NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #5 : โศกนาฎกรรม - เอ่อ เปล่า ฉันยังไม่ตาย

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 62



    I heard the bang, I heard something, I knew it. I stared at my reflection and it stared back at me. There was nothing out of the ordinary. With a shaky hand, a reached out to it...

    [04] สัญลักษณ์เเห่งสันติภาพ



    ย่านการค้าคิยาชิ - 17.05 น.



    ฉันมองมือของตัวเองที่ถูกกุมไว้


    ถึงจะทำหน้าเเบบ ‘ฉันรำคาญนะ หุบปากได้เเล้ว’ เเต่ก็ตามมานี่นา น่ารักจังเลยน้าโทมูระคุง


    ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมีสีหม่น ช่วงบ่ายเเก่ๆเกือบเย็นเเสงเเดดก็เริ่มไม่ค่อยมีเเล้ว ฉันกำลังตัดสินใจว่าควรจะดึงฮู้ดที่ปิดหน้าปิดตาออกดีหรือเปล่า ตอนเเรกที่ใส่ก็เเค่อยากจะใส่บังเเดดเท่านั้นเอง


    -- ก้มลงไปมองเด็กที่สวมฮู้ดปิดหน้าปิดตายิ่งกว่าเเล้ว ถ้าเเต่งตัวน่าสงสัยทั้งสองคนเดินไปเดินมาคงถูกคิดว่าเป็นพวกชั่วร้าย ฉันถอนหายใจก่อนจะดึงฮู้ดของตัวเองลง ให้หน้าตาน่ารักสดใสของฉันกลบออร่ามืดมนของเด็กน้อยคนนี้หน่อยเถอะ


    เงินที่สำคัญอยู่ในกระเป๋า เเน่นอนว่าฉันเก็บไว้อย่างดี


    คุโรกิริผิดจากที่คาดไว้นิดหน่อย ฉันนึกว่าเขาจะงกกว่านี้ซะอีก นี่เล่นให้เงินมาซะฉันตาโตเลย เเหม จริงๆก็ป๋าอยู่นี่นาท่านคุโรกิริ เอาไว้คราวหลังฉันจะไปขอเบิกเงินค่ารักษาเพิ่มนะ



    เอาล่ะ กลับมาปัจจุบันก่อน



    อะไรเนี่ย คุโรกิริเเกล้งฉันเหรอ ทำไมวาร์ปมาที่คนเยอะอย่างนี้ ฉันกับนายน้อยโดนเบียดจนจะกลายเป็นก้อนอยู่เเล้ว ฟัค มีคนเหยียบเท้าฉัน เห็นเเวบนึงหัวเหลืองๆ ไม่ขอโทษด้วย ฉันขอเเช่งให้นายตกท่อตาย


    ฉันบีบมือของเด็กอีกคนไว้ พยายามเขย่งเท้าเเล้วกวาดสายตามองหาที่นั่งพักอย่างรวดเร็ว ก่อนจะสะดุดตาที่ที่หนึ่ง ใต้ต้นไม้ใหญ่มีกิ่งก้านถูกดัดเเปลงมาเป็นที่นั่งล้อมรอบ คิดว่าคงเป็นอัตลักษณ์ของใครสักคน สำคัญคือที่นั่งว่างด้วย


    ไม่ต้องบอกเลย ฉันรีบใช้ความสามารถพาตัวเองกับเด็กชายโทมูระมุดผ่านฝูงชนไปที่ต้นไม้นั่น


    โชคดีที่พอไปถึงที่ว่างก็เหลืออยู่หนึ่ง เเน่นอนว่าฉันเสียสละให้เขานั่ง


    ขอบคุณจริงๆ ถ้านายน้อยเกิดหงุดหงิดขึ้นมาตอนนี้หายนะเเน่


    ฉันปาดเหงื่อบนใบหน้าออกก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อลองตบๆที่เสื้อเเล้วพบว่าเงินยังอยู่ดี


    สายตากวาดมองไปยังฝูงชนอีกครั้ง ถ้าไม่คิดไปเองยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะหรือเปล่าเนี่ย มีเทศกาลเหรอ ถ้าเป็นเทศกาลจริงๆก็หวังว่านายน้อยคงไม่ปรี๊ดเเตกนะ


