ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฉันเกิดใหม่เป็นคุณนางร้ายที่เข้าสู่ Bad End ไปซะแล้วล่ะค่ะ [ระบบ/เรท]

    ลำดับตอนที่ #2 : คุณนางร้ายได้เพื่อนใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 63




    ฉันมีปัญหาแล้วล่ะค่ะ



    อุตส่าห์ดีใจเก้อที่มีพลังเทพ คิดว่าหลังจากนี้การใช้ชีวิตคงจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่เรื่องดันไม่เป็นอย่างนั้น


    เพราะพอจะเดินไปเก็บลูกบิดประตูทองคำแล้วเอาไปขายหาเงินชิลๆ จู่ๆ ร่างก็หยุดนิ่งเหมือนถูกสต๊าฟไว้ ระบบที่ยังดีๆ อยู่เมื่อกี้ก็กลายเป็นเสียงซ่าๆ เหมือนสัญญาณไม่เสถียร


    จากนั้นก็ปุ๊ง! ผู้หญิงในชุดเทพธิดากรีกโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า เธอสูงกว่าฉันเล็กน้อย สวยพริ้งน่าชม แต่เพราะมุมปากเธอดันยกยิ้มนึกสนุก มองฉันด้วยสายตาประเมินของ ฉันจึงตาสว่างตื่นจากความเคลิบเคลิ้มทันที


    “เจ้าหัวไวใช้ได้ทีเดียว” ขอบคุณที่ชมค่ะ แต่โอ๊ย หยุดจับหน้าฉันแล้วสะบัดไปสะบัดมาสักที “...หน้าตาก็เกินมาตรฐาน ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการปรับตัว ติดที่ข้างใน...ค่อนข้างหยาบคายไปหน่อย”


    “ลูกสาวของข้ามีเรื่องให้แปลกใจเสมอ” เธอส่ายหน้าเบาๆ แล้วคิดว่ามึงแปลกใจได้คนเดียวเหรอ คือกุไปมีแม่ท่าทางไม่เต็มบาทแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?? 


    “เอาล่ะ ข้าต้องรีบไปดูลูกคนอื่นต่อ ไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอก...อืม ขืนเจ้ามีพลังมากเกินไปอาจจะเบื่อแล้วพังไวเหมือนพี่สาวคนอื่นก็ได้ เช่นนั้นข้าจะมอบอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ ให้ก็แล้วกัน---นางเอกมีเลิฟๆ ช่วยโลกแล้ว เจ้าก็เอาเป็นเลิฟๆ ปลดพลังเป็นไง? ง่ายใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่นับเรื่องนิสัยแปลกๆ แล้วหลายคนก็ใช้ได้เลยนะ”


    เลิฟ??ปลดพลัง???


    นี่จะให้กุไป-ติ๊ด-อัพเลเวลเหรอ??


    “หยาบคายอีกแล้ว!” มัน(ขอเปลี่ยนสรรพนามด้วยความเกลียดขี้หน้า)ชี้หน้าฉัน ทำสีหน้ารับไม่ได้ “แม้จะใช่---แต่เจ้าก็ควรใช้คำอื่น! ต่ำช้าที่สุด!”


    เรียนท่านเทพที่เคารพ


    เห็นแบบนี้ฉันก็ไม่ได้สบอารมณ์นักหรอกนะคะที่มาโดนอ่านใจ แล้วก็ถูกด่าโดยคนที่จับตัวเองมาไว้ในโลกบ้าๆ นี่---ถ้าเข้าใจก็เอากุกลับนรกได้แล้ว เวรเอ๊ย หัวร้อนปุดๆ แล้วเนี่ย 


    “อึก!” มันเบือนหน้าหนี “โลกใบนี้สำหรับเจ้าคงจะยากเกินไปสินะ ก็ได้ งั้นข้าจะมอบคำอวยพรให้! อย่างแรกให้เจ้ามีพลังและสามารถใช้เวทฟื้นฟู นอกจากนั้นยังสามารถถ่ายทอดพลังชีวิตอันไร้ขีดจำกัดแก่คนอื่นได้!---อย่างที่สองคือความเสน่หา! เจ้าจะได้หนีชะตาเลิฟๆ ปลดพลังไม่ได้!---สุดท้ายคือเหล่าธาตุต่างๆ! หึๆ ถึงเจ้าจะเข้ากันได้ทั้งหมด แต่ถ้าไม่มีเลิฟๆ ก็ควบคุมยากหน่อยนะ!”


