NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #29 : arret

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.16K
      400
      9 เม.ย. 63


    [26]



    มันเป็นวันที่ซากุระผลิบาน

    บางส่วนร่วงโรย กลีบสีชมพูปกคลุมทางเดินหิน


    ‘ชอบซากุระหรือครับ?’


    ฉันจำได้ว่าหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้นก็ละสายตาจากทางเดินหินสวยงาม เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะหันไปมองคนข้างตัว เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกของคู่ค้าคนสำคัญของคุณพ่อจึงพยายามปั้นยิ้มให้ดูดีกว่าปรกติ ตอบกลับไปว่า ‘ค่ะ พอเห็นเเล้วชวนให้คิดว่า ‘อา เข้าฤดูใบไม้ผลิเเล้วสินะ’ อะไรแบบนั้น’

    เขานิ่งไปก่อนจะหัวเราะ ปฏิกิริยาเเปลก ๆ นั่นทำให้รอยยิ้มฉันเเข็งค้าง ทั้งที่คิดว่าตอบกลับไปแบบไม่มีอะไรผิดพลาด ตอนนี้กลับมาเริ่มทวนอีกที เมื่อกี้คงไม่ใช่ว่าเผลอทำใบหน้าไร้อารมณ์ลงไปหรอกนะ เเต่ปรกติถึงจะเผลอไปก็ไม่มีใครสังเกตนี่นา

    อืม…

    ‘..คงคิดว่าน่าอายสินะคะ’

    น่าเบื่อจริง ๆ เลย

    ‘ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ’ เขารีบปฏิเสธ ส่ายหัว ‘เพราะปรกติไม่ค่อยได้ออกมาเดินสังเกตเเบบนี้เท่าไหร่ พอยูเมะซังพูดถึงนึกขึ้นมาได้ ‘มีซากุระเเบบนี้เเปลว่าเข้าฤดูใบไม้ผลิเเล้วสินะ’ น่ะครับ’

    ‘ไม่ค่อยได้ออกมาเดินเเบบนี้?’

    ‘อ่า...’ เขาเลี่ยงสายตาไปทางอื่น รอยยิ้มกว้างเต็มใบหน้าเมื่อกี้เริ่มกลายเป็นรอยยิ้มเเห้ง ๆ ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อนแบบฝืดที่สุด ‘ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ผมก็เลยไม่ค่อยสบายน่ะ’

    ดูเหมือนจะพยายามหัวเราะมากไปหน่อย ท้ายประโยคเขาก็เลยสำลัก ไอจนตัวโยน เป็นช่วงพอดิบพอดีกับที่ลมพัดเอากลีบซากุระมา ฉันเหลือบมองขึ้นไปดูต้นไม้สูงใหญ่ ใบไม้ผลิก็ต้องซากุระสินะ ถ้ามีเเบบนี้ที่บ้านก็คงดี

    ‘...ลมเเรงจัง’ เขาพึมพำ เสียงติดเเหบนิดหน่อย คงเพราะการไอเมื่อกี้ ‘กลับกันก่อนเถอะครับ พวกคุณพ่อก็น่าจะคุยกันเสร็จเเล้วด้วย อากาศเย็นเเบบนี้ถ้าคุณไม่สบายจะเเย่เอา’

    ฉันยิ้มอย่างขัดเขิน ‘ค่ะ’

    นึกอยากจะเพิ่มเติมไปอีกสักประโยค เช่น ชุดกิโมโนที่ฉันใส่อยู่นี้ทั้งหนาเเล้วก็อึดอัดสุด ๆ ไปเลย ลมอะไรเเทบผ่านเข้ามาไม่ได้สักนิด ก่อนที่จะไม่สบายฉันคงขาดอากาศหายใจตายก่อน

    ‘ไว้มาดูซากุระด้วยกันอีกนะครับ’

