NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #14 : ลังเล [2/2]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.51K
      533
      10 พ.ย. 63


    [11.5] ในใจ


    เหมือนมีดวงดาวข้างในนั้น



    จริงๆนะ ตอนที่พูดว่าจะค้างด้วยน่ะ เขาโผล่พรวดออกมาจากผ้าห่มทันที เเม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งเเต่ดวงตาเขามันเป็นประกายเลย วาววับจนชวนให้นึกถึงอัญมณีราคาเเพง ยิ่งกว่านั้น ถ้าไม่ได้ตาฝาดไปฉันเหมือนเห็นดอกไม้รอบๆตัวเขาด้วยล่ะ

    เขาเหมือนจะจ้องฉันตลอด คล้ายกำลังจับผิดว่าฉันล้อเล่นไหม กระทั่งจนอาบน้ำเสร็จเตรียมปิดไฟเข้านอนเเล้วก็ตาม ลำบากใจจัง ฉันดูเป็นคนไม่น่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ

    ห้องมืดสนิทเมื่อดับไฟลง เเสงจากข้างนอกลอดผ่านเข้ามาพอมองเห็น เเขนที่วางพาดมาบนตัวทำให้ฉันเเปลกใจนิดหน่อย เห กอดพี่สาวเหรอ น้วยกลับได้ไหมเนี่ย

    จนถึงตอนนี้ก็ไม่น่าเชื่อว่าตัวเขาจะกล้าเข้ามาหาฉันขนาดนี้ มันเพราะอะไรกัน


    อิทธิพลสะพานเเขวนเหรอ


    ไอ้ที่ว่าไม่ได้ใจเต้นเพราะชอบ เเต่เป็นผลจากตัวกระตุ้นอื่นๆ อ่า นี่มันจุดจุดจุดคุงตอนเจอกับนางเอกชัดๆ

    งี่เง่า

    “คุณเอาเสื้อผ้ามาจากไหน”

    “กระเป๋าที่ฉันถืออยู่มันเป็นกระเป๋าวิเศษ”

    ความจริง ในกระเป๋าฉันเตรียมเสื้อมาเผื่อชุดนึง ไม่รู้สิ เสียงในหูบอก ถึงไม่อยากเเต่ก็ทำเพราะหนวกหู ตอนเเรกไม่ได้ตั้งใจมาค้างบ้านหนูน้อยคนนี้เลยนะ จริงๆ เอาความจริงใจเป็นประกันเลย

    เขาถอนหายใจ เเต่ไม่ใช่การถอนหายใจเหมือนทุกทีที่รู้ว่าฉันพูดเล่นหรือโกหก มันเหมือนเป็นการถอนหายใจอย่างโล่งอก สบายใจ อะไรเทือกนั้น

    เสียงกระซิบเหมือนพึมพำกับตัวเองดังเเถวๆไหล่

    “ที่จริงจะมาค้างเเต่เเรกเเล้วนี่...” เป็นน้ำเสียงที่ถึงไม่เห็นหน้าคนพูดเเต่ก็รู้เลยว่ากำลังอมยิ้มอยู่เเน่ๆ

    ไม่ ไม่ คือมันไม่ใช่เเบบนั้นสักหน่อย ที่บอกว่าจะกลับบ้านคือความจริงนะ ถ้าไม่เห็นเเก่ที่เขาวิ่งมา หอบ ตัวสั่นเพราะความหนาว กับมีเเผลที่เท้าฉันก็คงไม่ได้อุ้มมาส่งนี่ เเล้วก็คงจะได้กลับเเล้วด้วย

    ที่ฉันขอค้างด้วย เพราะ...เพราะอะไรวะ นั่นสิ เพราะอะไร ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

    เขาเงียบไป ไม่ใช่เผลอหลับ ฉันยังรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมาอยู่เลย นี่เป็นเวลาที่เด็กดีควรนอนไม่ใช่หรือไง

    เเค่สักพัก เขาพูดขึ้น

    “ผมนอนไม่หลับ”

    “คิดว่าฉันนอนหลับหรือไง”

    “อือ...” เขาขยุกขยิกตัวไปมา ก่อนจะขยับตัวเข้ามาใกล้ อีกนิดเดียวก็จะรวมร่างกันอยู่เเล้ว “มาอยู่กับผมเเบบนี้ก็เหมือนว่าคุณทิ้งเขาน่ะสิ”

    ทิ้งเหรอ ฉันเนี่ยนะ


    “ฉันไม่ได้ทิ้งเขา”


    ‘เธอมันใจร้าย...ใจร้าย’


    ปวดหัวจัง รู้เเบบนี้น่าจะ....


