ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เล่ห์ร้าย 1 100% แก้ไขคำผิด
เมยาวีเข้ามาในห้องเธอเดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังเล็กน้อย ถอนหายใจออกยาวๆเหมือนว่าผ่านเรื่องเหนื่อยๆมาทั้งวัน เธอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าภาพที่รถชนวิ่งเข้ามาในหัวและยิ่งอารมณ์เสียเมื่อภาพรอยจูบที่คอ และคอเสื้อของเวพัฒน์
"ทุเรศ ทุเรศที่สุด นัวกันในรถยังไม่พอทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก" เมยาวี สบถ ออกมาอย่างอารมณ์เสีย ในขนาดที่สายตามองไปเห็นหนังสืออะไรสักอย่างวางอยู่บนโต็ะโซฟา เธอลองหยิบมาดูจึงพบว่าเป็นนิตรสารที่ขวัญข้าวลืมไว้แต่มันจะไม่อารมณ์เสียขึ้นถ้าคนในน่าปกนิตรสารไม่เป็นคนที่เธอกำลังนึกถึง ภาพชายหนุ่มใส่สูทเป็นนักธุรกิจเต็มตัวและรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ยิ่งบวกกับรูปร่างที่สูง เท่ หน้าตาหล่อ คิ้ว ปาก จมูกลงตัวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก เธอมองแล้วเอ่ยต่อ กับหนังสือที่อยู่ในมือ
"นี่ ยังตามมาหลอกกันอีกหรอเนี้ย " เธอมองดูใบหน้าหล่ออย่างวิจารณ์
"หล่อตรงไหน ก็แค่สูง ขาว คิวเข้ม จมูกโด่ง ปากกระจับ แค่เนี้ยหล่อตรงไหน หน้ามนอย่างกะผู้หญิง" เธอวางนิตรสารกระแทกลงโซฟาอย่างอารมณ์ แล้วตะโกนใส่น่าปกนิตรสารที่มีรูปชายหนุ่มยืนยิ้ม
"อย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้บ้ากาม"
เช้านี้ในห้องทำงานเวพัฒน์ประธานบริษัทต้องเซ็นต์เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะถึงสามแฟ้มแต่คนเซ็นต์ที่มีปากกาอยู่ในมือก็ยังไม่จรดลงเอกสารสักแผ่น ชายหนุ่มนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานภาพของเมยาวียืนด่าเขาฉอดๆต่อปากต่อคำกับไปรยาทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้
"ปากเก่งจังนะ แม่สาวพริตตี้"เขาเอ่ยอย่างอารมณ์เมื่อภาพนั้นปรากฏในหัว ในขณะที่เวัฒน์กำลังนั่งคิดถึงหญิงสาวอยู่เพลินๆ วิมุตลูกน้องคนสนิทก็เคาะประตูเข้ามา
"มีอะไรวิมุติ"เวพัฒน์ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด
"ประวัติของพริตตี้สาวคนนั้นที่นายอยากได้ครับ"วิมุติเอ่ย พร้อมยืนซองเอกสารสีน้ำให้
"ช้าไปหรือป่าว วิมุติ" เวพัฒน์เอ่ยเพราะรู้สึกว่ามันช้าไปจริงๆเขาอยากจะได้ประวัติเธอตั้งวันนั้นแล้ว แล้วนี่มันก็ผ่านมาสองสามวันแล้วด้วย
"จริงๆแล้วถ้าเอาแค่ประวัติเธอที่เธอกรอกเป็นพริตตี้ วันนั้นก็ได้แล้วครับแต่นี่เป็นประวัติอย่างละเอียดพร้อมรูปถ่ายด้วยครับ"วิมุตสาธยายเพราะกลัวเจ้านายดุว่าทำงานช้า
"ละเอียดอย่างไง"เวพัฒน์ถามอย่างสงสัย
"นายลองเปิดดูซิครับ"วิมุติลุ้นอยากให้เจ้านายเปิดดูผลงานของตน
