คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #36 : [Route : AFO] Viraha (1)
note : เรื่องต่อจากตอน End [Route : fed up] เพียงแต่เปลี่ยนตัวแปรนิดหน่อย
-------------
‘ผมรักคุณ’
“ปัง”
ไม่ได้ยินเสียงของกระสุนที่เจาะทะลุร่าง ตัวไม่ได้ชุ่มโชกไปด้วยเลือด ศพไม่ได้จมลงไปในอ่างน้ำ หัวใจยังเต้นตุบ
ฉันหลับตา หลังเสียง ‘ปัง’ ที่เอ่ยออกมาจากปากฉัน ห้องก็เงียบจนแทบได้ยินเสียงหยดน้ำ และเสียงลมหายใจ
เมื่อลืมตา คิดว่าอีกฝ่ายอาจจะมีปฏิกิริยาที่ต่างไปจากเดิม แต่ภาพแรกที่สายตาเห็นคือบอสวายร้ายที่...ปรกติ
เขายังคงสง่างามไปทุกมุม ไม่ได้อ้าปากตะโกนห้ามหรือพยายามยื่นมือเข้ามาช่วย อย่างเดียวที่ต่างออกไปจากนายท่านผู้สุขุมอยู่เสมอคือดวงตาที่ตอนนี้เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยชนิดที่ว่าไม่สังเกตก็คงไม่เห็น
ฉันมองเขาที่ยังยืนนิ่งเหมือนตามไม่ถูก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเรียกสติเขากลับคืนมาคงเงียบแบบนี้ไปตลอดแน่ ดังนั้นปืนในมือจึงถูกเปลี่ยนเป็นดอกกุหลาบในชั่วพริบตา ฉันที่เมื่อกี้ยังร้องไห้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์กลับสีหน้ามาแย้มยิ้มอย่างรวดเร็ว มือยื่นดอกกุหลาบไปให้เขา
“แหม ตกใจสินะคะ เจอหน้ากันทั้งทีฉันก็เลย----” อยากจะเซอร์ไพรส์หน่อย ประโยคหายไป เพราะยังพูดไม่ทันจบก็ถูกสวมกอดเอาไว้ก่อน
ฉันเบิกตากว้าง แทบสร่างเมาตอนนั้น ตกใจจนเผลอปล่อยกุหลาบในมือ
ถึงจะตั้งสติได้แต่ก็ไม่รู้จะทำหน้าหรือแสดงท่าทางแบบไหน สุดท้ายก็ยกมือลูบหลังเขาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
ฉันนิ่งรอจนเขาเป็นฝ่ายผละตัวออก เพราะคิดว่าเขาคงจะยิ้มแบบเจ้าชายกลบเกลื่อนที่เผลอหลุดภาพลักษณ์ไปเมื่อกี้ ฉันก็เลยเตรียมรอยยิ้มแบบสาวน้อยกับคำพูดไว้รอรับ
ไม่รู้ว่าสุดท้ายมันจะกลายเป็นรอยยิ้มเก้อ ๆ เมื่อบอสวายร้ายในความคิดกับความจริงต่างกันลิบลับ
ใบหน้าที่ควรจะมีรอยยิ้มอย่างเจ้าชายนั้นเรียบเฉย เย็นชาจนขณะหนึ่งฉันนึกไปถึงเขาก่อนที่จะรักษา คนที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา ไร้อารมณ์จนเดาอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง
จมอยู่กับความคิดนานพอ พอกะพริบตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นเขาเดินออกไปจากห้องน้ำแล้ว
ฉันลุกขึ้นจากอ่างแล้วจัดการธุระอย่างทุลักทุเล คว้าเสื้อคลุมอาบน้ำมาสวม ไม่รู้ว่าเพราะค็อกเทลที่ดื่มไปก่อนหน้านี้หรือเปล่าถึงทำให้หัวกับร่างกายไม่เป็นใจนัก ฉันแทบไม่ได้สำรวจความเรียบร้อยของตนเอง เพราะแค่พยุงตัวไม่ให้ล้มลงไปกองกับพื้นก็ยากเต็มที
