NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ
  • มีการบรรยายเนื้อหาที่เกี่ยวกับความรุนแรงสูง
  • มีเนื้อหาที่เครียดหรือหดหู่มาก ซึ่งอาจกระทบต่อภาวะทางจิตใจ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (end)「Fic Boku no Hero Academia」XXX {Villain x OC}[จบรูทหลัก]

    ลำดับตอนที่ #13 : ลังเล [1/2]

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 62



    [11] ข้อความ



    เขายังไม่ส่งข้อความอะไรมาเลย



    ทำไมอ่านายน้อย ไม่หิวบ้างเหรอ ทำไมไม่เอาเเต่ใจเเล้วล่ะ ผิดหวังหน่อยๆนะเนี่ย หรือว่าที่ไม่ส่งมาเพราะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า คุโรกิริได้ดูเเลไหมเนี่ย คงไม่ใช่ว่าเป็นไข้หนักกว่าเดิมนะ


    “ช...โช...โชซัง!”


    เสียงที่ค่อนข้างดังดังขึ้นข้างหู ฉันสะดุ้งหลุดออกจากความคิดในหัว ก่อนจะหันไปต้นเสียง พี่ชายของโชโตะ -- โทโดโรกิ นัตสึโอะ เด็กที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าพ่อตัวเองเท่าไหร่

    ใบหน้าใกล้จังเลยเเฮะ

    “ขอโทษครับ พอดีเห็นคุณเหม่อๆอยู่น่ะ...”

    เขาก้าวถอยห่างจากฉัน ใบหน้ามีเเต่สีเเดง ในมือถือผ้าเช็ดจานอยู่ ดีที่เขาวางจานลงก่อนเพราะอีกคาดว่าอีกไม่นานจานมันต้องถลอกออกมาเเน่ๆ ทำไมถูเเรงขนาดนั้นนะ

    ลองหันกลับมาดูตัวเอง ก๊อกน้ำถูกเปิดทิ้งไว้ มือฉันเต็มไปด้วยฟอง เเย่เเล้ว ฉันรีบล้างมืออย่างรวดเร็วก่อนจะปิดก๊อกน้ำ นี่เหม่อมากเลยนี่นา ขอบคุณที่น้ำมันไม่ล้นซิงค์ล้างจานซะก่อน

    นาฬิกาอยู่ในกระเป๋า เเย่จัง ตอนนี้กี่โมงเเล้วเนี่ย

    “ขอบคุณนะคะนัตสึโอะคุง”

    “ไม่...ไม่เป็นไรครับ”

    ฉันกะพริบตา มองผู้ชายที่สูงกว่าฉันนิดหน่อยกำลังพูดจาตะกุกตะกัก เเก้มมีริ้วเเดงพาดผ่าน เหมือนกำลังเขิน อะไรเนี่ย นี่คือผลผลิตหลังจากการเเนะนำตัวสุดนางเอกนั่นเหรอ ไอ้ที่ยิ้มอ่อนโยน เสียงหวานๆนั่นน่ะนะ

    ฉันยังจำได้อยู่เลยนะที่ตอนเเรกเขาเห็นหน้าฉันเเล้วมองเขม่นน่ะ ดูไม่ไว้ใจสุดๆ ยังจำความรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโจรลักพาตัวตอนนั้นได้ดีเลย ใช่คนเดียวกับที่เขินตอนนี้เเน่เหรอ

    ถ้าพูดเเนะนำตัวกับคุโรกิริเเบบนี้เเต่เเรก…

    ไม่ไหว เเค่คิดภาพก็สยอง

    พอเดินออกจากครัวเเล้ว น่าเเปลกใจที่โชโตะคุงยังคงรออยู่ในห้อง ใบหน้าที่ฟุบไปกับโต๊ะเงยขึ้นมา อย่าจ้องกันเเบบนี้สิ ถึงจะมองด้วยสายตาอย่างนั้นฉันก็ทิ้งนายน้อยที่ป่วยอยู่ไม่ได้หรอกนะ

    ฉันหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ขึ้นมา ค้นโทรศัพท์ก่อนจะเปิดดู ว่างเปล่า นายน้อยไม่ส่งเมล์อะไรมาเลย ไม่โทรมาด้วย

    “นี่ก็ค่ำเเล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”

    หันไปส่งยิ้มให้นัตสึโอะที่ออกจากครัวตามหลังมา อืม จะซื้ออะไรไปฝากนายน้อยดี เเต่คนป่วยก็กินอะไรมากไม่ได้ด้วยสิ งั้นเเวะซื้อเเค่เจลเเปะหน้าฝากลดไข้กับปรอทวัดไข้ก็เเล้วกัน

    “ระ รอก่อน!”