    ฉันมองเหม่อ


    ไม่ไหว...เธอคนนี้ไม่ฟังอะไรเลยค่ะ


    แต่ยังไงก็ตาม ระบบซื่อบื้อนี่เพิ่งทำงานครั้งแรกจะมาโดนทิ้งเพราะจับคู่กับฉันมันก็ อืม รู้สึกผิดอยู่นะคะ ถึงจะไม่รู้ว่าระบบมีความรู้สึกรึเปล่าก็เถอะ ถ้าไม่เกินความสามารถก็อยากให้ท่านเทพที่เคารพนำเขากลับไปที 


    อุตส่าห์ให้พรฉัน...ตั้งหลายข้อ(กัดฟัน) ตอนนี้อนาคตสดใสพอแล้วล่ะค่ะ 


    “หืม? กลับไปอะไร? เจ้านั่นเป็นผู้ให้ข้อมูลเบื้องต้นกับเพื่อนคุย---อืม แต่ดูแล้วเจ้าคงจะเค้นถามจนได้ข้อมูลไปหมดแล้วสินะ งั้นก็เหลือประโยชน์แค่เพื่อนคุย...โอ๊ะ! ข้าต้องรีบไปแล้ว! งั้นมอบสิทธิให้เจ้าตัดสินใจก็แล้วกัน! ถ้าไม่ต้องการก็ลบทิ้งแค่นั้นแหละ!”



    “ขอให้สนุกกับโลกใบนี้!”



    เธอหายไป พร้อมกับที่เวลากลับมาเคลื่อนไหวเหมือนเดิม---ฉันล้มลงไปกองกับพื้น ในมือกำลูกบิดประตูแน่น โกรธจนหน้าร้อนไปหมด ริมฝีปากก็ชาหนึบจากการเม้มแน่นไม่ให้กรีดร้องออกมา


    ฉันเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเอง


    ฝ่ามือที่เล็กขึ้น เสื้อผ้าที่หลวมกว่าปรกติ เท้า ขา...เดาไม่ยากว่าตอนนี้ถูกย้อนกลับมาในร่างเด็ก


    มีเสียงดังขึ้นในหัว


    ‘ชีวิตที่สองทั้งที จะเป็นผู้ใหญ่เลยก็เกินไปหน่อย ถือว่าเป็นของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากข้า กว่าจะโตก็อีกตั้งหลายปี เชิญใช้ประโยชน์จากความสดใสวัยเด็กให้เต็มที่! อ้อ โลกใบนี้ข้าซ่อนความสนุกไว้รออีกเยอะแยะ ยังไงก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปก็แล้วกันนะ!’


    ลูกบิดในมือถูกขว้างไปกระแทกผนัง


    ….


    พอรู้ตัวว่าเผลอใช้อารมณ์หงุดหงิดมากเกินไปฉันก็รีบสงบสติอารมณ์ ก่อนขาสั้นๆ จะวิ่งไปเก็บก้อนเงินกลับมาเช็ดๆ อย่างทะนุถนอม เฮ้อ ยังเป็นสีทองสว่างเจิดจ้าอยู่ โชคดีที่ตอนขว้างฉันเป็นเด็ก แรงค่อนข้างน้อยถึงไม่มีส่วนไหนได้รับรอยขีดข่วน ราคาน่าจะไม่ตกนะคะ 


    ...แต่ร่างเด็กงั้นเหรอ?


    ฉันมองซ้ายมองขวาหาสิ่งที่น่าจะเป็นกระจก เพราะถ้าไม่นับช่วงคลั่งรักเจ้าชายที่หน้ามืดตามัว ท่านหญิงก็ถือว่าเป็นคนรักสวยรักงามคนหนึ่งเลยนะคะ ช่วงที่ถูกขังไว้ก็มักจะหยิบเอากระจก(ที่ใช้พลังสร้างขึ้น)มาส่อง แล้วพรรณาถึงตัวเองสมัยยังรุ่งโรจน์อยู่เสมอ


    อ๊ะ เจอแล้ว!