    “โชซัง” คราวนี้ โชโตะคุงกำเสื้อฉัน “โชซัง...โชซัง”


    ในความมืด ฉันกลอกตามองเพดาน  รู้สึกคำว่า ‘โช’ เป็นคำที่ไม่เข้ากับฉันเลย เเต่ทำไงได้ เซ้นส์การตั้งชื่อฉันมันห่วยเเตก

    ถึงจะเป็นเด็กชายหน้าตาน่ารัก ตาสองสีกลมเเป๋ว ผิวขาวๆ เเก้มยุ้ยๆ ปากจิ้มลิ้ม ชอบตามติดเหมือนลูกเป็ด -- ก็ได้ ตอนที่ถูกเรียกด้วยเสียงเล็กๆนั่น คำว่าโชมันก็ไม่เลวร้ายนักหรอก    


    “เด็กอีกคนที่คุณดูเเลอยู่นิสัยเป็นยังไง”


    เขาถาม น้ำเสียงเรียบเหมือนกำลังพูดถึงเรื่องปรกติในชีวิตประจำวัน น้ำเสียงที่เดาไม่ได้ว่าเขารู้สึกยังไง ดีหรือไม่ดี บางครั้งมันก็น่าหงุดหงิดหน่อยๆนะเพราะนิสัยส่วนนี้ของเขาทำให้ฉันนึกถึงน้องไค

    “โชซัง” เสียงเล็กๆย้ำอีกครั้ง มือกระตุกชายเสื้อไม่เปิดโอกาสให้ฉันเปลี่ยนประเด็นหนี “เด็กที่คุณดูเเลอีกคนน่ะนิสัยเป็นยังไง...ผมอยากรู้ นะครับ”

    ฉันลูบผมสองสี สัมผัสนุ่มเหมือนขนเเมวทำให้ความคิดในหัวเบาลง สุดท้ายมันก็จางหายไป ยังไงซะพวกเขาก็เป็นเด็กคนละคน เเค่คล้ายเเต่ไม่เหมือนสักหน่อย

    “เด็กคนนั้น...จะว่าไงดี เขาค่อนข้างเอาเเต่ใจเลยล่ะ บางครั้งก็ดื้อ บางครั้งก็ดีจนรับมือไม่ถูก...”

    ฉันหลับตานึกถึงนายน้อย ตอนนี้จะล็อกห้องไปเเล้วหรือยัง กินยาหรือยัง นอนเเล้วหรือยัง นิสัยเด็กเเบบนั้นน่าเป็นห่วงจริงๆ ถ้าต่อไปได้อยู่คนเดียวจะเอาชีวิตรอดยังไงเนี่ย วิลเลินคนไหนจะทนไหว

    จนกว่าจะถึงตอนนั้น… “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเลิกทำงานกับเขาไม่ได้ ฉันทิ้งเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก”


    เอาอีกเเล้ว


    ความจริงก็เเค่ต้องการหาที่พักใหม่ไม่ใช่หรือไง ออลฟอร์วันคือเป้าหมายหลัก ที่ไม่คิดคือจะได้ทำงานเลี้ยงเด็กอีก


    “ผมเป็นเด็กดีนะ”


    อะไรล่ะนั่น นำเสนอข้อดีตัวเองเหรอ


    “ไม่ดื้อด้วย”


    ถ้าไม่ดื้อป่านนี้ฉันได้กลับบ้านเเล้ว


    “อัตลักษณ์...ผมถูกชมเรื่องอัตลักษณ์ด้วย”


    ส่วนเด็กคนนั้น...อา เรื่องน่าเศร้าไม่ควรพูดถึงอีก


    “เเล้วโชโตะคุงก็น่ารักมากๆด้วย”


