คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : I
I
ที่นี่คือโลกแห่งอนาคต โลกแห่งปี ค.ศ ที่ 7991 โลกที่เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ถูกพัฒนาจนถึงขีดสุด สิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นได้ ในโลกนี้ไม่มีคำว่าเป็นไปไม่ได้ โดยเฉพาะกับคนในยุคนี้
ห้องสี่เหลี่ยมโล่งสะอาดตาในตอนนี้ไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่ มีเพียงชายคนหนึ่งกำลังหลับตายืนนิ่งอยู่ที่เดิมมา 1ชม.แล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะขยับ เขาทำราวกับกำลังซึมซับสิ่งต่างๆในห้องนี้ ห้องสีขาวสะอาดตาที่ไม่มีอะไรเลย มีเพียงความว่างเปล่า กับแสงแดดส่องเข้ามาแต่ห้องสี่เหลี่ยมสีขาวที่แสนว่างเปล่ามันก็แค่ส่วนหนึ่งของอนาคต ในอดีตที่มันไม่ใช่แค่ห้องโล่งๆหรอก มันมีอะไรที่มากกว่านั้น .......
โรงพยาบาลไม่ว่าเวลาไหนมันก็ยังคงเป็นสีขาว เพราะไม่ว่ายังไงคนป่วยเห็นสีขาวก็ย่อมดีกว่าเห็นสีแดง และแม้ว่าหลายๆอย่างจะพัฒนาอย่างต่อเนื่องโรคต่างๆก็ไม่แพ้กัน พวกมันพัฒนาเร็วพอๆกับพวกเราเผลอๆอาจเร็วกว่าด้วยซ้ำไปใครจะรู้
"คุณหมอค่ะตอนนี้มีคนไข้ต้องเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินที่ห้อง 943 ค่ะ"
"ผมจะรีบไป"
คุณหมอรีบเดินไปหยิบชุดกาวน์พิเศษสำหรับการผ่าตัดพร้อมด้วยผ้าโพกผมก่อนจะเดินขึ้นไปบนยานพหนะสำหรับคุณหมอที่ต้องเดินทางอย่างเร่งด่วน เพราะเจ้าเครื่องนี้สำหรับห้องผ่าตัดเท่านั้น
"ชีพจรเต้นต่ำมาก"
"เราต้องเปลี่ยนหัวใจ"
"แต่.."
"เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเราไม่มีเวลาแล้ว"
"ต้องใช้บริการไทม์เมอร์รึเปล่าค่ะ"
"เราพึ่งพวกนั้นมากเกินไปก็ไม่ดีนะ"
.......
"เรามีเวลาไม่มากแล้วนะครับ"
"เหลือเวลาอีกเท่าไหร่"
"1นาทีครับ"
"เอาหัวใจมา"
คุณหมอยังคงผ่าตัดอย่างสงบไม่วอกแวกแม้จะรู้ว่าเวลาที่เหลือนั้นสำคัญแค่ไหน
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ดดดดดดดดด !
"หัวใจหยุดเต้นแล้วครับ!"
