NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Hunter X Hunter」L’appel Duvide [OC]

    ลำดับตอนที่ #2 : name

    • อัปเดตล่าสุด 24 ส.ค. 62



    เพล้ง!


    กระจกร้านกาแฟที่ฉันทำงานอยู่แตกกระจาย ลูกค้าบุคคลธรรมดาที่นั่งติดริมหน้าต่างหวังชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกต่างกรีดร้องออกมาเสียงดัง ตาลีตาเหลือกหาที่หลบห่ากระสุ่นที่สาดเข้ามาในร้านราวกับฉากบู๊ฆ่ากันตายในหนัง

    กระสุนทะลุร่างหลายคน เลือดสาดกระเซ็น ย้อมร้านโทนสีอบอุ่นให้กลายเป็นฉากสยองขวัญ

    คนที่หลบอยู่ใต้โต๊ะเบิกตากว้างตัวสันกึก ๆ อย่างหวาดกลัว บางส่วนกุมมือภาวนาให้ตัวเองปลอดภัย และบางส่วนที่พอเป็นวิชาต่อสู้ก็สบถดังลั่น

    “คู่แค้นใครวะ ไปเคลียร์กันข้างนอกสิโว้ย!”

    ขณะที่ใช้อาวุธปัดกระสุนออก บอกให้พวกที่เหลือรีบหนีออกไป เพราะว่าร้านกาแฟนี้กำลังจะเป็นสถานที่ฆาตรกรรมหมู่


    อาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น


    เพราะงั้นขอเล่าย้อนกลับไปอีกนิด

    แน่นอนว่าสอบตกฮันเตอร์ทั้งคู่ ฮิโซกะโดนข้อหาทำร้ายกรรมการ ส่วนฉันคือผู้สมรู้ร่วมคิด และหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรพวกเราถึงได้มาอยู่ด้วยกัน

    ฮิโซกะดูไม่สนใจสักนิดที่ตัวเองสอบตก พอเราทั้งคู่ถูกโยนออกมาจากสถานที่สอบ เจ้าตัวก็พูดเพียงแค่ ‘เสียดายจังน้า~’ ก่อนจะหันมามองฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บอกว่า ‘เลี้ยงเด็กต้องใช้เงินเยอะ เพราะงั้นไปทำงานกันเถอะ’

    ส่วนสูงพวกเราต่างกันมาก ถึงพยายามเขย่งเท้าฉันก็สูงได้แค่อกฮิโซกะ และด้วยความสูงที่ต่างกันมากนี้ฉันถึงขัดขืนอะไรไม่ได้ตอนที่เขายกฉันขึ้นมา หนีบไว้ข้างเอวทำเหมือนเป็นตุ๊กตาปุยนุ่น จากนั้นก็กระโดดข้ามหลังคาและตึกจนฉันตาลาย ทั้งเวียนหัวทั้งกลัวตก

    รู้อีกทีก็ถูกตัวตลกมาปล่อยทิ้งไว้ที่เมืองสักแห่ง พอหันไปกะว่าจะถามว่าที่นี่คือที่ไหนฮิโซกะก็หายไปแล้ว

    แน่นอนว่าแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนั้น แต่ด้วยความรักตัวกลัวอดอยากจึงไปตะลอนหางานทำที่ร้านแถว ๆ นั้นดู แจ็กพอตตกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก กว่าจะเข้ามาทำงานได้ก็ทำหน้าตาน่าสงสารแทบตาย

    พอเล่าความโชคร้ายให้เพื่อนร่วมร้านฟัง อีกฝ่ายก็ทำหน้าเห็นใจ ‘ยังเด็กอยู่แท้ ๆ พ่อแม่ใจร้ายจริง ๆ’ ว่าอย่างนั้นก่อนจะเล่าให้ฟังว่าที่นี่เป็นเมืองอาชญากร สถานที่เสี่ยงโชคมีมากพอ ๆ กับโจรชุกชุม ถ้ามีเงินก็ระวังไว้ล่ะ

    อีกฝ่ายน่าจะพูดอีกหลายประโยคให้ฟังเกี่ยวกับเมืองนี้ แต่ฉันก็จำไม่ได้แล้ว ก็มันไม่น่าสนใจนี่นา

    ฮิโซกะยังไม่โผล่หน้ามาสักที

    ฉันก็เลยทำงานไปเรื่อย ๆ


    ย้อนอดีตจบแล้วล่ะ!


    ตัดมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

    ฮือ นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย!

