์นได้ยินเสียงการปะทะด้านหลัง เขาก็หันหลังกลับเข้าไปในหมอกหาเพื่อนตัวเองทันที คิรัวร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้ตามกอร์นแต่ลากฉันให้วิ่งต่อ บอกเป็นระยะว่าใกล้จะถึงแล้ว อดทนอีกนิดเดียว

    แต่ฉันรู้นะว่ามันไม่ได้ใกล้หรอก

    สำหรับคิรัวร์การวิ่งแค่นี้แทบไม่ได้ทำให้เหนื่อยสักนิด ผิดกับคนธรรมดาที่พากันถอดใจไปมากกว่าครึ่ง อันที่จริงการสอบแบบนี้สำหรับเขาแล้วคงง่ายแสนง่าย จะวิ่งให้เร็วกว่านี้ก็ยังได้ ทว่าปัญหาดันติดที่ฉัน

    อื้อ แย่จังเลยนะ

    วิ่งไปสักพักฉันก็ถามความเห็นเกี่ยวกับกอร์น คิรัวร์ตอบกลับมาว่าน่าสนใจดี แต่นิสัยบางอย่างก็ทำเขาหงุดหงิด ฉันคิดว่านิสัยนั้นคงเป็นการที่กอร์นหันหลังกลับไปช่วยเพื่อนล่ะมั้ง

    ถ้าอิลูมิเจอกอร์นก็คงจะบอกว่านิสัยแบบนี้ไร้สาระ นักฆ่าไม่จำเป็นต้องมีความความรู้สึกเห็นใจหรอก

    ฮื่อ เจ้าแมวน่าสงสารจริง ๆ

    “ฉันอยากให้คิรัวร์เป็นเพื่อนกับกอร์นนะ”

    แมวทำหน้าไม่เข้าใจ “ห๊ะ?”

    “ถึงบางอย่างจะน่าปวดหัวอย่างที่คิรัวร์ว่า แต่ถ้าเป็นเพื่อนกัน สักวันที่คิรัวร์เกิดเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะได้วางใจหน่อยนึงว่าอย่างน้อยคิรัวร์ก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว” จะได้โล่มากันอิลูมิด้วย “มีเพื่อนเล่นเกมมันสนุกกว่าใช่ไหมล่ะ”

    “หุบปากแล้ววิ่งไปเถอะน่ายัยเอ๋อ”

    โดนว่าอย่างนั้นฉันก็ต้องจำใจวิ่งต่อไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่เมื่อกี้ดูเหมือนเขาจะฟังอยู่นะ? ถ้าเห็นด้วยก็ดีสิ รีบเป็นเพื่อนกันเร็ว ๆ สองคู่หูพากันผจญภัย แค่คิดก็น่าตื่นเต้นแล้ว ในอนาคตพวกเขาจะเติบโตไปได้ถึงไหนกัน

    ต้องหมักบ่มไว้ก่อน

    จนกว่าจะกลายเป็นอาหารชั้นยอด

    “...ตอนนี้ก็ขอพึ่งก่อนนะคะ”

    “หืม? เธอพูดว่าอะไรนะ?”

    “แค่บ่นเพราะเหนื่อยน่ะค่ะ”

    มองมือที่จับไม่ยอมปล่อย สูดกลิ่นหวานชวนร่างกายเดือดพล่านที่ลอยมาตามลม ฉันฮึบสู้ในใจ พยายามลากสังขารอันหนื่อยล้าของตัวเองวิ่งตามกรรมการทั้งที่จะวาร์ปไปสนามสอบให้รู้แล้วรู้รอดเลยก็ยังได้

    กลิ่นของคนที่ระเบิดเน่าจนแทบทนไม่ไหว

    ถ้าไม่ได้คิรัวร์มากลบต้องแย่แน่ ๆ

    อันที่จริงฉันว่าจะตามกอร์นเข้าไปในหมอกด้วย ช่วยสู้กับฮิโซกะ จบท้ายด้วยการถูกต่อยจนสลบอย่างเลโอลีโอ

