NC

คำเตือนเนื้อหานิยาย

นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหานิยาย

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #38 : [Route : AFO] Viraha (END)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.39K
      299
      11 มี.ค. 62


    ท่านวายร้ายไม่ได้ห้ามฉันอีก



    เพียงแต่วันต่อมาเขาก็ติดฉันราวกับเงา แอลกอฮอล์กลายเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาด ของมีคมเองก็เช่นกัน

    แค่ฉันคิดจะเข้าครัวทำอาหารเขาถึงกับมาจ้องดูทุกขั้นตอนราวกับว่าจู่ ๆ ฉันจะเกิดความคิดบ้า ๆ ขึ้นแล้วเอามีดมากรีดแขนตัวเองอีก อาหารที่ควรจะออกมาสมบูรณ์แบบและใช้เวลาทำไม่นานก็บวกเวลาเพิ่มไปอีกเพราะฉันต้องแบ่งสมาธิให้จดจ่อกับอาหาร ไม่ใช่หน้าของเขา

    ฉันต้องปฏิเสธและรับปากไปหลายรอบกว่าเขาจะวางใจลง แค่นิดเดียวก็ยังดี

    อันที่จริงถึงเขาจะไม่ตามติดแบบนี้ฉันก็ไม่มีความคิดที่จะทำอีกแล้วเช่นกัน เพราะนอกจากจะไม่ตายเพราะเสียเลือดแล้ว การกรีดของมีคมลงบนผิวก็ยังเจ็บอีกต่างหาก ซ้ำกว่าแผลเป็นจะจางลงก็ตั้งนาน

    ถึงจะผ่านมาหลายวันฉันก็ยังไม่กลับไปสหพันธ์วิลเลิน เอาแต่ขลุกตัวอยู่แต่ในห้อง แม้ในบางวันจะออกไปข้างนอกบ้างแต่ก็เป็นแค่ร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ ก่อนจะกลับมาที่ห้องเหมือนเดิม

    เมื่อฉันลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามท่านวายร้ายเรื่องโทมูระคุง เขาก็ตอบมาแค่คำว่า ‘ดี’ คำเดียว

    ฉันไม่กล้าตีความว่าดีในความหมายของเขาคืออะไร แต่ยังไงเขาก็คงไม่ปล่อยให้ผู้สืบทอดตัวเองเป็นอะไรหรอกมั้ง อัตลักษณ์ของโทมูระคุงก็เยี่ยมใช้ได้ เพราะงั้น –- คิดในแง่ดีเข้าไว้

    ฉันลุกขึ้นจากเตียงแล้วชะเง้อหาท่านวายร้าย พบว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่นอกระเบียง เป็นภาพที่เห็นจนชินตาไปแล้ว แทบไม่ต้องเดาว่าเหตุการณ์ต่อไปคืออะไร

    จากนี้เขาก็คงจะกำชับให้ฉันอยู่ในห้องอย่างเรียบร้อย ก่อนจะออกไปจัดการธุระข้างนอกเหมือนทุกที  พอค่ำก็กลับมาพร้อมขนม

    ฉันตีขาไปมา ใจหนึ่งเริ่มคิดว่าการใช้ชีวิตวนลูปเสียเวลาแบบนี้มันควรจะพอได้แล้ว ส่วนอีกใจหนึ่งก็โต้กลับมาว่าอยู่ในห้องแบบนี้ก็ดีแล้วนี่ ขนมที่เขาซื้อมาฝากก็อร่อยออก จะออกไปลำบากอีกทำไม

    ความขี้เกียจกับความเบื่อตีกันในหัว ก่อนที่ความขี้เกียจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เมื่อฉันลองจับ ๆ บีบ ๆ ตัว แล้วผงะเมื่อส่วนที่บีบไปมีแต่ความนุ่มนิ่ม…โดยเฉพาะตรงหน้าท้อง

    ฉันแทบร้องไห้ รับรู้ได้ในทันทีว่าส่วนไขมันลึกลับที่เพิ่มมานี้ต้นเหตุมาจากไหน ในเมื่อเมื่อวานนี้ฉันยังกินมันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เลย มาการองกล่องใหญ่ ไม่รวมวันก่อนและอาทิตย์ที่แล้วที่ของฝากเป็นสารพัดของหวานจากร้านมีชื่ออีก

    ฮือ นายท่าน คุณเลี้ยงดีเกินไปแล้ว!

