ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Insegnante ตำนานสลับขั้ว

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 lettera

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 53


     กับสิ่งที่สุญเสียไปแล้วน่ะ.... ไม่ว่าจะทำอย่างไร ไม่ว่าจะพยายามไขว่คว้าสักเพียงไร มันก็จะไม่กลับมา

    เพราะการที่เราไม่สามารถรักษามันไว้ได้ในคราแรก แสดงว่านั่นไม่ใช่ของของเรา เเละจะไม่มีวันใช่...

    ต่อให้จะนานเท่าไหร่ก็ตาม....

    --1--

    Lettera

     

      ลมราตรีกรัดผ่านยอดหญ้าซึ่งโอนไหว เช่นเดียวกับเส้นไหมสีเงินยวงดุจเเสงจันทร์ซึ่งส่องสว่าง

    ซ่าาา...

    แว่วเสียงของน้ำตกที่ซัดกระเซ็นโขดหิน คลอไปกับเสียงแจ้วของเหล่าเรไร ก่อเกิดเป็นท่วงทำนองแห่งธรรมชาติซึ่งชวนให้ผ่อนคลายอารมณ์เป็นที่สุด ม่านน้ำอันพร่างพราวเเละความมืดมิดนั้น ราวกับจะเป็นฉากหลังที่ขับเน้นให้มนุษย์เพียงผู้เดียวกลางป่าแห่งนี้แลดูโดดเด่นและเปี่ยมมนตร์เสเน่ห์ราวกับภูติพรายในหนังสือนิทาน

    ยุ่งยากจริง...

    และนั่นก็คือความคิดของร่างเพรียวสูง หลังจากที่ดวงตาคู่งามละออกจากตัวอักษรในจดหมาย

    ทั้งที่อุส่าห์หนีมาอยู่กลางป่ากลางเขาประเทศบ้านนอกคอกนา เจ้าแก่นั่นก็ยังอุส่าห์ตามเจอจนได้สิน่า

    มือเรียวเสยเส้นผมสีสว่างขึ้นอย่างหงุดหงิดใจ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้ว่าตนเองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามข้อความในจดหมาย

    แอสแซสสิโน่...

    ให้ตายเถอะ ที่แบบนั้นน่ะ ขืนเข้าไปอยู่อีกครั้งคงต้องติดแหง็กจนแก่ตายชนิดออกไปไหนไม่ได้อีกเหมือนตาลุงนั่นเเหงๆเลย

                                                                    *****************

      แกร์นฟิลด์ เมืองท่าที่เป็นเสมือนศูนย์รวมของเศรษฐกิจเเละวิทยาการต่างๆของภาคกลาง เป็นเมืองในฝันของประชาชนทุกคนที่ต้องการจะใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความสิวิไล หากแต่ที่สำคัญที่สุดคือเมืองนี้เป็นที่ตั้งของสถาบันอบรมนักฆ่าซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในโลก

    แอสแซสสิโน่สาขาใหญ่...

    อะไร? แปลกหรือไงที่มีโรงเรียนสอนให้คนไปฆ่าคนน่ะ

    เอาอย่างงี้ละกัน จะบอกตั้งเเต่ต้นเรื่องเลย อาชีพนักฆ่าน่ะ ไม่ได้บัญญัติไว้เป็นข้อห้ามในกฎหมาย แถมเมื่อสิบกว่าปีก่อนยังเป็นอาชีพที่รุ่งเรื่องเเถมหาตังค์ได้ดีสุดๆ ถึงแม้ว่ายุคนี้มันจะซบเซาลงไปบ้างเพราะบ้านเมืองอยู่ในภาวะสงบ นักฆ่าจึงไม่ค่อยมีความจำเป็น แต่ก็ยังเป็นที่รู้กันว่านักฆ่ายังสามารถหากันได้ตามท้องถนนอยู่

    ส่วนไอ้โรงเรียนนักฆ่าอะไรนั่นก็แปะไว้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ ความจริงมันก็เป็นโรงเรียนสอนการใช้เวทย์มนตร์ ดาบ และวิชาพื้นฐานทั่วไปที่มีการสอนดีกว่าโรงเรียนอื่นเค้านิดหน่อยเท่านั้นเเหละ

    ร่างสูงเพรียวใต้เสื้อคอเต่าแขนกุดสีดำ เข้ากับกางเกงขายาวสีเดียวกันก้าวเดินไปตามถนนซึ่งมีทั้งคนและพาหนะแน่นหนาสมเป็นเมืองแห่งวิทยาการ แขนยาวใต้ปลอกแขนสีนิลนั้นยกขึ้น ในยามที่มือขาวจัดการปัดเส้นผมสีเงินแกะกะออกไปให้พ้นใบหน้า

    ไม่ได้ออกจากป่ามานาน ที่นี่ก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนไปเลยแหะ...

