คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เวทมนตร์ พันธะสัญญา จิ้งเหลน! >> Write by Ing
"เอาล่ะ" ยายเฒ่าพูดเสียงเบาแล้วหยิบหนังสือเล่มบิ๊กเล่มหนึ่ง สันหนาประมาณสองนิ้วมีฝุ่นเกาะหนา คร่ำครึ ดูแล้วโคตรโบร๊านโบราณในสายตาของเอิร์นที่ยืนดูอยู่ พลางสะบัดตัวนิดๆด้วยความไม่ชินกับชุดใหม่ที่สวมใส่อยู่ ยังดีที่รองเท้าคอนเวิร์ดยังอยู่ที่เท้าเธอ (หึหึ)
"นี่คือตำราเวทมนตร์" ยายเฒ่าเอ่ยพลางปัดฝุ่นที่หนาเตอะออก ฝุ่นนั้นฟุ้งไปทั่วราวกับควันดำที่พุ่งออกจากรถบรรทุกเวลาขี่รถตาม เอิร์นยกมือปัดป้องอย่างกระอักกระอ่วน ไม่นานนักหนังสือเล่มบิ๊กที่สกปรกไปด้วยฝุ่นก็กลายเป็นหนังสือเล่มหนาที่หน้าปกมีลายวงแหวนแปลกๆสีทองนูนขึ้นมาจากปกสีแดงเลือดหมู ทันทีที่เอิร์นมอง เลือดภายในกายก็รู้สึกพลุ่งพล่านบอกไม่ถูก
"ค่ะ..??" เอิร์นรับตำรามาแล้วประคองอย่างระวัง เพราะน้ำหนักมันหนักใช้ได้ เหมือนถือทุเรียนอัน3กิโล เธอพลิกหนังสือแล้วเปิดรัวๆ ก็พบตัวหนังสือลายตามากมายซึ่งเธอไม่รู้จักมาก่อน แต่ความรู้สึกในใจเธอและสมองอันที่มีหยัก(นิดๆ)มันบ่งบอกว่าเธออ่านมันออก! เธอคิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยาขี้โคลนตะไคร่อันสยองนั่นที่ทำให้เธอพูด อ่าน เข้าใจ รวมทั้งอาจเขียนภาษาแบบนี้ได้
"ใช้ไงเนี่ยยาย อะไรเนี่ยคีร่า..?" เอิร์นพลิกกลับตำรามาหน้าแรก ซึ่งบรรทัดแรกเขียนไว้ว่า "ธาตุไฟขั้นพื้นฐาน" ต่อด้วย "จู่โจม" และบรรทัดต่อมาก็เขียนว่า "รวมสติไว้มั่น กำหนดพลังไว้ ณ จุดปล่อย" อีกบรรทัดต่อมาก็มีอักขระโบราณซึ่งเอิร์นอ่านออกมาราวกับสัญชาตญาณภาษาบ้านเกิดว่า "เปลวเพลิงจงแผดเผา เหล่าชั่วร้ายให้วายชีวา คีร่า" แล้วเครื่องหมายปริศนาก็ผุดลอยขึ้นมาเต็มหัว
"ไอ่รวมสติไว้มั่น ก็เข้าใจดีอยู่หรอก แต่กำหนดพลังไว้ ณ จุดปล่อย ...จุดปล่อยนี่คือไรเหรอยาย"
"จุดที่เจ้าจะปล่อยพลังออกไป ในความหมายก็คือ ฝ่ามือ"
"ฝ่าเท้าไม่ได้เหรอ" เอิร์นถามอย่างซื่อๆ แฝงนัยน์กวนติล
"ไม่ได้!" ยายเฒ่าเอ็ด แต่ต่อมาก็พูดอย่างท้า "เจ้าอยากเป็นคนแรกที่ลองทำดูก็ได้นะ"
"เหอะ ไม่อ่ะ แล้วทำไมมันไม่เขียนว่า ณ ฝ่ามือ ก็จบเห่แล้วเนี่ย วุ้ยเข้าใจยากนะ"
ยายเฒ่ารำคาญการบ่นของเอิร์นแล้วพูดตัดบท "ไหนลองทำให้ข้าดูหน่อยซิ เฮ้ย หันฝ่ามือไปอีกทางสิ(โว้ย)" ยายเฒ่าเอ็ดแล้วปัดมือซ้ายของเอิร์นที่ยื่นออกมาตรงหน้าแกพอดีไปทางด้านที่มีกระถางต้นไม้เก่าๆวางอยู่
เอิร์นสูดลมหายใจลึก ..รวมสติไว้มั่น.. กำหนดพลังไว้ ณ จุดปล่อย.. เอิร์นข่มตาแน่นแล้วพยายามนึกถึงเส้นประสาทสัมผัสที่ฝ่ามือ ซักพัก..เหมือนกับมีอะไรก่อตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนอยู่แล้วพยายามจะพุ่งออก
"คีร่า!!" เอิร์นตะโกนออกมาสุดเสียง
ปุ๊ง!! แฟ้บ...
