คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : พระเอก นางเอก ตัวร้าย ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปมันก็ไม่ใช่นิทานน่ะสิ
[08] พัวพัน
เด็กคนนี้เงียบมานานเเล้ว
บางทีอาจจะเงียบยิ่งกว่านายน้อยตอนที่เจอกันครั้งเรกอีก คือเขาไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย สิ่งที่เขาทำตั้งเเต่ฉันพาออกมานอกเขตบ้านเเล้ว คือ จับชายเสื้อฉัน จากนั้นเดิมตามต้อยๆเหมือนลูกเป็ด เพียงเเค่นั้น
พอออกจากอาณาเขตนั่นมาเเล้วคนก็เริ่มมากขึ้นจนรู้สึกได้ ฉันเห็นเขาสะดุ้งเเละหยุดไปหลบข้างหลังฉันเวลาคนเดินผ่านด้วย อืม นี่มันมากกว่านายน้อยอีกนะ เขาเคยออกจากบ้านบ้างหรือเปล่าเนี่ย
เเดดเริ่มร้อนขึ้น
ฉันหรี่ตาลงก่อนจะดึงตัวเขาไปหลบในที่ร่มใต้ต้นไม้ พากันนั่งบนม้านั่ง เมื่อกี้รู้สึกตาพร่าไปเลย ไม่ไหวๆ เเดดเเรงจนจะเป็นลม อีกอย่างก็เดินมาไกลพอสมควรด้วย ปวดขาไปหมด
ฉันเอนหลังพิงพนักม้านั่ง กวาดสายตามองไปทั่ว ดูเหมือนจะเข้าเขตคนพลุกพล่านเเล้ว ร้านค้าต่างๆก็เริ่มมีให้เห็น ติดอย่างเดียว เกมเซ็นเตอร์ไปอยู่ที่ไหน
ฉันส่งยิ้มให้อีกครั้ง พยายามเป็นมิตรมากจนรู้สึกเหมือนปากจะฉีก
“เรียกฉันว่าโชก็ได้นะ วันนี้จะเที่ยวด้วยกันใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่รู้จักชื่อก็คงเเปลกๆ”
“โชโตะ...เรียกผมโชโตะก็ได้” เขาเม้มปาก ยังคงมีความระเเวงในดวงตา “คุณ...ทำไมถึงมาชวนผมล่ะ”
“อะไรน่ะน้ำเสียงเเบบนั้น ฉันไม่ได้มีเจตนาไม่ดีนะ” ฉันเเบมือออกให้เห็นว่าไม่มีอะไรอยู่ในมือทั้งสิ้น ทำร้ายอะไรเขาไม่ได้หรอก “ความจริง...ฉันหลงทางเเล้วเผอิญเจอเธอเข้าพอดี”
เขาหันมาจ้องหน้าฉัน ดวงตาใสๆนั่นเหมือนกำลังจะบอกว่า ‘ผมรู้นะ’ อะไรประมาณนั้น ฉันแทบผงะ อันตรายสุดๆเลย นึกว่าจะเป็นพวกเด็กประเภทหัวอ่อนเชื่อคนง่ายซะอีก ผิดคาด
“คุณพูดความจริงไม่หมด”
อา ใช่ ใช่ เธอถูก
ฉันยิ้มเเหยทันที เเบบนี้ก็เเย่เเล้วสิ
“...เอ่อ ความจริงคือฉันเหงา ฉันอยากไปเที่ยวกับเด็กน่ารักๆ เห็นเธอที่มีรอยเเผลเหมือนกันก็เลยลองเข้าไปชวนดู ไม่คิดว่าเธอจะตกลง”
ฟังดูเหมือนพวกโรคจิตชะมัด
“เเต่พี่สาวเป็นคนดีนะ เชื่อเถอะ”