    ในขณะที่คร่ำครวญกับตัวเองในใจ ท่านวายร้ายก็คุยโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อย ฉันคว้าหมอนใกล้มือมากอด มองบอสวายร้ายที่หยิบเสื้อโค้ทมาสวมทับ แล้วก็มีหมวกอีกใบปิดหน้าตา แต่ไม่ว่าจะมุมไหน มองยังไงก็ยังเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์เหลือล้น ท่านบอสลับผู้เพียบพร้อม

    ถ้าสมมติว่าเราออกไปเดินด้วยกัน ในสายตาคนนอกท่านวายร้ายคงถูกมองว่าเป็นป๋าเลี้ยงเด็----

    “คิดอะไรอยู่”

    ฉันกะพริบตา ไล่ภาพวายร้ายที่ถูกจับข้อหาพรากผู้เยาว์ออกไปจากในหัว คลี่ยิ้มและตอบเขา “แค่กำลังคิดเรื่องอายุนิดหน่อยน่ะค่ะ แต่ก็...ช่างเถอะ”

    ตราบใดที่ยังเป็นแบบนี้ จะอายุเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญหรอก

    เขามองฉันด้วยสีหน้าแปลกประหลาด “วันเกิดเธอล่ะ?”

    “นั่นสินะคะ...อาจจะมี? หรืออาจจะไม่มี? แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดต้องเก็บเอามาคิดนี่นา”

    ฉันเอาหน้าซุกหมอน ตอบอย่างไม่ใส่ใจ แทนที่จะเรียกวันเกิด สำหรับฉันเรียกวันเฮงซวยน่าจะถูกกว่า

    “อ๊ะ แต่ถ้าเป็นวันที่ได้รับของขวัญที่ดีที่สุดฉันรู้นะคะ — วันที่เจอคุณยังไงล่ะ! ฮื่อ...ถึงจะจำวันที่ไม่ได้ก็เถอะ”

    “อย่างนั้นเหรอ” ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจ เขาเดินมาก่อนจะวางมือบนหัวฉัน “อยู่ที่นี่เงียบ ๆ—แล้วก็วันนี้ ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ไม่อยากให้เธอออกไปเล่นข้างนอก”

    ฉันมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเกือบสองทุ่ม ท้องฟ้าข้างนอกเป็นน้ำเงินเข้มเกือบดำ ดวงดาวแต่งแต้มชัดเจน

    “โชคดีนะคะ”

    ท่านวายร้ายออกไปแล้ว

    กลิ้งไปบนเตียง นึกไปถึงกล่องขนมที่แช่ไว้ในตู้เย็นเพราะยังกินไม่หมด วินาทีต่อมาฉันก็ลุกจากเตียงแล้วหอบมันออกมาวางบนโต๊ะอาหาร ตั้งแต่มาการอง ช็อกโกแลต ครีมบูเล่ พุดดิ้ง ละเลียดกินไปเรื่อย ๆ

    ทั้งหมดอร่อยจนรู้สึกว่าทานต่อได้เรื่อย ๆ แต่เพราะหน้าท้องนุ่มนิ่มที่เหมือนเป็นชนักติดหลังทำให้ฉันต้องยับยั้งความอยากของตัวเอง คิดในใจอย่างแน่วแน่ว่าคราวหลังจะบอกท่านวายร้ายให้ซื้อของอย่างอื่นมาแทนขนม