เสียงเหมือนลมตด..ดังออกมาจากฝ่ามือของเอิร์น ควันไฟระเบิดออกมาเป็นกลุ่มเล็กๆแล้วจางหายไป เอิร์นยืนหน้าเอ๋อ เหงื่อไหล
"ง่ะ..."
ยายเฒ่าเอาไม้เท้าที่ตนค้ำอยู่ยกขึ้นฟาดหัวเอิร์นอย่างเซ็งจอร์จ "เจ้าลืมท่องส่วนแรก"
เอิร์นร้องโอ๊ย พลางหันกลับมาตั้งสติใหม่ และเริ่มทำท่าแบบเมื่อกี้อีกครั้ง
"เปลวเพลิงจงแผดเผา เหล่าชั่วร้ายให้วายชีวา คีร่า!!" พร้อมกับคำพูดสุดท้าย ก้อนเปลวเพลิงกลมๆก็ค่อยๆขยายจากเล็กเป็นใหญ่เท่าลูกแฮนด์บอล ภายในมีสายเปลวเพลิงไหลวนอย่างร้อนแรงและร้อนระอุพุ่งออกไปยังเบื้องหน้าซึ่งเป็นกระถางต้นไม้เก่าๆ ซึ่งกลายเป็นจุนหลังจากโดนลูกไฟนั้นกระแทกเข้าอย่างจัง
เอิร์นแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง มันรวดเร็วเพียงเสี้ยววินาทีตั้งแต่เธอพูดคาถานั้นออกไป เสียงปรบมือจากยายเฒ่าที่ยืนมองอยู่ด้านหลังดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึอย่างชอบอกชอบใจ
"พลังเจ้าไม่เลวเลยนี่ ผู้ที่ถูกเลือก ไม่สิ ตอนนี้ยังคงอยู่ในช่วง "ฝึกหัด" เยี่ยม เยี่ยม หึหึ"
"ยอดมากเลยยาย แต่ว่า ถ้าสมมติว่าเจอพวกศัตรูอะไรเงี้ย จะให้ฉันยืนท่องคาถายาวๆอย่างเงี้ยเหรอ คงตายห่าก่อนท่องจบ!"
"ข้าลืมบอก.. ถ้าหากว่าเจ้าสามารถใช้คาถาใดได้สำเร็จแล้ว คาถาในหน้านั้นจะหายไป ไม่เชื่อลองดูในหน้าแรกที่เจ้าเพิ่งใช้ออกไป" ยายเฒ่าส่งสายตาบุ้ยใบ้ไปที่หนังสือเล่มพี่บิ๊กที่อยู่ในมือขวาของเอิร์น
"โอ้วแม่เจ้า! จริงๆด้วย อ้าว แล้วยังไงล่ะ? ถ้าฉันจะใช้จะไปหาที่ไหนมาร่ายคาถา"
"หลังจากที่ผู้ใช้เวทมนตร์ใช้เวทมนตร์ชนิดนั้นได้สำเร็จเป็นครั้งแรก เมื่อจะใช้ครั้งต่อไป ก็จงพูดชื่อคาถาของมันเท่านั้น ก็จะใช้ได้" ยายเฒ่าเอ่ยเสียงเนิบ "เจ้าจะต้องฝึกให้ใช้คาถาในตำรานี้อย่างน้อยก็ซักครึ่งหนึ่ง ถึงจะเอาตัวรอดในการต่อสู้ได้"
เอิร์นหัวเราะอย่างสะใจ "ถ้างั้นก็แค่ฉันรวบรวมสติแล้วท่องคาถาใหม่ๆให้ได้ แค่นั้น? หมูๆเฟ้ย"
ยายเฒ่าเป็นฝ่ายหัวเราะบ้าง และหัวเราะอย่างสมเพชในความซื่อ หรือ ว่าความมักง่ายของเด็กสาวตรงหน้า "เจ้าเด็กโง่! คาถาแต่ละคาถาจะมีความยากขึ้นไปเป็นระดับ บางคาถาอาจมีข้อแม้ นี่แค่เป็นคาถาแรกเลยง่ายหน่อย ต่อๆไป ยิ่งเป็นคาถาขั้นสูงแล้ว แทบกระอักเลือดกว่าจะฝึกได้!" ยายเฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงสยองๆให้เด็กสาวขนลุกเล่นแล้วเดินจากไป