    ฉันดึงเเก้มยุ้ยๆก่อนที่เขาจะพูดถึงข้อดีของตัวเองไปมากกว่านี้ เด็กชายโชโตะตอนเด็กทำไมน่ารักอย่างนี้นะ อีกนิดเดียวพี่สาวก็จะหลงตายเเล้ว ไม่อยากให้โตเลย

    ฉันได้ยินเสียงหัวเราะ ถึงมันจะเเค่เล็กน้อยก็ตาม


    “ผม...สำคัญกว่าเด็กนั่น...เเล้วใช่ไหม”


    น้ำเสียงที่เริ่มเเผ่วเบาเลื่อนลอยทำให้ฉันก้มไปมอง พบว่าตาเขาเริ่มปรือลงเเล้ว มือที่กำเสื้อฉันอยู่ก็คลายออกกว่าตอนเเรก เป็นสัญญาณว่าเขากำลังจะหลับ ไม่เเปลกใจในเมื่อตอนนี้มันก็ดึกเเล้ว

    ฉันเลื่อนมือไปปิดดวงตาเขาไว้ ได้รับการตอบสนองคือเขาดิ้นจะมาเเกะมือฉันออก ทั้งที่ง่วงจนเเทบไม่มีเเรงเเล้วเเท้ๆ เด็กคนไหนกันที่บอกว่าไม่ดื้อน่ะ

    ฉันอดหัวเราะให้กับความดื้อดึงนี้ไม่ได้ ถึงเขาจะพยายามเอามือฉันออกยังไงมันก็ไร้ผล


    “ถ้าเป็นเด็กดีก็นอนได้เเล้วค่ะ”


    เท่านั้น มือเล็กๆที่พยายามจะเเกะมือฉันออกเเต่เเรกก็ตกลงเหมือนไร้เรี่ยวเเรงกระทันหัน

    ฉันผละมือออก มองดูเปลือกตาที่ปิดสนิทพร้อมกับลมหายใจที่ค่อยๆเเผ่วลงเเล้ว เสียงหัวเราะที่คิดว่าจะเก็บไว้ในใจก็ลอดออกมา เกือบหยุดตัวเองไม่ให้หัวเราะไม่ได้ ฉันนี่มันงี่เง่าจริงๆเลย

    ถ้าเป็นน้องไค...ถ้าเป็นน้องไคคงไม่ยอมให้ฉันปิดตาเขาง่ายๆเเบบนี้เเน่ ไม่ยอมเลยเชียวล่ะ

    เด็กที่ระแวงพลังของฉันอย่างกับอะไรดี..

    ถ้ารู้ว่าจะถูกทำให้หลับ จะยอมให้ฉันจับได้ยังไง?

    ช่างเถอะ

    บางส่วนที่คล้ายกัน เเต่ก็ยังไม่ใช่

    ฉันเอื้อมมือไปค้นกระเป๋าตัวเองที่วางไว้เหนือหมอน เพราะมีของไม่เยอะจึงไม่ยากที่จะเจอโทรศัพท์ -- ฉันหรี่ตามอง ตอนนี้สามทุ่มกว่าเเล้ว ให้ตายสิ มืดๆเเบบนี้ข้างนอกคงมีอันตรายเต็มไปหมด

    อีเมล์ที่เข้ามาล่าสุดคือช่วงบ่ายเเก่ๆ

    ตอนนั้นเพราะมัวเเต่สนใจเด็กชายโชโตะก็เลยลืมตอบจดหมายไปซะสนิท ไม่ไหวเลยๆ ฉันเนี่ยน้า

    กดนิ้วพิมพ์ประโยคบนหน้าจออย่างอารมณ์ดี


    : ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ :)      

    -- 21.15 น.


