ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันเกิดใหม่เป็นคุณนางร้ายที่เข้าสู่ Bad End ไปซะแล้วล่ะค่ะ [ระบบ/เรท]

    ลำดับตอนที่ #3 : คุณนางร้ายอยากหนี

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 63


    **คำเตือน** Abuse/ การใช้ความรุนแรง


    เนื้อหาตอนนี้ค่อนข้าง เอิ่ม โรคจิต?? อย่าอ่านตอนกินข้าวเด็ดขาด!!



    ------------



    ฉันโดนหิ้วมาแดนปีศาจล่ะค่ะ



    หลังหักปีกถอนขนจน...ร่างเปลือยเปล่า(กัดฟัน) มันก็หยิบเอากระสอบป่านออกมาจากแหวน แล้วก็จับฉันยัดๆ เข้าไป จัดการดึงเชือกปิดปากถุงจนเหมือนจะเอาไปฆาตรกรรม 


    ฉันขยับแขนขยับขาแทบไม่ได้ อากาศหายใจก็น้อยนิด ดีที่ปีกพังๆ สลายไปเรียบร้อยเพราะสติแตกกระเจิง ไม่อย่างนั้นพวกมันต้องยัดเข้ามาในกระสอบด้วยแน่นอน 


    พอจัดการเรียบร้อยแล้ว ไอ้เด็กโรคจิต---เคียร์ ก็แบกกระสอบขึ้นหลังกลับแดนปีศาจ...ทั้งๆ ที่ดูแล้วน่าจะไม่เกินเด็กประถม แต่กลับพลังช้างเหลือเชื่อ ระหว่างที่เดินไปฉันแทบไม่เห็นเด็กนี่เหนื่อยหอบ หรือทำท่าจะวางกระสอบลงเลยสักนิด


    ...แต่ดูจากการที่จับฉันซึ่งวิ่งสุดชีวิตได้ในพริบตา ก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่


    พูดแล้วยังแค้นไม่หาย ฉันถูกลูกศรแทงเข้าอย่างจังไม่พอ ระบบยังถูกเผา ไม่นับไอ้พรบ้าๆ อีก เป็นบทเรียนวันแรกที่เจ็บแสบมาก มีโอกาสเมื่อไหร่จะฝึกมันทุกอย่างเลย เพราะถึงจะฟื้นฟูตัวเองได้ แต่ก็ยังเจ็บบัดซบอยู่ดี...แม่งเอ๊ย...ตอนถูกบีบคอเกือบจะลิ้นจุกปากแล้ว


    ฉันร่ายเวทรักษาทั้งน้ำตา...มึงนะมึง...


    พอเริ่มขยับตัวได้ ปัญหาต่อมาก็คืออากาศในกระสอบที่มีไม่พอ ฉันลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะแอบมุดหัวขึ้นมาเมื่อเชือกที่มัดกระสอบคลายลงจนเปิดเป็นช่องเล็กๆ


    แม้ตอนแรกจะไว้แอบอาลัยตัวเองเพราะคิดว่ากลิ่นมนุษย์คงจะดึงดูดปีศาจตนอื่นให้มาฉีกทึ้งร่าง---แต่พอเข้ามาในดินแดนจริงๆ กลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลยค่ะ


    อย่างแรก สิ่งก่อสร้างและที่อยู่อาศัยของพวกเขาคล้ายกับเมืองมนุษย์หลายอย่าง อาจจะมีบาร์กับร้านเหล้ามากหน่อย ร้านขายอาวุธเยอะอีกนิด แล้วก็มีร้านขายเนื้อที่แขวนชิ้นเนื้อสีแดงสดใหม่ไว้ให้เห็นจะๆ(จะคิดว่าเป็นเนื้อสัตว์ก็แล้วกันนะคะ) แต่นอกจากนั้นก็มีตลาด ร้านขายเสื้อผ้า ร้านอาหาร และอื่นๆ เรียงรายอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ 


    เงินที่ใช้แลกเปลี่ยนก็ยังเป็นพวกเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง รวมถึงพวกแร่หรืออัญมณีล้ำค่า โอ๊ยๆ ถ้าไม่นับผู้คนที่บ้างมีเขาแพะงอกออกมา บ้างมีหูแหลมเฟี้ยว บ้างมีหาง ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับมนุษย์เลยนะคะ ตัวเกมนี่มันยังไงกันเนี่ย---ไม่สิ ผ่านมาตั้งหลายร้อยปีเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอก


    อืม มีอะไรอีกนะ...อ้อ! ชีวิตพวกเขาเรียบง่ายมากเลยล่ะค่ะ แทบจะไม่ได้สนใจคนแปลกหน้าที่พลัดหลงเข้ามาด้วยซ้ำ บางพวกอาจจะแอบเขม่นแล้วก็แยกเขี้ยวใส่นิดหน่อย เดินมาชนไหล่แล้วก็พูดจาหาเรื่องบ้าง แต่ถ้ายอมๆ ไป ทำตัวน่ารัก แล้วก็เข้าตีสนิท---เรียบร้อย อาจจะได้เพื่อนใหม่เลยด้วยซ้ำ อย่างเมื่อกี้กลุ่มแพะกับสิงโตทะเลาะกัน ไม่นานก็ชวนไปดื่มแล้วล่ะค่ะ


    ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมองคนให้ออกด้วยนะคะ กับอมนุษย์ที่กลิ่นอายเต็มไปด้วยเลือดและการฆ่าฟัน แววตาชั่วร้าย บางทีสันติภาพก็อาจจะไม่ใช่คำตอบ


    (อย่างอิพวกเด็กเวรที่หิ้วฉันอยู่)


    อู้ว มีการท้าประลองด้วยล่ะค่ะ ...อะไรนะ? แย่งตำแหน่งเจ้าถิ่นแล้วก็เพื่อให้คนอื่นรับรู้ว่าแข็งแกร่ง ดูจะไม่สนเลยแฮะว่าเป็นกลางตลาดหรือแหล่งที่มีคนพลุกพล่าน แต่อมนุษย์ตนอื่นๆ ก็เหมือนจะชินชาไปแล้ว ใกล้ๆ ยังมีเจ้ามือพนันข้างว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะอีก เรื่องท้าประลองกับพนันอะไรแบบนี้คงจะมีให้เห็นบ่อยๆ สินะคะ ส่วนมากก็รับคำท้า สู้กันแฟร์ๆ อย่างมีศักดิ์ศรีด้วย


    ถ้าทายข้างถูกคงจะได้เงินเยอะน่าดู


    ฮือ เหรียญทองช่างล่อตาล่อใจเหลือเกินค่ะ


    “จับนกให้มันดีๆ หน่อยเคียร์” ไอ้เด็กหัวทอง---ยูรัสว่าพลางกดหัวฉันให้กลับเข้าไปในกระสอบเก่าๆ “มันจะบินหนีแล้ว”


    โอ๊ย อย่ากระชากผมนะ!