    ตัวตลกคนนั้นอาจจะอุ้มฉันที่คิดว่าไร้สติพาดบ่าแล้วพาไปยังสนามสอบรอบต่อไป อืม เป็นแผนที่เยี่ยมไปเลย แค่แลกกับการโดนตีนิดหน่อย ฉันจะได้ไม่ต้องมาวิ่งแบบนี้ แถมช่วงที่ถูกพาดบ่ายังสามารถชิมเขาได้อีกด้วย

    ทั้งฮิโซกะ ทั้งเลโอลีโอ

    กอร์น แล้วก็คุราปิก้า


    “ไอ เราพ้นป่าทึบแล้ว!”


    ฉันยิ้มยินดี

    “อื้ม!”



    (3)

    การสอบรอบสองจะเริ่มเที่ยงตรง

    กอร์น คุราปิก้า และเลโอลีโอมาถึงสถานที่สอบอย่างปลอดภัย

    คิรัวร์เข้าไปทักกอร์นอย่างแปลกใจที่ไม่เป็นอะไร ผลคือฉันกับอาหารได้ทำความรู้จักกัน ยิ่งมาอยู่ใกล้ ๆ ยิ่งน่ากินไปกันใหญ่ ผ่าน ผ่าน ผ่าน ให้ผ่านทุกคนเลย กลิ่นดีแบบนี้อนาคตต้องยอดเยี่ยมมากแน่

    เลโอลีโอโดนต่อยจนหน้าบวมปูดข้างหนึ่ง ดูแล้วน่าสงสารไม่น้อย ฉันเองก็ไม่ใช่คนจิตใจไม่ดีอะไรก็เลยจะช่วยรักษาให้ ไม่คิดว่าจะโดนคิรัวร์ห้ามไว้ก่อน

    แมวจับไหล่ไม่ให้ฉันเข้าใกล้อาหารไปมากกว่านี้ หรี่ตาลงเหมือนกำลังบอกให้หยุดความคิดในหัวนั่นลงซะ

    ฮื่อ

    นึกว่าเนียนแล้วแท้ ๆ

    ฉันลูบท้องที่เริ่มหิวของตัวเอง ถอยห่างจากพวกเลโอลีโอออกมาก้าวนึง ถึงจะอยากกินมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากพับแผนการไว้ก่อน

    มาคิดดูอีกที เลโอลีโอนี่เป็นเพื่อนกอร์นนี่นา? หวา เกือบไปแล้วสิ ถ้าเผลอเขมือบไปแผนการหาเพื่อนให้คิรัวร์คงล่มไม่เป็นท่าแหง จากที่จะได้คู่หูสุดแกร่งคงเปลี่ยนเป็นศัตรูแทนแน่

    แปลว่าคุราปิก้าก็ไม่ได้

    แย่จังนะ

    เสียดายจัง

    ฉันปลอบกระเพาะอันน่าสงสารของตัวเอง มองผู้เข้าสอบคนอื่นที่ดูเครียดเมื่อบ้านที่ปิดอยู่ตอนแรกเปิดประตูออกมา เผยให้เห็นกรรมการสองคน ตอนนั้นฉันถึงเข้าใจแล้วว่าเสียงแปลก ๆ ที่ดังมาจากในบ้านคืออะไร

    เสียงท้องร้อง

    ไม่แปลกใจเลยที่การสอบครึ่งแรกคือปรุงอาหาร

    ไปตามหมูมาย่างให้กรรมการชายกิน จากนั้นคนที่ผ่านก็ไปทำอาหารให้กรรรมการหญิงต่อ เมื่ออิ่มท้องการสอบก็สิ้นสุด อ่ะ งั้นสอบรอบนี้ก็จำกัดคนสินะ

    ‘ลูกรัก ถ้าเจ้าอยากผ่านง่าย ๆ ล่ะก็...’