    แอสทาริออสคิดอย่างเบื่อๆ เขาเป็นชายหนุ่ม หรือจะเรียกให้ถูกก็คือยังไม่พ้นวัยเด็กหนุ่มดีด้วยซ้ำ เพราะภายใต้หน้าที่ทำเหมือนเบื่อโลกตลอดเวลานั้นคือวัยเพียงสิบหกปี

    แต่เขาก็ไม่ได้หน้าแก่แต่อย่างใดนะ เพียงแต่บุคลิกมันดูเป็นผู้ใหญ่ไปหน่อยเท่านั้นเอง...

    "ลุง ไปแสแซสสิโน่"เสียงนุ่มเอ่ยกับคนเฝ้าวาร์ปพอยท์ พลางยื่นบัตรสีทองไปให้

    สำหรับเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรือง แถมยังเป็นรากฐานของเศรษฐกิจของภูมิภาค วาร์ปพอยด์เป็นการเดินทางที่แม้จะแสนสะดวกสบาย แต่ก็ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะการวาร์ปไปยังสถาณที่สำคัญๆยิ่งต้องโดนยิงคำถามใส่จนพรุนชัวร์

    แต่ถ้ามีแพลทินัมการ์ดมันก็อีกเรื่องล่ะนะ...

    แลก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อชายชราเห็นบัตรของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็รีบกระวีกระวาดเซ็ทตำแหล่งลงบนเครื่องอย่างรวดเร็ว ก่อนจะโค้งให้อย่างนอบน้อมแม่ว่าอีกฝ่ายจะมีอายุคราวหลานก็ตามที

    "เชิญขอรับ นายท่าน"

    แอสทาริออสก้าวเข้าปอยู่ในวาร์ปซึ่งมีลักษณะคล้ายลิฟต์แก้วทั่วๆไป และยังไม่ทันถึงหนึ่งกระพริบตา ภาพภายนอกก็เเปรเปลี่ยนไปพร้อมเสียงกริ่งที่ดังขึ้น

    ติ๊ง!

    เขาก้าวออกมาภายนอก ดวงตาสีม่วงอ่อนมองไปยังสิ่งปลูกสร้างเบื้องหน้าที่อลังการเกินกว่าจะเรียกได้ว่าเป็นโรงเรียน

    โดมแก้วขนาดใหญ่ที่ตรงฝั่งซ้าย เรือนกระจกฝั่งขวา ส่วนตรงกลางคือปราสาทซึ่งสร้างจากหินอ่อนลงอาคมทั้งหลัง ลากล้อมด้วยหอคอยและปราการอิฐ ทางเดินที่ทอดยาวมีรูปสลักของเทพธิดาทรงดาบเเละคทาไขว้กันไว้ตรงอก เรียงรายสลับกับสีม่วงอ่อนของไฮเดรนเยียและสีขาวของดอกกล้วยไม้ รอบปราสาทคือธารน้ำใสซึ่งมีจุดกำเนิดจากป่าทึบทางด้านหลัง

    ให้ตายสิ... เป็นสถานที่ที่ไม่ชวนให้คิดถึงเลยแหะ

    เรียวปากบางแค่นยิ้มออกมาอย่างสุดเซ็งในยามที่สามเท้าก้าวเข้าไปยังรูปปั้นของบุคคลทั้งสามอันเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนกลางลานหน้าปราสาท หยุดชะงักตรงรูปของชายชราเครายาวถือคทาเวทย์อันใหญ่แลดูน่าเลื่อมใส ก่อนจะเริ่มเอื้อนเอ่ยวลีสุดแสลงปาก

    "โอ้... ท่านจีเซลรัส... ท่านจีเซลรัส มหาบุรุษจอมเวทย์ผู้เกรียงไกรหาใดเปรียบ ข้าผู้น้อยขอกราบกรานท่านด้วยจิตอันต่ำต้อยนี้ โอ้...ท่านผู้ปราดเปรื่อง ท่านผู้สูงส่ง โปรดจงเปิดทางให้ข้า ชี้นำข้าผู้โง่เขลาด้วยเถิด"สิ้นเสียง รูปปั้นนักเวทย์ชราก็สั่นระริก แสงสีน้ำเงินพลันพุ่งออกมาจากคทาหิน อาบร่างของเด็กหนุ่มผมสีเงินที่เตรียมหลับตาไว้ก่อนเเล้ว

    พอกันที... นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะพูดรหัสลับบ้าบอสุดหลงตัวเองนี่!

