ตอนที่1
หากมนุษย์เรายิ่งไขว่คว้าเท่าไหร่ มันจะจางหายไปเท่านั้น ความว่างเปล่า ความป่าวเปลี่ยว
การสูญเสีย จะเข้ามาสู่ใจเรา หากมนุษย์นั้นไซร้ไร้ซึ่งความพยายาม... เวลูเซียร์อาณาจักรยิ่งใหญ่ที่เต็มไปด้วยจอมเวทย์ผู้แข็งแกร่งและสัตว์วิเศษ มาเซริสอาณาจักรหิมะขาวแห่งสายหมอก รีฟาลิมเผ่าจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เลอวีเรสเผ่ามนตรามากความรู้...
อากาศร้อนแสงแดดเจิดจ้าสร้างความคำราญใจไม่น้อยแก่ผู้เดินทางยามนี้ สองข้างทางเต็มไปด้วยแมกไม้สีเขียวจำนวนมาก อากาศแบบนี้ทำให้ใครบางคนเริ่มหงุดหงิด
อีกนานไหมกว่าเราจะถึงเวลูเซียริส ข้าจะไหม้ตายอยู่แล้ว
นายก็บ่นไปได้ อีกไม่นานหรอกเฟรอส
ขอให้จริงเถอะที่เธอพูดฉันเห็นอีกไม่นานของเธอ ตั้งแต่เช้าจนจะมืดอยู่แล้วเรอาชายหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำทะเลสดใสบ่นอุบพลางใช้มือปาดเหงื่อที่ผุดพลายอยู่บนใบหน้าและตามเส้นผมสีดำขลับที่ระอยู่ตามใบหน้าและลำคอ
แล้วใครจะไปรู้ ฉันก็เพิ่งเคยมาครั้งแรกนี้เหละ นายละเวเดลคิดว่ายังไง หญิงสาวหันไปถามความเห็นชายหนุ่มนัยน์ตาสีหมอก ผมสีเทายาวปะบ่าอีกคนที่ยืนนิ่งไม่รู้สึกอะไร
ฉันว่าถึงแล้ว เวลูเซียริสอยู่ตรงนั้น ชายหนุ่มพูดพร้อมชี้นิ้วไปทางข้างหน้า ปรากฏให้เห็นหมอกบางๆปกคลุมอยู่บริเวณปราสาทสีขาวและปราสาทสีน้ำตาลที่อยู่ติดกัน เวลูเซียริสโรงเรียนเวทย์แห่งเดียวในโลกอาเรเรส โรงเรียนเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ของชาวเวลูเซียร์
ฉันเรอา รีฟาเอลไม่รู้ที่มาแน่ชัดของตัวเอง พออายุสิบเจ็ดฉันก็เจอกับสองชายหนุ่มจอมเวทย์จอมพลัง เฟรอส เลอเมรอฟ ชายหนุ่มตาสีฟ้าสดใสรับกับใบหน้าทะเล้นเป็นอย่างดี เวเดล รีฟาลิม ชายหนุ่มรัชทายาทเผ่าจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน มีใครบางคนเคยบอกฉันว่า ถ้าฉันอยากรู้ตัวตน เวลูเซียริสนี้มีคำตอบดีเลยทีเดียว ฉันและชายหนุ่มทั้งสองถึงดั้นด้นมาถึงที่นี่ ขอให้มันมีคำตอบที่ดีก็แล้วกัน ไม่ใช่ว่าฉันเป็นลูกสาวนักโทษประหาร ท่านแม่เลยฝากฉันไว้กับตาเฒ่าปากมากไทจิส ที่วันๆเอาแต่นั่งบ่นอยู่ได้
ฉันและสองชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไปหลังประตูสีขาวบานใหญ่ หลังประตูบานใหญ่เบื้องหน้าปรากฏให้เห็นภาพทะเลสาบมาเรียวทะเลสาบสีขาวยามต้องแสงจันทร์ที่แปลกที่สุดในแผ่นดิน
นี่หมายความว่าข้าจะต้องนั่งเรือข้างไป เสียงสั่นๆที่ไม่น่าจะเป็นของเวเดลแต่มันก็เป็นไปแล้ว เพราะเขากลัวเรือถึงขั้นมากที่สุดก็ว่าได้ เพราะฉันได้รู้มาว่าในวัยเด็กเขาเคยถูกแกล้งให้นั่งเรือผีสิงที่เป็นตำนานล่องไปตามแม่น้ำคนเดียว พอลงจากเรือได้เขาถึงกับอ้วกแตกไปสองวันเต็มๆ
ฉันว่านายคงต้องกลั้นหายใจแล้วละเวเดล เสียงปนขบขันของเฟรอสเอ่ยขึ้นพลางทำท่าเหมือนคนจะเป็นลมล้อเลียน
