ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [2PM Yaoi] Diagonus

    ลำดับตอนที่ #7 : 7

    • อัปเดตล่าสุด 24 พ.ค. 53




    (
    Jay’s Part)

     



    ตอนนี้ผมบินมาอเมริกาได้สองวันแล้ว สาเหตุมาจากบริษัทใหญ่ในเครือที่ผมทำงานอยู่ปัจจุบันเกิดปัญหาขึ้น ทางบริษัทเลยเรียกผมให้มาแก้ไข

     


    ซึ่งผมก็ต้องยอมมาแต่โดยดี

     




    อยากจะเลี่ยง อยากจะปฏิเสธแต่ด้วยความที่เจ้านายเก่ามีบุญคุณกับผมมาก ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะขัดขืน

     


    พี่เจย์ ดื่มกาแฟหน่อยมั้ยคะจองนิโคล อดีตรุ่นน้องที่โรงเรียนสมัยไฮสกูลที่ปัจจุบันดันมาทำงานในบริษัทเครือเดียวกันยื่นถ้วยกาแฟมาให้ ผมละสายตาจากหน้าจอคอม หยิบกาแฟไปดื่ม มองบรรยากาศรอบๆที่ทำงาน มืดสนิท ไร้พนักงาน เหลือแค่ผมกับนิโคลสองคน

     


    อ่า ก็นี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนี่นะ คนคงจะกลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ

     



    เธอกลับไปก่อนก็ได้นะผมพูดกับนิโคลด้วยความเกรงใจ เธอได้รับมอบหมายหน้าที่ให้คอยช่วยเหลือผม ดังนั้นวันนี้เธอจึงขลุกอยู่กับผมทั้งวัน ผมยังไม่เห็นเธอออกไปไหนเลยนอกจากไปเข้าห้องน้ำ

     



    เจอกันแค่วันแรก(ในฐานะเพื่อนร่วมงาน)แทนที่จะพาไปเลี้ยงฉลอง ทำความรู้จักกันให้ดียิ่งขึ้น ผมก็ดันใช้งานเธอหนักไปหน่อย ผมนี่มันแย่จริงๆ เวลาเห็นงานมากองตรงหน้าทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย นิชคุณถึงได้พูดบ่อยๆว่า ไม่สนใจคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งตัวเอง

     


    พี่มีอะไรจะให้ฉันช่วยอีกมั้ยคะไม่เหรอ งั้นเดี๋ยวลงไปพร้อมกันนะพี่พอเห็นผมส่ายหน้า เก็บของใส่กระเป๋า นิโคลก็รีบไปเก็บของของตัวเองบ้าง

     



    ลงมาถึงข้างล่าง เธอก็รีบวิ่งไปขึ้นรถคันสีดำที่จอดรออยู่หน้าบริษัทโดยลืมบอกลาผม ผมเห็นผู้ชายในรถที่นั่งตำแหน่งคนขับดูท่าทางจะเป็นแฟนของนิโคลพูดอะไรสักอย่างที่ทำให้นิโคลรีบเปิดประตูรถออกมา โค้งคำนับผม เธอยิ้มเหยๆให้ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถ

     




    ผมมองตามรถที่ขับออกไป อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ สงสัยอากาศที่หนาวเย็นจะทำให้เธอลืม

     



    น่ารัก สดใส ร่าเริง เห็นรอยยิ้มของเธอแล้วก็ทำให้ยิ้มตามไปด้วย

     




    อยู่ดีๆก็คิดถึงรอยยิ้มทะเล้นของนิชคุณตอนผมบอกจะมาอเมริกาเมื่อสองวันก่อนขึ้นมา

     




    ไปตั้งอาทิตย์นึง ผมก็เหงาแย่สิ

     



    ผมได้แต่หัวเราะใส่คนพูดยังไม่ทันได้พูดตอบก็ถูกคุณลากเข้าห้องนอน เหงาอะไรล่ะ ดีใจล่ะไม่ว่า ได้อยู่กับจางอูยองสองคน คงจะสะดวกต่อการทำอะไรเยอะแยะ

     



    อันนี้ผมพูดเล่นนะครับ อย่าไปคิดอะไรมาก

     




