คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บางคนก็ชอบทำอะไรที่มันเข้าใจยาก
[13] ลำเอียง
ทำไมช่วงนี้รู้สึกเหมือนถูกทิ้งเลยนะ?
ฉันนอนตีขาบนเตียงตัวเอง มองดูนาฬิกาบนผนังที่ตอนนี้บอกเวลาเกือบสามทุ่มเเล้วก็มุ่ยหน้า ปล่อยโทรศัพท์ในมือลง หน้าจอยังเปิดค้างเเสดงความยินดีที่ชนะบอสใหญ่ในเกมได้ รางวัลกับลำดับในเกมไม่ช่วยให้ดีใจขึ้นมาสักนิดเลย
คว้าหมอนของเขามากอด อ๊า เหงาจังเลยน้า เหงามากๆเลย ทำไมทิ้งฉันเเบบนี้ล่ะโทมุระคุง
ฉันพยายามจะข่มตาให้หลับ เเต่ความพยายามก็เหมือนไร้ผล ไม่มีความรู้สึกอยากจะนอนหลับสักนิด เเย่จัง เพราะเคยชินกับการนอนด้วยกันไปเเล้วเหรอ ความผิดฉันที่ยอมตั้งเเต่เเรกสินะ ถ้ารู้เเบบนี้น่าจะขัดขืนไปเลยดีกว่า
ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา คิดจะเล่นเกมเเต่ก็เคลียร์ทุกด่านหมดเเล้ว นิยายในเว็บก็ดันเบื่อ ไม่มีเมล์ใครเข้ามาด้วย
ทิ้งโทรศัพท์ลงครั้งที่สอง กอดหมอนเเล้วกลิ้งตัวไปมาบนเตียงที่ดูจะกว้างขึ้นกว่าทุกวัน ปรกติเวลานี้ฉันควรได้นอนเบียดกับนายน้อยเเล้วหลับไปเเท้ๆ
สามทุ่มครึ่ง
ก็ปิดไฟเเล้วนะ ห้องมืดกำลังดี เเต่ทำไมไม่หลับล่ะ
ไม่มาจับผิดฉันต่อเหรอนายน้อย
ยอมให้เบียดก็ได้นะ
อือ เหงาอ่า มีคนถูกทิ้งอยู่ตรงนี้น้า
ฉันนอนเเผ่บนเตียง หลับตาสลับกับลืมตาอยู่อย่างนั้นจนเวลาล่วงเลยไปสี่ทุ่ม ก็ไม่เห็นวี่เเววว่าเขาจะมาสักนิด
หลุบมองหมอนของเขาที่กำลังกอดอยู่ นึกถึงหน้าเรียบนิ่งกับนิสัยที่เริ่มห่างเหินเย็นชาเเล้วฉันก็ทุบตีหมอนอย่างบ้าคลั่ง น่าหงุดหงิดจังเลยนะ เพราะเป็นว่าที่ผู้สืบทอดก็เลยมีนิสัยเหมือนนายท่านเหรอ
อย่าบอกนะว่า butterfly effect อีกเเล้ว
ใช่ก็บ้าเเล้ว
ฉันหยุดทุบหมอน คิดถึงนายน้อยจังเลย
ตอนไหนจะหยุดสงครามประสาทสักที
สี่ทุ่มกว่า
ฉันกะพริบตา หยุดคร่ำครวญไปชั่วขณะ
ก็ดึก ถึงเวลาที่เด็กผู้หญิงอย่างฉันควรนอนอย่างจริงจัง ก่อนที่จะตื่นมาหน้าโทรม ขอบตาคล้ำเหมือนไม่ได้นอน
ถอนหายใจยาวเหยียด หยิบมือถือรอบที่สามมาดูปฏิทินอย่างเกียจคร้าน เห็นเเจ้งเตือนก็เบิกตาขึ้น
พรุ่งนี้วันจบการศึกษาของโชโตะ
ลืมไปซะสนิท เเทบจะไม่ได้นึกถึงเลย
ฉันผุดขึ้นจากเตียง ทิ้งหมอนที่กอด พรุ่งนี้ดันมีเรื่องซะเเล้วสิ ตื่นสายก็คงไม่ได้ด้วย เเล้วฉันก็ไม่อยากออกไปเจอน้องน้อยในสภาพที่ฉันโทรม ขอบตาคล้ำ ทำท่าเหมือนง่วงตลอดเวลา ภาพลักษณ์ด้านดีๆยิ่งมีน้อยอยู่ด้วย
ต้องออกไปหาตัวช่วย ของกินที่ทำให้หลับ
อย่างเช่น นมอุ่นสักเเก้ว เเล้วก็จุดเทียนหอมกลิ่นผ่อนคลายๆ พวกคาโมมายล์ ลาเวนเดอร์ เดี๋ยวก็คงหลับไปเอง
ยุ่งยากจริงๆเลย
ทั้งที่เเค่ได้กอดสักคนก็หลับเเล้วเเท้ๆ
เสียงกุกกักดังขึ้นหน้าห้อง
ในตอนเเรกฉันเเอบคิดว่ามีวิลเลินบุกที่พักหรือเปล่า หรือฮีโร่ คุโรกิริก็บอกว่าไม่กลับซะด้วย ทิ้งสาวน้อยอย่างฉันไว้คนเดียว -- ลืมไป กับคนบ้าที่เอาเเต่หมกตัวในห้องอีกหนึ่ง เเต่เขาคงจะช่วยฉันหรอก ช่วยบีบคอซ้ำเติม
เอาเถอะ ถึงจะเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆก็เเค่...
