คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : when you are adult
ตอนเด็กๆคงจะเคยถูกตั้งถามใช่ไหม
เมื่อโตขึ้นอยากจะทำไร
ทายสิว่าโตขึ้นผม อู๋อี้ฟาน อยากจะทำอะไร
เมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
.
.
.
.
อนุบาล
เด็กชายตัวสั้นป้อมในชุดแองกรี้เบิร์ดวิ่งพล่านไปทั่วสนามเด็กเล่น ขาสั้นสะดุดก้อนหินล้มลงบนกองทราย เรียวปากเริ่มเบะออกพร้อมที่จะระเบิดเสียงร้องไห้ออกมา แต่ทว่ามีเด็กหน้าตาน่ารักที่สวมชุดกระต่ายน้อยโผล่ออกมา เจ้าตัววิ่งไปหาเจ้านกหน้าโกรธที่ตั้งท่าร้องไห้เต็มที่
“โอมเพี้ยง ไม่ร้องไห้นะฮับ ไม่เจ็บนะฮับ” เสียงหวานออกมาจากปากผู้มาเยือน สะกดให้เด็กชายหน้าดุนิ่งราวกับต้องมนต์
...น่ารัก
.......น่ารัก
..............สองคำนี้วนเวียนอยู่ในหัวเด็กชายตัวน้อยไปมา
“แค่นี้ไม่หายเจ็บหรอก แม่ฉันบอกว่าต้องจุ๊บตรงนี้” คนเจ็บชี้นิ้วไปที่หน้าผากก่อนแสร้งทำตาละห้อยประหนึ่งว่าเจ็บเสียเต็มประดา สมองเขาประมวลผลอย่างรวดเร็วที่จะได้ใกล้ชิดกับคนตรงหน้า
หนูน้อยหน้ามนเอียงคอด้วยความงุนงง
แต่เจ้าตัวทำความต้องการอีกฝ่าย
หวังช่วยปลอบประโลมความเจ็บ
ริมฝีปากนิ่มแนบเข้ากับหน้าผากอย่างแผ่วเบา ก่อนพึมพัมๆบางอย่างหวังให้คนหกล้มหายเจ็บ
“หายเจ็บแล้วใช่ไหมฮับ”
“อื้อ นายชื่ออะไรฉันอู๋อี้ฟาน”
“ผมคิม จุนมยอนฮับ”
...ณ วินาทีนั้น
.......อู๋อี้ฟานรู้แล้วว่า
...........เมื่อโตขึ้นอยากจะทำอะไร
.
.
.
.
ประถม
วันเวลาผ่านไปอู๋อี้ฟานจากเด็กชายตัวน้อยโตขึ้นมาอีกนิด เฉกเช่นเดียวกับคิม จุนมยอนเองที่โตไปตามวัยด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าอู๋อี้ฟานเกาะติดจุนมยอนแจราวกับปลิง คอยกีดกันเด็กคนอื่นๆไม่ให้เข้าใกล้จุนมยอน ทำให้อีกฝ่ายมีแต่อู๋ฟานเป็นเพื่อนโดยปริยาย
ดูเหมือนจุนมยอนเองก็ไม่รู้ตัว เพราะเขารู้สึกดีใจที่มีอู๋ฟานเป็นเพื่อน แถมยังคอยกันเด็กที่โตกว่าไม่ให้มารังแกเขาด้วย อู๋ฟานในเวลานี้จึงเป็นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวสำหรับจุนมยอน
“อู๋ฟานไปทำอะไรมาอะ” เด็กน้อยจุนมยอนเอียงคอถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นบางอย่างผิดปกติ เนื้อตัวอู๋ฟาน สกปรกมอมแมมและถลอกปอกเปิกไปหมด เสื้อผ้าขาดวิ่น
อู๋ฟานไปทะเลาะกับเด็กข้างบ้านที่โตกว่าเขาถึงสองปี
เขาได้ยินเด็กเกเรจะแกล้งจุนมยอน
เขาจึงสั่งสอนให้อีกฝ่ายหลาบจำ
“อู๋ฟานไปสั่งสอนคนที่จะแกล้งจุนมยอนมานะ ตอนนี้อู๋ฟานเจ็บไปทั้งตัวเลย ช่วยทำให้อู๋ฟานหายเจ็บหน่อยสิ” อู๋ฟานออดอ้อนเสียงหวานใส่ จุนมยอนเองยอมทำตามแต่โดยดี
ริมฝีปากนุ่มประทับตราบนหน้าผากอีกครั้ง
จุนมยอนมักจะปลอบอู๋ฟานให้หายเจ็บด้วยวิธีนี้เสมอ แต่ครั้งนี้เด็กน้อยแสนซื่อกลับไม่รู้ว่ามีอะไรต่างออกไป
“หายเจ็บยังอู๋ฟาน”
“ไม่อะ”
“เอ๋?”