เวพัฒน์เปิดซองเอกสารหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาอ่านเป็นประวัติของเธอและมีรูปแปะไม่บอกก็รู้ว่านี่คือประวัติที่เธอใช้สมัครเป็นพริตตี้ แล้วยังมีรูปถ่ายเธอเองหลายรูปในกิริยาบทต่างๆเวพัฒน์ไล่ดูรูปไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าเขากำลังยิ้มอยู่จนลูกน้องคนสนิทที่ยืนมองอยู่สังเกตุได้ เขาไล่ดูรูปจนมาถึงรูปที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นลิฟท์กับเธอ และอีกรูปชายหนุ่มกับเธออยู่หน้าห้อง ยืนคุยแล้วยิ้มให้กัน ในภาพถ่ายให้รอยยิ้มของหญิงสาวชัดเจน รอยยิ้มน่ารักเต็มไปด้วยความสุขทำให้โลกสดใสเธอยิ้มให้กับผู้คนนั้นอีกภาพเป็นภาพที่ชายหนุ่มและหญิงสาวบ๊ายบายกัน เวพัฒน์พอจะเด่าออกว่าชายหนุ่มคงมาส่งหญิงสาวที่คอนโด
"คงจะซื้อคอนโดให้กัน"เวพัฒน์อุทานออกมาอย่างหัวเสีย ทีกับเขาเสนอเงินให้เป็นล้านกับเล่นตัวอยากได้มากกว่านี้ก็ไม่บอก เวพัฒน์คิดในใจ เวพัฒน์ดูมาถึงรูปสุดท้ายเป็นภาพที่ชายหนุ่มคนเดิมกับหญิงสาวยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
"หึ จะเปลี่ยนจะคอนโดมาซื้อคฤหาสน์ให้กันเลยหรอ" เวพัฒน์พูดด้วยความรู้สึกโกรธที่เห็นเธอยืนเคียงข้างคนอื่น
"นี่คงจะจับคนกระเป๋าหนักซินะ ไอ้หมอนี่มันก็ใส่ชุดมหาลัย " เวพัฒน์พูดกับตัวเองโดยที่คิ้วก็อขมวดด้วยความสงสัย คำพูดที่หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มทุกคน วิมุตซึ่งยืนดูอยู่ได้ยิงทั้งหมดอดยิ้มไม่ได้ว่าเจ้าเขาเป็นอะไรทำไมมีอาการแบบนี้
"มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอครับ นายลองอ่านรายงานกระดาษอีกแผ่นซิบครับที่อยู่ข้างในซอง"วิมุตเริ่มชี้แจ้งก่อนที่นายเขาจะคิดไปไกล
เวพัฒน์หยิบกระดาษแผ่นที่ลูกน้องเขาว่ามาอ่านโดยมีวิมุติที่สรุปอีกที
"ผมไปเห็นเธอไปยืนมองบ้านหลังนั้นสองครั้งแล้วครับ ครั้งแรกไปกับเพื่อนผู้หญิงครับ " วิมุติเน้นคำว่าผู้หญิงอย่างล้อเจ้านาย ทำให้เวพัฒน์รู้สึกได้ เขาเงยหน้ามามองอย่างปรามลูกน้องว่ารู้ทัน
"ต่อ" เวพัฒน์เอ่ยอย่างวางฟอร์ม
"แล้วครั้งที่สองก็ผู้ชายที่อยู่ในรูปนี่ล่ะครับ ผมก็เลยไปสืบซะเลยได้ความว่าคุณเมยาวีจะมายืนดูบ้านหลังนี่เกือบทุกอาทิตย์หลังเลิกเรียนหรือไม่ก็หลังเลิกงานพริตตี้ครับ แล้วทำไมถึงต้องมาเกือบทุกอาทิตย์ ผมก็ทำสรุปไว้ในรายงานกระดาษแผ่นนั้นแล้วครับ" วิมุติพูดถึงกระดาษที่อยู่ในมือเจ้านายโดยที่คนจับกระดาษก็คงอ่านรายละเอียดที่ลูกน้องเขาสรุปมาให้ อย่างกับรายงานการประชุม
เวพัฒน์อ่านรายงานที่ลูกน้องสรุปมาให้เขาอ่านจบอย่างมีแผน รอยยิ้มที่มุมปากสายตาเจ้าเล่ห์ที่วิมุติสัมผัสได้เขามองเจ้านายอย่างสงสัย
"วิมุติ นายไปติดต่อซื้อบ้านหลังนั้นมาในนามของฉัน ไม่ว่ามันจะราคาเท่าไรฉันก็จะซื้อ" เวพัฒน์สั่งการลูกน้อง