    ฉันยิ้มจนตาโค้ง ตอบไปว่าถ้ามีโอกาสครั้งหน้าก็อยากชวนเขาไปงานเทศกาลด้วยกัน ตามด้วยขอบคุณที่พามาเดินชมรอบบ้านเเบบนี้ เป็นอันเสร็จสิ้น – เกือบจะพูดชวนเขาให้มาที่บ้านบ้าง เเต่ดีที่หยุดไว้ทัน ขืนไปจริง ๆ น้องไคที่ช่วงนี้กำลังเข้าสู่วัยต่อต้านคงใช้อัตลักษณ์ฆ่าว่าที่คู่หมั้นฉันเเน่

    เเต่ถึงไม่ทำ

    มองคราบเลือดที่ติดอยู่มุมปากกับฝ่ามือ มองรอยยิ้มที่ทำเหมือนเมื่อกี้เป็นเเค่การไอธรรมดา ฉันแสร้งทำหน้าเขินอายเมื่อเขายื่นมือมาให้จับตอนที่ฉันสะดุดก้อนหินในสวนจนเกือบล้ม ทำเหมือนไม่รู้เรื่องสุขภาพอาการของเขา

    วางมือลงบนฝ่ามืออีกฝ่าย จับมือกันเดินกลับ หัวเราะอย่างมีความสุข ดูคล้ายฉากในหนังน้ำเน่าสักเรื่อง

    มนุษย์นี่อ่อนเเอจริง ๆ

    กลับไปต้องโดนน้องไคโกรธเเน่เลย






    (1)


    “พรุ่งนี้ฉันน่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลเเล้ว”


    จู่ ๆ อาจารย์ไอซาวะก็พูดขึ้นมา

    มือที่กำลังปอกเปลือกแอปเปิ้ลหยุดชะงัก ฉันละสายตาจากผลไม้ในมือ เงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ประจำชั้นสุดเท่ที่เสี่ยงอันตรายจัดการกับวิลเลินจนตัวเองเกือบได้จบชีวิตในฐานะโปรฮีโร่

    ฉันเลื่อนไปสบกับดวงตาเฉื่อยชา ไม่มีทั้งบาดเเผลหรือร่องรอยหลงเหลือ แทบดูไม่ออกว่าก่อนหน้านี้มันเคยกลวงเเละชุ่มไปด้วยเลือดจากการถูกควักออกไป ร่างกายก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ หายดีหมดทุกอย่าง ที่ตอนนี้เขายังอยู่ที่โรงพยาบาลก็เเค่ผู้อำนวยการบอกให้พักผ่อนก่อนเท่านั้น

    “ยินดีด้วยนะคะอาจารย์ไอซาวะ” ฉันยิ้มกว้าง ทำหน้าตาเเสดงความยินดีปลื้มปิติที่สุด “นักเรียนห้องเอบ่นคิดถึงอาจารย์ใหญ่เลย พวกเขาเป็นห่วงมากเลยนะคะ ฉันโดนถามถึงคุณตั้งหลายครั้งเเหน่ะ”

    “...”

    “อีกไม่กี่วันจะถึงงานกีฬาสีเเล้วนี่นะ ดีจังเลยที่อาจารย์ไอซาวะหายเป็นปรกติ ถ้าพวกเขารู้ต้องดีใจเเน่เลยค่ะ”

    ฉันหันกลับมาปอกเปลือกเเอปเปิ้ลต่อ หลังจากผ่านพ้นวันนี้ไปหน้าที่การรักษาก็คงสิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ หรือจนกว่าจะมีโปรฮีโร่คนใดคนหนึ่งถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสเหมือนอาจารย์ไอซาวะอีก ฮืม เเต่ก็คงอีกนาน

    “เธอไม่คิดรับข้อเสนอเลยงั้นเหรอ?”

