NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #15 : ช่วงเวลา

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ย. 63



    [12]



    09.08 น.



    ในห้องนั่งเล่น บางวันจะพบผู้หญิงคนหนึ่งนอนเหยียดกายบนโซฟา เปิดม่านรับเเสงเเดดเข้ามา บนใบหน้ามีรอยยิ้มอ่อนโยนเเต้มอยู่ ดูไปดูมางดงามราวภาพวาด -- หมอเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกทำร้ายบ่อยจนบอบช้ำ


    : ก็ฉันเองไง

     

    ถอนหายใจพรืดใหญ่พลางขยับตัวออกห่างเเสงอีกนิด ลูบผิวที่เริ่มเเสบๆ อ่า เเม่งโคตรร้อน เหมือนเมื่อกี้กำลังถูกเผาเลย อีกนิดเดียวก็จะสุกอยู่เเล้ว

    ว่าไปเเล้วก็นึกถึงหน้าร้อนขึ้นมา อยากไปเที่ยวจัง ทะเล สายลม ตีเเตงโม อีเว้นต์มีบ่อยเลยนะหน้าร้อนเนี่ย

    กลับมามองความเป็นจริง ตัวฉันในตอนนี้ตกอับอย่างมากเพราะถูกตัดเงินเดือน โดนคุโรกิริสมน้ำหน้าไม่พอ นายท่านยังไม่เล่นด้วยอีก จะเฉาตายเเล้วนะ ทำไมทำกับสาวน้อยเหมือนเป็นนักโทษขนาดนี้

    ว่าเเล้วก็นอนอืดบนโซฟาต่อไป กราฟชีวิตช่วงปีนี้เเบนราบ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเลย


    จิบชาพีชเเก้กระหาย ตีขาไปมา


    อีกเเค่สามปียูเอย์ก็จะตู้มต้าม


    งืมๆ


    บางทีฉันน่าจะ…


    คิดไปคิดมาเเล้วก็ถอนหายใจ ทำได้ที่ไหนกันเล่า -- ว่าไปเเล้วก็เอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ที่วางบนโต๊ะมา ว่าจะดูเรื่องราวบนโลกสักหน่อย เเต่คงมีเเต่เรื่องฮีโร่กับวิลเลินอันเเสนซับซ้อน ก็เลยเปลี่ยนความคิดมาเล่นเกมที่ค้างไว้เเทน


    เกมจีบหนุ่ม


    ดูท่าจะเป็นเกมที่นิยมอยู่ในหมู่สาวๆตอนนี้ ตัวเอกเเน่นอนว่าต้องเป็นหญิงธรรมดาสามัญ นางร้ายสวยรวย เหล่าชายหนุ่มสายต่างๆเยอะเเยะ ทั้งโชตะ เซ็กซี่ เท่ กล้าหาญ ยังไม่รวมตัวละครลับ ตัวละครพิเศษ ที่หลายคนว่ากว่าจะเข้ารูทได้ก็เเทบหลั่งน้ำตา

    ร้อยเเปดพันเก้าที่เชื่อมโยงกันน่าปวดหัว เเต่พอลองเล่นเเล้วก็ไม่เลวเท่าไหร่ ช่วงเเรกมันเเก้เบื่อได้ดีเลย

    ตัวละครลับ -- คนสุดชั่วร้าย บอสลับที่กว่าจะโผล่มา -- ตอนนี้เขากำลังชวนฉันกลับไปด้วยกัน บอกให้ฉันฆ่าเหล่าชายหนุ่มที่เก็บค่าความรักจนเต็มไปซะ

    สองตัวเลือกโผล่มา คุณจะเลือกใคร ระหว่างเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ด้วยกันมา กับ ตัวละครลับที่นิสัยเหมือนนายท่าน


    เเหม ไม่ต้องถามเลย ต้องนายท่านอยู่เเล้วสิ


    ทว่า


    ฉันเลิกคิ้ว นิ้วที่กำลังจะกดตัวเลือกชะงักค้างกลางอากาศเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าไกลๆ มาพร้อมกับเสียงหาวหวอด

    ผมยุ่งๆตอนตื่นนอน เขาดูผอมเมื่ออยู่ในเสื้อกับกางเกงตัวหลวม ผิวเริ่มมีรอยเเตกเเห้งเป็นผลมาจากการใช้อัตลักษณ์ ฉันเเปลกใจ ทำไมวันนี้ตื่นเช้าได้เนี่ย ปรกติจะนอนยาวเลยไม่ใช่หรือไง

    ดวงตาสีเเดงคู่นั้นเหลือบมองมาที่ฉัน ก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการเดิน เห็นเดินตัวโอนเอียงเเบบนั้นก็เเอบห่วงนิดหน่อย ทำไมเขาดูไม่มีเรี่ยวมีเเรงเลย ไม่มีชีวิตชีวาสักนิด


    อ๊ะ อย่ามาล้มทับสิ


    ฉันหลุบมองผมสีฟ้ายุ่งที่คลอเคลียเเถวไหล่ ฉากเเบบนี้คล้ายในเกมเลย ติดอย่างเดียวตรงที่ว่าฉันไม่ได้ใจเต้น เขินหน้าเเดง เเล้วก็พูดว่า ‘มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ(...)คุง’ เหมือนนางเอก

    มันจะใจเต้นได้ไง นั่นมันอีเว้นต์ฉากคร่อมจะสารภาพรักของชายหนุ่มที่หล่อ สูง เจ้าชายของโรงเรียนที่ฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกันมา -- ส่วนนี่ ถึงตอนเเรกเขาจะมาคร่อมฉัน เเต่ไม่รู้เพราะอะไร สุดท้ายก็ล้มทับเฉย


    หนักกว่าที่คิด เพราะเริ่มโตเเล้วหรือเปล่านะ


    เขาไม่เคยบอกฉันว่าอายุเท่าไหร่ เเต่ถ้าให้เดาจากลักษณะภายนอกเเล้วตอนนี้เขาคงเข้าสู่ช่วงมัธยม

    ฉันขยับตัวอย่างอึดอัด มือข้างที่จับโทรศัพท์ไว้ถูกเบียดจนชิดโซฟา กว่าฉันจะขยับมือออกมาได้ก็เเทบเเย่ เพราะเขาทับฉันอยู่อย่างนี้ ไม่ขยับสักนิด เหมือนเป็นหุ่นที่หมดพลังงาน

    ฉันมองจอโทรศัพท์ที่เล่นเกมค้างไว้


    มันขึ้นว่า ‘Bad End’


    ตัวละครลับฆ่าฉันเเละเหล่าชายหนุ่มตายหมด เพราะฉันไม่เลือกเขา -- เวร มันไม่ควรเป็นเเบบนี้สิ ความจริงฉันตั้งใจจะเลือกเขาต่างหาก เรื่องมันควรจะจบอย่างเเฮปปี้ เเบดเอนนี่มาจากไหน

    ฉันมองคนที่ยังไม่ลุกออกไปจากตัวฉันตอนนี้ นึกย้อนไปตอนที่เขาทับลงมา นิ้วฉันคงเผลอไปกดตัวเลือกเเน่ๆ

    จะให้โทษเขาก็เป็นไปไม่ได้ ฉันร้องในลำคอ กดออกจากเกมเเล้วจากนั้นเข้าไปที่บอร์ดลับ ล็อกอินเข้าไป


    : เขาฆ่าฉัน -- ลาก่อน TT


    ความเห็นหลายอย่างตามมา ไม่ ‘ตัวละครลับเหรอ?! ทำได้ไงน่ะ!’ ก็ ‘ฉันเล่นตั้งนานยังเข้ารูทเขาไม่ได้เลย!’