"ซื้อมาทำไมหรอครับนาย บ้านนายก็มีตั้งหลายหลังปกติยังไปนอนไม่ทั่วทุกหลังเลยนะครับ" วิมุติถามอย่างสงสัยเขาเด่าไม่ถูกจริงๆ
"ไม่ต้องถาม ไปทำตามคำสั่ง ไป"เวพัฒน์ไล่ลูกน้องที่ชอบสงสัย
"ครับนาย" วิมุติรับคำอย่างสงสัย
วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเมยาวีมีคาบเรียนทั้งวันยิ่งอาจารย์นัดสอนตอนเย็นเพิ่มอีกเพราะใกล้สอบแล้วอาจารย์บางท่านยังสอนไม่ทัน เธอมาถึงคอนโดเกือบสองทุ่มนอนเอนหลังที่โซฟาเพื่อพักเหนื่อย โดยวันนี้ไม่มีเพื่อนซี้อย่างขวัญข้าวกลับมาด้วยเธอมาส่งเมยาวีแล้วก็กลับบ้านเพราะที่บ้านมีญาติมาจากต่างจังหวัดเธอจึงไม่ได้มาอ่านหนังสือที่คอนโด เมยาวีกำลังยกแก้วน้ำดื่ม เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ต้องวางแก้วที่อยู่ในมือลงควานหาเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เธอมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเบอร์ที่โทรเข้ามาบ่งบอกว่าเธอไม่รู้จัก
"ใครกัน หรือว่าติดต่องาน" เธอพูดกับตัวเองก่อนรับสาย
"สวัสดีค่ะ เมยาวีค่ะ" เธอเอ่ยอย่างสุภาพ เธอนิ่งฟังปลายทางอยู่สักพัก ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาทำให้เธอต้องพูดซ้ำอีกครั้ง
"ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ได้ยินไหมค่ะ"
"ผมเอง"เวพัฒน์เอ่ย เมยาวีก็ยังสงสัยว่าใครเสียงคุ้นๆแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคือใคร
"ผมเองอ่ะ ใครค่ะ"เธอถามอย่างสงสัย
"เวพัฒน์ เลิศวงค์วิทยา"เวพัฒน์เอ่ยอย่างเต็มยศ เมยาวีอึ้งไปช่วงขณะเธอไม่คิดว่าเขาจะโทรมาแล้วจะโทรมาได้อย่างไงในเมื่อเธอไม่เคยให้เบอร์ หรือจะเป็นเรื่องที่่รถชนแต่เธอจำได้ว่าเธอให้เบอร์กับประกันไม่ใช่เขา หรือว่าจะมาคุยเรื่องอย่างว่า ทุเรศสิ้นดี เมยาวีคิดไปต่างๆนานา
"คุณมีธุระอะไร แล้วได้เบอร์ฉันมาได้อย่างไง "เมยาวีถามออกไปตรงๆ
"ผมมีธุระแน่ แต่จะได้เบอร์คุณมาได้อย่างไงคงไม่ต้องตอบ"เวพัฒน์เอ่ยเสียงเรียบคำพูดแอบกวนหญิงสาวให้โมโห แล้วเธอก็โมโหจริงๆกับประโยคที่ได้ยิน
"งั้นก็แค่นี้นะค่ะ เพราะฉันไม่มีธุระจะคุยกับคุณ"เธอจบกำลังจะวางหูแต่เสียงเวพัฒน์ก็พูออกมาในโทรศัพท์ทำให้คนฟังต้องเอาโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อน ผมมีธุระเรื่องบ้านรัตนธนากูล"
เมยาวีได้คำว่ารัตนธนากูลเธอรีบฟังทันที และในขณะเดียวกันเธอก็ งง ว่าเขาพูดถึงบ้านหลังนี้ทำไม
"คุณว่าไงนะ บ้านรัตนธนากูลทำไม" เธอถามอย่างสงสัย
"คุณไม่รีบวางแล้วหรอ"เวพัฒน์ยังกวนเธอ เขายิ้มทันทีที่เมยาวีสนใจ
"คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บ้านรัตนธนากูลทำไม"เมยาวีเริ่มมีอารมณ์เธอถามเสียแข็งคาดคั้งอยากรู้