    ฉันถอนหายใจกับประโยคคำถามที่ถูกพูดกรอกหูซ้ำ ๆ ในหลายวันที่ผ่านมา “ฉันว่าฉันปฏิเสธไปเเล้วนะคะ”

    อาจารย์ไอซาวะไม่คิดถามต่อ ฉันเห็นเขาเบนหน้าออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง จ้องอยู่นาน พอฉันมองออกไปบ้างถึงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าสดใส ก้อนเมฆเป็นสีขาวเหมือนปุยฝ้าย อากาศเย็นกำลังดี ลมที่พัดเข้ามาทำให้ม่านปลิวไหว จากวิวตรงนี้มองเห็นสวนสาธารณะข้างล่างได้ชัด เป็นห้องที่เหมาะกับการพักผ่อนจริง ๆ

    ฉันฮัมเพลง ใช้มีดตัดเเต่งเเอปเปิ้ลต่ออีกนิด ในที่สุดก็ได้เเอปเปิ้ลรูปกระต่ายประดับบนจาน น่ารักดีจริง ๆ เลยน้า อะ เเต่อาจารย์ไอซาวะชอบเเมวนี่นา เเย่จัง ฉันก็ไม่มีความสามารถไปถึงขั้นนั้นซะด้วย

    มองน้องกระต่ายอีกนิด เปลือกเเอปเปิ้ลที่ถูกตัดเป็นหูชี้สองข้างดูคล้ายกับสักอย่างที่คุ้นเคย ฮืม...คุ้น ๆ นะ...

    นี่มัน…

    ผมกระต่ายของออลไมท์!

    ฉันหัวเราะคิกคักกับตัวเอง นึกไปถึงผมหน้าที่มักชี้ขึ้นของฮีโร่อันดับหนึ่ง จู่ๆแอปเปิ้ลก็ทวีความน่าหมั่นไส้ขึ้นมา


    “ตอนนี้เขากำลังหาทางปกป้องเธออยู่”


    อาจารย์ไอซาวะที่เงียบไปพูดขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้ายังมองออกไปข้างนอก น้ำเสียงเรียบเหมือนพูดเรื่องปรกติ

    “ตอนเเรกเธอบอกพวกเราว่ามีอัตลักษณ์ในการรักษา เเต่รู้ไหม สิ่งที่เธอทำให้ฉันกับออลไมท์มันเกินกว่าการรักษาไปเเล้ว ทั้งฉันที่ควรจะไร้ดวงตา ออลไมท์ที่น่าจะอาการทรุดลง เเม้เเต่อัตลักษณ์ของรีคัฟเวอรี่เกิร์ลยังใช้ไม่ได้ เธอไม่ได้รักษาให้มันดีกว่าเดิม

    ที่เธอทำ...มันเหมือนเป็นการย้อนกลับ”

    ฉันกะพริบตา เเทบลืมกลืนเเอปเปิ้ลกระต่ายในปากเมื่อได้ฟังคำพูดทั้งหมด ถูกจับได้ซะเเล้วสิ รู้ตัวเร็วจังเลย

    “เธอไม่ได้อยู่ในข้อมูลประชากรหรือการขออนุญาตใช้นามแฝง กระทั่งการลงทะเบียนอัตลักษณ์...”



    “ไม่มีอะไรเลย”



    ครั้งนี้อาจารย์ไอซาวะหันกลับมา มองด้วยสายตาเเบบที่ฉันนึกเกลียด รสหวานของแอปเปิ้ลกลับฝาดคอขึ้นมา

    “ที่เรารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเธอตอนนี้มีเพียงเรื่องที่เธอเล่าออกมาเท่านั้น...เเต่จากเรื่องอัตลักษณ์ที่เเท้จริงของเธอที่ไม่น่าจะมีเพียงการรักษา เเละที่ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าเคยอยู่กับคนกลุ่มหนึ่งก่อนจะมาเจอออลไมท์ ถึงเธอจะไม่ได้โกหก เเต่การที่เล่าออกมาไม่หมดเเบบนี้ยังไงมันก็ไม่ต่างอะไรกันอยู่ดี”

