ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ความจำใจ
บทที่1 ความจำใจ
“ หา อาไรนะ พ่อ พ่อจะให้หนูไปเข้าโรงเรียนที่หนูไม่รู้จักหรอ” เสียงของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้วยความตกใจหัวใจของเธอแทบจะหล่นลงไปที่ตาตุ่มเลย
“นี่ลูกไม่ต้องดีใจขนาดนั้นก็ได้” เสียงของมาดาดังขึ้นเป็นเสียงแห่งความแสแสร้งมากกว่าจะเชิญชวนให้ลูกของตนไปอยู่โรงเรียนที่ตนเองถือว่าดีที่สุด
“แม่ หนูไม่อยู่โรเรียนนั่นหรอก อยู่โรงเรียนเดิมก็ดีอยู่แล้ว” เสียงเด็กผู้หญิงน่ารักดังขึ้นเพื่อสื่อความในใจของเธอออกมาว่าเธอนั้นรู้สึกไม่ชอบสิ่งกับที่บิดามารดาเลือกให้อย่างเหลือเกิน
“โธ่ลูก ใครๆก็อยากไปเรียนที่โรงเรียน Earo (เออโร) ทั้งนั้นแหละ” มารดาพูดเพื่อปลุกความสนใจให้แก่บุตรสาวที่แสนน่ารักก่อนที่จะหันมายิ้มให้บุตรอย่างมีอะไรแฝงอยู่ข้างใน
“โธ่ รอล่า ลูกต้องไปเรียนที่นั่นด้วยเหตุบางอย่าง” บิดาพูดกับหญิงสาวที่มีตาสีฟ้า ใบหน้าสีชมพูอ่อน ผมสีดำเข้ม ก่อนจะหันไปหามารดาแล้วยิ้มให้อย่างเสแสร้งและหันกลับมาที่หญิงสาว
“เหตุอะไรกัน หนูไม่เข้าใจ” รอล่าหันมาหาบิดาด้วยสีหน้างงๆก่อนจะหันกลับไปที่มารดาอย่างสนใจ
“ลูกจะรู้เองจ้ะ เมื่อถึงเวลา” มารดาพูดกลับรอล่าพลางยิ้มให้หลังพูดจบ รอล่าหันกลับมาพร้อมกับทำหน้าเศร้าเหมือนว่าเธอผิดหวังมาก
“ส่วนเรื่องสอบน่ะแม่ส่งใบสมัครสอบไปให้แล้วนะลูกตั้งใจอ่านหนังสือด้วยล่ะ” มารดาพูดอย่างดีใจแต่มันกลับทำให้ลูกสาวแสนน่ารักนั้นหมดหวังในทันใด เด็กสาวทำหน้าเศร้าในทันใดแต่ในขนาดที่มารดาเอ่นคำขึ้นว่า
“ถ้าลูกสอบได้แม่คงได้ถือว่าเกิดมาไม่เสียเปล่าแน่ๆเลย” มารดาพูดอย่างยิ้มแย้มแต่ขนาดที่บุตรสาวของตนกำลังคิดหาหนทางที่จะทำให้เธอไม่ต้องทนจำใจอยู่ในโรงเรียน
“แต่แม่หนูไม่อยาก” ไม่ทันที่รอล่าจะพูดจบเธอสบตากับพ่อของเธอพอดีเธอจึงเงียบไปอย่างกับว่าไม่มีเธออยู่บนโลกเลย
“พ่อกับแม่ไม่เข้าใจหนูบ้างเลย หนูไม่อยากไปถึงยังไงหนูก็ไม่ไป” รอล่าเดินเข้าไปบนห้องของเธออย่างรวดเร็ว
รอล่าคิดว่าหากเธอสอบได้วันปฐมนิเทศเธอคงต้องตายกลายเป็นศพหน้าโรงเรียนเป็นแน่แต่หากสอบไม่ได้พ่อกับแม่ของเธอก็ต้องโศกเศร้าและโกรธเธออย่างแน่นอน
“แล้วฉันจะเอายังไงดีเนี้ย” รอล่าพูดในใจในขณะที่เดินกลับไปที่ห้องของเธอซึ่งมันดูเป็นระเบียบเรียบร้อยต่างกับห้องของใครหลายๆคนที่รกไม่มีชิ้นดี