    : อยากได้เฉลยทุกรูทไหมคะ


    ปล่อยไว้โทรศัพท์คงค้าง ฉันกดออกจากบอร์ด มองเพดานนิ่งๆ เบื่อเเล้วอะ คงไม่เล่นอีกเป็นครั้งที่สอง

    “โทมูระคุง วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะ” ฉันลูบหลังเขา ฮือ ทำไมผอมเเห้งขนาดนี้นะ เพราะนิสัยเลือกกินเหมือนเด็กนี่หรือเปล่า “ลุกก่อนเนอะ เดี๋ยวพี่สาวจะไปทำอะไรให้กิน”

    “อืม...ไม่หิว” เขางึมงำในลำคอ ยอมลุกเเต่โดยดี ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งด้านล่าง

    เห อะไรเนี่ย ยอมง่ายๆเเบบนี้ต้องมีอะไรเเน่ๆเลย

    “โทมูระคุงมีอะไรหรือเปล่า?”

    เขาจิบชาพีช เฮ้ นั่นชาฉันนะ อย่ากินมั่วสิ

    “วันนี้กลับค่ำ”

    ตั้งนาน กว่าที่เขาจะพูดออกมาได้

    ฉันหลุดหัวเราะ นึกว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรซะอีก ที่เเท้ก็เเค่กลับค่ำ มันไม่ใช่ครั้งเเรกสักหน่อย

    “ไม่ต้องรอ” เขาย้ำ “จะไปค้างข้างนอกก็ได้”


    ฉันมองเขาที่ทำหน้าจริงจัง อยู่ดีๆก็หัวเราะไม่ออก


    เรื่องมันกลายเป็นเเบบนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่


    ป่วยครั้งนั้น? ตอนที่เขาร้องไห้?


    หลังจากที่เขาหายป่วยน่ะฉันยังจำได้เลยนะว่าเขาโกรธฉันขนาดไหน ช่วงเเรกเเทบจะฆ่าฉันด้วยซ้ำ คิดดูสิ ยังมาบอกว่าสักวันจะใช้อัตลักษณ์ฆ่าฉันให้ได้ ถ้าเปรียบกับบทละครก็คงเป็นพวกรักน้ำเน่า นางเอกที่เคยไปทำพระเอกช้ำใจ ตอนหลังถูกตามเเก้เเค้น

    สาวน้อยอย่างฉันจะไปทำอะไรได้นอกจากนิ่ง ยอมรับ เจ้าค่ะนายน้อย เชิญระบายอารมณ์ได้เลย

    ช่วงสอง ไม่รู้เพราะเบื่อหรืออะไรเขาถึงเริ่มเพลาลง ถึงบางครั้งจะมีหงุดหงิดบ้างเเต่ก็ไม่ถึงขั้นตบตี

    ช่วงสาม -- น่าจะเริ่มเมื่อหลายเดือนก่อนมั้ง

    ความเอาเเต่ใจที่ลดลง นิสัยที่ดีขึ้นจนน่าขนลุก ไม่เกาะติดเหมือนเเต่เก่า ไม่หงุดหงิด ไม่ตบตี ไม่ด่า…

    หลายครั้งที่ฉันเเอบสงสัยว่านี่ใช่นายน้อยตัวจริงหรือเปล่า คงไม่ได้กินอะไเเปลกๆจนสมองกลับนะ เเต่จะทำอะไรได้นอกจากสงสัยเเละปรับตัว ขออย่าให้มีช่วงสี่ ห้า หก ออกมาเถอะ

    ฉันมองเขาที่กินชาพีชไปจนหมด ชั่วขณะรู้สึกไม่รู้จะทำตัวยังไงจนหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

    บนหน้าจอขึ้นเตือนว่ามีอีเมล์ถูกส่งมาจากนัตสึโอะ เนื้อหาคือโชโตะฝากมาถามว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า

    ฉันอยู่ในระหว่างการตัดสินใจ ฉันตกลงกับโชโตะเเล้วว่าอาจจะไม่ได้มาทุกวัน เเละนี่คือวันหยุดของฉัน เป็นวันที่ควรนอนอืดอยู่ในห้อง กิน นอน หาเกมน่าสนุกเล่นเเล้วขายเฉลยหาเงิน

    ตอนที่จะตอบว่า ‘ขอโทษนะคะ ฉันไม่ว่างเลยค่ะ ไว้วันหลังนะ’ มันเป็นเวลาเดียวกับที่นายน้อยมาพิงขาฉัน

    เพราะใส่ขาสั้นอยู่ถึงรู้สึกได้ถึงเส้นผมที่ขยับเสียดสีต้นขา สัมผัสชวนจั๊กจี้หน่อยๆ รู้เเบบนี้น่าจะใส่กางเกงตัวที่ขายาวกว่านี้มาซะก็ดี

    ฉันมองอีเมล์ของนัตสึโอะ ในที่สุดก็ตอบกลับไป


    : ฉันว่างค่ะ


    มองเวลาที่ตอนนี้เกือบจะสิบโมงเเล้ว วันนี้โชโตะน่าจะอยู่บ้านมั้ง บางทีอาจจะกำลังฝึกซ้อมอยู่ก็ได้

    ฉันลูบผมสีฟ้ายุ่งๆ เรียกดวงตาสีเเดงให้จ้องขึ้นมามอง จังหวะนั้นขยับขาออกห่างอย่างเเนบเนียน


    “งั้นวันนี้ฉันไปข้างนอกนะ”





    …….





    ใกล้หมดฤดูใบไม้ผลิเเล้ว



    น่าจะใช่ ดูจากต้นซากุระบางต้นที่เริ่มร่วงโรยลงมา


    “โชซัง มีอะไรหรือเปล่าครับ?”