    “ยัยเอ๋อ เราก็ไปกันเถอะ”


    ฉันกะพริบตา มองคิรัวร์ที่ก้าวเข้ามาสะกิดเรียก ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ พบว่าพวกกอร์นและผู้สมัครคนอื่นก็ต่างวิ่งเข้าป่าไปล่าหมูแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ? แย่จริง ๆ เลย คงเหม่อจนลืมรอบข้างอีกแล้ว

    “คิรัวร์ไปก่อนเถอะค่ะ”

    เขาขมวดคิ้ว “หา?”

    ฉันยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ชี้มาที่เสื้อเปื้อนเลือดที่ตัวเองใส่อยู่ “ฉันจะไปจัดการสภาพตัวเองก่อนน่ะ” เลือดของคนคนนี้เหม็นจนอยากจะอ้วกอยู่รอมร่อ อยู่ต่อไปต้องทรมานตายแน่ ๆ “เดี๋ยวจะตามไปทีหลังนะคะ”

    เขาแทบจะงับหัวฉัน “เดี๋ยวเธอก็ตายพอดี!”

    “เห็นอย่างนี้แต่ปีก่อนฉันก็เกือบได้เป็นฮันเตอร์นะคะ ถ้าไม่เกิดเรื่องเสียก่อน” ก้าวห่างน้องแมวในระยะที่อีกฝ่ายคว้าไม่ถึงตัว “ฉันชอบการถูกดูแล แต่ถ้ามันทำให้นายขยับตัวลำบากก็ไม่ต้องหรอกค่ะ เฮ้อ มาไกลถึงขนาดนี้แล้วฉันเองก็เล่นกับเขาด้วยดีกว่า”

    ฉันยิ้มกว้าง ชูกำปั้นให้กำลังใจ



    “เล่นให้เต็มที่เลยค่ะน้องแมว!”



    หวา

    ถ้าเมื่อกี้วาร์ปไม่ทันคงโดนกัดไปแล้ว



    …..



    ต้องบอกว่า ว้าว โชคดีจัง

    เรื่องมีอยู่ว่านอกจากจะไปเจอน้ำตกใสสะอาดเหมาะแก่การไปแหวกว่าย ฉันยังไปเจอหมูย่างที่ตามหาอีก หมูย่างที่ย่างสุกแล้วเรียบร้อยนั้นดูท่าคงจะเป็นของผู้สมัครคนอื่นที่หนีตายเพราะเจอหมูไล่ล่าที่ฆ่าเพื่อนมัน

    ดังนั้นฉันจึงทำความสะอาดเสื้อผ้าให้ใหม่เอี่ยมไร้คราบเลือดชวนแหวะ วักน้ำล้างเศษดินเศษฝุ่นออกจากตัว จากนั้นก็เอาหมูที่เจอวาร์ปกลับไปให้กรรมการ ได้รับคำว่าผ่านเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจแรก

    พอไปเล่าให้คิรัวร์ฟังหวังว่าเขาจะเชื่อในความโชคดีของฉันจนไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป กลับกลายเป็นว่าแทนที่เขาจะสนใจเรื่องที่ฉันเล่า น้องแมวกลับกัดแก้มฉันจนเป็นรอยฟัน บอกว่าอย่าเรียกเขาว่าแมวอีก

    อย่างน้อยก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ฉันไปไหนเองแล้ว

    ถือว่าประสบความสำเร็จได้ไหมนะ---

    สายตาอิลูมิน่ากลัวจังแฮะ

    กลับไปคงถูกเข็มแทงเป็นเม่นแน่เลย



    …..



    การสอบรอบสองครึ่งหลังคือนิงิริซูชิ

    เรื่องวุ่นวายมันเริ่มจากที่นินจาคนหนึ่งเก็บความลับไม่ได้ เผลอหลุดเรื่องการทำซูชิออกมาต่อหน้าผู้เข้าสอบที่ผ่าน หลังจากนั้นทุกคนก็วุ่นวายออกไปหาปลาที่แม่น้ำข้างนอกกันหมด

    --อืม แต่ถึงจะรู้แล้วยังไง ในหมู่คนพวกนี้มีใครมีสกิลการทำอาหารบ้าง ดูจากความเหี้ยมที่ผ่านมาก็รู้แล้วว่าฝึกแต่การต่อสู้ทั้งนั้น!

