NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #19 : Drive someone crazy

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.82K
      620
      10 ส.ค. 63

                                          


    [16] เสียสติ


    ‘หยุดงานอดิเรกเเบบนี้ได้เเล้ว’



    กะพริบตา เอียงคอ ‘เอ๋ หมายถึง?’

    ‘อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่อง’ เขาขมวดคิ้ว กอดอก ‘เริ่มจะมีข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับเธอเเล้วนะ’

    อือ โตขึ้นเรื่อยๆเลยนะ สูงซะจนต้องเงยหน้ามองเเล้ว ปวดคออ่า คิดถึงตอนเขายังเป็นเด็กตัวเล็กน่ารักจังเลย

    ‘งั้นเเค่ทำให้ข่าวลือหายไปก็พอเเล้วสินะ?’

    ‘นิสัยเสีย’

    ‘เเต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรนี่?’ หัวเราะ ‘เเล้วก็นะ มาว่าพี่สาวเเบบนี้ได้เหรอ ทั้งที่จริงเธอเองก็ไม่ได้ต่างกันเเท้ๆ คุณพ่อก็เริ่มจะไม่พอใจเเล้วด้วย’

    ‘ฉันทำเพื่อความสำเร็จของกลุ่ม’

    ‘ให้ช่วยไหมล่ะ?’ ขยับรอยยิ้ม ‘ยาอะไรนั่นน่ะ พี่สาวเป็นตัวทดลองเเทนได้นะ อาจจะสำเร็จเร็วกว่าใช้คนอื่นก็ได้’

    ‘อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก’

    ‘เห...’ หรี่ตา ก้าวเข้าไปใกล้ ‘ทำไมล่ะ? ไม่สนใจงั้นเหรอ ลองก่อนก็ได้นี่นา พี่สาวจะได้ไม่มีเวลาไปสนใจงานอดิเรกที่เธอไม่ชอบด้วยไง’

    เขาดูโกรธ ‘หุบปาก’

    ‘เพื่อความสำเร็จของกลุ่มเลยนะ---’

     

    ‘หยุดได้เเล้ว!’


    อีกครั้งที่ถูกดึงเข้าไปกอด

    อ้อมเเขนสั่นเทา ดวงตาหวั่นไหวลังเล

    ‘จะใครก็ได้ที่ไม่ใช่เธอ’

    ทำไมต้องทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ด้วยล่ะ

    ‘อย่าพูดว่าจะเป็นตัวทดลองอีกนะ...’

    ลมหายใจเป่าผ่านใบหู เสียงหัวใจเต้นเเรง

    อือ กอดเเน่นขึ้นอีกเเล้วนะ ไหนบอกว่าไม่ชอบความสกปรกไง ที่กำลังกอดอยู่นี่คือเเหล่งรวมเชื้อโรคเลยนะ

    เสียงกลั้นสะอื้นทำให้หยุดชะงักมือที่คิดจะผลักออก ในที่สุดก็ได้เเต่ถอนหายใจ ยกสองเเขนกอดกลับ มือลูบหลัง

    ถ้าตัวทดลองมาได้ยินที่เขาพูดคงช้ำใจตายไปเเล้ว

    หลับตาลง ซุกใบหน้าเข้าที่บ่าอีกฝ่าย



    ‘เป็นเด็กดีจังเลยนะ’





    …….





    ‘เป็นเด็กดีจังเลยนะ’



    ‘YOU LOSE !’


    ฉันกะพริบตา มองดูจอยเกมที่ขึ้นหน้าจอว่าคุณเเพ้

    เมื่อกี้หลุดอีกเเล้วเหรอ

    ฉันบุ้ยปาก วางจอยเกมในมือลง ทำไมต้องมาหลุดตอนจะฆ่าบอสลับด้วย อีกนิดเดียวก็จะชนะเเล้วเเท้ๆ

    ช่างมันเถอะ

    ว่าเเล้วก็หยิบชิฟฟอนเค้กในกล่องสุดหรูหรามากิน

    มองเค้กในมืออย่างพิจารณา ทุกอย่างดูประณีตไปหมดสมเป็นของร้านมีชื่อ ขนมที่ควรได้ลิ้มลองสักครั้งในชีวิต

    คุโรกิริโดนใช้ให้มาส่งของให้ฉันล่ะ ท่าทางเขาในตอนเช้าตลกสิ้นดี ทำหน้าเหมือนกลืนของขมอย่างนั้นเเหละ

    ส่วนคนใช้จะเป็นใครที่ไหนได้นอกจากบอสใหญ่


    ‘เผื่อเธอจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง’


    ดูข้อความในกระดาษที่เขาเเนบมาให้ฉันสิ

    เเหม พระเอกซะไม่มี

    นึกไปถึงคนที่ชอบอ่านหนังสือเนื้อหาเข้าใจยาก จิบชาอย่างดูดี เสน่ห์ของชายหนุ่มเหลือล้น ถ้าเพิ่มฉากหลังเป็นเหล่าหญิงสาวเเสนยั่วยวนมานัวเนียเเล้วล่ะก็ คุณสมบัติของพวกตัวละครลับสุดฮอตตามนิยายเขาก็ครบทุกอย่าง

    กัดเค้กไปคำใหญ่ อ๊า น่าหมั่นไส้จริงๆเลยน้า



    “อยู่นิ่งๆ”



