NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #2 : นายท่านผู้นั้น เฮงซวย

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 64



    [01] ท่านจอมวายร้าย





    เป็นครั้งเเรกในรอบหลายวันที่จะได้นอนอย่างดีๆ


    ไม่ใช่ข้างถนนหรือที่นั่งในสวนสาธารณะ ขอบคุณจริงๆ ถ้ามากกว่านี้ฉันก็รับไม่ไหวเหมือนกัน อากาศช่วงหน้าหนาวตอนกลางคืนนี่ทำคนตายได้เลยนะ

    ดูเหมือนว่าการที่โดนถล่มยับเเบบนี้จะไม่อยู่ในเเผนที่วางไว้ ยังไม่รวมที่ตอนนี้มีฉันมาเพิ่มด้วย หลายอย่างมันก็เลยวุ่นไปหมด ยกตัวอย่างก็เช่น สถานที่พักผ่อนของฉัน

    ฉันมองเตียงคนไข้ที่ว่างอีกเตียงหนึ่ง สลับกับคุโรกิริที่ทำท่าคล้ายลำบากใจ ใช่สิ สภาพของฉันคงไม่น่าดูเท่าไหร่ เสื้อผ้าเต็มไปด้วยคราบเขม่าจากไฟพวกนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผมหรือใบหน้าที่ผ่านการผจญภัยมา ขนาดฉันยังรับตัวเองไม่ได้เลย


    “คุณ...ตอนนี้นอนเตียงนั้นไปก่อนได้หรือเปล่าครับ ห้องอื่นๆมันไม่น่าอยู่สักเท่าไหร่”


    ไม่น่าอยู่ที่ว่าตีความไปได้หลายความหมาย เเย่จริงที่พอฟังจากน้ำเสียงเขาเเล้วฉันก็ดันนึกได้เเต่ความหมายที่ไม่ดี


    “มันก็ไม่ได้เเย่นักหรอกค่ะ”


    ฉันพูดก่อนจะยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ยังไงมีก็ดีกว่าไม่มี อีกอย่างเตียงนอนในห้องอุ่นๆนี่ก็ดีกว่าข้างนอกมากโข

    เบนสายตามองไปยังออลฟอร์วันที่ตอนนี้กำลังฟื้นตัว ระยะห่างระหว่างเตียงของฉันกับเขาอยู่ใกล้กันเพียงเอื้อมมือ เเบบ ใกล้กันจริงๆ หลังจากเสียจูบเเรกให้เขาไปฉันต้องทำหน้ายังไงดี


    ช่างมันเถอะ ยังไงก็เเค่จูบ



    “ที่นี่มีห้องน้ำหรือเปล่าคะ สภาพอย่างนี้ฉันหลับไม่ลงน่ะ”







    ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าเหล่าวายร้ายพวกนี้เคยมีผู้หญิงอยู่ในกลุ่มบ้างหรือเปล่า


    อาจจะไม่มี หรืออาจจะมี เเต่ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดหรือนอนค้างด้วยกันเเบบที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้

    ฉันมองตัวเองในกระจกที่สวมเสื้อเชิ้ตเเละกางเกงตัวหลวมโพรก เหมือนจะเป็นของใครสักคนในเหล่าวายร้าย เเต่ที่เเน่ๆคงไม่ใช่ผู้หญิงเพราะขนาดมันใหญ่เกินไป

    เสื้อที่ฉันใส่อยู่เเทบจะไม่ต่างอะไรกับเดรสเพราะมันยาวคลุมเข่า ทั้งยังเปิดไหล่ ...ส่วนกางเกง เเม่งโคตรรุงรัง ฉันเกือบสะดุดล้มไปหลายรอบเเล้วเพราะมัน

    ว่าเเล้วก็ถอดทิ้งไปเหอะ เกะกะ

    เหล่าร้ายอย่างน้อยก็เป็นมนุษย์ ดังนั้นการที่บางอย่างในชีวิตจะมีเหมือนคนปรกติจึงไม่น่าเเปลกใจเท่าไหร่ เช่น ห้องน้ำที่มีอ่างอาบน้ำ เเชมพู สบู่เหลว รวมทั้งพวกยาสีฟันเเปรงสีฟันอันใหม่ที่ยังไม่เเกะ