    ตอนแรกฉันเดินแวะเวียนไปดูคนทำอาหารแต่ละคน เผื่อว่าจะมีใครสักคนติดสกิลทำอาหารบ้าง ผลคือว่างเปล่า แต่ละคนทำซูชิออกมาได้หน้าตาประหลาดทั้งนั้น ถ้าไม่เอาปลายัดในข้าว ก็เอาข้าวยัดในปลา

    หลังจากฉันเห็นปลาที่หน้าเหมือนคางคกดิ้นแด่วๆในข้าว อารมณ์ความอยากอาหารก็ลดลงฮวบ โฮๆ เข้าใจความรู้สึกคนชิมขึ้นมาแล้ว ของแบบนี้มันกินได้ที่ไหน!

    แม้แต่พวกกอร์นกับคิรัวร์เองก็ไม่เว้น

    หลังฉันชิมซูชิครบทุกคนก็ห่อเหี่ยวแทบตายซาก รู้สึกเหมือนประสาทรับรสกำลังจะพัง เป็นรสชาติล้ำลึกที่ไม่อยากลองอีกเป็นครั้งที่สอง

    เพื่อปกป้องตัวเองก็เลยขอหลบจากครัวออกมาอยู่ข้างนอก นอนพิงต้นไม้รอจนกว่าจะสิ้นสุดการสอบ ขนาดออกมาข้างนอกยังได้ยินคำว่า ‘ไม่ผ่าน!’ ‘ไม่ได้เรื่อง!’ แล้วก็ ‘ไปทำมาใหม่!’ เวียนซ้ำ ๆ อยู่อย่างนี้

    ไม่น่าจะมีคนผ่านสักคน

    ฉันหลับตาลง คิดจะนอนตรงนี้จนกว่าเรื่องวุ่นวายจะสิ้นสุดเพราะมีคนใหญ่มาจัดการให้ จากนั้นก็จะได้การทดสอบอันใหม่ที่ง่ายกว่าการทำซูชิ ทำให้กรรมการชิม ได้รับคำว่าผ่าน รอการสอบรอบต่อไป...

    การรู้เรื่องมันน่าเบื่อแบบนี้นี่เอง

    แย่จังเลยนะ



    “หื้ม? มานอนแบบนี้ได้ยังไง~ไม่ระวังเอาซะเลย



    กลิ่นหวาน

    อยากกินจัง

    หิวจนกระเพาะจะถูกย่อยอยู่แล้ว---

    “เจ็บ!”

    ฉันลืมตาขึ้นมา มือกุมแก้มตัวเองที่ถูกกัดซ้ำกับรอยของคิรัวร์ กะพริบตาถี่เพื่อมองให้ชัดว่าที่อยู่ตรงหน้าคือตัวตลกตัวจริง สูดจมูกฟุดฟิด อ่า ฮิโซกะตัวจริง

    คนที่ทิ้งฉันไว้หน้าประตูตระกูลนักฆ่า ให้ฉันเผชิญหน้ากับอิลูมิที่จ้องจะเฉือนทุกเวลา สุดท้ายวันจะสอบก็ดันไม่มารับเสียดื้อๆ...วีรกรรมโฉดของคนคนนี้มากมายเหลือเกิน! โฮๆ ที่คุณทำมันสร้างแผลในใจฉันเลยนะ!

    ฮิโซกะฉันจะโป้งคุณ---



    “ถ้าหิวจะกินฉันก็ได้นะ



    ---โป้งไม่ลง…

    ใจอ่อนยวบยาบทันทีที่อีกฝ่ายยื่นแขนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อพอดีพอเหมาะมาให้ ที่พิเศษคือรสชาติของฮิโซกะเปลี่ยนไปไม่ซ้ำ ดังนั้นทุกครั้งที่กัดจึงได้ลุ้นว่าจะได้ลิ้มรสรสชาติแบบไหนอยู่ บางทีครั้งนี้อาจจะเป็นรส---


    “ไปซ่อนอยู่ไหนเนี่ยยัยเอ๋อ!”