เขาถอนหายใจ ทำหน้าเหมือนกับว่าได้ตัดสินใจผิดพลาดไป เช่น การตกลงมาเที่ยวกับฉัน อะไรกัน ฉันดูเเย่ขนาดนั้นเลยเหรอ อยากร้องไห้จัง
“ไม่น่าเชื่อถือเลย...คุณจะไม่พาผมหลงทางใช่ไหม”
คำพูดเด็กคนนี้ทำเอาฉันเเทบน้ำตาไหล
สายตาของเขาเหมือนกำลังมองเด็กปัญญาอ่อนสักคน เเละเด็กปัญญาอ่อนที่ว่านั่น...คือฉัน
โหดร้าย โหดร้ายมากๆเลย
อา นายน้อยมาช่วยเยียวยาที ฉันกำลังถูกโจมตีด้านจิตใจอย่างรุนเเรง
“โชโตะคุง...ที่บอกหลงทางน่ะเพราะพี่สาวเหม่ออยู่หรอก เหม่อมากๆเลยเดินมาถึงนี่ ความจริงเเล้วฉันเเม่นทางมากเลยนะ นอกจากนี้ฉันยังเดาเเม่นด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องหลงทางหรอก”
“อัตลักษณ์ของคุณเหรอ”
เขาทำหน้าสงสัย ในโลกที่คน80%มีอัตลักษณ์ คำพูดโฆษณาเกี่ยวกับตัวเองเเม้จะเกินจริงเเค่ไหนก็เป็นไปได้ทั้งนั้น กระทั่งบางคนก็มีอัตลักษณ์เหมือนฮีโร่ในหนังสือการ์ตูนวัยเด็กด้วยซ้ำ
ที่พูดไปจริงไหม ก็จริงนั่นเเหละ เเต่จะว่าเป็นอัตลักษณ์มันก็ไม่ใช่
“ก็...ไม่ใช่” ฉันยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก “พี่สาวไม่มีอัตลักษณ์อะไรนั่นหรอก”
ครั้งนี้เขาเอียงคอ ทำหน้าเเปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะกลายเป็นสีหน้าอื่น ดวงตาใสๆนั่นมืดลงเมื่อมองมาที่รอยมือบนคอฉัน เผลอเเตะมือเข้ากับดวงตาอีกข้างของตัวเองใต้ผ้าพันเเผล
“เเผลที่คอนั่น....ผมขอถามได้หรือเปล่า”
เขากะพริบตาปริบๆ สบตากับฉัน ยิ่งมองยิ่งใจสั่น น้องชายคนนี้โตไปน่าจะหน้าตาดีเป็นที่จับจ้องของสาวๆนะเนี่ย -- ลึกลงไปดวงตาสีเทานั่นกำลังมีความรู้สึกอะไรอยู่ฉันก็ไม่อยากจะใส่ใจ
“ถามได้สิ ถามได้ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” ฉันเเตะที่คอตัวเอง ยังคงมีความรู้สึกปวดหนึบเหลืออยู่ ส่วนความกลัวนั้น อา นั่นสิ ไปอยู่ที่ไหนนะ
“ฉันเป็นบ้าก็เลยบีบคอตัวเองน่ะ”
ฉันมองเขา เเล้วเขาก็มองฉัน
พอฉันยิ้มให้เเล้วทำหน้าประมาณว่า ‘ฉันพูดจริงนะ ฉันเป็นบ้า ไม่เชื่อเหรอ’ เขาก็เบือนหน้าหนี เตรียมจะลุกขึ้นจากม้านั่งด้วยท่าทางเเบบว่า ‘ผมไม่รู้จักเธอ เราไม่รู้จักกัน อย่ามาใกล้นะ’ จนฉันต้องดึงเเขนเขาไว้