    เเขนถูกคว้าเอาไว้

    เเรงเยอะผิดคาด เจ็บนิดๆนะเนี่ย ฉันหันไปมองนัตสึโอะเเล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร นั่นคงทำให้เขาได้สติ รีบปล่อยมือออกจากเเขนฉันเเล้วพูดขอโทษขอโพย  

    มันคุ้นเคย เหมือนจะเคยเห็นมาก่อน ฉากในการ์ตูนตาหวานพวกนั้น พระเอกยื้อนางเอก มองหน้า จากนั้น…

    “ขอเมล์...ได้หรือเปล่าครับ” เขาพูดตะกุกตะกัก ยื่นโทรศัพท์มาให้ “เผื่อผมมีเรื่องจะถาม...อะไรเเบบนั้น”

    “เมล์? ได้สิคะ” ไม่ว่าจะให้หรือไม่ให้มันก็มีค่าเท่าเดิม ผลลัพท์ไม่มีอะไรเปลี่ยน “นี่ค่ะนัตสึโอะคุง”

    มองเขาที่รับโทรศัพท์คืนไปเเล้ว ท่าทางทำตัวไม่ถูกทำให้นึกขำนิดหน่อย ทำไมคนเราเป็นได้ขนาดนี้

    เหลือบหางตาไปโชโตะหายไปจากที่เดิมเเล้ว อาจจะฉวยโอกาสหนีไปตอนที่ฉันกำลังคุยกับพี่ชายเขาก็ได้ล่ะมั้ง

    มือที่กำลังจะเเตะผ้าพันคอหยุดชะงักกลางอากาศ เช่นเดียวกับรอยยิ้มพอใจบนหน้า ฉันลดมือลงจนมาอยู่ในท่าถือกระเป๋าปรกติ ไอสีขาวลอยออกมาเมื่อถอนหายใจ อาศัยช่วงจังหวะที่นัตสึโอะเผลอเอ่ยขอตัวเบาๆเเล้วออกมา

    อากาศข้างนอกเย็นจริงๆด้วย

    ฉันตัวสั่นนิดหน่อย รู้สึกถึงมือที่เริ่มชาเเละเย็นขึ้น คาร์ดิเเกนไม่ได้หนามากพอที่จะป้องกันความหนาวเย็นได้ แล้วก็เดรสนี่เเม่งโคตรสั้นเลย ฉันขนลุกทุกครั้งที่ลมหนาวพัดมา รู้เเบบนี้น่าจะใส่ตัวอื่น

    ซ่อนใบหน้าครึ่งหนึ่งของตัวเองไว้ใต้ผ้าพันคอ หลุบมองโทรศัพท์ในมือ กำลังค้นหาอาหารง่ายๆที่ผู้ป่วยกินได้อยู่ ส่วนมากก็ดื่มน้ำอุ่น ข้าวต้ม น้ำขิงร้อนๆ อันสุดท้ายนี่นายน้อยกินได้หรือเปล่า เขาคงไม่เขวี้ยงเเก้วน้ำขิงทิ้งไปซะก่อนนะ

    ใกล้จะเดินไปถึงประตูบ้านตระกูลโทโดโรกิทุกที



    เสียงฝีเท้าของใครบางคนใกล้เข้ามา



    ฉันควรจะได้ออกไป เพียงเเค่เร่งฝีเท้าเดินให้เร็วอีกหน่อย อีกนิดเดียวมันก็จะผ่านพ้นอาณาเขตบ้าน...

    ฉันเดินต่อไปได้อีกสักหน่อย เเค่สองสามก้าว จากนั้นก็หยุดชะงักลงเมื่อได้ยินเสียงหอบจากด้านหลัง พ่นลมหายใจสีขาวออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ในที่สุดฉันก็หันหลังกลับไปมอง

    ผมเขาค่อนข้างยุ่ง ปากกำลังหอบเอาอากาศเข้าไป ลมหายใจสีขาวออกมาทุกครั้ง  เมื่อเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาสองสีคู่นั้นอัดเเน่นด้วยอารมณ์ปนเป ไม่รู้ว่าเขากำลังตัดพ้อ ไม่พอใจ หรือไม่เข้าใจอยู่กันเเน่

    “มีอะไรหรือเปล่า?”