    อูยองเป็นเด็กน่ารัก เรียบร้อย ใครเห็นใครก็ชอบ ขนาดผม เห็นครั้งแรกยังถูกชะตากับเด็กคนนี้เลย เป็นคนชวนคุยก่อนทั้งๆที่ปกติจะมีแต่คนเข้ามาคุยกับผม ยิ่งนิชคุณที่มนุษยสัมพันธ์ดีมากๆด้วยนี่ไม่ต้องพูดถึงต้องชอบอูยองแน่ๆ

     




    เขาเคยพูดกับผมตอนย้ายกลับไปเกาหลีใหม่ๆว่า อยากได้อูยองเป็นน้องชาย

     




    ก็นั่นสินะ เขามีแค่น้องสาวกับพี่ชาย ไม่มีน้องชาย ทีนี้คงได้สมใจเลยล่ะ แถมน้องชายยังน่ารักซะด้วย

     




    หนาวจังพึมพำกับตัวเองคนเดียวตอนที่เดินผ่านมินิมาร์ท วันนี้อากาศหนาวผิดปกติ ติดลบเท่าไหร่ไม่รู้ เสื้อที่สวมใส่อยู่ก็บางเฉียบเพราะลืมใส่เสื้อโค้ทมา จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นทำงานเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ปาเข้าไปตีสอง เสื้อโค้ทก็ลืมใส่มาเหมือนครั้งนี้ จะขับรถกลับบ้านก็ไม่ได้เพราะรถซ่อมอยู่ที่อู่ นิชคุณที่มานั่งรอเลยสละเสื้อให้ตอนเดินกลับบ้าน อากาศแบบวันนี้นี่แหละ ยิ่งกว่าวันนี้อีกมั้ง แต่คนไทยนั่นดันบอกว่าไม่เป็นอะไร พูดไปก็ตัวสั่นไป ปากม่วง หน้าซีด ส่งเสื้อคืนให้ก็ไม่ยอมใส่ สุดท้ายเลยเอาให้พวก homeless แทน ยุติธรรมดี

     




    หนาวจนเหมือนจะขาดใจตายเลยต้องวิ่งแข่งกันแก้หนาว กลับถึงบ้านคนชนะ(ผม)เลยรีบวิ่งเข้าไปอาบน้ำ ปล่อยให้คนแพ้(คุณ)นอนโอดครวญอยู่บนเตียง  ดีที่ออกมาแล้วเขายังไม่หนาวตาย

     



    คิดถึงตอนนั้นแล้วก็ขำ เล่นอะไรเป็นเด็กวัยรุ่นกันไปได้

     





    แต่ช่วงเวลาที่ได้อยู่กับนิชคุณมันสนุกจริงๆนะ มีความสุข เพราะเขาเป็นคนร่าเริง ใจดีแล้วก็รักผมมาก สามปีที่แล้วเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังเป็นแบบเดิม ไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขาจะไม่ได้คิดอะไรกับผมก็เถอะ

     

    สามปีที่แล้ว

    (คุณ ในที่นี้เป็นสรรพนามนะคะ ไม่ใช่ ชื่อของ นิชคุณ แล้วก็อดีตนี่ความจริงมีช่วงที่คุยเป็นภาษาอังกฤษแต่ว่าไรเตอร์ภาษาไม่ค่อยแข็งแรง เลยให้มันคุยกันแบบนี้เลยนะ ฮ่าๆๆ)

     



    ใครกันนะ มาหลับปุ๋ยอยู่บนพื้นในร้านเบียร์ หน้าตาก็ดี ไม่น่าจะมานอนตรงนี้เลย

     



    เมื่อคืนเขาเมามากน่ะ บอกให้กลับบ้านก็ไม่ยอม กระเป๋าเงินก็มีแต่เงินไม่มีที่อยู่ ฉันก็เลยปล่อยเลยตามเลยเอ็มม่าเจ้าของร้านเบียร์ เพื่อนสนิทผมพูดเมื่อเห็นว่าผมกำลังจ้องผู้ชายที่นอนหมดสภาพอยู่

     

    แต่เธอก็ไม่ควรปล่อยให้เขานอนแบบนี้ เกิดเขาแข็งตายขึ้นมาจะทำยังไงนี่ คุณผมตำหนิเพื่อนก่อนจะหันมาเรียกเขาให้ตื่น สะกิดเบาๆ อ่า ตัวเย็นเฉียบเลย

     