"พูดอย่างกับว่าฉันจะอยู่ทนฝึกเรื่องบ้าๆพวกนี้ นี่มันไม่ใช่เกมส์นะว้อย" ว่าแล้วเด็กสาวก็จ้ำอ้าวออกไปข้างนอกพร้อมกับหนังสืออันโคตะระหนายิ่งกว่าหนังสือเอนท์
หน้าบ้านซึ่งเต็มไปด้วยพื้นที่โล่ง มีทางหนึ่งนำออกไปสู่ป่า ซึ่งได้ยินเสียงแหกปากของไอ่เกรทดังอยู่ลิบๆ ยิ่งบ้านหลังนี้อยู่ท้ายของท้ายของหมู่บ้านด้วยแล้ว บ้านหลังนี้จึงเป็นหลังเดียวที่อยู่ในที่บริเวณนี้ เอิร์นกวาดสายตาอันหมวยๆของเธอไปทั่ว ก่อนจะนั่งบนโขดหินก้อนใหญ่ขนาดรองรับก้นเธอได้ เพราะเธอไม่กล้าจะไปตะลุยตามหาเกรทในป่า เพราะแค่เสียงของเพื่อนรักเธอมันก็บั่นทอนกำลังใจไปมากแล้ว
เอิร์นพลิกหน้ากระดาษตำราเวทนั้นไปอีกหน้า คาถาต่อมาคือคาถาแห่งลม.. ซึ่งข้างล่างเขียนต่อมาว่า "ป้องกัน"
..ไม่ต้องเก็บเลเวล..
..ไม่ต้องเก็บประสบการณ์..
..แค่มีพลังอยู่ในตัวก็ฝึกใช้ได้เลย..
..นี่ตูเป็นผู้ที่ถูกเลือกจริงๆเหรอฟะ? ไม่ว้อย ตูจะกลับบ้าน ไว้เจอไอ้กบนอกกะลาสีเหลืองขี้นั่น ก็คงกลับบ้านได้แน่..
เอิร์นคิดในใจพร้อมกับถอนใจออกมา "หืม.. ก็เหมือนกับคาถาแรกนี่หว่า.. ไม่เหมือนแค่ตัวคาถามัน สงสัยเป็นคาถาพื้นฐานเลยไม่มีอะไรมากมั้ง" เอิร์นบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ
"สายลมจากแดนไกล จงโอบล้อมกายของข้า ดราฟท์ก้า!" สิ้นเสียงจากทุกสิ่งที่เคยสงบนิ่งก็สั่นไหวไปตามแรงลมที่ไม่รู้ทิศ พัดถาโถมเข้ามายังเอิร์นผู้ร่ายคาถา ซึ่งสายลมที่พัดมานั้นม้วนรอบตัวเอิร์นเหมือนขนมสายไหมหากแต่เป็นสายไหมที่โปร่งแสง บัดนี้เอิร์นยืนอยู่ใจกลางของสายลมที่เกาะกลุ่มเป็นก้อนๆ
"เจ๋งมากเลยโรบิ้น!" เอิร์นอุทานออกมา ด้วยความที่ผ่านหนัง การ์ตูน เกมส์ แนวแฟนตาซีมามากตามฉบับเด็กเพ้อฝันอย่างเธอ เธอจึงนึกลองในสิ่งที่เธอนึกขึ้นได้
"ลอย!" ทันใดนั้นตัวเอิร์นเริ่มลอยสูงเหนือพื้นดินขึ้นไปทีละน้อย ด้วยอาการตื่นเต้นตกใจราวกับผีเสื้อติดปีก (ผีเสื้อมันก็มีปีกอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ?)