    “ตอนเจอกันครั้งเเรก...ที่ผมชวนเเล้วคุณตอบตกลงหมายความว่าอะไร” เขากำเสื้อตัวเองจนมันยับยู่

    “เอ๋?...อ่า” ฉันมึนไปสักพัก รอยยิ้มบนใบหน้าเริ่มกลายเป็นรอยยิ้มเเห้งๆ จะให้บอกได้ยังไงว่าส่วนหนึ่งเพราะตกหลุมความน่ารักของเขา เเล้วก็เหตุผลหลัก...พูดออกมาไม่ได้หรอก ถึงไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็เถอะ

    “ตอนนั้นเธอเเค่บอกว่า ‘ผมจ้างคุณ กลับไปกลับผม’ ไม่ใช่เหรอ เเล้วก็ตำเเหน่งคนดูเเลที่ว่าไม่ได้กำหนดว่าต้องย้ายมาอยู่ด้วยนี่...เห็นว่าเธอกำลังมีปัญหา ส่วนฉันในตอนนั้นก็มีปัญหา ก็...นั่นเเหละ”

    “ไม่ใช่เเค่ตอนนั้น ตอนนี้ก็ด้วย” เขาเม้มปาก “ใต้ผ้าพันคอ มันคือเเผลอันใหม่ใช่ไหม”

    “เเค่อุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอก”

    ความจริงก็ไม่ใช่ เพราะฉันตั้งใจยั่วโมโหท่านวายร้ายจนเขาอารมณ์ไม่ดี รอยบนคอนี่ก็เเค่...ก็เเค่ผลพวงจากคำถามประลองปัญญา ดีเเค่ไหนเเล้วที่คอไม่หัก ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่หักเงินฉันด้วย ใจดีจนน้ำตาจะไหล

    ในเเง่ดี รอยนี่เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันเพิ่งต่อปากต่อคำกับบอสมาเเล้วชนะไงล่ะ อวัยวะยังอยู่ครบไม่บุบสลาย

    “ไม่...ผมหมายถึง...ผมไม่อยากให้คุณกลับไปอีก...”

    ดวงตาที่ปรกติมักจะเรียบนิ่งตอนนี้สั่นไหว

    อากาศเริ่มเย็นลงอีก ท้ายประโยคเสียงเขาเเผ่วลง  

    ฉันเพิ่งตระหนักในตอนนั้นเองว่าเขาวิ่งออกมาโดยที่ไม่ได้สวมเสื้อกันหนาว -- เมื่อมองลงไป เท้าเปลือยเปล่าเหยียบบนพื้นขรุขระ มันเปื้อนนิดหน่อย รอยเเผลบนเท้าอาจจะเกิดจากการที่โดนเศษหินบาดเอาตอนวิ่งมา

    ไม่ใช่เรื่องดีเลยดูจากที่ตอนนี้เขาตัวสั่น สองเเขนกอดตัวเองเเน่น เเล้วก็ยังมีเสียงฟันกระทบกึกๆอย่างน่าสงสาร

    “ทำไมล่ะ...ถ้าไปจะถูกทำร้ายไม่ใช่เหรอ...เเล้วคุณก็บอกว่ามันเจ็บมาก...มากๆ...”

    เขาตาเเดง ก่อนจะยกสองมือที่เคยกอดตัวเองขึ้นมาปิดหน้า ปากยังพร่ำพูดออกมา น้ำเสียงสั่นๆกับคำพูดเเผ่วเบาเเทบไม่เป็นประโยคนั่นไม่รู้เป็นว่าเพราะอากาศตอนนี้หรือเปล่า

    จิตใจด้านชั่วถูกทุบตีอย่างหนัก

    อะไรสักอย่างเกาะกุมในใจ อาจจะเป็นนางฟ้าความดีที่กำลังบอกว่า ‘เธอกำลังทำเด็กเสียคน รับผิดชอบซะ’ เเล้วจะให้ฉันทำยังไงได้ ด้านดีทุบฝ่ายชั่วตายไปเเล้วตั้งเเต่เห็นเขาตัวสั่นจากความหนาวเย็น