    ฉันถือวิสาสะเเกะมันออกมาใช้เพื่อที่อย่างน้อยจะได้ดูเป็นผู้เป็นคนบ้าง ไม่รู้ว่าเสียมารยาทหรือเปล่าที่ใช้โดยไม่ได้บอกเเต่เดี๋ยวค่อยเเจ้งตอนหลังก็ได้ พวกเขาคงไม่ใจร้ายกับฉันเกินไปหรอก ใช่ไหม?

    กลิ่นหอมเย็นจากเส้นผมเเละผิวทำให้ฉันอารมณ์ดีขึ้นมา เเทบจะเดินไปร้องเพลงไปได้ ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำรู้สึกเหมือนพึ่งเกิดใหม่เลย อีกนิดเดียวก็จะมีปีกลอยขึ้นฟ้าเเล้ว

    ในห้องมีเตียงสองเตียง กับอีกหนึ่งโซฟา เตียงหนึ่งคือของออลฟอร์วัน ส่วนอีกเตียงคือของฉัน โซฟาถูกคุโรกิริยึดเอาไว้ เขาเบือนสายตาหนีตอนที่ฉันสบตาเเละยิ้มให้ -- ไม่ใช่เพราะเขินอายหรอก อย่าคิดไปไกล ท่าทางเขาดูเหมือนจะระเเวงระวังว่าฉันจะทำอะไรตุกติกหรือเปล่าต่างหาก

    ตัวของเขาเป็นกลุ่มควันสีดำ ถ้าไม่นับชุดของมนุษย์ที่ใส่อยู่ฉันก็เเทบเดาไม่ออกว่าเขาเป็นคน หรือเป็นอะไรสักอย่างที่เกิดขึ้นจากการทดลองของออลฟอร์วัน

    คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา ฉันเลิกสนใจเขาก่อนจะเดินไปเเละกระเเทกก้นตัวเองบนเตียงนอน



    ปึก!



    โอ๊ย!


    ฉันขบปากก่อนจะลูบก้นที่กระเเทกไปเมื่อกี้ กลืนเสียงร้องกลับเข้าไปในลำคอเเม้น้ำตาจะยังคลออยู่ที่เบ้า เจ็บ เจ็บมาก เเม่งเอ๊ย ฉันรู้สึกเหมือนกระดูกจะหัก เตียงนี้สุดยอดของความเเข็ง ความนุ่มเด้งอะไรไม่มีสักนิด -- เหลือบมองไปยังออลฟอร์วัน คุณวายร้าย คุณไม่กลัวท่านหัวหน้าปวดหลังบ้างหรือไง

    ผมที่เปียกชื้นเริ่มเเห้งจากเดิมนิดหน่อย ฉันทิ้งตัวลงนอนเเผ่บนเตียง จำได้ว่ามีคนเคยพูดไว้ว่านอนทั้งผมเปียกเเบบนี้จะเป็นหวัดนะ เเต่เเล้วไงล่ะ ฉันต้องไปเชื่ออะไรที่ฟังดูไร้สาระเเบบนั้นด้วยหรือไง


    “เป้าหมายของคุณคืออะไรครับ”


    เขาพูดมันออกมา สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียด หัวหน้าวายร้ายกำลังบาดเจ็บหนัก อยู่ระหว่างเส้นตาย เขาคงระวังมาก ถ้ามีมดเข้ามาในห้องนี้อาจจะโดนบี้ตายด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงมนุษย์อย่างฉันเลย กิเลสเยอะอย่างกับอะไรดี จะมั่นใจได้ยังไงว่าไม่มีอะไรเเอบเเฝง

    เนื้อหาไม่ต่างจากที่ฉันคาดเอาไว้เท่าไหร่ เเต่จุดจบของการไม่ตอบหรือตอบเเบบไม่น่าไว้ใจคงเหมือนกัน ถ้าไม่ถูกจับตาดูมากขึ้นกว่าเดิม ก็คงถูกจัดการทิ้งหลังใช้งานเสร็จ