    "บินดีต้องรับ แอสทาริออสคุง"

    เสียงนุ่มนวลฟังดูอ่อนโยนดังขึ้น ทำให้เจ้าของนามซึ่งยังคงมีอาการมึนงงเล็กน้อยจากเวทย์เคลื่อนย้ายหันขวับไปมอง

    "ไอ้คุงที่ต่อท้ายน่ะ พอซะทีเถอะครับคุณจีเซล"

    ประโยคที่เรียกให้รอยยิ้มขบขันผุดพรายขึ้นบนดวงหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรของเจ้าของห้องลับซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลมองอดีตศิษย์รักที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบสองปี

    "ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เธอเองยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน"

    คำพูดที่เขาอยากส่งคืนเจ้าตัวเสียจริงๆ เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเเม้ในใจนึกอยากถลาเข้าไปต่อยไอ้คนต้นเรื่องที่ส่งจดหมายบ้านั่นมาให้เขาสักทีสองที

    "คุณก็ยังดูเด็กเหมือนเดิมเลยนะครับ"

    เอ่ยอย่างประชดประชัน เพราะอะไรน่ะหรอ?

    ก็เพราะตั้งแต่ตอนหกขวบที่เขาได้พบคนตรงหน้า ตอบอายุสิบสามที่เข้าเรียนหนังสือที่นี่ กับตอนนี้ที่เขาอายุสิบหก คนตรงหน้าก็ไม่เห็นจะดูเเก่ลงไปเลยสักนิด

    แถมรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนหนุ่มเอ๊าะๆวัย20 แต่ความจริงกลับอายุเกินหลักร้อยไปนานเเล้ว จีเซลรัส นักเวทย์ผู้เก่งกาจแห่งยุค หนึ่งในบุคคลซึ่งก่อตั้งแอสแซสสิโน่ ผอ.คนแรกและคงจะเป็นคนสุดท้ายของโรงเรียน!!

    "ฉันจะนับว่าเป็นคำชมเเล้วกันนะ เอ้า! นั่งลงก่อนสิ เราจะได้คุยงานกันสะดวกๆหน่อย"มือขาวผายไปทางเก้าอี้ไม้ตรงหน้า ซึ่งคนถูกเชิญก็นั่งลงแต่โดยดี

    "ผมรู้สึกเป็นเกรียติจริงๆที่จะได้ร่วมงานกับคุณ"แอสทาริออสเทียเอ่ยเนิบๆด้วยเสียงสุภาพ หากแต่คนที่รู้ไส้รู้พุงเขาดีอย่างจีเซลคงจะรู้ได้ในทันทีว่าเขากำลังหงุดหงิดเต็มทน

    แต่แน่นอนว่า ผอ.หน้าเด็กก็ยังคุยต่อไปโดยทำเป็นไม่สนใจความหงุดหงิดของเขา

    แบบนี้มันน่าจับไปฆ่าทิ้งสักวัน!

    "งั้นก็ดีสิ เพราะอาจารย์ที่สอนวิชาPoker face เพิ่งจะเกษียณไป ฉันเห็นว่ามีแต่แอสทาริออสคุงเท่านั้นที่จะมาสอนแทนได้"ประโยคที่ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าของคนผมสีเงินกระตุก มือขาวนั้นกำแน่น

    ไอ้ที่พูดเมื่อกี๊น่ะ ฟังยังไงมันก็หลอกด่าว่าเขาเป็นพวกตีหลายหน้าชัดๆ!

    ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะนะ....

    "ตกลงครับ ผมจะมาสอนที่นี่จนกว่าคุณจะหาคนอื่นมาแทนได้"

    เพราะไม่มีทางเลือกหรอกนะ เจ้าแก่ทานูกิเอ๊ย!

    "งั้นก็เริ่มงานวันนี้เลยเเล้วกัน"

    แต่เพราะคำพูดสุดท้ายของจีเซล ทำให้เขาแทบจะตกเก้าอี้ หน้ายิ้มๆที่เคยปั้นมาพังครืน

    "คน...คนอย่างคุณที่มัน!?"

    ยังไม่ทันที่จะได้สรรหาคำมาด่าอาจารย์ที่เคารพตรงหน้า ร่างของคนไม่ยอมแก่ก็สลายกลายเป็นควันไปเรียบร้อยเเล้ว ทิ้งไว้ก็เพียงกระดาษและกุหลาบสีน้ำเงินดอกหนึ่งเท่านั้น

    'ตั้งใจทำงานเข้านะ แอสทาริออสคุง

    และเมื่อเห็นข้อความในกระดาษ มือเรียวก็สั่นระริก ก่อนที่ไฟจะลุกพรึบ เผาจดหมายจนมันกลายเป็นขี้เถ้า

    "ไอ้แก่เจ้าเล่ห์เอ๊ยยยยยย!!!!"
    **************************************
    บทนี้สั้น แต่บทต่อไปจะเริ่มยาวเเล้วครับ ไว้วันหน้ามาลงนะ แต่งเสร็จแล้วแต่ขี้เกียจพิมพ์=*=
    หลงเข้ามาก็เม้นท์นิดนึง เป็นกำลังใจให้คนแต่งตาดำๆก็ดีนะครับ *หัวเราะ*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×