    คงมีอีกหลายประโยคที่เขาอยากจะพูด

    มันไม่ใช่อะไรที่ผิดไปจากที่คิดเอาไว้ ฉันรู้อยู่เเก่ใจว่าไม่มีทางเลยที่ตัวเองจะไม่โดนสงสัย ไม่ใช่ครั้งเเรกสักหน่อยนี่นา โดนอีกครั้งจะเป็นอะไรไป....ถึงจะคิดเเบบนั้น เเต่พอเอาเข้าจริง รอยยิ้มบนหน้าก็เเทบจะกลายเป็นรอยยิ้มฝืดเฝื่อน


    “เเต่ยังไงมันก็คือความจริงนะคะ”


    ฉันสูดหายใจลึก พยายามขยับยิ้ม

    “รู้ไหมคะ เหตุผลที่ฉันปฏิเสธข้อเสนอทั้ง ๆ ที่โดยรวม...ไม่นับเรื่องที่ต้องถูกใช้ประโยชน์ มันดีต่อเด็กอย่างฉัน เพราะอย่างเเรก ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เห็นเเก่ตัวที่สุด เเละถ้าเสียเปรียบจะรู้สึกไม่ดี อย่างน้อย ค่าตอบเเทนก็ต้องเป็นอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกคุ้มค่าที่ต้องเปลืองเเรงไป

    ถ้าพวกคุณอยากใช้พลังฉัน ฉันก็ไม่ว่าหรอกค่ะ กระทั่งอยากให้ยุคฮีโร่ก้าวไปสู่จุดสูงสุด หรือต้องการให้พวกวิลเลินหายไป

    ฉันจะทำให้ก็ได้….เเต่ค่าตอบเเทนก็สูงหน่อยนะ?”

    สบตากับอาจารย์ไอซาวะ เอียงคอ



    “ล้อเล่นน่ะค่ะ”



    คลายฝ่ามือที่กำเเน่นออก ไม่สนรอยเล็บที่เห็นชัดเจน ฉันขยับยิ้มปรกติเหมือนที่พูดออกไปเมื่อกี้คือเรื่องตลก ก่อนจะทำท่าเหยียดเเขนบิดขี้เกียจ

    มองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะพึมพำว่าสายเเล้วนี่นา ลุกจากที่นั่งพร้อมกับวางจานเเอปเปิ้ลรูปกระต่ายไว้บนโต๊ะข้าง ๆ เตียงพยาบาลของอาจารย์ไอซาวะ

    “ฉันทำได้เเค่รูปกระต่ายเท่านั้นล่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะอาจารย์ไอซาวะ ไว้เจอกันวันกีฬาสียูเอย์-----”

    ตอนที่จะหันหลังกลับไป ข้อมือถูกจับเอาไว้

    “ถ้าสมมติว่าที่เธอพูดมันเป็นเรื่องจริง หากฉันสูญเสียดวงตาเเละต้องการให้เธอมารักษา เธอจะเก็บค่าตอบเเทนเป็นอะไร?”

    ดวงตาเฉื่อยชาจ้องเขม็ง เหมือนคาดคั้นคำตอบเอาให้ได้ ฉันร้องโฮอยู่ในใจ เหงื่อไหลพราก ถึงจะเกลียดยังไงเเต่คุณจะหักข้อมือฉันไม่ได้นะอาจารย์ไอซาวะ เป็นฮีโร่ก็หัดทะนุถนอมสาวน้อยหน่อยสิ

    เมื่อเห็นว่าถ้าไม่ยอมตอบอะไรกลับไปก็คงไม่ได้ออกจากห้องนี้ ฉันก็เลยถอนหายใจ ชี้นิ้วไปที่จานแอปเปิ้ล

    “คงเป็นนั่นล่ะมั้งคะ”

    อาจารย์ไอซาวะขมวดคิ้ว “มันเป็นของฝากจากคนอื่นต่างหาก เเบบนี้เรียกค่าตอบเเทนได้หรือไง”

    “สำหรับฉันค่าตอบเเทนก็เป็นไปได้ทั้งหมดนั่นล่ะค่ะ เเถมเเอปเปิ้ลก็อร่อยดีออก”

    “เเล้วถ้าเป็นออลไมท์?”

