คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : name
เพล้ง!
กระจกร้านกาแฟที่ฉันทำงานอยู่แตกกระจาย ลูกค้าบุคคลธรรมดาที่นั่งติดริมหน้าต่างหวังชมวิวทิวทัศน์ด้านนอกต่างกรีดร้องออกมาเสียงดัง ตาลีตาเหลือกหาที่หลบห่ากระสุ่นที่สาดเข้ามาในร้านราวกับฉากบู๊ฆ่ากันตายในหนัง
กระสุนทะลุร่างหลายคน เลือดสาดกระเซ็น ย้อมร้านโทนสีอบอุ่นให้กลายเป็นฉากสยองขวัญ
คนที่หลบอยู่ใต้โต๊ะเบิกตากว้างตัวสันกึก ๆ อย่างหวาดกลัว บางส่วนกุมมือภาวนาให้ตัวเองปลอดภัย และบางส่วนที่พอเป็นวิชาต่อสู้ก็สบถดังลั่น
“คู่แค้นใครวะ ไปเคลียร์กันข้างนอกสิโว้ย!”
ขณะที่ใช้อาวุธปัดกระสุนออก บอกให้พวกที่เหลือรีบหนีออกไป เพราะว่าร้านกาแฟนี้กำลังจะเป็นสถานที่ฆาตรกรรมหมู่
อาจจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะงั้นขอเล่าย้อนกลับไปอีกนิด
แน่นอนว่าสอบตกฮันเตอร์ทั้งคู่ ฮิโซกะโดนข้อหาทำร้ายกรรมการ ส่วนฉันคือผู้สมรู้ร่วมคิด และหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรพวกเราถึงได้มาอยู่ด้วยกัน
ฮิโซกะดูไม่สนใจสักนิดที่ตัวเองสอบตก พอเราทั้งคู่ถูกโยนออกมาจากสถานที่สอบ เจ้าตัวก็พูดเพียงแค่ ‘เสียดายจังน้า~’ ก่อนจะหันมามองฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม บอกว่า ‘เลี้ยงเด็กต้องใช้เงินเยอะ เพราะงั้นไปทำงานกันเถอะ’
ส่วนสูงพวกเราต่างกันมาก ถึงพยายามเขย่งเท้าฉันก็สูงได้แค่อกฮิโซกะ และด้วยความสูงที่ต่างกันมากนี้ฉันถึงขัดขืนอะไรไม่ได้ตอนที่เขายกฉันขึ้นมา หนีบไว้ข้างเอวทำเหมือนเป็นตุ๊กตาปุยนุ่น จากนั้นก็กระโดดข้ามหลังคาและตึกจนฉันตาลาย ทั้งเวียนหัวทั้งกลัวตก
รู้อีกทีก็ถูกตัวตลกมาปล่อยทิ้งไว้ที่เมืองสักแห่ง พอหันไปกะว่าจะถามว่าที่นี่คือที่ไหนฮิโซกะก็หายไปแล้ว
แน่นอนว่าแทบจะร้องไห้ออกมาตอนนั้น แต่ด้วยความรักตัวกลัวอดอยากจึงไปตะลอนหางานทำที่ร้านแถว ๆ นั้นดู แจ็กพอตตกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก กว่าจะเข้ามาทำงานได้ก็ทำหน้าตาน่าสงสารแทบตาย
พอเล่าความโชคร้ายให้เพื่อนร่วมร้านฟัง อีกฝ่ายก็ทำหน้าเห็นใจ ‘ยังเด็กอยู่แท้ ๆ พ่อแม่ใจร้ายจริง ๆ’ ว่าอย่างนั้นก่อนจะเล่าให้ฟังว่าที่นี่เป็นเมืองอาชญากร สถานที่เสี่ยงโชคมีมากพอ ๆ กับโจรชุกชุม ถ้ามีเงินก็ระวังไว้ล่ะ
อีกฝ่ายน่าจะพูดอีกหลายประโยคให้ฟังเกี่ยวกับเมืองนี้ แต่ฉันก็จำไม่ได้แล้ว ก็มันไม่น่าสนใจนี่นา
ฮิโซกะยังไม่โผล่หน้ามาสักที
ฉันก็เลยทำงานไปเรื่อย ๆ
ย้อนอดีตจบแล้วล่ะ!
ตัดมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน
ฮือ นี่มันวันซวยอะไรเนี่ย!