เเต่เเล้วความคิดฉันก็ได้หยุดชะงักไปเมื่อได้เห็นตัวการของเสียงตะกุกตะกักหน้าห้องฉัน
ไม่ใช่เเค่ความคิดเเต่ร่างกายก็หยุด หัวใจ สมอง ปากด้วย เหมือนเบลอไปพักหนึ่ง คิดคำจะพูดไม่ออกขึ้นมา
ในความมืด
เงาตะคุ่มสีดำที่เห็นเลือนรางว่าเป็นคนฟุบอยู่ที่พื้น
ไม่ใช่นายน้อยเพราะคนนี้ตัวใหญ่กว่านั้น เสียงเเหบต่ำลอดออกมาจากลำคอ เขาคงจะสะดุดอะไรจนล้มเข้า
นี่มัน...ฉากนิยายห่วยเเตก
“ออลฟอร์วัน”
เเค่เสียงฉันก็จำได้เเล้ว
ช่วงนี้ฉันไม่ได้ไปหาเขาเลย เรียกได้ว่าเเทบจะไม่ก้าวเข้าไปในห้องของเขา เหตุผลก็คือไม่มี เพราะไม่มีก็เลยไม่ไป นอกจากนั้นก็คือฉันกลัว
ฮือ กลัวมากเลย ความผิดที่นอกใจเขาไปหาหนุ่มน้อยตาสองสีมันช่างหนักหนานัก เผื่อเดินเถลอถลาเข้าไปเเล้วเจอเขาโมโหใส่ฉันจะทำยังไง
ยังไงก็ตาม ถึงในตอนนี้อยากจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเเล้วเดินผ่านไปอุ่นนมดื่ม เเต่ก็เผลอเรียกชื่อไปเเล้วนี่ ตามมารยาทอันดีงานเเละจรรยาบรรณของหมอเเสนอ่อนโยน ฉันก็ต้องเข้าไปช่วยอยู่เเล้ว
ฉันเปิดสวิตซ์ไฟพอให้ห้องสว่างขึ้นมา จากนั้นก้มไปหาเขาที่ปัดมือเหมือนจะคว้าอะไรมาค้ำตัวเอง ดูอ่อนเเอรับไม่ได้ นี่ใช่คนเดียวกับที่พูดเสียงเหี้ยมขู่ฉันเหรอ อ่อนเเอขนาดนี้เเกล้งคืนได้ไหมนะ
ล้อเล่นน่า ฉันทำได้ที่ไหน
ฉันพยุงเขาให้ลุกขึ้นมายืนดีๆ จะอะไรกันนักหนานะ เเค่อยากหาอะไรมากินให้หลับเท่านั้นเอง
“อา...ขอบคุณ” เสียงของเขาทุ้มต่ำ ชวนฟังเเต่ไม่น่าไว้ใจ “ฉันไม่คุ้นกับข้างนอกเท่าไหร่”
รู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมา
ฉันค่อยๆผ่อนลมหายใจให้กลับมาปรกติ คงเพราะไม่ได้ไปหานานภูมิคุ้มกันก็เลยต่ำลง เเบบนี้ก็เเย่เลยสิ หัวใจสาวน้อยหวั่นไหวง่ายซะด้วย ถ้าฉันตกหลุมรักเขาขึ้นมาจะไม่กลายเป็นหนังรักน้ำเน่าเลยเหรอ
“เผื่อไม่รู้ นี่ดึกมากเเล้ว คุณออกมาทำไม” ฉันถอยออกมา “ปรกติคุณเอาเเต่เก็บตัวไม่ใช่หรือไง”
“ฉันไม่ได้เก็บตัว เธอไม่ได้อยู่กับฉันทุกช่วงเวลาเสียหน่อย” เขาหัวเราะ “คิดว่าพอชินกับการอยู่ในห้องเเล้วก็เลยลองออกมาบ้าง อัตลักษณ์นี้ฝึกยากกว่าที่คิด”
อัตลักษณ์รังสีอะไรนั่นน่ะเหรอ ที่ใช้เสียงกับการสั่นไหวในอากาศอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้การเคลื่อนไหวน่ะนะ?
มองข้อนิ้วที่เคาะเเถวขมับใกล้ดวงตาขุ่นมัวเเล้วฉันก็อยากหัวเราะขึ้นมา อาการใจสั่นเมื่อกี้หายไปหมด
นี่ไม่ใช่เกม เเล้วเขาก็ไม่ใช่ตัวละครลับงอกง่อยพวกนั้น อีเว้นต์บ้าอะไรคงไม่มีหรอก ที่เกิดขึ้นนี่ก็เเค่ความจงใจ
“พูดมากกว่าปรกติจนฉันขนลุกเลยเนี่ย คุณดูอารมณ์ดีนะนายท่าน กำลังจะมีเรื่องดีๆอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า”
“คงเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อสองปีก่อนมีคนบอกว่าถ้าฉันอารมณ์ดีเธอจะอวยพรให้...ล่ะมั้ง?”
อ่า
ให้ตายเถอะ
ใช่คนเดียวกับที่เสียงเหี้ยมขู่ฉันไหม ใช่ที่บอกจะฆ่าฉันหรือเปล่า --- ผู้ชายที่เหยียดยิ้มมุมปาก พูดเสียงทุ้ม แล้วก็เเผ่ออร่าบอสผู้บงการเบื้องหลังออกมา คนนี้น่ะ
“ไม่คิดว่าจะมาหยุดฝึกกลางคันเเบบนี้เลยนะคะ”
“มันยุ่งยาก” เขาว่า เเตะที่ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้น “อีกอย่าง...มีคนที่ถ้าไม่เห็นหน้าตอนนี้ อนาคตก็คงไม่มีโอกาสอีก”
ถึงไม่รู้ว่าหมายถึงใครก็เถอะ
เเต่เเค่มองมาเเบบนั้น พูดเสียงนุ่มๆ ฉันก็ยอมเเพ้เเล้ว ฮึก หัวใจสาวน้อยสั่นไหวรุนเเรง เเบบนี้ฆ่าฉันให้ตายดีกว่า
ยักไหล่ไม่ใส่ใจ เข้าไปช่วยพยุงเขา
“กลับห้องกันเถอะค่ะ”
เอาเถอะ
วันนี้ก็ไม่มีนายน้อยให้กอดด้วย
…
…..
