คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : la faim ครบ
‘กลับมาแล้วค่ะ’
สายตาของสมาชิกทุกคนจ้องฉันที่วาร์ปมากลางโต๊ะประชุมเป็นจุดเดียว ครึ่งหนึ่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเหมือนการที่ฉันหายไปเกือบอาทิตย์เป็นเรื่องปรกติ และส่วนหนึ่งหันไปประชุมกันต่อ
พวกพี่สาวกวักมือเรียกฉันให้ลงมาจากโต๊ะ คนที่หนึ่งสำรวจดูตามตัวว่ามีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า คนที่สองมองสภาพที่เต็มไปด้วยเลือดของฉันแล้วส่ายหน้าอย่างระอา เธอยื่นชุดใหม่มาให้แล้วบอกให้ฉันไปอาบน้ำ
และพี่สาวคนที่สาม เธอมาดมฟุดฟิดที่เสื้อเปื้อนเลือดของฉัน ดันแว่นและกล่าวอย่างสนใจ
‘คนนี้เป็นรสอะไรล่ะ?’
‘อืม...แป้งกับน้ำตาล อัลมอนด์...’ กวาดรสที่ยังเหลือในปาก ครุ่นคิดถึงชื่อของหวานสักพัก ‘เตอร์กีส ดีไลท์ล่ะมั้งคะ? เขามีรสของกุหลาบด้วยเลยเหมือนกำลังเคี้ยวกลีบกุหลาบที่เหนียวและนุ่ม แต่หวานไปหน่อย ดื่มชาตามไปด้วยน่าจะดี กินเดี่ยวๆแล้วทำลิ้นหนูชาไปหมด...’
เธอพยักหน้า ก่อนจะหันไปจดอะไรก็ไม่รู้ใส่ในสมุดที่พกไว้ แม้จะไม่อยากรู้ว่าในนั้นเขียนเกี่ยวกับอะไร แต่สายตาอันดีเลิศก็ดันไปสังเกตเห็นตัวอักษรที่เขียนบนหน้าปก...เอ่อ บันทึกของหวานผู้โชคร้าย?
‘ชื่อล่ะ?’
ฉันขมวดคิ้วมุ่น พยายามเค้นหัวคิด ตอนนั้นเขาบอกให้ฉันครางชื่อ… ‘XXX?’
มือที่กำลังจดข้อมูลของหวานผู้โชคร้ายชะงักไป สมาชิกที่กำลังประชุมอยู่หยุดการกระทำ ทุกสายตาหันมาจ้องฉันเขม็ง ‘เดี๋ยว อย่าบอกนะว่า...’
‘ตอนไปเดินเล่นข้างนอกหนูถูกจับไปประมูล แล้วเผอิญถูกเขาประมูลได้พอดี’ ฉันตอบไปอย่างไม่ปิดบัง ‘เขาดูน่าอร่อย ตอนแรกหนูก็ว่าจะอยู่เล่นอีกสักสัปดาห์ถ้าไม่เอะใจตอนเขาพูดถึงของสะสมของตัวเองขึ้นมาก่อน’
ฉันคุ้ยหาของในกระเป๋ากระโปรง เอ...จำได้ว่าก่อนจะกลับได้เก็บเอามาด้วยอยู่นา---อ๊ะ เจอแล้ว!
ฉันกระแอม ชูของสิ่งนั้นขึ้นเหนือหัว สวมบทเป็นพิธีกรในงานประมูล
‘ของที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก! เพชรสีฟ้าน้ำงามที่ถูกเจียระไนซับซ้อน ส่องประกายระยิบระยับยามราตรีราวกับได้รวมเอาดวงดาวทั้งหมดมาไว้ข้างใน ว่ากันว่าหากมีความปรารถนาแรงกล้าจะสามารถขอพรได้หนึ่งอย่าง ชื่อของมันคือสตาร์...สตาร์...เอ่อ สตาร์อะไรนะ? ฮืม ช่างเถอะ หนูจำที่เขาพูดได้แค่นี้แหละ’
ท้ายประโยคเสียงเบาลงเพราะจำสคริปต์ไม่ได้ ก่อนจะส่งเพชรสีฟ้าในมือให้พี่สาว ปล่อยให้เธอตรวจสอบมันอย่างละเอียด สุดท้ายก็ถอนหายใจ พยักหน้าให้คนอื่น
‘คงต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่แล้วล่ะ’
พวกที่ประชุมอยู่แทบล้มโต๊ะ คนหนึ่งขยี้ผมฉันจนฟู คนหนึ่งยืดแก้มฉันออก คนที่ตัวใหญ่สุดคำรามออกมา พลังแฝงของเขาแทบทำให้พื้นดินสะเทือน ‘ถ้ามียัยหนูนี่อยู่เราก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี!’
ฉันเกาะคนที่อยู่ใกล้สุดไว้ไม่ให้ล้ม ‘หนูเลือกได้ที่ไหน มันบังเอิญเจอเองนี่’
ฉันมุ่ยหน้า ใครจะชอบการถูกจับไปประมูลบ่อย ๆ กันเล่า กว่าจะจัดการได้แต่ละครั้งยุ่งยากออก
‘งั้นก็อย่าออกไปเดินเตร่เซ่!’
‘อยู่เฉย ๆ มันน่าเบื่อออกนี่คะ’
ฉันกอดอก ก่อนที่จะนึกอะไรขึ้นมาได้ เดี๋ยวสิ ถ้าพวกเขาไม่มีงานก็เท่ากับว่าไม่บาดเจ็บ...ไม่บาดเจ็บก็เท่ากับไม่มีอาหาร...โฮ! โง่เง่า ฉันนี่มันโง่เง่าที่สุด!
‘ต่อไปจะอยู่นิ่ง ๆ แล้วค่ะ ฮือ! แต่ได้โปรดตาย—เจ็บกลับมาหน่อยนะคะ สักนิดก็ดี ให้หนูมีงานทำบ้าง’
‘เมื่อกี้พูดว่าตายใช่ไหม?! ได้ยินนะเฟ้ย!’
พี่คนหนึ่งเข้ามาหยุดอีกฝ่ายที่ทำหน้าเหมือนจะมาขย้ำหัวฉัน ‘อย่าไปตีกับเด็กมันเลยน่า เกิดยัยหนูอาละวาดขึ้นมาก็แย่กันพอดี’...อย่ามาโยนความผิดให้ฉันนะคะ สาวน้อยตัวแค่นี้จะไปอันตรายได้ยังไง!
‘แล้วก็ยัยหนู หัวหน้าเรียกพบแหน่ะ’ พูดเสียงเบา ‘อย่าไปบอกอีกเชียวล่ะว่ากินของหวานยังไง คนที่ต้องรองรับอารมณ์โกรธหัวหน้าไม่ใช่เธอแต่คือพวกเรานะ’
ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ‘เข้าใจแล้วค่ะ’
คิดในใจว่าถ้าเขาโกรธก็ดีสิ ยิ่งโกรธหนัก ๆ ยิ่งดี ทำร้ายพวกพี่เขาแรง ๆ เลย แขนขาด ขาขาด หรือตาย
ตอนสุดท้ายฉันจะได้รักษา
เฮ้อ แค่คิดน้ำย่อยก็ทำงานแล้ว
(1)
หลังจากได้ลิ้มรสยาพิษยอดแย่ก็ขอให้คุณพี่ชายคนนั้นพาไปที่ห้องพัก ให้เหตุผลว่าเหนื่อยจากการเดินทาง อยากพักผ่อน พี่คนนี้ทำหน้าที่เป็นเจ้าบ้านได้ดีมาก อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แกล้งพาฉันหลงทางหรือเอาไปปล่อยไว้เหมือนฮิโซกะ...เหอะๆ ถ้าเทียบกับตัวตลกแล้วทุกคนก็แสนดีหมด!
พอถึงห้อง เช็คความเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีสัตว์หรืออะไรแปลก ๆ ฉันก็ล้มลงบนเตียง คิดถึงของหวานที่ไม่เข้ากับพิษแล้วก็ข่มตาให้หลับไปด้วยความหงุดหงิด หวังว่าตอนตื่นมาอีกครั้งลิ้นที่ติดพิษจะกลับมาชิมได้ปรกติ
พอตื่นมาก็เอ๊ะเอ๋
จำได้ว่าก่อนนอนก็ตรวจห้องแล้วนา...
แล้วกรงเล็บที่จ่ออยู่คอหอยนี่คืออะไรนะ?
ฮืม...
“แมว?”
“ไม่ใช่แมวสักหน่อย!”