    ไม่ว่าอย่างไหนก็น่ากลัว ดูสายตาของเขาสิ ห่างเหินเย็นชาจนจะเเช่เเข็งฉันได้เเล้ว นี่มองสาวน้อยน่ารักบริสุทธิ์อย่างฉันเป็นตัวอะไร ใจร้ายจริงๆ

    ฉันอยากจะทำท่าร้องไห้กระซิกๆเหมือนผู้ถูกกระทำ เเต่จนใจที่ตัวเองขี้เกียจเกินไป เเละคิดว่าวายร้ายอย่างเขาคงไม่ตกหลุมพรางโง่ๆของผู้หญิงมารยา ฉันก็เลยนอนเเผ่อยู่บนเตียงต่อไป คิดจะเลื่อนสายตาไปทางอื่นที่ไม่ใช่สายตาของคุโรกิริ เเละตัวเลือกที่เยี่ยมที่สุดคือเพดาน


    ว้าว


    ห้องนี้ถูกทาด้วยสีดำเกือบทั้งหมดไม่เว้นเเม้เเต่เพดาน เป็นสีดำที่ทำให้นึกถึงถ่านอะไรเทือกนั้น นอกจากโคมไฟติดเพดานเเล้วก็ไม่มีของอย่างอื่นตกเเต่งเลย ไม่ มี เลย ไม่มีเเม้เเต่นิดเดียว

    เรียบง่ายเเต่ก็น่าเบื่อ มองไปมองมาเเล้วอยากหลับ

    เเต่ถ้าหลับเเล้วฉันจะถูกจัดการหรือเปล่านี่สิ ถ้าตื่นมาเเล้วไปโผล่อีกที่ที่ไม่ใช่รังวายร้ายฉันจะทำไง ปัจจัยสำคัญอย่างเงินก็เเทบไม่มี ฉันไม่อยากขายตัวเองหรอกนะ

    ฉันถอนหายใจ


    “ถึงฉันจะรู้อยู่เเล้วก็เถอะว่าความระเเวงคือพื้นฐานของมนุษย์ เเต่ก็อดรำคาญไม่ได้จริงๆ”


    เปลือกตาเริ่มหนักอึ้ง มองเห็นภาพเลือนราง


    “คุณก็รู้ดีว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง นี่คงไม่มีเวลาว่างถึงขึ้นมาจับผิดฉันทุกนาทีหรอกใช่ไหมคะ? ดูสภาพเขาสิ มั่นใจเท่าไหร่ว่าตอนนี้มีคนที่รักษาได้ เอาเถอะ ถ้าพูดถึงขนาดนี้เเล้วยังไม่มีประโยชน์ล่ะก็...”


    เปลือกตาปิดลง เสียงหัวเราะหลุดรอดออกมาจากลำคอ




    “จะฆ่าฉันตอนนี้เลยก็ได้นะคะ”




    ลอบฆ่าระหว่างหลับ

    ฉันสงสัยจังว่าควันอย่างเขาจะตายยังไง





    …....

    …………





    ตื่นเช้ามาอย่างสดใสในห้องใหม่ เเละฉันยังไม่ตาย ยินดีกับตัวเองจริงๆ


    ฉันกะพริบตาเพื่อปรับเเสงก่อนจะรีบลุกพรวดขึ้นมา กวาดมองไปทั่วเเละพบว่านี่ไม่ใช่ห้องสีดำเหมือนเมื่อวาน เเต่เป็นห้องสีขาวสะอาดตาที่ถูกตกเเต่งอย่างเรียบง่าย มีตู้เสื้อผ้า หน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับเเสง กระจกขนาดเท่าตัวจริงที่ตั้งอยู่ข้างห้องน้ำ เตียงพยาบาลเเข็งๆถูกเเทนที่ด้วยเตียงนอนนุ่มๆ -- อ้าว ไม่เห็นหัวหน้าวายร้ายเลย