ความนุ่มหยุ่นกดลงที่ดวงตาทั้งสองข้าง
เธอคร่อมทับอยู่บนตัวเขา ขยับร่างเปราะบางเสียดสีกันผ่านเสื้อผ้าที่ขวางกั้น ผละริมฝีปากออกไป
ลมหายใจร้อนผ่าวคลอเคลียข้างเเก้ม มือเล็กนิ่มไล้ไปตามกรอบหน้า ใกล้จนได้กลิ่นเเชมพูเเละเเป้ง
เสียงหัวเราะใสเเผ่วเบา ทว่ากลับสัมผัสไม่ได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกในนั้น ทั้งว่างเปล่าเเละกลวงโบ๋
“พรุ่งนี้เเดดอาจจะจ้าหน่อย เพราะงั้นอย่าเพิ่งรีบออกไปไหนนะคะ ฉันก็ไม่ว่างมาดูด้วย”
เธอขยับตัวออก ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนข้างๆ
มันไม่ใช่ครั้งเเรกที่เขาได้อยู่ใกล้ผู้หญิง เเละมันก็ไม่ใช่ครั้งเเรกที่พวกเราใกล้ชิดกัน ทว่าเขากลับไม่เคยชินสักที
“นายท่านอารมณ์ดีเเล้วนี่ คงไม่ว่าอะไรใช่ไหมถ้าฉันจะนอนกอดคุณทั้งคืนน่ะ อ่ะ คงไม่ฆ่าฉันหรอกนะ”
เรียวเเขนเล็กโอบกอดอย่างถือดี
เขาหลุดหัวเราะ ก่อนจะตามใจซ้ำเเล้วซ้ำเล่า
“นอนได้เเล้ว โช”
หมากเบี้ยที่ควบคุมไม่ได้
สักวันเขาจะทำลายทิ้งอย่างเเน่นอน
...
.....
ลืมตาขึ้นมาพร้อมอาการมึนเบลอในหัว
ใบหน้าของผู้ชายคนหนึ่งอยู่ห่างเเค่คืบฝ่ามือ ใกล้กระทั่งเห็นเปลือกตาที่ปิดสนิทเเละเเพขนตา ปลายจมูกโด่ง ริมฝีปากหยัก ผมสีอ่อนตัดสั้นรับโครงหน้าคมตอนนี้กำลังยุ่งไม่เป็นทรง เป็นผู้ใหญ่มีอายุที่ยังดูดี
ฉันหรี่ตามองอีกครั้ง พยายามสะบัดความเบลอที่ค้างอยู่ในหัวออกไป พิจารณาโครงหน้าเเละริมฝีปากที่ดูคุ้นเคย รู้สึกตะหงิดใจขึ้นมา เหลือบมองรอบๆห้องก่อนจะพบว่ายังอยู่ในห้องของบอสใหญ่ เตียงที่นอนอยู่ก็เป็นเตียงเดียวกับเมื่อคืน
เมื่อวานฉันจำได้รางๆว่าหน้ามืดขนาดหนัก คร่อมทับไม่พอ ยังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตท่านวายร้ายไปจนเห็นกล้าม ----
หลุบสายตามองต่ำ
คน ๆ นี้ก็ใส่เสื้อเชิ้ตเหมือนกัน กระดุมหลุดออกไปสองสามเม็ด เสื้อเเหวกออกเห็นอะไรที่ชวนหน้ามืดอีกครั้ง
ฉันกะพริบตาปริบ หันกลับมามองหน้าเขาอีกครั้ง ดูใบหน้าคุ้นเคย อาการมึนหัว เอาส่วนประกอบมาเชื่อมโยงกัน
อ่ะ
ทำลงไปเเล้วสิ
เมื่อวานคงเคลิ้มจนคิดไปเรื่อยเปื่อยเเน่เลย ให้ตาย
เเย่เลยเเฮะเเบบนี้ ย้อนมาซะสมัยยังไม่เสียอะไรไปสักอย่าง รูปลักษณ์ ร่างกาย พลัง ทุกอย่างก็กลับมาหมดเเล้ว บอสลับ lv.999 เวอร์ชั่นอัพเกรดใหม่ สมบูรณ์แบบไม่มีที่ติสักนิด ฉายาท่านคิ้วโล้นใช้การไม่ได้อีกแล้ว
สถานการณ์พลิกกลับ
ฉันคิดถึงออลไมท์
ผ่านมาเป็นปีตอนนี้ฤทธิ์คงหมดเเล้ว ตอนนั้นก็เเค่ช่วยยื้อเวลาให้นิดหน่อยเท่านั้น เรียกว่ารักษาไม่ได้ด้วยซ้ำ ฮึก ฮีโร่ตลอดกาลจะเป็นยังไงบ้างนะ อาการทรุดหนักกว่าเดิมไหม ทรมานหรือเปล่า หาผู้สืบทอดได้หรือยัง…
ยิ่งคิดยิ่งเศร้า จินตนาการภาพในอนาคตที่สองผู้นำฝ่ายดีร้ายมาปะทะกันออกเลย ตูม! ฮีโร่อันดับหนึ่งคงกลายเป็นฐานให้ท่านวายร้ายเหยียบเเหงๆ
โศกนาฏกรรมที่คู่ต่อสู้ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นราชาในโลกใต้ดิน กับอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้สืบทอดพลังวันฟอร์ออล บอสใหญ่เบื้องหลังวิลเลินสู้กับฮีโร่ที่เเข็งเเกร่ง
ตูม! อัปเกรดกลายเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างวิลเลินเเละฮีโร่
ถ้ามีฝ่ายหนึ่งไม่เจ็บเลยล่ะก็ อืม คนเขียนบทเรื่องนี้โคตรลำเอียงเลย
….