ฉันขยี้ตา ไล่ความง่วงซึมทียังตกค้างออกไปจากในหัว กะพริบตาแล้วมองดูใหม่ อ๊ะ ถึงจะมีกรงเล็บแต่ก็ไม่ใช่แมวจริง ๆ ด้วย เขาเป็นคน...เด็ก? เด็กผมสีเงิน ดวงตาสีฟ้า ถึงจะเป็นมนุษย์ แต่พอมองไปนาน ๆ ก็คล้ายแมวอยู่นา
เจ้าตัวกัดฟันกรอด มือข้างหนึ่งกางกรงเล็บ จิกเข้าที่คอฉันจนเลือดซึมออกมา เด็กหัวเงินคนนี้ถ้าไม่เป็นนักฆ่าที่เก่งกาจมาก ๆ จนสามารถลอบเข้ามาในบ้านนี้ได้ ก็คงเป็นหนึ่งในลูกชายตระกูลโซลดิ๊ก
จ้องอยู่นานกว่ากรงเล็บจะถอยห่างออกไป เด็กหน้าแมวขยี้ผมเหมือนหงุดหงิดอะไรสักอย่าง
“คิรัวร์ โซลดิ๊ก...เรียกฉันคิรัวร์ก็ได้”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคิรัวร์ เรียกฉันไอก็ได้” ฉันยิ้มอย่างเป็นมิตร “จากนี้ก็มาเป็นเพื่อนกันเถอะนะ”
คิรัวร์ดูจะไม่สนใจที่ฉันพูด เหมือนว่ายังหงุดหงิดไม่หาย “แม่ฉันเรียกให้ไปทานมื้อเย็นด้วยกัน” ว่าอย่างนั้นก่อนจะเดินนำลิ่วจนฉันรีบตามก่อนที่จะพลัดหลงกัน อ่ะ อะไรเนี่ย ฉันไปทำอะไรให้เขาหงุดหงิดกัน
พอกำลังจะเอ่ยถามเพื่อปรับความเข้าใจ จู่ ๆ ก็ได้ยินคนที่เดินนำหน้าพูดพึมพำกับตัวเอง
“...ไหนเจ้าอิลูมิบอกว่าอันตรายฆ่าได้ไงเล่า...”
โห…
ความปลอดภัยในชีวิต : ติดลบ
(2)
“พ่อกับปู่ออกไปทำงานที่นครอันไกลโพ้น คงจะกลับมาไม่ทันมื้อเย็น เพราะงั้นวันนี้โต๊ะอาหารก็เหลือแค่พวกเราแล้วล่ะ~ไอจังเชิญทานได้ตามสบายเลยนะ อิลูมิบอกว่าหนูชอบของหวานน้าก็เลยทำไว้ให้เป็นพิเศษ~”
บนโต๊ะอาหารตระกูลมือสังหารเหลือเพียงลูกชายทั้งสี่และคุณแม่ท่าทางประหลาดที่ใบหน้าทั้งหมดถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล ปิดไม่ให้เห็นดวงตาด้วยแว่นไซคลอปส์ ริมฝีปากแต้มสีม่วงนั้นแย้มยิ้ม
เธอนั่งอยู่หัวโต๊ะ ขนาบซ้ายขวาด้วยคาลูโตะคุงเด็กผู้ชายที่สวมกิโมโน และอิลูมิพี่ชายคนโต ข้างอิลูมิคือมิลูกิ และฉัน ส่วนคิรัวร์ พอเขาเห็นอิลูมิก็ทำหน้าขยะแขยง ย้ายไปนั่งข้างคาลูโตะด้วยเหตุผลไม่อยากอยู่ใกล้พี่ชาย
มื้อเย็นน่ากินมาก มันเป็นข้าวที่โปะหน้าด้วยเนื้อของตัวอะไรสักอย่าง เนื้อถูกแล่ออกเป็นแผ่นบาง ๆ แผ่นหนังบางกรอบ ราดด้วยซอสชุ่มฉ่ำ ดูน่ากินมากจน...มิลูกิที่นั่งข้าง ๆ ขโมยเนื้อฉันไปครึ่งนึง
พอหันไปมอง ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังกินเนื้อที่ขโมยไปจากฉันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีความสำนึกผิดสักนิด
กล้ามาก…
ฉันถลึงตาใส่ในใจ ก่อนจะหันไปกินเนื้อที่เหลืออยู่เงียบ ๆ...ใครใช้ให้เขาเป็นมือสังหารกันเล่า! ทะเลาะไปไม่ใช่ว่าจะถูกฟันหัวหลุดเลยเหร๊อ ฉันตัวแค่นี้ถูกทับก็แบนแล้วมั้ง!
“เฮ้ มิลกี้! ไอ้หมูตอนนี่ อย่าแย่งอาหารฉันดิ!”
“นายกล้าพูดแบบนี้กับพี่ของนายได้ไงคิล!”
“ทำไมจะไม่กล้า! จะสู้ไหมล่ะ? ฉันจะผ่าท้องนาย จากนั้นก็จะ-----(เซ็นเซอร์เนื่องจากมีความรุนแรง)”
เยี่ยมไปเลยน้องแมว ตีเขาให้ฉันด้วย
ละเลียดกินข้าวส่วนที่เหลือจนหมด กระเพาะถูกเติมเต็มไปได้ส่วนหนึ่ง ฉันเช็ดปากก่อนจะหันไปยิ้มตาหยีให้คนที่นั่งหัวโต๊ะไม่สนใจการทะเลาะวิวาทของสองพี่น้อง
“อาหารอร่อยมากเลยค่ะคุณน้า”
“ฮุฮุ ขอบใจนะจ๊ะ เอาล่ะ ต่อไปก็ของหวาน~!”
โฮๆ คุณน้าใจดีอะไรอย่างนี้
ฉันมองของหวานแต่ละจานที่นำมาเสิร์ฟด้วยดวงตาเป็นประกาย แทบลืมเรื่องที่โดนมิลกี้แย่งอาหารไปเสียสนิท ยิ่งกว่าเนื้อหรืออะไรทั้งหมดก็คือขนม ยิ่งเป็นขนมรสเลิศแล้วด้วย มีเยอะขนาดนี้สวรรค์ชัด ๆ
ฉันหยิบพานาคอตต้ารูปลักษณ์ดูแปลกตามาชิมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะตอนเช้าเจอพิษยอดแย่ของอิลูมิไปจึงเผื่อความผิดหวังไว้ด้วยส่วนหนึ่ง ทว่าของหวานจานนี้กลับทำออกมาอร่อยไร้ที่ติจนฉันแทบหลั่งน้ำตา เนื้อละมุนคล้ายวุ้นรสนม ได้กลิ่นหวานของวานิลลาปนกาแฟ เข้ากันได้ดีกับซอสเบอร์รี เยี่ยมไปเลย! นี่ล่ะของหวาน!
“อร่อยเหรอนั่น” คิรัวร์ถามเหมือนระแวง ดวงตาสีฟ้าหรี่ลงคล้ายแมว “ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?”
“เอ๋ ก็ไม่มีอะไรแปลกนะคะ” ฉันตอบด้วยสีหน้าปลื้มปริ่มกับของหวาน “ขนมอร่อยสุด ๆ ไปเลย!”
“เชื่อใจแม่ได้ที่ไหน บางทีอาจจะวางยาพิษในจานของหวานเราก็ได้” มิลกี้บ่น หันมองฉันที่ลิ้มรสของหวานอยู่แล้วกลืนน้ำลาย และวินาทีต่อมาก็คว้าเอาพานาคอตต้าอีกถ้วยที่อยู่บนจานของฉันไป
“กินของยัยนี่น่าจะปลอดภัยสุด”
ตักเข้าปากไปแล้ว
ฉันขยับเก้าอี้หนีคนตะกละที่ล้มไปกองกับพื้น กุมลำคอตัวเองด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวเหมือนคนหายใจไม่ออก หน้ากลายเป็นสีม่วงและเริ่มมีตุ่มสีแดงขึ้นตามตัว ฉากสยองอยู่ได้ไม่นานมิลกี้ที่จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ก็ถูกช่วยเอาไว้โดยอิลูมิ พี่ชายคนโตยัดยาใส่ปากก่อนจะบังคับให้เขากลืนมัน ในที่สุด มิลกี้ก็เริ่มกลับมาเป็นปรกติ
“ยาพิษล้วนนี่!”
อิลูมิกลับไปนั่งที่ ใบหน้าราบเรียบเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อย่าไปยุ่งกับอาหารของเธอจะดีกว่า”
ฉันมองพานาคอตต้าที่ตกไปอยู่พื้น กัดช้อนอย่างคับอกคับใจ ขนมอันแสนสำคัญของฉัน! เจ้าอ้วนผู้ไม่รู้จักคุณค่าของมัน! โฮๆ รู้ไหมว่าฉันต้องการของหวานมาเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำจากพิษยอดแย่น่ะ!