    เห...เป็นกระจกกรอบทองเสียด้วย ข้างหลังสลักลายกุหลาบสวยงาม ส่วนที่เป็นกระจกถึงจะขุ่นมัวไปหน่อยแต่ก็ใช้ส่องได้ไม่มีปัญหา น่าจะทำเงินได้ดีเลยล่ะค่ะ


    ฉันลูบๆ ฝุ่นออก 


    ตอนนั้นถึงได้เห็น---ว่าใบหน้าของท่านหญิงตอนเด็กนั้นเหมือนกับฉันราวก็อปปี้วางไม่มีผิด ทั้งคิ้วขมวดหน่อยๆ แก้มสีชมพูยุ้ยๆ ริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ผมสีมะเกลือ และดวงตาสีดำที่พอสะท้อนแสงจะกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน


    หวา ฝาแฝดกันชัดๆ


    นี่เป็นสาเหตุว่าพอนางร้ายพบจุดจบทีไร เจ้าน้องเวรนั่นถึงดูอารมณ์ดีสินะคะ---จะว่าไปแล้วพวกเกมแนวรักๆ จีบๆ ที่มันซื้อมาเนี่ย นางร้ายแทบจะทุกคนก็เป็นแนวนี้หมดเลยนี่นา? แหม เข้าใจแล้วล่ะค่ะ คงอิ่มเอมมากล่ะสิที่เห็นศัตรูพังพินาศน่ะ


    รู้สึกมีกำลังใจจะใช้ชีวิตขึ้นมาเลย


    สำรวจหน้าเสร็จแล้วก็มาดูเสื้อผ้าต่อ ก่อนหน้านี้ที่ท่านหญิงใส่มันเป็นเดรสสายเดี่ยวสีขาวตัวยาว กับผ้าคลุมไหล่สีแดง ตอนอยู่ในร่างโตเดรสที่ว่าก็ใส่พอดีอยู่หรอก แต่พอกลายเป็นเด็กขึ้นมานี่สิ สายแทบจะหลุดออกจากไหล่อยู่รอมร่อ ชายกระโปรงก็ยาวเฟื้อยชวนสะดุดล้มหน้าทิ่มพื้น


    สภาพนี้เดินทางไม่ไหวหรอกค่ะ!


    ฉันขมวดคิ้วมุ่น ถอดชุดอันแสนรุงรังออกจากตัว ก่อนจะเอาผ้าคลุมไหล่มาพันแก้ขัดชั่วคราว สายตาสอดส่องทั่วห้องจนไปสะดุดกับตู้เก็บเสื้อผ้าอันใหญ่ 


    อืม ใช่ค่ะ ท่านหญิงใช้พลังสร้างขึ้นมาเองอีกแล้ว 


    ความสามารถเยอะขนาดนี้น่าสงสัยจังนะคะว่าทำไมถึงมีชีวิตแสนตกต่ำ เพียบพร้อมไปทุกอย่างแบบนี้หนีไปใช้ชีวิตหลังเขารอจนข่าวซา จะกลับมาเริ่มชีวิตใหม่ หรือแก้แค้นพวกตัวเอก ไม่ว่าจะทางไหนก็ทำได้ง่ายๆ ทั้งนั้น เป็นที่รักของเทพธิดาทั้งทีนี่นา เกมบ้านี่จะกดคุณนางร้ายเยอะไปไหม


    อย่างต่ำเธอก็น่าจะมีชีวิตถึงพันปีโดยไม่เป็นอะไร---แต่ผ่านมาแค่ครึ่งเดียวฉันก็ดันมาแทนที่ซะแล้ว สงสัยจริงๆ ว่าตัวเธอตอนนี้จะไปอยู่ที่ไหน ถูกทำลาย? หรือไปอยู่ในร่างคนอื่น? หรือ...


    ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว


    เพราะงั้นช่างมันเถอะค่ะ


    ตอนนี้ต้องเตรียมแผนการเอาชีวิตรอดก่อน---โชคดีมากเลยล่ะค่ะที่ท่านหญิงมีใจห่วงใยลูกในไส้ แม้หลังคลอดตัวเด็กจะถูกราชากับราชินีชิงไป แต่เธอก็อยากเจอและอยากทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ จึงโทรจิตไปข่มขู่ราชา สุดท้ายอีกฝ่ายก็ยอมรับปากว่าจะมาเอาของจากเธอไปให้ลูกๆ บ้างเป็นครั้งคราว แต่จะไม่บอกว่าใครเป็นคนให้


    เอิ่ม...


    ทำไมดูไม่เหมือนคนถูกขังสักนิด??