ฉันแทบจะร้องไห้เมื่อหันไปมองข้าง ๆ แล้วพบว่าเพื่อนร่วมร้านที่ทำงานอยู่หลังเคาน์เตอร์ด้วยกันถูกยิงทะลุ หน้าผากโบ๋เป็นรอยกระสุน ตายโดยที่ตาเหลือกขึ้น เลือดท่วมจนพนักงานคนอื่นที่มาพบกรีดร้องลั่น รีบพากันหนีเตลิด
กระสุนเฉียดไหล่ซ้าย ถาก ๆ เสื้อฉันไปแค่นิดเดียว วินาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เมื่อเห็นว่าการยืนให้เห็นกันโต้ง ๆ ดูท่าว่าจะไม่ปลอดภัยต่อชีวิตฉันจึงรีบก้มลงไป คลานแบบไม่ให้เกิดเสียงที่สุด เป้าหมายคือห้องพักเจ้าของร้าน
โฮ ผู้จัดการคะ ร้านเละไปหมดแล้ว!
ร้องเฮในใจเมื่อพยายามจนคลานไปถึงห้องพักผู้จัดการที่หลังร้าน เปิดประตูเข้าไปด้วยจิตใจอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง หวังว่าจะไม่บิดพลิ้วเงินเดือนฉันเพราะภายนอกดูเหมือนเด็กนะ-----
เอ่อ…?
มองดูเลือดที่ไหลอาบพื้น ก่อนจะเงบหน้าขึ้นมองข้าวของในห้องที่กระจัดกระจาย ผู้จัดการร้านตายตาเหลือกคาเก้าอี้ กระสุนหลายนัดเจาะทะลุร่างอ้วนท้วม เลือดไหลออกมาจากแผล ดูแล้วน่าจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกตลอดไป
เงินเดือนฉัน!
ขณะที่ความดีกับความชั่วในตัวกำลังโต้เถียงกันในหัวข้อ ‘สมควรไปค้นห้องเผื่อเจอเงินดีไหม’ ฉันก็สัมผัสได้ถึงการมาของใครบางคน และพอหันหลังไปเท่านั้น…
ชายชุดดำ สวมแว่นดำ ร่างบึกบึน
มือข้างหนึ่งถือปืน ส่วนอีกข้างถือรูปภาพ
มะ---มีเลือดติดที่ใบหน้าด้วย!
“เป้าหมายต่อไป...”
หลักฐานชี้ชัด คุณนี่เองที่เป็นคนร้าย!
ปากกระบอกปืนชี้หน้า ฉันสวดภาวนาให้ตัวเองในใจ นอกจากจะไม่ได้เงินเดือนแล้วยังจะเจ็บตัวอีก…
“อย่าแตะต้องของของคนอื่นสิ♠”
แต่ในตอนที่เตรียมตัวเตรียมใจจะเจ็บแล้วเรียบร้อย จู่ ๆ สถานการณ์ก็กลับพลิกผัน
คนร้ายร่างบึกบึนล้มลงเพราะถูกบางอย่างเฉือนคอ ปืนในมือลั่นปัง ลูกกระสุนโดนศพผู้จัดการด้านหลัง
ฉันกะพริบตา มองดูไพ่สองสามใบที่ตกค้าง ๆ ศพชายชุดดำ ศพของเขาน่าเกลียดกว่าผู้จัดการมากเพราะคอถูกตัดจนเกือบจะหลุดแต่ก็ไม่หลุด เลือดจากสองศพทำให้ห้องพักผู้จัดการกลายเป็นฉากในหนังสยองขวัญเต็มตัว
คนที่ทิ้งฉันไปก้าวผ่านศพเข้ามาหา รองเท้าเหยียบกองเลือด ใบหน้ายังคงยิ้มแย้มไร้ความรู้สึกผิด
มือที่เปื้อนเลือดนั้นบีบแก้มทั้งสองข้างของฉัน ยืดมันออกเหมือนเห็นมันเป็นขนมโมจิ
และเอ่ยทักทายว่า
“แก้มเยอะขึ้นรึเปล่าแคท?”
แคท…
หันเหลือบมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะเจอผู้มีชีวิตคนอื่นอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่พบใครทั้งนั้นนอกจากฉันกับฮิโซกะ
...คนที่เขาจับแก้มอยู่ก็คือฉัน
“เอ่อ...ใครคือแคทคะ?”
ถามให้แน่ใจเผื่อไม่ได้ตั้งใจ บางทีเขาอาจจะหลงชื่อฉันกับผู้หญิงสักคน อื้มอื่ม คงเยอะจนจำสับสนล่ะสิ
“ก็เธอไงแคทเธอรีน♤”
“คุณพูดว่าเกว็น...” ฉันว่าได้ยินแบบนี้นะ
“เอ๋” เขาทำหน้าไม่รู้เรื่อง “พูดตอนไหนน่ะ?”