“มิลกี้! ลูกอย่าไปแย่งขนมหวานของผู้หญิงสิ!” คุณแม่เอ็ดอย่างไม่จริงจัง “ขนมของลูกวันนี้แม่ไม่ได้ใส่ยาพิษลงไปสักหน่อย เฮ้อ ไม่ไหวเลยๆ สงสัยจริงว่านิสัยนี้มาจากใคร มีแต่คาลูโตะจังที่สุภาพเรียบร้อย”
เด็กที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นเป็นครั้งแรก “ฮะ คุณแม่” ท่าทางดูน่ารักเรียบร้อยไปหมด
“ไอจัง ของหวานเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”
“ยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ” ฉันตอบกลับไป ตักพานาคอตต้าคำสุดท้ายเข้าปาก ตีหน้าเศร้าและพึมพำ “น่าเสียดายที่ได้กินแค่ถ้วยเดียว เฮ้อ ของหวานรสเลิศแบบนี้ไม่ค่อยมีโอกาสได้ชิมด้วยสิ”
เรียวปากของอีกฝ่ายแย้มยิ้ม “แหม~ไว้คราวหลังจะทำมาเพิ่มให้นะจ๊ะ วันนี้ไม่ได้เตรียมไว้ก่อนของก็เลยไม่พอ มื้อหน้าน้าจะใส่ยาพิษอร่อย ๆ ไว้ให้หลายชนิดเลย”
น้องแมวทำหน้าแขยง “...พวกประหลาด”
มิลกี้ที่ตอนแรกยังตีกันพยักหน้าเห็นด้วย
“คิลพูดจาแบบนั้นกับผู้หญิงได้ยังไงกัน น่ากังวลเรื่องลูกสะใภ้ในอนาคตจริง ๆ คาลูโตะจังอย่าเอาพี่ชายเป็นแบบอย่างนะ”
เธอหยิบพัด(ที่ไม่รู้ว่าเอาไปซ่อนตรงไหน)มากาง ทำท่าหนักใจ
“อย่าไปถือสาพวกลูกชายฉันเลยนะไอจัง ปรกติไม่ค่อยมีผู้หญิงมาที่บ้านแบบนี้พวกเขาก็เลยทำตัวไม่ถูกน่ะ อยู่ไปเดี๋ยวก็เข้ากันได้เองนั่นแหละ”
ฉันมองคุณแม่ที่เอาพัดปิดปากหัวเราะ ‘โฮะโฮะโฮะ’ อย่างไม่น่าไว้ใจ มีคาลูโตะคอยเสริมว่า ‘ฮะ คุณแม่’ อยู่ตลอด กับอิลูมิที่ดูคุ้นชินกับความประหลาดนี้เหมือนเจอทุกวัน เหอๆ...ไม่เข้าใจครอบครัวนี้เอาซะเลย!
คิรัวร์ดันจานของหวานของตัวเองมาให้ฉัน พยักเพยิดให้รับไป ฉันเกรงใจม๊ากมาก ไม่อยากแย่งขนมของคนอื่นเลยจริง ๆ แต่เพราะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของอีกฝ่ายก็เลยพูดขอบคุณ ยอมรับขนมมาแต่โดยดี
เยี่ยมไปเลย ขนมของฉัน!
แทบจะหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติ ช้อนตักเข้าที่พานาคอตต้าสีสันน่ากิน จากนั้นก็เอาเข้าปาก…
แย่
แย่สุด ๆ
ฮือ เป็นยาพิษที่ห่วยจนอยากจะคายทิ้ง
เก็บความช้ำใจเอาไว้ข้างใน วางพานาคอตต้าลงและไม่คิดจะกินต่อ หันไปถลึงตาใส่แมวที่หัวเราะพอใจที่แผนสำเร็จ กล้าให้ฉันรับพิษแทนเหรอ ชั่วร้ายมาก!
“คิล นั่นเป็นพิษที่แม่เตรียมไว้ลูกโดยเฉพาะเลยนะ ไปให้ไอจังกินได้ยังไง” คุณแม่ส่ายหน้า “ถ้าอยากสนิทกันก็ใช้วิธีอื่นเถอะนะ อืม พาไปเล่นกับมิเกะ? ยกของไม่อร่อยให้แบบนี้เดี๋ยวผู้หญิงก็ไม่ชอบเข้าหรอก”
“อย่ามาจับคู่ให้นะ!” เด็กหน้าแมวเกรี้ยวกราด ชี้นิ้วมาทางฉัน “ใครจะไปชอบผู้หญิงประหลาดกัน”
เธอสะบัดพัด หัวเราะโฮะโฮะ “แหม จับคู่อะไรกัน~ไอจังน่ารักแบบนี้ก็คงมีคนที่ชอบอยู่แล้วนั่นล่ะ”
เด็กหน้าแมวหันมาทางฉัน
“เหอะ”
โอ้โห
สายตาดูถูกมาก
ฉันปิดปาก หัวเราะโฮะโฮะแบบคุณน้าไม่มีผิด “เห็นอย่างนี้ฉันเองก็เคยมีความรักเหมือนกันนะคะ”
ตอนยังเด็ก ฉันเองก็เคยมีความรักเหมือนกัน
เป็นความรักที่ช่างขมขื่น รักต้องห้าม ราวกับโรมิโอกับจูเลียต อีกฝ่ายคือเป้าหมายในการปล้นรายต่อไป
“เขาเป็นศัตรูของฉัน แล้วฉันก็ตกหลุมรักเขาตอนที่บาดเจ็บ ราวกับฉากในหนังสือเลยล่ะค่ะ” คิดแล้วก็ปวดใจ ฉันปาดน้ำตาที่หางตาออกก่อนจะเล่าต่อ “น่าเสียดายที่พอความรักกำลังจะเข้าที่ เพื่อนก็มาเจอเข้าเสียก่อน ยื่นคำขาดให้ฉันเลือกระหว่างมิตรภาพกับความรัก”
เล่าถึงตอนนี้ทุกคนบนโต๊ะอาหารมีสีหน้าเปลี่ยนไป คุณแม่ที่นั่งหัวโต๊ะกำพัดแน่นเหมือนกำลังลุ้น เด็กที่สวมกิโมโนยังมีสีหน้านิ่ง อิลูมิกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น มิลกี้กับคิรัวร์ทำหน้าปุเลี่ยน ๆ
ฉันถอนหายใจ นึกย้อนไปถึงวันวานหัวใจก็บีบรัดจนแทบทนไม่ไหว เพราะตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่ฉันหายไปนานพวกพี่ชายพี่สาวก็เลยพากันตามหา มาเจอฉันที่อยู่กับเป้าหมายก็แทบระเบิดตอนนั้น
“ศัตรูบอกให้พาเขาหนี เพื่อนจ้องเขม็ง กดดันจนพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ” ฉันพูดหน้าเศร้า “สุดท้ายความรักของเราก็ไปไม่รอด…เฮ้อ แต่ความรักของฉันมาได้เท่านี้ก็ดีแล้ว ฉันจะยังจดจำเขาไว้ข้างในเสมอ”
คุณแม่หักพัด “ในใจสินะ?”
ฉันส่ายหน้า
ก่อนจะชี้มาที่ท้องตัวเอง
“ในกระเพาะน่ะค่ะ”
คิดแล้วก็เศร้า
“ฉันใช้สมองหนักมากจนหิวจัด คนข้าง ๆ ก็ดันหอมจน...อืม ทนไม่ไหว? เลือด เนื้อ กระดูก เครื่องใน อร่อยที่สุดก็คือหัวใจรสช็อกโกแลตเข้มข้น...”
ฉันปาดน้ำลาย
“เพราะเคยได้กินของหวานรสเลิศแบบนั้นเป็นครั้งแรกเลยอร่อยจนลืมไม่ลง อา อยากเจอความรู้สึกแบบนั้นอีกจัง”
ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนกับคนหลงทางในทะเลทรายเป็นเวลานานแล้วเจอน้ำในโอเอซิส แม้ว่าน้ำที่ดื่มไปนั่นจะเป็นน้ำธรรมดา แต่สำหรับคนที่ได้ดื่มมันเป็นครั้งแรกก็คงไม่ต่างอะไรกับน้ำจากสรวงสวรรค์
เพราะเป็นครั้งแรก ทุกอย่างก็เลยอร่อยไปหมด
แม้ว่าตอนนั้นอารมณ์ของเขาจะดิ่งลงสุดขีด กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดยามผิวถูกกระชาก ถูกควักเครื่องในออกมา มันก็ยังอร่อย นึกแล้วก็สงสัย ถ้าหากตอนนั้นฉันพาเขาไปซ่อน รักษาให้ดี รอให้อีกฝ่ายมีความสุขที่สุดแล้วค่อยกิน
ครั้งแรกจะน่าประทับใจกว่านี้หรือเปล่านะ?
อืม ๆ คงไม่ดีหรอก ถ้าอร่อยกว่านี้มาตรฐานการชิมของฉันคงพุ่งสูงแน่ อยู่ยากจะตายไป
คิรัวร์ขมวดคิ้ว “เดี๋ยว ที่บอกว่าตกหลุมรัก…?”