    ฉันก้มมองคนที่เอาหัวพิงขาฉันตั้งเเต่เมื่อกี้

    เป็นฝ่ายนี้ที่ต้องพูดไม่ใช่เหรอไง


    “ขอโทษนะโทมูระคุง จะไม่ขยับเเล้วล่ะ”


    ไม่ว่าจะผ่านไปเท่าไหร่ผมก็ยังยุ่งเหมือนเดิม ตัวก็ผอมเเห้ง  เพิ่มมาอีกอย่างคือผิวเเตกเเห้งที่ตอนนี้อาการหนักกว่าเดิม เหมือนจะเป็นผลข้างเคียงจากอัตลักษณ์ของเขา

    เราไม่ได้เจอกันบ่อย บางครั้งเขาก็หายไปหลายวัน มากสุดก็เป็นสัปดาห์

    ส่วนโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อฉันตอนเด็กน่ะเหรอ? ไม่รู้ว่าเขาเก็บไว้หรือทำลายทิ้งไปเเล้ว นับเเต่นั้นมาเขาไม่เคยติดต่อฉันทางโทรศัพท์อีกเลย

    --- เพราะงั้นฉันก็เลยเหงาม๊ากมาก ช่วงที่เขาไม่อยู่ฉันต้องได้ไปหานายท่านตลอดเลย

    ก็ยังฝันเหมือนเดิม

    ช่างเรื่องไม่น่าพูดถึงไป ที่สำคัญคือตอนนี้นายน้อยกลับมาเเล้ว ฉันไม่เหงาอีกต่อไปเเล้ว พี่สาวคิดถึงมากเลยนะ

    ช่างหัวนายท่านที่ไปดูงาน

    จะทดลองคนหรือหาสมุนเพิ่มก็เรื่องของเขา เรื่องดำมืดของวงการวิลเลินฉันไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยว สาวน้อยวัยเเรกเเย้มควรคู่กับอะไรที่มันสดใสเเละจรรโลงใจ เช่น การนอนอยู่เฉยๆ กับเล่นเกม มากกว่า


    “หึ”


    เสียงที่ฟังดูพอใจทำให้ฉันก้มไปมอง เขาฆ่าบอสในเกมได้เเล้ว อืมๆ ยินดีด้วยนะ เก่งมากเลยล่ะโทมูระคุง

    เอื้อมมือไปหยิบรีโมตมา ว่าจะหาเรื่องดูสักหน่อย อย่างเช่นพวกหนังรักโรเเมนติก….

    เปิดเเนวนี้ทีไรเขาจะหยุดพิงขาฉันเเล้วหันมามองอย่างเกรี้ยวกราดทันที ดูท่าจะไม่ถูกโฉลกกับมันเท่าไหร่ ช่วงเวลานั้นล่ะที่ฉันสามารถขยับขาหนีได้



    “ตอนนี้ผู้คนกำลังสนใจเรื่องข่าววันก่อนมากเลยล่ะค่ะ เกี่ยวกับเด็กชายที่ถูกวิลเลินโคลนจับเป็นตัวประกัน….”



    บนหน้าจอโทรทัศน์ปรากฏคลิปหนึ่ง


    เหตุการณ์การจับกุมตัววิลเลินโคลน สถานที่คือช่องตึก คนถูกจับเป็นตัวประกันขยับเขยื้อนขัดขืนอย่างไม่ยินยอมทั้งที่วิลเลินโคลนน่ากลัว ทำหน้าขอความช่วยเหลือ เหล่าผู้คนทำเพียงมองดูฮีโร่เข้าไปช่วยเหลือ ให้กำลังใจอยู่ห่างๆ

    ฮีโร่มืออาชีพดูท่าจะเเพ้ทางวิลเลินตัวนี้ หลายคนเริ่มเอาไม่อยู่ เด็กที่โดนจับก็ยังโดนจับอยู่อย่างนั้น

    สถานการณ์เริ่มยุ่งยากขึ้นมา คนมุงเยอะขึ้น เอาเเต่พูดว่า ‘ใครจะช่วยเขาได้ล่ะ’ ‘ถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไปล่ะก็’

    จากนั้นก็มีหนึ่งในคนมุงโพล่งขึ้นมา


    ‘เหมือนจะเห็นออลไมท์อยู่เเถวๆนี้ด้วยล่ะ’


    ที่นี้ก็เกิดเสียงเซ็งเเซ่ เรียกหาฮีโร่อันดับหนึ่งคนนั้นกันจ้าละหวั่น ฮีโร่คนอื่นหมองไปหมดเลย อืม น่าสงสาร

    เหตุการณ์คุ้นๆไหม คุ้นๆเนอะ ที่ฉันโดนจับงานฝนดาวตกนั่นไง ที่โดนไอ้เวรคนหนึ่งเหยียบเท้า ก่อนจะมาเจอกันรอบสองโดยที่ไอ้เวรนั่นขโมยกระเป๋าเเล้วคว้าฉันเป็นตัวประกัน เอามีดจ่อคอจนได้เลือด…

    คิดเเล้วก็กลัวจนตัวสั่น ฮึก หลังจากนั้นฉันต้องมารักษาเเผลยกใหญ่เลยนะ ไม่ขอเจออีกเป็นรอบที่สอง

    มาดามคนนั้นเจอเพชรตัวเองหรือยังนะ…


    ช่างเถอะ


    กลับมาสนใจข่าวต่อ อ่ะ ถึงช่วงไคลเเม็กซ์พอดี

    ก่อนที่ออลไมท์จะมา...



