ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ 100% แก้คำผิด
ณ บ้าน รัตนธนากูล เวลา 7 โมงเช้าซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนในบ้านจะมาทานอาหารเช้าพร้อมน่าพร้อมตา เสียงสาวใช้เรียกคุณหนูของบ้านอยู่หน้าประตู
"คุณหนูค่ะ คุณหนู แต่งตัวเสร็จหรือยังค่ะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะค่ะ"
"จ้า พี่มล เสร็จแล้ว " พร้อมเปิดประตูห้องออกมาหาคนตรงหน้า ยิ้มอย่างอารมณ์ดี "เรียบร้อย น่าร้ก ป่ะค่ะ เปิดเทอมวันแรก ต้องสวยกันหน่อย ฮ่าๆ"หญิงสาวพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี "เออ คุณพ่อคุณแม่ กลับมาหรือยังค่ะ เมื่อคืนหลับเพลินไม่ได้ยินเสียงรถเลย"
"ยังเลยค่ะ"สาวใช้ตอบในระหว่างเดินตามคุณหนูของบ้านลงบันไดเพื่อไปที่โต๊ะอาหาร คำตอบของสาวใช้ทำให้หญิงสาวนึกถึงเมื่อวานที่บิดามารดาโทรมาหาก่อนขึ้นเครื่อง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขนาดที่เธอนั่งดูทีวี เธอหันไปมองโทรศัพท์ด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา เธอไม่รอช้ารีบกดรับทันที
"คุณแม่ เมย์คิดถึงจังเลยค่ะ จะกลับหรือยังค่ะเนี่ย" น้ำเสียงความคิดถึงของหญิงสาวทำให้คนฟังยิ้มไม่หุบ
"ค่ะ ลูกแม่ก็คิดถึง จะกลับแล้วค่ะลูกนี่รอขึ้นเครื่องอยู่" บิดามารดาใส่หูฟังคนละข้างเพื่อที่จะได้พูดคุยกับลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของเขา เมื่อมารดาพูดจบ บิดาก็รีบพูดขึ้นทันที
"พ่อก็คิดถึงลูกนะ น้องเมย์"
"แหมๆไปเป็นอาทิตย์ โทรหาลูก แค่ตอนไปถึง กับตอนกลับเองนี่ค่ะก็ต้องคิดถึงสินะ นี่เมย์ก็ปิดเทอมแทนที่จะได้ไปด้วย"หญิงสาวทำเสียน้อยใจ เล็กๆเชิงอ้อน บิดามารดา
"เราคุยกันแล้วไงค่ะลูก พ่อกับแม่ไม่ได้มาเที่ยวนะลูก"
"ค่ะๆ เมย์เข้าใจ ก็ลูกคิดถึงนี่ค่ะอยู่บ้านคนเดียวเหงาจะตาย"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกันแล้ว เออ พรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรกใช่ไหมลูก งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปทานข้าวเช้าด้วยและไปส่งน้องเมย์ที่โรงเรียนด้วย"บิดารีบพูดขึ้นเพราะกลัวลูกสาวสุดที่รักจะน้อยใจไปมากกว่านี้
"คุณพ่อคุณแม่จะกลับมาทันหรอค่ะ"
"ทันลูก หน้าจะถึงไทยตีสี่ค่ะ"เสียงสนทนาต้องรีบจบลงเมื่อเสียงอีกเสียงทางสนามบินประกาศเวลาขึ้นเครื่อง
"น้องเมย์พ่อกับแม่ต้องว่างแล้วนะลูกเขาประกาศให้ขึ้นเครื่องแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะลูก แม่รักลูกนะ"
"พ่อก็รักลูกนะ"
"เมย์ก็รักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ รักที่สุด พรุ่งนี้เราก็จะเจอกันเสียที รักนะจุ๊บุ"หญิงสาวพูดอ้อนบิดามารดายังนี้ประจำ
"คุณหนูข้าวต้มค่ะ"เสียงสาวใช้เรียกหญิงสาวขนาดกำลังเหม่อๆ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
"เมื่อวานคุณพ่อคุณแม่บอกจะกลับมาทันทานอาหารเช้าด้วย ทำไมยังไม่มา หรือเครื่องบินดีเลย์ จะดีเลย์อะไรนานขนาดนั้น เวลาถึงไทยตี่สี่ ตอนนี้ก็ควรถึงบ้านแล้วสิ" หญิงสาวพูดเองเออเองอยู่คนเดียวแบบไม่ต้องการคำตอบจากใคร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสาวใช้รีบเดินไปรับแต่ช้าไปกว่าเสียงคุณหนูของบ้านเอ่ยขึ้นก่อน
"ไม่ต้องค่ะพี่มล เดี๋ยวเมย์รับเอง"
"สวัสดีค่ะ บ้านรัตนธนากูลค่ะ"หญิงสาวเงียบฟังผู้สนทนาอยู่สักพัก "ว่าไรนะค่ะ" เสียงหญิงสาวถามย้ำอีกครั้งเพื่อแน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ยินฟังไม่ผิด เมื่อเธอรับรู้ได้ว่าเธอฟังไม่ผิดแน่อาการของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนไปน้ำตาที่อยู่ดีๆมันก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติเธอยังคงอึ้งและช็อคอยู่อย่างนั้นจนไม่ทันรู้ตัวว่าโทรศัพท์ที่แนบกับแก้มหล่นสู่พื้น มือไม้ที่ไร้เรี่ยวแรงปล่อยหูโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัว สาวใช้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงรีบยกหูโทรศัพท์มาคุยแทนเหตุใดคุณหนูของเขาถึงมีอาการแบบนี้
