คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : l'appétit
บางทีจุดเริ่มต้นมันอาจจะมาจากตรงนั้น
ในคืนที่พระจันทร์กลายเป็นสีเลือด ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่ารวมพรรคพวกที่เหลือบุกทะลวงฝ่าฟันเข้ามา ฉวยโอกาสช่วงที่หัวหน้าอ่อนแอและบาดเจ็บจากการถูกโจมตีทีเผลอหวังจะทำลายล้างกลุ่ม
‘จี’
ฉันหันกลับไปมองคนที่นั่งข้าง ๆ เขาเป็นเด็กผู้ชายที่เพิ่งเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ปรติแล้วเด็กวัยนี้สมควรอยู่เล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน มีปั๊ปปี้เลิฟให้กระชุ่มกระชวยหัวใจ ชีวิตเป็นไปอย่างตื่นเต้นและมีสีสัน…
กลับมาดูตัวเองที่ตอนนี้หลบอยู่ในท่อหิน ขนาดไม่เล็กแต่ก็ไม่ใหญ่ ขนาดช่องพอให้ผู้ใหญ่ลอดเข้าไปได้ ประเด็นสำคัญคือมันเป็นของที่ถูกทิ้งมานาน มีทั้งฝุ่นและขยะกองอยู่ข้างใน หาความสะอาดไม่เจอเลยสักนิด
มองคนข้างตัวด้วยสายตาว่างเปล่า ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่ก็ตื่นเต้นและมีสีสันอยู่หรอก แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าสีสันนี่เป็นสีแดงไม่ใช่สีชมพู และความตื่นเต้นที่ว่าก็เกิดจากการที่ต้องมาเสี่ยงตายทุกวัน โฮๆ นี่มันไม่ใช่ชีวิตวัยรุ่น!
เลียเลือดที่ติดบนปลายนิ้ว เบ้หน้าเมื่อรสชาติของคนที่จัดการไปจืดชืดสิ้นดี อ๊า นึกแล้วเชียว คนอื่นนอกจากตัวเด่นนี่ใช้ไม่ได้จริง ๆ
….ว่าแล้วก็ถอนหายใจ ประสานมือและภาวนา
‘ขอให้คนอื่นบาดเจ็บหนักกลับมาด้วยเถอะ’
‘มันอร่อยขนาดนั้นเลยหรือไง?’
‘อร่อยสิ’
ฉันตอบแทบจะในทันที มองดูคนตรงหน้าที่ไร้บาดแผลใด ๆ แล้วก็เกิดเสียดายขึ้นมา ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บหนัก สมาชิกคนอื่นก็เลยบอกให้ฉันแบกเขาไปหาที่ซ่อนเพื่อรักษาซะ พวกเขาจะถ่วงเวลาเอาไว้ให้
ปรกติถ้าใครเจ็บหนักฉันจะหลอกกินเต็มที่ แต่คนตรงหน้านี้ดันสำคัญต่อกลุ่มมาก สมาชิกทุกคนก็เลยจ้องฉันเขม็ง กำชับว่าห้ามทำเขาเจ็บโดยเด็ดขาด ให้รักษาดี ๆ ส่วนเรื่องค่าตอบแทนให้ไปเก็บกับพวกเขาภายหลัง
ให้เลือกระหว่างอดทนเพื่อจะได้กินหลายรสชาติ กับตบะแตกแล้วกินรสชาติเดียว ฉันที่โลภมากก็ต้องเลือกอย่างแรกอยู่แล้ว----แต่ เฮ้อ ต้องอดทนไปจนถึงเมื่อไหร่เนี่ย
‘หายเจ็บแล้วไม่ใช่หรือคะ ไปช่วยพวกเขาสิ’
ฉันสะกิดคนข้างตัว เขาเก่งจะตาย ถึงตอนนี้จะยังเด็กอยู่ แต่ด้วยพลังของตัวเด่นต้องเอาชนะได้ง่ายๆแน่
‘ไม่จำเป็นหรอก’
‘คุณเป็นหัวหน้านะ’
‘ฉันเชื่อในตัวพวกเขา’
ข้ออ้างชัด ๆ
ฉันพิงผนังในท่ออย่างหมดอาลัยตายอยาก แผนที่จะเร่งให้เขาไปช่วยจะได้จบศึกเร็ว ๆ ล่มไม่เป็นท่า
‘ส่วนไหนอร่อยที่สุดเหรอ’ เขาถาม
‘อืม...ตอบยากนะ ความจริงทุกส่วนกินได้หมดค่ะ แล้วทุกคนก็เป็นของหวานไม่เหมือนกันด้วย’ หยุดคิดไปครู่หนึ่ง ‘อารมณ์ก็เป็นปัจจัยที่ช่วยให้รสชาติดีแย่เหมือนกัน ตอนพวกเขาอารมณ์ดีเนี่ยอร่อยที่สุด!’