    เด็กชายฝ่าวงล้อมคนเข้าไปช่วยเพื่อนตัวเอง



    ดูฉากนี้ไม่ว่ากี่ครั้งก็อยากจะหัวเราะให้ตัวเอง


    “ผะ...ผมจะพยายามนะครับ”


    ชะตาของตัวเอกผู้มีจิตใจเข้มเเข็ง


    “ถ้าผมช่วยอะไรคุณได้บ้างก็ยินดี...”


    นี่ฉันกำลังคาดหวังอะไรอยู่


    “อ๊ะ”


    ฉันเบ้หน้า เลื่อนสายตาลงไปดูเรียวนิ้วทั้งห้าที่ขย้ำต้นขาจนเนื้อบุ๋มลงตามเเรง

    ดวงตาสีเเดงจ้องโทรทัศน์ตาไม่กะพริบ ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งออกเเรงกับผิวฉันมากขึ้น ถนอมหน่อยสิ



    “ดูนั่นสิคะ! เพียงเเค่หมัดเดียวอากาศก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง...นี่เเหละออลไมท์!”



    “ออลไมท์...” ปากเเสยะยิ้ม

    นายน้อย -- เขาเเทบจะฉีกเนื้อฉันอยู่เเล้ว

    ฮือ เจ็บจัง เเต่จะให้ทำร้ายเขาก็ไม่ได้


    กว่าเขาจะยอมปล่อยมือผิวฉันก็เเดงไปหมด


    เจ็บขาจังเลยอ่า

    เลียปากที่ติดรสครีมมาจางๆ หยิบเค้กมาอีกชิ้นขณะที่กดรีโมตดับหน้าจอ ไม่ขอเสี่ยงเจอข่าวนี้อีกรอบเเน่

    อีกอย่าง

    ออลไมท์ เลือดติดที่มุมปากของคุณเเหน่ะ

    ยื้อได้เเค่นี้ล่ะมั้ง?


    “ดูเหมือนคุณฮีโร่จะบาดเจ็บนะ”


    พอพูดไปอย่างนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสีเเดงหรี่ลง ทำไมต้องมองเเบบไม่ไว้ใจอย่างน้ันด้วยเล่า

    “สนใจ?”

    “เปล่า” ฉันหัวเราะ “เเค่พูดตามที่เห็น”

    “หึ”

    เขาหันหน้ากลับไป หยิบจอยเกมขึ้นมา เอนศีรษะพิงขาฉันเหมือนเดิม อ่ะ ยังมาพิงซ้ำเเผลอีกเหรอ ใจร้าย

    เเต่จะทำอะไรได้นอกจากก้มรับชะตากรรมของตัวเอง ปล่อยให้เขาพิงขาต่อไป หยิบโทรศัพท์มาเล่น

    อีกครั้งที่เข้าไปดูในกล่องข้อความ

    ‘อยากไปดูดอกไม้ไฟด้วยกัน’


    ‘โช ผมอยากไปกับคุณจริงๆนะ’


    ล่าสุดเมื่อเกือบสองปีที่เเล้ว


    เอ๊ะ นานขนาดนี้เเล้วเหรอ

    ใช่สิ อีกไม่กี่เดือนก็จะสอบเข้ายูเอย์เเล้ว


    ‘โชซัง อย่าไปนะ’



    “หิวเเล้ว”



    หลุดออกจากความคิด โทมูระเลิกเล่นเกมเเล้วมานั่งข้างๆตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

    โซฟาอ่อนยวบลงตามการขยับตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็ขยับเข้ามาใกล้เเล้ว

    “หิว” เขาทวนซ้ำ

    ฉันมองนาฬิกา ตอนนี้บ่ายโมงกว่าเเล้ว

    วัตถุดิบในตู้เย็นก็มี...หมดเเล้วนี่

    “โทมูระคุงกินอาหารเวฟได้ไหม” ถามเพื่อความเเน่ใจก่อน ยังจำได้อยู่เลยว่าตอนยังเป็นเด็กน่ารักเอาเเต่ใจเขาไม่กินอาหารเวฟ ยัดไข่ลงไปเวฟเเทน ครัวเกือบระเบิด

    ตอนนี้โตขึ้นเเล้วเขาก็น่าจะ…


    “ไม่กิน”


    ...ไม่กิน

    คนคนนี้นี่...อายุเท่าไหร่เเล้ว น่าจะเลยวัยมัธยมไปเเล้วนะ ทำไมไอ้อาการไม่เอาอาหารเวฟนี่ถึงยังหลงเหลืออยู่ได้

    “หิวเเล้ว” น้ำเสียงเขาทวีความเอาเเต่ใจ


    ดวงตาสีเเดงจ้องเขม็ง


    ฉันอยากจะร้องไห้ อย่ากดดันกันเเบบนี้ซี่

    คิดมากไปเเล้วปวดหัวเลยเเฮะ


    “งั้นเดี๋ยวออกไปข้างนอกกันเนอะ”

     

    อือ ขี้เกียจจังเลยอ่า อยากนอนอยู่นิ่งๆเเท้ๆ

    หยิบเค้กหรูหรามาชิ้นหนึ่ง เตรียมอ้าปากจะกัด เติมน้ำตาลสักหน่อยเเล้วค่อยลุกไปเปลี่ยนเสื้อเเล้วกัน ----



    “อยู่นิ่งๆ”



    อย่างไม่คาดคิด


    ใบหน้าเคลื่อนเข้ามา สองเเขนค้ำยันโซฟา


    เหมือนทุกอย่างกลายเป็นภาพช้าๆ เบิกตากว้างทั้งที่ยังกัดเค้กค้างไว้ มองดูใบหน้าเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนริมฝีปากของอีกฝ่ายกัดเข้าที่เค้กชิ้นเดียวกัน

    ลมหายใจเฉียดผ่านเเก้มไปวูบหนึ่ง

    ‘หยุดงานอดิเรกเเบบนี้ได้เเล้ว’

    กว่าจะได้สติคืนมาเขาก็ผละออกไปเเล้ว

    ลิ้นตวัดเลียรสเค้กที่ติดอยู่บนริมฝีปาก


    “หวาน...”