"ฮันโหล ค่ะอะไรน่ะค่ะ คุณผู้ชายคุณผู้หญิง"อาการของสาวใช้ไม่ต่างอะไรกับคุณหนูของบ้านเลยสาวใช้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มีอาการเช่นนี้
"ไม่จริงๆฉันไม่เชื่อ "หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เสียงของผู้ชายในโทรศัพท์ที่โทรมาบอกข่าวร้ายกับเธอยังคงก้องอยู่ในหัว
"คุณอนันต์กับคุณมยุรา ประสบอุบัติตอนนี้เสียชีวิตแล้วครับ" ประโยคนี้ทำให้น้ำตาของหญิงสาวไหลแนบแก้มไม่หยุดเธอ งง ไปหมดแล้วเมื่อวานยังคุยกันอยู่เลยแต่ตอนนี้หลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว มันเป็นเรื่องจริงหรอ
"พี่มล คุณพ่อคุณแม่" อือๆ
"คุณหนูค่ะ คุณหนูของมล ร้องออกมาเลยค่ะร้องออกมา ต่อจากนี้ไปพี่มลจะดูแลคุณหนูเองนะค่ะจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป พี่มลเลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เด็กยังไงพี่มลก็จะไม่มีวันทิ้งคุณหนู" สาวใช้กับคุณหนูของบ้านกอดปลอบใจกันและกัน หญิงสาวซึ่งใจมากที่สาวใช้คนนี้อยู่ข้างเธอตลอดมา เธอไม่เคยมองว่าเป็นแค่สาวใช้เลยเธอคิดเสมอว่าพี่มลเป็นพี่สาวของเธอ
"เมย์ขอบคุณพี่มลมากนะค่ะ ขอบคุณจริงๆ เมย์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริงมันเร็วไปหรือเปล่าค่ะ เมื่อวานคุณพ่อคุณแม่ยังบอกกับเมย์อยู่เลยว่าจะกับมาทานข้าวเช้าด้วยและจะไปส่งเมย์ที่โรงเรียน อือๆ"หญิงสาวร้องไห้และร้องหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าสงสาร
ก่อนที่คุณอนันต์กับคุณมยุราจะไปต่างประเทศเธอสั่งไว้ว่าไม่ต้องให้คนขับรถไปรับที่สนามบินเดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่กลับกันเองเพราะกลับถึงประเทศไทยประมาณตี่สี่ ไม่อยากรบกวนคนในบ้าน แล้วทุกครั้งที่ไปต่างประเทศถ้ากลับเวลาแบบนี้เธอก็จะไม่ให้คนขับรถไปรับอยู่แล้วและเมื่อคืนฝนตกหนักมากตอนขานั่งรถกลับ ถนนก็ลื่นทำให้แท็กซี่ที่วิ่งมาด้วยความเร็วเสียหลักพุงเข้าชนกับรถบรรทุก จนเป็นเหตุให้คุณอนันต์กับคุณมยุราเสียชีวิตในที่สุด
หลังจากเสร็จจากงานศพคุณอนันต์และคุณมยุรา ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ของบ้านรัตนธนากูล ที่นั่งอยู่ตรงกลาง คือคุณหนูของบ้าน ขวามือคือทนายประจำตระกูล ซ้ายมือคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของเธอ ซึ่งบินตรงมาจากอเมริกาตั้งแต่งรู้เรื่องพี่ชายและพี่สะใภ้ และที่สำคัญหลานสาวของเขาที่ตอนนี้ต้องการทั้งการปลอบใจปลอบขวัญอย่างมาก คุณหนูของบ้านเอ่ยทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณลุงปรีชา"คุณปรีชาเป็นทนายประจำตระกูลเธอสนิทกับเขาตั้งแต่เด็ก "นี่คุณลุงอธิปเป็นลุงแท้ๆของเมย์ค่ะ"หญิงสาวแนะนำให้สองวัยกลางคนรู้จักกัน
"ผมพอจะทราบว่าคุณอนันต์มีพี่ชายอยู่ที่อเมริกา แสดงว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณอนันต์กับคุณมยุราไปอเมริกาก็คงไปหาคุณและถ้างั้นคุณก็พอจะทราบเรื่องที่ผมจะพูดในวันนี้"
"ครับ ผมพอจะทราบ" หญิงสาวนั่งฟังคุณลุงทั้งสองสนทนากัน พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
"มีอะไรกันหรือป่าวค่ะ อาทิตย์ก่อนคุณพ่อคุณแม่ไปหาคุณลุงหรือค่ะ แต่คุณพ่อบอกเมย์ว่าไปธุระ มีธุระกับคุณนี่เอง"หญิงสาวพอจะหายสงสัยบ้างที่บิดามารดาต้องไปอเมริการกระทันหันแต่ก็ยัง งง ถ้ามีธุระแค่นี่หน้าจะเอาเธอไปด้วย
"ให้คุณปรีชาพูดดีกว่านะ น้องเมย์" คำพูดของลุงแท้ๆทำให้หญิงสาวยิ่ง งง มันเรื่องอะไรกัน
"ผมจะเริ่มแล้วนะครับ เรื่อง บริษัทก่อนนะครับ ตอนนี้ทางบริษัทธนากูลกำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนักจนคุณอนันต์ต้องขายหุ้นในบริษัท ซึ่งยังคงเหลือหุ้นที่ถืออยู่ 15%" หญิงสาวได้ยินถึงกับช็อค นี่เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยหรอเนี่ย