ร่างคนไข้กระตุกขึ้นมาพร้อมชีพจรที่ขาดหายไปห้องผ่าตัดฉุกเฉินอยู่ในสภาวะเครียดทันทีแต่แล้วทุกสิ่งก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว
"ไทม์เมอร์"
"ทันเวลาพอดี รีบๆเข้าเถอะคุณหมอหยุดเวลาให้แล้วอย่ามัวแต่คิดมาก เรื่องนี้ไว้ว่ากันทีหลัง คนไข้อาการแย่นะ"
"ก็ยังไม่ได้ว่าอะไร"
คุณหมอจัดการลงมือกระตุ้นให้ชีพจรของคนไข้ให้กลับมาเต้นเหมือนเดิมโดยไม่มีใครขยับได้มีเพียงคุณหมอกับไทม์เมอร์เท่านั้น
"เสร็จแล้ว"
"ก็พอเห็นอยู่"
เวลาที่ถูกหยุดก็เดินต่อคนไข้ถูกผู้ช่วยกระตุ้นหัวใจอีกครั้งแล้วชีพจรที่หายไปก็กลับมาราวกับปาฏิหารย์ห้องผ่าตัดฉุกเฉินจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
"หัวหน้าครับ ชีพจรกลับมาแล้วครับ"
"พวกเราทำสำเร็จแล้วนะครับ"
"ทุกคนทำได้ดีมาก"
แต่ถึงไม่อยากพึ่งยังไงการหยุดเวลาเพื่อช่วยใครคนหนึ่งก็คุ้มที่ไม่ต้องมีคนตายเพิ่มขึ้น
"ผมไม่รู้หรอกว่าคุณคิดอะไรอยู่ไทม์เมอร์แต่การจมอยู่กับอดีตคุณก็ไม่ได้คนรักของคุณกลับมาหรอก"
"ผมรู้น่า ผมแค่คิดถึงจนอยากลืม แต่ถ้าผมลืมก็เหมือนมีบางอย่างที่หายไป ผมถึงต้องกลับไปหาอดีตบ้าง"
"คุณอยู่มาเป็นพันปีแล้วนะ ไม่คิดจะหยุดบ้างรึไง"
"พูดเหมือนกับคุณมีอายุน้อยกว่าผมเลยนะ"
"นั่นสินะ นี่ก็ใกล้เวลาแห่งการจากลาของผมแล้วล่ะ"
"สนุกรึไงกับการข้ามเวลามาเพื่อมองดูไทม์เมอร์ในโลกอนาคต"
"ก็ดีนะ อย่างน้อยผมก็ได้รู้จักคุณ"
"งั้นหรอ แล้วนี่จะไปเมื่อไหร่ล่ะ"
"อีก 5 วิครับ"
"ไปดีมาดีล่ะ"
"ครับผม ท่านไทม์เมอร์รุ่นที่ 100 ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ จองแดฮยอน"
"เช่นกันครับ ไทม์เมอร์รุ่นที่ 95"
"บ้ายบายพี่ชาย"
งานเลี้ยงย่อมมีการเลิกลา เวลาของการท่องเที่ยวแห่งโลกอนาคตก็หมดลง จากโต๊ะกาแฟที่มีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่กลับเหลือเพียงหนึ่งเดียวที่นั่งดื่มชาอยู่ท่ามกลางเมืองอันวุ่นวาย
ใกล้จะถึงวันแรกที่ได้พบกันแล้วสินะ คิดถึงจัง จงกลับไป จงกลับไปยังอดีตที่หวนนึก ย้อนไป ย้อนไปยังเวลาแห่งอดีตกาล
ศุกร์ ที่ 3 มกราคม 2140
สวนสาธารณะอันแสนสงบ ร่มรื่น ย่อมเป็นสิ่งที่ผู้คนมากมายแสวงหาความเงียบห้อมล้อมสถานที่แห่งนี้ไว้ ต้นไม้มากมายให้ร่มเงา ที่พัก ดอกไม้สีสวยแข่งกันเบ่งบานพ่วงด้วยกลิ่นหอมที่ทำให้สมองปลอดโปร่ง เสียงนกร้อง ยิ่งทำให้รู้สึกความสงบของที่นี่
แต่นั้นคือความรู้สึกแห่งฤดูใบไม้ผลิ เพราะตอนนี้คือฤดูหนาว อันแสนเงียบเหงาและอ้างว้าง ยิ่งสถานที่ต่างๆถูกปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะ ยิ่งดูยิ่งเหงา ยิ่งมองก็ยิ่งอ้างว้าง ลมหนาวที่พัดผ่านมีแต่พาความรู้สึกแห่งความโดดเดี่ยวให้ถาโถมเข้ามา
โรงเรียน มหาลัย ร้านค้า ต่างหยุดทำงาน เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงวันหยุดของปีใหม่ที่พึ่งก้าวเข้ามา ทำให้ถนนนั้นเงียบเหงากว่าวันไหนๆ ยิ่งอากาศหนาวมากเท่าไหร่คนก็ยิ่งหายไป ยกเว้นก็แค่ชายหนุ่มกับกล้องคู่ใจ
ชายหนุ่มตัวสูงผิวค่อนข้างแทนสะพายกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดเข้ามายังสวนสาธารณะอันเงียบเหงาและอ้างว้าง ชายหนุ่มถ่ายภาพสถานที่ต่างๆเพื่อส่งประกวดโดยสิ่งที่เขาต้องการถ่ายทอดคือ ความรู้สึกของฤดูกาล ภาพต่างๆมีการถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างดีนั่นคือสิ่งที่ช่างภาพต้องการ
เขาเดินเข้ามายังด้านในใจกลางของสวนสาธารณะแห่งนี้แล้วก็ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ราวกับถูกดึงให้มองจนไม่อาจละสายตา เขายกกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์รัวอย่างรวดเร็วราวกับว่าถ้าไม่ทำเดี๋ยวสิ่งที่อยู่ในสายตาจะหายไป
เสียงกดชัตเตอร์รัวและเร็วทำให้คนนั่งชิงช้ารู้ตัวว่าถูกแอบถ่ายจึงเงยหน้าขึ้นมองก่อนรีบลุกแล้วเดินจากไปทันที
"คุณ !"