เขาหันกลับมาด้วยสีหน้าที่ เอ่อ เปลี่ยนไปนิดนึง? นิดเดียวเท่านั้น คือคิ้วเขาขมวดมาหน่อยนึง เเล้วปากจิ้มลิ้มก็เบ้ลง เเต่สำหรับบุคคลที่ในอนาคตหนังสือบอกกว่าเย็นชาหน้าตาย เพียงเเค่นี้ก็ทำให้รู้เเล้วว่าเขากำลังไม่พอใจ
“โชโตะคุงโกรธเหรอ”
“คุณพูดไม่รู้เรื่อง” เขาทำท่าจะสะบัดเเขนออก
ฉันกะพริบตา พยายามทำหน้าให้ดูน่าสงสารที่สุด ส่วนมือก็ยังยื้อเเขนเขาไว้อย่างนั้น ขออย่าให้เขาโมโหร้ายจนเเช่เเข็งฉันด้วยเถอะ ฉันเกลียดความเย็น
“ทำไมไม่เชื่อที่ฉันพูดล่ะ ฉันอาจจะบีบคอตัวเองจริงๆก็ได้นะ”
“ดูจากนิสัย คุณคงไม่ทำเเบบนั้น” เขามุ่ยหน้า “ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก การกระทำเเบบนี้ของคุณมันทำให้ดูไม่น่าไว้ใจ มีคนบอกหรือเปล่า”
เเทบจะกลายเป็นคนละคนกับเด็กขี้อายก่อนหน้าเลยเมื่อเริ่มหงุดหงิด เเต่ก็อย่างว่า เขาเป็นเด็กนี่นะ วัยกำลังน่ารักน่าชัง เสียงก็ยังไม่เเตก เเทนที่การดุเเบบนี้มันจะดูน่ากลัวก็เลยกลายเป็นน่ารักไปเเทน
เหมือนเด็กเอาเเต่ใจบางคนเลย
จากนั้นเขาเงียบไป การพูดยาวๆทำให้เขาหายใจไม่ทัน เเดดที่ร้อนเริ่มส่งผลต่อผิวขาวๆของเขา พวงเเก้มนิ่มขึ้นสีเเดงเรื่อ เหงื่อผุดซึมตามกรอบใบหน้า
ฉันยกมืออีกข้างขึ้นมาพัด อือ เมื่อกี้เหมือนจะละลาย เเต่ไม่ใช่เพราะเเดดหรอกนะ
เสียงท้องร้องดังขึ้น
เเบบว่า มันดังโครกเลย
เป็นช่วงเวลาพอเหมาะพอดีเลยกับที่เริ่มมีคนอื่นมานั่งที่ม้านั่งด้วย จุดประสงค์คือมาหยุดพักหลบเเดดเหมือนกัน
เสียงท้องร้องอาจจะไม่ดังมาก เเต่มันก็คงเข้าหูคนอื่นที่ว่าอยู่ดี พวกเขาเริ่มมองมา สายตาหลากหลายคู่มองฉันสลับกับโชโตะคุง
เด็กที่กำลังจะสะบัดเเขนออกเมื่อกี้นี้ยืนนิ่งเลย เชื่อไหม เขายืนนิ่งไม่ไหวติง ทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงท้องร้องเเล้วก็ไม่เห็นสายตาที่มองมาด้วย
เเต่ยังไงฉันก็เห็นอยู่ดีว่าเขากำลังอับอาย ใบหูนั่นเเดงก่ำยิ่งกว่าตอนที่ตากเเดดซะอีก ใบหน้าก็ด้วย
ฉันได้เเต่เม้มปาก กลัวว่าจะหลุดยิ้มหรือหัวเราะออกมา คิดในใจว่าน่ารักจัง น่ารักมาก มาให้พี่สาวกอดหน่อย
สักพักมือของเขาเริ่มค้นไปตามตัวเอง เริ่มจากกระเป๋ากางเกง กระเป๋าเสื้อ เหมือนจะหาอะไรบางอย่าง ซึ่งดูจากดวงตาผิดหวังหน่อยๆเเล้วเขาคงหาไม่เจอ