    ฉันขบกรามกรอด สบกับดวงตาสีแดงอย่างไม่ยอมแพ้แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะโดนหักปีกจนมีสภาพสะบักสะบอม จำได้นะคะว่าเคยบอกว่าเหม็นกลิ่นมนุษย์  แล้วไอ้มือที่ดึงๆ ผมฉันอยู่นี่มันอะไรเอ่ย? สัสเอ๊ย...อย่าให้กุมีโอกาสบ้างนะ จะทึ้งไอ้ผมทองๆ ให้หัวล้านเลย


    โอ๊ย!



    “สกปรก”



    ….มันดึงผมฉันติดมือไปกระจุกหนึ่ง


    มึง...มึง...


    ฉันน้ำตาคลอเบ้า กำหมัดแน่นใต้กระสอบ คิดว่าถ้าฝึกจนเทพเมื่อไหร่ หลังจัดการไอ้เด็กเคียร์เสร็จ ไอ้นี่จะเป็นรายต่อไปแน่นอน เตรียมตัวหัวล้านได้เลยมึง 


    แต่คิดไปเองหรือเปล่าคะว่าเด็กผีพวกนี้รู้ทางลัดเยอะ?...แล้วก็ไม่ค่อยมีอมนุษย์คนไหนมาป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ อืม มีพวกที่มองมาทางฉันแล้วน้ำลายไหลดูกระหายแปลกๆ ด้วย แต่ทั้งที่อาวุธครบมือ กลับทำแค่จ้องมอง ไม่เข้ามาหาเรื่องสักนิด


    ฉันได้ยินเสียงแว่วมา 


    “...พวกเลือดพิเศษนี่”


    เอาล่ะค่ะ ได้เบาะแสแล้ว


    ในเกมบอกว่าท่านหญิงเป็นพวกเลือดพิเศษ ถูกราชาบ้ากามจับไปก็เพราะมีเลือดพิเศษ ก่อนหน้านี้เจ้ายูรัสก็ชะงัก พึมพำว่าฉันเป็นเลือดพิเศษอีก อา ยิ่งสงสัยก็ยิ่งตากระตุกไม่หยุดเลยล่ะค่ะ


    ถ้าระบบยังอยู่...


    [กลับมาแล้วครับโฮสต์!!]


    ฉันตกใจเสียงจนสะดุ้ง


    เคียร์หันมาพูดเสียงเข้ม “หยุดดิ้น”


    แหม เหมือนว่ากุกลัวตายงั้นแหละ


    “หรือต้องให้หักกระดูกอีกสักท่อน?”


    .....


    ฉันมุดกลับลงไปในกระสอบ


    ก่อนจะถามระบบในใจ


    ยังไม่ตายหรือคะ?


    [โธ่! จะตายได้ยังไงล่ะครับ! ...แต่ก็ตายจริงๆ นั่นแหละ แฮะๆ...] ระบบหัวเราะแห้ง จากน้ำเสียงแล้วคงยังสะเทือนใจเรื่องเมื่อกี้ไม่หาย [เรื่องร่างน่าจะเกี่ยวกับฟังก์ชันสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มเข้ามานั่นแหละครับ---พอผม เอ่อ ตาย? ก็กลับมาเป็นระบบเหมือนเดิม แค่ติดต่อโฮสต์ไม่ได้จนกว่าจะครบเวลาฟิ้นฟูน่ะ]


    [แต่เป็นระบบสบายกว่านะครับ! ระยะสายตามันกว้างกว่านี่นา ตอนมีร่างมองได้ไม่ทั่วเลย...แล้วตอนถูก...ฆ่า...ฮือ! มันก็เจ็บด้วย!]


    ไม่ตายสินะ


    ฉันรู้สึกโล่งอกอย่างประหลาด


    แล้วฟังก์ชันสัตว์เลี้ยงนี่มีอย่างอื่นนอกจากเจ้าก้อนไหมคะ


    [เอ...เหมือนจะมีอยู่นะครับ? …มีกระต่าย นก ผีเสื้อ แมว---อย่างอื่นๆ ถูกล็อกไว้น่ะครับ เขียนว่า ‘ต้องสำเร็จภารกิจเลิฟๆ’ ก่อน...เอ๋ ภารกิจเลิฟๆ ?]


    หมายถึงให้หาเพื่อนใหม่เยอะๆ น่ะค่ะ ฉันกัดฟัน ช่างเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้ฉันสงสัยเรื่องเลือดพิเศษค่ะ 


    [งั้นผมจะเริ่มอธิบายตั้งแต่ต้นให้ฟังนะครับ!] 


    ระบบกระแอม ดูภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่สมเป็นระบบสักที 


    [จากข้อมูลบอกว่าการจะมีพลังในโลกใบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มนุษย์เข้ากับเวทมนตร์ได้เพียงไม่กี่ธาตุ นอกจากนั้นในการทำพันธสัญญายังอยู่ภายใต้กฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ยิ่งสิ่งที่สูญเสียไปล้ำค่ามากเท่าไหร่ พลังที่จะได้รับกลับมาก็มากเท่านั้น อย่างรัชทายาทแห่งโอเดล---อดีตคู่หมั้นของโฮสต์ ก็...เอ่อ...สูญเสียการสืบพันธุ์ไป เลยทำให้ใช้เวทมนตร์ชั้นสูงได้นิดหน่อยน่ะครับ]


    แค่เป็นหมันนี่นะ???


    อ๋อ ลืมไป อิเกมนี่มันเลิฟๆ ช่วยโลก...แล้วก็เป็นถึงว่าที่ราชา ไม่มีน้ำยาจะสร้างทายาทราชวงศ์ได้ยังไง 


    เดี๋ยวก่อน 


    ถ้างั้นสรุปคุณนางเอกได้มีลูกไหมเนี่ย หรือไปอุปการะมาอีกที...หรือโดนอิอัศวินบ้ากามมันแทงตายก่อน??