"แสดงว่าที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปหาคุณลุง ก็ "
"ครับ เรื่องนี้ล่ะ คุณอนันต์มาปรึกษาผมแล้ว แต่มันยังไม่ไช่แค่นั้น ขายหุ้นไปแล้วแต่หนี้สิ้นก็ยังไม่หมด คุณอนันต์ได้นำบ้านรัตนธนากูลไปจำนองกับธนาคารและต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน นี่ล่ะครับคุณอนันกันคุณณมยุราถึงได้ไปหานายทุนที่อเมริกา" เนื้อความตอนแรกหญิงก็ช็อกพออยู่แล้วยิ่งพอมารู้ว่าบ้านที่เธอเกิดและโตมา ถูกจำนองไว้กับธนาคารเธอก็ยิ่งช็อก
"ต่อเลยค่ะคุณลุงแล้วยังไงต่อค่ะ" หญิงสาวอยากรู้เรื่องทั้งหมดเรื่องที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่บ้านของเธอมีปัญหามากเพียงใด
"ณ ตอนนี้ หนี้สินก็ยังไม่หมดครับ"
"หมายความว่าไงค่ะคุณลุง" เมยาวีเอ่ยน้ำเสียงร้อนร้น
"ใจเย็นๆลูก น้องเมย์" คุณอธิปพยายามปลอบหลานสาวที่ตอนนี้เธอเริ่มตกใจ
"เมย์ต้องทำยังไงค่ะคุณลุง" หญิงสาวไม่รู้จริงๆว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
"ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ...." คุณปรีชาทนายประจำตระกูลหยุดพูดอยู่แค่นั้น เขาไม่รู้จะพูดดีไหม
"คือ.. อะไรค่ะบอกเมย์เถอะค่ะ ถือว่าช่วยเมย์นะค่ะ เมย์รับได้ค่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เมย์รับไม่ได้อีกแล้วแหละค่ะ"้
"น้องเมย์ต้องขายหุ้นในบริษัทครับ ก่อนที่หุ้นจะถูกยึดแล้วน้องเมย์จะไม่ได้อะไรเลยถ้าขายตอนนี้ก็ยังพอเหลือเงินหลังจากใช้หนี้ ส่วนบ้านรัตนธนากูลอีกสามเดือนธนาคารก็จะมายึดแล้วครับถ้าเราไม่มีเงินไปจ่าย" หญิงสาวร้องตกใจทันทีเมื่อคุณปรีชาพูดจบ
"อะไรน่ะค่ะ เมย์ต้องขายหุ่นในบริษัทแล้วยังต้องโดนยึดบ้านอีก ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะค่ะ"น้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มจนคุณอธิปต้องเข้าไปปลอบ
"ไม่เป็นไรนะน้องเมย์ เดี๋ยวย้ายไปอยู่กับลุงที่อเมริกา"
"ยังมีอีกครับ" เสียงคุณปรีชาเอ่ยเพราะยังไม่จบ
"น้องเมย์ยังเหลือคอนโดที่คุณอนันต์ซื้อไว้ให้ครับ ยังเป็นสิทธิ์ของน้องเมย์ เพราะคุณอนันต์ได้โอนให้คุณมยุรา และเขาทั้งสองก็จดทะเบียนหย่ากันได้สักพักแล้วครับ
"เมย์ไม่เห็นรู้เรื่องที่คุณพ่อคุณเมย์หย่ากันเลยค่ะ ตอนไหน ยังไงค่ะ"เธอถามด้วยความสงสัยขนาดน้ำตาก็คงไหล
"ท่านทั้งสองคงพอจะเด่าเหตุการณ์ออก ก็เลยป้องกันไว้ก่อนน่ะครับ"
"คุณลุงค่ะคุณพ่อคุณแม่รักบ้านหลังนี้มาก เราพอมีทางที่จะเอาบ้านหลังนี้กับคืนมาไหมค่ะ"
"เราต้องมีเงินมาจ่ายธนาคารครับ ซึ่งก็ค้างอยู่หลายเดือนแล้ว"
"เมย์พอจะมีเงินในบัญชีที่คุณพ่อฝากไว้ให้ตั้งแต่เกิดประมาณห้าล้านค่ะ พอไหมค่ะ"
"ก็น่าจะพอครับ แต่งวดถัดไปล่ะครับ ผมว่ามันไม่คุ้มนะครับน้องเมย์น่าจะเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษามากกว่า"ปรีชาออกความคิดเห็น
"แต่ว่า.."เมยาวียังพยายามจะเถียงด้วยความไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ไปเธอพยายามจะพูด แต่คุณอธิปผู้เป็นลุงแท้ๆก็ขัดเอาไว้ก่อน
"ลุงเห็นด้วยกับคุณปรีชา ลุงคิดว่าน้องเมย์เก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาดีกว่าและก็ไม่ต้องเป็นห่วงลุงจะพาน้องเมย์กลับอเมริกากับลุงเลย ลุงจะดูแลน้องเมย์เอง"
"ดีครับ"คุณปรีชาแสดงความเห็นด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ค่ะ คุณลุง แม่อยากอยู่ที่นี่อยู่คอนโดที่คุณพ่อซื้อให้"
"หนูจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไรมันอันตรายนะลูกหนูยังเด็ก ใครจะดูแล อาหารการกินอีก และค่าใช้จ่ายต่างๆอีก ลุงไม่ให้อยู่"
"น้องเมย์ครับเชื่อคุณอธิปเถอะครับ"ปรีชาเอ่ยเพราะเห็นด้วยกับอธิปทุกอย่าง