    อยากกินก็หยิบอีกชิ้นก็ได้นี่นา

    ‘โชซัง ผมขอชิมนะ’

    ทำเหมือนโชโตะเลย

    ฉันกะพริบตา กลืนเค้กลงคอ

    ทั้งที่โทมูระบอกว่าหวาน เเต่ทำไมฉันถึงเฝื่อนคอล่ะ

    มองดูปฏิทินเเล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าอีกไม่กี่วันจะมีงานดอกไม้ไฟนี่นา ยังไม่ได้ซื้อชุดยูกาตะมาไว้เลย


    ‘เธอมันใจร้าย...ใจร้าย’


    ความฝัน


    รู้สึกว่ามันบ่อยขึ้นนะ?



    “โทมูระคุง ออกไปข้างนอกกันเถอะ”




    ...

    .......





    พอเดินผ่านร้านขายของพวกฮีโร่ถึงนึกขึ้นมาได้


    ลืมไปเลยนะว่าตอนนี้ฮีโร่ไม่ได้มีเเค่ในการ์ตูนตอนเด็กอีกเเล้ว เหล่าวิลเลินตัวร้ายก็เช่นกัน ในโลกที่ทุกคนต่างมีอัตลักษณ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ชีวิตประจำวันไม่ต่างอะไรกับฉากในหนังเเฟนตาซี  

    มีคนพูดไว้ว่า ‘มนุษย์ทุกคนต่างก็เป็นสีเทานั่นล่ะ’

    สีเทาที่เกิดจากสีขาวกับสีดำมาผสมกัน ขึ้นอยู่กับที่ว่าเเต่ละคนจะมีสัดส่วนของสีอะไรในตัวมากกว่ากัน

    วิธีพิสูจน์ก็เเค่…

    โยนอำนาจไปไว้ในมือ

    ซับซ้อนจังน้า เเต่ก็เพราะเป็นมนุษย์นั่นล่ะ

    ช่างเถอะ ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย

    เอาเป็นว่า

    หัวข้อที่อยากจะพูดจริงๆน่ะ


    การกลายเป็นฮีโร่ไม่ใช่เเค่ความฝันอีกต่อไป


    เงินเดือนโดยตรงจากทางรัฐ เสียงสรรเสริญจากประชาชน จะว่าไปก็เป็นค่าตอบเเทนที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนา โดยเฉพาะเรื่องเงินเดือนนั่นน่ะ ในตอนเเรกฉันก็สนใจอยู่เหมือนกัน

    อ่ะ

    เเต่เรื่องการถูกยกย่องอะไรนั่นไม่เอาด้วยหรอก

    ก็มันยุ่งยากจะตายไปนี่นา

    พอมาคิดดูอีกที...สาวน้อยอย่างฉันจะให้ไปทำงานเสี่ยงตายทุกวันเเบบนั้นได้ยังไง วิลเลินตัวใหญ่น่ากลัวอ่า

    เเล้วฮีโร่ต้องปกป้องประชาชนโดยรวม ห่วงสภาพบ้านเมือง เเล้วก็ไม่ทำร้ายวิลเลินถึงตายโดยไม่จำเป็นใช่ไหม? --- ไม่เหมาะเเหงๆ ไม่เหมาะสุดๆ การที่ต้องต่อสู้จนตัวเองเจ็บตัวไปเรื่อยๆเพราะไม่อยากพลั้งมือฆ่าน่ะ

    วิลเลินเป็นมนุษย์

    หลักศีลธรรมในใจข้อที่เท่าไหร่ไม่รู้  

    ไม่ว่าจะฆ่าใครก็ต้องรู้สึกผิดบาป...


    อ๊ะ


    เนื้อหาที่อยากจะพูดไม่ใช่อย่างนี้สิ


    อืมๆ งั้นเอาใหม่อีกที


    ที่อยากจะพูดถึงจริงๆน่ะ



    “ยะ...ยูเมะซัง! รอเดี๋ยวก่อน!!”



    คือเรื่องเกี่ยวกับเด็กที่อยากเป็นฮีโร่


    “ยูเมะซัง...คนที่อยู่ข้างๆนั่นใครครับ?”


    เเต่มีอัตลักษณ์เหมือนวิลเลิน

    อย่าง นี้ ยัง ไง ล่ะ



    “คือว่า...ไปหาที่คุยกันเถอะค่ะ”



    นี่นายน้อย อย่ากำเเขนฉันเเรงเเบบนี้สิ




    ….

    ……




    มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก


    หรืออาจจะสำคัญนะ?



    “ยูเมะซัง...”