    [...นอกจากเรื่องสงครามอย่างคร่าวๆ เรื่องราวหลังจากตัวร้ายอย่างโฮสต์พบจุดจบก็ไม่มีข้อมูลเลยครับ ฮือ ตัวละครสามคนนี้ก็ด้วย] ระบบพูดเสียงจ๋อย [มนุษย์กับปีศาจใช้กฎแลกเปลี่ยนเหมือนกันครับ---แต่ก็มีคนหรือปีศาจส่วนน้อยที่เมื่อเกิดมาก็ได้รับความเอ็นดูจากเหล่าจิตวิญญาณ ได้รับคำอวยพร โดยยอมแลกเปลี่ยนกับของเล็กๆ น้อยๆ อย่างประสาทรับรสน่ะครับ]


    เอิ่ม….นี่น้อยเหรอ?


    แล้วก็ไม่ถามเจ้าของสักคำ แย่งไปดื้อๆ งี้เลย??


    [มีคำอธิบายว่า ‘สูญเสียรสชาติแลกกับการดูดกลืนพลังได้มากกว่าผู้ต่ำต้อยตนอื่นก็นับว่าคุ้มแล้ว’ ...ดังนั้นคนหรือปีศาจที่ว่าถึงไม่เคยรับรู้ถึงรสชาติหรือกลิ่นเลยน่ะครับ กินพอให้มีชีวิตอยู่ไปเฉยๆ---อีกชื่อจึงถูกเรียกว่าผู้สูญเสีย]


    [ส่วนเลือดพิเศษคือเหล่าคนที่เกิดมาพร้อมกลิ่นหอมหวาน อวัยวะทั้งภายนอกภายใน เลือด เนื้อ กระดูก ล้วนแต่มีรสชาติต่างกันออกไป---แต่พวกที่สามารถได้กลิ่นและลิ้มรสชาติได้นั้นมีแค่ผู้สูญเสีย ถ้าเป็นคนปรกติก็ไม่ต่างจากทานเนื้อมนุษย์หรือปีศาจธรรมดาหรอก]


    [อ๊ะ ตรงนี้เขียนว่าบางคนเกิดมาพร้อมความดึงดูดแปลกๆ ด้วยล่ะครับ]


    [ผู้สูญเสียบางคนกระหายและชอบแสวงหารสชาติมาก ดังนั้นในอดีตจึงเกิดการล่าพวกเลือดพิเศษอยู่บ่อยครั้งจนแทบจะหายสาบสูญ]


    [ยังไม่หมดแค่นั้น การเลิฟๆ กับพวกเลือดพิเศษยังสามารถเพิ่มขีดจำกัดทางพลังให้มากขึ้นอีก---แต่กลับกัน มันก็แลกกับพลังชีวิตของเลือดพิเศษที่ลดลงเรื่อยๆ ยิ่งพลังชีวิตน้อย ก็ยิ่งสูญเสียมากขึ้นเรื่อยๆ อายุไขอาจจะลดลงจนเสียชีวิตได้เลยล่ะครับ]


    หลักการมันคุ้นๆ อยู่นะ...คล้ายๆ เตาหลอมพลังในหนังจอมยุทธ์ป่ะ? แต่อิเกมนี่ให้-ติ๊ด-ถ่ายทอดพลัง


    [ลูกที่เกิดจากเลือดพิเศษกับผู้สูญเสียมีโอกาสได้รับคำอวยพรจากเทพธิดา และอาจจะสืบทอดเวทมนตร์ต่อจากพ่อแม่ ในอดีตถึงมีการคลุมถุงชนเพื่อให้ได้สายเลือดที่แข็งแกร่ง อย่างนางเอกของเกมมีธาตุแสง เมื่อเข้าโรงเรียนมาจึงกลายเป็นที่จับตามองจากหลายฝ่าย]


    [เลือดพิเศษหายากมาก]


    [และ...ง่ะ ข้อมูลที่เหลือถูกล็อกไว้หมดเลยครับ จะปลดล็อกได้ต้องทำภารกิจเลิฟๆ ก่อน] ระบบทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ [ฮะ...โฮสต์จะ...จะเป็นเพื่อนกับสามคนนี้ไหมครับ?]

     

    ฉันนิ่งคิด แต่ก็ไม่ได้คำตอบที่แน่นอน จึงหลับตาลงแล้วปล่อยให้ร่างกายที่บาดเจ็บได้ฟื้นฟู


    [โฮสต์ครับๆๆๆ]


    คะ?


    [โฮสต์มีเรื่องสงสัยอะไรอีกไหมครับ?]


    ....ทำไมระบบดูเลิ่กลั่กแปลกๆ?


    ตอนนี้ไม่มีหรอกค่ะ ฉันตอบ ถ้ามีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ ลงเรือลำเดียวกันนี่นะคะ ไม่ต้องเกรงใจ


    [โฮสต์เป็นคนดีมากเลย...] ระบบทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ [เมื่อกี้ระบบคิดอะไรดีๆ ออก ถ้าสำเร็จโฮสต์อาจจะเจ็บตัวน้อยลง...แต่มันตัดการสื่อสารชั่วคราว ฮือ! ผมเป็นระบบที่เห็นแก่ตัวมากเลย ถ้าโฮสต์เจอคนแปลกๆ อีก...]


    ตอนนี้เราถูกทิ้งทั้งคู่ ไม่ต้องไปสนเรื่องหน้าที่อะไรหรอก คิดแล้วก็โมโหนังเทพนั่น ทำตามที่คิดเถอะค่ะ แต่อย่าทิ้งกันนะคะ


    [ไม่ทิ้งแน่นอนครับ!!]


    ได้ยินเสียงติ๊ดลากยาวในหู จากนั้นจะเรียกยังไงก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับแล้ว อืม ไปแล้วสินะคะ ไปแล้วจริงๆ สินะ จากนี้ฉันต้องเผชิญหน้ากับสามปีศาจตัวคนเดียวโดยไม่มีเพื่อนให้โวยวายสินะ ต้องเอาตัวรอดจนกว่าจะได้ยินเสียงระบบอีกครั้งสินะ


    ว่าไปนั่น


    ฉันไม่เหงาเลยสักนิดค่ะ!