"คุณลุงค่ะ ให้เมย์อยู่ที่นี่เถอะนะค่ะเมย์อยู่ได้ เมย์ไม่ไช่เด็กแล้วนะค่ะ เรื่องทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันทำให้เมย์รู้ว่าเมย์ไม่ไช่เด็กอีกต่อไป ส่วนเรื่องอันตราย คอนโดนี้เมย์เคยไปดูกับคุณพ่อแล้วค่ะเป็นคอนโดของคุณอาทินพันธ์เพื่อนสนิทของคุณพ่อมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี ส่วนเรื่องอาหารเมย์ทำเป็นค่ะคุณแม่กับพี่มลเคยสอนหลายอย่างและเรื่องสุดท้ายเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆคุณลุงยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะเมย์มีเงินในบัญชีไงค่ะห้าล้านบาทสามารเรียนจบปริญาได้สบายและเมย์ก็ทราบ เงิน ถ้าเราใช้อย่างเดียวโดยไม่คิดจะเติมมันมันก็จะหมด ให้เมย์อยู่ที่นี่เถอะนะค่ะคุณลุง เมย์อยากอยู่ใกล้ๆคุณพ่อคุณแม่อยากอยู่ใกล้ๆบ้านหลังนี้เมย์จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้บ้านหลังนี้กลับคืนมา นะค่ะ" หญิงสาวพูดอย่างมุ่งมั่น คุณอธิปเห็นความมุ่งมั่นของหลานสาวอดคิดไม่ได้ว่านิสัยเหมือนอนันต์ไม่มีผิด พ่อกับลูกชั่งเหมือนกันจริงๆแต่ก็อดห่วงไม่ได้
"ลุงคงห้ามไม่ได้ไช่ไหม เหมือนพ่อเราไม่มีผิด อืม ก็ได้ แต่ ถ้ามีอะไรหนูต้องโทรหาลุงแล้วลุงจะมารับกลับอเมริกาทันทีโอเคไหม"
"โอเคค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากนะค่ะที่เข้าใจเมย์"เมยาวีโผล่เข้ากอดอธิปอย่างดีใจ
"ยังไงผมฝากด้วยนะครับ คุณปรีชา"
"ครับ คุณอธิปไม่ต้องเป็นห่วงน้องเมย์ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน ผมเห็นแกมาตั้งแต่เด็ก ส่วนคุณทินพันธ์ผมก็รู้จักดี"
คุณปรีชาเรียกคนงานในบ้านมาพบที่ห้องรับแขกของบ้านรัตนธนากูล คุณหนูของบ้านน้ำตาคลอทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ เธอหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองมือปาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหล
"ทุกคนคงทราบเรื่องทั้งหมดแล้วไช่ไหมค่ะ " เธอพูดพร้อมยื่นซองขาวให้ทุกคน "นี่ค่ะเงินเดือน เดือนนี้และเงินชดเชยอีกสามเดือน"
"หมายความว่าไงค่ะคุณหนู คุณหนูจะไล่พวกเราออกหรอค่ะ" ส้มจี๊ดสาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
"อย่างพูดอย่างนั้นเลยค่ะพี่ส้มจี๊ด เมย์ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย"หญิงสาวมองไปรอบบ้านแล้วเอ่ยต่อ"บ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด เมย์ก็ต้องไปอยู่ที่อื่น เมย์ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างทุกๆคน หวังว่าทุกคนคงเข้าใจนะค่ะ เมย์ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกงาน เงินชดเชยที่เมย์ให้มันอาจไม่ได้มากมายแต่เมย์คิดว่ามันก็คงพอเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกคนได้" ทุกคนพยักน่าให้คุณหนูแสดงความข้าใจ คนงานทุกคนมองคุณหนูของเขาอย่างตื้นตันใจแล้วอดสงสารไม่ได้
"พี่มลค่ะ เมย์ขอบคุณนะค่ะที่ตลอดเวลาพี่มลดูแลเมย์มาตลอด"เมยาวียังพูดไม่ทันจบสาวใช้ก็พูดขึ้น
"พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ ถึงคุณหนูไม่จ้างพี่ พี่ก็จะอยู่ดูแลคุณหนูค่ะ"น้ำตาของเมยาวีไหลอาบแก้มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ ส่วนสาวใช้เองก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองกอดกันด้วยความรัก
"ไม่ได้หรอกค่ะพี่มล พี่มลอยู่กับเมย์ไม่ได้ เมย์สัญญาน่ะค่ะถ้าเมย์ได้บ้านหลังนี้กลับมาเมื่อไรเมย์จะให้พี่มลมาอยู่ด้วยน่ะค่ะ"
"คุณหนู" สาวใช้เอ่ยเรีกคุณหนูด้วยความเข้าใจและพยักหน้าให้แสดงถึงคำตอบ
เมื่อเสร็จธุระเรื่องคนงานในบ้านเมยาวีเดินไปรอบๆบ้านอย่างกะสำรวจบ้านเธอพยายามเก็บความทรงจำไว้ทุกจุดมองไปทางไหนก็เห็นภาพสามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะกันกอดกัน น้ำตาก็ไหลรินด้วยความคิดถึงบิดามารดาไม่หยุด