มือเลื่อนมาเช็ดมุมปากให้
‘น้ำลายไหลแล้ว’
‘อ๊ะ ขอโทษนะคะ พอนึกแล้วมันหิว----’
‘จี’
ปลายนิ้วไล้ที่ปาก
‘เคยจูบมาก่อนหรือเปล่า?’
ฉันนิ่งงันกับคำถามนั้น นึกย้อนไปก่อนจะส่ายหัว
อาหารส่วนมากไม่ชอบเจ็บ กว่าจะขอกินได้แต่ละทีก็ยากเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกอาหารรสชาติอร่อย ๆ ทั้งหลาย พวกเขาล้วนแต่มีฝีมือ จะให้ไปสู้ด้วยก็ใช่เรื่อง อาหารที่ตายรสชาติไม่อร่อยเลยสักนิด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้กิน ฉันก็จะเล็งแต่ส่วนที่กินแล้วอิ่มไว้ก่อนเป็นอันดับแรก
‘ปากน่ะเล็กจะตาย’ ไม่เอาหรอก
‘แต่ถ้ารู้สึกดี อาหารก็จะรสชาติดีใช่ไหมล่ะ’
คนที่มักจะสุมขุมอยู่เสมอขยับยิ้ม ปลายนิ้วที่ไล้ริมฝีปากตอนแรกสอดเข้ามา สัมผัสและหยอกเล่นกับปลายลิ้น รับรสขมที่เหมือนกับกาแฟ อร่อยกว่ากาแฟที่เคยทานมาจนเผลอกัดเข้า รสล้ำลึกจนความกระหายพุ่งสูง
พอถอนนิ้วออกไปจึงสังเกตเห็นบาดแผล ฉันเลียปากตัวเอง อ๊ะ แย่จริง เผลอทำเขาเจ็บไปซะแล้วสิ
‘อย่าไปบอกคนอื่นนะคะ’ ขืนพวกเขารู้เข้าฉันคงโดนด่าแล้วชวดอาหารที่ควรจะได้ทั้งหมดแน่
‘ฮื่อ’
คนที่เพิ่งถูกกินพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะได้ยินเสียงเปาะแปะและกลิ่นของไอดินปะปนกับกลิ่นสนิม
เริ่มแรกมันเป็นแค่ฝนตกปรอย ๆ ก่อนที่จะกระหน่ำซัดลงมาพร้อมกับเสียงฟ้าฝ่า พอเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงกรีดร้องมาแต่ไกล ๆ จำได้ว่าเป็นของตัวประกอบพวกนั้น อีกเดี๋ยวก็คงจะจัดการเสร็จแล้วมั้ง
‘ฉันอร่อยหรือเปล่า’
รู้สึกหนักที่ไหล่ ฉันหลุบตาลง เห็นกลุ่มผมที่ยุ่งจนน่าหงุดหงิด จึงลูบให้ดูดีสมตำแหน่งขึ้นมาบ้าง ‘อร่อยสิคะ เฮ้อ อร่อยจนเสียดายที่กินไม่ได้เลย’
ฉันปล่อยให้เขาพิงต่อไป ไม่ได้ถดไหล่หนีแม้ว่าจะหนักมากก็ตาม เชิญพิงได้ตามใจเลย แล้วอย่าไปบอกใครนะว่าฉันเผลอกัดคุณเข้า
‘จี’
ฝนกระหน่ำซัดลงมา เสียงฟ้าร้องดังจนน่ากลัว
เสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ
‘จองแล้วนะ’
(1)
เปลี่ยนที่อยู่ใหม่
ภูเขาคูคูลู สาธารณรัฐปาโดเกีย เขตเด็นโทร่า ความสูงจากระดับน้ำทะเล 3,722 เมตร สถานที่ที่ครอบครัวโซลดิ๊กที่ฉาวโฉ่อาศัยอยู่ ว่ากันว่าคฤหาสน์ของพวกเขาอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งของภูเขาไฟที่ดับแล้ว ล้อมรอบด้วยป่าหนาทึบแต่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ครอบครัวโซลดิ๊กมีด้วยกันสิบคน ทุกคนเป็นมือสังหารหมด…
ตอนที่ได้ยินคำพูดบรรยายจากไกด์ ในหัวฉันก็พลันนึกไปถึงฮิโซกะกับคำพูดก่อนหน้านี้ทันที
‘เค้ามีงานใหญ่ต้องทำ คงไม่มีเวลาว่างมาดูแล เพราะงั้นช่วงนี้ก็เลยจะฝากที่รักไว้กับเพื่อนแหละ♧’