    ฉันยืดเเขนออกไปก่อนจะบิดตัวอย่างเกียจคร้าน เเทบจะคลานออกจากเตียงที่สุดเเสนจะนุ่มเข้าไปในห้องน้ำ เตียงพยาบาลอันนั้นทำฉันปวดตัวไปหมด

    ที่ตู้เสื้อผ้ามีเสื้อเชิ้ตเเละกางเกงขาสั้นสีดำเเขวนไว้ ขนาดเล็กกว่าเมื่อวานเเต่ก็ถือว่าใหญ่ บางทีฉันควรเบิกเงินค่ารักษาไปซื้อเสื้อของตัวเอง ยังไม่พูดถึงเรื่องชั้นในอีก วิลเลินไปซื้อให้คงไม่ดีมั้ง

    ฉันสางผมที่ยาวประบ่าของตัวเองให้อย่างน้อยมันก็ไม่ดูรุงรัง สถานการณ์ในตอนนี้วิลเลินก็เเทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเเล้ว จะคาดหวังอะไรกับการให้เขาไปซื้อหวี ยางมัดผม หรือของใช้ผู้หญิงให้

    ฉันเปิดประตูเเละเดินออกไป ไม่นานก็เจอห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องโถงใหญ่ ตกเเต่งคล้ายคอนโดเลยนะ มีส่วนของครัว มีเคาน์เตอร์บาร์ จอฉายภาพขนาดใหญ่ ของตกเเต่งก็ยังเรียบเหมือนเคย

    ฉันเห็นคุโรกิริทำอะไรสักอย่างที่ครัว กลิ่นหอมฉุยทำให้ฉันเดาว่าคงเป็นอาหารสักอย่าง

    ในตู้เย็นมีของค่อนข้างเยอะ ฉันลูบกระเพาะที่ว่างเปล่าของตัวเองก่อนจะหยิบลูกพีชในนั้นออกมาสักลูก เปิดก๊อกน้ำเเละล้างอย่างพอเป็นพิธี ในขณะเดียวกันนั้นคุโรกิริก็ดูเหมือนจะทำอาหารเสร็จพอดี

    ฉันเอนหลังพิงเคาน์เตอร์ มองเขาที่กำลังจัดจานอาหาร เห็นไกลๆคิดว่าน่าจะเป็นไข่ดาว ขนมปัง กับพวกไส้หรอก

    ฉันกัดลูกพีชไปคำนึง รสหวานอมเปรี้ยวเเผ่กระจายไปทั่วใบลิ้น ระหว่างพวกเรายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเละฉันคิดว่าก็ดี เรื่องไม่น่าจดจำเมื่อวานควรถูกโยนทิ้งลงถังขยะ

    ฉันพูดอะไรไปนะเมื่อวาน? ฆ่างั้นเหรอ บ้าหรือไงตัวฉัน เด็กสาวน่ารักอย่างเธอถ้าตายไปโลกต้องร้องไห้เเน่ๆ

    กัดลูกพีชไปคำที่สอง ก่อนจะมองออกไปข้างนอก ห้องโถงนี้ผนังด้านที่มองเห็นเมืองเป็นกระจกใส วิวในตอนเช้าสวยมากจนฉันกัดลูกพีชไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้ตัว ชั้นที่อยู่น่าจะสูงพอควร วายร้ายพวกนี้มีเงินสินะ

    ฉันโยนเมล็ดลูกพีชลงถังขยะ มองหน้าเจ้าของอัตลักษณ์วาร์ปที่วางจานอาหารลงเคาน์เตอร์ ห่างจากข้อศอกฉันไปไม่ถึงคืบ กลิ่นอาหารยังคส่งกลิ่นหอมฉุย

    “ผมว่าเรายังไม่ได้เเนะนำตัวกันเลยนะครับ”

    เขาพูดขึ้น ฉันเลื่อนสายตาไปมองเขา ก็จริง เรายังไม่ได้เเนะนำตัวกัน เขาไม่รู้จักฉัน เเต่ฉันรู้จักเขา


    “ผมคุโรกิริ อัตลักษณ์คือวาร์ป...คุณคงเดาได้อยู่เเล้ว พวกเราเป็นวิลเลิน”