โลกหมุนเคว้งจนอยากอ้วก ฉันเกาะผนังห้องน้ำ และค่อย ๆ ไถลตัวลง ถึงพื้นห้องน้ำจะเย็นและชื้นไปหน่อยแต่แค่นอนสักพักคงไม่เป็นอะไร
พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งค่อยไปเปลี่ยนชุดดี ๆ ขืนกลับไปสภาพนี้โทมูระคุงต้องโมโหอีกแน่
จู่ ๆ ประตูห้องน้ำที่อยู่แค่เอื้อมก็เปิดออก
ฉันที่กึ่งหลับกึ่งตื่นพยายามฝืนดวงตาให้ลืมขึ้นอย่างยากลำบาก ภาพพร่ามัวเพราะหยดน้ำตาที่คลอหน่วย เห็นเพียงเงาเลือนราง เงานั้นก้มลงมาเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองพอดี
...อ่า ท่านวายร้ายในเวอร์ชั่นเย็นชานี่เอง
ฉันหลับตาจะนอนต่อ แต่แล้วทั้งตัวก็ถูกอุ้มขึ้น
จากนั้นฉันที่อยู่ในสภาพอ่อนปวกเปียกก็ถูกวางลง...ในอ่างน้ำ
พอจะหันหน้าไปถามว่าเอาฉันกลับมาในอ่างน้ำนี่อีกทำไม สายน้ำจากฝักบัวก็รดร่างฉันจนเปียก ฉันไอเพราะสำลักน้ำ แสบตาแทบลืมไม่ขึ้น ผมแนบลู่ไปตามใบหน้า เสื้อคลุมอาบน้ำตอนนี้ก็มีประโยชน์แค่กั้นไม่ให้เห็นผิวหนังข้างในเท่านั้น
การเซอร์ไพรส์คงไปกระตุกต่อมโกรธสินะ ฉันหัวเราะด้วยเสียงอ้อแอ้ เอนหลังพิงอ่างอย่างผ่อนคลาย ในมือกลับมาถือแก้วค็อกเทลอีกครั้ง ก่อนหลับยาวก็ขอดื่มอย่างสบายอารมณ์ก่อนแล้วกัน บางทีแอลกอฮอล์อาจจะทำให้ความฝันสนุกขึ้นก็ได้
ตอนที่จะยกแก้วขึ้นดื่ม จู่ ๆ แก้วก็หายไปจากมือ และวินาทีต่อมาของเหลวในนั้นก็ถูกเททิ้งโดยท่านวายร้าย
“อยู่นิ่ง ๆ”
เขาว่า จับไหล่ที่ขยุกขยิกไปมาด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็บีบแชมพูและ...สระผมให้
“...สภาพดูไม่ได้”
ฉันได้ยินเขาบ่น แต่ไม่ได้ตอบกลับไปเพราะยังอึ้งอยู่ ผิดคาดจากที่คิดไปมากโข อีกฝ่ายไม่ได้จะปาดคอฉันให้ตายหรือกดหัวในน้ำจนขาดอากาศหายใจ มิหนำซ้ำยังดูแลดีกว่าที่ฉันทำด้วยตัวเอง เรียวนิ้วที่สางไปตามเส้นผมและกดนวดก็ทำให้รู้สึกดีจนแทบเคลิ้มหลับ แต่พอคิดว่านี่คือการบริการก่อนตายก็รู้สึกสงสารเขาขึ้นมา
“ถึงฆ่าฉันก็ไม่ตายหรอกนะคะ” ฉันแหงนหน้าขึ้นไปมองเขา มือที่สั่งฆ่าคนมากมายตอนนี้กำลังนวดศีรษะให้ฉันอยู่ คิดแล้วก็ชวนหัวเราะทั้งเวทนา “แต่ถ้าคุณรำคาญ พอตื่นมาอีกครั้งฉันจะไม่มาให้เห็นหน้าสักพักก็ได้ค่ะ”
เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงจับหน้าฉันที่แหงนมองเขาอยู่ให้กลับมาอยู่ในท่าหน้าตรงเหมือนเดิม เริ่มล้างผมพร้อมกับที่เสื้อคลุมอาบน้ำถูกปลดออกจากตัว กลิ่นน้ำมันหอมชวนผ่อนคลาย ถึงจะถูกฆ่าตอนนี้ก็เป็นการตายที่ไม่ได้แย่อะไร
“...อย่าล้อเล่นแบบนั้นอีก”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังข้างใบหู
หางตาเหลือบมองไปเห็นใบหน้าของเจ้าชายที่เรียบเฉยทว่าชั่วขณะในดวงตากลับดูจริงจังและเศร้าสร้อย