--- โคตรลำเอียง
ฉัน -- กลายเป็นคนเขียนบทอวยฝ่ายใดฝ่ายนึงอย่างไม่ได้ตั้งใจไปซะเเล้ว
ร้องโอดครวญในใจ เเย่จัง เเย่มากเลย เรียกสารเลวยังน้อยเกินไป สมควรถูกประณามท่ามกลางฮีโร่ตอนนี้เลย
มองเขาที่ยังปิดเปลือกตาอยู่ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ตอนนี้คงยังไม่รู้ว่าตัวเองกลับมาในสภาพไหน
บางทีฉันควรจะ…
‘ถ้ามันไม่มีประโยชน์อีกต่อไปเเล้วเธอจะจัดการยังไง?’
ปลายนิ้วหยุดชะงักกลางอากาศ ระยะห่างจากดวงตาสีอ่อนที่ปรือขึ้นมาเพียงน้อยนิด
เหมือนเวลาหยุดนิ่งไป ทว่าความโชคดีก็ยังหลงเหลืออยู่ เเสงในตอนเช้าสว่างคงเกินไปสำหรับคนที่ตื่นมารับสีสันครั้งเเรกในรอบสองปีอย่างฉับพลัน ดวงตาที่ปรือขึ้นมานั้นในวินาทีต่อมากลับต้องปิดเเน่น
ค่อยๆเลื่อนปลายนิ้วเย็นเยียบกลับมา เก็บซ่อนใต้ผ้าห่ม ปล่อยลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาช้าๆจนเป็นปรกติ
เขาซ่อนดวงตาตัวเองไว้ใต้เเขน ซุกหน้าเข้ากับหมอนหลบเเดด ท่าทางไม่สมเป็นบอสวิลเลินผู้ยิ่งใหญ่
ฉันผ่อนลมหายใจ เมื่อรู้สึกว่าปลายนิ้วไม่ได้เย็นเยียบเหมือนเมื่อกี้เเล้วก็ค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมคนบนเตียง
มือรั้งม่านสีทึบมากั้นเเสงเเดด เกือบทุกที่ที่คิดว่ามีเเสงจ้าผ่านเข้ามา ห้องที่ควรสว่างสดใสกลับกลายเป็นมืดมน
ในหัวยังเบลออยู่ ภาพรอบข้างหมุนเคว้ง เดินเซไปมาจนต้องหาที่จับยึด สะบัดหัวไล่ความมึนออกไป นวดขมับสักพัก อาการดีขึ้นหน่อย อย่างน้อยถึงไม่มีที่ให้จับยึดไว้คงไม่ถึงขึ้นเซลงไปกองกับพื้น
เสียงขยับตัวบนเตียงหายไปได้สักพัก ฉันหันไปดู ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนที่ดูเด่นขึ้นมาในห้องมืดมน
ฉันไม่รู้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้เป็นยังไง ไม่ได้สำรวจตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ติดกับผนังข้างเตียงด้วยซ้ำ บางทีผมอาจจะยุ่งฟู ใบหน้าโทรม ตาบวม สภาพทุเรศทุรังก็ได้ ไม่ใช่ทุกคนที่ตื่นมาเเล้วดูดีสักหน่อย
ในกระโหลกเหมือนมีเเต่ความว่างเปล่า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ท้ายสุด เพื่อไม่ให้ความเงียบก่อตัวจนน่าอึดอัด ฉันก็ได้เรียบเรียงคำพูดเเล้วเอ่ยออกไปพร้อมรอยยิ้ม
กลับมาเป็นอย่างปรกติ
จะว่าไป เขาจ้องนานเเล้วนะ
กำลังคาดหวังอะไรจากคนที่เพิ่งตื่นอย่างฉันเหรอ ขอโทษด้วยที่ทำให้ผิดหวัง คนที่คุณจูบเเทบปากเปื่อยเมื่อวานเป็นคนเดียวกับสาวน้อยหัวฟูคนนี้เเหละ อีกนิดเดียวก็จะพรากผู้เยาว์เเล้วนะรู้หรือเปล่า
มือลูบผมให้ดูพอดูได้ ก้มมองดูกระดุมชุดนอนที่หลุดไปเกือบครึ่งจากเมื่อวานเเล้วก็ขยับให้มันไม่เปิดอ้าเกินไป อาจจะต้องไปหาซื้อชุดนอนตัวใหม่ทีหลัง แหม นี่เเค่อารมณ์พาไปนะ ไม่ได้ทำอะไรลึกซึ้งกันทั้งนั้น รุนเเรงจัง
มองดูใบหน้าอันหล่อเหลานั่นเเล้ว ต่อไปนี้ฉันควรทำใจให้ชินถ้าหากว่าบางวันเขากลับมาพร้อมกลิ่นน้ำหอม รอยลิปสติกบนซอกคอ หรืออะไรที่มันคาวๆ -- คนใหญ่คนโต เเถมยังเป็นชายวัยกลางคนมีเสน่ห์เปี่ยมล้น เรื่องเเค่นี้มันปรกติทั่วไปในนิยายจะตายไปใช่หรือไง?
เรื่องเครียด ธุรกิจ การเจรจา
เขาเป็นพวกคนในเงามืด ราชาโลกใต้ดิน อะไรพวกนั้นไม่ใช่หรือไง เรื่องพวกนี้ถ้าบอกว่าไม่เคยผ่านมาก่อนก็ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ อย่าลืมว่ายังไงก็เป็นมนุษย์นี่เนอะ ต้องมีโลภ มีราคะ มีหลง มาเกี่ยวข้องด้วยไม่มากก็น้อยสักทางเเหละ
เเต่
เเต่ก็ช่างเถอะ
ถามว่าเกี่ยวกับฉันไหม ก็อยากจะเกี่ยวอยู่ นายท่านสภาพนี้ดูดีชะมัดเลย เเต่ฉันก็ไม่อยากมีสายรั้งคอเหมือนกัน
“เธอ...รักษาฉัน?”