“ตอนนั้นฉันหลงทางก็เลยหิวมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เจอเขาที่เต็มไปด้วยเลือดแล้วส่งกลิ่นหอมน่ากินออกมา ใจฉันเต้นแรงมาก เขาบอกให้ช่วยก็ช่วย หน้ามืดตามัวจนลืมไปว่าเป็นศัตรู...นั่นมันไม่เรียกตกหลุมรักเหรอคะ?”
ถ้าไม่นับตอนจบแล้วทุกอย่างก็เหมือนในหนังสือรักโศกนาฏกรรมเลยนะ!
“อยากรู้ชื่อผู้โชคร้ายนั่นจริงๆ...”
เอ่อ...ชื่อ…
“เรียกเขาว่าคุณอาหารหมายเลข1ก็ได้ค่ะ”
อร่อยจนลืมถามไปเสียสนิท โฮ แย่จังเลยฉัน!
แมวหัวเราะ “เหอะๆ ”
มิลกี้ปิดปาก “จะอ้วก...”
อิลูมิพูดทั้งตัวสั่น น้ำเสียงขำชัดเจน “หิวขนาดนั้นทำไมไม่กินฮิโซกะเข้าไปด้วยเลยล่ะ”
นั่นพูดเล่นสินะ สินะ? คุณเป็นเพื่อนเขานี่
“แหม โล่งอกไปที กินความรักคนนั้นไปแล้วสินะ แปลว่าตอนนี้ก็ยังไม่มีใครในใจ...” คุณแม่หยิบพัดใหม่มาแทนอันเก่าที่หักไป หัวเราะอย่างเริงร่า “ระหว่างพักอยู่ที่นี่ก็ลองเปิดใจดูนะจ๊ะไอจัง บางทีอาจจะเจอสิ่งดี ๆ มาแทนอันเก่าก็ได้ แม่เองก็จะหาขนมที่อร่อยกว่ามาให้ชิมเอง”
ฉันกะพริบตา เอ๋ มีอะไรแปลกไปหรือเปล่านะ?
“เข้าใจแล้วค่ะคุณน้า”
อื่มอื้ม ช่างเถอะ พยักหน้าไปจะได้กินขนม
“ฮุฮุ เรียกแม่สิจ๊ะ ยังไงเราก็ได้อยู่ด้วยกันอีกนาน มาสนิทกันไว้ดีกว่านะ?”
โอ้
“ค่ะคุณแม่”
“น่ารักจัง~วันหลังอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอกแม่ได้นะ~~!”
ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย ไม่สนใจสีหน้าแปลก ๆ ของลูกชายเธอ เก็บสิ่งที่คิดเอาไว้ในใจไม่ได้พูดออกมา
อื้อ อยากกินค่ะ
ไม่ใช่แค่อิลูมิ
แต่เป็นพวกคุณทั้งหมดเลย
(3)
ในตอนที่กำลังฝันหวานว่าถูกรายล้อมไปด้วยขนมชั้นเลิศมากมาย ขณะที่อ้าปากจะฉีกกินหนึ่งในนั้น ฉันก็ได้สะดุ้งตื่นเพราะเสียงร้องอย่างเจ็บปวดของใครสักคน
พอได้ตื่นแล้วก็ยากที่จะข่มตาให้หลับต่อ ฉันขยี้ตาอย่างหงุดหงิดที่พลาดโอกาสกินคนในฝันไป ลุกขึ้นจากเตียง เปิดประตูออกไปดูลาดเลาว่าไม่มีใครเฝ้าดูอยู่ จากนั้นก็ตามหาต้นตอของเสียงด้วยความคับอกคับใจ
พอไม่มีคนนำทาง แถมคฤหาสน์นี้ก็ยังมืดแสนมืด ฉันก็เลยใช้สัญชาตญาณนำ โชคดีที่ระหว่างทางไม่ได้ไปสะดุดสิ่งแปลก ๆ ของตระกูลนี้เข้าถึงปลอดภัยดี ในที่สุดก็พาตัวเองมายังสถานที่เกิดเสียงเจ็บปวดนั้นจนได้
มันเป็นห้องใต้ดิน
แค่ชื่อก็ดูไม่น่าไว้ใจแล้ว ยิ่งเป็นห้องใต้ดินตระกูลมือสังหารอีก คงไม่ใช่ว่าพอเปิดเข้าไปแล้วจะเจอกับดักแล้วโดนขย้ำจนตายหรอกนะ เหอๆ หันหลังกลับตอนนี้ดีไหมนะ อย่างน้อยชีวิตก็น่าจะยังอยู่ในเขตปลอดภัย
อืม...
“อ๊ากกกกกกกกก”
ช่างเถอะ
มาถึงนี่ทั้งทีก็แอบแง้ม ๆ ดูสักหน่อย….
“ทำอะไร?”
เสียงเย็นจากด้านหลัง มือวางที่บ่า
ฉันหันกลับไปมอง พบอิลูมิที่หน้าตาดูเย็นชาไร้ความรู้สึกยิ่งกว่าครั้งแรกที่เจอ ดวงตาสีดำไร้แววเบิกกว้างขณะจ้องมาที่ฉัน มือที่วางบนบ่ากลายเป็นเล็บจิกแน่น
“ทำอะไร?”
เขาถามย้ำเป็นครั้งที่สอง น้ำเสียงเย็นเรียบแฝงจิตสังหารบางเบาจนอดคิดในใจไม่ได้ว่า อา นี่เองคือมือสังหารมืออาชีพ ไว้ใจท่าทางเอื่อยเฉื่อยไม่ได้เลย ที่ปัจจุบันยังคบค้าสมาคมกับฮิโซกะได้คงเพราะศีลเสมอกันแหง
ฉันกะพริบตา ยิ้มแย้ม
“ถูกเสียงปลุกจนตื่นน่ะค่ะ”
ก่อนจะชี้นิ้วไปยังห้องใต้ดิน ข้างในมีเพียงแสงจากเทียนสลัว ๆ แต่ก็ยังพอเห็น ข้างในนั้นมีแมวที่คล้ายสติหลุดอยู่ตัวหนึ่งกำลังฝนเล็บกับกระสอบทรายร่างยักษ์หลายคน และถ้าเดาไม่ผิด คนที่เอากระสอบทรายพวกนี้มาให้เจ้าแมวข่วนเล่นก็คงหนีไม่พ้นพี่ชายคนโต อิลูมิ
“พวกนั้นไม่น่าจะมีชีวิตแล้วนะคะ” จะปล่อยให้ลูกแมวเล่นกับกระสอบทรายไส้ไหลต่อไปจริง ๆ เหรอ? มันดูหยุบหยับนะ ไปหาอันใหม่มาให้เขาดีกว่ามั้ง! “ถ้าเขาตื่นมาในสภาพเปื้อนแบบนั้นจะไม่โวยวายเอาเหรอ”
“คิลชินแล้ว” อิลูมิยักไหล่ไม่ใส่ใจ จิตสังหารตอนแรกไม่มีแล้ว “มันเป็นเรื่องปรกติ”
“แหม แต่เขาดูไม่มีสติเลยนะคะ” ฉันหัวเราะ กางมือทั้งสองออกแล้วขยับเหมือนกำลังเชิดหุ่น “แบบนี้?”
“อีกทีสิ”
เข็มควบคุมห่างจากตาฉันไปแค่นิ้วคั่น
จิตสังหารอันน่าอึดอัด
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?”
เหมือนเห็นแววชะตาชีวิตตัวเองกำลังจะขาด…
ฉันกะพริบตา เหงื่อไหลพราก รอยยิ้มแข็งค้าง รู้แบบนี้นอนอยู่ที่ห้องไม่หาเรื่องวอนตายก็ดีหรอก มาเจอพี่ชายคนโตบ้านนี้มันยิ่งกว่าการประจัญหน้ากับมิเกะอีก!
เฮ้อ
“ล้อเล่นค่ะ”
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปัดเข็มให้ออกห่างจากดวงตา ก่อนจะปิดประตูห้องใต้ดินที่มีความลับซ่อนไว้
“ฉันไม่ขอยุ่งด้วยหรอก”
พอฉันพูดแบบนั้นไปอิลูมิก็ปรับสีหน้าได้เร็วราวกิ้งก่า เพียงแป๊บเดียวจิตสังหารก็หายไปแล้ว กลับมาเป็นท่านอิลูมิผู้นิ่งเรียบเหมือนเดิม คงไม่ติดใจอะไรแล้วล่ะมั้ง? คิดได้อย่างนั้นฉันจึงหันหลังว่าจะกลับห้อง
ทว่าแค่หันหลังเท่านั้นแหละ
...ถูกหิ้วคอเสื้อขึ้นจนขาลอยทีเดียว
“นี่คือ?”