“แม่ฉันบอกว่าหอมแก้มด้วยถึงจะหาย ถ้าแผลเยอะขนาดนี้” ใบหน้าเนียนเอียงคอมองอย่างสงสัย ทำไมเขาไม่เคยได้ยินแม่ของเขาบอกเรื่องจูบหน้าผาก หอมแก้มทำให้หายเจ็บแผลได้?
แต่จุนมยอนหอมแก้มซ้ายแก้มขวาอย่างยินดี
หากช่วยบรรเทาความเจ็บ
...ณ วินาทีนั้น
.......อู๋อี้ฟานรู้แล้วว่า
...........เมื่อโตขึ้นอยากจะทำอะไร
.
.
.
.
มัธยม
อู๋อี้ฟานและจุนมยอนบัดนี้เติบโตขึ้นตามกาลเวลา จากเด็กน้อยตัวเล็กวัยประถมก้าวข้ามผ่านรั้วชั้นมัธยม แต่ทว่าความฉลาดของจุนมยอนกับอู๋ฟานนั้นแตกต่างกันราวกับดวงจันทร์และตะพาบน้ำ มันสมองของจุนมยอนโดดเด่นจนอยู่ห้องคิง ส่วนอู๋ฟานติดอันดับที่มีก้อนสมองขี้เลื่อยเป็นอันดับต้นๆของโรงเรียนเช่นกัน แถมอู๋ฟานยังพ่วงท้ายอันธพาลประจำห้องอีกด้วย
ไม่เพียงแต่ความฉลาดเท่านั้นที่ทำให้ทั้งคู่แตกต่างกัน รวมไปถึงหน้าตาและสรีระทางร่างกาย จุนมยอนโตขึ้นไม่ได้หล่อคมคายเหมือนชายชาตรีดังเช่นคนอื่นๆ กลับมีใบหน้าหวานใสน่ารักจนทุกคนอยากจะเข้าหา ไหนจะผิวที่ขาวเนียนละเอียดดุจหิมะ ร่างกายที่ดูเหมือนจะผอมเพียวบางมากกว่าบึกบึนดังเช่นบุรุษ ผิดกับอู๋ฟานที่โตขึ้นมาใบหน้าหล่อคมสันที่ทำให้ผู้หญิงสยบแทบเท้า แขน ขา ท้องของอู๋ฟานเต็มไปด้วยมัดกล้าม
ความแตกต่างของจุนมยอนกับอู๋ฟานล้วนทำให้ทุกคนประหลาดใจ
เทวดากับซาตานสนิทกันได้อย่างไร?
“อู๋ฟานไปตีกับใครเขามาอีกล่ะ” จุนมยอนเงยหน้าขึ้นจากหนังสือกองโตเมื่อรับรู้ถึงเงาที่มาบดบังแสงอาทิตย์ ริมฝีปากบางห่อเข้าหากันอย่างระอา ก็อู๋ฟานมีเรื่องเจ็บตัวทีไร เขาต้องมาช่วยปลอมให้หายเจ็บน้อยลงทุกที
ริมฝีปากนุ่มประทับหน้าผากกับแก้มสากสองข้าง
“นายรั้งเอวฉันทำไมเนี่ยอู๋ฟาน” ร่างบางร้องโวยวายเมื่ออยู่ดีๆแขนแร่งกระชับเข้าอ้อมกอด จมูกโด่งของอู๋ฟานคอลเคลียกับแก้มเนียนใสของคนตัวขาว
“ฉันยังไม่หายเจ็บเลยจุนมยอน”
“ทำไมอีกอะอู๋ฟาน ฉันจูบหน้าผากกับหอมแก้มนายเหมือนทุกทีนะ” จุนมยอนเอียงคอถามอย่างสงสัย ตากลมสุกสกาวราวกับกระต่ายน้อยแทบทำให้อู๋ฟานอยากจับคนตรงหน้าฟัดเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยว
“คราวนี้ฉันโดนเล่นงานหนัก นายต้องจุ๊บตรงนี้ด้วยอะ” อู๋ฟานชี้ไปที่ริมฝีปากตนเอง
“ต้องตรงปากด้วยเหรอ”
“ใช่จุนมยอน ทำให้แผลหายเร็วขึ้นนะ” คำอธิบายของอู๋ฟานทำให้จุนมยอนเชื่อสนิทใจ เนื่องจากร่างบางมีเพียง อู๋ฟานเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว และอีกฝ่ายปกป้องจุนมยอนรวกับไข่ในหิน ทำให้จุนมยอนไม่รู้เรื่องโลกภายนอกนอกจากตำราเรียน
จุนมยอนเป็นเด็กที่อ่อนต่อโลกและใสซื่อ
ครั้งนี้จุนมยอนเองทำตามอย่างว่าง่ายๆเหมือนเช่นทุกครั้ง ริมฝีปากสีสดกดย้ำริมฝีปากหยักอย่างแผ่วเบาก่อนผละออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความเขินอาย
...ณ วินาทีนั้น
.......อู๋อี้ฟานรู้แล้วว่า
...........เมื่อโตขึ้นอยากจะทำอะไร
.