"ถ้าคุณอยากรู้ พรุ่งนี้มาพบผมที่บริษัทเก้าโมงเช้า"
"ทำไมฉันต้องไปด้วย"
"ถ้าคุณไม่มาบ้านรัตนธนากูลอาจ..."เสียงหัวเราะในลำคอของเวพัฒน์ทำคนฟังขนลุก
"บ้านรัตนธนากูลทำไม คุณจะทำอะไร"เมยาวีถามด้วยความเป็นห่วงบ้านของเธอ
"ถ้าคุณอยากรู้พรุ่งนี้ก็มาเจอผม"
"ฉันไม่ว่างมีเรียน"เมยาวีนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งเธอมีเรียนเช้า
"งั้นก็ตามใจ"เวพัฒน์เอ่ยอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
"ฉันขอเป็นตอนบ่ายได้ไหม ตอยบ่ายฉันจะไปพบคุณ"เมยาวีไม่รู้จะทำอย่างไงเธออยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับบ้านของเธอซึ่งเธอจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ตกไปอยู่กับใครเด็ดขาด
"แล้วทำไมผมต้องทำตามคุณด้วย"เวพัฒน์ยังจะกวนหญิงสาวโดยอารมณ์ดีที่รู้ว่าเธอจะมาพรุ่งนี้
"ฉันขอ พรุ่งตอนบ่าย นะค่ะ"เมยาวีพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อต่อรองกับเขา
"ก็ได้ พรุ่งนี้บ่ายถ้าคุณไม่มาผมจะถือว่าคุณไม่สนใจบ้านหลังนี้แล้วเพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ได้"
"อย่านะ คุณห้ามทำอะไรบ้านหลังหลังนี้เด็ดขาด พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกัน สวัสดีค่ะ" เมยาวีพูดจบเธอวางหูทันที
"ตาบ้านั้นรู้เรื่องบ้านได้อย่างไง แล้วเขาจะทำอะไร"เมยาวีพูดคนเดียวอย่างสงสัย ในขณะที่ตอนนี้เวพัฒน์นอนเอนหลังอยู่ที่ห้องนอนอย่างอารมณ์ดีที่แผนล่อเสือออกจากถามสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว
"ทุเรศ ทุเรศที่สุด นัวกันในรถยังไม่พอทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก" เมยาวี สบถ ออกมาอย่างอารมณ์เสีย ในขนาดที่สายตามองไปเห็นหนังสืออะไรสักอย่างวางอยู่บนโต็ะโซฟา เธอลองหยิบมาดูจึงพบว่าเป็นนิตรสารที่ขวัญข้าวลืมไว้แต่มันจะไม่อารมณ์เสียขึ้นถ้าคนในน่าปกนิตรสารไม่เป็นคนที่เธอกำลังนึกถึง ภาพชายหนุ่มใส่สูทเป็นนักธุรกิจเต็มตัวและรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ยิ่งบวกกับรูปร่างที่สูง เท่ หน้าตาหล่อ คิ้ว ปาก จมูกลงตัวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก เธอมองแล้วเอ่ยต่อ กับหนังสือที่อยู่ในมือ
"นี่ ยังตามมาหลอกกันอีกหรอเนี้ย " เธอมองดูใบหน้าหล่ออย่างวิจารณ์
"หล่อตรงไหน ก็แค่สูง ขาว คิวเข้ม จมูกโด่ง ปากกระจับ แค่เนี้ยหล่อตรงไหน หน้ามนอย่างกะผู้หญิง" เธอวางนิตรสารกระแทกลงโซฟาอย่างอารมณ์ แล้วตะโกนใส่น่าปกนิตรสารที่มีรูปชายหนุ่มยืนยิ้ม
"อย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้บ้ากาม"