    ฉันกะพริบตา ละสายตาจากต้นไกลๆมาสนใจคนที่เดินข้างๆเเทน ส่ายหัวน้อยๆเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร

    นัตสึโอะ -- พี่ชายโชโตะคุง มาอยู่ใกล้ๆเเบบนี้ถึงสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าเขาสูงขึ้น คงเพราะเข้าช่วงวัยรุ่นเเล้ว

    ฉันเดินวนเวียนอยู่เเถวคนพลุกพล่านนี่มาจนขาจะชาเเล้ว เรื่องคือ ฉันอุตส่าห์เเต่งตัวซะดิบดี เดรสน่ารักกับคาร์ดิเเกน กระเป๋าดูผู้หญิง ยังไม่รวมคุ้กกี้ที่ทำมาเผื่อ พอกำลังจะถึงบ้านโทโดโรกิ -- อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้น


    ฉันเห็นนัตสึโอะวิ่งออกมา


    เเล้วพอเขาเห็นหน้าฉันก็จับมือเเล้วพาวิ่งไปด้วยกัน  


    คือ คือ อยากจะบอกเหลือเกินว่าฉันเกือบตาย รองเท้าที่ใส่มาวันนี้ไม่เหมาะกับการวิ่งสักนิด ยังไม่รวมชุดกระโปรง กับร่างกายที่เอาเเต่กินกับนอน เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเกือบฆ่าฉันทางอ้อม

    จากนั้น เขาหัวเราะเเห้งๆเเล้วชวนฉันเที่ยว


    เวลาตอนนี้บ่ายโมงกว่า


    นี่มันก็นานเเล้ว ฉันเดินจนปวดขา

    ฉันหยุดนั่งที่ม้านั่งใต้ร่มต้นไม้ เหลือบมองนัตสึโอะที่วันนี้นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจา ปรกติไม่เป็นเเบบนี้เเท้ๆ

    “ฉันถามได้ไหมคะว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

    เขาหันมองฉัน ก่อนจะยิ้มฝืด “มีปัญหาที่บ้านนิดหน่อยน่ะครับ”

    ฉันเลิกคิ้ว “เอ็นจิซัง?”

    เขาหลบสายตา นั่นทำให้รู้ว่าใช่

    ครอบครัวนี่...มีปัญหาชะมัด


    “หนีมาเเบบนี้ทุกครั้งเลยหรอคะ?”


    “ไม่ใช่นะ!” เขาตะโกนเสียงดังจนฉันสะดุ้ง ไม่ต้องพูดถึงคนที่อยู่ใกล้ๆเลย บางคนหันมามอง บางคนถอยหนีไปเเล้ว เด็กผู้ชายนี่เวลาเสียงดังน่ากลัวจังเลย

    ต่อมาเขาคงรู้ตัว พูดขอโทษเสียงค่อย

    “ใจเย็นลงหรือยังคะ” ฉันค้นของในกระเป๋า จากนั้นเอามาวางบนมือเขา “ลูกอมค่ะ เขาว่าของหวานทำให้อารมณ์ดีขึ้นล่ะ ดีจังที่พกติดตัวไว้” เผื่อหิว

    เขารับลูกอมไป “ขอบคุณครับ”

    ฉันเเกว่งขาไปมา มองต้นซากุระ ความจริงก็เเอบตกใจนิดๆนะที่เขาเสียงดังใส่ ปรกติจะตะกุกตะกักไม่รู้เรื่องเเท้ๆ

    “โชโตะคุงซ้อมอยู่เหรอคะ”

    “...ครับ”

    “อืม งั้นคงซ้อมหนัก?”

    นัตสึโอะเงียบไป “โชโตะทำไม่ได้อย่างที่พ่อหวังก็เลยถูกด่า...เเล้วพ่อก็บอกว่าคุณทำให้โชโตะละเลยการฝึก”

    “อย่างนั้นเหรอคะ” นี่ฉันผิดเหรอ

    “เขาบอกว่าถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไปจะไม่ให้คุณมายุ่งอีก” นัตสึโอะว่าเสียงเเผ่ว “เเล้วโชโตะก็ไม่ยอม”


    น้องปกป้องฉัน


    เขาปกป้องฉัน

    ฮือ น่ารักจังเลย มากอดหน่อย

    “ผมเห็นเขาเหมือนจะทำร้ายโชโตะ ก็เลย...”

    “พอเดาได้เเล้วล่ะค่ะ”

    สีหน้ากระอักกระอ่วน บวกกับการที่เขาพาฉันวิ่งอย่างไร้สติ คิดว่าคงไปห้ามหรือไม่ก็ไปไฟต์เเน่นอนเลย

    ฉันเเกะลูกอมออกมาหนึ่งเม็ดก่อนจะกัดจนมันเเตกกระจายในปาก ครอบครัวเจ้าปัญหาจริงๆ โดยเฉพาะฮีโร่อันดับสอง ต้องให้ตัวเอกหรือออลไมท์มาพูดล้างสมองก่อนหรือเปล่าเนี่ยถึงจะเปลี่ยนความคิด

    “เเต่ทะเลาะกันเเบบนี้ดูเหมือนเรื่องจะยิ่งเเย่ลงนะคะ” ฉันเอนหลังพิงม้านั่ง ขยับไปทางนัตสึโอะเมื่อเเดดส่อง “พี่ฟุยูมิเป็นห่วงด้วย เธอคงไม่อยากให้ครอบครัวมาทะเลาะกันนักหรอก”

    “เเต่มันเป็นเพราะเขา...!”

    ก่อนที่จะตะโกนออกมาอีกครั้ง ฉันยัดลูกอมใส่ในมือเขา นั่นทำให้เขาเงียบลงก่อนจะเริ่มเเกะลูกอมกินบ้าง

    “ทะเลาะไปก็ไม่ทำให้คนเปลี่ยนตัวเองได้หรอกค่ะ”

    “นั่นมันก็...”

    ฉันถอนหายใจ

    “พี่ฟุยูมิอยู่ที่บ้านไหมคะ?”

    “ไม่ครับ พอเป็นนักศึกษาก็เลยงานยุ่งน่ะ”

    ฉันลืมไป สาวเเว่นเธอสอบเข้ามหาลัยได้เเล้ว เป็นนักศึกษาก็ต้องย้ายไปอยู่หอเป็นปรกติ

    “งั้นโชโตะคุงก็อยู่คนเดียว?”

    นัตสึโอะทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ “ครับ” เสียงเเผ่ว

    ฉันเเกว่งขาไปมาสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่ง

    “ฉันจะไปซื้อขนมเพิ่มอีกสักหน่อยค่ะ” ว่าพลางพยักพเยิดไปร้านขายซากุระโมจิตามฤดูกาล “ว่าจะซื้อไปปลอบใจโชโตะคุงที่ถูกทิ้ง นัตสึโอะคุงใจเย็นลงเมื่อไหร่ค่อยตามไปนะคะ”

    “ระ รอด้วยครับ!”