“ง่า ฮือ” รอล่าพูดพลางหาวิธีการที่จะที่จะทำให้เธอไม่ต้องไปเรียนโรงเรียนที่เธอไม่รู้จัก เพื่อนที่เธอไม่เคยเห็นหน้าและคุณครุที่นิสัยต่างกันกับโรงเรียนที่เธอเคยอยู่ซึ่งมีแต่คุณครูที่ใจดีทั้งนั้น
“อยู่ที่นั่นฉันต้องอยู่คนเดียวแน่เลย” รอล่าพูดอย่างหมดหวังเหมือนหมดหนทางจะขัดขวาง พลางนั่งลงบนเตียงและก็หลับไป
“ฉันไม่อยากจะให้ลูกจำใจเลยค่ะ” มารดาพูดกับบิดาด้วยสีหน้าโศกเศร้าแล้วยิ้มขึ้นมาใหม่เพราะได้ยินเสียงของบิดาพูดขึ้นว่า
“เราทำในสิ่งที่ถูก ลูกจะต้องเป็นคนที่โลกไม่มีวันลืม” บิดาพูดพลางโอบกอดภรรยาของตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มคละความโศกเศร้า
“ค่ะ” มารดาพูดด้วยสีหน้าที่มีน้ำตาเปอะเปื้อนไปทั่วแล้วโอบกอดกับสามีอย่างเงียบๆก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
“วันนี้เราจะทำอะไรดีให้ลูกหายโกรธเราดีคะ” มารดาพูดถามบิดาเพื่อหาหนทางที่จะทำให้รอล่าหันมาคืนดีกับพวกเขา แต่รู้หรือไม่ว่ามันช่างยากเหลือเกินเพราะในตอนที่รอล่ากำลังโกรธเธอจะเก็บกดอารมณ์อย่างมาก ไม่พูดกับใคร และทำหน้าตาเย็นชาใส่กับทุกคนที่เธอไม่ชอบ เธอนั้นเป็นคนโกรธนาน และไม่มีใครกล้าง้อเธอเลยยกเว้นพ่อของเธอ ในจิตใจของรอล่าเธออ่อนไหวแม้ภายนอกเธอจะดูแข็งๆห้าวๆเล็กน้อย
“นี่สินะ ชีวาของฉัน” นีลล่านั่งภาวนาจิตให้เธอรอดพ้นจากโรงเรียน Earo โรงเรียนที่ใหญ่และเด่นดังที่สุดในอาณาจักร Litlely และก็เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่ค่าเทอมแพงที่สุดด้วย คนที่ไปเรียนที่นั่นคงจะเป็นลูกของพระราชาไม่ก็เชื้อพระวงศ์เกือบทั้งหมด
“แล้วพ่อกับแม่จะหาค่าเทอมที่ไหนไปจ่ายนะ” รอล่านั่งคิดถึงเงินกองมหาศาลที่เกินกำลังพ่อกับแม่ของเธออย่างหมดหวังแล้วเธอก็พบว่ามีแสงแสงหนึ่งสาดส่องมาที่เธอเป็นแสงสีขาวนวลเคล้าเหลืองเล็กน้อยแสงแสงนี้เป็นตัวบ่งบอกว่าขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำเสียแล้ว
“รอล่าลงมากินข้าวได้แล้วลูกวันนี้แม่ทำพายอบสตอเบอร์รี่ของโปรดของลูกด้วยนะจ้ะ” แม่เรียกรอล่าให้ลงไปกินอาหารเย็นและยังทำของโปรดให้เธออีกด้วยแต่ดูเหมือนว่าพายอบสตอเบอร์รี่ที่รอล่าโปรดปรานอย่างมากจะไม่ทำให้รอล่าเอะใจเลยแม้แต่น้อย มันบ่งบอกว่าเธอกำลังเศร้าและโกรธมาก
“รอล่า มากินข้าวได้แล้วนะ” แม่เริ่มพูดเย้ายวนแต่รอล่ากลับไม่พูดอะไรเลยปล่อยให้มารดาตะโกนเรียกตนอยู่ชั่วอึดใจหนึ่งหลังจากนั้นก็มีเสียงคล้ายคนกำลังเดินขึ้นมาด้านบนและกำลังตรงมาที่ห้องของเธออย่างช้าๆและเปิดประตูเข้ามาแล้วเธอเชื่อว่าคงไม่ใช่ใครเพราะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่กล้าง้อเธอ