    ชักจะเริ่มเวียนหัวขึ้นมาเเล้วสิ

    ‘ยูเมะ...ฉันจะเรียกเธอว่ายูเมะ’

    ฟุบลงไปตอนนี้เลยได้หรือเปล่า

    คงไม่ได้สินะ


    “คะ...คนที่อยู่ข้างๆคุณเป็นใครครับ…”


    น้ำเสียงกับหน้าตาเขาเหมือนจะเสียใจ


    “เขาเป็น...คนที่ทิ้งไม่ได้ล่ะมั้งคะ?”


    ฉันอยากจะล้มลงไปตั้งเเต่ตอนนี้ เเต่ก็เหมือนจะทำไม่ได้เมื่อเเขนหนึ่งถูกจับเอาไว้เเน่นโดยนายน้อยโทมูระ โอ๊ย เจ็บจัง ถ้าทำได้คงบี้กระดูกฉันไปเเล้วมั้ง ทำไมไม่ถนอมกันเลย

    ถ้าให้พูดคร่าวๆคือตอนนี้ทุกอย่างไม่เป็นใจ

    จินตนาการถึงช่องตึกหนึ่งในฉากไถเงินเด็ก มีทางตันด้านหนึ่ง เป็นตึกที่มีผนังเก่าๆ เเล้วก็ของที่ไม่ใช้เเล้วรวมถึงขยะกองกระจายกันที่พื้น ฉันหาที่คุยได้ยอดเเย่สุดๆเลย

    พวกเรายืนกันคนละฝั่ง ฉันโดนนายน้อยจับเเขนไว้ไม่ปล่อยตั้งเเต่เมื่อกี้นี้ -- ที่ยืนตรงข้ามคือผู้ชายคนหนึ่งท่าทางมืดหม่น เขาสวมเสื้อฮู้ด เส้นผมดูรุงรัง ขอบตาดำคล้ำ ท่าทางเหมือนคนที่อุดอู้อยู่เเต่ในห้อง

    เอ ดูไปดูมาก็คล้ายนายน้อยเลยเเฮะ


    เรื่องก็คือเราเป็นคนรู้จักกัน


    เขามีปัญหากับทางบ้านนิดหน่อย

    กล่าวคือพ่อเเม่เป็นฮีโร่ พอมีลูกก็คาดหวังว่าลูกจะเป็นฮีโร่ เเต่ก็ได้ผิดหวังเมื่อรู้ว่าอัตลักษณ์ของเขาเหมือนพวกวิลเลิน --- ผิดหวังได้ไม่นานก็คลอดลูกตามมาอีกหนึ่ง ดูเหมือนจะโชคดีที่ลูกคนนี้เกิดมาพร้อมอัตลักษณ์ดีงาม

    ฉากต่อไปก็น่าจะเดาได้ไม่ยาก ปัญหาครอบครัวน่ะ เกิดการละเลยเเละลำเอียง เขาไร้ตัวตนในบ้านอันเเสนอบอุ่น

    ทุกอย่างเพราะอัตลักษณ์ที่คนมองว่ามันอันตราย

    เจ้าของก็รับกรรมไปสิ

    เขาไร้เพื่อน เเทบจะไม่มีใครอยากคบด้วย

    เลวร้ายขนาดไหน? ก็โดนเเกล้งประจำเพราะความมืดหม่น กลายเป็นสนามอารมณ์ ตัวต้นนำคือน้องชายสุดเลิศเลอของตัวเอง พ่อเเม่รู้เเต่ไม่ช่วยอะไร ถ้าให้พูดก็ไม่ต่างจากฉากกลั่นเเกล้งในโรงเรียนนั่นล่ะ

    เเต่หนักกว่าหน่อย

    ก็เพราะว่าทุกคนมีอัตลักษณ์นี่นา


    ภาพตัดมาที่สาวน้อยคนหนึ่ง


    เหมือนฉากในนิยายน้ำเน่า ชะตากรรมเกี่ยวพันให้เข้ามาเเก้ไขปมในใจอีกฝ่าย ให้กำลังใจด้วยน้ำเสียงกับรอยยิ้มอันสดใส ปลอบประโลมจนสุดท้ายก็ได้มาคุยกัน เกิดอีเว้นต์ให้ของขวัญต่างๆนานา

    หากดำเนินเรื่องต่อไปอีกหน่อยตามนิยายเเล้วพระนางก็น่าจะได้ลงเอยกันอย่างมีความสุข

    ก็นะ?


    “คนที่ทิ้งไม่ได้...งั้นเหรอครับ”


    น่าเสียดายที่นิยายจบเร็วไปหน่อย


    “ค่ะ”


    ตอบไปเเล้ว

    บรรยากาศอึดอัด มืดหม่น หม่นหมองสุดๆ

    ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์บีบคั้นเเบบนี้ด้วย



    “ผมไม่เชื่อหรอก!”



    ฟึบ!


    เเขนถูกดึงไปอีกข้าง


    “...ยูเมะซังต้องถูกบังคับอยู่เเน่ๆ!”


    ฉันคงทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดๆ

    นี่

    อย่ามาดื้อตอนนี้สิ


    “กะ...กลับกันเถอะครับ! ผมจะพาคุณหนีไปเอง!”