    จ้า ขอโทษจ้า ถ้าเธอเป็นห่วงเขา ก็หิ้วเขากลับบ้านไปซะสิเพื่อนผมพูดหน้าตาย ผมมองร่างที่นิ่งสนิทตรงหน้า จะให้ผมแบกเขากลับบ้านตอนนี้เนี่ยนะ คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามถนนจะคิดยังไง เขาคงคิดว่าผมมอมเหล้าผู้ชายตอนกลางวันแสกๆ

     

    คุณครับ ตื่นเถอะครับผมพยายามปลุกอีกรอบแต่ก็ไร้การตอบรับ

     




    สุดท้ายผมก็เลยแบกเขาจากร้านเพื่อนจนถึงคอนโดจนได้ ท่ามกลางสายตาของคนรอบข้าง ทำไมผมถึงเป็นคนแบบนี้นะ ไม่รู้จักกันแท้ๆแต่ดันพามานอนที่บ้าน แทนที่จะปล่อยทิ้งไว้เหมือนคนอื่นๆ เกิดเป็นโจรเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ผมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า เช็ดตัวให้เขาก่อนจะพาเขาไปนอนบนเตียง เฮ้อ หมดหน้าที่ ได้เวลาไปทำงานซักที กว่าผมจะกลับจากที่ทำงาน เขาก็คงตื่นแล้วกลับบ้านตัวเองแล้วล่ะ

     




    ตี 1 กว่าๆ ผมเดินมาถึงคอนโด งานเลิกตอนเย็นแต่ผมมักจะทำงานเพลินจนลืมเวลาประจำ เพื่อนผมหลายคนก็พูดบ่อยๆว่า ผมจะ make money ไปถึงไหน ป่านนี้เงินคงกองเต็มบ้านจนไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน

    ความจริงผมก็ไม่ได้จะเก็บเงินเหมือนที่ใครหลายคนคิดหรอก เพียงแต่ว่า ผมไม่รู้จะเอาเวลาว่างไปทำอะไรเลยเลือกที่จะใช้ทำงานซะมากกว่า

     


    เปิดประตูเข้ามาในห้องตัวเองก็เห็นไฟปิดมืดสนิท เขาคนนั้นคงจะกลับบ้านตัวเองไปแล้วจริงๆ

     





    กลับมาแล้วเหรอแต่พอเปิดไฟแล้วก็ต้องตกใจ ภาพที่เห็น คือ ผู้ชายที่ถูกผมแบกมากำลังนั่งอยู่บนพื้น ในมือเขาถือขวดเบียร์ ส่วนรอบตัวก็มีขวดเบียร์จำนวนนับไม่ถ้วนวางระเกะระกะอยู่

     

    นึกว่าคุณจะไม่กลับมาซะอีก นี่มันจะตีสองอยู่แล้วเขาพูดเสียงอ้อแอ้ ผมถอนหายใจ เอาถุงขยะไปใส่ขวดเบียร์ตามพื้น เมาที่ร้านเบียร์ไม่พอแล้วยังจะมาเมาที่บ้านคนอื่นอีกเหรอเนี่ย มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหนักหนา ถึงได้กินขนาดนี้

     

    ผมเพิ่งทำงานเสร็จ แล้วทำไมคุณยังไม่กลับบ้าน

     

    จะกลับได้ยังไง ผมยังไม่ได้ตอบแทนที่คุณพาผมมาเลยเขาพูด ผมมองหน้าไม่ได้พูดอะไร ไม่เห็นจะต้องมาตอบแทนเลยแค่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้เหมือนตอนนี้ก็น่าจะพอแล้วแท้ๆ เวลานี้ผมควรจะได้นอน ไม่ใช่มานั่งเก็บขวดเบียร์ของใครก็ไม่รู้

     



    คุณเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมเหรอเขาพูดต่อเมื่อเห็นผมเงียบ ผมพยักหน้า

     

    ใจดีจังผมยอมรับว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อยหลังจากที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขา ยิ้มสวยจัง เกิดมายังไม่เคยเห็นใครยิ้มได้สดใสเท่านี้มาก่อน ทำไมคนที่ยิ้มได้ขนาดนี้ถึงมากินสิ่งที่ไม่ดีนะ หน้าตาก็ดี รูปร่างก็ดี อกหักอย่างงั้นเหรอ

     



    ผมเหลือบมอง เขากลับไปทำหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม กระดกเบียร์เข้าปาก