จะพาไปฆ่า? จะไปโยนให้มิเกะ? โฮๆ อภัยให้ด้วยท่านอิลูมิ หนูแค่ปากพล่อยไปหน่อยเท่านั้นเอง!
“จะไปส่ง”
เจ้าตัวตอบเสียงเรียบ
“จะได้ไม่ไปวอนตายที่ไหนอีก”
บอกทีสิว่าไม่ได้พูดด้วยจิตสังหาร
แต่อย่างน้อยก็ไม่น่าจะพาไปตายล่ะมั้ง? ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ปล่อยให้ตัวเองถูกหิ้วคอเสื้อไปตลอดทางแบบนั้น คิดในแง่ดีว่าอย่างน้อยนี่ก็ไม่เปลืองแรงเดินเหมือนตอนขามา จะได้ไม่ใช้พลังงานเยอะ…
อา
มือน่าอร่อยจัง
อย่าเพิ่งร้องนะกระเพาะฉัน!
(4)
ขอบตาของคิรัวร์คล้ำเหมือนไม่ได้นอน
น่าเป็นห่วงอยู่หน่อย ๆ นะ
แต่ดันบอกว่าจะไม่ยุ่งแล้ว เพราะงั้นช่างเถอะ
(5)
เจ้าแมวน้อยเป็นเด็กที่น่าสงสารมาก
ฉันได้ข้อสรุปหลังจากที่แอบสังเกตแบบลับ ๆ มาตลอดทั้งเดือน เริ่มตั้งแต่อาหารการกินที่มีคุณแม่คิเคียวดูแลอยู่ บางวันถ้าไม่ใส่พิษที่แรงถึงขนาดทำให้สัตว์ประหลาดล้มได้ ก็ใส่พวกยาประหลาดที่มนุษย์ธรรมดาน่าจะม่องเท่งตั้งแต่อาหารแตะลิ้น (ฉันลองชิมแล้ว รสชาติแย่มาก!)
ยังไม่นับรวมกับชีวิตประจำวันที่เอาแต่ฝึก เจ้าแมวถูกฝึกมาจนชมได้เต็มปากว่าเก่งกาจ ครอบครัวคาดหวังกับเขาไว้สูงเพราะฐานะในภายภาคหน้าของเขาคือผู้นำตระกูลคนต่อไป ดังนั้นจึงห่วงและหวงมากเข้าขั้นประสาท
ไม่ใช่แค่ตระกูลโซลดิ๊ก แต่ไล่ลงมาตั้งแต่พ่อบ้าน แม่บ้าน เด็กฝึกหัดเป็นแม่บ้านพ่อบ้าน คนเฝ้าประตูเล็ก หลายคนจนเกิดจะนับไหว หวงยิ่งกว่าแม่งู ถ้าไม่มีคุณคิเคียวชีวิตฉันเองก็คงจะวุ่นวายเพราะถูกทดสอบไม่เว้นวัน
ถอนหายใจให้กับชีวิตอันแสนลำบากในตระกูลนักฆ่า หยิบโดนัทไร้พิษอีกชิ้นเข้าปาก เปิดอ่านการ์ตูนเล่มเดิมจบเป็นรอบที่สิบ กลิ้งไปมาบนเตียงอย่างไม่มีอะไรจะทำ
เอ่ยถามเจ้าของห้อง “ทำอะไรอยู่คะ”
“งานน่ะสิ” มิลกี้หัวเราะเหอะๆเหมือนเหนื่อยหน่ายที่ต้องมาตอบคำถามเดิมซ้ำๆ พูดทั้งที่ดวงตายังจ้องเขม็งที่หน้าจอคอมไม่กะพริบเหมือนกำลังรอจังหวะ เครียดจนเหงื่อหยดลงคาง “ระวังตัวแบบนี้ฆ่ายากชะมัด”
“เปลี่ยนคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“พ่อบอกถ้าจัดการได้จะให้ฟิกเกอร์” พูดถึงตอนนี้ดวงตาตี่ก็ยิ่งมุ่งมั่น “ท่องเอาไว้ เพื่อฟิกเกอร์ที่รัก!”
ได้ยินคำว่าฟิกเกอร์รอบที่ร้อยฉันก็ส่งเสียงเหอะไปคำนึง ก่อนจะโดนอีกฝ่ายตวัดสายตามามองทันที “แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่ห้องฉันอีกแล้ว ห้องตัวเองไม่มีหรือไง”
ฉันยิ้ม “มาหาเพื่อนไงคะ”
“หาที่ซ่อนมากกว่าเหอะ ไปยุ่งกับคิรัวร์มาอีกสิท่า กะจะใช้ฉันเป็นโล่บังพี่ชายใช่ไหม” มิลกี้ลูบแขนตัวเอง ทำหน้าขยะแขยงเหมือนไม่เชื่อคำว่าเพื่อนที่ออกมาจากฉัน
ฉันกลืนโดนัท หัวเราะอย่างคนถูกจับโกหกได้
“แหม แต่เราก็เป็นเพื่อนกันนะคะ”
คราวนี้อีกฝ่ายร้องอี๋
“เธอมีประโยชน์ด้วยหรือไง”
เหอะๆ กินนายได้ก็แล้วกัน!
แน่นอนว่าไม่ได้พูดออกไปหรอก
อีกฝ่ายกลับไปสนใจจอคอมต่อ ใบหน้ากลับมาเครียดเหมือนเดิมจนฉันถอนหายใจ ยกถาดโดนัทไปวางไว้ต่อหน้าต่อตาเขา ส่งผลให้มิลกี้ที่ไม่ได้กินอะไรมาแต่เช้ากลืนน้ำลาย กำลังลังเลระหว่างงานกับของกิน
“เอาขนมออกไป---” ในที่สุดก็หลับตาข่มความอยาก มืออ้วนป้อมปัดจานขนมกับฉันออกไป
นะ นี่เลือกฟิกเกอร์มากกว่าของกินเรอะ!
ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด มือไปไวกว่าความคิด คว้าเอาโดนัทเคลือบน้ำตาลแสนอร่อยชิ้นหนึ่งยัดใส่ปากมิลกี้ทันที--ซึ่งเจ้าตัวก็กลืนลงท้องได้ภายในคำเดียว ยังทำหน้าเหมือนจะด่าฉันที่มาขัดขวางเส้นทางฟิกเกอร์เขาอีก
ฉันยัดโดนัทใส่ปากเขาไปอีกสองชิ้น
“ถ้าอยากได้นัก เพื่อนคนนี้จะช่วยเองค่ะ”
ชี้นิ้วไปยังภาพเป้าหมายที่ถูกจับภาพไว้ในจอ เหอะ ๆ ระวังตัวอย่างที่มิลกี้หัวเสียจริง ๆ คงรู้ล่ะมั้งว่ามีคนจะลอบสังหาร แล้วเครื่องมือสังหารนี่คืออะไร หุ่นยุง?
เฮ้อ ช่างเถอะ
“ตูม”
ระเบิดออกเป็นเสี่ยง
คนที่อยู่รอบตัวเป้าหมายต่างกรีดร้องเสียงดัง ก้มหลบเศษเนื้อและเครื่องในสีแดงที่กระจุยกระจาย
หันไปบอกมิลกี้ที่เขมือบโดนัทจนหมด
“ไปเอาฟิกเกอร์สิคะ”
(6)
คิรัวร์ทรมานทั้งคืนเพราะพิษ
ตอนเช้าฉันถูกคุณแม่คิเคียววานไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนในห้องเขาพอดี แมวนอนขดอยู่มุมหนึ่งของห้องด้วยสภาพเหงื่อโชกไปทั้งตัว แผลเต็มตัวจากการจิกระงับความเจ็บปวด คิ้วขมวดแม้หลับตา มุมปากมีคราบเลือดติดอยู่
ฉันเบ้หน้า แค่ได้กลิ่นก็รู้แล้วว่าเลือดที่ปนกับพิษนั่นคงรสชาติแย่สุด ๆ รีบเปลี่ยนผ้าปูที่นอนแล้วออกไปดีกว่า อยู่ที่นี่นานไปเดี๋ยวก็ถูกคุณพี่ชายคนนั้นจ้องเขม็งใส่แล้วหาว่าคิดจะชักจูงน้องเขาไปในทางที่ผิดอีก…
ง่ำ!
“โอ๊ย ยัยบ้านี่!”