ให้ฉันเดา เขาคงลืมเอาเงินมาด้วย
ฉันมองดูนาฬิกาข้อมือ มันบอกเวลาเที่ยงกว่าๆเเล้ว หนึ่งในเวลาสามมื้ออาหารของคนทั่วไป
หลายคนเริ่มหมดความสนใจกับเสียงท้องร้องเเล้ว เเต่หลายคนก็ไม่ ส่วนหนึ่งจ้องมองมาเพราะสะดุดกับสีผมเเละใบหน้าของเด็กชาย ฉันรู้ เขาน่ารักมากใช่ไหมล่ะ
มองเขาที่นิ่งไม่ไหวติง ช่วยไม่ได้น้า
ฉันช้อนตามองเขา มือจับเเขนเล็กเเล้วดึงเบาๆเหมือนเรียกให้หันมามอง จากนั้นสบตาเเล้วเเย้มยิ้มที่ดูเขินอายที่สุด
“ขอโทษนะโชโตะคุง เมื่อกี้ฉันทำเรื่องน่าอายไปซะเเล้วสิ”
ในมุมมองของฉันคิดว่าตัวเองน่ารักมาก
ส่วนมุมมองของเขา อืม ก็คงคิดเหมือนกันนั่นเเหละ
….
……
“คุณน่ะ”
ตอนที่มาถึงร้านคาเฟ่กึ่งร้านอาหารเเล้วเขาก็พูดขึ้น
“อะไรเหรอ” ฉันเลิกคิ้ว “เมื่อกี้ฉันน่ารักใช่มั้ย”
ในการ์ตูนน่ะมีฉากเเบบนี้เยอะเลยเเหละ เวลาที่นางเอกทำอะไรที่เอ๋อมากๆ เเค่ช้อนตามอง ทำหน้าเขิน พูดเสียงหวาน ขอโทษนะ น่าอายมากเลยใช่ไหมจุดจุดจุดคุง -- ฉากหลังเป็นดอกไม้บานสะพรั่ง จุดจุดจุดคุงได้ถูกศรรักปักอกตกหลุมรักเเม่สาวจอมเอ๋อทันทีทันใด
“คุณทำไปเพื่ออะไร” เขาก้มหน้า เเก้มป่องขึ้น “เเล้วที่มาร้านอาหารเเบบนี้...”
“พี่สาวมีเงินจ่ายน่า ไม่ต้องห่วงๆ”
“ไม่ใช่...”
“งั้นเรื่องทางกลับ? ไม่เชื่อใจฉันเหรอ ฉันจำทางได้น่า”
“ผมก็จำทางกลับบ้านได้...อะ ไม่ใช่เรื่องนั้นสักหน่อย”
เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาจ้องมาที่ฉัน ไม่ใช่ที่ใบหน้านะ ต่ำกว่านั้น
“มีคนมองคอคุณนะ”
อ๋อ เขามองรอยบนคอฉัน
ฉันหลุบตามองตามสายตาเขา เเตะเข้าที่รอย อ่า ยังไม่หายไปอีกเหรอ นานเเล้วนะเนี่ย บทจะเป็นสาวน้อยบอบบางก็บอบบางเกินไปนะ ดูสิ เป็นรอยช้ำม่วงเเบบนี้คนอื่นคงคิดไปในทางไม่ดีเเล้วเเน่นอน
“ถึงเลือกมานั่งมุมที่ไม่ค่อยมีคนไงล่ะ”
ภายนอกฉันเเค่ยักไหล่ ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่สาวไม่ได้น่าจดจำอะไรขนาดนั้นสักหน่อย เดี๋ยวผ่านวันนี้ไปเขาก็ลืมเเล้วล่ะ”
เดี๋ยวเดินออกไปจากร้านก็จำอะไรไม่ได้เเล้ว เพราะงั้นอย่าคิดมากเลย