    อ่าหะ ใช่ ฉันรู้ ฮีโร่อะไรจะกล้าใช้มีดจ่อคอสาวน้อยอย่างฉัน

    พอเขาพูดจบ เขามองฉัน ฉันรู้น่า ตามมารยาทต้องเเนะนำตัวกลับไป

    “ตอนนี้ทำหน้าที่รักษาค่ะ” ฉันกลอกตากลับไปมาเมื่อโดนเขาจ้องให้พูดต่อ นึกถึงสิ่งของหรืออะไรที่ดูเข้าท่าที่สุดเท่าที่มีในหัว ไม่มีชื่อหรอกค่ะ ของแบบนั้นจะให้สารภาพออกไปได้ยังไง “เรียกฉันว่าโชก็ได้ค่ะ นับแต่นี้ก็ยินดีที่ได้ร่วมงานนะคะ”

    ซ่อนความไม่ใส่ใจของตัวเองให้ลึกที่สุดก่อนจะหันไปมองดูนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาสิบโมงกว่า


    “ช่วยบอกทางไปห้องที่คุณเขาอยู่ได้ไหมคะ ตอนนี้น่าจะได้เวลารักษาเเล้วนะ”





    ….





    ห้องของเขาอยู่สุดทางเดิน ลึกเข้าไป


    ประตูดูเหมือนจะเป็นโลหะหนาหรืออะไรเทือกนั้น น่ากลัวนะเนี่ย มีห้องเเบบนี้อยู่ในตึกเเสนสวยได้ยังไง เห็นเเล้วนึกถึงห้องสำหรับปล่อยรังสีออกมาชะมัดเลย

    ในตอนที่ฉันเปิดประตูเข้าไป กลิ่นยาเเละสารอะไรบางอย่างก็ลอยเข้าจมูก ฉันอดเบ้หน้าไม่ได้ ยิ่งสูดเข้าไปก็ยิ่งอยากจะอ้วก ทั้งเเสบเเละฉุนจมูก เเล้วนี่อะไร ห้องมืดมาก โคตรมืดเลย ให้เดานะ ท่านหัวหน้าคงจะเป็นโรคคลั่งสีดำเเน่ๆ

    ฉันพยายามเพ่งสายตามอง ข้างหน้า ไม่ไกลนัก ฉันเห็นใครคนหนึ่งนั่งบนเก้าอี้ขนาดใหญ่ ไม่เห็นเเม้กระทั่งเเผ่นหลังหรือศีรษะของเขา สายน้ำเกลือระโยงระยางเชื่อมต่อมากมาย เเสงสว่างหนึ่งเดียวในห้องนี้ก็คงจะเป็นเเสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์นั่น

    เเละพอเดินเข้าไปใกล้ ฉันก็ได้เเต่อุทาน อะไรวะเนี่ย

    แผลจากเมื่อวานเริ่มลามไปทั่วเเล้ว ทั้งศีรษะกลายเป็นรอยเเผลขรุขระ ทั้งสายน้ำเกลือทั้งสายอะไรฝังตามร่างของเขาไปหมด ชุดที่เขาใส่อยู่ไม่อาจปกปิดรอยเเผล มันยังโผล่ขึ้นมา บางเเผลน่าเกลียดจนอยากอ้วก

    ยิ่งไปกว่านั้น

    ทั้งที่เขายังลืมตาขึ้นมา เเต่ดวงตานั้นกลับเลื่อนลอย สีของดวงตาขุ่นมัว

    ฉันลองโบกมือไปข้างหน้า เเละเขาไร้การตอบสนอง ผลกระทบคือการไม่อาจมองเห็นได้อีกต่อไป



    “ใคร...”