ฉันเลียริมฝีปาก ลิ้มรสหวานที่ยังติดค้างบนปลายลิ้น มันหวานยิ่งกว่าขนมไหน ๆ ที่คุณแม่คิเคียวพยายามหามาให้ชิมเสียอีก สมกับเป็นรสชาติของตัวเด่น แค่กัดเพียงเสี้ยวรสล้ำลึกก็แผ่กระจาย เฮ้อ อยากจะชิมอีกสักครั้งให้รู้รสจัง แต่น่าเสียดาย แมวน้อยดันจ้องเขม็งแล้วนี่สิ
“เธอทำบ้าอะไร!” คิรัวร์ถูแก้มที่ถูกกัดจนแดงเถือก มองฉันตาขวาง ท่าทางเหมือนแมวที่ถ้าหากมีอะไรไม่ถูกใจอีกสักครั้งก็จะกางเล็บออกมาข่วนอย่างหงุดหงิด
“แค่สงสัยว่าจะแกล้งหลับไปได้ถึงเมื่อไหร่น่ะ” ถ้ายังหลับต่อก็กะว่าจะกินอีกสักหน่อย แต่คงไม่ได้สินะ “อย่าถือสาเลยนะคะ คิดเสียว่าที่กัดเมื่อกี้เป็นการรักษาก็แล้วกัน”
คิรัวร์มองดูแผลจากการจิกระบายอารมณ์ที่ค่อยจางหายไปจนแทบไม่เหลือ นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา ไม่ได้ดูหงุดหงิดเหมือนตอนแรกอีกแล้ว ฉันเองก็อุตส่าห์คิดว่าเขาคงจะปล่อยเบลอความผิดของฉัน
แต่ไม่คิด
“โอ๊ย!”
ว่าเขาจะเขกหัว!
ฉันกุมหน้าผากตัวเอง น้ำตาแทบร่วงเมื่อแแรงที่อีกฝ่ายใช้ไม่ได้น้อย ๆ เลย โฮๆ หัวฉัน เกิดสมองเสื่อมไปมากกว่านี้จะทำยังไง! “ฉันว่าตัวเองรักษาได้ดีอยู่นะคะ...” พูดเสียงเบาทั้งที่คับอกคับใจ นายกล้าทำร้ายหมอเรอะ!
“อย่าแถน่ายัยตัวดี” คิรัวร์จิ๊ปาก ชี้มายังรอยกัดที่แก้ม ขู่ฟ่อ “ถ้าฉันไม่ตื่นคงไม่ใช่แค่แก้มแล้ว!”
อ๊ะ ความแตกซะแล้ว
จับผิดฉันได้เหมือนพวกพี่ชายพี่สาวเลย!
“แค่ค่าตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ เองค่ะ ผลลัพธ์ที่ออกมาก็คุ้มค่าใช่ไหมล่ะ ไม่สนหน่อยเหรอคะ” เขาอร่อยขนาดนี้ ไม่อยากยกเลิกแผนจับกินเลยจริง ๆ อย่างน้อยก็ขอกล่อมอีกหน่อยเถอะเผื่อฟลุกขึ้นมาบ้าง
ลดเสียงลงจนแทบกระซิบ
“ถ้าตกลงเป็นหนึ่งในลูกค้า ฉันจะยอมมองข้ามใบสมัครฮันเตอร์ที่นายซ่อนเอาไว้ก็แล้วกัน”
……
“ที่บอกว่าจะไม่ยุ่งคือ?”
โดนคร่อมกลางดึก
แบบว่า ไม่มีความโรแมนติกเหมือนในหนังสือรักเลยแม้แต่น้อย เพราะที่คอฉันมีมีดคมกริบที่พร้อมจะเฉือนเนื้อจ่ออยู่ และบุคคลที่ถือมีดอยู่นั้นก็เป็นมือสังหารมืออาชีพที่การฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร
ดันไปกระตุกต่อมพี่ชายเข้าซะแล้ว
น้ำเสียงเย็นชาจนฉันตัวสั่นปากสั่นเลยทีเดียว ยิ่งกว่าน้องแมวตอนเกรี้ยวกราดเสียอีก นี่ถ้าพูดไม่เข้าหูแค่ครึ่งคำหัวคงจะหลุดออกจากบ่าโดยไม่สนว่าจะเป็นคนที่เพื่อนฝากมาหรือไม่แน่นอน
“เปลี่ยนใจแล้วค่ะ” กว่าจะพูดคำนี้ออกมาได้ต้องทำใจนานมาก “ฉันเองก็อยากมีเพื่อนบ้างอะไรบ้าง...”
“มิลกี้”
“จะให้ฉันคบแค่คนเดียวไปตลอดหรือไงคะ” คุณมีเพื่อนน้อยก็อย่ามาดึงให้คนอื่นมีเพื่อนน้อยตามไปด้วยสิ ชีวิตมันต้องมีหลากสีสันนะ! “สงสารคนธรรมดาบ้างสิ”
“นั่นยิ่งไม่เหมาะสมกับคิล---ไม่สิ มิลกี้บอกว่าเธอช่วยงานเขาได้...” อิลูมินิ่งไป ก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ มีดที่จออยู่คอฉันถอยห่างออกไป
ดวงตาสีดำมืดจ้องมาอย่างสนใจ
“เธอฆ่าฮิโซกะได้ใช่ไหม?”
ฉันนิ่งงัน
“ฝันอยู่เหรอคะ”
ก่อนจะตอบกลับไปโดยที่ดวงตาไม่กะพริบ ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดออกมา “ไม่รู้หรอกนะว่าถูกใครเป่าหูมา แต่ดูดีๆนะคะ ฉันอ่อนแอขนาดนี้จะไปฆ่าใครได้เล่า! ยิ่งกับฮิโซกะ เหอะๆ”
ตัวตลกคนนั้นเก่งกาจจะตาย! ฉันยังจำที่เขาใช้ไพ่ตัดหัวคนได้อยู่เลยนะ เห็นยิ้มๆแบบนั้นอันตรายซะไม่มี
“ไม่คิดจะเปลี่ยนคำตอบ?”
ฉันยิ้มตาปิด นิ่งงันด้วยไม่รู้จะพูดอะไร คิดในใจว่านี่คือเหตุการณ์อะไรเนี่ย ลองเชิงปัญญาเหรอ หรือมีความหมายแฝงอะไร ตอบผิดไปคอจะหลุดหรือเปล่า
อิลูมิไม่ได้ถามอะไรอีก
คอฉันไม่ได้หลุดด้วย
มือน่ากินนั่นวางบนหัวฉัน พูดแค่
“ตามใจก็แล้วกัน จี”
(7)
ได้เพื่อนเพิ่มมาอีกหนึ่ง
คิรัวร์ให้เหตุผลว่าที่ยอมตอบตกลงเป็นเพราะเขาอยากมีคนมาช่วยเล่นเกมต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับพลังของฉันเลยสักนิด ไม่รู้ว่านั่นเป็นปะโยคกลบเกลื่อนหรือออกมาจากใจจริง แต่วันต่อมาเขาก็ลากฉันไปที่ห้อง บังคับอยู่เล่นเกมด้วยกันตั้งแต่เช้าเหมือนที่ผ่านมาไม่มีคนมาเล่นด้วย
มาลองคิดดู ก็น่าจะไม่มีจริง ๆ นั่นแหละ ว่าที่ผู้นำตระกูล ลูกรักที่ถูกคาดหวังให้เป็นนักฆ่าโดยสมบูรณ์แบบอย่างเขา ตั้งแต่เกิดมาคงมีตารางชีวิตให้ทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ การเล่มเกมคงเป็นอะไรที่ผ่อนคลายที่สุด
คิรัวร์เล่นเกมเก่งมาก
“เล่นได้ห่วยชะมัด!”
แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่มีดีทางด้านนี้สักนิด
ฉันมองดูแมวที่ขยี้ผมสีเงินของตัวเองจนฟู ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งบนหน้าจอที่ขึ้นว่าแพ้อย่างหงุดหงิด เหมือนถ้าทำได้ก็อยากจะกระโจนเข้าไปตะกุยมัน เปลี่ยนคำว่าแพ้เด่นหราให้กลายเป็นคำว่าชัยชนะ
ฉันจิบน้ำผลไม้อย่างสบายอารมณ์ ไม่สนว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ไปตั้งแต่สิบนาทีแรก ปล่อยให้คิรัวร์รับกรรมไปคนเดียว ถ้านี่เป็นการแข่งตัวต่อตัวคิรัวร์คงไม่แพ้สักรอบ แต่น่าเศร้าที่นี่มันเป็นเกมเล่นคู่ และฉันเองก็ไม่ใช่คู่หูในการเล่นเกมที่ดีสักเท่าไหร่ การที่เจ้าแมวยืดเกมไปได้เป็นชั่วโมงนี่ก็ถือว่าสุดยอดมากแล้ว
“ไม่เคยเล่นเกมหรือไง” เขาโวยวาย แทบจะมาเขย่าตัวฉัน “นี่มันเกินกว่าคำว่าห่วยไปแล้ว!”