ไม่นานอาหารที่สั่งกับพวกเครื่องดื่มก็มาเสิร์ฟ โชโตะสั่งโซบะกับน้ำเปล่า ส่วนฉันเป็นชาพีชกับชุดอาหารเช้า หน้าตาอาหารน่ากินไปหมดเลย
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หิวไหม ไม่หรอก เเต่มนุษย์ต้องกินนี่นา
เห็นเขาดูอร่อยฉันก็จิบชาพีชอย่างอิ่มเอม มองชุดอาหารเช้าก่อนจะจิ้มไส้กรอกมาชิมนิดหน่อยก่อนจะวางส้อมลง เท้าคางกับโต๊ะจ้องหน้าเขา
เเสงเเดดที่เริ่มอ่อนลงลอดผ่านกระจกมากระทบกับซีกใบหน้าน่ารัก ดวงตาสีเทาเปล่งประกาย เเก้มป่องขึ้นเพราะอาหาร ปากสีเเดงธรรมชาติดูชุ่มฉ่ำ
ฉันรู้สึกปริ่ม คำว่าอิ่มอกอิ่มใจเป็นอย่างนี้นี่เอง
ซอสที่ราดโซบะเลอะมุมปากของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้ตัว ฉันก็เลยหยิบทิชชู่บนโต๊ะกะว่าจะเช็ดออกให้
เพี๊ยะ!
ที่ไม่ได้คิดไว้คือปฏิกิริยาตอบสนองของเขา
ทันทีที่กระดาษทิชู่กำลังจะเเตะบนคราบซอส -- มันรวดเร็วมาก การกินหยุดชะงัก เขาขยับตัวเเล้วปัดมือฉันให้ออกห่าง เเรงของเด็กไม่มากไม่น้อยเเต่ก็ทำให้รู้สึกเเสบ
มือข้างขวาของเขามีไอเย็นลอยขึ้นมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจก่อนที่ต่อมาจะสั่นไหว
ฉันหลุบมองมือของตัวเอง ก่อนจะพบว่ามีชั้นน้ำเเข็งบางๆเคลือบเอาไว้เกือบครึ่งท่อนเเขนเเล้ว
ดีนะที่อยู่ในมุมอับสายตาคน
ฉันมองก่อนจะใช้มืออีกข้างปาดน้ำเเข็งที่เกาะอยู่ออกไป จากนั้นเช็ดคราบด้วยทิชชู่
พอลองขยับ เเขนรู้สึกชานิดหน่อย เเต่ก็เเค่นั้น
ผ้าพันเเผลที่ใบหน้าของเขาหลุดออก
ดูเหมือนว่าตอนที่เขาปัดมือฉันออก อืม มันคงหลุดรุ่ยตั้งเเต่ตอนมุดออกมาจากพุ่มไม้ตอนเจอกันครั้งเเรกเเล้วมั้ง พอมาโดนอะไรเกี่ยวอีกเลยหลุด อาจจะเป็นมือฉันก็ได้
การตอบสนองเมื่อกี้ไม่ได้เจ็บอะไรมาก ไม่เจ็บ ไม่มีอะไรด้วยซ้ำ เเค่รู้สึกเย็นกับชานิดหน่อย -- ฉันคิดเเบบนั้น เเต่ดูเหมือนเขาจะไม่คิดอย่างฉัน ตอนนี้ก็เลยก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกผิด
ฉันถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน บางมุมเขาก็ให้ความรู้สึกคล้ายนายน้อยจริงๆ
“เงยหน้าขึ้นมาดูก่อนสิโชโตะคุง”
จากนั้น อา เขาเงยหน้าขึ้นมาจริงๆด้วยล่ะ
วินาทีนั้นฉันรู้สึกหน้ามืดเหมือนจะเป็นลม