    ฉันแทบจะร้องไห้เมื่อหันไปมองข้าง ๆ แล้วพบว่าเพื่อนร่วมร้านที่ทำงานอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยกันถูกยิงทะลุ หน้าผากโบ๋เป็นรอยกระสุน ตายโดยที่ตาเหลือกขึ้น เลือดท่วมจนพนักงานคนอื่นที่มาพบกรีดร้องลั่น รีบพากันหนีเตลิด

    กระสุนเฉียดไหล่ซ้าย ถาก ๆ เสื้อฉันไปแค่นิดเดียว วินาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เมื่อเห็นว่าการยืนให้เห็นกันโต้ง ๆ ดูท่าว่าจะไม่ปลอดภัยต่อชีวิตฉันจึงรีบก้มลงไป คลานแบบไม่ให้เกิดเสียงที่สุด เป้าหมายคือห้องพักเจ้าของร้าน

    โฮ ผู้จัดการคะ ร้านเละไปหมดแล้ว!

    ร้องเฮในใจเมื่อพยายามจนคลานไปถึงห้องพักผู้จัดการที่หลังร้าน เปิดประตูเข้าไปด้วยจิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง หวังว่าจะไม่บิดพลิ้วเงินเดือนฉันเพราะภายนอกดูเหมือนเด็กนะ-----

    เอ่อ…?

    มองดูเลือดที่ไหลอาบพื้น ก่อนจะเงบหน้าขึ้นมองข้าวของในห้องที่กระจัดกระจาย ผู้จัดการร้านตายตาเหลือกคาเก้าอี้ กระสุนหลายนัดเจาะทะลุร่างอ้วนท้วม เลือดไหลออกมาจากแผล ดูแล้วน่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดไป

    เงินเดือนฉัน!

    ขณะที่ความดีกับความชั่วในตัวกำลังโต้เถียงกันในหัวข้อ ‘สมควรไปค้นห้องเผื่อเจอเงินดีไหม’ ฉันก็สัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคน และพอหันหลังไปเท่านั้น…


    ชายชุดดำ สวมแว่นดำ ร่างบึกบึน


    มือข้างหนึ่งถือปืน ส่วนอีกข้างถือรูปภาพ

    มะ---มีเลือดติดที่ใบหน้าด้วย!

    “เป้าหมายต่อไป...”

    หลักฐานชี้ชัด คุณนี่เองที่เป็นคนร้าย!

    ปากกระบอกปืนชี้หน้า ฉันสวดภาวนาให้ตัวเองในใจ นอกจากจะไม่ได้เงินเดือนแล้วยังจะเจ็บตัวอีก…



    “อย่าแตะต้องของของคนอื่นสิ



    แต่ในตอนที่เตรียมตัวเตรียมใจจะเจ็บแล้วเรียบร้อย จู่ ๆ สถานการณ์ก็กลับพลิกผัน

    คนร้ายร่างบึกบึนล้มลงเพราะถูกบางอย่างเฉือนคอ ปืนในมือลั่นปัง ลูกกระสุนโดนศพผู้จัดการด้านหลัง

    ฉันกะพริบตา มองดูไพ่สองสามใบที่ตกค้าง ๆ ศพชายชุดดำ ศพของเขาน่าเกลียดกว่าผู้จัดการมากเพราะคอถูกตัดจนเกือบจะหลุดแต่ก็ไม่หลุด เลือดจากสองศพทำให้ห้องพักผู้จัดการกลายเป็นฉากในหนังสยองขวัญเต็มตัว

    คนที่ทิ้งฉันไปก้าวผ่านศพเข้ามาหา รองเท้าเหยียบกองเลือด ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มไร้ความรู้สึกผิด

    มือที่เปื้อนเลือดนั้นบีบแก้มทั้งสองข้างของฉัน ยืดมันออกเหมือนเห็นมันเป็นขนมโมจิ

    และเอ่ยทักทายว่า



    “แก้มเยอะขึ้นรึเปล่าแคท?”



    แคท…

    หันเหลือบมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะเจอผู้มีชีวิตคนอื่นอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่พบใครทั้งนั้นนอกจากฉันกับฮิโซกะ

    ...คนที่เขาจับแก้มอยู่ก็คือฉัน


    “เอ่อ...ใครคือแคทคะ?”