    อันที่จริง ระหว่างที่ติดต่อระบบไม่ได้ฉันก็ได้ค้นพบหลายอย่าง เช่นหน้าจอโฮโลแกรมที่จะเด้งขึ้นมาเมื่อนึกอยากดูสเตตัส แต่ข้อมูลทุกอย่างถูกจำกัดไว้แค่ในตัวเกมอย่างที่ระบบบอก ตัวละครที่ดูได้ก็มีแค่นางเอกกับเหล่าชายหนุ่ม และสรุปแบบคร่าวๆ ที่แทบไม่ได้ช่วยอะไร


    ส่วนข้อมูลของนางร้ายอย่างท่านหญิงมีให้เห็นแค่ชื่อ และสกิลที่เคยใช้ภายในเกม ส่วนอย่างอื่นนอกจากนั้นถูกเบลอไปหมด


    เวทมนตร์ดูเหมือนจะใช้ได้ทุกธาตุ แต่ถูกปรับเป็นเลเวล1ทั้งหมด ข้างหลังมีวงเล็บว่าคำสาปจะสลายไปตามพลังเลิฟๆ ...มีคำอธิบายวงเล็บแรกว่ายิ่งได้เลิฟๆ มาก คำสาปก็จะยิ่งหลุดเร็ว พลังกลับคืนมาเร็ว ---และมีคำอธิบายวงเล็บสองคือพลังเลิฟๆ จะได้จากการทำหน้าที่เลือดพิเศษ


    ซึ่ง เวรเอ๊ย ฉันลองใช้สกิล [ค้นหาตัวละครเลิฟๆ] ที่นังนั่นให้มาแล้ว ผลคือพบว่าท่ามกลางปีศาจทั้งหมด มีแค่เด็กสามคนนี้ที่เลิฟๆ ด้วยได้


    --กับคนที่เพิ่งฉีกปีกออก จับกุแก้ผ้า ยิงลูกศรเวทใส่ เผาระบบ ดึงผม ขู่ว่าจะหักกระดูก---อิควายยยย มึงบ้าป่ะเนี่ย?? ไม่ใช่ละครน้ำเน่านะโว้ย! ถ้าไม่มีฟื้นฟูกุตายห่าไปแล้ว


    ขนาดเพิ่งเจอหน้ายังขนาดนี้นะ ไม่นับที่เป็นแค่เด็กอยู่ เด็กอ่ะมึง เอ็นดูได้แต่มากกว่านี้ไม่เอา รู้จักคำว่าผู้เยาว์ป่ะ วัยนี้กุยังเล่นตุ๊กตาอยู่เลย


    [โลกนี้ไม่ผิดกฎหมาย!]


    กุไม่ตลกนะ


    [อย่าไปคิดอะไรมากมาย ถ้าอยากอยู่รอดก็ทิ้งศีลธรรมไปซะ! ขืนยังเล่นตัวข้าจะมีบทลงโทษให้แล้วนะ!]


    ส้นตีน




    (1)


    พวกเด็กผีเป็นเจ้าชายค่ะ


    เดาได้ไม่ยากเมื่อฉันถูกพามาปล่อยในสถานที่ที่หรูหรา และเมื่อคนรอบข้างรู้ว่าทั้งสามคนมาถึงก็ต่างกรูเข้ามา ไม่ ‘ท่านแม่ทัพรอสอนท่านอยู่ในสวนข้างนอก!’ ก็ ‘เจ้าชายจะหนีออกไปแบบนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!’ หรือ ‘ท่านโดดเรียนหลายครั้งแล้ว!’ ---ดูจากสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ของพวกเขาแล้ว เจ้าพวกนี้คงเป็นตัวปัญหาแน่นอน


    ฉันมุดอยู่ในกระสอบ แอบใช้โอกาสนี้มองซ้ายมองขวาหาทางหลบหนี ภาวนาให้พวกเขาบ่นพวกเด็กผีเยอะๆ จะได้ถ่วงเวลาให้ฉันแอบดอดออกไปได้...


    ก่อนที่จะได้ทำจริงๆ มือหนึ่งก็ยื่นเข้ามาในกระสอบ คว้าคอฉันก่อนจะดึงออกมาเผยร่างเปลือยเปล่าต่อหน้าประชาชี---ขาฉันลอยต่องแต่งกลางอากาศ ถึงได้รู้อีกอย่างว่าอีกฝ่ายสูงกว่าตัวเองไปมากโข


    ฉันตัวสั่นไปหมด


    ไม่รู้ว่าเพราะอับอาย หรือโกรธกันแน่


    ...เคียร์...อิเด็กเหี้ย มึงเอาอีกแล้วนะ


    มันกดมืออย่างแรงจนแทบจะสัมผัสถึงกระดูก ฉันกลืนน้ำลายไม่ได้ หายใจไม่ออก ลำคอแห้งผากทำให้ได้แต่ไอเสียงแหบแห้ง


    ฉันขบกราม นึกอยากจะพ่นเลือดใส่หน้ามันอีกรอบ ติดที่ก่อนหน้าเคยทำไปแล้ว และผลลัพธ์คือมันสะบัดหลังมือใส่หน้าฉันแทบจะปลิวไปติดกับต้นไม้ ทำเอาได้ยินเสียงดังกึกตอนกรามหักเลยล่ะค่ะ


    “เจ้านกนี่คืออาหารคนใหม่” 


    มันพูดหน้ายิ้มๆ คือหยุดพูดเองเออเองได้แล้ว กุตกลงไปเป็นอาหารมึงตอนไหนมิทราบ?? 


    “เอาไปทำความสะอาด แล้วก็เอาไปไว้ใกล้ๆ ห้องของข้า อ้อ มันค่อนข้างโง่ เพราะงั้นให้นกอีกตัวมาสอนสิ่งที่ควรทำด้วย”


    มันออกแรงบีบที่คอมากขึ้น ก้มมาจนชิดหลังใบหูแล้วกระซิบบางอย่างที่น่าจะเป็นคำเตือน---แต่มันแผ่วจนฉันไม่ได้ยิน แล้วก็สติแตกกระเจิงจนไม่รับรู้อะไรแล้ว


    ...อ่อก..อิควาย ปล่อยมือก่อน กุลิ้นจุกปากแล้วนะ บีบคอจนหน้าเขียวขนาดนี้มึงหยิบมีดมาแทงกุให้ตายๆ ไปเลยดีกว่า...


