ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เล่ห์รักสาวพริตตี้

    ลำดับตอนที่ #6 : เล่ห์ร้าย 1 100% แก้ไขคำผิด

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 58


              เมยาวีเข้ามาในห้องเธอเดินไปนั่งที่โซฟาเอนหลังเล็กน้อย ถอนหายใจออกยาวๆเหมือนว่าผ่านเรื่องเหนื่อยๆมาทั้งวัน เธอนึกถึงเรื่องเมื่อเช้าภาพที่รถชนวิ่งเข้ามาในหัวและยิ่งอารมณ์เสียเมื่อภาพรอยจูบที่คอ และคอเสื้อของเวพัฒน์

    "ทุเรศ ทุเรศที่สุด นัวกันในรถยังไม่พอทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีก" เมยาวี สบถ ออกมาอย่างอารมณ์เสีย ในขนาดที่สายตามองไปเห็นหนังสืออะไรสักอย่างวางอยู่บนโต็ะโซฟา เธอลองหยิบมาดูจึงพบว่าเป็นนิตรสารที่ขวัญข้าวลืมไว้แต่มันจะไม่อารมณ์เสียขึ้นถ้าคนในน่าปกนิตรสารไม่เป็นคนที่เธอกำลังนึกถึง ภาพชายหนุ่มใส่สูทเป็นนักธุรกิจเต็มตัวและรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น ยิ่งบวกกับรูปร่างที่สูง เท่ หน้าตาหล่อ คิ้ว ปาก จมูกลงตัวยิ่งกว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก เธอมองแล้วเอ่ยต่อ กับหนังสือที่อยู่ในมือ

    "นี่ ยังตามมาหลอกกันอีกหรอเนี้ย " เธอมองดูใบหน้าหล่ออย่างวิจารณ์

    "หล่อตรงไหน ก็แค่สูง ขาว คิวเข้ม จมูกโด่ง ปากกระจับ แค่เนี้ยหล่อตรงไหน หน้ามนอย่างกะผู้หญิง" เธอวางนิตรสารกระแทกลงโซฟาอย่างอารมณ์ แล้วตะโกนใส่น่าปกนิตรสารที่มีรูปชายหนุ่มยืนยิ้ม

    "อย่าได้เจอกันอีกเลย ไอ้บ้ากาม"

                 เช้านี้ในห้องทำงานเวพัฒน์ประธานบริษัทต้องเซ็นต์เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะถึงสามแฟ้มแต่คนเซ็นต์ที่มีปากกาอยู่ในมือก็ยังไม่จรดลงเอกสารสักแผ่น ชายหนุ่มนั่งเหม่อคิดถึงเรื่องเมื่อวานภาพของเมยาวียืนด่าเขาฉอดๆต่อปากต่อคำกับไปรยาทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้

    "ปากเก่งจังนะ แม่สาวพริตตี้"เขาเอ่ยอย่างอารมณ์เมื่อภาพนั้นปรากฏในหัว ในขณะที่เวัฒน์กำลังนั่งคิดถึงหญิงสาวอยู่เพลินๆ วิมุตลูกน้องคนสนิทก็เคาะประตูเข้ามา 

    "มีอะไรวิมุติ"เวพัฒน์ปรับอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด 

    "ประวัติของพริตตี้สาวคนนั้นที่นายอยากได้ครับ"วิมุติเอ่ย พร้อมยืนซองเอกสารสีน้ำให้

    "ช้าไปหรือป่าว วิมุติ" เวพัฒน์เอ่ยเพราะรู้สึกว่ามันช้าไปจริงๆเขาอยากจะได้ประวัติเธอตั้งวันนั้นแล้ว แล้วนี่มันก็ผ่านมาสองสามวันแล้วด้วย

    "จริงๆแล้วถ้าเอาแค่ประวัติเธอที่เธอกรอกเป็นพริตตี้ วันนั้นก็ได้แล้วครับแต่นี่เป็นประวัติอย่างละเอียดพร้อมรูปถ่ายด้วยครับ"วิมุตสาธยายเพราะกลัวเจ้านายดุว่าทำงานช้า