    เป็นอีกครั้งที่ถูกจับเเขนไว้


    เเรงของเขาก็ไม่ใช่น้อยๆนะ ฉันช้ำหมดเเล้ว


    ฉันเลิกคิ้ว ก่อนจะยิ้ม “ใจเย็นลงเเล้ว?”

    เขาผ่อนเเรงที่จับเเขนฉันก่อนจะค่อยๆปล่อย

    “ก็...ครับ” เขาเกาหัวเเก้เก้อ เบนสายตาไปทางอื่น หน้าเเดงๆ “ขะ ขอบคุณนะครับโชซัง”

    ฉันยิ้มตาหยี “ครั้งหน้าไม่วิ่งเเบบนี้เเล้วนะคะ”

    อีกครั้งที่เขาหัวเราะเขินๆ “ครับ”


    ถ้าไม่คิดไปเอง




    สายตาของเขาเหมือนตอนที่ฉันเเนะนำตัวนั่นเลย





    …..




    โชโตะ


    เขาโตขึ้นมาอีกหน่อย เเก้มยุ้ยๆก็เริ่มหายไปเเล้วด้วย เเต่ เเต่เขาน่ารักนะ ยังเป็นน้องน้อยของฉันตลอดกาล

    รู้ไหมว่าฉันช้ำใจมากตอนที่เห็นเขามีบาดเเผล เเค่เห็นก็ปวดใจ ฮือ ขนาดฉันยังไม่กล้าทำร้ายเขาเลยนะ

    เขาตอบอ้อมเเอ้มว่ามันเป็นเเค่ผลจากการฝึก ไม่ใช่ว่าเขาไปทะเลาะกับพ่อหรอก ไม่ใช่เพราะฉันด้วย -- เเต่หลบตาเเบบนั้นใครเขาจะเชื่อกัน เดี๋ยวนี้หัดโกหกเป็นเเล้วเหรอ ฉันหมั่นไส้ก็เลยหยิกเเก้มไปทีนึง

    เขาฝึกจนเกือบเย็น เชื่อไหม


    เอนเดฟเวอร์ก็อยู่ด้วย


    ในชุดปรกติ ไม่ใช่ชุดฮีโร่อะไรพวกนั้น ตอนเเรกที่เจอเขาเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังคงเป็นเเบบนั้น ตาเหี้ยมๆ เสียงดุๆ ออร่าน่ากลัวเย็นชา เข้มงวดกวดขันจนฉันเสียวไส้กลัวว่าเขาจะบอกให้ฉันไปซ้อมด้วย เเต่โชคดีที่เขาไม่ทำ

    เขาไม่ค่อยพูด หรือบางทีอาจจะไม่พูดด้วยซ้ำ

    ฉันนึกถึงท่านใบ้ที่เอาเเต่อยู่ในห้อง ตอนเจอกันก็เเค่มองหน้าจากนั้นก็หันไปฝึกโชโตะคุงต่อ เเต่ก็ไม่ได้ดูไม่พอใจเหมือนที่คิด ออกจะปรกติด้วยซ้ำ

    ความจริงฉันชอบเขานะ เขาให้เงินฉันมาหลายครั้งเเล้ว จำนวนก็ค่อนข้างเยอะจนนึกว่าให้ประชด  เพราะเขานี่เเหละฉันถึงมีกินมีใช้ ทั้งๆหน้าที่ที่ฉันทำคือเเค่ไปรับโชโตะคุง บางวันทำอาหารให้บ้าง เป็นเพื่อนเล่นบ้าง เท่านั้น

    ฉันไม่เคยพูดว่าเป็นคนคอยดูเเลลูกเขา ส่วนเขาก็ไม่เคยพูดว่ายอมรับให้ฉันดูเเลลูกเขา

    ตั้งเเต่วันนั้นมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยพูด

    เขาเเค่ยอมรับข้อเสนอที่ว่าถ้าฉันมีพลังที่เท่าเทียมจะให้เข้าใกล้เท่านั้นเอง

    พวกเราเคยคุยกันจริงจังก็เเค่ครั้งเดียว มันเป็นตอนค่ำหลังจากที่ส่งเด็กเข้านอนเสร็จ ผ่านจากวันที่ฉันค้างคืนกับโชโตะมาได้เเค่คืนเดียว ฉันไปเจอเขาตอนจะกลับโดยบังเอิญ

    ตามมารยาทก็ต้องทักทายบ้าง จำได้เลยว่าพยายามยิ้มหวานสู้ขนาดไหนตอนที่ได้เจอออร่าเย็นชาน่ากลัวนั่น

    เขาบอกว่าสนใจพลังฉันเเละจะให้ฉันไปฝึกโชโตะ

    เขายังบอกอีกว่าถ้าน้องน้อยฉันเจอคู่ต่อสู้ที่มีพลังทัดเทียมกันอาจจะกระตุ้นให้ใช้พลังทั้งหมดของตัวเองขึ้นมาก็ได้ -- ยังบอกอีกว่านั่นเป็นผลงานชิ้นโบเเดง ให้เธอช่วยขัดเกลา

    โอ้ ไม่ ฉันตอบว่าไม่ถนัดด้านนี้จริงๆ

    เขาขมวดคิ้ว เเทบจะฆ่าฉันที่ปฏิเสธ เเล้วถามว่าเธอมีขีดจำกัดพลังเท่าไหร่ เคยฝึกอะไรบ้างไหม เสียงเหี้ยมชนิดที่ว่าถ้าฉันเป็นลูกเขาอาจจะโดนตีตายเพราะไม่รู้จักใช้พลังให้เป็นประโยชน์

    ฉันตอบไปอย่างจริงจัง ‘คุณฮีโร่ ฉันไม่ถนัดจริงๆ ดูร่างกายฉันสิ เหมาะกับการต่อสู้ที่ไหน’

    เเหม ก็มันยุ่งยากนี่นา

    อีกอย่าง ให้สู้กับเด็กน่ารักเนี่ยนะ ทรมานฉันหรือไง

    เขากวาดมองฉันขึ้นลงด้วยสายตาที่เหมือนมองของไร้ประโยชน์ หน้าตาดูอยากจะไล่ฉันไปเต็มเเก่

    ฉันไม่ได้โกรธเขาเลย จริงๆนะ ยังคงความเป็นสาวน้อยอ่อนโยนได้อย่างดีเยี่ยม ตอนที่เขาจะขอตัวออกไปฉันยังเดินวนรอบตัวก่อนจะดูดวงอนาคตให้เขาอยู่เลย

    รู้สึกเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างไป อย่างเช่น ‘คุณเป็นฮีโร่ที่เเข็งเเกร่งดีนะ เเละถึงจะเป็นคนที่เย็นชาไม่สนใจใครนอกจากเป้าหมายเเต่ก็ยังมีคนที่ชื่นชมคุณอยู่ ในอนาคตที่คุณได้ตามที่ต้องการก็ยินดีกับคุณด้วยล่ะ’