    “อาจารย์ถามเกินกำหนดเเล้วนะคะ!”

    ฉันบุ้ยหน้า ก่อนจะนึกไปถึงคนๆหนึ่งที่หากนับเเล้วยังต้องเปลืองเเรงยิ่งกว่าการทำให้อาจารย์ไอซาวะหายดีซะอีก



    “ถ้าเป็นออลไมท์….”



    ฉัน….

    เม้มปากเเน่น ก่อนจะใช้จังหวะที่อาจารย์ไอซาวะเผลอคลายมือสะบัดเขาออก ไม่ตอบคำถาม คว้ากระเป๋าที่วางบนโซฟาเเล้วรีบออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เป็นอะไรของเขาเนี่ย ถามคำถามอะไร...

    อยู่กับฉัน

    บ้าไปเเล้ว

    บ้าไปเเล้วเเน่ ๆ

    ฉันส่ายหน้า สะบัดไล่ความคิดออกไปจากหัว เดินไปห้องพักผู้ป่วยที่ออลไมท์อยู่ ก่อนหน้านี้เพราะเห็นมีคนเข้าไปคุยด้วยฉันถึงเเวะไปห้องอาจารย์ไอซาวะก่อน ตอนนี้ก็น่าจะคุยกันเสร็จเเล้วล่ะมั้ง

    พรุ่งนี้จะออกจากโรงพยาบาลเเล้วนี่นา ต้องทำอะไรเเสดงความยินดีไหมนะ อาหาร? จัดเซอร์ไพรส์? ในตู้เย็นก็มีเเต่ขนมที่ซื้อมาตุนไว้ซะด้วย ถ้าจะจัดงานจริง ๆ วันนี้คงต้องไปหาซื้อของมาเพิ่ม….


    “เป็นยังไงบ้าง”


    เสียงลอดออกมาจากในห้องออลไมท์

    ฉันชะงักมือที่จะเปิดประตูเข้าไป นิ่ง เเละทำได้เเค่เงี่ยหูฟังเสียงข้างใน จู่ๆก็นึกถึงฉากในนิยายที่เคยอ่าน สองคนคุยกันเรื่องที่เป็นความลับ เเล้วก็มีคนหนึ่งบังเอิญมาได้ยินพอดี

     

    “เรื่องนั้น...”

    “ไม่ยอมตอบตกลง?”

    “...ผมคิดว่าน่าจะมีทางอยู่”

    “อย่างนั้นเหรอ” คู่สนทนาเงียบไป คล้ายจะถอนหายใจหรือปลงตกอะไรสักอย่าง “ฉันไม่ได้ว่าอะไร เเต่อย่าลืมก็เเล้วกัน เธอคือสัญลักษณ์เเห่งสันติภาพ เป็นฮีโร่ ถึงมันจะฟังดูโหดร้ายไปสักหน่อย เเต่หากสักวันหนึ่งเด็กคนนั้นเกิดเป็นตัวอันตรายขึ้นมา ถ้าลังเลที่จะจัดการก็ได้โปรดอย่าลืมว่าข้างหลังเธอยังมีคนอีกมากมาย”



    ออลไมท์เงียบไป

    หัวใจฉันเหมือนจะเต้นเร็วขึ้น




    “เข้าใจเเล้ว”




    ก่อนจะค่อย ๆ เเผ่วเบาลง

    ฉันก้มมองพื้น กระโปรงยับยู่จากการกำเเน่น




    วันนี้ลืมกินข้าวเช้านี่นา




    เเย่ล่ะสิ เเย่จัง






    หิวจนน้ำตาไหลไม่หยุดเลย









    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆

    arret ---- หยุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×