ตัวเล็กแต่เดินเร็วชะมัด หายไปซะละ
ร้านกาแฟเล็กๆเป็นสถานที่นัดพบเป็นประจำสำหรับกลุ่มนี้ มาจนสนิทสนมและคุ้นเคยกับเจ้าของร้านเป็นอย่างดี
"จุนฮงวันนี้ไม่มีถ่ายแบบนะแต่มีมะรืนนี้ มาสตูดิโอเช้าๆด้วย"
"ขี้เกียจตื่น"
"นายนี่มัน !"
"เอาน่าๆยังไงวันนี้ฉันก็ต้องไปนอนบ้านจุนฮงอยู่ดี เดี๋ยวจะลากมันออกมาให้"
"ไม่ต้องเลย คนที่ต้องการให้ไปยังไม่มาลากกูไปเลย"
"เรื่องนี้คงช่วยไม่ได้แล้วล่ะยองแจ"
"ให้มันได้อย่างงี้สิเชวจุนฮง ! เมื่อไหร่นายจะตื่นเองบ้างห้ะ!"
"ไม่มีวัน (- - )"
"อย่ามาหันหน้าหนีนะ !"
"ทะเลาะกันทั้งปี"
"ไม่คุยกับหมูอ้วนแล้ว ว่าแต่ภาพที่ไปถ่ายเป็นไงบ้างอ่ะ"
"ก็โออยู่"
"คนอย่างจองแดฮยอนมีคำว่า โอ งั้นก็มีสิทธิ์ลุ้นที่หนึ่งสินะ"
"ก็ไม่แน่"
เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ เสียงโวยวายไม่เคยหายไปจากโต๊ะนี้ มีแต่ความวุ่นวาย ที่ทำให้คนผ่านไปผ่านมามองมาอย่างสนใจ ไม่ใช่แค่เสียง แต่รวมถึงออร่ามากมาย คนนึงก็ตัวสูง ขาว ผมสีควัน สายตาจิกๆ อีกคนก็ผิวสีน้ำผึ้ง สูง นิ่งๆ เอาแต่นั่งยิ้ม หัวเราะกับการทะเลาะของคนสองคน
คนสุดท้าย ผิวขาว ตัวเล็ก หน้าตาน่ารัก ตากลมโต กับริมฝีปากอมชมพู น่ารักราวกับผู้หญิง
"เฮ้อ ~ เดี๋ยวไปส่งหมูอ้วนที่บ้านก่อนส่วนมึงอ่ะ จะเข้าบ้านไปก่อนเลยก็ได้นะ"
"ยังอ่ะ ต้องไปเอาของอีกมึงก็ไปจู๋จี๋กันตามสบาย"
"แดฮยอน ! ผมไม่ใช่แฟนไอ้ขี้เก๊กนี่ซะหน่อย"
"ทำหยั่งกับอยากเป็นนักล่ะ"
"พอเลย ไปเถียงกันต่อในรถเหอะ หนวกหู"
"หมูลุก"
"โทษทีพอดีผอมแล้ว"
"ทำมาเป็นเชิดใส่ หมูรอด้วย"
เฮ้อ ~ สงครามอันน่าปวดหัว กลับบ้านก่อนดีกว่า
ถนนคราคร่ำไปด้วยรถมากมายหลายรูปร่างขับผ่านกันไปผ่านกันมาราวกับกำลังวิ่งไล่กัน บนเส้นทางอันแสนยาวนานยิ่งนานขึ้นเมื่อคนสองคนกำลังทะเลาะกันอย่างหนัก
"ก็บอกว่าไม่เอาไง !"