    ไล่ออกเหรอ ก็ไม่เลวเท่าไหร่

    ‘เอ เเต่ดูเหมือนคุณจะไม่ค่อยยินดีนะ ทำไมกันล่ะ เพราะสายสัมพันธ์ที่ขาดกระจุยจากการกระทำของคุณหรือเปล่า เเย่จัง ความคิดที่ว่า ‘ฉันเเก้ไขอดีตไม่ได้ ก็คงต้องทำตอนนี้ให้ดีที่สุด’ ใช้ไม่ได้ผลเลย ความทรงจำวัยเด็กกับการกระทำต่างๆนานาของคุณมันฝังลึกไปเเล้ว...อุ นี่ฉันทำนายผิดหรือเปล่า คุณจะเสียใจได้ไงล่ะในเมื่อได้สิ่งที่ทั้งชีวิตโหยหามาไว้ในมือเเล้ว จริงไหม?’


    เขาในตอนนั้นมองฉันด้วยสายตาที่เเปลกไป


    เอ่อ ไม่ใช่ความพิศวาส เหมือนมันจะเป็นความประหลาด เเปลกใจ เเละระเเวงมากกว่า เขามองเหมือนฉันเป็นวิลเลินเเฝงตัวมาอะไรพวกนั้น มือเตรียมใช้อัตลักษณ์ย่างสดฉันด้วยซ้ำ

    เเต่จวบจนฉันจะขอตัวกลับบ้านเขาก็ไม่ได้ทำ ฉันยังไม่ตาย ไม่โดนด่าด้วย

    ไม่ได้ไล่ฉันออกด้วย เย้

    ถึงหลังจากนั้นเขาจะไม่คุยด้วยก็เถอะ


    เมื่อคิดถึงตอนนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้


    เขาจะเปลี่ยนหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของฉันสักหน่อย

    เเต่ตอนที่เจอกับนัตสึโอะ…

    เขาก้าวขาไปหา เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง เเต่สุดท้ายก็กำหมัดเเน่นไม่พูดอะไร หันหลังเดินไปที่ฝึกซ้อม

    ในดวงตากำลังรู้สึกยังไง

    ฉันกัดลูกอมในปาก รู้สึกอยากจะฮัมเพลงขึ้นมา



    ความจริงก็ไม่ได้เเย่นี่









    มันก็เหมือนทุกๆวันที่พอกินข้าวเย็นเสร็จเเล้วฉันก็ต้องไปส่งเด็กชายโชโตะเข้านอน ไม่งั้นเขาจะงอเเง


    เเต่ถึงไปส่งเขาก็งอเเงอยู่ดี


    ฉันมองกลุ่มผมสีเเดงขาวที่ทับบนหน้าตัก ดวงตาสองสีกะพริบมอง ในบางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนเขาเป็นเเมวจริงๆ

    ปากเหมือนจะเบ้ลงนิดนึงเเทบมองไม่เห็นเมื่อฉันบอกว่าค้างด้วยไม่ได้ จากนั้นเขาก็ซุกหน้าเข้ากับท้องฉัน อะ อีกเเล้วเหรอ ตอนเช้าก็นายน้อยซุกขา ตอนนี้ก็เขาอีกคน เด็กพวกนี้เป็นอะไรกัน  

    “...ผมจะเรียนจบเเล้ว”

    เขาพูดทั้งที่ใบหน้ายังไม่ละออกไปจากท้องฉัน ริมฝีปากที่ขยับสัมผัสผิวผ่านเสื้อชวนให้จั๊กจี้หน่อยๆ

    “อืม” ฉันลูบกลุ่มผมนุ่ม “ขึ้นมัธยมเเล้วเดี๋ยวโชโตะคุงก็เริ่มโต ต่อไปจะมาซุกพี่สาวเเบบนี้ไม่ได้เเล้วนะ”

    “วันที่ผมจบการศึกษาคุณจะมาหรือเปล่า”

    อย่ามาทำหน้าเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูดสิ โตเเล้วมาซุกไม่ได้นะโชโตะคุง สาวน้อยอย่างฉันจะเสียหาย…

    นึกไปถึงตอนรักษานายท่าน อืม ช่างมันเถอะ

    “คุณจะมาใช่ไหม” เขาถามย้ำ ดวงตาสองสีสั่นไหวกำลังจ้องฉัน “ผม...ไม่อยากอยู่คนเดียว”


    อย่า


    อย่าทำหน้าเเบบนั้นนะ นี่รู้ใช่ไหมว่าฉันเเพ้ทางน่ะ

    เห็นนัตสึโอะบอกว่าเขาอีกไม่กี่วันเขาจะจบการศึกษาจากโรงเรียนประถมเเล้ว เเล้ววันนั้นคือคนตระกูลโทโดโรกิไม่ว่างสักคน สาวเเว่นติดงานมหาลัย นัตสึโอะติดซ้อมกีฬา ส่วนเอนเดฟเวอร์ไม่รู้จะมีเวลาหรือเปล่า เขาเป็นฮีโร่นี่

    “อ่า” ฉันชะงัก ลังเลนิดหน่อยเเต่เมื่อคิดถึงอนาคตก็... “วันสำคัญฉันก็ต้องไปร่วมยินดีด้วยอยู่เเล้ว”

    ดวงตาสองสีเป็นประกาย รอยยิ้มดีใจปรากฏบนใบหน้า เเทบไม่เหลือสีหน้าน่าเศร้าน่าปลอบใจตอนพูด ‘ผมไม่อยากอยู่คนเดียว’ เมื่อกี้ อืมๆ ดีเเล้วล่ะ ลุกออกจากตักเเบบนี้เเปลว่าพอใจเเล้วสินะ

    เป็นการถูกหลอกที่ไม่ได้เเย่อะไร

    ฉันหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าออกมา คิดจะดูเวลากับเช็คข้อความจากคนอื่นอย่างทุกที


    เเละทุกที


    เชื่อไหม


    ยังไม่ทันที่จะได้ดูเวลา ฉันจะถูกรบกวน


    โดนซุก พิงไหล่ ถูไถ หรืออะไรก็ตามเเต่ที่ทำให้เลิกสนใจเวลาในโทรศัพท์มาสนใจเขาเเทน เเละถ้าเกิดฉันวางโทรศัพท์ลงเเล้วหันมาสนใจเขาเมื่อไหร่มันก็จะกลายเป็นอยู่ด้วยกันยาว เเล้วเขาจะบอกว่าข้างนอกอันตราย นอนค้างนี่ล่ะ

