ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักสาวพริตตี้

    ลำดับตอนที่ #8 : สัญญามัดใจ 100% แก้ไขคำผิด

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 58


                 ณ คอนโดกลางใจเมืองในห้องนอนของเมยาวีเธอนั่งพิงห้วเตียงนึกถึงเงื่อนไขวันนี้ของเวพัฒน์เธอยอมรับว่าเป็นข้อเสนอที่น่าพอใจ เขาลดราคาบ้านให้เธอถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์และยังให้เธอผ่อนเดือนละเท่าไรก็ได้โดยไม่คิดดอก โดยแลกจากการที่เธอจะต้องไปเป็นเลขาของเขาหนึ่งปีฟังดูก็ไม่ยากแต่พอฟังไปเธอเริ่มรู้สึกแปลกๆต้องทำงานไม่มีวันพักจนกว่าเขาจะสั่งให้พัก นี่เธอไ่ม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ ถ้าเธอไม่ตกลงบ้านก็จะถูกรื้อซึ่งเธอไม่มีวันยอม เมยาวีลุกขึ้นไปหยิบโน๊ทบุคของเธอมาเปิดแล้วพิมพ์อะไรสักอย่าง

           เช้านี้เธอไม่มีเรียนมีเรียนอีกทีก็บ่ายสอง เธอรีบแต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาจุดมุ่งหมายก็คงไม่พ้นที่เดิม บริษัทเลิศวงค์วิทยา แต่งตัวเสร็จเธอรีบโทรลงไปบอก รปภ.ของคอนโดให้เรียกแท็กซี่ไม่นานรถแท็กซี่ก็มา  จากคอนโดไม่กี่นาทีก็มาถึงที่หมายเธอรีบตรงไปที่ห้องท่านประธานทันทีแล้วก็เป็นเช่นเคยเธอเจอกับเลขาหน้าห้อง

    "มาพบท่านประธานหรอค่ะ"

    "ค่ะ"

    "ท่านประธานยังไม่มาค่ะ แต่ท่านโทรมาสั่งไว้ว่าถ้าคุณมาให้เข้าไปรอด้านในได้เลยค่ะ"

    "อ่อ ค่ะ" เมยาวีรับคำเธอเปิดประตูเข้าไปบรรยากาศก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อวานจะต่างก็ตรงที่ในนี้ไม่มีเจ้าของห้องอยู่ เธอเดินไปรอบๆห้องอย่างสำรวจก็ไปหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงานขนาดใหญ่มีกรอบรูปวางอยู่เธอถือวิสาสะในขณะที่เจ้าของห้องไม่อยู่หยิบมันขึ้นมาดูก็ไม่ใช่ภาพใครที่ไหนเป็นภาพเจ้าของห้องซึ่งเธอก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าดูดีมาก เขาหล่อ เท่อย่างที่เพื่อนเธอพูดไว้จริงๆเธอเผลอเอามือไปจับบนใบหน้าในรูปอย่างลืมตัว

    "ทำอะไร"เสียงเวพัฒน์เอ่ยพอเข้ามาเห็นหญิงสาวหยิบรูปเขาขึ้นมา ทำเอาคนที่ยืนดูรูปอยู่สะดุ้งเล็กน้อย เธอรีบว่างกรอบรูปไว้ที่เดิมแล้วนั่งลงในที่ของเธอ

    "เปล่า" 

    "เปล่าอะไร ก็เห็นอยู่ว่าทำ ผมหล่อล่ะสิ" เวพัฒน์จะแกล้งหญิงสาว เขาพูดในขณะเดินไปนั่งประจำที่ของตัวเอง คำพูดหลังเขาตั้งใจจะให้เธอเขิลแล้วมันก็เป็นจริงเธอหน้าแดงจนเขาอดยิ้มไม่ได้

    "ฉันไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย ก็แค่เห็นกรอบรูปก็เลยหยิบมาดูที่ไหนได้เป็นรูปคนบ้ากามนี่เอง" เธอแกล้งคืนที่เขาริอาจทำให้เธอเขิล แต่คำพูดของเธอมันทำให้เธอเดือนร้อน เวพัฒน์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีเขาอ้อมตัวไปหาหญิงสาวมือสองข้างจับไว้ที่ขอบเก้าอี้เพื่อไม่ให้เธอหนี เขาโน้มใบหน้าหล่อลงมาใกล้เธอ