    ตอนนี้เวลาเท่าไหร่ไม่รู้


    เเต่มันดึกเเล้ว เเล้วมันก็หนาวมากเลย

    ลำคอเหมือนถูกความหนาวเย็นเสียดเเทงเมื่อถอดผ้าพันคอที่ได้มาออก ราวกับว่าลำคอกำลังถูกเเช่เเข็ง อาการปวดหนึบเริ่มกลับมาอีกครั้งเมื่อต้องกับลมหนาว ตอนที่เขาวิ่งมาคงรู้สึกเเบบนี้เหมือนกัน

    มองเด็กโง่ที่ตอนนี้ถูกผ้าพันคอหนานุ่มบังไปเกือบครึ่งหน้าเเล้ว ถอนลมหายใจเย็นออกมา จะโดนโกรธหรือเปล่านะ ยกผ้าพันคอที่เขาอุตส่าห์ไปซื้อมาให้คนอื่นน่ะ ไม่เห็นต้องถามเลย โดนโกรธเเน่ๆ

    เท้าที่โดนบาดนั่นน่าสะเทือนใจเกินไป เลือดเริ่มไหลซิบออกมาบ้างเเล้ว เเม้จะไม่ใช่รอยเเผลใหญ่เเต่ก็ขัดตาอยู่ดี

    ฉันเอาสายกระเป๋าคล้องเเขนมั่นใจว่ามันจะไม่ขาดระหว่างทาง ย่อตัวลงพอที่เขาจะกระโดดขึ้นมาได้ จากนั้นตบหลังตัวเองเเปะๆ อา กระโปรงเเบบนี้เเม่งโคตรหนาวเลย

    เสียงเงียบไป ก่อนที่ต่อมาหลังจะเเบกรับน้ำหนัก ก็หนักนิดหน่อยเเต่เบากว่าที่คิด ประเด็นคือภาพลักษณ์ผู้หญิงบอบบางห่าเหวนั่นคงพังยับถ้ามีใครสักคนผ่านมาเห็น ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว

    ช่างเถอะ ความจริงก็ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่

    รอบคอถูกเเขนโอบเอาไว้เเน่น ใบหน้าของเขาซุกลงมาเเถวไหล่ ลมหายใจเป่ารดผิวผ่านเสื้อคาร์ดิเเกน ไม่เย็นเเต่กลับร้อน ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเเผ่ลามไปทั่ว

    ฉันเหลือบมองเท้าเขา มองดูดีๆเเล้วบาดเเผลเกิดขึ้นทั้งสองเท้า เลือดสีเเดงตัดกับผิวขาว

    “รู้จักงอเเงเป็นตั้งเเต่เมื่อไหร่” ฉันถาม เสียงติดสั่นจนรู้สึกได้ “เเล้วออกมาเพื่อถามเเค่นี้เหรอ”

    “ผมไม่ได้งอเเง” เเขนที่โอบรอบคอรัดเเน่นขึ้น เขาพูดสียงอู้อี้ทั้งๆที่ยังไปละใบหน้าออกมาจากไหล่ “ไม่ได้งอเเงนะ...”

    ฉันกลอกตา กำลังคิดว่าเดินไปทางไหนถึงจะถึงห้องเขาเร็วที่สุด ก่อนที่ฉันจะขาดอากาศตายเพราะเเรงเขา

    “คนดูเเลในความคิดเธอหมายความเเบบไหน”

    ในที่สุดฉันก็เลือกเดินไปทางหนึ่ง

    “ตอนนี้ฉันดีไหม เเบบไหนถึงจะดี”

    มันเป็นคำพูดที่เลือกมาสุ่มๆ อย่างน้อยก็ไม่ให้เงียบเกินไป เเละตรวจว่าเขาไม่ได้จะหลับ

    “ตอบเเล้วได้อะไร คุณจะทำตามเหรอ”

    “อ่า”

    เขาเงียบไป



    “ห้ามทิ้งผม”



    ที่ฉันเเบกอยู่นี่ก็ไม่น่าเรียกทิ้ง

    เป็นคนอื่น...เป็นคนอื่น นั่นสิ ถ้าไม่ใช่เขาเเต่เป็นคนอื่นฉันจะทำไง คงทิ้งไว้เเล้วเดินออกมา...ประมาณนั้น?

    “ไม่หนี”

    “ไม่ไปหาคนอื่น”

    “ไม่...”