เขากึ่งถาม น้ำเสียงในตอนเช้าติดเเหบหน่อยๆ
ถ้าเปรียบดวงตาคมกริบนั้นเป็นมีดฉันคงถูกหั่นเป็นพันครั้ง สายตาทำเอาเจ็บปวดหน่อยๆ ทำไมมองเหมือนฉันเป็นตัวประหลาดอย่างนั้นล่ะคุณบอส สาวน้อยจะร้องไห้เเล้วนะ
เรียวนิ้วเกี่ยวปอยผมด้านหน้าเล่น ริมฝีปากฉีกกว้างขึ้นอีกเพื่อปกปิดไม่ให้รู้ข้างใน ฉันกำลังคิดเค้นคำตอบของคำถามอย่างเต็มที่ เเม้ว่าในหัวตอนนี้จะกลวงเปล่า มึนเบลอ ไม่สมประกอบเท่าไหร่ก็ตาม
“คือ...”
คำตอบสั้นๆ ไม่ยากเลยที่จะเอ่ยออกไป
ทว่าพอกำลังจะเอ่ย สมองที่ไม่สมประกอบเมื่อกี้ก็ดันกลับมาเข้าที่เข้าทางทันเวลาเหมาะเจาะ
วิ่งวุ่นไปหมด
เขาว่าถ้าไม่ใช้สมองคิดเลยมันจะฝ่อเข้าสักวัน เเต่สำหรับฉันนะ คิดมากไปก็ไม่ดีเหมือนกัน เช่นตอนนี้ ปวดหัวจัง
ฉันมองหน้าเขา เห็นความสับสนเเละสงสัยยังตกตะกอนค้างอยู่ในดวงตาคมกริบ เเม้ว่าเขาจะพยายามเก็บมันไว้ข้างในเเล้วก็ตาม เขามองฉันตั้งเเต่หัวจรดเท้าเลย เชื่อไหม สายตายิ่งกว่ามองเอเลี่ยนอีก
ย้อนดูความคิดตัวเองตั้งเเต่เริ่มเเรก
รักษาเขาไปเพื่ออะไร
เพื่อหนี หาที่อยู่ เเละ ----
อ๊ะ
ถ้าในหนัง ฉากนี้คงเป็นตอนที่ตัวเอกทำหน้าเหมือนพึ่งนึกเรื่องสำคัญได้ เอากำปั้นทุบมือ มีเสียงปิ๊งป่อง!ประกอบ
ลังเลอะไรอยู่
ที่เธอกำลังทำมันก็เปลี่ยนไปครึ่งทางเเล้วนะ
คำตอบที่ค้างในลำคอถูกกลืนกลับเข้าไป
ฉันยิ้มเเห้ง หัวเราะเเหะๆ ทำท่ามองไปทางอื่น
“คือว่านะนายท่าน เมื่อคืนผิดพลาดนิดหน่อย”
ที่เธอกำลังทำมันก็เปลี่ยนไปครึ่งทางเเล้วนะ
“ที่จริงว่าจะรักษาเเค่ดวงตานั่นล่ะ เเต่พลังดันเกิดควบคุมไม่ได้ขึ้นมา -- สุดท้ายผลก็เลยออกมาเเบบนี้ เเหม เเต่ก็ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย คุณในอดีตหล่อเหลาจนฉันใจเต้นเลย”
เเต่เเล้วยังไงล่ะ
อีกครึ่งทางไม่เอาเเล้วล่ะ
ไม่ว่าจะตัวร้ายหรือเหล่าพระเอกของเรื่อง
ก็ฉันขี้เกียจทำต่อเเล้วนี่นา
ทิ้งๆเเผนการไปก็เเล้วกัน
.....
ฉันเกือบลืมวันของโชโตะไปซะสนิท
จากใจจริงเลย ถ้าไม่ได้ยินเสียงเเจ้งเตือนที่เด้งขึ้นมาในโทรศัพท์ว่า ‘วันนี้มีงานนะ สัญญากับน้องไว้เเล้วไงว่าจะไปร่วมเเสดงความยินดีกับเขา’ ฉันก็คงนอนเเผ่บนเตียงในห้องตัวเองต่อ หรือไม่ก็อาจจะขังตัวเองไว้ในห้อง
นายน้อยไม่กลับมา
ที่บอกว่าจะกลับค่ำหมายถึงเเบบนี้เหรอ ที่ให้ค้างข้างนอกได้ก็เพราะงี้? นี่ โทมูระคุงจะทิ้งพี่สาวจริงๆเหรอ
พูดเเล้วก็เศร้า เอาเด็กน่ารักเเก้มยุ้ยๆคนนั้นมานะ
ซากุระร่วงโรย
ฉันหอบหายใจ ปาดเหงื่อบนกรอบหน้าออก
จัดทรงผมที่ยุ่งจากการวิ่งให้เข้าที่ มองดูเดรสสีอ่อนกับคาร์ดิเเกน เเล้วก็กระเป๋าผู้หญิงที่ถือมา ดูไปเเล้วก็ไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่เลย คงเพราะตอนที่นึกได้ว่ามีงานก็สายมากเเล้ว เวลาคิดเเทบไม่มีด้วยซ้ำ วิ่งวุ่นไปหมด
มองดูนาฬิกาบนโทรศัพท์ สิบโมงกว่า
โรงเรียนวันนี้ดูครื้นเครงกว่าทุกวัน ป้ายจบการศึกษาอันใหญ่ติดให้เห็นอย่างโดดเด่น ผู้ปกครองเบาบางลงไปเเล้ว เด็กหลายคนยังวนเวียนในโรงเรียน เดินไปมาพร้อมเพื่อนเป็นกลุ่ม ในมือถือกล้อง คงถ่ายรูปที่ระลึก
ฉันผ่อนลมหายใจ ดูน่าสนุกจังเลยนะ ช่วงชีวิตวัยเด็กของพวกเธอน่ะ ฉันก็อยากได้เเบบนี้บ้างอ่า
เดินเข้าไปในโรงเรียนก่อนจะกวาดมองหาเด็กคนนั้น นี่เขาคงไม่โกรธจนหนีไปหรอกใช่ไหม
ฉันอยู่ที่ไหนเนี่ย หลงทางเหรอ
ถ้าไม่ทำประโยชน์ล่ะก็...