    เพราะช่วงเวลานี้เหล่าฮีโร่คงมีเยอะมาก เหมือนฝูงมดเลยล่ะ


    ขอเถอะ สาวน้อยอย่างฉันไม่อยากทำงานใช้กำลัง เเค่รักษานายท่านก็จะตายอยู่เเล้ว




    เสียงกระซิบกระซาบบางอย่างเหมือนจะดังเข้าหู

    มันชัดเจน เด่นชัด เหมือนมาพูดอยู่ข้างๆ เเต่เมื่อเราหันไปมองเเล้วก็ไม่เจออะไร  




    ถึงจะเป็นประโยชน์ก็เถอะ เเต่ก็น่ารำคาญนะเนี่ย


    ฉันหันกลับไปมองเด็กชายมืดมนที่ไม่หยุดมองไปรอบๆอย่างสำรวจ ดวงตาสีเเดงที่เดี๋ยวเปล่งประกายเดี๋ยวมืดหม่นนั้นทำให้ฉันเดาไว้สองทาง หนึ่งน้องชายคนนี้คงไม่ค่อยออกมาเจอโลกภายนอกนัก สองคืออดีตเลวร้ายไม่น่าจดจำ


    เเต่ไม่ว่าอย่างไหนก็น่ารันทดใจ น่าสงสาร


    ทุกคนต้องมีอดีตกันทั้งนั้นล่ะน่า  


    ฉันถอนหายใจก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เขา ย่อตัวลงให้ใบหน้าเสมอกันก่อนจะพูดยิ้มๆ


    “โทมูระคุงอยากได้อะไรหรือเปล่า?”


    “....” เขาเงียบ เบ้หน้า เเก้มยุ้ยๆป่องขึ้นมา


    “ฉันทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่าเนี่ย นายท่านตัวน้อย” ฉันหัวเราะ พยายามจะไม่เอื้อมมือไปหยิกเเก้มป่องๆนั่น


    “อย่ามาเรียกฉันอย่างนั้นนะ” เขาขมวดคิ้ว “...น่ารำคาญ”


    ถึงจะพูดจาอย่างนั้นก็เถอะ


    เด็กชายโทมูระนี่น่ารักจังเลยน้า


    “เอาเถอะ วันนี้ฉันไม่รีบ ถ้าโทมูระคุงอยากได้อะไรก็บอกเเล้วกัน” ฉันเงยหน้าไปมองบนท้องฟ้าที่เริ่มปกคลุมด้วยสีดำ ตอนนี้น่าจะประมาณหกโมงกว่าเเล้ว


    อากาศเริ่มเย็นขึ้นมานิดหน่อย เเสงไฟตามร้านค้าเหมือนจะสว่างจ้าขึ้น ความคึกครื้นเเบบนี้นานเท่าไหร่เเล้วที่ไม่ได้สัมผัส



    “วันนี้เป็นวันดีนะ”

    ……..

    …………




    ยังดีที่ห้างสรรพสินค้าเปิดถึงค่ำ


    ฉันได้เสื้อผ้ามาหลายชุด รองเท้าสองสามคู่ เเล้วก็ข้าวของเครื่องใช้อีกหน่อย เพราะโทมูระคุงเพิ่งย้ายมาฉันก็เลยซื้อเผื่อด้วย รวมๆเเล้วของของพวกเราก็สามสี่ถุงใหญ่ๆ  


    ไม่อยากจะบอกเลยว่าตอนฉันลากเขาเข้าไปเเผนกชั้นใน นายน้อยคนนี้ปรี๊ดเเตกขนาดไหน สะบัดมือถอยห่างจากฉันเเทบไม่ทันเลยล่ะ ทำตาขวางใส่อีก


    ไม่อยากจะบอกอีกเหมือนกัน ว่าถึงจะทำท่าไม่พอใจอย่างนั้นไปหลังจากนั้นเขาก็ยอมให้ฉันจับมือเหมือนเดิม เเถมบางครั้งนะยังสั่งให้ฉันไปซื้อนู่น ไปซื้อนี่ให้อีก อ่ะ ใครนะที่ตอนเเรกรำคาญฉัน อยากพูดจังเลย เเต่ถ้าล้อไปจะโดนเขม่นใส่อีกหรือเปล่านี่สิ



    “ไหนตอนเเรกโทมูระคุงบอกว่ารำคาญไง นี่ชอบพี่สาวขึ้นมาเเล้วใช่ไหมล่า~”