"น้องเมย์รักบ้านหลังนี้ไหมลุก"
"รักค่ะ"
"กว่าพ่อกับแม่จะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาได้ ลูกรู้ไหมมันต้องแลกกับน้ำพักน้ำแรงและหยาดเหงื่อเป็นอย่างมาก น้องเมย์ต้องดูแลและเก็บรักษาบ้านหลังนี้ไว้ให้ดีน่ะลูก"
เมยาวีนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่บิดามารดาพูดกับตน เมยาวีปาดน้ำตาและพูดโดยความุ่งมั่น
"ค่ะคุณพ่อคุณแม่ เมย์จะทำทุกอย่างให้ได้บ้านหลังนี้กลับมาเป็นของเราให้ได้ค่ะ เมย์สัญญา"
"คุณหนูค่ะ คุณหนู แต่งตัวเสร็จหรือยังค่ะ เดี๋ยวไปโรงเรียนไม่ทันนะค่ะ"
"จ้า พี่มล เสร็จแล้ว " พร้อมเปิดประตูห้องออกมาหาคนตรงหน้า ยิ้มอย่างอารมณ์ดี "เรียบร้อย น่าร้ก ป่ะค่ะ เปิดเทอมวันแรก ต้องสวยกันหน่อย ฮ่าๆ"หญิงสาวพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี "เออ คุณพ่อคุณแม่ กลับมาหรือยังค่ะ เมื่อคืนหลับเพลินไม่ได้ยินเสียงรถเลย"
"ยังเลยค่ะ"สาวใช้ตอบในระหว่างเดินตามคุณหนูของบ้านลงบันไดเพื่อไปที่โต๊ะอาหาร คำตอบของสาวใช้ทำให้หญิงสาวนึกถึงเมื่อวานที่บิดามารดาโทรมาหาก่อนขึ้นเครื่อง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขนาดที่เธอนั่งดูทีวี เธอหันไปมองโทรศัพท์ด้วยความดีใจเมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา เธอไม่รอช้ารีบกดรับทันที
"คุณแม่ เมย์คิดถึงจังเลยค่ะ จะกลับหรือยังค่ะเนี่ย" น้ำเสียงความคิดถึงของหญิงสาวทำให้คนฟังยิ้มไม่หุบ
"ค่ะ ลูกแม่ก็คิดถึง จะกลับแล้วค่ะลูกนี่รอขึ้นเครื่องอยู่" บิดามารดาใส่หูฟังคนละข้างเพื่อที่จะได้พูดคุยกับลูกสาวสุดที่รักคนเดียวของเขา เมื่อมารดาพูดจบ บิดาก็รีบพูดขึ้นทันที
"พ่อก็คิดถึงลูกนะ น้องเมย์"
"แหมๆไปเป็นอาทิตย์ โทรหาลูก แค่ตอนไปถึง กับตอนกลับเองนี่ค่ะก็ต้องคิดถึงสินะ นี่เมย์ก็ปิดเทอมแทนที่จะได้ไปด้วย"หญิงสาวทำเสียน้อยใจ เล็กๆเชิงอ้อน บิดามารดา
"เราคุยกันแล้วไงค่ะลูก พ่อกับแม่ไม่ได้มาเที่ยวนะลูก"
"ค่ะๆ เมย์เข้าใจ ก็ลูกคิดถึงนี่ค่ะอยู่บ้านคนเดียวเหงาจะตาย"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้เราก็เจอกันแล้ว เออ พรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรกใช่ไหมลูก งั้นเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไปทานข้าวเช้าด้วยและไปส่งน้องเมย์ที่โรงเรียนด้วย"บิดารีบพูดขึ้นเพราะกลัวลูกสาวสุดที่รักจะน้อยใจไปมากกว่านี้
"คุณพ่อคุณแม่จะกลับมาทันหรอค่ะ"
"ทันลูก หน้าจะถึงไทยตีสี่ค่ะ"เสียงสนทนาต้องรีบจบลงเมื่อเสียงอีกเสียงทางสนามบินประกาศเวลาขึ้นเครื่อง
"น้องเมย์พ่อกับแม่ต้องว่างแล้วนะลูกเขาประกาศให้ขึ้นเครื่องแล้ว พรุ่งนี้เจอกันนะลูก แม่รักลูกนะ"
"พ่อก็รักลูกนะ"
"เมย์ก็รักคุณพ่อคุณแม่ค่ะ รักที่สุด พรุ่งนี้เราก็จะเจอกันเสียที รักนะจุ๊บุ"หญิงสาวพูดอ้อนบิดามารดายังนี้ประจำ
"คุณหนูข้าวต้มค่ะ"เสียงสาวใช้เรียกหญิงสาวขนาดกำลังเหม่อๆ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย
"เมื่อวานคุณพ่อคุณแม่บอกจะกลับมาทันทานอาหารเช้าด้วย ทำไมยังไม่มา หรือเครื่องบินดีเลย์ จะดีเลย์อะไรนานขนาดนั้น เวลาถึงไทยตี่สี่ ตอนนี้ก็ควรถึงบ้านแล้วสิ" หญิงสาวพูดเองเออเองอยู่คนเดียวแบบไม่ต้องการคำตอบจากใคร เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสาวใช้รีบเดินไปรับแต่ช้าไปกว่าเสียงคุณหนูของบ้านเอ่ยขึ้นก่อน
"ไม่ต้องค่ะพี่มล เดี๋ยวเมย์รับเอง"
"สวัสดีค่ะ บ้านรัตนธนากูลค่ะ"หญิงสาวเงียบฟังผู้สนทนาอยู่สักพัก "ว่าไรนะค่ะ" เสียงหญิงสาวถามย้ำอีกครั้งเพื่อแน่ใจว่าสิ่งที่เธอได้ยินฟังไม่ผิด เมื่อเธอรับรู้ได้ว่าเธอฟังไม่ผิดแน่อาการของหญิงสาวก็เริ่มเปลี่ยนไปน้ำตาที่อยู่ดีๆมันก็ไหลออกมาอย่างอัตโนมัติเธอยังคงอึ้งและช็อคอยู่อย่างนั้นจนไม่ทันรู้ตัวว่าโทรศัพท์ที่แนบกับแก้มหล่นสู่พื้น มือไม้ที่ไร้เรี่ยวแรงปล่อยหูโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัว สาวใช้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงรีบยกหูโทรศัพท์มาคุยแทนเหตุใดคุณหนูของเขาถึงมีอาการแบบนี้
