คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : only me
หัวทุยๆเกลือกกลิ้งไปมาบนหมอนสีขาวสะอาดตา มีผ้าห่มที่ดูจะหมิ่นเหม่อยู่บนสะโพกงาม ผิวขาวที่เนียนละเอียดถูกแต่งแต้มไปด้วยรอยสีกุหลาบไปทั่ว ดวงตากลมเหลือบมองคนรักที่นั่งทำงานอยู่ไม่ห่างจากเตียงนอนสักเท่าไร เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของอีกฝ่ายเขานึกอยากจะแกล้งเสียเหลือเกิน
“พี่คริสสสสสสสส”
“มีอะไรหรือจุนมยอน” คริสขานรับแต่ใบหน้าคมยังจดจ่ออยู่กับแลปทอป เขามีงานต้องเคลียร์ด่วนให้เสร็จก่อนห้าโมงเย็นของวันนี้ ความจริงงานนี้ควรจะเสร็จตั้งแต่เมื่อวานถ้าหากว่าคนรักของเขาไม่มาป่วนจนเขาสมาธิกระเจิงไปทั้งวันทั้งคืน
“พี่คริสยังไม่สนใจผม ผมจะงอนแล้วนะ” น้ำเสียงกระเง้ากระงอดที่จุนมยอนจะงัดมาใช้เวลาที่อีกฝ่ายไม่สนใจเขา ร่างสูงรีบเงยหน้าจากแลปทอปคู่ใจ แต่สภาพจุนมยอนบนเตียงนอนทำเอาเขากลืนน้ำลายคำโต เจ้าตัวเล้กของเขาจะมาไม้ไหนอีก......มือบางกวักเรียกร่างสูงให้มาที่เตียง ซึ่งคริสเองก็ทำตามอย่างไม่ขัดข้อง
“เรียกพี่มาที่เตียงเนี่ยมีอะไรหรือเปล่าหืม”
“ผมหิวข้าวแล้ว พี่คริสพาผมไปกินซูชิหน่อยนะ” เจ้าของเรือนกายของผ่องปีนขึ้นไปนั่งบนตักอู๋ฟาน เท่ากับว่า จุนมยอนอยู่ในร่างเปลือยเปล่า ใบหน้าหวานเอียงคออย่างออดอ้อนเอาใจ
“จุนมยอนไม่ได้อยากจะกินซูชิหรอกใช่ไหม แค่อยากจะยั่วพี่ว่างั้นเถอะ”
“แล้วแต่จะคิดนะพี่คริส แต่ผมอยากจะกินซูชิจริงๆนะ” จุนมยอนหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจที่คริสรู้ทันความคิดเขา กลีบเนื้อนุ่มแนบริมฝีปากหยักอย่างเอาใจ
“แค่นี้นายยั่วให้พี่รักพี่หลงนายไม่พอหรือไงจุนมยอน”
“ก็ผมอยากให้พี่รักพี่หลงผมคนเดียว”
“พี่ก็จะรักนายคนเดียวจุนมยอน พี่ไม่มีทางไปรักคนอื่นหรอก ว่าแต่นายเถอะจะรักพี่คนเดียวเหมือนที่พี่รักนายหรือเปล่า”
“ถึงขนาดนี้ไม่รู้อีกเหรอว่าผมก็จะรักพี่คนเดียวตลอดไป”
.
.
.