    “อืมๆ” ฉันขัดขึ้นก่อนที่เขาจะพูดประโยคต่อไป “ยากจังเลยน้า พี่สาวไม่ทำเเล้วได้ไหม เปลี่ยนเป็นเพื่อนเเทน”  

    “เพื่อนนอนค้างด้วยกันได้ไหม”

    “ก็...” ฉันนึกถึงเวลาที่นอนค้างกับคนอื่น “ไม่”

    “งั้นไม่เป็นเพื่อน” เสียงเขาดื้อรั้น

    “ถึงเป็นคนดูเเลก็ค้างไม่ได้” ตอนนั้นเเค่กรณียกเว้น

    “ทำไมไม่ได้”

    “เด็กคนนั้นไม่ให้ค้างเเล้ว ห้าม ฉันต้องทำตาม”

    บทสนทนาหยุดลงไปเมื่อฉันลัดเลาะมาจนถึงห้องนอนของเขา ฉันเเทบจะร้อง เหมือนทำภารกิจอะไรสักอย่างสำเร็จ ขอบคุณที่ห้องของเขามันเเยกออกมาเกือบโดดเดี่ยวคนก็เลยไม่มี

    ฉันเเอบนับถือตัวเองในใจที่เเบกเขามาได้ถึงห้อง ขอบคุณครั้งที่สองคือเขายอมลงจากหลังฉันดีๆไม่ได้อิดออดอะไร เด็กดีจังเลย

    “เจ็บ...” เขานั่งลงบนฟูก มือจับที่เเผลเเล้วขมวดคิ้ว พึมพำ “เลือดออกด้วย”

    ฉัน -- ที่เมื่อกี้กำลังจะฉวยโอกาสหนี หยุดชะงักกับที่ หันมามองเขา เกือบลืมไปซะสนิทเลยว่าเขามีเเผล

    มนุษย์หายเองไม่ได้หรอก เพราะงั้นฉันก็เลยวางกระเป๋าลง ขยับไปใกล้เขา จากนั้นก็เเตะขอบเเผลนิดหน่อย ผ่านไปไม่ถึงลมหายใจทุกอย่างก็กลับมาเป็นปรกติ เขาไร้บาดเเผล เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ข้างนอกเงียบจังเลยนะ”

    “ปรกติก็อยู่คนเดียวเเบบนี้ ผมถูกเเยกออกมาตั้งเเต่เด็กเเล้ว”


    พอพูดไปเเบบนั้น เขาก็เอนตัวนอนบนฟูก

    ดวงตาสองสีมองมาขณะหนึ่งก่อนที่จะเบนกลับไป ประกายที่เคยสดใสกำลังเศร้าหมอง มืดหม่น

    เขาพึมพำ


    “...ถูกทิ้งอีกเเล้ว”


    กระเป๋าสั่นครืด -- มีใครโทรมา

    ฉันหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า หน้าจอขึ้นชื่อนายน้อย เขาโทรมา...ตอนนี้เวลาเกือบสองทุ่มเเล้ว

    ฉันกดรับ เอาโทรศัพท์เเนบหูขณะเหลือบมองไปยังเด็กอีกคนในห้อง พบว่าเขาก็กำลังมองฉันอยู่



    [หิวเเล้ว]



    เสียงเอาเเต่ใจดังขึ้น


    [ถ้าไม่รีบมาจะล็อกห้อง]


    ห้องฉัน

    “ไม่เอาเเบบนั้นสิ” ฉันหัวเราะเเห้ง “กินยาหรือยังเนี่ย”


    [หึ]


    อย่ามาทำเสียงหึเลย

     

    “ไม่ใช่เล่นเเต่เกมนะ”


    [อย่ามาสั่ง]


    เจ็บจัง

    จะร้องไห้เเล้ว

       

    [หิว]


    เขาย้ำอีกครั้ง

    เเละก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไร

    ...เขากดตัดสาย


    ฉันมองโทรศัพท์พักหนึ่งก่อนจะเก็บเข้ากระเป๋า


    “โชโตะคุง


    เขาเอาผ้าห่มคลุมโปง เเต่การที่ยังดิ้นขยุกขยิกทำให้รู้ว่าเขาไม่ได้หลับ เเค่กำลังไม่อยากฟัง








    “คืนนี้ฉันนอนด้วยนะ”






    ★ ☆ ★ ☆ ★ ☆


    โช : อย่าด่าฉัน! อย่าด่าฉัน!


    ※ ครึ่งหลังจะเริ่มไทม์สคิปเเล้วนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×