    ความหวานติดลิ้น ฉันจิบน้ำเปล่าตาม เงยมองนาฬิกาที่ยังคงเดินไม่หยุด ตอนนี้มันบอกเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว

    เดรสสีครีมตัวยาวที่ใส่อยู่สุภาพจนไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนตัวใหม่ ดังนั้นฉันจึงแค่หยิบเสื้อคลุมมาสวมทับอีกชั้นเผื่อต้องปะทะลมหนาวข้างนอก จัดการหวีผมที่ยุ่งให้เรียบร้อย แล้วหยิบกระเป๋ากับโทรศัพท์ติดตัวมา

    ภาพที่สะท้อนในกระจกดูมีบางอย่างขาดหายไป ฉันขมวดคิ้ว — แตะที่ลำคอไร้เครื่องประดับ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าสร้อยเส้นนั้นขาดไปเมื่อไม่กี่วันก่อน พอบอกนายท่าน เขาก็แค่พยักหน้ารับรู้ วันต่อมาสร้อยก็หายไปแล้ว

    ฉันมองดูลำคอเปลือยเปล่า ไม่ได้ประดับอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ ก็รู็สึกเบาหวิวขึ้นมา เหมือนได้ปลดอะไรสักอย่างออกไป

    หวังว่าพุดดิ้งรสใหม่ที่ร้านข้างล่างจะยังไม่หมดนะ





    …..





    ฉันนั่งหลังตรง ตาแทบไม่กะพริบ

    เรื่องคือ พอฉันลงมาก็ได้แต่เสียใจเพราะร้านที่ขายพุดดิ้งปิด พอกำลังจะกลับขึ้นห้องจู่ ๆ ก็ถูกสับท้ายทอยจนสลบ

    ตื่นมาอีกทีก็รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัวเสียแล้ว

    เมื่อลองสำรวจไปรอบ ๆ ที่ที่ฉันอยู่ตอนนี้น่าจะเป็นที่ตึก หรือคอนโด หรือที่ไหนสักแห่งที่สูงมาก ๆ เพราะมองจากผนังกระจกตรงนี้สามารถชมวิวของโตเกียวทาวเวอร์ได้ชัดเจน ถึงขั้นพามาเลาจน์หรูแบบนี้ได้ต้องมีฐานะแน่ อีกทั้งค็อกเทลบาร์ก็ยังมีไวน์ดีอยู่หลายขวดด้วย เยี่ยมไปเลย

    ฉันนวดท้ายทอยที่ถูกทำร้าย ดวงตามองโซฟาฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่เหมือนวิลเลินกล้ามเนื้อที่เจอในค่ายฤดูร้อน ใบหน้ามีรอยแผลและรอยยิ้มน่าขนลุก

    ด้านหลังเขามีลูกน้องคอยประกบ เช่นเดียวกับที่หลังฉัน แน่นอนว่าคงไม่ได้ประกบปกป้อง แต่รอเป่าหัวเผื่อฉันไม่ทำตาม ที่ประตูทางออกก็มีลูกน้องเฝ้าเหมือนกัน

    มองรอยยิ้มชั่วร้ายที่เคยอ่านเจอในการ์ตูนบ่อย ๆ ยังไม่รวมเสียงหัวเราะน่าขนลุก คงหนีไม่พ้นวิลเลินสักกลุ่ม

    “เป็นการชวนที่ไม่คาดฝันเลยนะคะ” ฉันคลี่ยิ้ม “แถมยังกะทันหันจนไม่มีเวลาให้ตอบกลับไปเลยสักนิด”

    “ขออภัยที่ทางเราทำตัวเสียมารยาทไป” เขากล่าวขณะฉีกยิ้ม “พวกเราคงได้เจอกันครั้งแรก ผม---------- เป็นคนรู้จักของผู้ปกครองคุณหนู ยินดีที่ได้รู้จัก”