    ฉันรู้ เพราะเขาปิดประกายตอนรู้ว่าเเผนที่วางไว้สำเร็จไม่ได้เลย


    มันอาจจะเริ่มตั้งเเต่ช่วงเเรกหรือช่วงสอง


    ช่วงที่นายน้อยโกรธเเล้วทำกับฉันเหมือนเป็นนางเอกนิยายเเก้เเค้นรักน้ำเน่าน่ะ -- ที่บอกว่าเขาโกรธจริงจังไม่ได้พูดเล่นนะ มิตรภาพระหว่างเราเเตกเป็นผุยผง ชนิดที่ว่าเห็นฉันเป็นตัวระบายอารมณ์

    เขาเคยบีบคอฉันตอนหลับ เคยปัดอาหารที่ฉันทำตกพื้น กรีดเสื้อผ้าฉัน เทน้ำชาราด ของที่ฉันสนใจเขาจะใช้อัตลักษณ์ทำลายมันจนไม่เหลือ อะไรอีกนะ อ้อ บางครั้งก็กัดฉันด้วย คอ เเขน หรืออะไรก็ตามที่มองเห็นได้ง่ายๆ

    มันเป็นอารมณ์สับสนของเด็กๆ

    คงไม่เข้าใจตัวเอง การร้องไห้เพราะเรื่องเล็กคงเป็นอะไรที่หนักหนาสำหรับเขาน่าดู อา ว่าที่ผู้สืบทอดนี่นะ

    ต้นเหตุที่ทำให้เขาเเปรปรวน คนที่ไม่เเน่นอนว่าอยู่ฝ่ายไหน --- ฉัน ควรจะถูกเก็บไว้หรือฝังกลบใต้พื้นดิน


    คือ


    ก็อย่างที่บอกว่าฉันโดนทำร้ายอย่างหนักหนา

    ทำร้ายตบตีน่ะไม่ว่าหรอก เเต่เสื้อผ้ากับของใช้ฉันมันต้องใช้เงินซื้อ ถึงสภาพฉันจะเละขนาดไหนเเต่ก็ต้องออกมาทำหน้าที่เป็นคนดูเเลอยู่ดี เพื่อเงิน เเละฉันทิ้งเด็กน่ารักไม่ได้


    เด็กอาจจะถูกหลอกได้ง่าย


    เเต่มันอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับโชโตะ

    เขาเชื่อฉันว่ามันเป็นอุบัติเหตุเเค่ในครั้งเเรก ส่วนพอมีครั้งที่สอง สาม สี่ ห้า ต่อๆไป ไม่ว่าจะบอกเพราะฉันเซ่อซ่า ไม่ระวัง หรือทำร้ายตัวเอง --- เขาก็ไม่เชื่ออีกต่อไป

    บางทีฉันก็อยากให้เขาโง่ลงกว่านี้สักหน่อย ความรู้สึกช้ากว่านี้อีกสักนิด การที่เขารู้ทันเเบบนี้มันลำบากมากเลยล่ะ โดยเฉพาะตอนที่ฉันต้องรับมือสีหน้าเศร้าๆ กับมือที่ชอบยื้อชายเสื้อไว้นั่น

    จำไม่ได้เเล้วว่าโดนเด็กพูดรั้งไว้กี่ครั้ง เเต่จำได้ว่าทุกครั้งมักจะตอบกลับไป ‘ฉันทิ้งเด็กคนนั้นไม่ได้หรอก’ เสมอ


    ฉันอ่านเมล์จากนัตสึโอะ


    : วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับ


    วรรคถัดมาเขาบอกว่าขอบคุณเเล้วก็ขอโทษเรื่องตอนกลางวันด้วย วันหลังจะไม่พาวิ่งเเบบนั้นอีกเเล้ว

    ฉันอ่านจนมาหยุดที่ประโยค ‘ไว้คราวหน้าขอเเก้ตัวใหม่นะครับ ผมจะทำให้ดีกว่านี้เเน่ๆ’ เเล้วก็หลุดขำออกมา จินตนาการภาพนัตสึโอะพูดประโยคนี้เเบบพระเอกเท่ๆในนิยายไม่ออกเลย

    นอกจากไปรับโชโตะหลังเลิกเรียน ไปซื้อวัตุดิบทำอาหาร จะว่าไปเเล้ววันนี้ก็เป็นครั้งเเรกเลยหรือเปล่าที่ได้เดินเที่ยวด้วยกัน -- เป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งเเรกหลังจากที่รู้จักกันมา คิดว่าน่าจะปีกว่าเเล้วมั้ง...เอ หรืออาจจะสองปี?

    ฉันลองกดย้อนไปดูอีเมล์ก่อนๆของเขาที่เคยส่งมา เลื่อนไปตั้งนานเเล้วก็ไม่เห็นวี่เเววว่าจะเจอฉบับเเรกที่เราเริ่มคุยกันเลย คงเพราะจำนวนเมล์ในตอนนี้มันมากจนกลบไปหมดเเล้วมั้ง

    เหมือนจะจำได้ว่าเป็นเขาที่ส่งข้อความมาก่อน ‘ขอบคุณที่ช่วยดูเเลโชโตะนะครับ’ ประมาณนั้น

    หลุดหัวเราะออกมาคำหนึ่ง พิมพ์ตอบกลับไป

    : จะรอคราวหน้านะคะ

    รู้ไหมนัตสึโอะคุง

    เวลามันผ่านไปเร็วมากๆเลยล่ะ


    “คุณสนิทกับพี่เหรอ”


    เสียงเรียกความสนใจทำให้ฉันละสายตาจากเมล์ไปสนใจเด็กที่มากอดจากข้างหลังเเล้วเอาคางเกยไหล่ ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอจนรู้สึกจั๊กจี้ อ้อมเเขนกอดรัดไม่ปล่อย

    ทั้งที่เเต่ก่อนไม่กล้าเข้าใกล้ฉันเเท้ๆ

    ฉันขยับตัวอย่างอึดอัด ดูเหมือนยิ่งเงียบเขายิ่งกอดเเน่นขึ้น อยากฟังคำตอบเสียให้ได้

    “คงเรียกว่าสนิทได้ล่ะมั้ง?” เเล้วจะทำยังไงได้นอกจากตอบไป ไม่งั้นคงได้กอดกันเเบบนี้ทั้งคืนเเน่

    “เเต่พี่พูดถึงคุณบ่อยมากเลยนะ”

    เขาดูเหมือนจะยังไม่พอใจ

    ฟังน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิดเเล้วฉันก็ได้เเต่คิด นัตสึโอะ ลับหลังไปพูดอะไรให้น้องชายฟังน่ะ

    “ผู้หญิงห้องผมมาถามด้วยว่าพี่สองคนคบกันอยู่หรือเปล่า” เขาพูดเสียงอู้อี้ ซบใบหน้าบนไหล่ “หลายครั้ง...เเล้วผมก็ตอบไปว่าไม่ใช่หรอก พวกเขาไม่ได้คบกัน...”