    "ละเอียดอย่างไง"เวพัฒน์ถามอย่างสงสัย

    "นายลองเปิดดูซิครับ"วิมุติลุ้นอยากให้เจ้านายเปิดดูผลงานของตน

                เวพัฒน์เปิดซองเอกสารหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมาอ่านเป็นประวัติของเธอและมีรูปแปะไม่บอกก็รู้ว่านี่คือประวัติที่เธอใช้สมัครเป็นพริตตี้ แล้วยังมีรูปถ่ายเธอเองหลายรูปในกิริยาบทต่างๆเวพัฒน์ไล่ดูรูปไปเรื่อยๆโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าเขากำลังยิ้มอยู่จนลูกน้องคนสนิทที่ยืนมองอยู่สังเกตุได้ เขาไล่ดูรูปจนมาถึงรูปที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นลิฟท์กับเธอ และอีกรูปชายหนุ่มกับเธออยู่หน้าห้อง ยืนคุยแล้วยิ้มให้กัน ในภาพถ่ายให้รอยยิ้มของหญิงสาวชัดเจน รอยยิ้มน่ารักเต็มไปด้วยความสุขทำให้โลกสดใสเธอยิ้มให้กับผู้คนนั้นอีกภาพเป็นภาพที่ชายหนุ่มและหญิงสาวบ๊ายบายกัน เวพัฒน์พอจะเด่าออกว่าชายหนุ่มคงมาส่งหญิงสาวที่คอนโด

    "คงจะซื้อคอนโดให้กัน"เวพัฒน์อุทานออกมาอย่างหัวเสีย ทีกับเขาเสนอเงินให้เป็นล้านกับเล่นตัวอยากได้มากกว่านี้ก็ไม่บอก เวพัฒน์คิดในใจ เวพัฒน์ดูมาถึงรูปสุดท้ายเป็นภาพที่ชายหนุ่มคนเดิมกับหญิงสาวยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่

    "หึ จะเปลี่ยนจะคอนโดมาซื้อคฤหาสน์ให้กันเลยหรอ" เวพัฒน์พูดด้วยความรู้สึกโกรธที่เห็นเธอยืนเคียงข้างคนอื่น

    "นี่คงจะจับคนกระเป๋าหนักซินะ ไอ้หมอนี่มันก็ใส่ชุดมหาลัย " เวพัฒน์พูดกับตัวเองโดยที่คิ้วก็อขมวดด้วยความสงสัย คำพูดที่หลุดออกมาจากปากชายหนุ่มทุกคน วิมุตซึ่งยืนดูอยู่ได้ยิงทั้งหมดอดยิ้มไม่ได้ว่าเจ้าเขาเป็นอะไรทำไมมีอาการแบบนี้

    "มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอครับ นายลองอ่านรายงานกระดาษอีกแผ่นซิบครับที่อยู่ข้างในซอง"วิมุตเริ่มชี้แจ้งก่อนที่นายเขาจะคิดไปไกล

        เวพัฒน์หยิบกระดาษแผ่นที่ลูกน้องเขาว่ามาอ่านโดยมีวิมุติที่สรุปอีกที

    "ผมไปเห็นเธอไปยืนมองบ้านหลังนั้นสองครั้งแล้วครับ ครั้งแรกไปกับเพื่อนผู้หญิงครับ " วิมุติเน้นคำว่าผู้หญิงอย่างล้อเจ้านาย ทำให้เวพัฒน์รู้สึกได้ เขาเงยหน้ามามองอย่างปรามลูกน้องว่ารู้ทัน