    เสียงของเขาเเหบพร่า โทนเสียงออกทุ้มต่ำ ฟังเล้วใจสั่นขึ้นมาเลย น่าเกรงขามมากพ่อคนใหญ่คนโต  

    เเละในทันใด มือที่วางบนที่พักเเขนก็คว้าจับมือฉันที่โบกหยอยๆตรงหน้าเขา

    มือถูกกำเเน่นขึ้นเรื่อยๆ เสียงดังก็อกเกิดขึ้นพร้อมข้อต่อกระดูกสักชิ้นที่หักลงไป

    ฉันมองมือตัวเองที่บิดเบี้ยว ได้เเต่สบถคำว่าเวรในใจ อะไรวะ กล้าทำร้ายสาวน้อยอย่างฉันเหรอ


    เฮงซวย


    ฉันรู้สึกถึงเหงื่อที่ไหลเข้าตา เเละมันเเสบมากจนต้องกะพริบตาถี่ๆ

    เนิ่นนาน มือที่พันด้วยผ้าพันแผลของเขายังคงกำเเน่นอยู่อย่างนั้น เลือดไหลซึมออกมาจากบาดเเผล ฉันเห็นเขาขบริมฝีปาก เห็นความประหลาดใจในดวงตาสีขุ่นคู่นั้น เเต่เเล้วยังไงล่ะ ปล่อยฉันได้หรือยังนายท่าน เวรเอ๊ย ฉันเจ็บ

    หลายนาทีเเล้วที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในที่สุดเขาก็ผ่อนเเรงลง ก่อนจะปล่อยมือที่อ่อนล้าของฉัน ต้องขอบคุณไหม ดูสิ มันเป็นรอยเเดงเลย ไม่มีความชาอะไรทั้งนั้น มือฉันยังเจ็บเหมือนเดิม


    ฉันพยายามเเย้มรอยยิ้ม


    “ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณ อีกนิดเดียวมืออันบอบบางของฉันก็จะหักเเล้วเชียว”


    คำขอบคุณฉันกลายเป็นอะไรที่ไร้ค่า ดูเหมือนมันจะไม่เข้าหูเขา เขาไม่สนใจมันสักนิด ดวงตาอันขุ่นมัวของเขาเหมือนจะมีประกายบางอย่าง ถ้าสมมติตอนนี้เขามีคิ้วนะ ฉันว่าคิ้วนั่นต้องขมวดเเน่นเเน่ๆ น่าเสียดายที่ผลจากการต่อสู้ทำให้คิ้วเขาหายไปด้วย

     

    คิ้วโล้น


    ถ้าฉันพูดมันออกไป ไม่ต้องบอกเลยว่าคงโดนหักกระดูกทั้งร่าง


    เพราะฉะนั้น ฉันรีบรักษาเเล้วกลับไปหัวเราะที่ห้องตัวเองดีกว่า


    นายท่านผู้ได้รับจูบเเรกของฉันไป ทั้งดวงตา จมูก ปาก ที่เหลืออยู่ดูดีมาก น้ำเสียงเเหบต่ำ เเล้วก็ร่างกายนี่อีก รู้ไหม ถ้าไม่นับรวมเอาความผิดที่ทำร้ายสาวน้อยอย่างฉันล่ะก็ เขาสมบูรณ์เเบบ



    “ฉันจะรีบรักษา เพราะงั้นช่วยอยู่นิ่งๆสักครู่นะคะ”



    ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานั้น การจูบรักษามันก็เลยไม่ได้เเย่เท่าไหร่

    จูบลึกซึ้งครั้งที่สองไม่ได้เเย่เหมือนครั้งเเรก เขาไม่ได้อยู่ในสภาพเปื้อนเลือดเต็มตัวดังนั้นฉันจึงไม่รับรู้รสคาวอีก กลับกัน ฉันได้กลิ่นพีช รสอันหอมหวาน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาทำให้ในหัวกลวงเปล่าไปพักหนึ่ง เเละเมื่อรู้สึกว่าหายใจไม่ทันฉันก็ผละออก

    เลียริมฝีปากครั้งหนึ่ง รสหวานคงติดมาจากการกินลูกพีช

    นายท่านเฮงซวยเงียบมาตั้งเเต่เมื่อกี้ ตอนโดนจูบก็ไม่ตอบสนอง ไม่เเปลกใจเท่าไหร่ สำหรับเขาที่พึ่งเจอฉันครั้งเเรกก็โดนจู่โจมเเบบสายฟ้าเเลบ