    อ่ะ

    ฉันชะงักริมฝีปากที่กำลังจะแนบไปที่ต้นแขนของตัวตลก ผละออกมาและหันไปตามเสียงเรียก เห็นน้องแมวกำลังเดินเข้าป่าหาฉันด้วยใบหน้าที่พร้อมจะเกรี้ยวกราดใส่ได้ทุกเมื่อ เสียงในหัวร้องลั่นว่าแย่แล้ว ถ้าไม่รีบกลับไปให้เห็นหน้าคงโดนบ่นจนหูชาอีกแน่เลย


    “เราจะไปสอบที่ใหม่แล้วนะ!”


    ฉันมองกล้ามเนื้อฮิโซกะตาละห้อย เลียปากอย่างเสียดาย อีกนิดเดียวก็จะได้ชิมแท้ ๆ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ

    ลุกขึ้นและปัดเศษดินออกจากตัว ต้องรีบไป---

    “ปล่อยแขนฉันนะคะฮิโซกะ”

    “หืม?” ตัวตลกยิ้มหน้าระรื่น ทำเป็นไม่รู้ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร มือที่เต็มไปด้วยแรงที่สลัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจับแขนฉันไม่ปล่อย “ไปด้วยกันสิ เราสอบที่เดียวกันนี่นา

    “ฉันคงโดนข่วนที่เอาคนแปลกหน้ามาด้วย”

    “ใจร้ายจัง~เรียกว่าคนแปลกหน้าได้ยังไง เราออกจะรู้จักกันดี” ฮิโซกะยิ้มกว้าง “บอกว่าเป็นที่รักก็ได้นี่

    คงจะไม่ยอมปล่อยจริง ๆ

    ฉันมองมือของอีกฝ่ายที่ยังคงจับไว้ เหมือนกำลังบอกว่าดื้อด้านไปก็เท่านั้น ยังไงสุดท้ายฉันก็ต้องตกลงอยู่ดี

    น่าหงุดหงิดจังนะ

    เมื่อกี้ก็กัดแก้ม ตอนนี้ก็ยังกำแขนฉันอีก



    “อย่าได้ใจให้มันมากนักเลยค่ะ”



    ฉันคลี่ยิ้ม สบกับดวงตาสีอำพันคู่นั้น

    ถ้าไม่อยากปล่อยก็ไม่ต้องปล่อย ฉันเองก็คร้านจะต่อต้านหรือเถียงกลับแล้ว ตั้งแต่สอบมาก็ยังไม่ได้ลิ้มรสอะไรที่ทำให้มีความสุขได้เลย อาหารจานแรกก็ดันเน่าเหม็น นอกจากจะกินไม่ได้แล้วยังชวนอาเจียน

    ถ้าไม่มีน้องแมวก็คงหงุดหงิดกว่านี้

    ถ้าไม่เจอพวกตัวเอกฉันคงเฉาไปแล้ว

    อุตส่าห์ดีขึ้นแล้วแท้ ๆ ก็ยังจะมากวนอีก




    “แค่อร่อย แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณพิเศษกว่าอาหารคนอื่นหรอกนะฮิโซกะ”





    อาหารบนโลกนี้ไม่ได้มีคนเดียว

    ถ้าคุณทิ้ง ฉันก็แค่ไปหาคนอื่นที่อร่อยกว่าเท่านั้นเอง







    -----------------

    -หัวข้อ- ยัยเอ๋อ


    คิรัวร์ : เกือบจะโดนระเบิดตายแล้ว!

    คิรัวร์ : ยัยเอ๋อนี่มันยัยเอ๋อจริง ๆ

    ไอ : *ไม่ได้พูดออกไป* ฉันแค่หิว...


    --------------------

    -หัวข้อ- ระเบิดลง


    ---ตัวเอกหิวจนไม่มีสติ สัมภาษณ์ไม่ได้---




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×