    หลังข้อความได้ถูกส่งไปเเล้วฉันซุกหน้ากับหมอน

    จะนอนอยู่นี่ดีหรือเปล่า จะให้ผู้หญิงอย่างฉันออกไปข้างนอกกลางดึกเเบบนี้เนี่ยนะ ฉันอ่อนเเอขนาดนี้ถูกทำร้ายขึ้นมาจะทำยังไง นายท่านคงเสียใจเเย่ที่หมอคนสำคัญเป็นอะไรไป

    เอ่อ เเต่ถ้าฉันไปตอนนี้นายท่านจะฆ่าฉันจนตายเเทนหรือเปล่า

    ฉันตัดสินใจ จะนอนที่นี่---



    ♪♪♫



    เเรงสั่นครืดจากโทรศัพท์ทำให้เปลือกตาที่กำลังจะปิดลงเมื่อกี้ต้องเปิดมาอีกที อย่างงัวเงียสุดๆเลย

    ฉันยันตัวลุกขึ้นจากฟูก จากนั้นกดรับ

    ปลายสายเงียบ ฉันได้ยินเเค่เสียงลมหายใจเเผ่วเบา


    “เป็นอะไร”

    [...ก...กลั...บ..]


    ฉันตั้งใจฟัง เสียงเมื่อกี้ยิ่งกว่าการกระซิบอีก

    บางทีใช้โอกาสนี้…

    ฉันชะงักเมื่อมีมือมาดึงเสื้อ

    -- ก้มลงไปมอง เป็นโชโตะที่พึมพำ ‘อย่าไป...’

    ท่าทางคงละเมอเฉยๆมั้ง


    [กลับ]


    มันเป็นเพียงประโยคสั้นๆ


    [...กลับมา...ได้เเล้ว]


    เสียงของเขามันเเหบ ฟังดูทรมาน

    ประโยค ‘ฉันติดธุระ’ ถูกกลืนลงคอ


    “กินยาหรือยัง”


    [ไม่...ไม่มาก็ไม่กิน]


    ดื้อไม่เข้าเรื่อง

    อยากตายนักหรือไง


    “เอาเเต่ใจจังนะ”


    [ประตูไม่ได้ล็อก]


    ไม่ได้ฟังเลยหรือไง

    ฉันกระตุกยิ้ม มืออีกข้างลูบกลุ่มผมนุ่มของเด็กอีกคน ลมหายใจสม่ำเสมอทำให้รู้ว่ากำลังหลับ ฉันนึกย้อนไปตอนที่ปิดตา เขาดันชิงหลับไปก่อนที่ฉันจะได้ทำอะไรอีก

    มือยังกำเสื้อฉันไม่ปล่อย


    “ถ้าบอกว่าตอนนี้พี่สาวกำลังติดธุระล่ะคะ?”


    [สัญญาเเล้ว]


    “ไม่เห็นจำได้เลยค่ะ”

    ฉันกลั้นยิ้มเมื่อนึกถึงใบหน้าดื้อรั้นของเขา อยากหัวเราะด้วยซ้ำ ทั้งที่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรตลกอะไร


    [โกหก]


    “โทรมาเพราะเรื่องเเค่นี้เหรอคะ"


    เขาเงียบไปพักใหญ่

    ก่อนที่เสียงอะไรสักอย่างจะลอดเข้ามาในสาย

    ลมหายใจฉันสะดุดขึ้นมา หัวเราะไม่ออก


    [กลับ--กลับได้เเล้ว...]


    น้ำเสียงเขามันสั่นกว่าปรกติ ประโยคขาดหาย

    ฉันหยุดมือที่กำลังเล่นผมอยู่ ในหัวเบลอไปพักใหญ่ ก่อนที่ต่อมาจะรู้ว่าเขาเป็นอะไรก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก



    [กลับมา...ฮึก...นะ...]



    ฉันเเกะมือเล็กที่ดึงเสื้อไว้ออก ค่อยๆลุกอย่างเเผ่วเบาไม่ให้สะเทือนถึงเด็กอีกคน อีกครั้งที่ไม่ได้นอนค้างจริงๆ


    “อือ”


    เขาที่กลั้นสะอื้น



    “จะกลับเเล้วค่ะ เพราะงั้นหยุดร้องไห้เถอะนะ”



    ไม่สนุกเหมือนที่คิดไว้เลย





    …...






    ‘โทโดโรกิคุงน่ะค่ะ...ที่มีสองอัตลักษณ์ เหมือนเขาจะเป็นเด็กมีปัญหา เขาเข้ากับคนอื่นในห้องไม่ได้เลย ในฐานะที่เป็นครูประจำชั้นห้องเขาดิฉันก็รู้สึกหนักใจ...’