    การถูกสับท้ายทอยทำฉันปวดไปหมดจนแทบจะร้องไห้ ไม่ได้ฟังที่อีกฝ่ายพูดสัดนิด ฉันมองผ่านเขาไปยังลูกน้องแต่ละคน กล้ามเป็นมัดพอ ๆ กันทั้งลูกน้องและหัวหน้า แค่คิดว่าฝ่ามือนั่นทุบคอฉันแล้วก็ปวดใจขึ้นมา ฮือ พุดดิ้งก็ไม่ได้กิน แถมยังมาเจอแบบนี้อีก

    “เราอยากจะให้คุณหนูช่วยอะไรสักหน่อย”

    ฉันยกแก้วน้ำเปล่าบนโต๊ะขึ้นดื่ม

    “แล้วของตอบแทนล่ะ อยากให้ฉันช่วยต้องมีของตอบแทนนะคะ พุดดิ้ง? เค้ก? อืม พายแอปเปิ้ลก็อยากกิน”

    สมองวายร้ายประมวลผลอย่างรวดเร็วจนน่านับถือ “ได้สิ! ที่คุณหนูต้องการเราสามารถให้ได้หมดเลย”

    ฉันมองหน้าเขา ใบหน้าวายร้ายตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยสารพัดขนมน่าอร่อย ความอยากกินพุ่งสูงปรี๊ด ก่อนจะดับลงเมื่อฉันก้มมองดูท้องนุ่มนิ่มของตัวเอง ชนักติดหลังทำให้ต้องกลืนน้ำลายฉับพลัน

    “ช่างมันเถอะค่ะ” ฉันถอนหายใจ มองดูเวลาบนโทรศัพท์ “นี่ก็ใกล้จะได้เวลานอนแล้วด้วย ขอตัวกลับก่อนนะคะ”

    “หยุดก่อน!!”

    เขาตะโกนลั่นเมื่อฉันลุกขึ้นจากโซฟาเตรียมตรงดิ่งไปที่ทางออก วายร้ายกล้ามรีบแล่นมาขวาง ส่วนลูกน้องที่เฝ้าประตูก็กันไว้เหมือนจะไม่ให้ออก ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ มองดูแขนที่ถูกจับไว้ไม่ให้ไปไหน เริ่มปวดพอ ๆ กับท้ายทอย

    “สองครั้งแล้วนะคะ” ฉันเงยหน้ามอง วายร้ายคนนี้พอยืนดี ๆ แล้วสูงเกือบสองเมตรได้มั้ง “เอาเถอะ เผื่อท่านวายร้ายยังต้องการใช้คุณอยู่ ชุดแบบนี้ก็เปื้อนง่ายด้วย ถ้าทิ้งไปคงเสียดายแย่...”

    ถอนหายใจเป็นรอบที่สาม



    “เพราะงั้น….ช่วยหลับไปทีนะคะ?”



    ฉันรีบดึงแขนตัวเองออกมา เบี่ยงตัวหลบร่างที่หมดสติกลางอากาศ ทั้งเจ้านายและลูกน้องต่างลงไปกองกับพื้นเหมือนหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย

    ฉันนวดแขนที่ปวดขึ้นมาและช้ำไม่ต่างจากท้ายทอย ถึงว่าทำไมเขาถึงบอกให้อยู่ที่ห้อง

    ค็อกเทลบาร์หรูล่อตาล่อใจ ไม่ไกลจากนั้นคือตู้เย็นที่พอเปิดเข้าไปอัดแน่นไปด้วยขนมและผลไม้ เยี่ยมเลย

    ฉันมองร่างที่นอนแน่นิ่ง

    ถือว่าเป็นค่าทำขวัญสาวน้อยก็แล้วกันนะคะ





    ………




     

    ในตอนที่ฉันนั่งอยู่บนขอบระเบียงบนดาดฟ้าและกำลังชมวิวอยู่นั้น จู่ ๆ ทั้งร่างก็ถูกยกขึ้นจากด้านหลัง