    เด็กอย่างเขาสนเรื่องรักๆตั้งเเต่เมื่อไหร่

    มันไม่ใช่เรื่องเเปลกเพราะโลกนี้มีอินเตอร์เน็ตไว้สืบค้น เเต่ที่ประหลาดคือเด็กที่ไม่น่าจะสนใครอย่างโชโตะทำไมถึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องราวรักใคร่เเบบนี้ได้ butterfly effect อีกเเล้วเหรอ

    บางทีมันอาจจะเเปลกตั้งเเต่ที่เขามาเกาะเเกะเเล้ว

    น้ำในอ่างกับก้อนหินในมือ

    “เห โชโตะคุงเริ่มสนเรื่องรักเเล้วเหรอเนี่ย”

    เบนหน้าไปทางเขาที่ซบไหล่อยู่ สบเข้ากับดวงตาสองสี จากนั้นเเย้มรอยยิ้มในตอนที่ใบหน้าใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ เห็นภาพของตัวเองสะท้อนในดวงตาคู่สวยราวอัญมณีนั้น

    กระซิบเเผ่วเบา


    “คงอีกไม่นานหรอก...มั้งนะ?”


    ฉันขยับตัวออกตอนที่เขาคลายอ้อมกอดลง

    ตรงไหล่ยังรู้สึกร้อนผ่าวเช่นเดียวกับลำคอ คราวหลังฉันควรจะสวมชุดกันหนาวที่มันมิดชิดกว่านี้ ออร่าของตัวเอกมันเเรงจริงๆเลยนะ เเหม ทำเอาใจเต้นตึกตักไปหมด น่ากลัวจริงๆ

    ฉันมองเมล์ล่าสุดจากนัตสึโอะ

    มันมีเเค่อิโมจิรูปพลุไฟอันเดียว

    ฉันหัวเราะก่อนจะกดออกจากกล่องข้อความเเล้วปิดมือถือ

    เหลือบมองไปเห็นโชโตะล้มตัวนอนบนฟูก อ่ะ อะไรน่ะ นอนหันหลังให้เเบบนั้น อารมณ์ไม่ดีเหรอ ไม่ใช่เพราะฉันใช่ไหม

    ฉันลุกขึ้นไปหยิบกล่องยามา เป็นกล่องยาที่ซื้อมาเผื่อไว้ตั้งนาน ฉันเก็บไว้ที่ห้องเขาเผื่อเวลาซ้อมเเล้วมีบาดเเผล -- ก็เกือบทุกครั้ง อย่างที่บอกว่าฮีโร่อันดับสองคนนี้เป็นพ่อที่เข้มงวดมาก การฝึกก็โหดเเสนโหด บางครั้งน้องบอบช้ำจนฉันจะร้องไห้ เเค่เห็นผิวขาวๆมีรอยสีเขียวม่วงใจฉันก็เเทบเเตกสลาย


    ฉันนั่งลงข้างฟูก สะกิดเรียก “รักษาก่อนเถอะนะ”


    เขาไม่เคยขัด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน


    ฉันยิ้มเมื่อเขาพลิกตัวกลับมา ยื่นเเขนข้างที่เจ็บมาให้ทั้งที่นอนอยู่ ถึงการไม่ลุกขึ้นมาดีๆเเบบนี้จะทำเเผลลำบากก็เถอะ เเต่ในตอนที่เขาไม่พอใจเเบบนี้ก็ถือว่าดีเเล้วใช่ไหมล่ะ

    ถ้าเป็นนายน้อยนะ ถ้ากำลังไม่พอใจเเล้วฉันเกิดไปยุ่งด้วยเข้าไม่โดนกัดสักสองสามเเผลก็คงโดนขู่ฟ่อใส่เเน่

    ฉันมองเเผลถลอกเต็มสองเเขนเเล้วก็รู้สึกรวดร้าวขึ้นมา ถึงมันจะไม่รุนเเรงเท่าเเผลนายท่าน ไม่เลือดสาดเหมือนการต่อสู้ใต้ดิน เเต่เข้าใจไหม นี่เเขนน้องน้อยนะ เด็กชายที่น่ารักจะให้มีเเผลเเบบนี้ได้ไง

    ฉันเเตะที่เเผลอย่างเเผ่วเบา มองดูมันเริ่มหายไปเเล้วก็ถอนหายใจโล่งอก เอาล่ะ ที่ไหนอีกนะ ต้องรักษาให้หมด

    “กล่องยานั่นคุณก็ใช้เเค่ครั้งเดียวเองไม่ใช่หรือไง” โชโตะพึมพำ มองฉันสลับกับเเขนที่ไร้บาดเเผลราวกับจะถามว่าซื้อกล่องยานี่มาทำไม

    ก็จริงที่ฉันเคยใช้มันทำเเผลให้เขาเเค่ครั้งเดียว วันนั้นเขาได้เเผลมาจากการฝึก ช้ำทั้งตัว เเย่ยิ่งกว่าเเผลถลอกเล็กๆนี่อีก รู้ไหมว่าฉันด่าฮีโร่อันดับสองในใจไปขนาดไหน เเล้วรู้ไหมว่าฉันทำเเผลครั้งเเรกได้เเย่ขนาดไหน

    ฉันเคยคิดว่าอยากทำเเผลให้เด็กน่ารักเหมือนในนิยายที่เคยอ่านมาบ้าง เเต่ลองจริงๆเเล้วคงไม่รอด

    จากนั้นฉันก็เลิก ยังไงซะก็เเค่ความอยากลอง

    เขายกเเขนตัวเองขึ้น มองดูรอยเเผลที่ไม่หลงเหลือด้วยดวงตาเป็นประกาย “กล่องยานี่ไม่เห็นจำเป็นสักนิด”

    “เอ๋ อย่าพูดว่าไม่จำเป็นสิโชโตะคุง” นั่นชมฉันใช่หรือเปล่า อารมณ์ดีเเล้วเหรอ “ฉันซื้อมาเผื่อไว้ไง เผื่อในอนาคตฉันจะรักษาเเบบนี้ไม่ได้เเล้ว”

    โชโตะหยุดชะงัก “ทำไมล่ะ”

    “ก็ฉันอาจจะไม่มีเวลา...อะไรพวกนั้น” ฉันหัวเราะเเห้ง เบนหน้าไปทางอื่น “เดี๋ยวโชโตะคุงก็โตเเล้วใช่ไหมล่ะ ฉันอาจจะมาส่งห้องเเบบนี้ไม่ได้เเล้ว อ่ะ เเล้วก็จะกอดเเบบเมื่อกี้ไม่ได้ด้วย”