“เกว็น”
“แคท☆”
“เกว็น...”
“เธอชื่อแคทต่างหาก♧”
ตัวตลกส่ายหน้า มองฉันเหมือนเป็นเด็กเอ๋อจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขาถอนหายใจอย่างเวทนาด้วยท่าทางจริตจะก้าน อุ้มฉันขึ้นอย่างง่ายดายและพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“สารอาหารไปเลี้ยงส่วนอื่นหมดหรือไงนะ?”
ทำท่าทางเหมือนช่วยไม่ได้
“ถึงจะเป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงแต่ก็เอาเถอะ ฉันจะเลี้ยงเธอเอง ก่อนอื่นก็ต้องพาไปกินอะไรบำรุงสมองสินะ?”
ฮิโซกะ!
***********
เคยคิดในแง่ดีว่าถึงจะฆ่าคนได้ตาไม่กะพริบแต่ลึก ๆ แล้วฮิโซกะก็อาจจะเป็นคนดีหรือเปล่า?
แบบว่า ภายนอกดูเหี้ยมโหดแต่อ่อนโยนกับสัตว์ รักเด็ก รักโลก งานอดิเรกคือทำงานในคณะละครสัตว์ สร้างเสียงหัวเราะ อะไรแบบเนี้ย
“ไปจัดการคนนิดน่อย♣”
พอถามว่า ‘หายไปทำอะไรตั้งหลายวัน’ ก็ได้รับคำตอบแบบนั้นมา
ฮิโซกะพูดหน้าระรื่นเหมือนสิ่งที่ทำเป็นแค่งานอดิเรกธรรมดาของคนปรกติ เหมือนเป็นกิจวัตรวัตรประจำวันทั่วไปเหมือนการหายใจเข้าออก ยังมีการมาหัวเราะเมื่อพูดถึงคู่ต่อสู้ที่จัดการไปอีก นี่ อย่าด่าคนตายว่ากระจอกสิ
ใบหน้ายิ่งกว่าฆาตรกรโรคจิตอีก
อือ
ด้านดีที่คิดไว้ป่นปี้หมดแล้ว
ฉันถอนหายใจอย่างปลงตก ให้ฮิโซกะเป็นคนดีก็เหมือนกับการฆ่าฉันตายนั่นล่ะ เป็นไปได้ซะที่ไหน สมควรทำใจให้ชินตั้งแต่ตัดสินใจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการทำร้ายกรรมการแล้วหนีออกมาด้วยกันแล้ว
นึกไปถึงบัตรฮันเตอร์ที่เขาว่ากันว่าล้ำค่าและมีอภิสิทธิ์ขนาดไหนก็ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง
กลิ้งตัวนอนบนเตียงนุ่ม ๆ ของโรงแรมหรูที่ฮิโซกะเป็นคนจ่ายค่าห้อง หยิบชิ้นเค้กที่เป็นบริการพิเศษจากทางโรงแรมเข้าปาก ความนุ่มของเนื้อเค้กและความหวานอมเปรี้ยวจากผลไม้ไม่รู้ชื่อทำให้ความเครียดก่อนหน้านี้มลายหายไปหมด
ถ้าตัดเรื่องความดีงามของมนุษย์ทั้งหลายออกไปแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่างานทำเงินของฮิโซกะมันก็ดีจริง ๆ นั่นล่ะ
ถึงจะเสี่ยงตายและมีศัตรูเยอะไปสักหน่อย แต่ถ้าแข็งแกร่งจริง ๆ รับจ้างล่าค่าหัวเล่น ๆ ถึงจะใช้เงินฟุ่มเฟือยก็คงเหลือใช้ได้อีกนาน เฮ้อ อยากจะเอาอย่างบ้างจังเลยนะ แต่การทำแบบนั้นเข้าทุกวัน สักวันก็คงเบื่อตายพอดี
“เฮ้อ ~ การจะหาเงินมาเลี้ยงเด็กนี่มันเหนื่อยจังเลยน้า ปรกติไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้เลยแท้ ๆ ~~◆”
ฉันมองตัวตลกที่ทำท่าทุบตัว บ่นว่าปวดหลังปวดเอวออกมาเสียงดังราวกับจงใจให้ได้ยิน ไม่พอยังทำหน้าน่าสงสารเหมือนงานหนักที่ว่าเขาเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงตาย
คงจะน่าเชื่อถืออยู่หรอกหากว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เห็นเขาเฉือนคอคนหน้าตาเฉย เหยียบศพอีกต่างหาก และเลือดที่เปื้อนเสื้อผ้านั่นก็เป็นเลือดคนอื่นไม่ใช่เลือดเขา
ฉันฟังคำพูดที่ดูเข้าข้างตัวเองอย่างถึงที่สุดของตัวตลกแล้วก็แทบปล่อยเค้กในมือทิ้งเพราะกินไม่ลง แต่วินาทีต่อมาก็เพิ่งสำนึกได้ว่าห้องพักกับค่ากินนี้ก็เป็นเงินจากเขา ดังนั้นจึงวางเค้กลง ปั้นหน้าปั้นตายิ้มการค้า กระเถิบตัวไปใกล้ฮิโซกะแล้วนวดให้เขาอย่างไม่อิดออด สงบเสงี่ยมที่สุด
“ไหล่อีกข้างด้วยสิ”
ได้
“หลังก็ถูกฟาดมาด้วย ปวดมากเลย”
อื้อ หลังสินะ
“รู้สึกว่าเอวจะเคล็ดนิดนึงด้วยแหละ”
เอว...