นายอยากเป็นลิงแช่แข็งหรือไง เวเดลทำสีหน้าอำมหิตแกมเอาจริงใส่เฟรอส
ดีเลยข้ายิ่งร้อนๆอยู่ จะได้เย็นถึงหัวใจก็คราวนี้
ฮ่า...ฮ่า... เฟรอสพูดจบก็รีบวิ่งไปริมทะเลสาบเตรียมขึ้นเรือ
ส่วนฉันก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับท่าทางของชายหนุ่มทั้งคู่ที่เอาแต่กัดกันตลอดเวลา
ไปกันได้แล้วกว่าเราจะถึงเวลูเซียริสคงจะมืด ฉันพูดแล้วก้าวลงเรือเป็นคนสุดท้าย ทำไมนะพอฉันลงเรือก็รู้สึกเหมือนมีลงแรงพัดมาทางฉันละลอกใหญ่จนฉันรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างบอกไม่ถูก
พวกเราทั้งสามคนนั่งเรือไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องพาย เพราะเฟรอสขออาสาเป็นคนร่ายมนต์ทำให้เรือแล่นไปเหมือนกับเรากำลังนั่งอยู่บนปุยนุ่นยังไงอย่างนั้นเลย แต่เวเดลก็ยังไม่วายทำสีหน้าผะอืดผะอมอย่างกับอมกินอวกเข้าไปอย่างนั้นเลยละ
ไม่นานนักเราทั้งหมดก็มาถึงเกาะแห่งหนึ่งที่มีถ้ำขนาดใหญ่สีดำเก่าๆที่ดูท่าว่าจะร้างมานานหลายสิบปี แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่ออยู่ดีๆก็เกิดพายุคลื่นขนาดใหญ่พัดเรื่อของพวกเราทั้งสามคนให้แล่นเข้าไปในถ้ำเก่าๆมืดๆนั่น ภายในถ้ำมีแต่โขดหินขนาดต่างๆมากมาย จนกระทั้งเรือของพวกเรามาถึงใจกลางของถ้ำ น้ำของทะเลสาบในถ้ำค่อยๆเหือดหายไปทีละน้อยจนหมด ปรากฏให้เห็นผนังและพื้นห้องสีขาวเทายาวสุดลุกหูลูกตา
อย่าาบอกนะว่าเราถูกพัดเข้ามาในรังมังกรเหมือนในนิยามโบราณ เจ้าของประโยคนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคนสิ้นคิดอย่างเฟรอส
นายเคยคิดอะไรทีมันดีๆกว่านี้มีไหม เวเดลพูดประชดใส่
ฉันว่าพวกเรลองเดินไปตามทางเดินนี้ก่อนดีไหม ฉันผายมือไปทางด้านหน้าที่มีทางเดินสีขาวเทาทอดยาวไปสุดตา
ไหนๆเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วนี่ รองดูหน่อยจะเป็นอะไรไปใช่ไหมเฟรอสในโอกาสนี้ฉันให้นายนำไปก่อนเลยไอ้ลิงปีศาจ เวเดลเชื้อเชิญให้เฟรอสเป็นหน่วยกล้าตายนำหน้าพวกเราไปซวยก่อนเพื่อน
ฉันว่าไม่ดีกว่าให้...เรอาสิ...เรอาเป็นผู้หญิงผู้ชายต้องเสียสละให้ผู้หญิงไปก่อนเพราะงั้นเธอไปก่อนเลย
...
ดูมันคิดจะให้ฉันเป็นคนซวยคนแรกหรือไง ไม่มีทางฉันไม่เอาด้วยหรอกฉันมีชีวิตเดียวไม่ใช่เป็นลิงปีศาจเหมือนนาย ที่วันๆเอาแต่เล่นผาดโผนเสี่ยงตาย
ไม่ได้ต้องเป็นนาย ไอ้ลิงปีศาจ!! ฉันและเวเดลประสานเสียงกันประเคนหน้าที่หน่วยกล้าตายให้ ผลสุดท้ายเฟรอสต้องเดินนำฉันและเวเดลไปในที่สุด โดยมีฉันและเวเดลเดินอยู่ห่าประมาณห้าก้าว ระหว่างทางมีแต่เพียงเสียงของลมพัดผ่าน แต่ที่น่าประหลาดใจนั่นก็คือ
ขนนกฟินิกซ์ เฟรอสพึมพำ ใช่มันมาได้ยังไงกัน ขนนกฟินิกซ์จำนวนหนึ่งปลิวมาทางพวกเรา ฉันและเวเดลหยุดเดินพลางทำหน้าครุ่นคิดส่วนเฟรอสก็เอาแต่วิ่งไล่จับขนนกฟินิกซ์ยังกับจับผีเสื้อ ใช่ฉันรู้แล้ว!!