ร่างสูงสง่ายืนตัวแข็งราวกับรูปปั้นเมื่อคนตรงหน้าพูดบางสิ่งบางอย่างกับเขา คำพูดที่หลุดออกจากอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่เขากลัวมาตลอดและค่อยๆกัดกินใจเขาเรื่อยมา ตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปในอนาคตใช่ไหม แม้เวลานี้สายลมที่พัดผ่านไม่อาจจะทำให้ใจเขาสงบเยือกเย็นดั่งเช่นทุกครั้ง จิตใจเขาร้อนรุ่มดังไฟแผดเผาเมื่อคนตรงหน้าไม่สนใจกับท่าทีที่เสียใจของเขาแม้แต่น้อย และสีหน้าของเจ้าตัวออกจะติดแนวรำคาญเขาเสียด้วยซ้ำ
“นายว่าอะไรนะ” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อตอกย้ำความแน่ใจกับสิ่งที่เขาได้ยินไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริงที่เขาจะต้องทำใจยอมรับ
“ต่อให้บอกอีกร้อยรอบผมบอกว่าเราเลิกกันเถอะพี่คริส” น้ำเสียงที่เคยหวานนุ่มยามนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นตะคอกด้วยความรำคาญใจที่คริสถามย้ำเป็นรอบที่สิบ
“พี่ทำผิดอะไรทำไมนายถึงทำกับพี่แบบนี้ เพราะคนชื่อชานยอลใช่ไหมจุนมยอน” น้ำเสียงของคริสสั่นพร่าด้วยความเสียใจ ทำไมคนตรงหน้าถึงใจร้ายกับเขาได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เขาเฝ้าฟูมฟักรักคนตรงหน้าอย่างหมดใจ รักที่เขาให้
จุนมยอนทั้งดวงใจอีกฝ่ายเอาไปวางไว้ที่ไหนเสีย ทุกค่ำคืนที่ร่างบางบอกรักเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้นหรือ รักของอู๋ฟานคนนี้ไม่เคยมีความสำคัญที่จะสลักเข้าไปในใจเลยหรือ จุนมยอนถึงได้ฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น
“พี่เลิกโทษชานยอลสักที คนที่ผิดคือผมเองที่เปลี่ยนไปรักชานยอล ผมไปล่ะ พี่คริสรักษาตัวด้วย ชานยอลรอผมอยู่หน้าบ้าน” แววตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อคริสไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความเฉยชาที่ร่างสูงรู้สึกได้จากคนที่เขารักมากที่สุด
เป็นครั้งแรกที่คริสรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดของความรักอย่างแสนสาหัสราวกับมีใครมากรีดริ้วดวงใจเขานับล้านครั้ง ก้อนเนื้อด้านซ้ายเหวอะแหวะไปด้วยพิษรัก รักที่เคยหอมหวานดั่งน้ำผึ้งเดือนห้าแปรเปลี่ยนเป็นยาพิษที่ทำให้เขาตายอย่างช้าๆ ทรมานเสียยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น
น้ำตาอาบไหลแก้มอย่างสุดอาลัย
ไม่มีอีกแล้วดวงใจที่เขาเคยเฝ้าโอบกอด
ความรักที่เขามีแน่นจนแทบจะล้นทะลัก
เขาจะสามารถลืมความหลังอันแสนหวานได้อย่างไร
ร่างสูงไม่ได้ตีตราคำว่ารักไว้ที่หาดทรายที่เขาสามารถจะได้ลืมในชั่ววินาทีเพียงแค่สายลมพัดผ่าน หากแต่เขานั้นจารึกคิม จุนมยอนไว้ที่ดวงใจของเขา แล้วทั้งชีวิตนี้เขาจะลืมเจ้าของรอยยิ้มอันอบอุ่นได้อย่างนั้นหรือ
.
.
.
คริสนั่งบนโซฟาพิงพนักเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน สีหน้าเขาอิดโรยอย่างชัดเจน หลายวันมานี้เขาแทบไม่ได้พักผ่อนเนื่องจากตระเวรตามหาซูโฮที่หายสาบสูบไปได้อาทิตย์กว่า เขานั้นแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับนับตั้งแต่วันที่ร่างบางหายไป คริสแค่นยิ้มให้ตัวเองอย่างสมเพช ทั้งๆที่จุนมยอนทำร้ายเขาแทบจวนเจียนตาย แต่เขาก็ยังอดห่วงอีกฝ่ายไม่ได้
หลังจากวันที่จุนมยอนบอกเลิกเพียงแค่วันเดียว คนที่บ้านของร่างเล็กโทรถามหาลูกชายคนเดียวของตระกูลคิมจากเขา ดูเหมือนซูโฮจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมกับชานยอล ในครั้งแรกเขาพยายามคิดว่าซูโฮอาจจะแค่หนีเที่ยวไปกับชานยอลคนรักใหม่ แต่เขารู้จักจุนมยอนดีเสียยิ่งกว่ารู้จักตัวเอง ร่างบางไม่เคยไปไหนมาไหนโดยไม่บอกกล่าวใคร นับตั้งแต่วันนั้นจวบจนถึงวันนี้เขาออกตามหาจุนมยอนทุกๆที่ที่คิดว่าอีกฝ่ายจะอยู่ แต่กลับไม่พบร่องรอยใดๆเลยว่าอีกฝ่ายเคยมาสถานที่แห่งนี้ หรือแม้แต่ตำรวจก็ไม่อาจจะให้เบาะแสใดๆเกี่ยวกับจุนมยอน ด้วยความเหนื่อยอ่อนที่คริสสะสมมาหลายวัน เขาค่อยๆเผลอหลับอย่างไม่ตั้งใจ
ร่างสูงตื่นขึ้นมาในสถานที่ทั้งมืดทั้งคับแคบชวนให้เขารู้สึกถึงแรงบีบอัดแน่นจนเขาหายใจแทบไม่ออก ความหนาวเย็นจากอากาศทำให้คริสงยิ่งต้องห่อตัวเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ความมืดมิดที่ปกคลุมไปทั่ว เขาแทบจะไม่เห็นสิ่งต่างๆ ยิ่งทำให้จิตใจเขาหวาดผวาจนแทบเป็นบ้า ขายาวก้าวเดินเท่าไรยิ่งชวนให้เขาอึดอัดเหมือนถูกพันธนาการรัดแน่นไปทั้งตัว กลิ่นเหม็นสาบรุนแรงลอยแตะจมูกชวนให้น่าสะอิดสะเอียน เขาเกือบจะอาเจียนออกมาหลายครั้ง
คริสนั่งพักเพื่อหายเหนื่อยก่อนออกเดินต่อ แต่ฉับพลันมือของเขาสัมผัสได้ถึงของเหนียวที่เหนอะหนะ เขาเหลือบไปมองเป็นของเหลวสีแดงเข้ม กลิ่นคาวเลือดผสมกลิ่นสาบลอยคละคลุ้งจนคริสไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป เขาอาเจียนออกมาแทบหมดไส้หมดพุง
หลังจากชย้อนของเก่าจนหมด คริสเบิกตาโพลงด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างๆหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นไม่ไกลจากที่เขานั่ง ร่างสูงรีบวิ่งไปเขย่าอีกฝ่ายหวังให้ฟื้นสติ มีแต่ความเงียบเป็นคำตอบได้ดีว่าอีกฝ่ายปราศจากซึ่งวิญญาณ ร่างที่นอนแน่นิ่งคือคนที่คริสรักหมดใจ ผิวขาวราวกับน้ำนมที่เคยเนียนเปล่งปลั่งจนน่าสัมผัสบัดนี้กลับซีดจนน่ากลัว บาดแผลหลายแห่งอยู่บนตามเรือนกายของจุนมยอน คริสร่ำไห้นั่งกอดร่างไร้วิญญาณราวกับคนเสียสติ
จุนมยอนนายจะต้องไม่เป็นไร
ใครก็ได้ช่วยบอกเขาทีว่าตอนนี้คือความฝัน
“เฮ้ยอู๋ฟาน”
“เฮ้อ ลูฮานเองเหรอ” ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นจากเสียงปลุก ใบหน้าคมมีเหงื่อผลุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า สายตาสอดส่องไปมาพบว่าตนเองยังอยู่ในบ้าน เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ทำไมเขารู้สึกว่าความฝันเมื่อครู่เหมือนจริงจนน่าตกใจ