ดวงตากลมใสเหมือนมีม่านหยดน้ำบางๆในนั้น ดวงตาสีเทอร์คอยซ์เปล่งประกายคล้ายอัญมณี เเก้มขาวยุ้ยๆ ริมฝีปากที่ถูกกัดจนเป็นรอยฟัน
ดูน่ารักเเละน่าสงสาร อยากจับมากอดมาฟัด โอ๋ๆนะ มาให้พี่สาวปลอบมา
ใบหน้ารู้สึกเห่อร้อนจนอยากยกมือขึ้นมาพัด อยากจะละลายลงไปกับพื้น
ฉันพยายามผ่อนลมหายใจ กุมอกเเละเก็บอาการเพื่อคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้ ขอบคุณจริงๆที่เขาไม่มีอัตลักษณ์พวกอ่านใจคน
ฉันยื่นเเขนข้างที่เกือบจะถูกเเช่เเข็งออกไป ตอนนี้ความชาไม่เหลืออยู่เเล้ว
“เห็นไหม ไม่เป็นอะไรสักหน่อย”
“ขอโทษ”
“เธอไม่ผิดสักหน่อย” ฉันส่ายหน้า “เป็นฉันเองที่ผิด จู่ๆทำเเบบนี้ใครก็ต้องตกใจทั้งนั้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องขอโทษหรอก”
ฉันยิ้มอีกครั้ง จากนั้นหยิบทิชชู่มาเช็ดคราบซอสออกให้เขา
รอยเเผลเป็นกินไปเกือบครึ่งของซีกใบหน้า เเต่ยังไงล่ะ เขาก็ยังน่ารักอยู่ดี ยิ่งมองดวงตาเหมือนอัญมณีนั่นใจฉันก็ยิ่งถูกหลอมเหลว
มือเล็กลองเเตะใบหน้าข้างที่เป็นรอยเเผลเป็น ฉันเห็นเขาสะดุ้งนิดหน่อย
“อือ...เจ็บเเผล”
เชื่อไหม
ความคิดตอนเเรกที่ว่าจะปล่อยให้เเผลบนใบหน้าเขาเป็นไปตามธรรมชาติ ตอนนี้พังเละไปเลย
พังไปตั้งเเต่ตอนที่เห็นเขาน้ำตาคลอเบ้า กัดปากนิดๆด้วยความเจ็บ อยู่ดีๆฉันก็ผุดขึ้นจากที่นั่งของตัวเองอย่างหน้ามืดตามัว เอื้อมมือไปทาบบนใบหน้าของเขา เเล้วก็รักษา เยียวยาความเจ็บให้เด็กน้อยน่ารัก --
อา เวรเอ้ย อีกเเล้วเรอะ
ต่อไปนี้ฉันจะใจเเข็งเเล้ว มีหวังถ้านายน้อยรู้เรื่องเขาฉันโดนงอนเเน่ บางทีอาจจะโดนยึดห้อง โดนเกรี้ยวกราดใส่
เมื่อได้สติฉันก็ทรุดนั่งบนที่นั่งเดิมของตัวเอง เอนหลังเเละทำท่าเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น พี่สาวไม่ได้ตั้งใจนะ เมื่อกี้ตัวอะไรเข้าสิงก็ไม่รู้
“เมื่อกี้มันอัตลักษณ์ --”
“พี่สาวไม่มีอัตลักษณ์สักหน่อย” ฉันส่ายหน้าอย่างอ่อนล้า
เเวบหนึ่งเเอบเงยหน้าขึ้นมาดู เเผลเป็นเขาไม่หายไป เเต่อย่างน้อยสีหน้าเขาก็ดูดีขึ้น ไม่เจ็บปวดอีกต่อไป ดีเเล้วล่ะนะโชโตะคุง -- ฮึก ความรู้สึกผิดต่อนายน้อยเพิ่มมากขึ้นอีกเเล้ว…
เขาเเตะมือกับเเผลตัวเอง
“เมื่อกี้ผมถูกรักษาล่ะ เเผลไม่เจ็บเเล้วด้วย!”