เฟรอสทิ้งขนนกนั้นซะ
ทำไมเรอา มันออกจะสวยจะตายไป
ขนมันร้อนนะ
อะไรของเธอ
โอ๊ย...
ร้อน...
โอ๊ย...ไอ้ขนนกบ้า ฉันร้อนนะ ไอ้บ้า...
ช่วยไม่ได้สมน้ำหน้า ฉันเตือนดีๆแล้วไม่เชื่อ ฉันจำได้ว่าขนนกฟินิกซ์ของที่นี่เมื่อเวลามันหลุดจากตัวนกฟินิกซ์แล้ว ไม่นานนักมันจะกลายเป็นลูกไฟขนาดย่อยถึงจะไม่ทำให้ให้บาดเจ็บแต่มันก็ทำให้ร้อนได้นะ ไอ้ปีศาจลิง
เวเดล นายช่วยเอาน้ำแข็งออกมาให้หน่อยสิ เอามาแบบเป็นภูเขาเลยนะ ฉันร้อน โอ๊ย
ช่วยไม่ได้นายทำตัวเอง เรอาเตือนแล้วก็ไม่เชื่อ โง่สิ้นดี
หลังจากที่ทะเลาะกันไปพักใหญ่ พวกเราก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาเดินทางกันต่อ คราวนี้จะเจออะไรอีก สงสัยวันนี้พวกเราคงวิ่งป่าราบกันเป็นแน่ ดีเลยวิ่งให้มันผอมไปเลย ฉันกำลังอยากผอมอยู่พอดี
ครืด...
ครืด...
เสียงผนังถ้ำสั่นสะเทือนไปทั่วเสมือนมีอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่
เกิดอะไรอีก
เวเดลพึมพำเบาๆพอให้ฉันได้ยิน
ตูม
ทันใดนั้นเพดานถ้ำก็ได้ถล่มลงแยกพวกเราออกจากกันไปคนละทิศคนละทาง แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างกระชากฉันให้ไปตามแรงนั้น
เวเดล...เฟรอส พวกนายอยู่ไหน
เวเดล
เฟรอส
ช่วยฉันด้วย
ฮือ...ฮือ... เวเดล เฟรอส
ฉันคร่ำครวญอยู่นานก่อนที่จะมีเสียงของใครบางคนดังขึ้น
นี่เรอาจะร้องไห้ทำไม ไม่มีใครตายซะหน่อย ยัยโง่ เฟรอสนั่นเอง
ฟรอสฉันนึกว่านายหายไปเสียแล้ว แล้วเวเดลละ
ไม่รู้ ฉันช่วยได้แต่เธอ ส่วนเวเดลคงเอาตัวรอดได้ไม่ต้องเป็นห่วง
ฉันรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินเฟรอสพูดเช่นนั้น แต่มันก็ยังไม่ทำให้ฉันหายกลัวไปได้นอกจากพวกเราจะออกไปจากถ้ำนี้ได้ โดยไม่บาดเจ็บอะไร
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เวลูเซียริส โรงเรียนอาณาจักรแห่งเวทย์ พวกเจ้าคือหนึ่งในนักเรียนจำนวนหนึ่งพันสามร้อยคน ที่เข้าร่วมการทดสอบก่อนเรียน ในด่านที่เจ้าเลือกนี้คือ...
เสียงลึกลับดังไปทั่วถ้ำก่อนจะหยุด แล้วพูดประโยคต่อไปที่ทำให้เราถึงกับอึ้ง
ถ้ำมหาเวท์ ถ้ำที่เต็มไปด้วยสัตว์วิเศษที่รอทดสอบพวกเจ้าอยู่ ผู้ใดที่ชนะจะถือว่าผ่านการทดสอบ และขอย้ำไม่มีการถอนตัวเด็ดขาดจนกว่าการต่อสู้จะจบลง และเป็นที่น่ายินดีอย่างมากเพราะพวกเจ้าคือนักเรียนหนึ่งในสิบปีที่เข้ามาทดสอบในด่านนี้ ขอให้โชคดี และรอดกลับมาให้ได้จากด่านที่ยากที่สุด...