    มันพูดทิ้งท้าย



    “ดูแลดีๆ”



    ก่อนจะเขวี้ยงฉันไปให้คุณแม่บ้าน


    ...ก่อนจะบอกคนอื่น มึงบอกตัวเองก่อนเลย


    ฉันตาเหลือก ตัวอ่อนปวกเปียกไม่ต่างจากของเหลว เสียงของเหล่าข้ารับใช้หญิงรอบข้างดังจนปวดหู ฉันหมดแรงใจจะต่อต้าน ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกพาไปขัดสีฉวีวรรณในห้องอาบน้ำขนาดใหญ่แต่โดยดี 


    แต่ละคนขัดอย่างหนักมือจนแทบจะถลกผิวหนัง ผมเหนียวเลือดยุ่งๆ ก็ถูกจับสระชำระล้างกลิ่นเลือด เสร็จขั้นตอนแรกฉันก็ถูกเหวี่ยงไปหาอีกคน ผิวถูกชโลมด้วยอะไรก็ไม่รู้ลื่นๆ กลิ่นหอมฉุน ถูกนวดตัว นวดหน้า นวดจนจะกลายเป็นขนมปัง ขัดถูหมดทุกซอกทุกมุม


    ฉันเผลอหลับไป


    และเมื่อตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตัวเองมาอยู่ในห้องกว้างที่ใหญ่กว่าห้องพักเก่าๆ ในโลกก่อน ทุกอย่างถูกตกแต่งด้วยโทนสีสะอาดตา เฟอร์นิเจอร์ไม่เยอะแต่ดูแล้วมีราคาน่าดู---ในขณะที่กำลังน้ำลายไหล เลือกไม่ถูกว่าจะยกเค้าอันไหนก่อนดี ประตูก็ถูกเปิดออก 


    !!


    ฉันสะดุ้ง


    ...เชี่ย น้ำตาคลอทำไมวะ


    อิเด็กผีนั่นทำฉันกลัวขึ้นสมองแล้ว


    ฉันรีบกะพริบตา ก่อนจะกลั้นใจหันไปดูหาผู้มาใหม่----อีกฝ่ายเป็นหญิงสาวสวมชุดเมดกระโปรงยาว ใบหน้าสวยและใจดีแบบพี่สาวมีปานขนาดใหญ่กินไปครึ่งหนึ่ง เธอค้อมตัวให้เล็กน้อย ก่อนจะส่งยิ้มมาให้... 


    เชรดดดดดด ไม่ใช่อิเด็กนั่นโว้ยๆๆๆๆๆๆ


    ฉันรีบสำรวมกริยา ค้อมหัวทักทายไปแบบเดียวกัน ก่อนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง...


    ผมกุหอมขนาดนี้เลยอ่อวะ?? ผิวก็โคตรจะเนียน รอยถลอกเล็กๆ ตามแขนขาก็หายไปแล้ว ขี้ไคลหายเกลี้ยงสะอาดหมดจด เศษดินในซอกเล็บก็ไม่มี ร่างตัวเองที่ไม่เหมือนร่างตัวเอง? ชุดคลาสสิคโลลิต้าก็น่าจะแพงเอาเรื่อง---เอิ่ม...ประเด็นไม่ใช่เรื่องนั้น! นี่มันเหมือนกลับไปเป็นท่านหญิงตอนยังรุ่งโรจน์เลย สมแล้วที่ขัดแรงเหมือนจะให้เกิดใหม่ คุณแม่บ้านโคตรเทพ!!


    “ข้าแอนนา นูว์ค่ะ เป็นเผ่าปักษา...และเป็นเลือดพิเศษเช่นท่าน” เธอพูดยิ้มๆ ดูเรียบร้อย “ได้รับคำสั่งจากท่านเคียร์ให้มาดูแลท่านต่อจากนี้ หากสงสัยหรือมีอะไรโปรดใช้งานข้าได้ตามสบายเลยนะคะ”


    ฉันเคลิ้มกับรอยยิ้มจนมาสะดุดชื่อที่ปรากฎในประโยคที่สอง แอะ แค่ได้ยินก็ขมคอแล้ว


    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันเชย์...เรียกว่าเชย์ก็ได้ค่ะ เป็น...เอ่อ มนุษย์ที่ถูกจับมา” ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ลอบมองสีหน้าของเธอ “...ถ้าเผลอทำอะไรที่เสียมารยาทลงไปตักเตือนได้เลยนะคะ”


    แวบหนึ่งที่ดวงตาฉายแววแปลกใจ


    “เข้าใจแล้วค่ะท่านเชย์” เธอปิดประตู ก่อนจะก้าวเข้ามาในห้อง เปิดผ้าม่านให้แสงส่องผ่านเข้ามา และก้าวฉับๆ อย่างสง่าไป...ชงชา? มันมีชุดชงชาตรงนั้นด้วยอ่อ?? 


    อ๋อ เก็ทแล้ว แหวนมิติ


    “ส่วนเรื่องห้องพักของท่าน...ที่จริงแล้วท่านควรจะย้ายไปอยู่ในห้องใกล้ๆ กับท่านเคียร์ แต่เผอิญมีปัญหาเรื่องอาหารก่อนหน้---ความสะอาดนิดหน่อย จึงต้องมาอยู่ห้องนี้ชั่วคราวก่อนน่ะค่ะ ห้องอาจจะเล็กไปบ้าง แต่ขอให้อดทนไปก่อนนะคะ พรุ่งนี้น่าจะทำความสะอาดเสร็จแล้วล่ะ”


    ฉันตัวแข็งทื่อ วิญญาณแทบจะหลุดลอยออกจากร่าง “ไม่ย้ายได้หรือเปล่าคะ” ฉันพยายามยิ้ม แต่สุ้มเสียงแห้งแล้งเหมือนคนใกล้จะตาย “...ฉันถูกใจห้องนี้มาก ห้องก็ไม่ได้เล็กอะไรขนาดนั้น แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้วล่ะค่ะ”


    คุณพี่สาวเมดหยิบจานขนมมาวางบนถาด เสิร์ฟคู่กับน้ำชากำลังร้อนๆ ยังมีไอควันลอยเหนือแก้ว “ท่านเคียร์กำชับมาแล้ว คงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าท่านเชย์ชอบการตกแต่งของห้องนี้ ข้าจะไปจัดการให้นะคะ”


    แง พี่สาวไม่เข้าใจ...หนูเกลียดขี้หน้ามัน!!