“เกมยิงกันปิ้วๆนี่ไม่ใช่แนวของฉันค่ะ”
ฉันหยิบมาเดอลีนที่คุณแม่คิเคียวทำเป็นของว่างให้เข้าปาก ปลื้มปริ่มกับเนื้อแป้งเค้กที่นุ่มละเอียด หอมกลิ่นน้ำผึ้ง ละมุนไปหมดจนแทบลืมไปว่าขนมชิ้นนี้ซ่อนพิษอันตรายไว้ คุณแม่คนนี้ช่างสรรหายาพิษจริง ๆ
“ยัยห่วย--!”
“ก็มันไม่ใช่แนวนี่คะ”
ฉันทำเสียงจุ๊ ๆ ก่อนที่ลูกแมวจะหมดความอดทนแล้วมาขย้ำหัวฉัน ชี้ไปยังหน้าจอที่นอกจากคำว่าแพ้ ข้างใต้ยังมีคำว่า ‘คุณจะเล่นเกมต่อหรือไม่’ อยู่ พอคลิกเข้าไปก็พบกรงล้อหมุนเสี่ยงโชคหน้าตาประหลาด
เกมยิงปิ้วๆนี่เป็นเกมเล่นคู่แกะกล่องใหม่ และเพราะฉันรู้ว่าตัวเองเล่นห่วยจนน่าจะอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก่อนเล่นก็เลยลองอ่านคู่มือดู เผื่อจะเจออะไรดี ๆ ไว้ช่วยไม่ให้น้องแมวหงุดหงิดจนอาละวาดใส่บ้าง
และก็ไปสะดุดตาตรงกรงล้อนี้เข้า
“ของขวัญสำหรับผู้เล่นที่เล่นเกมเป็นครั้งแรก กรงล้อหมุนเสี่ยงโชค! จะโผล่ออกมาครั้งแรกที่ตาย ถึงจะมีช่องห่วยเกินครึ่ง แต่ถ้าคุณโชคดีก็อาจจะได้เล่นต่อพร้อมได้ไอเทมลับมาช่วยก็ได้นะ--คำโปรยว่างั้นค่ะ”
คิรัวร์ขมวดคิ้ว “แล้วมันยังไง ตกได้ช่องห่วยก็ถือว่าจบเกม เธอจะบอกว่าตัวเองโชคดีมากงั้นสิ?”
“ไม่เชื่อเหรอคะ” ฉันกลืนมาเดอลีน ก่อนจะหยิบอีกชิ้นเข้าปาก มือหนึ่งยื่นไปตรงหน้าเขา แบออก “ส่งที่ควบคุมมาเร็ว” คนที่มีสิทธิ์เสี่ยงทายได้คือคนที่อยู่เป็นคนสุดท้ายเท่านั้น ซึ่ง อย่างที่บอก ไม่ใช่ฉันแน่นอน
คิรัวร์ถอนหายใจอย่างไม่มีอะไรจะเสีย “เอ้า”
ฉันยิ้มกว้าง
และยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อเข็มเสี่ยงโชคไปตกที่ช่องต่อเวลาเล่น ไม่พอยังเพิ่มไอเทมหายากด้วย
คิรัวร์ทำหน้าไม่เชื่อ “ฟลุก?”
ฉันยักไหล่ ส่งที่ควบคุมให้เขาเล่นต่อ ส่วนตัวเองก็ไปนั่งกินขนม ดูแมวน้อยที่ตอนแรกเก่งกาจอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเหมือนเสือติดปีกเมื่อมีไอเทมเข้ามาช่วย แต้มพุ่งพรวดจนจะติดอันดับผู้ทำสถิติสูงอยู่รอมร่อ
พอเขาตาย ฉันก็เป็นคนเสี่ยงโชคให้
พอตกช่องเล่นต่อกับได้ไอเทมลับอีกเป็นครั้งที่สอง คิรัวร์ที่ไม่เชื่อในตอนแรกก็เลิกคิ้ว ไม่ได้พูดว่าฉันฟลุกอีกแล้ว แต่ถามอย่างจริงจังว่าเธอใช้กลโกงอะไรช่วยใช่มั้ย
ฉันยักไหล่ “อย่างน้อยฉันก็ถูกเรียกว่าลูกรักนะคะ ถึงจะเล่นห่วย แต่ถ้าเป็นเรื่องโชคแล้วจิ๊บจ้อยมาก!”
“เรื่องที่แม่ฉันรักเธอมันเกี่ยวอะไรกับโชค”
“หมายถึงแม่ที่ให้กำเนิด ไม่ใช่แม่ทูนหัวค่ะ” ฉันส่งเสียงเหอะ ส่ายหน้าทำเหมือนน้องแมวช่างไม่รู้อะไร “แม่ที่ฉันพูดถึงน่ะ….” ฉันเตรียมจะพูดถึงคนคนนั้น เธอน่ะ---
‘ใช้ชีวิตต่อไปก็แล้วกัน’
“อย่าบอกนะว่าครอบครัวเธอก็เป็นมือสังหารเหมือนกัน? อืม ถึงภายนอกจะดูไม่ให้ แต่เรื่องพิษกับเรื่องกินนี่เธอก็เจ๋งจริง นี่ ฉันรู้จักครอบครัวเธอหรือเปล่า อยู่ใกล้ภูเขาคูคูลูไหม หรือว่า----”
“ตายไปแล้วล่ะมั้งคะ”
ฉันยิ้มให้คิรัวร์ที่ตาเป็นประกาย
“คนที่ฉันว่าเธอชื่อโคเรย์ ถึงจะพยายามหาไปก็ไม่มีความหมาย เธอไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ค่ะ และถึงเธออยู่จริง ถ้ามาที่ตระกูลโซลดิ๊กก็จะเป็นอันตรายเปล่าๆ...อ่า ที่เป็นอันตรายไม่ใช่เธอนะ แต่เป็นพวกนาย ขืนทำอะไรผิดไปนิดเดียว ตูม! เรื่องที่อยากเจอนั่นเลิกคิดเถอะค่ะ”
ทำมือปัดๆเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าคุยเท่าไหร่
“เอ้า เล่นเกมต่อสิคะ ฉันจะรอเสี่ยงโชคให้จนกว่านายจะเบื่อ” ฉันหยิบหมอนมานอนรอ “ฉันช่วยเล่นเกมไม่ได้ แต่เรื่องที่ใช้โชคอะไรพวกนี้บอกได้เลยค่ะ”
“เหอะๆ มั่นใจเหลือเกินนะแม่คุณ”
พอเริ่มบ่าย คิรัวร์ก็เหมือนจะเบื่อเกมขึ้นมา เขากดดูพวกไอเทมหายากที่ได้ฉันสุ่มให้แล้วก็ถอนหายใจ เดินไปปิดทุกอย่าง ก่อนจะกลับมานั่งแหมะข้าง ๆ ฉัน แย่งคาเนเล่ที่ฉันแวะเวียนไปเติมข้างนอกไม่รู้กี่ครั้งมากิน
คิรัวร์ถาม “เธอจะอยู่นี่อีกนานแค่ไหน”
“จนกว่าเขาจะมารับล่ะมั้งคะ อ่า เขาเป็นเพื่อนอิลูมิน่ะ” ฉันจิบน้ำหวาน นึกถึงฮิโซกะที่บอกว่ามีธุระ “นี่ก็ใกล้วันจะสอบฮันเตอร์ครั้งต่อไปแล้ว คงอีกไม่นานล่ะมั้ง”
“เพื่อนอิลูมิ?”
“อืม ชื่อฮิโซกะ ภายนอกคล้ายๆตัวตลกน่ะค่ะ” ฉันหัวเราะแห้ง “โหดใช้ได้ เพราะงั้นอย่าไปยุ่งดีกว่า”
“ถ้าฉันยังยุ่งไม่ได้ เธอจะไม่ตายก่อนเหรอนั่น?”
“เราเป็นพันธมิตรกันน่า!” ฉันยกนิ้วโป้งขึ้น ทำท่ามั่นใจสุด ๆ ไม่พูดถึงเรื่องเขาพยายามฆ่าฉันทางอ้อมหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ “แล้วอยู่ที่ตระกูลนักฆ่าแบบนี้ฉันก็แกร่งขึ้นเยอะ...”
พูดแล้วก็อยากจะร้องไห้ ชีวิตเสี่ยงหัวหายไปกี่รอบแล้วแค่ไปยุ่งกับน้องแมว อิลูมิน่ากลัวชะมัด!
ได้ยินเสียงพึมพำ “คงไม่มีอะไรมั้ง...”
น้องแมวหัวเราะ ตบหลังฉันแทบสำลักน้ำ
“อย่าห่วงกินจนตายในวันสอบล่ะยัยเอ๋อ”
เหอะๆ ฉันรู้จักกินพอประมาณน่า!