    ถามให้แน่ใจเผื่อไม่ได้ตั้งใจ บางทีเขาอาจจะหลงชื่อฉันกับผู้หญิงสักคน อื้มอื่ม คงเยอะจนจำสับสนล่ะสิ

    “ก็เธอไงแคทเธอรีน

    “คุณพูดว่าเกว็น...” ฉันว่าได้ยินแบบนี้นะ

    “เอ๋” เขาทำหน้าไม่รู้เรื่อง “พูดตอนไหนน่ะ?”

    “เกว็น”

    “แคท

    “เกว็น...”

    “เธอชื่อแคทต่างหาก

    ตัวตลกส่ายหน้า มองฉันเหมือนเป็นเด็กเอ๋อจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขาถอนหายใจอย่างเวทนาด้วยท่าทางจริตจะก้าน อุ้มฉันขึ้นอย่างง่ายดายและพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

    “สารอาหารไปเลี้ยงส่วนอื่นหมดหรือไงนะ?”

    ทำท่าทางเหมือนช่วยไม่ได้

    “ถึงจะเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงแต่ก็เอาเถอะ ฉันจะเลี้ยงเธอเอง ก่อนอื่นก็ต้องพาไปกินอะไรบำรุงสมองสินะ?

    ฮิโซกะ!


    ***********



    เคยคิดในแง่ดีว่าถึงจะฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบแต่ลึก ๆ แล้วฮิโซกะก็อาจจะเป็นคนดีหรือเปล่า?

    แบบว่า ภายนอกดูเหี้ยมโหดแต่อ่อนโยนกับสัตว์ รักเด็ก รักโลก งานอดิเรกคือทำงานในคณะละครสัตว์ สร้างเสียงหัวเราะ อะไรแบบเนี้ย


    “ไปจัดการคนนิดน่อย


    พอถามว่า ‘หายไปทำอะไรตั้งหลายวัน’ ก็ได้รับคำตอบแบบนั้นมา

    ฮิโซกะพูดหน้าระรื่นเหมือนสิ่งที่ทำเป็นแค่งานอดิเรกธรรมดาของคนปรกติ เหมือนเป็นกิจวัตรวัตรประจำวันทั่วไปเหมือนการหายใจเข้าออก ยังมีการมาหัวเราะเมื่อพูดถึงคู่ต่อสู้ที่จัดการไปอีก นี่ อย่าด่าคนตายว่ากระจอกสิ

    ใบหน้ายิ่งกว่าฆาตรกรโรคจิตอีก

    อือ

    ด้านดีที่คิดไว้ป่นปี้หมดแล้ว

    ฉันถอนหายใจอย่างปลงตก ให้ฮิโซกะเป็นคนดีก็เหมือนกับการฆ่าฉันตายนั่นล่ะ เป็นไปได้ซะที่ไหน สมควรทำใจให้ชินตั้งแต่ตัดสินใจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการทำร้ายกรรมการแล้วหนีออกมาด้วยกันแล้ว

    นึกไปถึงบัตรฮันเตอร์ที่เขาว่ากันว่าล้ำค่าและมีอภิสิทธิ์ขนาดไหนก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง

    กลิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของโรงแรมหรูที่ฮิโซกะเป็นคนจ่ายค่าห้อง หยิบชิ้นเค้กที่เป็นบริการพิเศษจากทางโรงแรมเข้าปาก ความนุ่มของเนื้อเค้กและความหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้ไม่รู้ชื่อทำให้ความเครียดก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด

    ถ้าตัดเรื่องความดีงามของมนุษย์ทั้งหลายออกไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่างานทำเงินของฮิโซกะมันก็ดีจริง ๆ นั่นล่ะ

    ถึงจะเสี่ยงตายและมีศัตรูเยอะไปสักหน่อย แต่ถ้าแข็งแกร่งจริง ๆ รับจ้างล่าค่าหัวเล่น ๆ  ถึงจะใช้เงินฟุ่มเฟือยก็คงเหลือใช้ได้อีกนาน เฮ้อ อยากจะเอาอย่างบ้างจังเลยนะ แต่การทำแบบนั้นเข้าทุกวัน สักวันก็คงเบื่อตายพอดี

    “เฮ้อ ~ การจะหาเงินมาเลี้ยงเด็กนี่มันเหนื่อยจังเลยน้า ปรกติไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้เลยแท้ ๆ ~~

    ฉันมองตัวตลกที่ทำท่าทุบตัว บ่นว่าปวดหลังปวดเอวออกมาเสียงดังราวกับจงใจให้ได้ยิน ไม่พอยังทำหน้าน่าสงสารเหมือนงานหนักที่ว่าเขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย

    คงจะน่าเชื่อถืออยู่หรอกหากว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เห็นเขาเฉือนคอคนหน้าตาเฉย เหยียบศพอีกต่างหาก และเลือดที่เปื้อนเสื้อผ้านั่นก็เป็นเลือดคนอื่นไม่ใช่เลือดเขา

    ฉันฟังคำพูดที่ดูเข้าข้างตัวเองอย่างถึงที่สุดของตัวตลกแล้วก็แทบปล่อยเค้กในมือทิ้งเพราะกินไม่ลง แต่วินาทีต่อมาก็เพิ่งสำนึกได้ว่าห้องพักกับค่ากินนี้ก็เป็นเงินจากเขา ดังนั้นจึงวางเค้กลง ปั้นหน้าปั้นตายิ้มการค้า กระเถิบตัวไปใกล้ฮิโซกะแล้วนวดให้เขาอย่างไม่อิดออด สงบเสงี่ยมที่สุด

    “ไหล่อีกข้างด้วยสิ

    ได้

    “หลังก็ถูกฟาดมาด้วย ปวดมากเลย

    อื้อ หลังสินะ

    “รู้สึกว่าเอวจะเคล็ดนิดนึงด้วยแหละ

    เอว...

    มือที่กำลังบีบนวดชะงัก ฉันขมวดคิ้ว พยายามออกแรงบีบมากขึ้นอีกแต่ก็เหมือนสัมผัสถึงผิวหรืออะไรไม่ได้เลย มันนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ เหมือนหมากฝรั่ง...เอ๊ะเอ๋ขึ้นมาทันที

    ฉันดึงมือออก ชูมือทั้งสองข้างจนสุด และปรากฎว่าไอ้ที่หยุ่น ๆ นั่นก็ยืดติดมือฉันมาด้วย และจากนั้นมันก็หดกลับอย่างรวดเร็ว ผลคือหน้าฉันชนกับแผ่นหลังของฮิโซกะเต็ม ๆ เจ็บไปหมดโดยเฉพาะจมูก

    “บันจี้กัมน่ะ น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ

    น่าสนุกบ้าอะไร!

    “เฮ้อ ใช้นิดเดียวก็ปวดตัวแล้ว นวดต่อเร็ว

    ไม่รอให้ปฏิเสธ ฮิโซกะจับมือทั้งสองฉันวางแหมะตรงแถว ๆ ท้ายทอย เป็นการเร่งกลาย ๆ

    เพราะเขาไม่มีตาหลังฉันจึงถลึงตาใส่ตัวตลกได้อย่างเต็มที่ ขณะที่มือก็บีบ ๆ นวด ๆ อย่างขยันขันแข็ง เสียงฮัมเพลงของอีกฝ่ายกวนประสาทจนขมับฉันปวดตุบ อยากจะหยุดนวดแล้วเปลี่ยนมาทุบเขาแทน จะตีจมูกเขาด้วย!

    “นวดเก่งนะเรา~

    หะ...เห็นว่าเป็นคนจ่ายค่าห้องหรอกนะ

    ฉันสูดลมหายใจลึก เมื่อคิดถึงค่าห้องที่แพงหูฉี่แล้วก็พยายามดับเปลวเพลิงในใจ ปั้นหน้ายิ้ม ทำหน้าที่บริการที่ดี

    “จะว่าไปแล้วก็แปลกนะคะ ถึงจะบอกว่าอาชญากรเยอะก็เถอะ แต่ร้านกาแฟที่ฉันทำงานก็ธรรมดาจนไม่น่าจะไปเตะตาใครเข้านา...”

    แค่เงินเดือนก็น้อยนิด ไม่น่าจะมีอะไรให้ปล้น

    “เล่นยิงกราดทั้งร้านทำเอาซวยไปหมดเลย คู่แค้นใครกันนะ? หรือจะเป็นของลูกค้าในร้าน….”

    การเล่นเป็นนักสืบหยุดไป

    “อ้าว ยังไม่ได้บอกเหรอ?”

    เมื่อฮิโซกะที่ฮัมเพลงอย่างสบายใจเฉิบเมื่อกี้เอี่ยวตัวหันมาหาฉัน พูดประโยคที่ทำให้ฉันงงงวย ยังไม่ได้บอก?