ดวงตาของเขาเป็นประกายวิบวับ เหมือนเห็นหูกับหางออกมาด้วยล่ะ ตาฉันพร่าไปหมดเเล้ว กลับบ้านกับพี่สาวเถอะ
“สำหรับเด็กอย่างเธอเเผลร้ายเเรงน่าดูนะ”
สีหน้าตื่นเต้นร่าเริงเมื่อกี้ค่อยๆลดลง “อะ อืม”
กลับมาเหมือนเดิมอีกเเล้ว
“เป็นเรื่องที่ไม่อยากนึกถึงสินะ” ฉันหัวเราะ
โทโดโรกิ โชโตะ เป็นเด็กมีปัญหา
ความคิดหนึ่งอยู่ในหัว ฉันกะพริบตาลบมันออกไปเมื่อถูกเขาจ้องมาอีกครั้ง
“ยังสงสัยเรื่องรอยช้ำนี่อีกเหรอ?”
ฉันชี้นิ้วมาที่คอตัวเอง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเขาสะดุ้งเหมือนเด็กที่ถูกจับได้
“อืม ฉันไม่ได้บีบคอตัวเองอย่างที่เธอว่านั่นเเหละ” ฉันเท้าคางกับโต๊ะ สบสายตากับเขา จากนั้นก็เบนออกไปมองข้างนอกร้าน ตอนบ่ายเเก่ๆคนก็พลุกพล่านน้อยลง
ฉันเศร้าจนน้ำตาคลอ เกมเซ็นเตอร์ที่อยากไปมากคงต้องยกยอดไปวันหลัง ไม่รู้ว่าตอนนี้บ้านตระกูลโทโดโรกิจะพังไปเเล้วหรือยัง
“ฉันทำอะไรให้เจ้านายโกรธน่ะ เขาไม่พอใจ เเล้วก็อย่างที่เห็น แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ฆ่าฉันนะ อ่า เงินค่าจ้างก็ไม่น้อยเลยรู้ไหม สำหรับคนที่พอมีพลังนิดหน่อยอย่างฉันน่ะ”
ฉันเบนหน้ากลับมา กะพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ความเศร้าเมื่อกี้ออกไป ค่อนข้างจะงงนิดหน่อยเมื่อเห็นเขาทำหน้าเเปลกประหลาด อ๊า เธอจะกัดปากทำไมน่ะ
“อย่าทำหน้าเศร้าเเบบนั้นสิ ยิ้มหน่อย”
ฉันมองดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาบ่ายสาม เห เที่ยวนานเลยนี่ คุโรกิริอยู่ที่พักไหมนะ ถ้าไม่ล่ะ นายน้อยยิ่งมีสกิลทำอาหารต่ำเตี้ยอยู่ เรื่องมากอีกต่างหาก เขากินอะไรหรือยัง
--- หางตาฉันเหลือบเห็นอะไรสักอย่าง
ข้างนอกนั่น ท่ามกลางผู้คน เงาร่างเล็กๆที่สวมเสื้อฮู้ดสะดุดเข้ากับสายตาฉันพอดี เรือนผมสีฟ้ายุ่งๆโผล่ออกมา
เขาดูตัวเล็กเเละอ่อนเเอเมื่ออยู่ท่ามกลางคนมากๆ เดินไปทั่วเหมือนไร้จุดหมาย ท่าทางเหมือนกำลังหาคน
นายน้อย
“มีอะไรหรือเปล่า?”