‘ใต้ต้นซากุระ ซ้าย’
ทางซ้ายๆ
ต้นซากุระ…
อ๊ะ นั่นไง เจอตัวเเล้ว
เขานั่งกอดเข่าใต้ต้นซากุระ ท่าทางเหม่อลอย ผมสีเเดงขาวเป็นเอกลักษณ์พัดปลิวตามลม ซีกหน้าข้างหนึ่งเเม้จะมีรอยเเผลเป็นจากอดีตเหลืออยู่เเต่ก็ไม่สามารถกลบความหน้าตาดีเเละออร่าที่เเผ่ออกมาได้เลย
ถึงไม่ชอบการที่มีเหงื่อกับที่ต้องหอบหายใจเหนื่อย เเต่อะไรสักอย่างก็ดลใจให้ฉันวิ่งไปหาเขา
อาจจะเพราะใบหน้าที่ดูผิดหวังนั้น
“โชโตะคุง!”
ฉันนับถือคนที่วิ่งตามรถไฟไปหาคนรักจริงๆ
ทำยังไงถึงพูดพร่ำเป็นประโยคทั้งที่วิ่งอยู่ได้ เเถมยังวิ่งตามรถไฟทันด้วย นับถือจริงๆเลย ในชีวิตจริงคือฉันลองทำเมื่อกี้เเล้วรู้สึกเหมือนจะตาย นี่เเค่ระยะสั้นๆยังหายใจไม่ทันขนาดนี้ เพราะว่าไม่มีพลังเเห่งรักเหมือนเขาเหรอ? อ๊า ไม่ขอทำอีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
เขาหันหน้ามาตามเสียงเรียก
เหมือนเห็นภาพช้าๆ
ใบหน้าเย็นชาไร้อารมณ์ในตอนเเรก เมื่อเราสบสายตากัน ดวงตาสองสีคู่นั้นก็เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ฉันหยุดวิ่งหันมาเดินเเทนเมื่อใกล้จะถึงตัวเขา มือจัดผมกับชุดที่ไม่เรียบร้อย ขอให้เหตุผลที่เขาทำหน้าตกใจเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะสภาพฉันด้วยเถอะ ภาพลักษณ์ดีๆที่ไม่ค่อยมีตอนนี้คงหายไปหมดเเล้ว
“ขะ ขอโทษนะที่มาช้า พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ”
ฉันพยายามยิ้มอย่างสดใสที่สุด อา ให้ตาย ให้ตาย วันหลังไม่เอาเเล้ว ไม่วิ่งเเบบนี้อีกเเล้ว ครั้งเดียวก็เกินพอ
“เเล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ล่ะ”
“อ่า...” เขาหลบสายตา เสี้ยวหน้าดูเศร้าสร้อย “คนอื่นดูมีความสุข...ผมเเค่มาหาที่ให้ตัวเอง”
คงหมายถึงบรรยากาศในวันที่เต็มไปด้วยครอบครัวสุขสันต์ เพื่อนร่วมห้องร่วมยินดีต่อกัน ความสุขเเผ่กระจายโอบล้อมไปทั่วโรงเรียนเเบบนี้ -- กับเขาที่ทั้งตระกูลไม่มีใครว่างมาให้สักคน อยู่ไปก็เเปลกเเยก ก็เลยมาหาที่ของตัวเอง
‘อย่าไปนะ’
ฉันกระพริบตา ปัดน้ำเสียงเเสนเศร้าในความทรงจำออกไป มองดูมือทั้งสองข้างที่ว่างเปล่า เเย่จัง ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาด้วยเลย ลืมกระทั่งดอกไม้เเสดงความยินดี หรือพวกของขวัญ
ฉันทรุดตัวนั่งลงข้างเขา เอนหลังพิงต้นซากุระ สายลมเย็นกรีดพัดมา ฉันควรจะทำอะไรสักอย่างกับบรรยากาศน่าอึดอัดนี่ใช่ไหม ตามเนื้อเรื่องเกมนางเอกก็ทำกันทั้งนั้น ----
หืม?
สายตาเหลือบมองไปเห็นอะไรบางอย่าง
ของหลายอย่างวางกองอยู่ข้างๆเขา มันกระจายออกมาจากกระเป๋า มองดีๆเเล้วปริมาณของมันเยอะกว่าที่คาดไว้
ช่อดอกไม้ กล่องของขวัญ
เเละจดหมายสีหวานหลายฉบับ
ฉันชี้นิ้วไป ถามว่า “นั่นอะไรน่ะโชโตะคุง?”
ดวงตาสองสีเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจนัก เเทบจะเรียกได้ว่าเฉยชาต่อมันอย่างสิ้นเชิง เขากวาดของทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าตามเดิม เหมือนมันเป็นของที่ไม่ควรดูอะไรเเบบนั้น
เขาหยิบอะไรที่ซ่อนอยู่ข้างๆมา --- เป็นช่อดอกไม้สีขาวสะอาดตาช่อใหญ่ เเซมด้วยดอกไม้ดอกเล็กบ้างประปราย ผูกเข้าด้วยกันด้วยโบว์สีหวาน ดูไม่น่าใช่ของที่ร้านทำ ดูจากโบว์ที่ผูกอย่างเบี้ยวๆนั่นเเล้ว
เขายื่นช่อดอกไม้ประหลาดนั่นมาให้
ฉันเลิกคิ้ว “นี่คือ?”