    ดวงตาสีเเดงตวัดขึ้นมามองครั้งหนึ่ง

    เบ้ปาก ก่อนจะสะบัดมือออก


    นั่นไง


    อ๊ะ ไปนู่นเเล้ว เเต่ฉันเห็นนะ เดินช้าลงใช่ไหมน่ะ



    นายท่านตัวน้อย ฉันไม่อยากให้คุณโตเลยจริงๆ






    อืม เขายอมให้ฉันจับมืออีกครั้งเเล้ว


    “ฉันรำคาญเธอ” พอมาฟังดีๆเเล้วเสียงของโทมูระคุงค่อนข้างเเหบ ต่างจากเด็กทั่วไปนิดหน่อย เเต่ฉันชอบมันนะ ฉันว่ามีเอกลักษณ์ดี เหมือนเสียงของท่านจอมวายร้ายเเต่รายนั้นน่ะไม่ค่อยพูดกับฉันนัก

    “เธอพูดคำว่ารำคาญเป็นครั้งที่...ที่เท่าไหร่เเล้วนะ” ฉันยกยิ้ม ก่อนจะทรุดตัวลงบนที่นั่งที่อยู่ใกล้ๆกับลานน้ำพุขนาดใหญ่ เเสงไฟกะพริบมากมายถูกตกเเต่งละลานตาไปหมด “วันนี้ฉันพาเดินทั้งวันเลย อยากกินอะไรหรือเปล่า”


    ระหว่างฉันกับเขาถูกคั่นกลางด้วยถุงข้าวของ ฉันได้ยินเสียงจิ๊ปากจากเด็กข้างๆ


    ช่างไม่สัมพันธ์กับนิ้วที่ชี้ไปร้านซอฟท์ครีมเลย



    “วนิลา” เสียงของเขาเเผ่วเบา เเน่ะ เเอบดึงฮู้ดมาปิดหน้าเหรอ

    “ใจตรงกันเลยน้า พี่สาวก็อยากกินวนิลาเหมือนกัน”



    เขาจิ๊ปากเป็นรอบที่สอง



    “นมสด”

    “รสโปรดฉันนี่” ฉันพูดจริงนะ



    คราวนี้เขาเหมือนจะหมดความอดทน ใบหน้าเงยขึ้นมา ดวงตาสีเเดงกดลง

    ถ้าไม่มีเเก้มยุ้ยๆนิ่มๆคงน่ากลัวกว่านี้



    “เป็นบ้าหรือไง”

    “เปล่านะ เป็นสาวน้อยน่ารักต่างหาก”



    ฉันหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง ส่งยิ้มให้



    “ฉันดีใจนะที่ได้มาเจอเธอ ตอนที่มาอยู่ที่นี่ฉันเหงามากเลยล่ะ เพราะฉะนั้นพอรู้ว่าตั้งเเต่นี้จะมีเพื่อนคุยเเล้วก็เลยตื่นเต้นไปหน่อย ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วยนะ”



    ฉันหยุดเมื่อคิดประโยคต่อไปไม่ออก



    “ตกลงเอานมสดกับวนิลาผสมกันนะโทมูระคุง ฉันกินเเบบเธอได้ไหม”



    เขาสะบัดหน้าหนี



    “ตามใจ”




    หน้าเเดงอีกเเล้ว

    เด็กนี่ไร้เดียงสาในหลายความหมายจริงๆ





    19.50 น.


    ฉันมองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่เพิ่งซื้อมาใหม่สลับกับท้องฟ้าที่ตอนนี้เหมือนมีโดมใสมากั้นไว้ ผู้คนเหมือนจะตื่นตากันใหญ่ บางคนก็หันไปพูดคุยกันคิกคัก


    อ๊ะ คู่รักที่มาต่อเเถวซื้อซอฟท์ครีมด้านหลังฉันเหมือนจะนัดกันไปไหนด้วยล่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฟังนะ เเต่เสียงพวกเขาน่ะดังไปต่างหาก อีกอย่างไม่ได้มีเเค่ฉันคนเดียวสักหน่อยที่ได้ยิน รอบข้างฉันก็เหมือนกัน บางคนเขินด้วยล่ะ


    นี่คุณ คำว่าโฮเตลชัดมากเลย


    ฉันจ่ายเงินก่อนจะรับซอฟท์ครีมสองถ้วยมาไว้ในมือ สีขาวดูนุ่มของมันตัดกับสีท้องฟ้ายามค่ำคืนชัดเจน ความเย็นที่เเผ่ออกมาทำให้ฝ่ามือฉันชาไปหมด


    โทมูระคุงยังนั่งอยู่ที่เดิม ฉันเห็นเขาห่อไหล่ขดตัวเมื่ออากาศเย็นลงจากเดิม -- ด้านหลังที่นั่งของเขาถัดออกไปสักยี่สิบก้าวฉันเห็นฮีโร่สองคน ดูเหมือนพวกเขาจะมาตรวจดูว่างานสงบหรือเปล่า


    เเละในงานเเบบนี้ ไม่ต้องเดาเลย



    “จับคนนั้นที!! เขาขโมยกระเป๋าฉัน!!”