มือที่กำลังบีบนวดชะงัก ฉันขมวดคิ้ว พยายามออกแรงบีบมากขึ้นอีกแต่ก็เหมือนสัมผัสถึงผิวหรืออะไรไม่ได้เลย มันนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ เหมือนหมากฝรั่ง...เอ๊ะเอ๋ขึ้นมาทันที
ฉันดึงมือออก ชูมือทั้งสองข้างจนสุด และปรากฎว่าไอ้ที่หยุ่น ๆ นั่นก็ยืดติดมือฉันมาด้วย และจากนั้นมันก็หดกลับอย่างรวดเร็ว ผลคือหน้าฉันชนกับแผ่นหลังของฮิโซกะเต็ม ๆ เจ็บไปหมดโดยเฉพาะจมูก
“บันจี้กัมน่ะ น่าสนุกดีใช่ไหมล่ะ★”
น่าสนุกบ้าอะไร!
“เฮ้อ ใช้นิดเดียวก็ปวดตัวแล้ว นวดต่อเร็ว☆”
ไม่รอให้ปฏิเสธ ฮิโซกะจับมือทั้งสองฉันวางแหมะตรงแถว ๆ ท้ายทอย เป็นการเร่งกลาย ๆ
เพราะเขาไม่มีตาหลังฉันจึงถลึงตาใส่ตัวตลกได้อย่างเต็มที่ ขณะที่มือก็บีบ ๆ นวด ๆ อย่างขยันขันแข็ง เสียงฮัมเพลงของอีกฝ่ายกวนประสาทจนขมับฉันปวดตุบ อยากจะหยุดนวดแล้วเปลี่ยนมาทุบเขาแทน จะตีจมูกเขาด้วย!
“นวดเก่งนะเรา~♠”
หะ...เห็นว่าเป็นคนจ่ายค่าห้องหรอกนะ
ฉันสูดลมหายใจลึก เมื่อคิดถึงค่าห้องที่แพงหูฉี่แล้วก็พยายามดับเปลวเพลิงในใจ ปั้นหน้ายิ้ม ทำหน้าที่บริการที่ดี
“จะว่าไปแล้วก็แปลกนะคะ ถึงจะบอกว่าอาชญากรเยอะก็เถอะ แต่ร้านกาแฟที่ฉันทำงานก็ธรรมดาจนไม่น่าจะไปเตะตาใครเข้านา...”
แค่เงินเดือนก็น้อยนิด ไม่น่าจะมีอะไรให้ปล้น
“เล่นยิงกราดทั้งร้านทำเอาซวยไปหมดเลย คู่แค้นใครกันนะ? หรือจะเป็นของลูกค้าในร้าน….”
การเล่นเป็นนักสืบหยุดไป
“อ้าว ยังไม่ได้บอกเหรอ?”
เมื่อฮิโซกะที่ฮัมเพลงอย่างสบายใจเฉิบเมื่อกี้เอี่ยวตัวหันมาหาฉัน พูดประโยคที่ทำให้ฉันงงงวย ยังไม่ได้บอก?