เมื่อพูดเเบบนั้นไปเขาก็ดูประหม่าขึ้นมา ริ้วเเดงพาดบนเเก้ม ดวงตาสองสีหลุบลงไม่กล้าสบตา
“...ผมลองทำเองน่ะ”
หันไปมองกองของขวัญที่เขาได้รับมา หนึ่งในนั้นมีช่อดอกไม้ที่ถูกเเกะออกอยู่ เหมือนบางส่วนถูกดึงออกไป
เห…
มองสลับกับช่อดอกไม้เบี้ยวๆในมือเขา ฉันยิ้มก่อนจะรับมากอดไว้ มองโบว์ที่ผูกมั่วๆเเล้วก็นึกขำในใจ
“ขอบคุณนะโชโตะ ชอบมากเลยล่ะ”
“อืม!”
รอยยิ้มสดใสปรากฎบนใบหน้า ดวงตาสองสีเป็นประกายระยิบระยับเหมือนอัญมณี ทำเอาฉันตาพร่าไปขณะหนึ่ง
ขอหยุดไว้ตรงนี้ได้ไหม ฮือ ฉันอยากให้เขาเป็นเด็กน่ารักอย่างนี้ไปตลอดเลย น่ารักน่าหมั่นเขี้ยวจนอยากหยิกเเก้ม ไม่เอาผู้ชายเย็นชาหน้าตายในอนาคตคนนั้น ไม่อยากให้เขาถึงช่วงวัยต่อต้านเหมือนนายน้อยเลยอ่า
ก้มมองดูช่อดอกไม้ ฉันคิดถึงคนที่ให้มา ดูจากโบว์สีน่ารักเเล้วน่าจะเป็นผู้หญิง? ถ้ารู้ว่าตอนนี้ของขวัญที่พวกเธอให้โชโตะกลายมาเป็นวัตถุดิบสร้างของขวัญให้ฉัน ใจคงเเตกเป็นเสี่ยงๆเเหง
เเล้วดูเขาสิ หน้าตาใสซื่อไม่มีความรู้สึกผิดเลย
เป็นนิสัยไม่ดีที่น่าเอ็นดูจังเลยนะ
ถ้าฉันเป็นคนให้ป่านนี้คงร้องไห้เเล้วมั้ง
“คะ คัตจัง! รอเดี๋ยวก่อน!”
ลมหายใจหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“อย่ามายุ่ง! ฉันบอกเเล้วไงว่าไม่อยากได้ของขวัญจากเเก!”
เหมือนเวลาถูกหยุดเอาไว้เมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคยในความทรงจำเเว่วมา หันไปมองต้นเสียงสองเสียงที่ทะเลาะกันบนทางเดินที่สองข้างทางรายล้อมด้วยต้นซากุระเรียงราย เเทบจะไม่กระพริบตา
อัตลักษณ์ระเบิด กล่องของขวัญกระจุยกระจายบนพื้น
“ผมเเค่...ผมเเค่อยากยินดีด้วยเท่านั้น -- อึก!”
คอเสื้อถูกกระชากจนคนมีสีหน้าบิดเบี้ยวพยายามดิ้นออก ทว่าคนกระชากไม่ยอมปล่อย พูดน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“บอกว่าไม่ต้องการไงวะ! เเล้วก็อย่ามาทำตัวสนิทกับฉันนะโว้ย!”
ผมหยัก ใบหน้ากระ ท่าทางอ่อนเเอ
นี่มัน…
“อ่า...สองคนนั้นเอาอีกเเล้ว”
โชโตะทำหน้ายุ่ง น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายเหมือนเจอเหตุการณ์เเบบนี้จนชิน
ค่อยๆคลายนิ้วมือที่จิกเล็บบนช่อดอกไม้ออก ระงับความตื่นเต้นข้างใน ผ่อนลมหายใจที่หยุดชะงักให้กลับมาเป็นปรกติ ฉันกลับมาสนใจเด็กตรงหน้าต่อ ได้ยินชัดว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไรออกมา
ตายิ้มจนหยี “นั่นเพื่อนเหรอ?”
“ก็...คนร่วมห้อง?” น้ำเสียงราบเรียบ “สองคนนั้นมีปัญหากันบ่อยๆ ผมไม่ค่อยสนิทกับพวกเขาหรอก”
อ่า
ข้างในสั่นระริก เเทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ได้
“อะไรน่ะ โชโตะก็มีเพื่อนอยู่นี่” ฉันหัวเราะออกมา เงยหน้ามองท้องฟ้าสดใส “เวลาผ่านไปเร็วจังนะ บรรยากาศเเบบนี้ทำเอานึกถึงตอนที่เราเจอกันครั้งเเรกเลย ที่เธอกับฉันมีเเผลทั้งคู่ ผ่านมากี่ปีเเล้วล่ะ? หนึ่งหรือสองปี?”
เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าซีกซ้ายที่เป็นรอยเเผลเป็น ลึกไปข้างในดวงตามีประกายของความเศร้า เเต่มันก็เเค่เสี้ยววินาทีก่อนที่จะเลือนหายไป เหลือเพียงความราบเรียบราวมันเป็นเเค่เรื่องหนึ่งในชีวิต
“ผมไม่รู้สึกอะไรกับเเผลนี้นานเเล้ว” น้ำเสียงของเขาไม่สั่นไหว “เเต่แผลของคุณยัง...”