“อู๋ฟานแกเป็นอะไรหรือเปล่าวะ หน้าซีดเชียว” ลูฮานเพื่อนรักของคริสถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง เขามาเยี่ยมเยียนอู๋ฟานหลังจากทราบข่าวว่าคนรักของเพื่อนหายตัวไป เขาทราบดีว่าคริสรักซูโฮมากเพียงใด ร่างสูงออกตามหา
จุนมยอนทั้งวันทั้งคืน จนเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะล้มเจ็บไปเสียก่อน
“เปล่ารู้สึกเพลียนิดหน่อยน่ะ” มือแกร่งลูบหน้าตนเองเพื่อให้ความเหนื่อยล้าจางหายไป ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเขารู้สึกเครียดจนหัวแทบจะระเบิด ยิ่งความฝันเมื่อครู่ยิ่งทำให้เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่มีลมหายใจ
“นายพักมั่งนะ ถ้าจุนมยอนรู้คงจะไม่ดีใจหรอก” ลูฮานตบบ่าปลอบใจเพื่อนรัก โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้เผลอจี้ใจดำคริสเข้าอย่างจัง ร่างสูงหัวเราะในลำคออย่างเวทนาตนเอง คนอย่างจุนมยอนหรือจะมาสนใจเขา มีแต่เขาเท่านั้นแหละที่ห่วงและรักจุนมยอนมากเพียงใด แต่เจ้าตัวคงจะไม่เคยรับรู้และใส่ใจ
“ฉันพักไม่ได้หรอก ฉันอยากเจอจุนมยอนเร็วๆ”
“นายไม่คิดว่าจุนมยอนจะหนีเที่ยวกับชานยอลหรือไง” คริสส่ายหน้าช้าๆแทนคำตอบ เพราะเขารู้ดีว่าจุนมยอนไม่เคยทำให้ใครต้องเป็นห่วง
“เอาเถอะ ฉันต้องกลับก่อนนะอู๋ฟานพอดีมีธุระด่วน” อู๋ฟานพยักหน้าส่งๆ เวลานี้เขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้น ใจเฝ้าห่วงหาแต่ซูโฮ
ร่างสูงเหลือบไปเห็นห้องเย็นที่ใช้เก็บผลไม้เปิดทำงานอยู่หลังจากที่ออกมาส่งลูฮาน เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจว่าใครกันที่มาเปิดใช้งาน เขาจำได้ว่าห้องเย็นถูกปิดตายมาหลายปี....ทันทีที่คริสเปิดประตูเขาเบ้หน้าหนีด้วยความเหม็นอับ น่าแปลกยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปในด้านในเรื่อยๆ หัวใจของคริสเต้นระรัวผิดปกติราวกับมีใครมาลั่นกลองอยู่ในตัวเขา ความหนาวเหน็บจากห้องเย็นทำให้คริสเดินห่อตัวจนเขาอดที่จะนึกถึงความฝันไม่ได้
“จุนมยอน!!” คริสอุทานออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาเมื่อเขาเดินจนมาสุดของด้านในห้อง คนที่เขาตามหาแทบพลิกแผ่นดินกลับมาอยู่ในห้องเย็น ในบ้านของเขาเอง!!
ร่างสูงเข่าอ่อนทรุดลงไปที่พื้นอย่างอ่อนแรง ริมฝีปากสั่นระริกด้วยความตกใจ ร่างบอบบางที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ซูโฮที่เคยมีชีวิตชีวา แต่เป็นร่างที่ไร้ลมหายใจ จุนมยอนถูกแขวนอยู่บนขื่อด้านบน ผิวที่เคยเนียนใสระเรื่อราวกับมะเขือเทศสุกปลั่งเหลือแต่เพียงผิวขาวซูบซีดไร้ซึ่งเลือดหล่อเลี้ยง เสื้อผ้าเกอะกรังไปด้วยเลือด ใบหน้า แขนขารวมไปถึงส่วนต่างๆของร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์
อู๋ฟานกรีดร้องราวกับคนเสียสติ
เหตุการณ์ในอดีตหวนคืนสู่ความทรงจำ
.
.
.