เช้านี้ในห้องทำงานเวพัฒน์ประธานบริษัทต้องเซ็นต์เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะถึงสามแฟ้มแต่คนเซ็นต์ที่มีปากกาอยู่ในมือก็ยังไม่จรดลงเอกสารสักแผ่น ชายหนุ่มนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานภาพของเมยาวียืนด่าเขาฉอดๆต่อปากต่อคำกับไปรยาทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้
"ปากเก่งจังนะ แม่สาวพริตตี้"เขาเอ่ยอย่างอารมณ์เมื่อภาพนั้นปรากฏในหัว ในขณะที่เวัฒน์กำลังนั่งคิดถึงหญิงสาวอยู่เพลินๆ วิมุตลูกน้องคนสนิทก็เคาะประตูเข้ามา
"มีอะไรวิมุติ"เวพัฒน์ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด
"ประวัติของพริตตี้สาวคนนั้นที่นายอยากได้ครับ"วิมุติเอ่ย พร้อมยืนซองเอกสารสีน้ำให้
"ช้าไปหรือป่าว วิมุติ" เวพัฒน์เอ่ยเพราะรู้สึกว่ามันช้าไปจริงๆเขาอยากจะได้ประวัติเธอตั้งวันนั้นแล้ว แล้วนี่มันก็ผ่านมาสองสามวันแล้วด้วย
"จริงๆแล้วถ้าเอาแค่ประวัติเธอที่เธอกรอกเป็นพริตตี้ วันนั้นก็ได้แล้วครับแต่นี่เป็นประวัติอย่างละเอียดพร้อมรูปถ่ายด้วยครับ"วิมุตสาธยายเพราะกลัวเจ้านายดุว่าทำงานช้า
"ละเอียดอย่างไง"เวพัฒน์ถามอย่างสงสัย
"นายลองเปิดดูซิครับ"วิมุติลุ้นอยากให้เจ้านายเปิดดูผลงานของตน
เวพัฒน์เปิดซองเอกสารหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาอ่านเป็นประวัติของเธอและมีรูปแปะไม่บอกก็รู้ว่านี่คือประวัติที่เธอใช้สมัครเป็นพริตตี้ แล้วยังมีรูปถ่ายเธอเองหลายรูปในกิริยาบทต่างๆเวพัฒน์ไล่ดูรูปไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าเขากำลังยิ้มอยู่จนลูกน้องคนสนิทที่ยืนมองอยู่สังเกตุได้ เขาไล่ดูรูปจนมาถึงรูปที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นลิฟท์กับเธอ และอีกรูปชายหนุ่มกับเธออยู่หน้าห้อง ยืนคุยแล้วยิ้มให้กัน ในภาพถ่ายให้รอยยิ้มของหญิงสาวชัดเจน รอยยิ้มน่ารักเต็มไปด้วยความสุขทำให้โลกสดใสเธอยิ้มให้กับผู้คนนั้นอีกภาพเป็นภาพที่ชายหนุ่มและหญิงสาวบ๊ายบายกัน เวพัฒน์พอจะเด่าออกว่าชายหนุ่มคงมาส่งหญิงสาวที่คอนโด
"คงจะซื้อคอนโดให้กัน"เวพัฒน์อุทานออกมาอย่างหัวเสีย ทีกับเขาเสนอเงินให้เป็นล้านกับเล่นตัวอยากได้มากกว่านี้ก็ไม่บอก เวพัฒน์คิดในใจ เวพัฒน์ดูมาถึงรูปสุดท้ายเป็นภาพที่ชายหนุ่มคนเดิมกับหญิงสาวยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่
"หึ จะเปลี่ยนจะคอนโดมาซื้อคฤหาสน์ให้กันเลยหรอ" เวพัฒน์พูดด้วยความรู้สึกโกรธที่เห็นเธอยืนเคียงข้างคนอื่น
"นี่คงจะจับคนกระเป๋าหนักซินะ ไอ้หมอนี่มันก็ใส่ชุดมหาลัย " เวพัฒน์พูดกับตัวเองโดยที่คิ้วก็อขมวดด้วยความสงสัย คำพูดที่หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มทุกคน วิมุตซึ่งยืนดูอยู่ได้ยิงทั้งหมดอดยิ้มไม่ได้ว่าเจ้าเขาเป็นอะไรทำไมมีอาการแบบนี้
"มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอครับ นายลองอ่านรายงานกระดาษอีกแผ่นซิบครับที่อยู่ข้างในซอง"วิมุตเริ่มชี้แจ้งก่อนที่นายเขาจะคิดไปไกล
เวพัฒน์หยิบกระดาษแผ่นที่ลูกน้องเขาว่ามาอ่านโดยมีวิมุติที่สรุปอีกที
"ผมไปเห็นเธอไปยืนมองบ้านหลังนั้นสองครั้งแล้วครับ ครั้งแรกไปกับเพื่อนผู้หญิงครับ " วิมุติเน้นคำว่าผู้หญิงอย่างล้อเจ้านาย ทำให้เวพัฒน์รู้สึกได้ เขาเงยหน้ามามองอย่างปรามลูกน้องว่ารู้ทัน
"ต่อ" เวพัฒน์เอ่ยอย่างวางฟอร์ม
"แล้วครั้งที่สองก็ผู้ชายที่อยู่ในรูปนี่ล่ะครับ ผมก็เลยไปสืบซะเลยได้ความว่าคุณเมยาวีจะมายืนดูบ้านหลังนี่เกือบทุกอาทิตย์หลังเลิกเรียนหรือไม่ก็หลังเลิกงานพริตตี้ครับ แล้วทำไมถึงต้องมาเกือบทุกอาทิตย์ ผมก็ทำสรุปไว้ในรายงานกระดาษแผ่นนั้นแล้วครับ" วิมุติพูดถึงกระดาษที่อยู่ในมือเจ้านายโดยที่คนจับกระดาษก็คงอ่านรายละเอียดที่ลูกน้องเขาสรุปมาให้ อย่างกับรายงานการประชุม
เวพัฒน์อ่านรายงานที่ลูกน้องสรุปมาให้เขาอ่านจบอย่างมีแผน รอยยิ้มที่มุมปากสายตาเจ้าเล่ห์ที่วิมุติสัมผัสได้เขามองเจ้านายอย่างสงสัย
"วิมุติ นายไปติดต่อซื้อบ้านหลังนั้นมาในนามของฉัน ไม่ว่ามันจะราคาเท่าไรฉันก็จะซื้อ" เวพัฒน์สั่งการลูกน้อง
"ซื้อมาทำไมหรอครับนาย บ้านนายก็มีตั้งหลายหลังปกติยังไปนอนไม่ทั่วทุกหลังเลยนะครับ" วิมุติถามอย่างสงสัยเขาเด่าไม่ถูกจริงๆ
"ไม่ต้องถาม ไปทำตามคำสั่ง ไป"เวพัฒน์ไล่ลูกน้องที่ชอบสงสัย
"ครับนาย" วิมุติรับคำอย่างสงสัย
วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเมยาวีมีคาบเรียนทั้งวันยิ่งอาจารย์นัดสอนตอนเย็นเพิ่มอีกเพราะใกล้สอบแล้วอาจารย์บางท่านยังสอนไม่ทัน เธอมาถึงคอนโดเกือบสองทุ่มนอนเอนหลังที่โซฟาเพื่อพักเหนื่อย โดยวันนี้ไม่มีเพื่อนซี้อย่างขวัญข้าวกลับมาด้วยเธอมาส่งเมยาวีแล้วก็กลับบ้านเพราะที่บ้านมีญาติมาจากต่างจังหวัดเธอจึงไม่ได้มาอ่านหนังสือที่คอนโด เมยาวีกำลังยกแก้วน้ำดื่ม เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ต้องวางแก้วที่อยู่ในมือลงควานหาเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เธอมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเบอร์ที่โทรเข้ามาบ่งบอกว่าเธอไม่รู้จัก
"ใครกัน หรือว่าติดต่องาน" เธอพูดกับตัวเองก่อนรับสาย
"สวัสดีค่ะ เมยาวีค่ะ" เธอเอ่ยอย่างสุภาพ เธอนิ่งฟังปลายทางอยู่สักพัก ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาทำให้เธอต้องพูดซ้ำอีกครั้ง
"ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ได้ยินไหมค่ะ"
"ผมเอง"เวพัฒน์เอ่ย เมยาวีก็ยังสงสัยว่าใครเสียงคุ้นๆแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคือใคร
"ผมเองอ่ะ ใครค่ะ"เธอถามอย่างสงสัย