    โอ๊ย ห้ามคิดๆๆๆๆ


    ฉันคุ้ยหาเสื้อผ้าที่ตัวเองพอใส่ได้---ก่อนจะพบว่าพวกมันมีเยอะจนเป็นคอลเลกชั่นชายหญิง ทั้งเสื้อปกกะลาสี เดรสแขนตุ๊กตา ซันเดรส ชุดโลลิต้า ชุดลูกไม้…แฟชั่นในโลกนี้หลากหลายจริงๆ นะคะ อืมๆ นางร้ายรักสวยรักงามนี่นา เพราะงั้นไม่เห็นมีอะไรแปลกสักหน่อย อืมๆ


    ฉันอยากจะลองใส่ให้ครบทุกชุด แต่เพราะใจนึงก็อยากจะรีบหนีออกไปจากหอคอยเต็มแก่ จึงหยิบแค่เสื้อแขนยาวสีขาว กับกางเกงขาส้ันสีน้ำตาลอ่อนมาใส่ คล่องตัวใช้ได้เลยล่ะค่ะ


    เฮ้อ เสียดายชุดที่เหลือจังเลยน้า ใส่ชุดเดียวเดินป่าลำบากแย่เลย แต่จะแบกพวกมันไปด้วยก็เกะกะเกินไป ฉันยังต้องเก็บของที่พอขายเอาเงินได้อีก ถ้ามีมิติเก็บของแบบในเกมที่ วูม! ‘เก็บของชิ้นนี้เรียบร้อยแล้วจ้า เวลาจะใช้ก็ตั้งสมาธิแล้วเรียกออกมานะ’ อะไรแบบนั้นได้คงจะดีไม่น้อย…


    …..


    กองเสื้อผ้าเบื้องหน้าหายไปแล้ว


    อย่าบอกนะว่า….????


    ฉันหลับตา แล้วภาพรวมของของทั้งหมดก็ปรากฎขึ้นในหัว เลยตั้งสมาธิแล้วลองหยิบชุดออกมา…


    ชุดที่ว่ามาอยู่ในมือ


    จากนั้นพอลองว่าสามารถวางของไว้ที่อื่นนอกจากมือได้ไหม---ก็พบว่าทำได้อย่างง่ายดาย 


    ฉันยิ้มแห้ง


    ก่อนจะไล่เก็บของมีค่าทั้งหมดในห้อง


    [.....โฮ….ส….ต]


    คล้ายจะได้ยินเสียงแว่วๆ


    [.....โฮส…..]


    เก็บของเยอะไปจนหลอนรึเปล่าคะเนี่ย



    [โฮสต์!!]



    อ๊ะ ไม่ได้หลอนแฮะ


    นอกจากจะไม่ได้หลอน ยังเห็นชัดเต็มสองตาว่ามีก้อนสีดำๆ กระโดดขึ้นมาเกาะไหล่ ดูไปดูมาลักษณะก็คล้าย ๆ กับสาหร่ายมาริโมะ เสียแต่ว่าไม่ได้อยู่ในน้ำ แล้วเสียงของระบบก็ดังในหูสัมพันธ์กับก้อนที่กระโดดเด้งดึ๋งไปมา


    มีร่างแล้ว?


    [นั่นแหละที่ผมสงสัย! เมื่อกี้ผมติดต่อโฮสต์ไม่ได้ พอติดต่อได้ก็กลายเป็น...ตัวอะไรก็ไม่รู้!! ฮือ แถมยังมีฟังก์ชันแปลกๆ อย่างสัตว์เลี้ยงเพิ่มมาอีก! แล้วไอ้คำเตือน ‘ทำตัวว่าง่ายจะได้ไม่ตาย’ นี่มันอะไร…. ]


    นอกจากมีร่าง ดูเหมือนจะสื่อสารทางความคิดได้ด้วย---ฉันทำเสียงฮืมๆ ในลำคอขณะไล่เก็บของต่างๆ อย่างสบายอารมณ์ เพราะนอกจากจะเก็บของได้แล้ว ยังสามารถแยกชิ้นส่วนหรือแยกส่วนประกอบได้อีก ความสามารถยอดไปเลยนะคะ มีแค่นี้ก็ไม่อดตายแล้ว


    ระบบถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ฉันจึงตอบไปตามตรง เท่านั้นแหละ เจ้าก้อนสีดำก็เปียกชุ่ม ส่วนในหูก็มีแต่เสียงร้องไห้จ้าของระบบ ก้อนมาริโมะตัวอ่อนยวบยาบ ดูหมดแรงไปพักใหญ่เลยล่ะค่ะ 