‘ชื่ออิลูมิ บ้านเขาอยู่บนภูเขา อ้อ ไว้ใจได้ ถึงจะไร้อารมณ์ไปหน่อยแต่ก็เป็นคนดีน้า~เป็นพี่ชายคนโตที่รักครอบครัวกับน้อง ๆ เพราะงั้นระวังอย่าไปแตะเข้าล่ะ♤’
โอ้
‘เค้าแนะนำที่รักกับเพื่อนไว้เรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายก็ตกลงมาแล้วด้วย เก็บของแล้วเตรียมตัวซะนะ☆’
โอ้โห
‘เพื่อนเค้าบอกว่าจะรออยู่ที่ภูเขา♤’
ไปตายซะ ทั้งฮิโซกะแล้วก็เพื่อนคนนั้น
ฉันนั่งลงกับพื้น เหม่อมองประตูเจ็ดชั้นสลับกับประตูเล็กข้าง ๆ สาปแช่งสองคู่หูมือสังหารทั้งน้ำตา
ประตูทั้งสองอันตรายไม่ต่างกัน ประตูอันเล็กนั่นตอนที่มาถึงใหม่ ๆ ฉันเห็นคนพยายามจะบุกเข้าไปด้วย สุดท้ายโดนโยนออกมาในสภาพที่เหลือแต่โครงกระดูก
ส่วนประตูเจ็ดชั้น พอไปถามลุงที่เป็นคนเก็บกวาดกระดูก เขาก็บอกมาว่าบานหนึ่งหนักสองตัน และหนึ่งชั้นน้ำหนักก็จะเพิ่มเป็นเท่าตัว เป็นประตูทดสอบ ถ้าเปิดไม่ได้ก็ไม่มีคุณสมบัติจะพบพวกโซลดิ๊ก...ไปตาย
ฉันลากร่างสะโหลสะเหลของตัวเองไปที่ป้อมยาม ทำหน้าตาน่าสงสารจนสุดท้ายคุณลุงก็ทำหน้าเห็นใจ เชิญฉันเข้าไปดื่มชาข้างในก่อนที่จะตายซากตรงนั้น
“ท่านอิลูมิฝากข้อความมาบอกว่ารออยู่ข้างใน” ลุงถอนหายใจ “เตือนด้วยความหวังดีนะหนู ออกไปหาที่อยู่อื่นเถอะ ก็เห็นแล้วนี่ว่ามันอันตรายขนาดไหน และถึงเข้าไปได้ก็ไม่รับประกันว่าจะอยู่รอดปลอดภัยนะเออ”
พอได้ดื่มชาหอมก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาบ้าง
“ข้อความมีแค่ ‘รออยู่ข้างใน’ เหรอคะ?”
“อะ---อืม...จำได้ว่ามีแค่นี้นา...”
ฉันยิ้มกว้าง เอ่ยขอบคุณที่เลี้ยงชาก่อนจะออกมาจากป้อมยาม พิจารณาทั้งสองประตู ประตูเล็กก็ไปเจอมิเกะหิวเนื้อ ประตูใหญ่ถึงจะเข้าไปได้แต่ก็อีกนานจะกว่าฝ่าสวนไปถึงเขตบ้าน อันไหนก็ไม่น่าปลอดภัยทั้งนั้น
เพราะงั้นแล้ว…
ไม่ขอเอาสักทาง
อื้ม แบบนี้แหละปลอดภัยที่สุด!
ท่านอิลูมิคนนั้นก็บอกแค่ ‘รออยู่ข้างใน’ นี่
แค่เข้าไปได้ก็พอแล้ว
วิธีการน่ะช่างมันไปเถอะ
(2)
เข้ามาในบ้านจนได้
ไม่มีบาดแผลใด ๆ เวลาที่ใช้ก็แสนสั้น ดีกว่าการเอาตัวเองไปผจญภัยในสองประตูนั้นอย่างเทียบไม่ติด
ฉันกอดอก มองเพื่อนที่ฮิโซกะฝากให้ดูแล ท่านอิลูมิที่ว่านั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นด้วยท่าทางสบายใจเฉิบ ใบหน้าเรียบไร้อารมณ์อย่างที่ฮิโซกะว่าไม่มีผิด เพียงแต่บรรยากาศรอบตัวนี่มันอะไร? อารมณ์ดีอยู่เหรอ?
น่าหมั่นไส้เหมือนตัวตลกซะเหลือเกิน
ฉันเก็บความแค้นเอาไว้ข้างใน ฉีกยิ้มแบบพยายามเป็นมิตรที่สุด “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรียกฉันว่าไอก็ได้”
“โอ้ มาถึงเร็วดีนี่นา นั่งลงก่อนสิ” เขาผายมือไปยังโซฟาฝั่งตรงข้าม “ความสามารถคือวาร์ปงั้นเหรอ?”