    "ต่อ" เวพัฒน์เอ่ยอย่างวางฟอร์ม

    "แล้วครั้งที่สองก็ผู้ชายที่อยู่ในรูปนี่ล่ะครับ ผมก็เลยไปสืบซะเลยได้ความว่าคุณเมยาวีจะมายืนดูบ้านหลังนี่เกือบทุกอาทิตย์หลังเลิกเรียนหรือไม่ก็หลังเลิกงานพริตตี้ครับ แล้วทำไมถึงต้องมาเกือบทุกอาทิตย์ ผมก็ทำสรุปไว้ในรายงานกระดาษแผ่นนั้นแล้วครับ" วิมุติพูดถึงกระดาษที่อยู่ในมือเจ้านายโดยที่คนจับกระดาษก็คงอ่านรายละเอียดที่ลูกน้องเขาสรุปมาให้ อย่างกับรายงานการประชุม

                เวพัฒน์อ่านรายงานที่ลูกน้องสรุปมาให้เขาอ่านจบอย่างมีแผน รอยยิ้มที่มุมปากสายตาเจ้าเล่ห์ที่วิมุติสัมผัสได้เขามองเจ้านายอย่างสงสัย

    "วิมุติ นายไปติดต่อซื้อบ้านหลังนั้นมาในนามของฉัน ไม่ว่ามันจะราคาเท่าไรฉันก็จะซื้อ" เวพัฒน์สั่งการลูกน้อง 

    "ซื้อมาทำไมหรอครับนาย บ้านนายก็มีตั้งหลายหลังปกติยังไปนอนไม่ทั่วทุกหลังเลยนะครับ" วิมุติถามอย่างสงสัยเขาเด่าไม่ถูกจริงๆ

    "ไม่ต้องถาม ไปทำตามคำสั่ง ไป"เวพัฒน์ไล่ลูกน้องที่ชอบสงสัย

    "ครับนาย" วิมุติรับคำอย่างสงสัย

                  วันนี้ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเมยาวีมีคาบเรียนทั้งวันยิ่งอาจารย์นัดสอนตอนเย็นเพิ่มอีกเพราะใกล้สอบแล้วอาจารย์บางท่านยังสอนไม่ทัน เธอมาถึงคอนโดเกือบสองทุ่มนอนเอนหลังที่โซฟาเพื่อพักเหนื่อย      โดยวันนี้ไม่มีเพื่อนซี้อย่างขวัญข้าวกลับมาด้วยเธอมาส่งเมยาวีแล้วก็กลับบ้านเพราะที่บ้านมีญาติมาจากต่างจังหวัดเธอจึงไม่ได้มาอ่านหนังสือที่คอนโด เมยาวีกำลังยกแก้วน้ำดื่ม เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นเจ้าของโทรศัพท์ต้องวางแก้วที่อยู่ในมือลงควานหาเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพาย เธอมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเบอร์ที่โทรเข้ามาบ่งบอกว่าเธอไม่รู้จัก

    "ใครกัน หรือว่าติดต่องาน" เธอพูดกับตัวเองก่อนรับสาย

    "สวัสดีค่ะ เมยาวีค่ะ" เธอเอ่ยอย่างสุภาพ เธอนิ่งฟังปลายทางอยู่สักพัก ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาทำให้เธอต้องพูดซ้ำอีกครั้ง

    "ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ได้ยินไหมค่ะ"

    "ผมเอง"เวพัฒน์เอ่ย เมยาวีก็ยังสงสัยว่าใครเสียงคุ้นๆแต่เธอก็ไม่รู้ว่าคือใคร

    "ผมเองอ่ะ ใครค่ะ"เธอถามอย่างสงสัย

    "เวพัฒน์ เลิศวงค์วิทยา"เวพัฒน์เอ่ยอย่างเต็มยศ เมยาวีอึ้งไปช่วงขณะเธอไม่คิดว่าเขาจะโทรมาแล้วจะโทรมาได้อย่างไงในเมื่อเธอไม่เคยให้เบอร์ หรือจะเป็นเรื่องที่่รถชนแต่เธอจำได้ว่าเธอให้เบอร์กับประกันไม่ใช่เขา หรือว่าจะมาคุยเรื่องอย่างว่า ทุเรศสิ้นดี เมยาวีคิดไปต่างๆนานา