(8)
วันนี้ไม่เห็นอิลูมิแฮะ
อื้มๆ ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้วนี่
การสอบฮันเตอร์มาถึงเร็วจริง ๆ
ฉันถอนหายใจขณะกินขนมไปพลางเดินเล่นในสวนกับคิรัวร์ครึ่งวัน(ครึ่งวันน่ะถูกแล้ว สวนในตระกูลนักฆ่าไม่มีแปลงดอกไม้หรอกนะ มีแต่สัตว์ร้ายเต็มไปหมด) พอช่วงบ่ายก็ถูกคุณซิลเวอร์เรียกไปคุยเล่นด้วย(เรื่องคิรัวร์ทั้งนั้น) นวดหลังให้ปู่เซโน่(แทนที่จะเรียกว่านวด เรียกหักกระดูกดีกว่า ปู่คนนี้แข็งแกร่งมาก!) พอท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มก็ไปช่วยคุณแม่คิเคียวเลือกพิษข้างนอก(คนปรกติกินไปตายแน่) พร้อมคิดเมนูของหวานมื้อค่ำเมนูใหม่
ระหว่างที่รอมื้อค่ำก็เดินเล่นไปทั่วคฤหาสน์ เพราะอิลูมิไม่อยู่ก็เลยสบายใจเป็นอย่างมาก ไม่ต้องกังวลว่าจู่ ๆ จะมีคนมาด้านหลังให้ตกใจเล่นอีกแล้ว วันนี้ช่างโชค---
“มาเดินหาเรื่องตายอีกแล้วเหรอ”
---ร้าย
ฉันเก็บอาการ พยายามจะไม่สะดุ้งโหยง ลูบอกตัวเองสร้างขวัญกำลังใจแล้วหันไปเผชิญหน้ากับอิลูมิ
“กำลังสงสัยอยู่เลยค่ะว่าคุณไปไหน”
“ฆ่าคน” อิลูมิตอบอย่างไม่ยี่หระ ทำเอาฉันหน้าซีด รีบหุบปากที่คิดจะกวนลง “แล้วก็...” อิลูมิควานหาโทรศัพท์จากในกระเป๋ากางเกง กดโทรหาใครสักคน เมื่อติดก็พูดกับคนปลายสาย “เจอแล้ว จะพูดไหม”
ก่อนจะส่งโทรศัพท์มาให้ฉัน
“มีคนจะคุยด้วย”
เอ ทำไมรู้สึกถึงลางร้ายว้า…
ฉันรับโทรศัพท์มา แนบหู และฟังเสียง
[ที่รัก~สบายดีใช่ไหม♡]
โอ้
ไอ้คนที่ทิ้งฉันไว้หน้าประตูทดสอบนี่เอง
ฉันหัวเราะ “แหม สบายดีมากเลยค่ะ” ตั้งแต่มานี่เพื่อนคุณขู่ฆ่าฉันไปกี่รอบแล้วไม่อยากจะนับ สบายสุดๆ
[งั้นถ้าจะอยู่ต่อคงไม่มีปัญหาสินะ♧]
เสียงหัวเราะออกมาตามสาย
[เค้าขี้เกียจไปรับ♤]
ฉันกะพริบตา ทวนแน่ชัดว่าฟังไม่ผิด
“ฮิโซกะ---”
[ที่ผ่านมาสนุกมาก แต่คงต้องลากันแล้วล่ะ♡]
“ฮะ?” เดี๋ยวสิ
[ไว้เจอกันคราวหน้านะ♧]
ติ๊ด
วะ--วางสาย
ฉันมองโทรศัพท์ในมืออย่างเข่นเคี้ยว นึกถึงหน้าตัวตลกที่ยิ้มระรื่นแล้วก็บีบแน่น รู้สึกโมโหจนน้ำตาคลอ
“อย่าเศร้าไป ของเล่นไม่ได้มีคนเดียว” มือสังหารหน้าตายตบหัวฉันปุปุ “อ่า ที่ถามว่า ‘ฆ่าฮิโซกะได้ใช่ไหม’ หมอนั่นเป็นคนฝากถามมา จี ชื่อนี้แปลว่าพระเจ้านี่?”
ฉันก้มมองพื้น เริ่มเข้าใจขึ้นมา
เขาคงคาดหวังว่าจะได้สู้กับพระเจ้าอะไรเทือกนั้น
ความเครียดเหมือนจะลงกระเพาะ ฉันนิ่วหน้า ลูบท้องตัวเองที่ส่งเสียงน้ำย่อยทำงานออกมา สะบัดมือบนหัวออกแล้วเดินโซเซไปที่ห้องอาหารอย่างเจ็บช้ำ มุ่งมั่นว่าวันนี้จะกินอาหารทุกอย่างให้หมด พรุ่งนี้ และวันต่อไปด้วย
อื้อ จะไปบ่นให้มิลกี้ฟังด้วย
จะไปอ้อนคุณแม่คิเคียว
จะ….
จะตายแล้ว
เจ็บช้ำสุด ๆ เลย
ฮื่อ
“เฮ้ เป็นอะไรเนี่ย”
คิรัวร์ที่นั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตะเก้าอี้ฉัน หันมากระซิบถามช่วงที่ปู่เซโน่กับคุณซิลเวอร์กำลังคุยเรื่องอื่นกัน
ฉันตัดชิ้นเนื้อเข้าปาก ถอนหายใจอย่างปลงตก “ไม่มีคนมารับ นายคงต้องไปสอบคนเดียวแล้วล่ะ” จำได้ว่าแมวจะหนีออกไปข้างนอกคืนนี้ ฮืม สู้ๆนะ
“หา?”
“หมายความตามนั้น”
ฉันเลียซอสชุ่มฉ่ำ เตรียมกินอาหารจานต่อไป
พรุ่งนี้กินโอเปร่าเค้กปลอบใจดีกว่า
(9)
เสียงโวยวายดังขึ้นจากด้านนอก
ฉันนอนอยู่ในห้อง เอาหมอนปิดหูและหลับตาไม่รับรู้อะไร เหอๆ ตามคาด แมวน้อยหนีออกจากบ้านไปคืนนี้ ต่อสู้จนคุณแม่คิเคียวกับคนอื่นบาดเจ็บ หลังจากแมวหนีไปได้แล้วพรุ่งนี้คงวุ่นวายแหง อิลูมิคงไปตามน้องกลับแน่
บางทีฉันอาจจะหาของปลอบแม่ทูนหัวสักหน่อย
แต่ก็อย่างที่คุณซิลเวอร์พูด สักวันคิรัวร์ก็จะกลับมาที่ตระกูลนี้ ไม่ว่าเป็นหรือตาย แค่ต้องรอเวลาเท่านั้น
ถ้าเขากลับมาฉันอาจจะทำขนมต้อนรับ
พูดยินดีด้วยที่เป็นฮันเตอร์สำเร็จ
ฮืม…
ยังไงก็ต้องรีบนอนเตรียมรับความวุ่นวายพรุ่งนี้
ทำใจไว้ด้วยเผื่อโดนคุณพี่ชายเค้นคอ
ชีวิตช่างน่าเศร้า-----
เพล้ง!!
กระจกหน้าต่างแตกละเอียด
จากที่กำลังจะนอนหลับ ฉันกลับต้องสะดุ้งโหยง ดวงตาเบิกกว้างมองหาต้นเหตุที่ทำร้ายข้าวของในห้อง
“...มากับฉัน...”
น้องแมวที่น่าจะหนีออกไปแล้วยื่นมือมา
ดวงตาสีฟ้าแน่วแน่
“มาหนีไปด้วยกันเถอะ”
เอ่อ...เอิ่ม…
ทำไมประโยคชวนไปสอบถึงกลายเป็นแบบนี้
ฉันมองตัวเองในสภาพสวมชุดนอนลายหมีสะดุดตา กับคิรัวร์ที่ดูพร้อมเต็มที่ สลับกับเสียงโหวกเหวกจากคนข้างนอก ด้วยความสามารถของมือสังหาร ขืนยังอยู่แบบนี้ต่อไปไม่นานก็คงจะเจอคิรัวร์แน่
ฉันถอนหายใจ
ไม่รู้หรอกนะว่าที่มาชวนเป็นเพราะอะไร
แต่พอเห็นความคาดหวังแบบนี้...
“ค่ะ”
จะปล่อยไปให้โง่เรอะ!
โฮโฮ น่าอร่อยเหลือเกิน
------------------------------
หัวข้อ เห็นหน้าใสๆแบบนี้...
ไอ : หัวใจอร่อยที่สุด!
มิลกี้ : *ทำช้อนอาหารตก*
มิลกี้ :
-----------------------------
-หัวข้อ- น้องแมว
คิรัวร์ : ถ้าฉันอ่านใจได้...
ไอ : ไม่ได้หรอก! ถ้าอย่างนั้นอาหารก็หนีหมดสิ!
------------------------------
[100%]
la faim - ความหิว
ครึ่งหลังมีเซอร์ไพรส์ล่ะค่ะ!
(´◔౪◔)
ความคิดเห็น