    มันนานเเค่ไหนเเล้ว


    โทโดโรกิ โชโตะรู้ว่าคนอื่นมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยดีนัก ตั้งเเต่ที่เข้าเรียนมา เริ่มตั้งเเต่เพื่อนร่วมห้อง จนนานเข้าก็ลามไปถึงครู จนสุดท้ายก็กลายเป็นทุกคน

    พ่อที่เห็นเป็นเครื่องมือ เเม่ที่รังเกียจด้านซ้ายเขาจนเเทบเป็นบ้า --- โทโดโรกิไม่ปฎิเสธที่ตัวเองเป็นเด็กมีปัญหาเพราะรู้ดีอยู่เเก่ใจว่ามันคือความจริง

    ถึงจะมีพี่ฟุยูมิ มีพี่นัตสึโอะ เขาก็ยังเป็นเด็กมีปัญหาไม่เปลี่ยน ความทรงจำวัยเด็กยังตามหลอกหลอนทุกครั้งที่หลับตา ภาพของพ่อที่ทำร้ายเเม่เพราะเข้ามาขวางการฝึกซ้อม เเม่ที่พร่ำบอกว่าเขาเหมือนพ่อมากเกินไปจนน่ารังเกียจ

    สายตาที่มองมา คำพูดลับหลังของคนอื่น

    นานเเค่ไหนเเล้วที่เขาไม่ได้สนใจ

    นานเเค่ไหนเเล้วที่เขาไม่สนใจว่าจะถูกทิ้งอีกครั้ง



    มันนานเเค่ไหนเเล้ว



    “เอาเเต่ใจจังนะ”



    ผมดึงเสื้อคุณไว้

    อย่าไปนะ อย่าไป


    “ถ้าบอกว่าตอนนี้พี่สาวกำลังติดธุระล่ะคะ?”


    ตอนนั้นผมดีใจมากเลยนะ 

    ดีใจมากเลยที่จะไม่ทิ้งผม



    “จะกลับเเล้วค่ะ เพราะงั้นหยุดร้องไห้เถอะนะ”



    เเต่เเล้วเเค่คุณได้ยินเสียงสะอื้นของเขา

    คุณก็ดึงมือผมออกอย่างง่ายดาย



    โทโดโรกิจิกมือเเน่น ชาจนสัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บ


    เขากอดตัวเองใต้ผ้าห่ม รสเลือดคลุ้งในปาก

    ความรู้สึกเเปลกๆมันเด่นชัดขึ้น


    ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ


    ไออุ่นของคุณยังหลงเหลืออยู่


    กลิ่นหอมของเเชมพูเเละครีมอาบน้ำ

    บนฟูก หมอน ผ้าห่ม




    เเม้คุณจะไม่อยู่ตรงนี้เเล้วก็ตาม





    …..





    “ผมเป็นเด็กดีนะ”



    ผมเป็นเด็กดีนะ จะเป็นเด็กดีของคุณ


    “ไม่ดื้อด้วย”


    ผมจะไม่เอาเเต่ใจเหมือนเขา จะไม่ทำร้ายคุณ


    “อัตลักษณ์...ผมถูกชมเรื่องอัตลักษณ์ด้วย”


    ผมเก่งนะ เเล้วเมื่อโตขึ้นผมก็จะเก่งมากๆด้วย




    ผมก็มีข้อดีนะ







    เเต่ทำไมคุณถึงทิ้งผมล่ะ








    : [Todoroki Shoto]





    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    นานเเค่ไหนเเล้ว -- (นานเเค่ไหนเเล้วที่ไม่สนใจคนอื่น + ถึงจะโดนทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกครั้งก็ไม่สนใจ)

    : เด็กที่ไม่เคยสนใจใครจนกระทั่ง...


    ☞ โลกคู่ขนานที่หลังจากเเม่ตาย อาการมีปัญหาของโทโดโรกิก็ยิ่งชัดเจนขึ้น


    นักเขียน : ฉากนี้คิดว่าต้องเขียนให้ได้เลยค่ะ 5555555555555555




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×