    “พวกนั้นเป็นลูกกระจ๊อกของคนที่เค้าจัดการไปเองแหละ♡”

    ฮิโซกะหัวเราะ ดวงตาเจ้าเล่ห์โค้งหยี

    “พอดีเผลอหลุดปากเรื่องเลี้ยงเด็กออกไป ตอนแรกคงคิดว่าสำคัญเลยจะเอามาเป็นข้อต่อรองมั้ง? แต่พูดกันไม่รู้เรื่องมันก็เลยเปลี่ยนคำสั่งใหม่ให้จับตาย…

    แต่เธอก็ยังไม่ตายนี่นะ? เก่งมากๆ


    โอ้โห


    คนร้ายที่แท้จริงอยู่ตรงหน้านี่เอง


    สรุปก็คือเรื่องทั้งหมดเกิดจากฮิโซกะปากพล่อย ร้านกาแฟรับกรรมเพราะพวกเขาเจรจากันไม่รู้เรื่อง ฉันคือเป้าหมาย ส่วนคนอื่นก็แค่โชคร้าย...ภาวนาให้กับคนตาย ได้โปรดอย่าแค้นฉันแต่จงแค้นตัวตลก!

    อยากจะเปลี่ยนจากการนวดตัวเป็นการทุบตีซะตรงนั้น หัวเราะเหรอ? มือฉันกดคอคุณนะ? โปรดเกรงใจสักนิดก่อนที่สาวน้อยจะหมดความอดทนแล้วตบหัวคว่ำ!


    “โกรธที่ไม่บอกเหรอไวโอเล็ต?


    ไวโอเล็ต…

    ชื่อที่เปลี่ยนไปคราวนี้ทำเอาปวดขมับจนแทบจะทนยิ้มต่อไปอีกไม่ได้

    เหนือกว่าเรื่องร้านกาแฟยังมีเรื่องชื่อนี่อีก ฉันกดนิ้วนวดบริเวณหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น ถลึงตาใส่ตัวตลกอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งเขาทำหน้าระรื่นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกทดสอบความอดทน เริ่มเข้าใจความรู้สึกของศัตรูฮิโซกะขึ้นมาแล้ว

    ถ้าไม่เก่งป่านนี้คงตายไปแล้วหลายรอบ

    ฮื่อ แต่จะโทษตัวตลกก็ไม่ได้ในเมื่อครั้งที่ทักทายกันฉันเป็นคนพูดเองว่า ‘ไม่มีชื่อ จะเรียกว่าอะไรก็ได้’ ดังนั้นการที่เขาจะเปลี่ยนชื่อฉันไปเรื่อย ๆ ก็ถือว่าไม่ผิด

    ถึงจะคิดว่าชื่ออะไรก็ไม่สำคัญ แต่การเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็เริ่มไม่เข้าท่า สักวันฉันคงปวดหัวตายแหง ๆ


    ไอ..เรียกฉันว่าไอก็ได้ค่ะ”


    ฮิโซกะเลิกคิ้วคล้ายแปลกใจ “ไอ?”

    “ในประเทศหนึ่งความหมายของชื่อนี้คือความรัก...เพราะฉันเกิดมาด้วยความรัก มันก็ดูเหมาะดีไม่ใช่หรือไงคะ?” ฉันคลี่ยิ้ม “ทั้งเรียกง่ายแล้วก็ความหมายดีกว่าชื่อเดิมของฉัน...”

    “เห~มีชื่อเดิมด้วยงั้นเหรอ?

    หลุดปากไปจนได้

    ฉันมองใบหน้าสนใจของฮิโซกะ ดวงตาสีอำพันเจ้าเล่ห์นั้นเป็นประกายระยับเหมือนอยากรู้อดีตฉันนักหนา

    “ชื่อเดิมของฉันคือจีค่ะ”

    ชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตั้งให้

    ‘เราจะอวยพรให้เจ้า เศษเสี้ยวของเรา’

    ฉันหัวเราะ


    “จีที่มาจากก็อด(God)...ส่วนความหมายของมัน…

    คือพระเจ้า”






    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆

    [100%]


    ฮิโซกะ : เป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ

    น้อง(สถานะ : ไร้ชื่อ) : ....

    น้อง(สถานะ : ไร้ชื่อ) : *พูดในใจ* ทะ---ที่ไม่ด่าไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะ เจ็บแก้มจนพูดไม่ออกต่างหาก!


    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆

    แนวเบาสมองค่ะ แต่งเพื่อฮีลใจตัวเองล้วนๆ5555555

    นักเขียน : สำหรับตอนนี้นั้น....

    รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×