    "คุณว่าไรนะ ให้พูดอีกที" ชายหนุ่มไม่พูดเปล่าเขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนจมูกจะชนกับจมูกหญิงสาว เธอไม่กล้าสบตาชายหนุ่มและพยายามหนีหน้า เธอเอนตัวจนเก้าอี้เกือบหงายหลังแต่เวพัฒน์ก็ไม่ยอมหยุดยิ่งเธอหลบเขาก็ยิ่งใกล้ เธอหันหน้าหนีเมื่อเขาโน้มลงมาอีกทำให้จมูกเวพัฒน์อยู่ใกล้แก้มขาวเนียมจนได้กลิ่น มันไม่ใช้กลิ่นเครื่องสำอาดค์หรือน้ำหอมแต่เป็นกลิ่มแป้งเด็ก หญิงสาวรับรู้ได้ว่าจมูกชายหนุ่มอยู่เฉียดไปเฉียดมาจากแก้มของเธอ หัวใจเธอเต้นแรงขึ้นและขนลุกอย่างบอกไม่ถูกแต่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเวพัฒน์ที่ตอนแรกคิดจะแกล้งหญิงสาวแต่กลับเป็นเขาซะเองที่หัวใจเต้นแรงมาก ความหอมของแก้มเนียนและกลิ่นกายสาวทำให้เขาเกือบควบคุมตัวเองไม่ได้ความเป็นชายของเขาตื่นตัวขึ้นอย่างยากที่จะควบคุม จนเป็นเขาซะเองที่ต้องผลักออกจะหญิงสาวตรงหน้าก่อนที่เขาจะทำอะไรเธอ เวพัฒน์ผลักออกจากเก้าอี้เขาหันหลังให้เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติกลับคืนมาแล้วกลับไปนั่งที่เดิม ส่วนเมยาวีเธอพ่นลมหายใจออกยาวๆเหมือนโล่งอก เขามองตาเธออย่างจ้องตาโดยที่เธอก็พยายามหันหนีในห้องเงียบสนิทไม่มีใครพูดเกือนห้านาที เป็นเวพัฒน์ที่เริ่มเปิดประเด็นก่อน

    "ผมหวังว่าคำตอบ คงจะเป็นที่น่าพอใจนะ" เวพัฒน์ปรับอารมณ์ได้เกือบเป็นปกติ

    "ฉันตกลง ทำตามเงื่อนไขของคุณ"เมยาวีเอ่ยแล้ววางซองเอกสารตรงหน้าเธอเปิดออกเองแล้วยื่นให้ชายหนุ่ม

    "นี่เป็นสัญญาระหว่างเรา ในสัญญาระบุว่าฉันจะทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของคุณเป็นระยะเวลาหนึ่งปี พอคบหนึ่งปีคุณจะขายบ้านรัตนธนากูลให้ฉันทันทีในราคาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่คุณซื้อมาและฉันก็สามารถผ่อนให้คุณได้เท่าไรก็ได้โดยที่คุณจะไม่คิดดอกเบี้ย" เวพัฒน์อดขำไม่ได้ที่หญิงสาวร่างสัญญานี้ขึ้นมาเขาหยิบมาอ่านแล้วหัวเราะ

    "หัวเราะอะไร หัวเราะเสร็จก็เซ็นต์ซะ มีสองฉบับของคุณและของฉัน ฉันเซ็นต์เรียบร้อยแล้ว" เมยาวีเอ่ยเธอไม่ค่อยพอใจนักที่เวพัฒน์หัวเราะสัญญาที่เธอทำขึ้น

    "แล้วถ้าคุณลาออกก่อนหนึ่งปีล่ะ หรือคุณทำงานไม่ได้เรื่องจนผมต้องไล่คุณออกจะทำอย่างไง"

    "ฉันยินดีจะให้คุณรื้อบ้านรัตนธนากูลได้เลย" เธอพูดอย่างมั่นใจเพราะเธอจะไม่มีวันลาออกไม่มีวันให้มันเกิดขึ้น เวพัฒน์พยักหน้ากับเหตุผลของเธอก่อนที่จะจรดปลายปากกาลงบนเอกสารทั้งสองฉบับ