    เขาตั้งท่าจะดึงเเขนฉันเเล้วพาวิ่งไปจริงๆ

    ทว่าฉากหนีตามกันไปก็ไม่เกิดขึ้นเพราะมีนายน้อยดึงเเขนอีกข้างไว้อยู่ --- ตั้งเเต่เมื่อกี้เขาก็ไม่พูดอะไรเลย เอาเเต่จ้องเขม็งกับบีบกระดูกเเขนฉันอยู่นั่นล่ะ

    ฮึก เจ็บจังนะ เเรงผู้ชายสองคนเนี่ย ถ้าฉันตายโดยเเยกออกเป็นสองท่อนนี่ไม่ต้องสงสัยเลย


    ‘ผะ ผมจะพยายามนะครับ’


    “ยูเมะซัง...กลับไปด้วยกันนะครับ”


    ‘ถ้าผมช่วยอะไรคุณได้บ้างก็ยินดี…’


    “โทมูระคุง ปล่อยเเขนฉันก่อนได้หรือเปล่า”


    ช่วยไม่ได้ล่ะนะ?

    “มีเรื่องที่ต้องไปทำนิดหน่อยน่ะ”


    ดวงตาสีเเดงเบิกกว้าง ชั่วขณะเห็นหลากหลายอารมณ์ในดวงตานั้น เหมือนจะผิดหวังเเละเสียใจ

    เเต่เมื่อกะพริบตาเเล้วจ้องลึกเข้าไปอีกครั้ง ความรู้สึกด้านลบทั้งหมดก็ได้หายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    มือที่กำเเขนฉันค่อยๆคลายออก

    เรียวปากเเตกเเห้งเหยียดรอยยิ้ม



    “เลิกเล่นได้เเล้ว”



    เเค่ชั่วพริบตาเดียว


    ฝ่ามือเฉียดหน้าฉันไป เป้าหมายคือคนด้านหลัง

    กว่าจะรู้ตัว --- เขาก็กำรอบคออีกฝ่ายเเล้วบีบเเน่น

    มือที่ดึงเเขนฉันเพื่อที่จะพาหนีในที่สุดก็ตกลงข้างลำตัว ฉันยืนนิ่ง รู้สึกในหัวกลวงเปล่าไปขณะหนึ่ง เมื่อรู้ตัวก็กะพริบตาปริบ มองไล่ตามไปตั้งเเต่พื้นจนถึงร่างที่ค่อยๆเสื่อมสลาย

    เมื่อมีอำนาจอยู่ในมือ


    ในที่สุดก็หายไป


    อัตลักษณ์ของเขาไม่ได้เอื้ออำนวยต่อการต่อสู้ มาสู้กับนายน้อยตัวต่อตัวก็ไม่ต่างจากเดินเข้าหาความตาย

    เรื่องจบอย่างง่ายดาย

    ง่ายจริงๆเลยนะ

    ผ่อนลมหายใจขณะก้มลงไปเก็บจี้ที่กระเด็นตกลงพื้น โลมาสีเงินเปื้อนฝุ่นนิดหน่อยเเต่พอเช็ดก็กลับมาสว่างสะท้อนแสงเหมือนเดิม อือ จี้เล็กๆพวกนี้หล่นหายง่ายจะตาย ใส่ไว้ที่คอเหมือนเดิมดีกว่า

    ฉันถูกกระชากเเขนอีกครั้ง เหมือนจะถูกดึงให้ห่างจากที่คนตาย


    “...โกรธหรือเปล่า”


    ‘โกรธหรือเปล่า?’ น่ะเหรอ

    หันกลับไปมอง อัตลักษณ์ของนายน้อยปฏิเสธไม่ได้ว่าอันตราย เล่นสลายไปจนเหลือเเค่เศษแบบนี้


    “ทำไมพี่สาวต้องโกรธด้วยล่ะ?”


    อืม ถ้าเป็นคนปรกติจะไม่โกรธได้ไงล่ะ อาจจะโดนตบไปเเล้วด้วยซ้ำข้อหาที่ไปฆ่าคนรู้จักเขาเเบบนี้

    ในเวลานี้ฉันควรจะร้องไห้สักหน่อย เหตุการณ์เเสนเศร้านี่นะ เเต่น่าเสียดายที่ถึงพยายามยังไงน้ำตามันก็ไม่ไหลออกมาสักที อา พยายามขยี้ตาเเล้วนะ

    บางทีฉัน…



    “นี่ ไปดูดอกไม้ไฟด้วยกันนะ”



    ยิ้มไปจนถึงดวงตา น้ำเสียงร่าเริงอย่างที่สุด

    ก้าวฝีเท้าจนไปยืนอยู่ข้างเขา ดวงตาสีเเดงที่กำลังไหววูบทำให้ต้องเลื่อนไปจับมือเขาเเน่น อือ ยังเป็นเด็กเหมือนเดิมเลยนะ ความจริงเอาเเต่ใจบ้างพี่สาวก็ไม่ได้ว่าหรอก

    ผลข้างเคียงจากอัตลักษณ์ฝันร้ายที่น่ารำคาญ


    ‘ถึงบอกว่าช่วย...เเต่ผมควบคุมอัตลักษณ์ไม่ได้ ถ้ายูเมะซังมาอยู่ใกล้ๆผมอาจจะฝันร้ายไปด้วยก็ได้’


    หลัง ๆ มานี้ฉันฝันบ่อยมาก ๆ เลยล่ะ


    ‘ตะ...เเต่เเค่นี้ก็พอหรือครับ เเค่ทำให้เด็กคนนั้นฝันร้าย ---’


    อาจจะเริ่มฝันมาตั้งเเต่สองปีที่เเล้ว


    “ขอบคุณนะโทมูระคุง”



    พร้อมกับตัวเอกของเรื่อง

    คนธรรมดาคงรับฝันร้ายตลอดสองปีไม่ได้หรอก


    เข้มเเข็งมากเลยล่ะ อิซุคุคุง



    น่าเสียดาย



    แต่ถึงจะมีฝันร้ายไปก็ไร้ประโยชน์สินะ?