    เขาไม่ตอบกลับมา ไม่รู้ว่าเข้าใจหรือเเกล้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ฉันพูดไปกันเเน่

    “ฉันอยู่ดูเเลตลอดไม่ได้หรอกนะ”

    “เเต่คุณเป็นคนดูเเลของผม” เขาเถียง

    “ยังคิดเเบบนั้นอยู่เหรอ”


    ฉันหัวเราะอย่างเศร้าสร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้


    “ที่ตอบไปว่า ‘ฉันทิ้งเขาไม่ได้’ นั่นน่ะไม่ได้โกหกหรอกนะ ฉันทิ้งเด็กเอาเเต่ใจคนนั้นไม่ได้ เเค่นี้ก็ไม่ใช่คนดูเเลเเล้ว”

    ดวงตาของเขาไหววูบไป -- เเค่เสี้ยววินาที

    “เเต่คุณก็ไม่ได้ทิ้งผมสักหน่อย”

    “ไม่ทิ้ง เเต่ก็ไม่ได้ยืนอยู่ข้างๆใช่ไหมล่ะ”


    ฉันรู้สึกเมื่อยขึ้นมา


    เหมือนจะฝืนเศร้าต่อไปไม่ไหว น้ำตามันไม่ไหลออกมาสักที ในที่สุดก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้ายิ้มเเย้มเหมือนทุกวัน

    “จะว่าไป เด็กผู้หญิงที่โชโตะว่าช่างสังเกตดีนะ...พวกเราชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ”

    “หมายความว่าไง” ครั้งนี้เสียงเขาติดสั่น “คุณไม่ได้ชอบพี่สักหน่อย...ใช่ไหม”

    “ชอบสิ”


    ยัยสารเลว


    “เเล้วก็ชอบเด็กคนนั้นด้วย โชโตะคุงด้วย อ่ะ เจ้านายที่ใจดีเป็นบางเวลานั่นก็อีกคน ชอบหมดเลย” ฉันยิ้ม ยื่นมือไปลูบกลุ่มผมนิ่ม “เด็กดีเเล้วก็น่ารักเเบบนี้จะให้ไม่ชอบได้ไง หื้ม”

    “อือ ผมไม่ได้หมายความว่าชอบเเบบนั้นสักหน่อย”

    เเต่ก็ยิ้มเเล้วใช่ไหมล่ะ

    ฉันยิ้มเเป้นมองดูดวงตาสองสีที่กลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง รู้สึกเหมือนตาพร่าขึ้นมา ฉันชอบดวงตาของเขามากเลยนะ โดยเฉพาะตอนนี้ เหมือนมีดวงดาวอยู่ข้างในนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็ด้วย...


    อ่ะ


    ทำไม


    ฉันมองมือตัวเองที่ถูกจับไปเเนบใบหน้าข้างที่กลายเป็นรอยเเผลเป็น มือของเขาทาบลงมาตามอีกที เอ๋ มือใหญ่จังเลยนะ ทั้งที่เเต่ก่อนฉันกุมก็มิดเเล้วเเท้ๆ เเถมยังร้อนเเล้วก็หยาบ…

    ฉันกะพริบตา คิดอยากจะชักมือออก -- เเต่เเล้วก็ได้สะดุดไปเมื่อคิดถึงความรู้สึกใต้ดวงดาวในดวงตาคู่นั้น

    เปลือกตาของเขาปิดลง รอยยิ้มเริ่มจางหาย


    “ตอนนี้คุณเป็นของผมนะ”

    มือที่คิดจะขยับออกหยุดนิ่ง



    “เพราะงั้นช่วยอยู่ตรงนี้จนกว่าผมจะหลับได้ไหม”



    มือของเขากำลังสั่น

    ความรู้สึกที่ทำให้ยิ้มไม่ออกกลับมาอีกครั้ง


    “อืม”



    ทำไม



    ทำไมข้างในถึงร้องไห้ทั้งๆที่ยิ้มอยู่ล่ะ โชโตะ





    …...





    “ชอบสิ”



    คุณมักจะยิ้มอยู่เสมอ



    “เเล้วก็ชอบเด็กคนนั้นด้วย โชโตะคุงด้วย อ่ะ เจ้านายที่ใจดีเป็นบางเวลานั่นก็อีกคน ชอบหมดเลย”


    คุณยิ้มในตอนที่ร่างเต็มไปด้วยบาดเเผล บอกผมว่าไม่เป็นไร เเต่ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ไม่เป็นอะไรอย่างที่พูดหรอก

    คุณยิ้มในตอนที่สบตากับผม คุณพูดว่าชอบดวงตาของผมมากๆ คุณบอกว่ามันสวยเหมือนอัญมณี

    ผมก็ชอบดวงตาของคุณเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่คุณยิ้มจนตาหยี โลกของผมก็เหมือนสว่างไสวขึ้นมา


    “เด็กดีเเล้วก็น่ารักเเบบนี้จะให้ไม่ชอบได้ไง หื้ม”


    เเต่หลายครั้งผมก็เกลียดรอยยิ้มของคุณ

    ตอนที่คุณพูดเรื่องโหดร้ายออกมา ก่อนจะยิ้มเพื่อปกปิดมัน เปลี่ยนเรื่องพูดทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น



    “ตอนนี้คุณเป็นของผมนะ”


    เเต่ตอนนี้คุณเป็นของผม เป็นโลกของผม

    ส่วนผมก็เป็นเด็กดีอย่างที่คุณอยากเห็น

    มองคุณด้วยดวงตาเป็นประกาย พยายามยิ้มอย่างที่คุณบอกว่าชอบ เเม้ว่าการลืมความเศร้าข้างในจะยากก็ตาม



    “เพราะงั้นช่วยอยู่ตรงนี้จนกว่าผมจะหลับได้ไหม”




    เพราะงั้น





    อย่าทิ้งผมเลยนะครับ







    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    โฮฮฮฮฮ ไทม์สคิปนี่มันยาวจริงๆนะคะ ;--;

    ที่ลงไปคือเเค่ครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งขอตัวไปพักก่อน รู้สึกจ้องคอมติดๆเเล้วเวียนหัว

    ระยะเวลาตอนนี้ก็คือผ่านมาหนึ่งสองเกือบสามปีเเล้วค่ะ

    (ยัยโชสนเเค่เวลาเท่านั้นล่ะ เเต่วันที่ ผ่านมากี่เดือนกี่ปีอย่าไปถามเธอเลย)


    ถามหานายท่าน? *หัวเราะ*


    คิดว่าอีกไม่ไกลเเล้วล่ะค่ะ โฮะโฮะโฮะ





    -------


    ไทม์สคิปจะเป็นช่วงๆบางตอนนะคะ รู้สึกว่าบางฉากมันก็ข้ามไม่ได้เลยยยย โฮฮฮฮ ;--;


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×