    "จะไม่สมบูรณ์ถ้าเอกสารฉบับนี้ไม่มีพยาน คุณโทรตามเลขาคุณเข้ามาหน่อย" เวพัฒน์คาดไม่ถึงว่าเธอจะรอยคอบเช่นนี้ เข้ายกหูโทรศัพท์หาเลขาหน้าห้อง

    "คุณพิมพ์ เรียกวิมุติให้เข้ามาหาผมหน่อย" เมยาวีที่ฟังอยู่พอจะรู้ว่าคนที่จะเข้ามาไม่ใช่เลขาหน้าห้องแต่ตอนนี้เขาก็ไม่สนใจขอแค่ใครก็ได้ที่มาเซ็นต์เป็นพยายามในสัญญาสองฉบับแค่นี้ก็สมบูรณ์ เสียงเคาะประตูดังขึ้น

    "นายมีอะไรหรือเปล่าครับ"วิมุติเอ่ย

    "เซ็นต์ชื่อในเอกสารสองฉบับนี้หน่อย"เวพัฒน์เอ่ยก่อนจะชี้ให้วิมุติมาเซ็นต์ที่โต๊ะทำงานเขา ลูกน้องคนสนิทถึงกับ งง 

    "เอ่อ..อะไรหรอครับ"
    "เซ็นต์ไปเหอะ แกไม่เดือนร้อนหรอก"

    "ครับๆ ตรงไหนครับ"

    "นี่ค่ะ"เมยาวีซึ่งนั่งฟังอยู่ ชี้ให้วิมุตเซ็นต์ตรงที่เขียนว่าพยาน วิมุติพยักหน้าแล้วรีบเซ็นต์ทั้งสองฉบับ

    "เรียบร้อยแล้วครับ"

    "เสร็จแล้วก็ออกไปได้" 

    "ครับ" วิมุตตอบรับเจ้านายก่อนหันไปหาเมยาวีเขาก้มศรีษะให้หญิงสาวอย่างสุภาพโดยเมยาวีก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและดีใจที่สัญญาสองฉบับนี้ในที่สุดก็สมบูรณ์ รอยยิ้มที่หญิงสาวยิ้มให้วิมุตทำให้เวพัฒน์ฉุนไม่น้อยเขาเห็นรอยยิ้มนั้นแต่เธอไม่ได้ยิ้มให้เขา

    "ไปได้แล้ว" เวพัฒน์เอ่ยไล่ลูกน้อง

    "เรียบร้อยล่ะ งั้นฉันกลับล่ะ" เมยาวีพูดจบก่อนจะหยิบกระเป๋ามาสะพาย

    "เดี๋ยว คุณจะเริ่มงานได้เมื่อไร"

    "อีกสองอาทิตย์ ฉันสอบเสร็จพอดี" คำตอบของเมยาวีทำให้เวพัฒน์มีรอยยิ้มที่มุมปากนี่เธอคงไม่รู้ว่าเขามีตารางสอนเธอแล้วก็มีตารางสอบเธอด้วย

    "แน่ใจหรอว่าสอบเสร็จสองอาทิตย์" เูวพัฒน์ถามแบบรู้ทัน เขารู้ว่าเธอโกหก ตารางสอบที่เขาเห็นเธอสอบแค่อาทิตย์เดียวก็เสร็จ แต่ก็เอาเหอะยังไงเธอก็ต้องมาทำงานกับเขาอยู่แล้ว

    "แน่ใจ คุณลองอ่านในสัญญาดูซิฉันระบุวันเริ่มทำงานและวันสิ้นสุดไว้ด้วย" เวพัฒน์หยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้งแล้วก็เป็นจริงเธอใส่เอาไว้

    "งั้นก็ตามสัญญานะค่ะ สวัสดีค่ะ" พูดจบเธอก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทันที ทิ้งให้คนนั่งเป็นท่านประธานอึ้งอยู่คนเดียว

    "ร้ายนักนะ" เวพัฒน์เอ่ยเมื่อเธอออกจากห้อง





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×