“เมื่อกี๊นายว่าอะไรนะ” เขาถามย้ำอีกครั้งเพื่อตอกย้ำความแน่ใจกับสิ่งที่เขาได้ยินไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริงที่เขาจะต้องทำใจยอมรับ
“ต่อให้บอกอีกร้อยรอบผมจะบอกว่าเราเลิกกันเถอะพี่คริส” น้ำเสียงที่เคยหวานนุ่มยามนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นตะคอกด้วยความรำคาญใจที่คริสถามย้ำเป็นรอบที่สิบ
“พี่ทำผิดอะไรทำไมนายถึงทำกับพี่แบบนี้ เพราะคนชื่อชานยอลใช่ไหมจุนมยอน” น้ำเสียงของคริสสั่นพร่าด้วยความเสียใจ ทำไมคนตรงหน้าถึงใจร้ายกับเขาได้ถึงเพียงนี้ ทั้งๆที่เขาเฝ้าฟูมฟักรักคนตรงหน้าอย่างหมดใจ รักที่เขาให้
จุนมยอนทั้งดวงใจอีกฝ่ายเอาไปวางไว้ที่ไหนเสีย ทุกค่ำคืนที่ร่างบางบอกรักเป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้นหรือ รักของอู๋ฟานคนนี้ไม่เคยมีความสำคัญที่จะสลักเข้าไปในใจเลยหรือ จุนมยอนถึงได้ฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็น
“พี่เลิกโทษชานยอลสักที คนที่ผิดคือผมเองที่เปลี่ยนไปรักชานยอล ผมไปล่ะ พี่คริสรักษาตัวด้วย ชานยอลรอผมอยู่หน้าบ้าน” แววตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อคริสไม่มีอีกแล้ว มีแต่ความเฉยชาที่ร่างสูงรู้สึกได้จากคนที่เขารักมากที่สุด
เขาไม่มีสิทธิได้ครอบครองจุนมยอน
คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ!!
เขาไม่ยอมให้จุนมยอนเป็นของใคร!!!
คริสหันไปคว้ามีดปอกผลไม้ก่อนที่กระชากคอเสื้อจุนมยอนเต็มแรง จนร่างบอบบางเซถลามาด้านหลังและล้มลงไปที่พื้น ร่างสูงกดไหล่ซูโฮและขึ้นคร่อมอย่างรวดเร็ว ปลายมีดถูกใช้แทงผิวอ่อนเนื้อนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับกระหายเลือด จุนมยอนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่อาจจะเข้าโสตประสาทของอีกฝ่ายให้หยุดกระทำ
“จุนมยอนพี่รักนายมากมากเสียจนไม่ยอมให้นายเป็นของคนอื่น นายต้องเป็นของพี่คนเดียว คนเดียวเท่านั้น” อู๋ฟานเพ้ออกมาราวกับคนบ้า สายตาแข็งกร้าวจนจุนมยอนสั่นสะท้าน
“ฮึก...พี่คริสพอเถอะ ผมเจ็บ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย...ฮึก” น้ำเสียงของจุนมยอนสั่นพร่าด้วยความกลัวตาย เวลานี้เขาเจ็บร้าวรานไปทั้งตัว ทุกครั้งที่มีดปลายแหลมจรดลงบนเนื้ออ่อน เขาเจ็บราวถูกกับกระชากวิญญาณออกจากร่าง แม้ จุนมยอนจะร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีใครสักคนออกมาช่วย วันนี้ช่างเป็นวันที่โชคร้ายของเจ้าตัว พ่อแม่และคนรับใช้ทั้งหมดไปดูแลบ้านอีกหลังหนึ่งในเกาะเชจู และบ้านของคริสเป็นบ้านเก็บเสียงอย่างมิดชิด จนเสียงร้องของจุนมยอนไม่อาจจะทำให้ชานยอลได้ยิน
“เจ็บเหรอ แค่นี้ยังไม่เทียบเท่ากับใจที่พี่เจ็บเลยจุนมยอน นายทำพี่เจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า” คริสแทงครั้งสุดท้ายแถวบริเวณหน้าอกก่อนที่สติการรับรู้ของจุนมยอนจะดับวูบ เป็นสัญญาณถึงร่างบอบบางมีแต่กายไร้ซึ่งวิญญาณ