เรอาได้ยินอย่างที่ฉันได้ยินไหม ด่านที่ยากที่สุด โอ้...ฉันจะตายไหม
เฟรอสเอะอะโวยวายเสียงดัง กระโดดโลดเต้นอยู่รอบตัวฉัน นี่ตกลงดีใจหรือเสียใจกันแน่
ฉันเดาอารมณ์ไม่ถูกแล้ว แต่ฉันโชคดีหน่อยตรงที่ฉันอยู่กับเฟรอส หวังว่าคงจะช่วยฉันได้ แต่ถ้าได้อยู่กับเวเดลคงจะดีกว่านี้
คงไม่ตายหรอกถ้าเราร่วมมือกัน หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ไปกันเถอะ ทำใจให้ร่าเริงเข้าไว้
ฉันพยายามพูดกลบเกลื่อนความกลัวสุดขีด ฉันและเฟรอสเดินไปเรื่อยๆอย่างสบายใจเพราะไม่รู้จะทำยังไงดี แต่แล้วสิ่งบางอย่างก็ทำให้ฉันและเฟรอสตกใจ
มักกรห้าสี!!
ฉันอุทานเสียงดังจนทำให้สัตว์(วิเศษ)ที่ไม่ได้รับเชิญหันมามอง ส่งสายตาอาฆาตประมาณว่าจะตะโกนทำไม ไม่เคยเห็นฉันหรือไง ก็ไม่เคยเห็นตัวใหญ่ขนาดนี้นี่นา
เฟรอสทำไงดี ฉันหันไปขอความคิดเห็นเฟรอสที่ตอนนี้ทำสีหน้าผิดไปจากเดิมที่ปกติจะตกใจ ร้องโวยวายเสียงดัง กับเหตุการณ์แบบนี้ แต่เขากับทำหน้านิ่งแล้วอมยิ้มพลางพูดเบาๆเหมือนกับจะพูดกับตัวเอง
เข้าใจเลือกนี้ มังกร
เฟรอสนายว่าอะไรนะ
ป่าว ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่คิดว่ามันน่ากลัวมากๆจนทำอะไรไม่ถูก เรอาเธอว่าอะไรนะ
ฉันถามว่าจะทำยังไงดี
ฉันจัดการเองเธอไม่ต้องห่วงหรอก พูดจบเฟรอสก็เรียกวงแหวนเวทย์สีฟ้าออกมาล้อมรอบตัวเขาและมักกรห้าสีเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ระหว่างการต่อสู้ฉันจะได้รับอันตรายไปด้วย
เวทย์ต่อสู้จงออกมา
เฟรอสเรียกวงแหวนสีแดงออกมา สักพักมันก็หายไป แต่ฉันรู้สึกได้ว่าพลังมหาศาลจากวงแหวนเวทย์มันยังไม่หายไปแต่ยังคงวนเวียนอยู่รอบกายเขา แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตกใจยิ่งกว่าคือ
ตูม
โครม
เสียงแรกเป็นเสียงมังกรกำลังพ่นพลังสีเขียวขนาดใหญ่ใส่เฟรอส จนทำให้พื้นถ้ำมีรอยร้าวขนาดใหญ่ ส่วนเสียงโครมคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเฟรอสกระโดดหลบได้อย่างหวุดหวิด
ลีมุน เจ้าเก่งขึ้นเยอะเลยนะ เฟรอสส่งยิ้มให้เจ้ามังกรตัวนั้น
เฟรอสพูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย ใครคือลีมุน
อ๋อ ป่าวไม่มีอะไร อย่าถือสาเลย เฟรอสพูดปัดก่อนจะมีพายุหมุนสีดำขนาดใหญ่พุ่งเข้าไปหาเจ้ามังกร และล้อมรอบมังกรเอาไว้ เสียงมังกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาเป็นระยะ จนฉันที่ยืนดูอยู่ก็อดสงสารมันไม่ได้ นี่เฟรอสไม่ต้องทำรุนแรงก็ได้นะ สงสารมันอ่ะ
เป็นไงเจ้ามังกรห้าสีจะยอมฉันคนนี้หรือยัง
ฮาก...ฮาก...
เสียงมังกรกรีดร้องอย่างรุนแรง
รอตอนที่2 ละกันนะ ถ้าสนุกหรือไม่สนุกดีหรือไม่ดีก็ตอชมด้วนะ
เราจะได้ปรบปรุงขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น