“ความลับค่ะ”
“เด็กของฮิโซกะไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย” เขาส่ายหน้า ทำท่าทางเจ็บปวดโดยที่ใบหน้านั้นยังคงเรียบนิ่ง “จากนี้เราต้องมาอาศัยอยู่ด้วยกันนะ ถือว่าขนมพวกนี้เป็นของเชื่อมไมตรีก็แล้วกัน ฮิโซกะบอกว่าเธอชอบขนมนี่?”
ฉันหรี่ตามองคนที่นั่งอีกฝั่งอย่างระแวง สมกับเป็นเพื่อนของฮิโซกะ คาดเดาอะไรไม่ได้สักนิด แล้วยังใบหน้านั่นอีก แทนที่จะบอกว่าเป็นมนุษย์ กลับดูเหมือนหุ่นหรืออะไรสักอย่าง ดวงตาสีดำคู่นั้นไม่มีแววตาเลย
เอาเถอะ
ฉันมองขนมหลากหลายชนิดที่วางเรียงรายบนโต๊ะ ถ้าอุตส่าห์ยื่นไมตรีมาให้ก็ขอรับไว้ก็แล้วกัน จากนี้ก็มาดีกันไว้นะคะ เรื่องก่อนหน้านี้ถือว่าฉันไม่ติดใจเอาความ ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน
นี่ไม่ใช่เพราะของกินแม้แต่น้อย!
“อยากได้อะไรก็สั่งเพิ่มได้”
โฮๆ เป็นคนดีอะไรอย่างนี้
นึกไปถึงฮิโซกะที่ช่วงหลังเอาแต่วอแวอยู่ใกล้ ๆ บางครั้งก็ทำร้ายตัวเองแล้วมองฉันเหมือนคาดหวังอะไรสักอย่าง ไม่พอยังสั่งงดของหวานทุกชนิดเพราะบอกว่าแก้มฉันเยอะเกินไป...เทียบกันแล้วคุณเพื่อนคนนี้แสนดีจริงๆ!
ฉันหยิบโดนัทเคลือบน้ำตาลที่อยู่ใกล้ที่สุดเข้าปาก แป้งนุ่ม และกลิ่นนมก็หอมมากเสียจน…
อร่อย
เลียผงน้ำตาลที่ติดตรงปลายนิ้ว อืม อร่อยจริง ๆ นั่นแหละ ทั้งหอม ทั้งหวานละมุนลิ้น เชฟสุดยอดจริง ๆ
ติดอย่างเดียว
“คราวหน้าใช้พิษที่อร่อยกว่านี้นะคะ”
ลองหยิบอย่างอื่นมากิน คราวนี้เป็นเค้กนมสด
อ๊ะ พิษนี้ยิ่งรสชาติแย่เข้าไปใหญ่ ขม!
ขนมอื่นล่ะ…
ฮือ ไม่ไหว พิษห่วยแตก
ในที่สุดก็ไม่สนใจพวกของหวานทั้งหลายอีกต่อไป เงยหน้าขึ้นไปมองอิลูมิ อยากจะบอกเหลือเกินว่าทั้งหมดมันห่วยขนาดไหน คนที่เตรียมพิษทั้งหมดนี่ห่วยสุด ๆ ไปเลย อย่าเลือกแต่ความร้ายแรงของมันสิ พิษที่อร่อยน่ะ! พิษที่อร่อย! ถ้ามันอร่อยจะร้ายแรงขนาดไหนฉันก็ยอมกินนะ!
ลากนิ้วบนปลายลิ้น
พิษนี่ทำเอาแสบไปหมด
น้ำลายเป็นพิษแบบนี้จะกินอาหารได้ยังไง!
“ฉันให้ความสำคัญกับรสของอาหารมากนะ ถ้าไม่มีปัญญาหาพิษที่อร่อยกว่านี้ก็แกล้งโดยวิธีอื่นเถอะค่ะ จะควักหัวใจ ทรมาน หรือลอบสังหาร อะไรก็ได้ทั้งนั้น”
แย้มยิ้มให้มือสังหาร
สายตามองไล่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูทุกสัดส่วน เห็นผิวสีขาวซีดที่ตัดกับชุดดำที่สวม กล้ามเนื้อพอเหมาะพอดี
เฮ้อ อยากได้จังน้า
อยากได้มาลงกระเพาะจัง
“ถ้าเกิดฉันโมโหหิวจนกินไม่เลือกขึ้นมาจะแย่เอานะ”
------------------
ไอ : คุณพี่ชายที่น่ากิ---แสนดี!*ปาดน้ำลาย*
------------------
l'appétit - ความอยากอาหาร
ต่อไปคำว่าอาหารน่าจะโผล่มาทุกย่อหน้าแล้วล่ะค่ะ*หัวเราะ*
ความคิดเห็น