    พอฟื้นสภาพขึ้นมาได้ก็เอาแต่ขอร้องว่าอย่าฆ่ากันใหญ่เลย หยิบยกข้อดีของตัวเองมานำเสนอจนหมด อืมๆ มีฟังก์ชันสัตว์เลี้ยง โพชั่นรักษา เป็นเพื่อนคุย ร้องเพลงได้ ให้ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับตัวละครได้ และ...อ้าว มีแค่นี้เหรอคะ


    ฉันจึงหัวเราะ แล้วพูดว่า “เป็นเด็กดี ว่าง่ายๆ แล้วก็ไม่ทรยศฉัน แค่นั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ”


    ระบบรับคำเสียงดัง พร้อมกันนั้นก้อนมาริโมะก็กลิ้งไปมาบนไหล่ฉัน ดูเหมือนจะติดหนึบได้ดีอยู่สินะคะ แบบนี้คงไม่ต้องกังวลเรื่องทำหล่นหายแล้วล่ะ


    พอยกเค้าจนหมดห้อง ก็เหลือแค่จะหนีออกไปจากหอคอยสูงเสียดฟ้านี่ยังไง ตอนราชาให้คนมารับของ พวกนั้นก็ขี่ไวเวิร์นมา นานๆ จะใช้เวทเทเลพอร์ตซึ่งเป็นเวทมนตร์ชั้นสูง น่าสนใจดีเหมือนกันนะคะ ถ้าสิ่งที่ฉันคิดใช้ไม่ได้ค่อยมาลองดูก็แล้วกัน


    เอ๋ คิดอะไรงั้นเหรอ? ก็ไอ้นั่นไงคะ หนึ่งในพรของเทพธิดา ความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดของท่านเชย์และใช้ถนัดที่สุด---ปีกแห่งแสง!


    ตอนที่เรียกมันออกมาในเกม แทบไม่เห็นว่าเธอทำอะไร จู่ๆ ก็พรึ่บ! ปีกสีขาวคู่ใหญ่งอกออกมาจากกลางหลัง ทำเอาคนที่เห็นตาโตหมดเลยล่ะค่ะ 


    ฉันเองก็อดคิดไม่ได้ว่าสวยจังเลยน้า เพราะได้ข่าวว่าเจ้าชายลื่นตกเขากะทันหัน คุณนางร้ายก็เลยไม่ได้แต่งหน้าแต่งตัวอะไร แต่หน้าสดนั่นล่ะที่สวยพริ้ง ชุดที่ใส่ก็ดันเป็นสีขาว...รวมกับปีกกลางหลัง สภาพเละเทะของเจ้าชายในอ้อมแขนเธอตอนนั้นชวนให้นึกถึงเทพธิดาลงมาโปรดมนุษย์ไม่มีผิด


    ฉันหลับตา ใช้หลักการเดียวกับตอนเก็บของ คิดภาพปีกสีขาวงอกจากกลางหลัง


    พรึ่บ!


    ทาด๊า!


    [โฮสต์!] ก้อนมาริโมะเต้นโหยงเหยงอย่างตื่นเต้น [ปีกงอกออกมาแต่เสื้อโฮสต์ไม่ขาดสักนิดเลยครับ!]


    ฉันยืดอก นั่นล่ะค่ะสิ่งที่ฉันภูมิใจที่สุด!


    ลองจินตนาการให้ขยับ มันก็ขยับตาม พอจินตนาการให้บินไปรอบห้อง เท้าฉันก็ลอยขึ้นไม่ติดพื้น ก่อนจะบินไปรอบห้องจริงๆ ฮุฮุ ถ้าไม่นับอาการเสียววูบวาบในท้องเพราะกลัวจะตกแล้วล่ะก็ ปีกนี้ก็ใช้งานได้สมบูรณ์แบบเลยล่ะ


    ฉันทดลองจนมั่นใจในระดับหนึ่งแล้วก็ไปยืนบนขอบหน้าต่าง มือหนึ่งกำก้อนมาริโมะแน่น สายตามองลงไปเบื้องล่าง หาพื้นที่ว่างๆ แล้วก็ดูท่าทางจะไม่มีสัตว์ประหลาดป้วนเปี้ยนแถวนั้น พอกำหนดจุดที่จะลงได้แล้วก็สูดหายใจเข้าลึกๆ


    ออกเดินทางได้!