ฉันหัวเราะและทำเป็นไม่ได้ยิน ก้มมองดูเรียวขาที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำ สีกุหลาบของมันตัดกับสีขาวจนเห็นเส้นเลือด
ถ้าฉันตายจริง ๆ ตอนนั้นเลือดที่อาบย้อมทั้งร่างคงเหมือนสีแดงเข้มที่จิตรกรสาดเทลงบนผืนผ้าใบ
จวบจนกระทั่งเขาอาบน้ำให้ฉันเสร็จ จับแต่งตัวเหมือนตุ๊กตา ฉันก็อยู่นิ่ง ๆ ยอมให้แขนขาถูกจับบังคับอย่างง่ายดาย มองบอสวายร้ายที่กระทำทุกอย่างด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก
ถึงจะแอบคิดว่าเขาจะทำสีหน้ายังไงนะถ้าหากฉันสารภาพออกไปว่าที่จริงมันไม่ใช่การเซอร์ไพรส์หรอก และที่จะเหนี่ยวไกนั่นก็กะจะทำจริงด้วย...แต่พอนึกถึงใบหน้าที่ดูเศร้า ๆ นั่นแล้ว การเก็บมันไว้เป็นความลับต่อไปคงดีกว่า
‘ฉันรักคุณ’
แล้วเสียงหัวใจที่ไม่เป็นจังหวะตอนนั้น...
ส่งยิ้มให้คนในกระจกที่กำลังวุ่นอยู่กับการไดร์ผมฉันให้แห้ง ถึงเขาตอนนี้จะไร้รอยยิ้มแต่ก็ยังดูดีไปทุกมุม
“มีอะไร?”
“เปล่าค่ะ” ฉันปฏิเสธ มองดูตัวเองในกระจกที่กลับมาน่ารักอีกครั้งด้วยมือของผู้ที่ถูกตราหน้าว่าชั่วร้ายที่สุด โอกาสที่ได้เห็นด้านแบบนี้ของเขาจะมีสักกี่ครั้งในชีวิตเชียว
เขาส่งฉันเข้านอนตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ห่มผ้าให้ฉันเสร็จสรรพ
ฉันอยากจะบอกว่าเวลานี้ควรออกไปเดินเที่ยวข้างนอกมากกว่าแต่ก็พูดไม่ออกเพราะมาดูดี ๆ เสื้อที่ใส่อยู่ก็เป็นชุดนอน อีกทั้งพอฉันทำท่าว่าจะไม่นอนก็โดนบอสวายร้ายขมวดคิ้วใส่ นั่งอยู่ข้างเตียงเหมือนจะเฝ้าจนกว่าฉันจะยอมหลับ
“จะอยู่แบบนี้จริง ๆ เหรอคะ” ฉันทำสีหน้าเว้าวอนเท่าที่พยายามจะทำได้ “มันยังไม่ค่ำสักหน่อย”
“วันนี้เธอเหนื่อยมากแล้ว”
เขาพูดเพียงแค่นั้น ไม่ได้บังคับ ทว่าน้ำเสียงอ่อนแรงแบบนั้นก็ทำให้ฉันต้องจำยอมข่มตาหลับอย่างเสียไมได้
‘ผมรักคุณ’
ฮื่อ แย่จัง
ทั้งที่คิดว่าสร่างเมาแล้ว แต่น้ำตาก็ดันร่วงลงมาอีกจนได้
…………
ในความฝัน เขาสารภาพใต้ซากุระต้นใหญ่
‘ผมรักคุณ’
กลีบสีชมพูที่ร่วงหล่นลงมาชวนให้ตาพร่ามัว เสียงของเขาชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหน หยดน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ ฉันกอดเขา นึกขอบคุณแอลกอฮอล์ทั้งหมดที่ดื่มเข้าไป
เขาดูแปลกใจแต่ก็กอดฉันกลับ ข้างหูได้ยินเสียงหัวเราะ ‘ครั้งแรกเลยนะที่คุณเป็นอย่างนี้’
ฉันกลั้นสะอื้น ส่ายหน้าพร้อมกับเช็ดน้ำตาออก มือทั้งสองจับใบหน้าเขาให้หันมา สบกับดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้ รอยยิ้มที่เจิดจ้าเหมือนพระอาทิตย์ มือรู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนจากผิวหนัง คล้ายคนที่อยู่ตรงหน้านี้มีอยู่จริง
‘มีอะไรหรือเปล่า?’