    ฉันเป่าชาฟู่ๆ ก่อนจะยกจิบทั้งน้ำตา ขมขื่นจนไม่รับรู้รสชาติแล้ว ทว่าพอมาถึงขนมหวานอย่างคุกกี้ กลับแปลกใจที่เมื่อเอาเข้าปากแล้ว...


    โคตรอร่อย!


    อร่อยแสงพุ่ง หอมกลิ่นเนยสดมากๆ กรอบนอกนุ่มในแทบจะละลายในปาก ฮือ เพราะไม่ได้กินข้าวหรือเปล่าคะถึงได้อร่อยขนาดนี้ ปรกติฉันไม่ค่อยกินขนมแท้ๆ นะ


    คุณพี่สาวจ้องฉันไม่วางตา


    อะแฮ่ม คงตะกละไปสินะคะ คิดได้อย่างนั้นก็รีบเก็บไม้เก็บมืออย่างสงบเสงี่ยม ค่อยๆ เคี้ยวอย่างละเอียดละออ ทั้งที่ใจจริงอยากจะยกทั้งจานเทเข้าปากให้รู้แล้วรู้รอด 


    “แอนนาสนใจสักหน่อยไหมคะ? ขนมอร่อยมากเลยนะ นุ่มนิ่มกรุบกรอบหอมเนยสด ชิ้นนี้สอดไส้ช็อกโกแลตหวานๆ ด้วย….”


    คุกกี้ใส่ยาป่ะ?? ทำไมปากกุมันพูดไม่หยุดเลย??


    “อร่อยแสงพุ่ง!!”


    แอนนาตาโตไปแล้ว


    ฉันอยากกัดลิ้นตาย


    “ดีใจที่ท่านเชย์ชอบค่ะ” คุณพี่สาวหลุบตาลงไม่สบตา อมยิ้ม แก้มแดงปลั่ง “...ข้าชอบลองทำเอง แต่คนรอบข้างข้าไม่ค่อยสนใจของไร้ประโยชน์แบบนี้เท่าไหร่”


    “มันอร่อยจริงๆ นะคะ!” ฉันแทบจะยัดจานเข้าปาก “นี่แหละของมีค่า! ถ้าแอนนาเปิดร้านขนมฉันจะมาซื้อทุกวันแน่นอนค่ะ!”


    “ถึงโกหกไปข้าก็ไม่ดีใจหรอกนะคะ” ...พี่จะให้หนูกินจานจริงๆ ใช่ไหมคะ “แต่จะน้อมรับไว้ก็แล้วกันค่ะ”


    เอ่อ ตกลงยังไงนะ??


    “อาหารสำหรับมนุษย์ใช้เวลาเตรียมสักพัก ดังนั้นช่วยรอถึงพรุ่งนี้ด้วยนะคะ” รอยยิ้มของคุณพี่สาวกว้างกว่าตอนเดินเข้ามา “ข้ามีงานที่ต้องไปจัดการหลังจากนี้นิดหน่อย วันนี้เชิญท่านเชย์พักผ่อนตามสบาย ส่วนข้อควรปฏิบัติ สิ่งที่ท่านควรทราบ และการวางตัว รวมไปถึงบทเรียนต่างๆ ก็จะเริ่มในวันพรุ่งนี้เช่นกัน”


    “ไม่เกินความสามารถของท่านแน่นอนค่ะ” 


    เธอประคองมือฉันขึ้นมา….จูบหลังมือเหรอ??


    “พะ...พี่สาว?”


    ปากสั่นไปหมดแล้วค่ะ มือของคุณเมดนิ่มมาก น้ำเสียงก็นุ่มๆ ไม่ตะคอกไม่กดดัน ถ้าอิสามเด็กผีทำตัวให้สมเป็นเด็กบ้าง บางทีไฟแค้นฉันอาจจะลดลงนิดหน่อยก็ได้ ยังไงฉันก็เคยเลี้ยงน้องชายนะคะ


    “ตัวข้าไม่ได้เกลียดมนุษย์หรอกนะคะ”


    หน้า...ใกล้ไปแล้ว???


    “เช่นนั้นต่อไปนี้ก็ขอฝากตัวด้วย”


    เสียงประตูปิดดังแผ่วเบา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออกไปตอนไหน---มือทั้งสองข้างฉันค้างไว้ในท่าถูกจับประคอง หลังมือยังรู้สึกร้อนๆ ไม่หาย


    ฉันล้มตัวนอนแผ่บนเตียง ตามองเพดาน


    ก่อนจะยกมือปิดหน้า


    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก!!


    เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้นวะ ตามไม่ทันแล้วเนี่ย!! พี่ไม่ได้เกลียดหนูเหรอคะ ไม่ได้เกลียดหนูใช่ไหม ฮือออออออออ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ยินดีมากๆๆๆๆ หนูจะปกป้องพี่จากอิพวกเด็กเวรนั่นเอง หนีไปได้แล้วมาเปิดร้านขนมด้วยกันนะคะ หนูจะออกเงินให้ โอ๊ยยยยยยยยยย ทำไมไม่เป็นคนนี้ที่เลิฟๆ ได้ เสียดายอ่าๆๆๆๆๆ


    ฉันกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ขนมถูกกินจนหมดจาน น้ำชาก็ไม่เหลือสักหยด ฉันกระโดดไปทั่วห้องอย่างอิ่มเอม มองไปข้างนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มเจือสีน้ำเงิน---ฉันถึงเริ่มฝึกเวทมนตร์อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ไม่ไหวเลยค่ะ ไฟจุดได้น้อยเท่าไม้ขีด ดินได้ก้อนเล็กๆ ก้อนเดียว น้ำได้ไม่ถึงครึ่งแก้ว ส่วนลมอนาถสุด แทบจะไม่ออกมาเลยค่ะ 


    โล่ป้องกันตัวแทบไม่ต้องไปถามหา เทเลพอร์ตหรือวาร์ปก็ถูกล็อกไว้ นอกจากปีกสวยๆ (ที่จำฝังใจ) พลังชีวิตไม่จำกัด มิติเก็บของ แล้วก็การฟื้นฟู ก็แทบทำอะไรไม่ได้


    นี่มันกระสอบทรายชัดๆ !