    [โฮสตตตตตตต์!!]


    ผมปลิวไสวตามแรงลม ข้างล่างไม่มีพื้นให้ยืนอีกแล้ว หัวใจเต้นฉันรัวจนกลัวว่าจะหลุดออกมาจากอก คำว่ากลัวตายผุดขึ้นมาในหัวทันที---แต่เพราะในมือฉันมีก้อนมาริโมะเจ้าน้ำตากำลังสั่นไม่แพ้กัน ก็เลยหลับตาปี๋ รีบรวบรวมสมาธิเพื่อควบคุมปีกเหมือนตอนทดลองอยู่ในห้อง ก่อนที่จะตกลงไปตายเป็นอาหารให้ปีศาจทั้งคู่


    [ฮะ...โฮสต์! เรากำลังบินอยู่ล่ะครับ!]


    ได้ยินเสียงนั้นฉันถึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองกำลังลอยอยู่เหนือฟ้าจริงๆ ปีกสีขาวคู่ใหญ่โบกสะบัดอย่างมั่นคงเรียกความมั่นใจกลับคืนมา ฉันจึงสูดหายใจลึก สวมบทบาทว่าตัวเองกำลังเป็นนก อย่าได้สั่นกลัวเด็ดขาด


    นึกถึงตอนที่ตัวเองชมคุณนางร้ายในเกม แล้วบอกว่าถ้าสมมติมีปีกแบบนั้นจะบินหนี(พวกเฮงซวย)ไปให้ไกลๆ


    ‘พี่กลัวความสูง’


    มันส่งยิ้มมาให้


    ‘แต่ถึงมีปีก พี่ก็หนีไม่พ้นหรอก’


    …..


    มึงคอยดู!


    ความท้าทายกลบความกลัวตายไปจนหมด หัวใจที่เต้นกระหน่ำเมื่อกี้ค่อยๆ กลับมามีจังหวะตามปรกติ ฉันกำหนดจุดที่จะลงอีกครั้ง---จากนั้นก็คิดว่าตัวเองเป็นอุกกาบาต พุ่งไปทางนั้นทันที! 


    โฮๆ รอก่อนนะชีวิตที่แสนสดใส รอก่อนนะเหรียญทองส่องประกาย เดี๋ยวเปิดแผนที่หาทางไปเมืองมนุษย์ได้จะรีบเอาของที่เก็บไว้ไปขายให้หมดเลย!



    [โฮสต์ระวัง! ระบบสัมผัสถึงเวทมนตร์ระดับสูงที่พุ่งมาทางนี้ได้!] 



    เสียงแจ้งเตือนกรีดร้องดังในหู ฉันเบิกตากว้างเมื่อเห็นลูกศรล้อมรอบด้วยไอควันสีดำพุ่งมาหา จึงรีบเบี่ยงตัวหลบ---แต่เพราะตอบสนองช้า และลูกศรที่ว่ามันเร็วจนตามองไม่ทัน มันจึงถากแขนเสื้อฉันไป 


    อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!


    อันตราย! อันตราย! อันตรายชิบหายเลยโว้ยยยยยยยยยย!!! หลบไม่ทันนี่หัวถูกปักเป็นแอปเปิ้ลเลยนะเฮ้ยยยยยย!!! แล้วอิระดับสูงนี่มันยังไง ไหนว่าคนที่ใช้ได้มีน้อยไม่ใช่เรอะ!!---เดี๋ยวก่อน?? แต่นั่นมันเมื่อหลายร้อยปีก่อนป่ะ???


    กุนี่มัน...โคตรโง่


    ซวยชิบหายเลย


    รีบพุ่งกลับหอคอยตอนนี้ทันไหมวะ---


    [ลูกศรเปลี่ยนทิศทาง! หลบ! หลบ!]


    พอได้ยินเสียงแจ้งเตือนร้องดังอีกครั้ง ฉันก็รีบกระพือปีกหนีอย่างสุดชีวิต บินขึ้นไปจนแทบจะเห็นกลุ่มก้อนเมฆ บินจนหายใจไม่ออก หน้าชาเพราะแรงลมที่ปะทะ---แต่อิลูกศรเวทเวรตะไลนั่นก็ยังตามมาเหมือนเป็นเงาตามติด โอ๊ยยยยยยยยยย ตายๆๆๆๆ ต้องรีบกลับหอคอยแล้วฝึกเดี๋ยวนี้ๆๆๆๆ


    [โฮสต์! ความเร็วมันเพิ่มขึ้น!!]