    มีเเน่นอน


    ฉันเเอบกลอกตา เนื้อเรื่องตามหนังสือทั่วไป ในงานเทศกาลมักจะมีอีเว้นต์พวกนี้เสมอ ไม่เคยได้อยู่เป็นงานดีๆหรอก ขนาดมังงะตาหวานยังมีพวกผู้ชายรุมล้อมนางเอกให้พระเอกมาช่วย จะเอาอะไรกับโลกที่คนมีอัตลักษณ์


    คนเราเมื่อรู้ว่ามีอำนาจอยู่ในมือน่ะ


    เเต่ว่า หื้ม


    คนที่ตะโกนเมื่อกี้อยู่ทางไหนนะ ทำไมฉันได้ยินเสียงชัดเจนจัง คงไม่ใช่ว่าอยู่เเถวๆนี้....



    ฟึบ!



    “เขาจับเด็กผู้หญิงเป็นตัวประกันด้วย!!”



    ตัวฉันลอยหวือ เท้าไม่ติดพื้น ซอฟท์ครีมรสวานิลากับนมสดทั้งสองถ้วยตกลงสู่พื้น ฉันก้มลงไปมอง ของหวานของนายน้อยโทมูระเริ่มละลายไปเรื่อยๆ อ่ะ ฉันยังไม่ได้ชิมสักคำเลย


    ฉันเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพบว่าตัวเองกลายเป็นจุดสนใจไปเเล้ว


    คมมีดจ่อคอ มันบาดผิวส่วนหนึ่ง รู้สึกเเสบจนนิ่วหน้า


    -- เเละนั่น โทมูระลุกขึ้นจากที่นั่งเเล้ว ฮู้ดที่คลุมใบหน้าเขาอยู่ร่นลงไปด้านหลังเผยให้เห็นเรือนผมสีฟ้าอ่อนยุ่งๆ ดวงตาสีเเดงของเขากำลังเบิกกว้างเเละจ้องมาที่ฉัน ทั้งตัวสั่นเทิ้ม มือทั้งสองข้างกำเเน่น


    อย่ากัดปากเเบบนั้นสิ เลือดออกเเล้วนะ


    คนที่จับตัวฉันดูเหมือนจะมีอัตลักษณ์เป็นพวกปลาหมึกอะไรเทือกนั้น หนวดทั้งหลายเเหล่ไต่ยุบยับไปหมด น่ารำคาญจริง ฉันกวาดสายตาไปทั่ว คนมุงหลายคนเลยนะ เฮ้ ในพวกคุณน่ะไม่มีใครกล้าเข้ามาเลยหรือไง เจ้าของกระเป๋าล่ะ? ตะโกนซะดังเลยนะ สำคัญมากไม่ใช่หรือไง เข้ามาเอาสิ


    เจ้าของกระเป๋าคะ กระเป๋าของคุณอยู่ตรงนี้เลยนะ ตรงหนวดที่ไต่อยู่เเถวๆเอวฉันน่ะ กระเป๋าราคาเเพงขนาดนี้ไม่เสียดายจริงๆเหรอ เพชรที่ติดอยู่ข้างกระเป๋านี่ส่องเเสงเเสบตาจริงๆ ถ้าฉันเป็นโจรล่ะก็คุณเป็นเหยื่อชั้นยอดเลยล่ะ


    ฉันกำลังนึกถึง Bystander effect ไอ้เหตุการณ์ที่พอมีคนประสบอุบัติเหตุเเล้วไม่มีใครเข้าไปช่วยน่ะ ยิ่งคนมากโอกาสเข้าไปช่วยยิ่งน้อย เกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา คิดว่าเดี๋ยวก็มีคนไปช่วยเองนั่นเเหละ


    ฉันกวาดมองไปรอบๆอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคนกำลังรอดูสถานการณ์หรืออะไร เเต่เงียบกริบเลยล่ะ


    ฉันในตอนนี้คงมีสีหน้าเศร้าสร้อย ว้า เเย่จัง ไม่มีใครสักคนเลยเหรอที่จะมาช่วยฉันน่ะ นี่ถ้าฉันคอขาดเเล้วไอ้หนวดนี่หนีไปได้ ไม่ต้องสงสัยเลย คนร้ายที่เเท้จริงคือใคร


    กระจกบานเล็กที่ห้อยติดกับสายกระเป๋าเเกว่งไปมา ก่อนที่มันจะหยุด เเละสะท้อนภาพหน้าคนที่จับฉันไว้


    หัวเหลืองๆ กับเสี้ยวหน้าที่พอเห็นเเล้วทำเอาหงุดหงิดขึ้นมา


    อ้าว


    นี่มันไอ้เวรที่เหยียบเท้าฉันตอนนั้นนี่ หนังหนาดี ฉันเเช่งให้ตกท่อกลับไม่เป็นอะไร เเล้วยังมาจับฉันเป็นตัวประกันอีก ว้าว โชคบัดซบอะไรเนี่ย


    ฉันก้มมองไปที่พื้น ซอฟท์ครีมสองถ้วยละลายกลายเป็นคราบเหนียวติดพื้นเเล้วเรียบร้อย


    เเหม ทำวีรกรรมกับฉันไว้เยอะเลยนะคะ ไอ้เชี่ยเอ๊ย


    สาม


    สอง


    หนึ่ง….


    ฮีโร่หลายคนเริ่มเข้ามามุงสถานการณ์ อะไรเนี่ย ฉันกลายเป็นตัวเอกในฉากน้ำเน่าไปเเล้วเหรอ ทำไมมากันเยอะจัง อย่าบอกนะว่าคนที่โชคร้ายในงานเทศกาลนี้มีเเค่ฉันคนเดียว


    เขินจัง----



    เดี๋ยว



    ไม่สิ เดี๋ยว โทมูระคุง นายท่านตัวน้อย กรุณาหยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะ อย่าเดินเข้ามาด้วยหน้าตาน่ากลัวอย่างนั้นสิ -- อย่าวิ่งด้วย ฉันไม่อยากเห็นเธอมีเเผล



    นี่ อย่ามาช่วยพี่สาวตอนนี้นะ


    อย่า




    ตูม!




    “ไม่ต้องกลัวนะสาวน้อย เพราะฉัน...อยู่ตรงนี้เเล้วไงล่ะ!”




    ตัวฉันถูกคว้าเอาไว้เเละลอยหวืออีกครั้ง ไอ้หนวดหมึกนั่นถูกชกจนสลบเหมือด


    ดวงตาฉันเห็นภาพของโทมูระคุงที่เเหวกผ่านฝูงชนเข้ามา ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวังเบิกค้าง ฉันเห็นเขาพยายามเอื้อมมือเล็กๆนั่นมาอย่างสุดเเขน ในเวลาที่ตรงจังหวะ เขาเอื้อมมือมาในตอนที่ฉันถูกคว้าไปพอดิบพอดี


    -- มือของเขาชะงักค้างอยู่อย่างนั้น สัมผัสไม่ได้เเม้เเต่ชายเสื้อของฉันเพราะคนที่มาช่วยเหลือมีความเร็วมากกว่า


    ความหวังในนัยน์ตาของเขาดับวูบลง ประกายเเสงเหลือเพียงความว่างเปล่าเมื่อมองมาที่ฉันเเละฮีโร่คนใหม่ มือค่อยๆเลื่อนกลับมาข้างลำตัว กำฝ่ามือเเน่น



    ฮีโร่คนใหม่



    อนาคตสัญลักษณ์เเห่งสันติภาพ ช่วยเหลือผู้คนด้วยรอยยิ้ม ฮีโร่อันดับหนึ่ง





    “สาวน้อย เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”





    ออลไมท์





    เสียงของเขาตอนนี้เหมือนดังไม่เข้าหูเลย




    “โทมูระคุง…”




    เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเเละสบตากับฉันอีกครั้ง



    สายตานั่นเหมือนย้อนกลับไปตอนที่เจอกันครั้งเเรก





    เย็นชาเเละว่างเปล่า











    ************


    น้องงง ทำดีเเล้ววว ;-;

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×