    …..

    …….........




    ‘โช ผมอยากไปกับคุณจริงๆนะ’


    ลืมตาขึ้นมาอย่างง่วงงุนบนโซฟาในห้องนั่งเล่น

    กระพริบดวงตาปรับภาพให้ชัดขึ้น เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะมาดูเวลา อ่า ตอนนี้สองทุ่มกว่าเเล้ว

    นายน้อยบอกว่าวันนี้เขาติดงาน

    หายไปตั้งเเต่เช้าเเล้ว

    ลุกขึ้นมาจัดผมที่ยุ่งเหยิง มองดูกล่องข้อความที่ว่างเปล่าก่อนจะกดดับหน้าจอ ไม่มีเมล์เข้ามาเลยนะ เหงาชะมัดเลย เป็นอีเว้นต์ฤดูร้อนทั้งทีเเท้ๆ งี้ฉันก็ใส่ยูกาตะรอเก้อเเล้วสิ

    อุตส่าห์เลือกลายผีเสื้อให้เข้ากับชื่อโช---



    “ฉันนึกว่าเธอจะออกไปข้างนอกเสียอีก”



    เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง

    ออลฟอร์วันโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ ให้เดาคงเป็นเพราะคุโรกิริหรือไม่ก็หนึ่งในอัตลักษณ์ที่เขามีอยู่ เขายังใส่สูทท่าทางภูมิฐานเหมือนเดิม ผมสีสว่างค่อนข้างยุ่ง คงไปทำงานดำมืดมาอีกเเหง

    มองดูถุงเค้กหรูหราที่เขาถือมาด้วย ฉันกะพริบตาปริบ ที่จำได้คือไม่เคยเห็นเขากินพวกของหวานสักครั้ง

    บางทีฉัน...


    “อีกไม่นานจะจุดดอกไม้ไฟเเล้วล่ะ”


    ยิ้มกว้างจนตาหยีลง

    ยังไงฉันก็ถูกทิ้งอยู่เเล้วนี่นา?


    “ขอไปดูที่ห้องคุณนะคะ?”


    เขาหัวเราะเสียงทุ้ม



    “ฉันตามใจเธอเสมอ”



    ถ้าให้เลือกสิ่งที่เกลียดที่สุดในตัวเขา

    ก็คงเป็นดวงตาที่ไม่เคยสะท้อนอารมณ์ใดเลย



    ….



    นั่งบนตักเขามันก็สนุกดี


    เบียดกันบนเก้าอี้เบาะนวมตัวใหญ่เเบบนี้ชวนให้นึกถึงตอนที่เขายังเป็นนายท่านผู้เย็นชา มองอะไรไม่เห็น เเล้วพอรักษาเสร็จฉันก็ชอบเกยไปบนตัวเขา กวนประสา---ไม่ใช่สิ เหนื่อยจนต้องนั่งพักบนตัวเขาต่างหาก

    เป็นความหลังที่...ที่ดีกว่าตอนนี้


    ‘ฉันอยากดูดอกไม้ไฟกับเธอ’


    พูดมาได้ยังไง

    เลียนเเบบนัตสึโอะเหรอออลฟอร์วัน

    เเล้วยังมามองเเบบนั้นอีก ขอเถอะ ขนลุกชะมัดเลย ไม่น่าหลวมตัวทำให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมเลยจริงๆ

    ว่าเเล้วก็เอนหลังทับเขาที่ทำตัวเหมือนเบาะรองนั่ง เอื้อมไปหยิบเค้กหรูหรามากิน อ๊า น่าหงุดหงิดจังเลยน้า

    นี่ไม่ต่างจากซื้อมาให้ฉันเลยไม่ใช่หรือไง

    “คนที่ฉันอยากดูด้วยไม่ใช่คุณสักหน่อย...” บ่นอุบ “วันนี้นายน้อยดันติดงานซะได้”

    “ดูกับฉันมันต่างจากคนอื่นยังไง”

    “ต่างที่คุณไม่ใช่ฤดูใบไม้ผลิของฉันไง”

    “อ้อ”

    เขาลากเสียงยาวเหมือนจงใจยั่วโมโห

    ถ้าอย่างนั้นก็สำเร็จเเล้ว ยินดีด้วย


    “โช”


    เขาเอาคางมาเกยไหล่ ลมหายใจเฉียดเเก้ม

    การใช้เสียงทุ้มนุ่มให้เป็นประโยชน์เหมือนเป็นงานที่เขาถนัด ไม่เเปลกใจเลยว่าทำไมเขาลวงคนได้เยอะนัก


    “ของขวัญจากฉัน”

    สร้อยของนัตสึโอะบนคอถูกปลดออกไป

    เเทนที่ด้วยสร้อยคอจี้ผีเสื้อดูเรียบง่าย


    บางทีฉัน…


    พลุหลากสีถูกจุดขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้ายามค่ำคืน เปล่งประกายสวยงาม เเต่งเเต้มสีสันให้คืนเทศกาลในฤดูร้อน


    ประกายหลากสีของพลุไฟสะท้อนในดวงตาของเขา


    “อือ...”