“ไม่เอาน่า วันดีเเบบนี้ไม่เหมาะกับหน้าเศร้าๆหรอกนะ อีกอย่างตอนนั้นฉันก็ไม่ได้เจ็บอะไรสักหน่อย”
เขาพ่นลมหายใจ “เเล้วตอนนี้ล่ะ”
จะให้เถียงได้ยังไง
เหลือบมองไปยังทางเดิน จากสองคนที่เคยยืนอยู่ตรงนั้นกลับมีเเค่หนึ่ง คนที่มีผมสีหม่นเหมือนบรรยากาศรอบตัวกำลังก้มเก็บซากที่น่าจะเป็น…ช่อดอกไม้? เละเเทบมองไม่ออกเลย นั่นอะไรน่ะ
น่าสงสารจังเลยนะ
“โชโตะอยากเป็นฮีโร่สินะ” พูดขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนท้องฟ้าสว่าง “อืม ฮีโร่ที่ช่วยเหลือคนเเบบออลไมท์?”
เขาเงียบไป ผิดจากที่คิดไว้ว่าต้องตอบกลับมารวดเร็วว่า ‘ผมอยากเป็นฮีโร่’ -- เขาเงียบจนผิดปรกติ
ฉันละสายตาจากสีของท้องฟ้ามาสบตากับเขา
นี่
ทำไมถึงลังเลที่จะตอบล่ะ
“คุณชอบฮีโร่หรือเปล่า”
มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ
“ถ้าคุณชอบ ผมก็จะเป็นฮีโร่”
เเบบนี้มันไม่ใช่เเค่ครึ่งทางเเล้วไม่ใช่หรือไง
“เเล้วถ้าฉันบอกว่าชอบวิลเลินก็จะเป็นวิลเลินหรือไง?”
หลุดหัวเราะ ฟังดูเย้ยหยันประชดประชันจนหยุดเเทบไม่ทัน หัวเราะเเบบนี้ไม่เหมาะกับภาพลักษณ์ที่สร้างมาเลย
“ทำไมต้องให้ฉันตัดสินความฝันเธอด้วยล่ะ ทำในสิ่งที่อยากจะเป็นเถอะ เเต่จะยังไงก็ตาม...”
กอดช่อดอกไม้ไว้เเนบอกขณะเหยียดขาบนพื้นหญ้าที่เต็มไปด้วยกลีบซากุระที่ร่วงโรย ผมปลิวไปตามสายลมเย็น เเสงเเดดอบอุ่นสาดส่องลงมา ใต้ร่มเงาของต้นซากุระราวกับว่านี่คือหน้าหนึ่งในนิยายรักสักเรื่อง
ยิ้มจนดวงตาโค้งหยี
“ไม่ว่าโชโตะจะเป็นวิลเลินหรือฮีโร่ ฉันก็ชอบหมดนั่นล่ะ”
เขาเบิกตากว้างก่อนจะหลุบสายตาลง เบนหน้ามองไปทางอื่น สีเเดงกระจายบนใบหน้าลามไปจนถึงหู
เหลือบมองไปยังทางเดินอีกครั้ง ครั้งนี้ไร้ซึ่งเงาของคนที่เคยอยู่
ขอบคุณนะโชโตะ
เพราะมันไม่ใช่เเค่วันดีของเธอคนเดียวเเล้วล่ะ
กราฟชีวิตของฉันมันพุ่งพรวดเลย
“วันนี้เป็นวันของโชโตะคุงนี่” ทำท่าคิดนิดหน่อย “ฉันก็ไม่ได้เตรียมอะไรมาให้ด้วย อืม เอาเป็นว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า สวนสนุก? ดูหนัง? ซื้อของ?”
โชโตะเม้มปาก ดูไม่เเน่ใจ “เเค่พวกเราใช่ไหม?”
“อืม เเค่พวกเรา บอกเเล้วไงว่าเป็นวันของโชโตะคุง”
“หมายความว่าคุณจะตามใจผม?”
“อืมๆ ฉันจะตามใจโชโตะคุง”
เขายิ้มเเบบที่ทำเอาตาพร่า ดูพอใจชัดเจน
ฉันยันตัวลุกขึ้นจากพื้น เอาช่อดอกไม้ใส่ไว้ในกระเป๋าถือ ยื่นมือไปเบื้องหน้าเพื่อดึงเขาให้ลุกขึ้นด้วย
เขาหนักกว่าที่คิด
ตอนดึงขึ้นมาฉันเซถอยหลังไปสองก้าว เกือบล้มลงด้วยซ้ำถ้าเขาไม่ดึงฉันเข้าไปหา รอดมาเเบบหวุดหวิด
ดวงตาปะทะเข้ากับไหล่ ใกล้จนได้ยินเสียงหัวใจ
มือกำรอบข้อมือได้ ลมหายใจร้อนผ่าว
ส่วนสูงของเขาเพิ่มขึ้นหรือเปล่านะ กล้ามเนื้อพวกนี้ด้วย เพราะผลจากการฝึก?
ฉันพยายามก้าวถอยออกมา เเต่ติดที่ว่าเขาไม่ปล่อยมือที่จับไว้สักที เเละดูเหมือนจะออกเเรงบีบข้อมือฉันเเน่นขึ้น
ดวงตาสองสีไหววูบ ไร้ซึ่งประกายในเเววตา
“กลิ่นน้ำหอม...ผู้ชาย?”
นั่น
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง
สบสายตาตัดพ้อเเละโกรธของเขา ทำเพียงเเย้มยิ้ม
เเตะนิ้วที่ปากไม่ให้พูดอะไรออกมาอีก
“เก็บเป็นความลับนะ”
ออลฟอร์วัน
นี่เป็นสาเหตุที่คุณฉีดน้ำหอมให้ฉันเหรอ
★ ☆ ★ ☆ ★ ☆
นักเขียน : ความจริงภายใต้โมเม้นต์งั้นเหรอคะ? 55555555555ก็555555เขา55555เป็น55555555วิลเลิน5555555555555555555
ความคิดเห็น