    ฉันหลุบมองร่างของเขา ภายนอกยังไม่เปลี่ยนเเปลงอะไรเท่าไหร่ เเต่อวัยวะภายในย่ำเเย่คงต้องรักษาตรงนั้นก่อน

    เขาเหมือนจะถามหรือสงสัยอะไรสักอย่าง ประกายในดวงตาขุ่นมัวบอกอย่างนั้น ปากที่กำลังจะเอ่ยถามหยุดชะงักไป มือที่พันด้วยผ้าพันเเผลขยับ…

    เเละเเล้ว มือของฉันถูกกำไว้อีกครั้ง

    นายท่านเฮงซวย



    “เธอไม่มีอัตลักษณ์?”



    ให้ตาย ฉันชอบเสียงของเขา ขอบคุณกล่องเสียงที่ไม่พังจากการต่อสู้

    เขากำมือฉันเเน่นอีกครั้ง เเละเป็นอีกครั้งที่บาดเเผลบนมือของเขาปริเเตก เลือดซึมออกมามากกว่าเดิมจนย้อมผ้าพันเเผลให้เป็นสีเเดง ไม่ต้องเดาเลย นิ้วของฉันตอนนี้คงเเหลกละเอียดจากเเรงของเขา

    เธอไม่มีอัตลักษณ์?

    แหม ถามอะไรได้น่าสะเทือนใจจริงๆ



    “ฉันก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองมีอัตลักษณ์เสียหน่อย”



    ออลฟอร์วันช่างเป็นคนที่โลภมากเหลือเกิน

    คิดจะชิงความสามารถในการรักษาไปแล้วเฉดหัวสาวน้อยทิ้งเหรอ ฮึก กระซิกๆ คนไร้หัวใจ คนเลือดเย็น

    “น่าเสียดายจริงๆ เมื่อกี้ฉันเกือบจะได้อุทิศตนเพื่อนายท่านแล้วแท้ๆ”

    เสียงหัวเราะดังออกมาจากลำคอ มือข้างที่ยังใช้งานได้เลื่อนไปปลดผ้าพันเเผลที่มือของเขาออกอย่างเชื่องช้า กลิ่นคาวเลือดผสมกับกลิ่นยาทำให้ฉันเวียนหัว

    เลือดไหลออกมาจากบาดเเผลที่ปริเเตก ค่อนข้างร้ายเเรงเชียว มันลึกเเละเป็นรอยพาดยาว อดนับถือไม่ได้จริงๆที่ทนมาได้ถึงขนาดนี้ ถ้าเป็นมนุษย์คนอื่นคงตายเพราะพิษบาดเเผลไปเเล้วเเท้ๆ

    ฉันลูบหลังมือเขาอย่างเเผ่วเบา เลือดไหลจากข้อมือลงมาเปรอะเปื้อนเเขนเสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่ นี่ไง ข้ออ้างในการออกไปซื้อของของฉัน เชิ้ตเปื้อนเลือดฉันใส่ไม่ได้หรอก มันน่าเกลียด


    ประทับจูบลงบนฝ่ามือที่ชุ่มด้วยเลือด



    “คุณไม่มีทางได้คำตอบในเรื่องพลังของฉันหรอก เพราะฉะนั้น จากนี้ไปสนเพียงผลลัพธ์ไม่ดีกว่าหรือคะ?”



    มองบาดเเผลที่เริ่มสมานกันจนกลับมาเป็นปรกติด้วยรอยยิ้ม ปาดเลือดที่ยังหลงเหลืออกจนเห็นเพียงฝ่ามือของคนปรกติ ไร้รอยเเผลอันน่ารังเกียจ

    ดวงตาสะท้อนภาพของเขา เลียคราบเลือดที่ติดบนเรียวปาก รับรู้ถึงรสสนิมที่คละคลุ้ง





    “ไม่ต้องห่วง...

    เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้คุณตายแน่ค่ะ”







    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    โช : นายท่านผู้สมบูรณ์เเบบ...เเต่พิการคิ้ว *กลั้นหัวเราะ*




    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×