“พวกนั้นเป็นลูกกระจ๊อกของคนที่เค้าจัดการไปเองแหละ♡”
ฮิโซกะหัวเราะ ดวงตาเจ้าเล่ห์โค้งหยี
“พอดีเผลอหลุดปากเรื่องเลี้ยงเด็กออกไป ตอนแรกคงคิดว่าสำคัญเลยจะเอามาเป็นข้อต่อรองมั้ง? แต่พูดกันไม่รู้เรื่องมันก็เลยเปลี่ยนคำสั่งใหม่ให้จับตาย…
แต่เธอก็ยังไม่ตายนี่นะ? เก่งมากๆ◆”
โอ้โห
คนร้ายที่แท้จริงอยู่ตรงหน้านี่เอง
สรุปก็คือเรื่องทั้งหมดเกิดจากฮิโซกะปากพล่อย ร้านกาแฟรับกรรมเพราะพวกเขาเจรจากันไม่รู้เรื่อง ฉันคือเป้าหมาย ส่วนคนอื่นก็แค่โชคร้าย...ภาวนาให้กับคนตาย ได้โปรดอย่าแค้นฉันแต่จงแค้นตัวตลก!
อยากจะเปลี่ยนจากการนวดตัวเป็นการทุบตีซะตรงนั้น หัวเราะเหรอ? มือฉันกดคอคุณนะ? โปรดเกรงใจสักนิดก่อนที่สาวน้อยจะหมดความอดทนแล้วตบหัวคว่ำ!
“โกรธที่ไม่บอกเหรอไวโอเล็ต?♠”
ไวโอเล็ต…
ชื่อที่เปลี่ยนไปคราวนี้ทำเอาปวดขมับจนแทบจะทนยิ้มต่อไปอีกไม่ได้
เหนือกว่าเรื่องร้านกาแฟยังมีเรื่องชื่อนี่อีก ฉันกดนิ้วนวดบริเวณหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น ถลึงตาใส่ตัวตลกอย่างไม่ปิดบัง ยิ่งเขาทำหน้าระรื่นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกทดสอบความอดทน เริ่มเข้าใจความรู้สึกของศัตรูฮิโซกะขึ้นมาแล้ว
ถ้าไม่เก่งป่านนี้คงตายไปแล้วหลายรอบ
ฮื่อ แต่จะโทษตัวตลกก็ไม่ได้ในเมื่อครั้งที่ทักทายกันฉันเป็นคนพูดเองว่า ‘ไม่มีชื่อ จะเรียกว่าอะไรก็ได้’ ดังนั้นการที่เขาจะเปลี่ยนชื่อฉันไปเรื่อย ๆ ก็ถือว่าไม่ผิด
ถึงจะคิดว่าชื่ออะไรก็ไม่สำคัญ แต่การเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แบบนี้ก็เริ่มไม่เข้าท่า สักวันฉันคงปวดหัวตายแหง ๆ
“ไอ..เรียกฉันว่าไอก็ได้ค่ะ”
ฮิโซกะเลิกคิ้วคล้ายแปลกใจ “ไอ?”
“ในประเทศหนึ่งความหมายของชื่อนี้คือความรัก...เพราะฉันเกิดมาด้วยความรัก มันก็ดูเหมาะดีไม่ใช่หรือไงคะ?” ฉันคลี่ยิ้ม “ทั้งเรียกง่ายแล้วก็ความหมายดีกว่าชื่อเดิมของฉัน...”
“เห~มีชื่อเดิมด้วยงั้นเหรอ?♣”
หลุดปากไปจนได้
ฉันมองใบหน้าสนใจของฮิโซกะ ดวงตาสีอำพันเจ้าเล่ห์นั้นเป็นประกายระยับเหมือนอยากรู้อดีตฉันนักหนา
“ชื่อเดิมของฉันคือจีค่ะ”
ชื่อที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนตั้งให้
‘เราจะอวยพรให้เจ้า เศษเสี้ยวของเรา’
ฉันหัวเราะ
“จีที่มาจากก็อด(God)...ส่วนความหมายของมัน…
คือพระเจ้า”
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
[100%]
ฮิโซกะ : เป็นเด็กที่น่าเป็นห่วงจริง ๆ♥
น้อง(สถานะ : ไร้ชื่อ) : ....
น้อง(สถานะ : ไร้ชื่อ) : *พูดในใจ* ทะ---ที่ไม่ด่าไม่ใช่เพราะกลัวหรอกนะ เจ็บแก้มจนพูดไม่ออกต่างหาก!
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
แนวเบาสมองค่ะ แต่งเพื่อฮีลใจตัวเองล้วนๆ5555555
นักเขียน : สำหรับตอนนี้นั้น....
ความคิดเห็น