    ฉันเบิกตากว้างขณะที่ตัวลอยหวือ ถึงหลังจากนั้นจะถูกวางลงให้กลับมายืนบนพื้นดี ๆ หัวใจก็ยังเต้นไม่หาย เมื่อกี้เกือบหัวใจวายซะแล้ว มาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยสักนิด

    ท่านวายร้ายขมวดคิ้ว ทำใบหน้าเหมือนกำลังดุ

    “ไวน์ขวดนี้ไม่มีแอลกอฮอล์นะคะ” ฉันวางขวดไวน์ลงบนพื้น รีบบอก “ฉันยังไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลยสักนิด”

    เขาไม่ได้สนใจขวดไวน์สักนิด

    “ทำไมไปนั่งบนระเบียงแบบนั้น”

    ฉันเอียงคอ “ก็มันเห็นวิวชัดเจนดีนี่คะ”

    “ฉันนึกว่าคุณจะกลับดึกกว่านี้เสียอีก ไหน ๆ ก็ออกมาทั้งทีฉันก็เลยอยากชมบ้าง”  ก่อนจะยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่ยุ่งออกจากใบหน้าเขา ครั้งล่าสุดที่เป็นแบบนี้ก็คงเป็นตอนที่รู้ว่าฉันกรีดแขนล่ะมั้ง “ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ”

    ซุกใบหน้าภายใต้อ้อมกอดของเขา แนบหูและฟังเสียงหัวใจที่เต้นระรัว ฉันยกแขนขึ้นตอบกลับ มือลูบแผ่นหลัง

    “ไม่มีฝันร้ายแล้วนะคะ”





    ….





    ฉันยกมือซ้ายขึ้น เพชรบนปีกผีเสื้อต้องแสงอาทิตย์ยามเช้า ส่องประกายระยิบระยับจนทำฉันตาพร่า

    จี้อันนั้นปรากฎว่าเขาสั่งทำใหม่ จากสร้อยคอเป็นแหวนเงิน เขามอบมันให้ฉันหลังจากกลับมาถึงที่พักแล้ว

    มองใบหน้าตอนหลับอย่างนิ่งงัน ฉันแนบริมฝีปากลงบนแหวน เก็บความคิดที่จะฆ่าตัวตายอีกรอบไว้ข้างใน อันที่จริงการกระโดดจากดาดฟ้าก็น่าสนใจ แต่ศพน่าจะไม่สวย

    จะแกล้งทำเป็นรักก็ดี หรือจะอบอุ่นแบบนี้ก็ดี ตราบเท่าที่เขายังอยู่กับฉันได้ จะเป็นอย่างไหนก็ไม่สำคัญ





    (3.1) ตอบจบของรูทหลัก



    เธอตายไปแล้ว



    โอกาสรอดแทบเป็นศูนย์เมื่อกดปืนลงบนตำแหน่งหัวใจแล้วลั่นไก ร่างของเธอจมลงไปในน้ำเหมือนหุ่นที่ถูกตัดสายเชิด เรียวแขนข้างหนึ่งพาดขอบอ่างอย่างอ่อนแรง กระบอกปืนตกอยู่บนพื้นไม่ไกลจากนั้น

    การเอากระสุนที่ฝังค้างออกมาไม่ใชเรื่องที่เกินกว่าความสามารถ แต่มันก็ไร้ประโยชน์และสายเกินไป ร่างบอบบางถูกย้อมไปด้วยสีเลือด ราวกับเขากำลังมองตอนจบของละครโศกนาฏกรรมสักเรื่อง

    เขายืนดูเนิ่นนาน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ แต่โชก็ไม่มีทีท่าว่าจะลืมตาฟื้นขึ้นมา หรือบอกเขาว่าที่เห็นอยู่เป็นแค่เรื่องตลก เธอแค่ล้อเขาเล่นเหมือนทุกที เปลือกตาของเธอปิดสนิท ริมฝีปากอิ่มซีด ใบหน้าไร้สีเลือด