    ความนุ่มหยุ่นบดลงมา ขบกัดกลีบปาก เสียงที่เล็ดลอดออกมาทำให้ความรู้สึกวาบหวิวในท้องเพิ่มมากขึ้น ในหัวขาวโพลนไปหมด ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงจากภายนอก ความคิดทั้งหมดถูกลบล้างออกไป

    ไม่เหมือนกับการจูบในทุกครั้งที่ผ่านมา

    ลืมตาขึ้นมาในวินาทีที่เขาถอนริมฝีปากร้อนจัดออกไป เสียงหัวเราะทุ้มต่ำราวกำลังเจอเรื่องขบขันดังใกล้หู

    ราวกับกระซิบให้ได้ยินกันเเค่สองคน



    “...ฉันสงสารเหล่าฤดูใบไม้ผลิของเธอจริงๆ”



    ไกลออกไปราวสิบก้าว


    ดวงตาสีเเดงสั่นไหว



    “อาจารย์ ขอยืมตัวเธอหน่อย”





    …..





    ครั้งเเรกในรอบปีที่เขารุนเเรงกับฉัน


    กระชากข้อมือ ก่อนจะโยนลงบนเตียงอย่างเเรง

    เจ็บ จุก ความรู้สึกเเล่นพล่านไปทั้งร่างกาย เเทบจะไม่เหลือเเรงขัดขืนเมื่อเขาขึ้นคร่อม สองเเขนค้ำยันกักไม่ให้หนี

    เขาจับข้อมือฉันแรงมาก แรงจนแทบเรียกได้ว่าบีบ หรือหักกระดูก ข้อมือฉันแดงเถือก มันขึ้นเป็นรูปรอยนิ้วมือชัดเจน พรุ่งนี้คงจะกลายเป็นรอยช้ำน่ากลัว

    เขาดูโกรธ

    ไม่รู้สิ อารมณ์ปนเปไปหมด

    เงยหน้าสบกับดวงตาอันสั่นไหว กลืนความเจ็บกลับลงไปเเล้วยกมืออันอ่อนล้าขึ้นสัมผัสกับเเก้มเขา ลูบเเผ่วเบา ก่อนจะเเย้มรอยยิ้มให้อย่างเช่นทุกที


    “เป็นอะไรหรือเปล่า?”


    เขาเบือนหน้าหนีจากฝ่ามือฉัน

    “เธอ...ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือไง”

    ลมหายใจร้อนผ่าว น้ำเสียงของเขาติดสั่น

    เป็นกึ่งคำถามที่กำกวมจัง

    “ดอกไม้ไฟปีนี้สวยดีนะ โทมูระคุงเห็นมั้ย?”


    “ไม่ใช่!”


    เขาขัดน้ำเสียงเเหบเเห้ง

    “เธอกับอาจารย์...”

    ฉันกะพริบตา สงสัยเรื่องนี้นี่เอง

    จะว่าไปเเล้วฉันก็ไม่เคยบอกว่ารักษาอาจารย์ของเขาด้วยวิธีไหน ผ่านมาก็เกือบห้าหกปีเเล้วไม่นึกว่าเขาจะยังไม่รู้

    ออลฟอร์วันนะออลฟอร์วัน

    ‘เธอเป็นตัวอันตราย...’

    ทีเรื่องนั้นยังพูดได้เลยนี่นา



    “มันไม่ใช่จูบครั้งเเรกหรอก”



    ที่บอกว่าฉันเป็นตัวอันตรายเเล้วให้ทุกคนจับตาดูไว้น่ะ



    “ก็เพราะ...ฉันรู้สึกดีด้วยมั้ง?”



    เอนตัวขึ้นไป เอียงใบหน้าก่อนจะกดจูบเเผ่วเบาที่ริมฝีปากเเตกเเห้งแล้วผละออก ความร้อนยังติดอยู่ที่ปาก



    “ความจริงกับโทมูระคุงฉันก็จูบได้นะ”



    หยัดยิ้ม ตวัดลิ้นเลียรสหวานของเค้ก



    “ถ้ารู้สึกดี...จะใครก็ไม่ต่างกันนี่นา”




    รสเค็มปร่าของน้ำตากระจายไปทั่วใบลิ้น


    ในที่สุดเขาก็ล้มทับบนตัวฉัน ฝังใบหน้าลงเเถวไหล่ ความเปียกชื้นซึมผ่านเนื้อผ้าเข้ามาจนสัมผัสได้ อะ อึดอัดอ่า

    ถอนหายใจ ถึงจะตามสถานการณ์ไม่ทันเเต่ก็กอดตอบกลับไป สองมือลูบเเผ่นหลัง



    “ฉันชอบเธอนะโทมูระคุง”



     

    นี่



    ฉันพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ






    ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ?









    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    ฤดูร้อนต้องมีอีเว้นต์ใช่ไหมล่ะ(⊙◞౪◟⊙)


    โฮะ โฮะ โฮะ *หัวเราะ*



    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    โช : อ่ะ...

    โช : ฟังที่นายท่านเตือนก็ดีอยู่เเล้วเเท้ๆ



    *ทั้ง19ตอนที่อ่านมาทั้งหมดคือส่วนที่ค่อนข้างสำคัญในชีวิตโชค่ะ

    ความจริงมันมีเยอะกว่านี้นะ (คนที่เข้าหาโชตั้งเเต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ไม่ได้มีเเค่นัตสึโอะด้วย)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×