    ฉันขบกราม ก่อนจะเดินไปทั่วห้องเพื่อหาของที่ใช้ป้องกันตัว ไม่งั้นก็อะไรแหลมๆ เผื่อกรณีฉุกเฉินจะถูกฆ่าจริงๆ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจว่าตัวเองทำได้ แต่เพื่อเอาตัวรอดแล้วก็ต้องมีแต่ดึงสัญชาตญาณดิบออกมาล่ะนะคะ---โคตรโชคร้ายที่ห้องนี้แม่งไม่มีอะไรสักอย่าง


    ฉันก็เลยมาดูของที่ตัวเองเก็บมาจากหอคอย


    ที่เข้าท่าน่าจะมีแค่กระจกถือ อย่างอื่นเช่นไม้น่าจะถูกกันได้ง่ายๆ ตู้เสื้อผ้าฉันก็ไม่อยากชำแหละเพราะจะเอาไปขายต่อ ก้อนอิฐกับแผ่นกระเบื้องลองยกแล้วก็หนักเกินไป เสื้อผ้าสวยๆ ทำเงินได้ฉันก็เสียดาย


    ...แต่เพื่อความอยู่รอด ฉันเลยกัดฟันชำแหละเสื้อที่เด่นน้อยที่สุดให้กลายเป็นเส้นด้าย พอเอามารวมๆ กันแล้วก็ยาวและหนาพอสำหรับใช้รัดคอเลยล่ะค่ะ


    “ฉันเริ่มเหนื่อยแล้วค่ะระบบ”


    …..


    ลืมไปว่าตัดการสื่อสารอยู่


    ถึงจะตะโกนก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับหรอก


    ฉันใช้เวทมนตร์เรียกน้ำใส่แก้ว จัดการบ้วนปากแปรงฟันอย่างง่ายๆ พอสบายใจแล้วก็คลานขึ้นไปบนเตียง มองเพดานสลับกับกลิ้งๆ ไปมาเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ สุดท้ายก็หลับตาลง นับแกะให้หลับเวลาจะได้ผ่านไปเร็วๆ


    ไม่เคยรู้สึกว่าห้องเงียบขนาดนี้เลยล่ะค่ะ




    -------------------------




    อยากชิ้งฉ่อง!!!


    ฉันบิดตัวกุมท้องน้อยไปมาบนเตียง ไม่รู้ว่าเพราะน้ำชาหอมละมุนลิ้นเกินไปหรือเปล่าถึงจัดการดื่มแทบจะหมดเหยือก ลืมไปเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ในภายหลัง ฮือ ยิ่งกลายเป็นเด็กความสามารถในการอดทนก็ยิ่งต่ำเตี้ยเรี่ยดินเลยล่ะค่ะ กลั้นจนท้องบวมเป่งแล้วเนี่ย ของที่เก็บมาก็ดันใช้รองไม่ได้สักอย่าง


    ฉันน้ำตาเล็ด...อิเหี้ย แสบง่ะ


    ระบบบบบ หาห้องน้ำด่วนๆๆๆๆ!!!


    ….


    ไม่มีเสียงตอบเช่นเคย


    ฉันแทบจะร้องไห้ เห็นแววโศกนาฏกรรมลางๆ เลยพยายามลุกขึ้นจากเตียงอย่างไม่ให้อะไรกระทบกระเทือนท้องน้อยที่โคตรจะบอบบาง เดินบิดขาไปหาห้องอีกห้องที่คิดว่าเป็นห้องน้ำ


    ….มันเป็นห้องเก็บของ


    มึ๊งงงงงงงงงงๆๆๆๆ!!!


    ฉันน้ำตาท่วมหน้า หัวขาวโพลนแทบคิดอะไรไม่ออกเมื่อข้างล่าง...มันเล็ดออกมานิดนึง---ทันใดนั้นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ก็ลดลงเป็นศูนย์ทันที


    ฉันพุ่งไปที่บานประตูซึ่งกั้นตัวเองกับโลกข้างนอกที่ไม่รู้จักเอาไว้ เขย่งเท้าเแล้วเปิดออก ภาวนาให้ห้องข้างๆ มีห้องน้ำหรืออะไรที่ใกล้เคียงให้ชิ้งฉ่องได้บ้าง



    “เจ้าคิดจะหนี?”



    ….โชคไม่เข้าข้างกุเลย


    สรุปเทพธิดามันอวยพรหรือสาปแช่งกันแน่


    ฉันกำลูกบิดประตูของห้องข้างๆ ค้างไว้ ก่อนจะหันไปมองแวบๆ---ไม่ใช่อิเด็กเคียร์ แต่ความเหี้ยก็ไม่แพ้กัน


    ยูรัส 


    เด็กหัวทองตาแดงที่ดึงผมฉันหลุด….แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาชำระแค้น กุต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนๆๆๆๆ โอ๊ยยยย จะเล็ดแล้วๆๆๆๆ


    ทำไมประตูนี่มันเปิดยากเปิดเย็นจัง!!


    “เจ้ากล้าเมินข้า?”


    อย่า...มา...แตะ...ตัวกุนะ!!!


    เมื่อกี้สะดุ้งเลยฮือๆๆๆ


    แต่ยิ่งไม่พูดแล้วเอาแต่บิดประตูกึกๆ อิเด็กเป่ดก็เหมือนจะตีความการกระทำผิดไป--ถึงยื่นมือมาจับไหล่แล้วดึงให้หันไปเผชิญหน้า...ดึงซะกุหมุนฟูลเทิร์นเลยนะ??


    ประเด็นคือ...อิเหี้ย ข้างล่างเริ่มชุ่มๆ แล้วง่ะ กุจะชิ้งฉ่องใส่ชุดแพงๆ แบบนี้ไม่ได้ป่ะ?? แล้วพื้นนี่ก็ปูพรมแดงหรูหราดีจัง เอาไปขายคงได้สักกองเงิน...เพราะงั้น...กุจะ...ฉี่ใส่...กองเงินไม่ได้---ห้ามเด็ดขาด!