"ฮันโหล ค่ะอะไรน่ะค่ะ คุณผู้ชายคุณผู้หญิง"อาการของสาวใช้ไม่ต่างอะไรกับคุณหนูของบ้านเลยสาวใช้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้มีอาการเช่นนี้
"ไม่จริงๆฉันไม่เชื่อ "หญิงสาวไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เสียงของผู้ชายในโทรศัพท์ที่โทรมาบอกข่าวร้ายกับเธอยังคงก้องอยู่ในหัว
"คุณอนันต์กับคุณมยุรา ประสบอุบัติตอนนี้เสียชีวิตแล้วครับ" ประโยคนี้ทำให้น้ำตาของหญิงสาวไหลแนบแก้มไม่หยุดเธอ งง ไปหมดแล้วเมื่อวานยังคุยกันอยู่เลยแต่ตอนนี้หลังจากนี้มันจะไม่มีอีกแล้ว มันเป็นเรื่องจริงหรอ
"พี่มล คุณพ่อคุณแม่" อือๆ
"คุณหนูค่ะ คุณหนูของมล ร้องออกมาเลยค่ะร้องออกมา ต่อจากนี้ไปพี่มลจะดูแลคุณหนูเองนะค่ะจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป พี่มลเลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เด็กยังไงพี่มลก็จะไม่มีวันทิ้งคุณหนู" สาวใช้กับคุณหนูของบ้านกอดปลอบใจกันและกัน หญิงสาวซึ่งใจมากที่สาวใช้คนนี้อยู่ข้างเธอตลอดมา เธอไม่เคยมองว่าเป็นแค่สาวใช้เลยเธอคิดเสมอว่าพี่มลเป็นพี่สาวของเธอ
"เมย์ขอบคุณพี่มลมากนะค่ะ ขอบคุณจริงๆ เมย์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริงมันเร็วไปหรือเปล่าค่ะ เมื่อวานคุณพ่อคุณแม่ยังบอกกับเมย์อยู่เลยว่าจะกับมาทานข้าวเช้าด้วยและจะไปส่งเมย์ที่โรงเรียน อือๆ"หญิงสาวร้องไห้และร้องหนักขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าสงสาร
ก่อนที่คุณอนันต์กับคุณมยุราจะไปต่างประเทศเธอสั่งไว้ว่าไม่ต้องให้คนขับรถไปรับที่สนามบินเดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่กลับกันเองเพราะกลับถึงประเทศไทยประมาณตี่สี่ ไม่อยากรบกวนคนในบ้าน แล้วทุกครั้งที่ไปต่างประเทศถ้ากลับเวลาแบบนี้เธอก็จะไม่ให้คนขับรถไปรับอยู่แล้วและเมื่อคืนฝนตกหนักมากตอนขานั่งรถกลับ ถนนก็ลื่นทำให้แท็กซี่ที่วิ่งมาด้วยความเร็วเสียหลักพุงเข้าชนกับรถบรรทุก จนเป็นเหตุให้คุณอนันต์กับคุณมยุราเสียชีวิตในที่สุด
หลังจากเสร็จจากงานศพคุณอนันต์และคุณมยุรา ที่ห้องรับแขกขนาดใหญ่ของบ้านรัตนธนากูล ที่นั่งอยู่ตรงกลาง คือคุณหนูของบ้าน ขวามือคือทนายประจำตระกูล ซ้ายมือคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่มีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆของเธอ ซึ่งบินตรงมาจากอเมริกาตั้งแต่งรู้เรื่องพี่ชายและพี่สะใภ้ และที่สำคัญหลานสาวของเขาที่ตอนนี้ต้องการทั้งการปลอบใจปลอบขวัญอย่างมาก คุณหนูของบ้านเอ่ยทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณลุงปรีชา"คุณปรีชาเป็นทนายประจำตระกูลเธอสนิทกับเขาตั้งแต่เด็ก "นี่คุณลุงอธิปเป็นลุงแท้ๆของเมย์ค่ะ"หญิงสาวแนะนำให้สองวัยกลางคนรู้จักกัน
"ผมพอจะทราบว่าคุณอนันต์มีพี่ชายอยู่ที่อเมริกา แสดงว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนที่คุณอนันต์กับคุณมยุราไปอเมริกาก็คงไปหาคุณและถ้างั้นคุณก็พอจะทราบเรื่องที่ผมจะพูดในวันนี้"
"ครับ ผมพอจะทราบ" หญิงสาวนั่งฟังคุณลุงทั้งสองสนทนากัน พร้อมเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
"มีอะไรกันหรือป่าวค่ะ อาทิตย์ก่อนคุณพ่อคุณแม่ไปหาคุณลุงหรือค่ะ แต่คุณพ่อบอกเมย์ว่าไปธุระ มีธุระกับคุณนี่เอง"หญิงสาวพอจะหายสงสัยบ้างที่บิดามารดาต้องไปอเมริการกระทันหันแต่ก็ยัง งง ถ้ามีธุระแค่นี่หน้าจะเอาเธอไปด้วย
"ให้คุณปรีชาพูดดีกว่านะ น้องเมย์" คำพูดของลุงแท้ๆทำให้หญิงสาวยิ่ง งง มันเรื่องอะไรกัน