    ออลฟอร์วันช้อนร่างของเธอขึ้นจากในอ่าง ซับหยดน้ำที่เกาะตามร่างออก เช็ดผมจนมันเริ่มแห้ง กระทำทุกอย่างด้วยความเชื่องช้า ปฏิบัติกับเธออย่างทะนุถนอมแม้ว่าที่อยู่ตรงหน้านี้จะเป็นตุ๊กตาที่เหลือแค่ร่างกลวงเปล่า

    จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบา และหัวใจที่เต้นตุบเป็นจังหวะ


    “โช”


    ทาบมือบนใบหน้าที่เริ่มกลับมามีสีเลือด “โช” เขาเรียกชื่อเธอซ้ำอีกครั้ง แววตาอ่อนลงและคลี่รอยยิ้มอบอุ่น

    ปลายนิ้วไล้บนริมฝีปากสีชมพูอ่อนนุ่ม เขาแทรกนิ้วผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วมือ กอบกุมมือเล็ก ๆ ได้ทั้งหมด รับรู้ถึงความอุ่นร้อนจากผิว แม้เธอจะยังไม่ลืมตาแต่สภาพก็แตกต่างจากก่อนหน้านี้ คล้ายแค่หลับไปไม่ใช่กลายเป็นศพ

    เขาเงยหน้าขึ้นไป และคิดว่าจะได้สบกับดวงตากลมโตคู่นั้น เธออาจจะเสียใจที่การฆ่าตัวตายครั้งนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ ดวงตาที่มักเป็นประกายคงหมองหม่นด้วยความผิดหวัง จากนั้นก็ร้องไห้อย่างน่าสงสาร

    เขาจะปลอบเธอ กอดตุ๊กตาที่แสนเปราะบางเอาไว้ด้วยความทะนุถนอม จะรอจนกว่าเธอจะหยุดร้องไห้ โชจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ความสัมพันธ์ของเราจะยังดำเนินต่อไปตราบจนโลกใบนี้ล่มสลายด้วยมือของโทมูระ

    เธอสามารถออกไปเล่นได้เท่าที่ต้องการ จนกว่าจะเบื่อหรือรู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง จากนั้นเธอก็จะกลับมาหาเขา และรู้ว่าถึงแม้จะถูกทอดทิ้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาก็จะอยู่ข้างเธอ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเป็นที่พักพิงให้เธอได้

    เธอจะเป็นคนเติมเต็มสีสันในชีวิตหลังเขาได้ทุกอย่างมาไว้ในกำมือ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจทุกครั้งเมื่อเธอเปิดเผยเรื่องในอดีต ทั้งคนที่เธอรัก หรือคนที่รักเธอ----

    แต่ทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงความคิดเพ้อฝัน





    “โช...เธอหลับนานไปแล้ว”






    เมื่อความจริงแล้วเปลือกตายังปิดสนิท

    และเธอไม่ได้ฟื้นขึ้นมา







    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    มีจบรูทหลักอีกนะคะ เป็นตอนสั้นๆ

    อันที่จริงมีตอนต่อจากนั้นนิดหน่อยว่าเขาจัดการดูแลยัยที่กึ่งตายกึ่งไม่ตายยังไง แต่คิดว่าไปเฉลยเอารูทคนอื่นน่าจะดีกว่า :)


    นักเขียน : ตอนจบรูทบอสอันนี้น่าจะแฮปสุดแล้วค่ะ :)

    ต้องสงสัยกันแน่เลยว่าผู้ชายในความฝันยัยก็บอกว่ารักนี่? ตกลงมันกันแน่เฮ้ย!

    555555555555555รักค่ะ แต่ถ้าให้เลือกระหว่างเขากับออลฟอร์วันที่สามารถอยู่กับเธอต่อไปได้จนกว่าเธอจะเบื่อโลกใบนี้ ยังไงเธอก็ต้องเลือกอย่างหลังอยู่แล้ว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×