.
.
.
มหาวิทยาลัย
วันเวลาเปลี่ยนหมุนเวียนไปจากเด็กน้อยกลายเป็นหนุ่มทั้งสองคน จุนมยอนยิ่งโตขึ้นใบหน้าก็ยิ่งหวานดุจหญิงสาว ส่วนสูงดูไม่ต่างจากมัธยมเท่าไร แถมยังผอมบางเสียเหลือเกิน และยังคงใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนดังวันวาน ทางด้าน อู๋ฟานเองหล่อคมเข้มขึ้นมาก ส่วนสูงที่ผิดจากคนเอเชียยิ่งสร้างความโดดเด่นให้แก่อู๋ฟานยิ่งนัก ทำให้จุนมยอนนึกอิจฉาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวอยู่บ่อยๆ
ขาเรียวรีบวิ่งไปหาอู๋ฟานที่คอนโดด้วยความดีใจ เขาตั้งใจจะบอกร่างสูงเกี่ยวกับผลการเรียน เนื่องจากความฉลาดที่แตกต่างกัน ทำให้อู๋ฟานและจุนมยอนเรียนมหาวิทยาลัยคนละที่ จุนมยอนเเลือกเรียนคณะแพทย์มหาวิทยาลัยชื่อดังเกาหลี ส่วนอู๋ฟานเลือกต่อด้านบริหารในมหาวิทยาลัยเอกชนเล็กๆแห่งหนึ่ง ทำให้ทั้งคู่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันดังแต่ก่อน แต่ทว่าจุนมยอนมักมาหาอู๋ฟานอยู่เสมอหากมีเวลาว่างหรือบอกกล่าวเรื่องผลการเรียน
วันนี้อีกเช่นกันที่จุนมยอนมาหาอู๋ฟาน
มือบางเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เคาะห้องเช่นทุกครั้ง แต่คนตัวขาวกลับยืนตัวแข็งไม่กระดุกกระดิกเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนจูบกับผู้หญิงอย่างดูดดื่ม
ดวงใจด้านซ้ายปวดหนึบราวกับมีเข็มนับพันมาทิ่มแทง
“จุนมยอน!!” อู๋ฟานผลักหญิงสาวออกด้วยความตกใจที่เห็นอีกฝ่ายในเวลานี้ ขายาวรีบก้าวตามร่างบางไปทันทีเมื่อเห็นอีกฝ่ายวิ่งออกจากห้อง ก่อนจะตามคนตัวเล็กไป อู๋ฟานไม่ลืมที่จะขอบคุณเพื่อนที่มาช่วยในการแสดงบทนี้
อู๋ฟานใช้เวลาไม่นานในการไล่ตามจุนมยอน มือแกร่งกระชากคนตัวบางกว่ามาอยู่ในอ้อมอก ยิ่งจุนมยอนดิ้นแรงมากเท่าไร อู๋ฟานยิ่งโอบรัดให้แน่นขึ้นมากเท่านั้น
“ปล่อยฉันนะอู๋ฟาน”
“ไม่ปล่อย บอกมาก่อนสิว่านายจะวิ่งหนีทำไม แล้วนายจะร้องไห้ทำไมเนี่ย”
“ไม่รู้อู๋ฟาน ฉันแค่ไม่ชอบที่เห็นนายไปจูบกับคนอื่น ฉันไม่อยากให้คนอื่นมาช่วยทำให้นายหายเจ็บ”
“ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะจุนมยอน เพราะว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่ต้องการให้ใครมาช่วยให้หายเจ็บ แต่สิ่งที่ฉันต้องการคือตัวนายจุนมยอน เพราะฉันรักนาย และอยากครอบครองนาย แต่นายไม่ได้รักฉัน ฉันจึงต้องไปหาจากคนอื่น ถ้านายไม่อยากให้ฉันไปยุ่งกับคนอื่น งั้นนายให้ฉันได้ไหมทั้งตัวและหัวใจ”
จุนมยอนตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากอู๋ฟาน
“ขอเวลาฉันคิดหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้จุนมยอน นายต้องตอบฉันเดี๋ยวนี้ ตกลงหรือไม่ตกลง ถ้านายไม่ตกลงฉันจะได้ตัดใจจากนาย” อู๋ฟานผละออกจากจุนมยอนที่ยืนเงียบ ไม่มีคำตอบใดๆให้เขา
เขาคงจะต้องปล่อยจุนมยอนไปจริงๆแล้วใช่ไหม
มือบางคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อที่เห็นอู๋ฟานเดินออกไป ใจของเขาโหวงเหวงราวกับปุยนุ่นเมื่อคิดว่าไม่มีอู๋ฟานอยู่ข้างกาย ไม่มีอู๋ฟานปกป้องดูแลเขาเหมือนวันวาน
แบบนี้เรียกว่ารักใช่ไหม?
“ฉันไม่รู้ว่าฉันรักนายหรือเปล่า แต่ฉันไม่อยากเสียนายไป ฉันไม่อยากให้นายไปกับคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันแบบนี้พอเป็นคำตอบได้หรือเปล่า”
เปลือกตากลมค่อยๆปิดลง...ริมฝีปากบางเผยอขึ้นเพื่อรับจูบของอู๋ฟาน
จูบแรกของคิม จุนมยอนอ่อนหวาน รุ่มร้อน
จุนมยอนไม่รู้ว่าตนเองกลับเข้าห้องพร้อมอู๋ฟานได้อย่างไร เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ขณะเดียวกันริมฝีปากยังคงคลอเคลียเข้าหากัน ผิวกายสั่นระริกรัญจวญใจในรสรักที่อู๋ฟานเป็นผู้กระทำ เสียงหวานสั่นเครือเมื่อร่างสูงแทรกกายเข้ามาในเรือนกาย
เจ็บแต่จุนมยอนกลับรู้สึกดี
สองกายรวมเป็นหนึ่งเดียว
เสียงหวานครางลั่นเมื่อถูกปลายทางแห่งความสุข อู๋ฟานเองก็เช่นกันที่ถึงทางฝั่งฝันตามร่างบางไปติดๆ ดวงตากลมปิดไปด้วยความอ่อนเพลีย มือสากเกลี่ยผมก่อนที่หอมพวงแก้มนุ่ม
เขาขอสัญญากับตัวเองว่าจะรักและดูแลจุนมยอนตลอดไป
.
.
.
.
คิดออกหรือยังว่าโตขึ้นอู๋อี้ฟานอยากจะทำอะไร?
TALK^^
เป็นฟิคจานด่วนมากค่ะ ถ้าเกิดมีชื่ออื่นไม่ใช่คริสโฮหลุดออกไป ต้องขอโทษด้วยนะคะ รอบนี้ตรวจทานรอบเดียวเองค่า
เนื่องจากเราจะไม่มีเวลาแล้วค่ะ ฟิคนี้แปลงออกมาแก้บน อิอิ เรานั่งเหี่ยวๆอยู่หน้าคอม เนื่องจากไม่มีโมเม้นคริสโฮตั้งแต่งานจีดีเอเลย
เราเหี่ยวมากค่ะ เลยพูดขำว่าถ้ามีโมเม้นเด็กดวงออกมา เราจะลงฟิคให้ค่า ปรากฎว่าอพคหอมแก้มมือนุ่มนิ่ม ฟินยันชาติหน้า ><
มาที่ฟิคขอให้มองข้ามความจริงไปทั้งหมดนะคะ เพราะคงไม่มีใครใสซื่อขนาดนี้อีกแล้ว เพลินๆไปกับความซื่อของนุ่มนิ่มนะคะ
ยังไงฝากฟิคตอนนี้ด้วยนะคะ ฟิคเรื่องนี้อาจจะไร้สาระ ปัญญาอ่อนไปเสียหน่อย
ความคิดเห็น