"ผมจะเริ่มแล้วนะครับ เรื่อง บริษัทก่อนนะครับ ตอนนี้ทางบริษัทธนากูลกำลังประสบปัญหาการเงินอย่างหนักจนคุณอนันต์ต้องขายหุ้นในบริษัท ซึ่งยังคงเหลือหุ้นที่ถืออยู่ 15%" หญิงสาวได้ยินถึงกับช็อค นี่เธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเลยหรอเนี่ย
"แสดงว่าที่คุณพ่อกับคุณแม่ไปหาคุณลุง ก็ "
"ครับ เรื่องนี้ล่ะ คุณอนันต์มาปรึกษาผมแล้ว แต่มันยังไม่ไช่แค่นั้น ขายหุ้นไปแล้วแต่หนี้สิ้นก็ยังไม่หมด คุณอนันต์ได้นำบ้านรัตนธนากูลไปจำนองกับธนาคารและต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน นี่ล่ะครับคุณอนันกันคุณณมยุราถึงได้ไปหานายทุนที่อเมริกา" เนื้อความตอนแรกหญิงก็ช็อกพออยู่แล้วยิ่งพอมารู้ว่าบ้านที่เธอเกิดและโตมา ถูกจำนองไว้กับธนาคารเธอก็ยิ่งช็อก
"ต่อเลยค่ะคุณลุงแล้วยังไงต่อค่ะ" หญิงสาวอยากรู้เรื่องทั้งหมดเรื่องที่เธอไม่เคยรู้เลยว่าที่บ้านของเธอมีปัญหามากเพียงใด
"ณ ตอนนี้ หนี้สินก็ยังไม่หมดครับ"
"หมายความว่าไงค่ะคุณลุง" เมยาวีเอ่ยน้ำเสียงร้อนร้น
"ใจเย็นๆลูก น้องเมย์" คุณอธิปพยายามปลอบหลานสาวที่ตอนนี้เธอเริ่มตกใจ
"เมย์ต้องทำยังไงค่ะคุณลุง" หญิงสาวไม่รู้จริงๆว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี
"ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือ...." คุณปรีชาทนายประจำตระกูลหยุดพูดอยู่แค่นั้น เขาไม่รู้จะพูดดีไหม
"คือ.. อะไรค่ะบอกเมย์เถอะค่ะ ถือว่าช่วยเมย์นะค่ะ เมย์รับได้ค่ะ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่เมย์รับไม่ได้อีกแล้วแหละค่ะ"้
"น้องเมย์ต้องขายหุ้นในบริษัทครับ ก่อนที่หุ้นจะถูกยึดแล้วน้องเมย์จะไม่ได้อะไรเลยถ้าขายตอนนี้ก็ยังพอเหลือเงินหลังจากใช้หนี้ ส่วนบ้านรัตนธนากูลอีกสามเดือนธนาคารก็จะมายึดแล้วครับถ้าเราไม่มีเงินไปจ่าย" หญิงสาวร้องตกใจทันทีเมื่อคุณปรีชาพูดจบ
"อะไรน่ะค่ะ เมย์ต้องขายหุ่นในบริษัทแล้วยังต้องโดนยึดบ้านอีก ทำไมมันเยอะขนาดนี้ล่ะค่ะ"น้ำตาค่อยๆไหลอาบแก้มจนคุณอธิปต้องเข้าไปปลอบ
"ไม่เป็นไรนะน้องเมย์ เดี๋ยวย้ายไปอยู่กับลุงที่อเมริกา"
"ยังมีอีกครับ" เสียงคุณปรีชาเอ่ยเพราะยังไม่จบ
"น้องเมย์ยังเหลือคอนโดที่คุณอนันต์ซื้อไว้ให้ครับ ยังเป็นสิทธิ์ของน้องเมย์ เพราะคุณอนันต์ได้โอนให้คุณมยุรา และเขาทั้งสองก็จดทะเบียนหย่ากันได้สักพักแล้วครับ
"เมย์ไม่เห็นรู้เรื่องที่คุณพ่อคุณเมย์หย่ากันเลยค่ะ ตอนไหน ยังไงค่ะ"เธอถามด้วยความสงสัยขนาดน้ำตาก็คงไหล
"ท่านทั้งสองคงพอจะเด่าเหตุการณ์ออก ก็เลยป้องกันไว้ก่อนน่ะครับ"
"คุณลุงค่ะคุณพ่อคุณแม่รักบ้านหลังนี้มาก เราพอมีทางที่จะเอาบ้านหลังนี้กับคืนมาไหมค่ะ"
"เราต้องมีเงินมาจ่ายธนาคารครับ ซึ่งก็ค้างอยู่หลายเดือนแล้ว"
"เมย์พอจะมีเงินในบัญชีที่คุณพ่อฝากไว้ให้ตั้งแต่เกิดประมาณห้าล้านค่ะ พอไหมค่ะ"
"ก็น่าจะพอครับ แต่งวดถัดไปล่ะครับ ผมว่ามันไม่คุ้มนะครับน้องเมย์น่าจะเก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษามากกว่า"ปรีชาออกความคิดเห็น
"แต่ว่า.."เมยาวียังพยายามจะเถียงด้วยความไม่อยากเสียบ้านหลังนี้ไปเธอพยายามจะพูด แต่คุณอธิปผู้เป็นลุงแท้ๆก็ขัดเอาไว้ก่อน
"ลุงเห็นด้วยกับคุณปรีชา ลุงคิดว่าน้องเมย์เก็บเงินไว้เป็นทุนการศึกษาดีกว่าและก็ไม่ต้องเป็นห่วงลุงจะพาน้องเมย์กลับอเมริกากับลุงเลย ลุงจะดูแลน้องเมย์เอง"
"ดีครับ"คุณปรีชาแสดงความเห็นด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ค่ะ คุณลุง แม่อยากอยู่ที่นี่อยู่คอนโดที่คุณพ่อซื้อให้"
"หนูจะอยู่ที่นี่คนเดียวได้อย่างไรมันอันตรายนะลูกหนูยังเด็ก ใครจะดูแล อาหารการกินอีก และค่าใช้จ่ายต่างๆอีก ลุงไม่ให้อยู่"
"น้องเมย์ครับเชื่อคุณอธิปเถอะครับ"ปรีชาเอ่ยเพราะเห็นด้วยกับอธิปทุกอย่าง