ฉันพยายามกลั้นน้ำตาที่เหมือนจะไหลลงมาอีกรอบ สูดหายใจลึกและพูดประโยคที่ค้างอยู่ในใจออกไป
‘--------------’
ฉันเบิกตากว้าง จับลำคอของตัวเอง พยายามพูดมันออกมาอีกซ้ำ ๆ แต่ก็ไม่มีเสียงออกมาเลยแม้แต่น้อย
‘ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ’
ฉันหันไปมองเขา ยังมีรอยยิ้มบนใบหน้านั้น ทว่าเลือดกลับหยดลงมาจากมุมปาก สีแดงที่ชวนให้เจ็บร้าวในใจ ฉันร้องไห้และพยายามเอื้อมมือไปเช็ดมันออก แต่มันกลับไม่ยอมหยุด ตรงข้ามกับรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
‘อย่างเธอเคยรักใครจริง ๆ บ้างไหม’
เขาหัวเราะ ก่อนจะกระอักเลือดออกมา
บางส่วนกระเด็นมาเปรอะหน้า ฉันไม่ได้สนใจ ดวงตายังจับจ้องที่เขา ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวขณะที่มองสีแดงที่อาบร่างของอีกฝ่าย ใบหน้าเริ่มเลือนหาย ฉันอยากจะกอดเขาอีกครั้ง แต่ก็คว้าได้เพียงความว่างเปล่า
ฉันกรีดร้องไร้อย่างไร้เสียง เรียกชื่อเขา
‘--------’
แต่แล้วก็ชะงักไป
เมื่อจำไม่ได้...ว่าเขาชื่ออะไร
………
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาในสภาพที่เหงื่อท่วมตัว
ในห้องเปิดไฟเพียงสลัว ๆ บนเตียงไม่มีคนคอยเฝ้า
ฉันกะพริบตา ใช้หลังมือปาดหยดน้ำที่ไม่รู้ว่าเป็นเหงื่อหรือน้ำตาออกไปก่อนที่จะยันตัวลุกขึ้นมาพิงหัวเตียง ทั้งร่างเหนียวเหนอะ แค่นึกถึงความฝันนั้นก็อยากอ้วกขึ้นมาอีกรอบ อื้อ เพราะดื่มเยอะไปแน่ ๆ
ฉันหลับตาลง นวดขมับ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งอาการก็ยังไม่ดีขึ้นอยู่ดี ฉันก็เลยลุกขึ้นจากเตียง เกาะผนังและค่อยเดิน คิดจะไปสูดอากาศข้างนอกที่ระเบียง....อ่า บอสวายร้ายที่นึกว่าหายตัวไปไหน ที่แท้อยู่ที่นี่เอง
พอเลื่อนบานกระจก กลิ่นบุหรี่ก็ตีจมูกจนไอค่อกแค่ก ต้นเหตุรีบดับบุหรี่ทันที รีบเข้ามาดูเหมือนกลัวฉันจะตาย
“เธอควรนอน---” เขากำลังพูด แต่แล้วก็ชะงักไปเหมือนเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง คิ้วขมวดกว่าเดิม
“ฉันว่าจะออกมาสูดอากาศข้างนอกเสียหน่อยน่ะค่ะ” ฉันคลี่ยิ้มแม้ว่ากลิ่นบุหรี่ที่สูดเข้าไปจะทำให้แสบไปทั้งลำคอ “แต่แหม...ไม่คิดว่าจะเจอคุณเลยนะคะ นึกว่าออกไปทำงานเหมือนทุกทีเสียอีก---”
เขาไม่ได้สนใจคำที่ฉันพูด ดันฉันกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิมก่อนจะเลื่อนบานประตูเพื่อปิด พอเข้ามาข้างในแล้วฉันค่อยหายใจคล่องขึ้นมาหน่อย เพราะอย่างน้อยอากาศในนี้ก็ไม่ได้เจือไปด้วยกลิ่นบุหรี่อีกแล้ว