"เวพัฒน์ เลิศวงค์วิทยา"เวพัฒน์เอ่ยอย่างเต็มยศ เมยาวีอึ้งไปช่วงขณะเธอไม่คิดว่าเขาจะโทรมาแล้วจะโทรมาได้อย่างไงในเมื่อเธอไม่เคยให้เบอร์ หรือจะเป็นเรื่องที่่รถชนแต่เธอจำได้ว่าเธอให้เบอร์กับประกันไม่ใช่เขา หรือว่าจะมาคุยเรื่องอย่างว่า ทุเรศสิ้นดี เมยาวีคิดไปต่างๆนานา
"คุณมีธุระอะไร แล้วได้เบอร์ฉันมาได้อย่างไง "เมยาวีถามออกไปตรงๆ
"ผมมีธุระแน่ แต่จะได้เบอร์คุณมาได้อย่างไงคงไม่ต้องตอบ"เวพัฒน์เอ่ยเสียงเรียบคำพูดแอบกวนหญิงสาวให้โมโห แล้วเธอก็โมโหจริงๆกับประโยคที่ได้ยิน
"งั้นก็แค่นี้นะค่ะ เพราะฉันไม่มีธุระจะคุยกับคุณ"เธอจบกำลังจะวางหูแต่เสียงเวพัฒน์ก็พูออกมาในโทรศัพท์ทำให้คนฟังต้องเอาโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อน ผมมีธุระเรื่องบ้านรัตนธนากูล"
เมยาวีได้คำว่ารัตนธนากูลเธอรีบฟังทันที และในขณะเดียวกันเธอก็ งง ว่าเขาพูดถึงบ้านหลังนี้ทำไม
"คุณว่าไงนะ บ้านรัตนธนากูลทำไม" เธอถามอย่างสงสัย
"คุณไม่รีบวางแล้วหรอ"เวพัฒน์ยังกวนเธอ เขายิ้มทันทีที่เมยาวีสนใจ
"คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บ้านรัตนธนากูลทำไม"เมยาวีเริ่มมีอารมณ์เธอถามเสียแข็งคาดคั้งอยากรู้
"ถ้าคุณอยากรู้ พรุ่งนี้มาพบผมที่บริษัทเก้าโมงเช้า"
"ทำไมฉันต้องไปด้วย"
"ถ้าคุณไม่มาบ้านรัตนธนากูลอาจ..."เสียงหัวเราะในลำคอของเวพัฒน์ทำคนฟังขนลุก
"บ้านรัตนธนากูลทำไม คุณจะทำอะไร"เมยาวีถามด้วยความเป็นห่วงบ้านของเธอ
"ถ้าคุณอยากรู้พรุ่งนี้ก็มาเจอผม"
"ฉันไม่ว่างมีเรียน"เมยาวีนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งเธอมีเรียนเช้า
"งั้นก็ตามใจ"เวพัฒน์เอ่ยอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า
"ฉันขอเป็นตอนบ่ายได้ไหม ตอยบ่ายฉันจะไปพบคุณ"เมยาวีไม่รู้จะทำอย่างไงเธออยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับบ้านของเธอซึ่งเธอจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ตกไปอยู่กับใครเด็ดขาด
"แล้วทำไมผมต้องทำตามคุณด้วย"เวพัฒน์ยังจะกวนหญิงสาวโดยอารมณ์ดีที่รู้ว่าเธอจะมาพรุ่งนี้
"ฉันขอ พรุ่งตอนบ่าย นะค่ะ"เมยาวีพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อต่อรองกับเขา
"ก็ได้ พรุ่งนี้บ่ายถ้าคุณไม่มาผมจะถือว่าคุณไม่สนใจบ้านหลังนี้แล้วเพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ได้"
"อย่านะ คุณห้ามทำอะไรบ้านหลังหลังนี้เด็ดขาด พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกัน สวัสดีค่ะ" เมยาวีพูดจบเธอวางหูทันที
"ตาบ้านั้นรู้เรื่องบ้านได้อย่างไง แล้วเขาจะทำอะไร"เมยาวีพูดคนเดียวอย่างสงสัย ในขณะที่ตอนนี้เวพัฒน์นอนเอนหลังอยู่ที่ห้องนอนอย่างอารมณ์ดีที่แผนล่อเสือออกจากถามสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น