     



    ทำไมคุณถึงเมาถามออกไปด้วยความสงสัย ไม่อยากจะยุ่งแต่มันอดไม่ได้ เขาหันมามองผม ยิ้มบางๆ

     

    เพราะผมกินเบียร์...อย่ามองแบบนั้นสิ ล้อเล่นน่า ผมมีเรื่องกลุ้มใจ คุณอยากฟังมั้ยเขาพูด

     




    ผมมองหน้าเขาเป็นเชิงว่า อยากพูดก็จะฟัง แต่มือก็ง่วนอยู่กับขวดเบียร์บนพื้น ดูเขาจะจับใจความได้ เขาเลยค่อยๆฉีกยิ้มอีกครั้ง ยิ้มทีโลกสว่างขึ้นเยอะเลยล่ะ

     


    ผมชอบแฟนเพื่อนสนิทตัวเองทั้งๆที่ผมเห็นแค่รูปเขา ไม่เคยเจอตัวเป็นๆ ไม่เคยคุยกัน รู้จักแค่ชื่อ คุณว่าผมบ้ามั้ยล่ะ หลับตาผมก็จินตนาการถึงหน้าเขา ลืมตาผมก็มองเห็นแต่เขา ผมก็เลยคิดว่ากินเบียร์แล้วจะทำให้ผมลืมที่ไหนได้มันยิ่งจำได้หนักกว่าเดิมอีก ขนาดมองหน้าคุณตอนนี้ยังเป็นหน้าเขาเลยเขายักไหล่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยกเบียร์เข้าปากเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ ผมมองใบหน้ายิ้มๆนั่น

     



    อ่า ให้ตายเถอะ ยิ้มทำไมในเมื่อกำลังเศร้าอยู่ เห็นแล้วก็เศร้าตาม

     



    เรื่องใหญ่พอสมควรดันไปหลงรักแฟนเพื่อนสนิทตัวเองแถมยังไม่เคยเจอหน้ากันสักครั้ง เป็นรักแรกพบที่เจ็บปวดชะมัดแต่เลือกใช้ของมึนเมามาแก้ปัญหามันก็ไม่ถูกนะ ผมจะช่วยเขายังไงดีเนี่ย

     

    อื้อ มันไม่ใช่เรื่องแปลกหรอก ความรักมันก็แบบนี้แหละ บางทีมันก็เล่นตลกกับเรา ผมว่า...คุณลองคบคนอื่นดีมั้ย บางทีคุณอาจจะลืมเขาคนนั้นก็ได้ผมเสนอแนะวิธี ไม่รู้ว่ามันถูกต้องรึเปล่าแต่ถ้าในตอนนี้มันก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะให้เขาไปแย่งแฟนเพื่อนตัวเองมันก็คงไม่ดี หาคนมาปลอบใจนี่แหละง่ายสุด หน้าตาอย่างนี้ แค่เดินผ่านก็มีคนเดินตามเป็นพรวนแล้ว

     




    เขาขมวดคิ้ว ทำสีหน้าครุ่นคิด ผมหยิบขวดเบียร์ออกจากมือเขาทิ้งใส่ถุงดำ ไม่ต้องกินมันแล้ว ไม่ดี เขาหันมามองหน้าผม จ้องจนผมรู้สึกได้

     




    มองทำไม แล้วทำไมถึงยิ้มแปลกๆ

     




    งั้นคุณมาคบกับผมนะอยู่ดีๆเขาก็คว้ามือผมไปกุมไว้ จนถุงขยะหล่นลงกับพื้น

     





    เอ๊ะ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ

     




    ผมเชื่อว่า ถ้าผมได้คบคนแบบคุณ ผมคงจะสามารถลืมเขาได้แน่ นะครับ...หัวสมองเหมือนว่างเปล่า สิ่งที่ผมสามารถรับรู้ได้ในตอนนั้นนอกจากน้ำเสียงอ้อนของผู้ชายคนหนึ่งแล้วยังมีรอยจูบที่คละเคล้ากลิ่นเบียร์ตามมา

     

     


    นับตั้งแต่นั้นเราก็เริ่มคบกันแบบแฟน

     




    ดูตลกมั้ยครับ หลายคนก็บอกว่าคู่เราจะยืดเหรอ...