“รอล่าไปกินข้าวเถอะ ที่ทำไปน่ะพ่อกับแม่หวังดีนะ” เสียงของบิดาดังขึ้นแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่พวกเขาทำกับุตรนั้นหวังดี รอล่าหันมาหาบิดาและจ้องมองอย่างสงสัยก่อนจะหันกลับไปมองดวงจันทร์ยามค่ำคืนที่สวยสง่าบนท้องฟ้า
“เฮ้อ” รอล่าถอนหายใจไปชั่วขณะก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆอย่างที่เธอรู้สึกว่าเต็มปอดของเธอแล้วหันมาหาบิดาที่กำลังจ้องมองเธอด้วยความโศกเศร้า
“หวังดี ถ้าพ่อกับแม่หวังดีทำไมต้องให้หนูไปอยู่โรงเรียนนั่นด้วย” รอล่าหันมาพูดตะคอกใส่บิดาทันทีที่เธอพูดจบใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาแล้ว รอล่าไม่เคยเศร้าอย่างนี้มาก่อนแม้ว่าจะเคยเกิดเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ก็ตามมันเป็นการบ่งบอกว่าในขณะนี้เธอกำลังเริ่มเป็นผู้หญิงขึ้นมากแล้ว
“ลูกจะเข้าใจเองเมื่อถึงเวลา” บิดาพูดอย่างเบาๆก่อนจะหันกลับไปที่ประตูแล้วหันกลับมาที่รอล่า
“ลูกเห็นประตูนั่นมั้ย” บิดาพูดพลางชี้ไปที่ประตูสีน้ำตาลสายดาวรอล่าหันไปมองตามที่บิดาชี้ก่อนจะหันกลับมาที่บิดาอย่างงงๆ
“เมื่อถึงเวลามันต้องผุกร่อนหักพังงมิหนำซ้ำมันอาจจะหลุดออกมาจากบานพับเลยก็ได้” บิดาพูดเชิงสั่งสอนให้รอล่าเข้าใจแต่รอล่าก็ยังคงงงๆอยู่ดีบิดาจึงอธิบายต่อไปว่า
“คนเราก็เหมือนกัน เมื่อถึงเวลาก็จะรู้บางสิ่งบางอยู่ในตัวเราทั้งที่ผ่านมาเรากลับไม่รู้เลยว่าเรามีมันอยู่ในตัวเองก็เหมือนไม้ เมื่อมีปลวกหรือแมลงกินมดมากัดแกะแซะเซาะมันก็พังเป็นธรรมดา” บิดาพูดพลางมองไปที่ประตูแล้วกลับมายิ้มให้รอล่าอย่างบริสุทธิ์
รอล่าคิดพินิจอยู่พักนึงเธอก็รู้ว่าเมื่อถึงเวลาเธอคงจะรู้เองว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงให้เธอเข้าไปอยู่โรงเรียนนั่นแต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าเธอผิดมากที่ตะคอกใส่บิดาอย่างนั้นก่อนจะวิ่งเข้าไปสวมกอดบิดาเพื่อถ่ายโทษที่ตนทำ
“หนูขอโทษที่ตะคอกใส่พ่อนะตอนนั้นหนูลืมตัวไปจริงๆ” รอล่าพูดพลางกอดกับบิดาอย่างสำนึก
“พ่อยกโทษให้หนูเสมอนะไป ไปกินข้าวกัน” บิดาพูดพลางยิ้มให้รอล่าแล้วไปเปิดประตูห้องของรอล่า
“ค่ะ” รอล่ายิ้มให้พ่อของเธอแล้วเดินออกไปกับบิดา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น