"มีปัญหามากนักก็ไปคุยกับคนจัดสิ"
"ถ้าอย่างนั้นจะมีผู้จัดการไปทำไมเล่า งี่เง่า !"
"ใช่สิ ยองแจงี่เง่านี่ไม่ได้ฉลาด เจ้าเล่ห์ จอมวางแผนแบบคนแถวนี้นิ"
"ไม่ต้องชม รู้ตัวว่าฉลาด"
"เหอะ หลงตัวเอง"
"คนมันมีดีให้หลงนี่ ใครจะไปเหมือนคนแถวนี้อ้วนเป็นหมู"
"ถึงอ้วนเป็นหมูก็มีใครไม่รู้มาชอบก็แล้วกัน"
"ว่าไงนะ !"
"เหอะ ! ไม่ต้องส่งถึงบ้าน จอดตรงนี้แหละ"
"ทำไมซ่อนใครไว้ในบ้านรึไง"
"ใครจะไปเหมือนนายกันเล่าจุนฮง"
"งั้นก็ส่งถึงในบ้านเลยละกัน"
"นี่ !"
รถแล่นไปตามถนนด้วยความเร็วเลี้ยวไปตามซอยต่างๆอย่างชำนาญ และรถคันนี้จะไม่ยอมให้ผู้โดยสารลงจนกว่าจะถึงปลายทาง
บ้านหลังเล็กสีออกเทาหม่นๆตามพื้นสนามหญ้าถูกปกคลุมด้วยสีขาวของหิมะยิ่งทำให้บ้านหลังนี้ดูหนาวเย็นอย่างประหลาด ชายผิวน้ำผึ้งก้าวลงจากรถพร้อมกระเป๋ากล้องใบใหญ่สีดำรีบเดินเข้าบ้านเนื่องด้วยอากาศข้างรอกนั้นหนาวจึงต้องรีบก่อนแข็งตายอยู่ด้านนอก
ชายหนุ่มล้างรูปที่ตนเองถ่ายมาเพื่อดูว่ามีรูปไหนเสียและยังขาดอะไรไปบ้าง จนมาถึงรูปที่ถ่ายได้เมื่อเช้า รูปของผู้ชายตัวเล็กสวมเสื้อกันหนาวสีเขียวแก่ ผมสีน้ำตาลไหม้ กำลังนั่งเล่นชิงช้าในสวนสาธาระณะราวกับกำลังรอใครบางคน แต่พอถึงอีกภาพกลับกลายเป็น ผู้ชายหน้าหวานราวกับผู้หญิงเงยหน้าขึ้นมองมาทางกล้องพร้อมกับน้ำตาพร่างพรายบนใบหน้านวล
สวยจนอยากเก็บไว้ไม่ให้ใครดู
หวังว่าเราคงได้เจอกันอีก :D
"มัวแต่นั่งดูรูประลึกความหลังอยู่รึไงไทม์"
"ผ่าตัดเสร็จแล้ว ?"
"อือ ขอบใจ"
"มันเป็นหน้าที่"
"งั้นหรอ"
คนทั้งคู่นั่งเงียบโดยไม่มีใครเอ่ยอะไรปล่อยให้สายลมพัดพาความคิด ความรู้สึกต่างๆที่กำลังถาโถมเข้ามาสู่ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตนอีกครั้ง
____________________________
สวัสดีทุกท่าน เรื่องราวมึน + งงมั้ย ดูลึกลับดีรึเปล่า :) แต่ทุกอย่างก็ไม่แน่เสมอไป อาจมีคนทายเนื้อเรื่องถูกก็ได้นะ โทษทีที่อัพช้าพอดีไปต่างจังหวัดมา ลาล่ะ สวัสดี ('-')/
ความคิดเห็น