     



    แต่สุดท้ายมันก็ยืดมาได้ตั้งสามปีนี่ อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็มั่นใจว่าเขารักผม จากการกระทำ จากสายตา จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามอบให้ ไม่ได้เห็นผมเป็นตัวแทนของใครเหมือนครั้งแรก

     



    เรารักกัน...

     




    คนรักกันก็ต้องไว้เนื้อเชื่อใจกัน ขนาดเขายังเชื่อใจเวลาเห็นผมอยู่กับคนอื่น สิ่งนี้เลยทำให้ผมเชื่อว่า เขาจะไม่นอกใจผมไปหาใครคนอื่นแน่นอน ยิ่งจางอูยองไม่ต้องพูดถึง เด็กคนนั้นเป็นแฟนเพื่อน ผมคิดว่า คนอย่างนิชคุณคงมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แม้จะคิดเกินเลยไปบ้างบางทีที่ผมรู้สึกแต่เขาก็คงยับยั้งชั่งใจได้

     




    ไม่งั้นจะเสียทั้งเพื่อนทั้งแฟนนะ หึหึ

     




    พี่เจย์ผมหันไปตามเสียงเรียกข้างหลัง เสียงคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินมาเกือบเดือน หันไปก็พบกับร่างสูงของผู้ชายที่รู้จัก ความรู้สึกผมเหมือนย้อนกลับไปตอนครั้งแรกที่เจอกัน ตอนนั้นผมไม่สามารถละสายตาตัวเองออกจากคนตรงหน้าได้เลย รู้สึกเปียกชื้นตามใบหน้าทั้งที่อากาศหนาวเย็น เสียงหัวใจเต้นดังซะจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน

     

    แทคยอนผมเรียกชื่อเขาเบาๆก่อนจะปรับสีหน้าตกใจให้เปลี่ยนเป็นยิ้มยินดี

     



    มาที่นี่ได้ยังไง ไหนบอกว่าอยู่อีกเมืองหนึ่ง

     



    ทำไมพี่เจย์มาอยู่อเมริกาล่ะครับ แล้วไม่หนาวเหรอเนี่ย ใส่เสื้อบางจังแทคยอนถามน้ำเสียงของเขามีแววตำหนิในประโยคหลัง เขาถอดเสื้อโค้ทออกแล้วยื่นให้ผม ผมชั่งใจ หากผมรับมาเขาก็จะหนาวเหมือนกัน แต่ผมจะไม่รับเขาก็คงไม่ยอม สุดท้ายเราก็เลยลงเอยโดยการใช้เสื้อโค้ทคลุมตัวเราทั้งคู่เดินกลับบ้าน

     





    เป็นวิธีที่แตกต่างจากตอนนิชคุณแต่ก็...อบอุ่นดี

     


    นี่มันก็ดึกมากแล้ว พี่เจย์แวะไปนอนห้องผมก่อนดีกว่า ห้องผมอยู่แถวนี้เอง

     




    ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆหลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ ร่างกายเดินตามทางที่เขาพาไปแต่ในใจก็ถามตัวเองด้วยความกังวล

     




    จะดีเหรอ...

     





    มันคงไม่เป็นอะไรใช่มั้ย ที่จะต้องอยู่กับเขาทั้งคืน...







    .......................................................................................................................................................................

    แถลงข่าว...เนื่องด้วยเหตุผลบางประการ(มีคอมสามเครื่องแต่พร้อมใจกันเจ๊งไปสองเหลือคอมอีกเครื่องหนึ่งกับเด็กสามคนต้องแย่งชิงในการใช้งานแล้วพี่คนโตสุดในบ้าน(ดิฉัน)มีอำนาจข่มขู่น้องไม่เพียงพอ TOT)ทำให้ในพาร์ทนี้ไรเตอร์มิสามารถตอบ(?)เม้นได้(แค่มาอัพฟิคพาร์ทนี้ได้ก็บุญเท่าไหร่แล้ว) ไม่โกรธ ไม่งอน ไม่เคือง ไม่เสียใจที่ไรเตอร์มิตอบนะคะ (ใครเขาจะเป็นแบบที่แกพูด -*- มีแต่แกแหละที่อยากเวิ่นกับเค้า) ไรเตอร์จึงขอกราบอภัยมา ณ ทีนี้

    รัก JYPE รักรีดเดอร์ทุกคนจ้า ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×