    “...เจ้าร้องไห้?” มันถามเสียงแผ่ว นัยน์ตาสีแดงเจิดจ้าใต้แพขนตายาว “เป็นนกโง่อย่างที่เคียร์พูดจริงๆ”


    มันก้มมาเลียน้ำตา


    ...เดจาวูกับอิเด็กผีเป๊ะๆ


    ฉันตัวสั่นเพราะกลั้นจนแสบท่อนล่างไปหมด ปวดกระเพาะปัสสาวะจนกลัวว่ามันจะอักเสบ...อิเหี้ย เกิดเป็นจริงๆ ขึ้นมาโรคนี้จะมีหมอรักษาป่ะ หรือกุต้องอัพเวลเวทแสงช่วยตัวเอง...ถ้าตายอนาถแบบนี้กุขอไม่เกิดใหม่ดีกว่า…


    ฉันกัดปากจนรับรู้รสคาวเลือด ไม่ต้องบอกว่าปากแตกแน่นอน


    อิเด็กนี่คงจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ และถึงพยายามเปิดห้องนี้ไปก็ไม่แน่ใจว่าจะมีห้องน้ำหรือกระโถนหรือเปล่า


    ...เมื่อเห็นว่าไม่มีทางอื่นแล้ว ฉันจึงกล้ำกลืนความแค้น หยิบเอามารยาตอนไล่น้องชายกลับบ้านมาใช้


    “...นายท่าน”


    ฉันเปิดปากคุยกับมันเป็นครั้งแรก บิดขาพยายามกลั้นของเหลวไม่ให้ไหลออกมา


    “...ห้องน้ำไปทางไหนหรือคะ?”


    ดวงตาสีแดงเบิกกว้าง มือที่จับไหล่เผลอกำแน่น...แต่กล้ามเนื้อใบหน้ามันแอบขยับว่ะ แววตาวูบไหวด้วย เหมือนจะมีหวังนิดหน่อย…??? มันคงไม่เหี้ยขนาดจะทรมานคนอยากเข้าห้องน้ำหรอกมั้ง??


    “ได้โปรดเถอะค่ะ” เอาล่ะ กุยอมให้มึงสุดๆ แล้วนะ “ท่านยู...ยูรัส?” จำชื่อผิดนี่กุหน้าแตกยับเลยนะ


    “....เจ้า”


    เหย มันยิ้มว่ะ


    ….แต่จะอมพะนำไว้ทำไม จะบอกก็รีบบอกๆๆๆๆ กุปวดเย่วจะตายแล้วเนี่ยยยยยยยยยๆๆๆ!!


    มึง…


    ทำไมจับไหล่กุแน่นกว่าเดิม???


    มันหัวเราะแผ่วเบา ดูหลอนๆ อย่างบอกไม่ถูก ดวงตาสีแดงสว่างเจิดจ้ายิ่งทำให้เหมือนหลุดออกมาจากนรก



    “นกโรคจิต”



    มันเตะเข่าฉันจนได้ยินเสียงดังกึก---กระดูกหักอีกแล้ว---ฉันร่วงลงไปกองกับพื้น เจ็บจนน้ำตาร่วง และด้วยความตกใจเลยเผลอปล่อยให้มัน...เล็ดจนซอกขาชุ่ม


    ความคิดในหัวสว่างวาบขึ้นมาทันที


    ...อย่าบอกนะว่ามึง??


    ฉันน้ำตาท่วมหน้า


    มันยิ้มอ่อนโยนราวเทวดาน้อย---กับผีสิ!! อิเด็กปีศาจ กุจะจำหน้ามึงไว้ จำไวววววววววว้!!! สันดานชั่วไม่ต่างจากน้องกุเลยนะ


    “ข้าเริ่มสนใจเจ้าแล้ว...เชย์”


    มันคุกเข่า มือข้างหนึ่งยื่นมาจับคางไม่ให้หลบหนี ปลายนิ้วเกลี่ยหยาดน้ำตาออก ท่าทางโรคจิตไม่สมเป็นเด็ก


    คำด่าเต็มหัวไปหมด แค้นจนอยากจะชกหน้าแม่งด้วย แต่กลับพูดไม่ได้ ขยับก็ไม่ได้เช่นกัน


    ---เพราะมืออีกข้างของมันกดท้องน้อยฉันอยู่…ขืนขยับตอนนี้...ศักดิ์ศรีป่นปี้แน่


    มือเริ่มคลึงท้องน้อย


    “ปล่อยออกมาสิ...เชย์” มันหลุบตาลงจนเห็นแพขนตา...จ้องกระโปรงที่เป็นรอยหยดน้ำ ตาไม่กระพริบ


    ทันใดนั้นมันก็ส่งยิ้มมาให้ เอ่ยเสียงนุ่มนวล


    “ปล่อยออกมา...แล้วจากนี้ไปข้าจะเอ็นดูเจ้า”


    กุ...ไม่….ต้องการ!!


    “...จะเอ็นดูเจ้า” มันยื่นหน้ามาจนชิดใบหู พร่ำเพ้อเหมือนคนบ้า “เอ็นดูตลอดไปเลย”

     

    มันขยุ้มท้องน้อย


    ...แล้วศักดิ์ศรีก็ป่นปี้


    ฉันน้ำตาแตก


    ……


    ก่อนที่จะได้ยินเสียงบางอย่าง



    [อย่ามารังแกโฮสต์นะ!!!]

    ‘เมี้ยว!!!’



    สิ่งมีชีวิตสีดำขนฟูกระโดดแล้วถีบแก้มจนอิเด็กโรคจิตมันหน้าหัน


    แมวเหมียวขู่ฟ่อ


    [ผมมาช่วยโฮสต์แล้วครับ!!]


    ระบบบบบบบบ!!


    ฉันพุ่งตัวไปคว้าสิ่งมีชีวิตขนฟูมาแนบอก ก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งตีนแตกโดยไม่รู้ทางก่อนที่อิเด็กเวรจะได้สติแล้วจัดการฉีกครึ่งระบบให้ตายอีกรอบ


    ...กุจะหนี


    [ฮะ...โฮสต์??]



    กุต้องหนีให้ได้!!







    -------------------

    ความเด่กเปดยังไม่ครบ!!

    เดี๋ยวขอไปคิดที่มันเปดกว่านี้ก่อนนะคะอิอิ

    หรือว่าพอแล้วดี???


    คอมเม้นต์บอกกันได้นะคะฮืออออออออออ

    มีมสัตว์ hashtag on Twitter


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×