แต่ก็หมดอารมณ์จะออกไปข้างนอกอีก ฉันเดินโซเซก่อนจะไปล้มลงบนเตียงนอน ถอนหายใจยาวเหยียดเพราะนอกจากจะหมดอารมณ์ออกไปแล้วก็หมดอารมณ์ที่จะหลับต่อเช่นกัน
“ดื่มด้วยกันหน่อยไหมคะ” ฉันถามคนที่เดินมานั่งลงบนพื้นที่ว่างบนเตียง “คุณว่าเอาไวน์หรือค็อกเทลดีคะ”
“ห้ามดื่ม” เขาตอบแทบจะในทันที เหมือนเป็นคำสั่งประกาศิต “ดื่มไปแล้วเธอก็จะฝันร้ายอีกไม่ใช่หรือไง”
ฉันเลิกคิ้ว แต่เมื่อนึกถึงสภาพของตัวเอง...หากฝันดีคงจะไม่โทรมจัดขนาดนั้น ถ้าเขาจะรู้คงไม่แปลก
ฉันตัดตัวเลือกดื่มออกไปเพราะดูจากท่าแล้วเขาคงจะไม่ยอมแน่ ๆ...ฮื่อ ฉันตีขาไปมา หาตัวเลือกที่ดูเข้าท่า
“หนังสือเป็นไงคะ ฉันว่าฉันเห็นชั้นวางหนังสืออยู่นะ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกขึ้นมาได้ “ฉันชอบเสียงคุณ แล้วก็ตอนอ่านหนังสือคุณดูมีเสน่ห์มากเลย มองแล้วก็ชวนเคลิ้มหลับบ่อย ๆ”
ฉันคิดจะหาตัวเลือกใหม่ตอนที่เขาถอนหายใจ
พอกำลังจะพูดว่า ‘งั้นฉันจะนอนดี ๆ ก็ได้ค่ะ’ บอสวายร้ายก็ลุกออกจากเตียงไปแล้ว ฉันมองตามแผ่นหลังเขา ก่อนจะกลิ้งไปมาบนเตียงนอน คิดในใจว่าถ้าเขาทนไม่ไหวแล้วออกไปจริง ๆ ฉันจะดื่มจนไม่ฝันอีกเลย
สักพักเตียงก็ยุบลง
ความคิดที่จะดื่มก็หายไป
“มานอนดี ๆ”
เมื่อท่านวายร้ายกลับมาพร้อมหนังสือในมือ
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
*รูทโชเป็นเนื้อเรื่องหลัก
ตอนจบที่ฆ่าตัวตายนั้นเกิดจากตัวแปรหลายอย่าง เช่น ความเบื่อหน่ายในชีวิตยืนยาว + อะไรที่มันได้มาง่ายเกินไป ไม่อยากใช้ชีวิตแบบอยู่ไปเรื่อย ๆ โดยไร้จุดหมาย ความคิดที่จะอยู่กับออลฟอร์วันจึงถูกทิ้งไป
ก็นั่นล่ะค่ะ
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
ตัวแปรที่เราเปลี่ยนคือหัวใจของบอสนั่นเอง
ในรูทหลักที่โชตาย ตอนที่ยัยพูดคำว่ารักออกไปแล้วรอฟังเสียงหัวใจ ปฏิกิริยาตอบรับคือความปรกติ
ในรูทหลัก พวกเขาไม่ได้รักกันค่ะ
บอสไม่ได้รักเธอ
อ๊ะ แน่นอนว่ายัยก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน
ไหน ๆ ก็ไหน ๆ ยังไงก็ไม่มีภาระอยู่แล้ว
ก็เลยยิง
รูทหลักโชได้ตายไปแล้วนะคะ
ที่อ่านอยู่นี่ก็แค่เนื้อเรื่องเสริมในกรณีที่ตัวแปรต่าง ๆ เปลี่ยนไป
*เพิ่มเติม* ถ้าเป็นรูทหลัก โชตายแต่บอสยังอยู่ค่ะ
โทมูระและคนอื่นอาจจะคิดว่ายัยก็แค่หายไปเที่ยวอย่างเคยนั่นแหละ เดี๋ยวพอเบื่อก็กลับมา
มารู้อีกทีศพของยัยก็อาจจะฝังอยู่สักที่บนโลกใบนี้แล้วก็ได้
(หรือก็คงจะไม่รู้ตลอดกาลว่ายัยหายไปไหน ถามบอสภาคนั้นเขาก็คงจะตอบให้อยู่หรอก)
55555555555555555555555555555555555
*ปาดน้ำตารอบที่ร้อย*
ความคิดเห็น