    "คุณมีธุระอะไร แล้วได้เบอร์ฉันมาได้อย่างไง "เมยาวีถามออกไปตรงๆ

    "ผมมีธุระแน่ แต่จะได้เบอร์คุณมาได้อย่างไงคงไม่ต้องตอบ"เวพัฒน์เอ่ยเสียงเรียบคำพูดแอบกวนหญิงสาวให้โมโห แล้วเธอก็โมโหจริงๆกับประโยคที่ได้ยิน

    "งั้นก็แค่นี้นะค่ะ เพราะฉันไม่มีธุระจะคุยกับคุณ"เธอจบกำลังจะวางหูแต่เสียงเวพัฒน์ก็พูออกมาในโทรศัพท์ทำให้คนฟังต้องเอาโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง

    "เดี๋ยวก่อน ผมมีธุระเรื่องบ้านรัตนธนากูล"

          เมยาวีได้คำว่ารัตนธนากูลเธอรีบฟังทันที และในขณะเดียวกันเธอก็ งง ว่าเขาพูดถึงบ้านหลังนี้ทำไม

    "คุณว่าไงนะ บ้านรัตนธนากูลทำไม" เธอถามอย่างสงสัย

    "คุณไม่รีบวางแล้วหรอ"เวพัฒน์ยังกวนเธอ เขายิ้มทันทีที่เมยาวีสนใจ

    "คุณไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง บ้านรัตนธนากูลทำไม"เมยาวีเริ่มมีอารมณ์เธอถามเสียแข็งคาดคั้งอยากรู้

    "ถ้าคุณอยากรู้ พรุ่งนี้มาพบผมที่บริษัทเก้าโมงเช้า"

    "ทำไมฉันต้องไปด้วย"

    "ถ้าคุณไม่มาบ้านรัตนธนากูลอาจ..."เสียงหัวเราะในลำคอของเวพัฒน์ทำคนฟังขนลุก

    "บ้านรัตนธนากูลทำไม คุณจะทำอะไร"เมยาวีถามด้วยความเป็นห่วงบ้านของเธอ

    "ถ้าคุณอยากรู้พรุ่งนี้ก็มาเจอผม"

    "ฉันไม่ว่างมีเรียน"เมยาวีนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งเธอมีเรียนเช้า

    "งั้นก็ตามใจ"เวพัฒน์เอ่ยอย่างผู้ที่อยู่เหนือกว่า

    "ฉันขอเป็นตอนบ่ายได้ไหม ตอยบ่ายฉันจะไปพบคุณ"เมยาวีไม่รู้จะทำอย่างไงเธออยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรกับบ้านของเธอซึ่งเธอจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้ตกไปอยู่กับใครเด็ดขาด

    "แล้วทำไมผมต้องทำตามคุณด้วย"เวพัฒน์ยังจะกวนหญิงสาวโดยอารมณ์ดีที่รู้ว่าเธอจะมาพรุ่งนี้

    "ฉันขอ พรุ่งตอนบ่าย นะค่ะ"เมยาวีพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อต่อรองกับเขา

    "ก็ได้ พรุ่งนี้บ่ายถ้าคุณไม่มาผมจะถือว่าคุณไม่สนใจบ้านหลังนี้แล้วเพราะฉะนั้นผมจะทำอะไรกับบ้านหลังนี้ก็ได้"

    "อย่านะ คุณห้ามทำอะไรบ้านหลังหลังนี้เด็ดขาด พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกัน สวัสดีค่ะ" เมยาวีพูดจบเธอวางหูทันที

    "ตาบ้านั้นรู้เรื่องบ้านได้อย่างไง แล้วเขาจะทำอะไร"เมยาวีพูดคนเดียวอย่างสงสัย ในขณะที่ตอนนี้เวพัฒน์นอนเอนหลังอยู่ที่ห้องนอนอย่างอารมณ์ดีที่แผนล่อเสือออกจากถามสำเร็จไปขั้นหนึ่งแล้ว


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×