คริสอุ้มจุนมยอนไปไว้ที่ห้องเย็นก่อนที่กลับมาทำความสะอาดคราบเปรอะเปื้อนเต็มบ้าน เขากลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
“ขอโทษครับไม่ทราบว่าพี่จุนมยอนยู่ไหนหรือครับ ผมรอเขานานมากแล้ว” ชานยอลถามด้วยความเกรงใจที่เขาถือวิสาสะเดินเข้ามาในบ้านคริสโดยที่ไม่ได้ขออนุญาติ เขารอคนรักมาชั่วโมงกว่าแต่ไม่เห็นมีท่าทีออกจากบ้านอดีตแฟนแต่อย่างใด เขาจึงเดินเข้ามาตามด้วยความเป็นห่วง
“จุนมยอนเก็บของอยู่ด้านบน อีกสักพักคงจะเสร็จ เดี๋ยวฉันหาน้ำหาท่าให้กินระหว่างรอจุนมยอน”
“ขอบคุณครับ” ชานยอลดื่มน้ำไปไม่กี่อึกเปลือกตาหนาปิดสนิท คริสฉีกยิ้มที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ในน้ำดื่มเขาผสมยานอนหลับที่เคยซื้อมาไว้ ร่างสูงจัดการมัดแขนขาก่อนที่ถ่วงด้วยหิน เขาแบกชานยอลไปที่สระน้ำลึกสิบเมตรเพื่อที่จะทำการบางอย่าง คนที่คิดมาแย่งจุนมยอนไปจากเขาต้องได้รับการลงโทษอย่างทุกข์ทรมาน เขายอมทนเมื่อยแบกรับน้ำหนักของานยอลทั้งหมด เขาต้องการสีหน้าหวาดกลัวยามที่ถูกเขาลงโทษ
“คุณคริสเกิดอะไรขึ้น” ชานยอลรู้สึกปวดศรีษะตุบๆจนแทบจะเบิด และเขายังรู้สึกไม่สามารถขยับกายได้เลย ยิ่งเขาสบตาที่ดุดันจนทำให้เขากลัวจนแทบสิ้นสติ ทำไมร่างสูงมองเขาด้วยสายตาที่จะกินเลือดกินเนื้อ ไหนจะยังถูกอีกฝ่ายมัด
“รู้อะไรมั้ยชานยอลบทลงโทษของคนที่แย่งจุนมยอนไปจากฉันคือความตาย” คริสค่อยๆผลักชานยอลลงไปสระน้ำลึกอย่างเฉยชา ไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่กระทำลง ชานยอลกรีดร้องลั่นก่อนเงียบหายไปเมื่อร่างจมสู่ก้นลึกของสระน้ำ นับจากนี้ไปไม่มีใครมาพรากเขาออกจากจุนมยอนได้ ไม่มีเสี้ยนหนามของหัวใจที่คอยทิ่มแทงจนเจ็บร้าวราน
.
.
.
คริสยันกายลุกขึ้นก่อนที่เดินตรงไปหาร่างที่ไร้วิญญาณ เขาหัวเราะราวคนไร้สติอยู่นานสองนานก่อนที่จะเผยรอยยิ้มสุขใจบนใบหน้าคมอีกครั้ง เมื่อคิดได้ว่าไม่มีใครมาแย่งจุนมยอนไปจากเขา มือแกร่งลูบไล้ใบหน้าหวานก่อนพรมจูบทั่วหน้าอย่างหลงไหล ริมฝีปากหยักหยุดบนกลีบเนื้อนุ่มแสนหวาน มือแกร่งลูบไล้ไปตามส่วนเค้าส่วนโว้งเรือนกายก่อนค่อยๆปลดกางเกงของจุนมยอนออก ร่างสูงละออกจากริมฝีปากก่อนที่แนบชิดไปลำคอระหงษ์และไล่ไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย คริสค่อยๆแทรกกายเข้าไปด้านในของจุนมยอน ค่อยๆขยับเข้าออกอย่างสุขสม ร่างสูงหลับตาจินตนการถึงช่วงเวลาที่เขากับจุนมยอนมีร่วมรักกันในยามมีชีวิตอยู่
เพียงเท่านี้จุนมยอนเป็นของเขาตลอดกาล
TALK^^
ต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าใครไม่ชอบพลอตแนวนี้ แต่เราชอบมากเลย และมีฟิคแนวนี้อีกเพียบ เลยถือเปิดอีกเรื่องนึงไปเลย ในห้องนี้มีแต่ฟิคแนวนี้นะคะ เรื่องนี้เป็นฟิคแปลงแต่รไีไรท์ ถ้าหากถูกใจใคร ขอฝากฟิคแนวนี้ในอ้อมอกอ้อมใจของมิตรรักคริสโฮนะคะ
เพิ่มอดีตหวานชื่นของคริสโฮ เผื่อใครงงจะบอกว่า ตัวเอียงๆคืออดีตตอนที่คริสกับนีออนรักกันนะคะ
ความคิดเห็น