เสียงเล็กๆดังเเทรกขึ้นมาฉันถึงพบว่าตัวเองกำลังลุกขึ้นจากที่นั่ง มองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย
ฉันยิ้มเเห้ง หัวใจเมื่อกี้ยังเต้นไม่หยุด เด็กที่เดินเตร่ข้างนอกนั่นนายน้อยไม่ผิดเเน่
“เหมือนเห็นคนสำคัญน่ะ เอ่อ เป็นเด็กที่เจ้านายฝากดูเเล ดูเหมือนว่าเขาจะมาตามฉันกลับ”
ฉันกลอกตาไปมา ท่าทางเหมือนคนมีชนักติดหลัง จะทำไงล่ะ อีกฝ่ายก็นายน้อย อีกฝ่ายก็เป็นเด็กที่ฉันลักพาตัวเอามา ลูกของฮีโร่อันดับสอง เกิดเด็กสองคนเจอะกันเมื่อไหร่ ตูม! ฉันโดนนายน้อยงับหัวเเน่
“โชโตะคุง คือว่านะ จำทางกลับได้หรือเปล่าเอ่ย”
ตอนเเรกเหมือนฉันได้ยินเขาพูดว่าจำทางกลับได้นะ
“คุณจะไปเเล้วเหรอ” เขาเอียงคอ มองฉันด้วยดวงตาเศร้าๆ “เเล้วผมจะกลับยังไงล่ะ”
“อ่า...อืม”
อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกเหมือนน้ำท่วมปาก ความดีกับความชั่วกำลังตีกัน ความชั่วบอกเธอเป็นคนลักตัวเขามานะ! ส่วนความดีก็โต้กลับจะทรยศนายน้อยอีกเเล้วเรอะ!
“ถ้าไปช้าจะโดนตีใช่ไหม”
เสียงมุ้งมิ้งจังน้า ไม่โดนตีหรอก เเต่จะโดนงอนตายหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
“ใช่ๆ โดนตี เจ็บมากเลยล่ะ”
เขาทำหน้าครุ่นคิด โคลงหัวไปมา ส่วนใจฉันก็เต้นตึกตักๆ อ้าว นายน้อยหายไปเเล้ว คงไม่หลงทางนะ
เผื่อไปโกรธใครเข้า ฉันไม่อยากจะคิดภาพตามมาเลย โศกนาฏกรรมชัดๆ
ในที่สุดน้องน้อยก็ดูเหมือนจะคิดได้ ดวงตาเขาเปล่งประกายขึ้นมา
เอ๋ ยิ้มด้วย คิดอะไรอยู่นะ
“ถ้าโดนตีก็ไม่ต้องกลับ”
เขายื่นมือมาจับชายเสื้อฉัน ช้อนสายตามอง
“ผมจะจ้างคุณเอง เพราะงั้นกลับกับผม นะ?”
มันก็เหมือนกับฉากๆหนึ่งในหน้านิทาน
ดอกไม้บานสะพรั่งเมื่อตัวเอกเเย้มรอยยิ้ม บริสุทธิ์ไร้มลทิน
แอปเปิ้ลสีเเดงสด
คำตอบหลุดออกมา
“อืม”
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
โช : เขาน่ารักมาก ฉันจะเป็นลม อยากพาตัวกลับตอนนั้นเลย!
โช : อยากกินหนมไหม พี่สาวมีเยอะเลยน้า *กวักมือเรียก*
ヾ(*´∀`*)ノ
------
นักเขียน : เราเป็นคนพิมพ์ตอบไม่เก่งค่ะ บางครั้งก็ไม่รู้จะพิมพ์ตอบยังไง กลัวนักอ่านตีความเข้าใจผิด *หัวเราะทั้งนั้มตา*
เเต่เราอ่านทุกคอมเม้นต์นะคะ!
ยิ้มเเก้มปริเลยล่ะค่ะเวลามีคนมาเเสดงความคิดเห็นเรื่องความน่ารักของนายน้อย นายท่านผู้เกรี้ยวกราด ยัยโชหล่อนเอาอีกเเล้วเหรอ55555
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ (。’▽’。)♡
ด้วยรัก จากนักเขียน
ความคิดเห็น