    ฉึก!


    มันปักเข้ากลางหลังอย่างจัง


    ความร้อนและความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ามาทำฉันน้ำตาร่วง มันฝังเข้ามาลึกจนเกือบจะทะลุออกมา ยิ่งฝังอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บเหมือนถูกกองทัพมดรุมกัดไม่มีผิด---ฉันกลั้นเสียงสะอื้น กำก้อนมาริโมะแน่น ม่านน้ำตากลบการมองเห็นไปหมด เจ็บจนคิดอะไรไม่ออก เสียงของระบบก็เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ…


    ปีกอ่อนแรง ทั้งร่างร่วงลงมา


    แต่ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่า สายลมรุนแรงถึงพัดร่างฉันให้ไปลงแถวที่ว่างที่จะลงในตอนแรก


    ฉันมองผ่านม่านน้ำตา แล้วก็ได้เห็นความผิดพลาดของตัวเอง


    เพราะพื้นที่ที่ควรจะว่างเปล่า...ตอนนี้กลับปรากฎเงาคน---เด็ก?? อยู่สามคน สองในนั้นเหมือนจะเป็นคนควบคุมลมและอิลูกศรที่ตามเป็นเจ้ากรรมนายเวร...อิเหี้ยเอ๊ย...ลมนี่ไม่ได้บังเอิญจริงด้วย…


    ฉันหล่นตุบบนพื้น เลือดพุ่งออกมาจากปากเหมือนฉากในหนังกำลังภายใน ปีกเปื้อนเลือดพยายามกระพือหนีอย่างอนาถ---ยิ่งกว่านั้นคือแขนเสื้อที่ถูกลูกศรถากไป ตอนนี้มันกำลังถูกละอองสีดำกัดกร่อนจน...อีกนิดเสื้อก็จะหายไปแล้ว


    แต่โอเค นอนคว่ำหน้าอยู่คง---


    อิเด็กคนนึงเดินมาใช้เท้าเขี่ยร่างฉันให้พลิกมานอนหงาย


    มึง…


    ฉันไล่มองแต่ละคน จุดเด่นคือสีผมกับดวงตาหลากสี มีผมขาว ผมทอง แล้วก็ผมแดง...แต่จะผมอะไรก็ปล่อยให้กุแต่งตัวหน่อยเถอะ….ฉันอ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาที่กำลังจะตาย จะเปล่งเสียงก็มีแต่เลือดออกมา 


    พอเด็กหัวแดงดีดนิ้ว ลูกศรที่ปักกลางหลังฉันก็หายไปแล้ว…โอเค ของอิเด็กนี่เองสินะ….


    “เคียร์ เล่นพอหรือยัง?”


    เด็กหัวแดง---เคียร์ยิ้มอย่างนึกสนุก เดินเข้ามาใกล้ก่อนจะสอดมือเข้ามาในกลุ่มผม จิกให้แหงนหน้าขึ้น “รีบหรือไงฮาเรฟ เขตแดนปีศาจไม่มีนกโง่ๆ ผ่านมานานแล้วนะ”


    ….เขตแดนปีศาจ????


    ฉันอยากกัดลิ้นตาย


    “ท่านพ่อบอกให้รีบกลับ” เด็กใช้สายลมพูด “จะฆ่าก็รีบฆ่า เสียเวลา เหม็นกลิ่นมนุษย์---หืม สายเลือดพิเศษ?”


    “น่าสนใจใช่ไหมล่ะยูรัส”


    เอาล่ะ เด็กหัวแดงชื่อเคียร์ หัวขาวฮาเรฟ หัวทองยูรัส...นอกจากไอ้เด็กเคียร์แล้ว คนอื่นก็หน้านิ่งขนคิ้วไม่กระดิก


    “...ตัวอะไร?” หัวขาว--ฮาเรฟพึมพำ มองมือฉันที่เผลอคลายออกจนเจ้าก้อนมาริโมะกลิ้งหลุนๆ ออกมา 


    ระบบร้องไห้จ้า ตัวสั่นใต้ฝ่ามือที่บีบแน่น [เย็น! มือคนนี้เย็นมาก! ระบบจะถูกแช่แข็งแล้ว!!]