"คุณลุงค่ะ ให้เมย์อยู่ที่นี่เถอะนะค่ะเมย์อยู่ได้ เมย์ไม่ไช่เด็กแล้วนะค่ะ เรื่องทุกเรื่องที่มันเกิดขึ้นมันทำให้เมย์รู้ว่าเมย์ไม่ไช่เด็กอีกต่อไป ส่วนเรื่องอันตราย คอนโดนี้เมย์เคยไปดูกับคุณพ่อแล้วค่ะเป็นคอนโดของคุณอาทินพันธ์เพื่อนสนิทของคุณพ่อมีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างดี ส่วนเรื่องอาหารเมย์ทำเป็นค่ะคุณแม่กับพี่มลเคยสอนหลายอย่างและเรื่องสุดท้ายเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆคุณลุงยิ่งไม่ต้องเป็นห่วงเลยค่ะเมย์มีเงินในบัญชีไงค่ะห้าล้านบาทสามารเรียนจบปริญาได้สบายและเมย์ก็ทราบ เงิน ถ้าเราใช้อย่างเดียวโดยไม่คิดจะเติมมันมันก็จะหมด ให้เมย์อยู่ที่นี่เถอะนะค่ะคุณลุง เมย์อยากอยู่ใกล้ๆคุณพ่อคุณแม่อยากอยู่ใกล้ๆบ้านหลังนี้เมย์จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้บ้านหลังนี้กลับคืนมา นะค่ะ" หญิงสาวพูดอย่างมุ่งมั่น คุณอธิปเห็นความมุ่งมั่นของหลานสาวอดคิดไม่ได้ว่านิสัยเหมือนอนันต์ไม่มีผิด พ่อกับลูกชั่งเหมือนกันจริงๆแต่ก็อดห่วงไม่ได้
"ลุงคงห้ามไม่ได้ไช่ไหม เหมือนพ่อเราไม่มีผิด อืม ก็ได้ แต่ ถ้ามีอะไรหนูต้องโทรหาลุงแล้วลุงจะมารับกลับอเมริกาทันทีโอเคไหม"
"โอเคค่ะ ขอบคุณคุณลุงมากนะค่ะที่เข้าใจเมย์"เมยาวีโผล่เข้ากอดอธิปอย่างดีใจ
"ยังไงผมฝากด้วยนะครับ คุณปรีชา"
"ครับ คุณอธิปไม่ต้องเป็นห่วงน้องเมย์ก็เหมือนลูกเหมือนหลาน ผมเห็นแกมาตั้งแต่เด็ก ส่วนคุณทินพันธ์ผมก็รู้จักดี"
คุณปรีชาเรียกคนงานในบ้านมาพบที่ห้องรับแขกของบ้านรัตนธนากูล คุณหนูของบ้านน้ำตาคลอทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ เธอหายใจเข้าเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเองมือปาดน้ำตาที่กำลังจะรินไหล
"ทุกคนคงทราบเรื่องทั้งหมดแล้วไช่ไหมค่ะ " เธอพูดพร้อมยื่นซองขาวให้ทุกคน "นี่ค่ะเงินเดือน เดือนนี้และเงินชดเชยอีกสามเดือน"
"หมายความว่าไงค่ะคุณหนู คุณหนูจะไล่พวกเราออกหรอค่ะ" ส้มจี๊ดสาวใช้คนหนึ่งพูดขึ้น
"อย่างพูดอย่างนั้นเลยค่ะพี่ส้มจี๊ด เมย์ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย"หญิงสาวมองไปรอบบ้านแล้วเอ่ยต่อ"บ้านหลังนี้กำลังจะถูกยึด เมย์ก็ต้องไปอยู่ที่อื่น เมย์ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างทุกๆคน หวังว่าทุกคนคงเข้าใจนะค่ะ เมย์ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกงาน เงินชดเชยที่เมย์ให้มันอาจไม่ได้มากมายแต่เมย์คิดว่ามันก็คงพอเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทุกคนได้" ทุกคนพยักน่าให้คุณหนูแสดงความข้าใจ คนงานทุกคนมองคุณหนูของเขาอย่างตื้นตันใจแล้วอดสงสารไม่ได้
"พี่มลค่ะ เมย์ขอบคุณนะค่ะที่ตลอดเวลาพี่มลดูแลเมย์มาตลอด"เมยาวียังพูดไม่ทันจบสาวใช้ก็พูดขึ้น
"พี่จะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ ถึงคุณหนูไม่จ้างพี่ พี่ก็จะอยู่ดูแลคุณหนูค่ะ"น้ำตาของเมยาวีไหลอาบแก้มทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ ส่วนสาวใช้เองก็ไม่ต่างกัน ทั้งสองกอดกันด้วยความรัก
"ไม่ได้หรอกค่ะพี่มล พี่มลอยู่กับเมย์ไม่ได้ เมย์สัญญาน่ะค่ะถ้าเมย์ได้บ้านหลังนี้กลับมาเมื่อไรเมย์จะให้พี่มลมาอยู่ด้วยน่ะค่ะ"
"คุณหนู" สาวใช้เอ่ยเรีกคุณหนูด้วยความเข้าใจและพยักหน้าให้แสดงถึงคำตอบ
เมื่อเสร็จธุระเรื่องคนงานในบ้านเมยาวีเดินไปรอบๆบ้านอย่างกะสำรวจบ้านเธอพยายามเก็บความทรงจำไว้ทุกจุดมองไปทางไหนก็เห็นภาพสามคนพ่อแม่ลูกหัวเราะกันกอดกัน น้ำตาก็ไหลรินด้วยความคิดถึงบิดามารดาไม่หยุด
"น้องเมย์รักบ้านหลังนี้ไหมลุก"
"รักค่ะ"
"กว่าพ่อกับแม่จะสร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมาได้ ลูกรู้ไหมมันต้องแลกกับน้ำพักน้ำแรงและหยาดเหงื่อเป็นอย่างมาก น้องเมย์ต้องดูแลและเก็บรักษาบ้านหลังนี้ไว้ให้ดีน่ะลูก"
เมยาวีนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่บิดามารดาพูดกับตน เมยาวีปาดน้ำตาและพูดโดยความุ่งมั่น
"ค่ะคุณพ่อคุณแม่ เมย์จะทำทุกอย่างให้ได้บ้านหลังนี้กลับมาเป็นของเราให้ได้ค่ะ เมย์สัญญา"
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น