    กลัวจนก้อนสีดำเปียกชุ่มไปหมด


    [โฮสต์เจ็บรึเปล่า? อดทนไว้นะครับ! โพชั่นๆๆๆๆ ….โอ๊ย!!]


    ขนส่วนหนึ่งถูกแช่แข็ง


    ฮาเรฟขมวดคิ้ว คลายมือที่กำก้อนเปียกน้ำออก “...ประหลาดจริง” ท่าทางนั้นชวนให้ยูรัสเข้ามาดูอย่างสนใจ


    สายลมตัดก้อนสีดำออกไปครึ่งนึง


    ระบบกรีดร้อง


    เคียร์เอียงคอน้อยๆ มองหน้าฉัน ดวงตาสีอำพันจ้องมา ถามเสียงใสว่า “นั่นเพื่อนของเจ้าหรือนกโง่?”


    ฉันถลึงตาใส่ มองผ่านหน้ามันไปดูระบบที่กลายเป็นก้อนอ่อนปวกเปียก ในหูยังได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น [เจ็บ...เจ็บจะตายแล้ว...] ---มองได้แค่แวบเดียวก็ถูกกระชากหัวกลับมาจ้องหน้าเหมือนเดิม


    ...อิเด็กนี่ อะไรของมึงเนี่ย??


    มันหรี่ตา ยื่นหน้าเข้ามาก่อนจะ….


    เลียแก้ม????


    “...หวาน”


    อิเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!


    เสียงแจ้งเตือนว่าได้รับโพชั่นดังขึ้นรัวๆ บวกกับการยอมให้จิกหัว ยอมไม่ขยับเขยื้อน ก็ทำให้ร่างกายฟื้นฟูจนหายเจ็บแล้ว


    ฉันจึงกัดฟัน เอาหัวโหม่งเด็กหัวแดงจนมันศีรษะหงาย มือที่จิกผมไว้ปล่อยออก จากนั้นก็ใช้จังหวะที่พวกมันยืนทื่อพุ่งไปคว้าก้อนมาริโมะที่เหลือไว้ ก่อนจะใส่เกียร์หมาวิ่งตีนแตกทันที!


    วาร์ป! วาร์ป! วาร์ป!


    วาร์ปสักทีสิโว้ยยยยยย!!



    ปีกทั้งสองถูกคว้าไว้

    และกดร่างลงกับพื้น




    ยูรัสจับปีกซ้าย ดวงตาสีแดงเป็นประกายขึ้นมา “...นกดื้อด้าน” ก่อนจะออกแรงกำแน่นจนกระดูกปีกหัก


    ฮาเรฟจับปีกขวา นัยน์ตาหลุบมองกลายเป็นน้ำหนักกดทับอยู่หลังต้นคอ มือสัมผัสปีกแผ่วเบา แต่ความเย็นจัดกลับกัดกร่อนจนขนสีขาวเปื้อนเลือดร่วงหลุด


    เปลวไฟแผดเผาก้อนสีดำจนหายไปต่อหน้า ฉันเบิกตากว้าง ขณะถูกจับคางให้เงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีอำพัน


    มันก้มมาเลียน้ำตาอีกแล้ว แต่คราวนี้เพิ่มการกัดรุนแรงจนเหมือนผิวแก้มจะฉีก


    “...เพื่อนของเจ้าหายไปแล้ว”


    มือที่จับคางเลื่อนมาบีบคอ ฝังเล็บจนเลือดไหลตามง่ามนิ้ว---ดวงตาเป็นประกายอย่างไม่ปิดบัง มันเอ่ยเสียงนุ่มนวล 





    “งั้นต่อไปนี้ก็มาเล่นกับพวกข้าแทนเถอะ”




    สิ้นเสียง ปีกทั้งสองข้างก็ถูกกระชากออก



    ....



    ฉันหมดความอดทน

    จึงพ่นเลือดที่อั้นไว้ในปากใส่หน้ามันทันที









    ---------------------


    [แจ้งเตือน! คุณได้รับเพื่อนใหม่ 3 ea!!]

    เชย์ : Hashtag #ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น na Twitteru


    -------------

    ก้อนมาริโมะที่ว่าคือประมาณนี้ค่ะ แต่น้องระบบเป็นสีดำ แล้วก็เวลาร้องไห้จะเปียกๆชุ่มๆ อ่อนยวบยาบหน่อย;--; 

    มาริโมะ มอสบอลญี่ปุ่น



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×