ทันใดนั้นเอง เกรทที่กลับออกมาจากป่าในสภาพไม่เหลือเค้าเดิมให้จดจำ เหมือนกับไปวิ่งหยอกเล่นกับสิบล้อก็กลับเข้ามา เห็นเพื่อนรักลอยโด่อยู่กลางอากาศ ก็ตกใจนึกว่าเจออาถรรพ์อะไรเข้าก็เอะอะโวยวายลั่น
"เฮ้ย!! ไอ่เอิร์นโดนมนตร์สะกด!" นึกว่าหนังแฮรี่ พอเต้อ ไอ่เกรทจึงรีบวิ่งเข้าไปหา แต่หารู้ไม่ว่าไอ่เสียงยิ่งกว่าชายอกสามศอกของมันนั้น ทำเอาเอิร์นที่กำลังลอยอยู่บนอากาศสติสตังขาดลงกะทันหัน ทันใดนั้นสายลมที่ล้อมรอบอยู่ตัวเธอก็พัดกระจัดกระจายหายไป แล้วร่างอันบอบบางไม่เกิน55กิโลกรัมก็หล่นลงพื้นด้วยแรงโน้มถ่วงโลก g = 10 โดยเฉลี่ย
ผลั่ก!
"โอ๊ย!"
"แอ๊ก.." เสียงเหมือนตุ๊กแกถูกตบด้วยไม้ปิงปอง (คนแต่งเคยทำมาแล้ว แล้วเสียงมันก็เปนแบบนี้เจงๆ)
หน้าบุญที่จังหวะนั้นนังเกรทผู้ไม่รู้ฟ้า (หรือบัพฟาโล่ โนสกาย) วิ่งไปหาเพื่อนรักของเธอทันทีที่ตะโกน ก็เลยกลายเป็นเบาะนิ่มๆรองรับวัตถุเกือบ55กิโลไว้อย่างไม่ได้ตั้งใจ
"เป็นไงบ้างวะเกรท" เอิร์นตั้งสติได้ลุกขึ้นจากร่างที่เกือบจะแหลกคาก้นของเธอ
"ตูยังไม่ตาย....." ยกมือขึ้นแล้วค่อยๆตะเกียกตะกายอยู่บนพื้นดินอย่างน่าอนาถ
"หลักสำคัญของการใช้เวทมนตร์นั้น "สติ" สำคัญที่สุด เจ้าต้องฝึกฝนบ่อยๆซะแล้วล่ะ" คาร์ลเดินเข้ามายิ้มๆแล้วก็เดินจากไปซะอย่างนั้น
"เป็นไงบ้างวะ" เอิร์นถามเพื่อนขณะที่ในมือถือยาสีเหลืองอ่อนที่ไปขอจากยายเฒ่ามา ตอนนี้ทั้งสองนั่งอยู่หน้าบ้านที่มีเก้าอี้ไม้เก่าๆสองตัวซึ่งเป็นที่ยึดเกาะของเถาวัลย์ไปแล้ว
"ดีนะที่วันนี้ฉันไปฝึกทรหดมาก่อน ร่างกายเลยพอรับไหว ไม่ง้านม่อง" เกรทเอายาปาดไปตามแขนขาและรอยฟกช้ำที่มีอยู่เต็มทั่วร่าง
"หนุกป่ะแก"
"หนุกกะผีสิวะ หยั่งกะไปฝึกวิชาของสำนักเส้าหลิน แม่งจับตูนั่งตากน้ำตก" เกรทบ่นทำหน้าเครียด
"เหอะๆ เออ ฉันฝึกเวทได้2อย่างแล้วนะแก ไฟ กับ ลม ว่ะ แต่ต้องใช้สมาธิโคตร ตูยิ่งสมาธิสั้นอยู่.. แต่ใช้ไปแค่สองเวทเอง เหมือนกับไปวิ่งรอบสนามห้ารอบ" เอิร์นลุกขึ้นแล้วบิดเอี้ยวตัวไปมาอย่างเมื่อยๆ
"สบายกว่าตูอีก"
"เฮ้อ...คิดถึงบ้าน คิดถึงทุกๆคน คิดถึงเพล2.." เอิร์นนั่งบ่น เกรทหันมามอง
"แกว่าเราจะกลับบ้านได้มั้ยวะ ตอนนี้ที่แน่ๆตูไม่อยากเป็นผู้ที่ถูกลงถูกเลือกไรนั่นเลยว่ะ ไร้สาระแม่ง ชงช่วยไรโลกนี้ แค่ชีวิตตัวเองยังเอาไม่รอดให้ตายเถอะ"
"แล้วตกลงเราสองคนเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอวะ" เอิร์นหันมาถาม
"ก็ถ้าไม่เป็นแล้วแกจะมีพลังเวทได้ไงวะ แล้วตูจะอึดถึกขนาดนี้เหรอ ปกติเดินเที่ยวแถวสยามก็ขาลากแล้ว โอ๊ยจะบ้าตาย" เกรทกุมขมับพลางส่ายหัวไปมา
เอิร์นเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมาอย่างชนิดที่เกรทก็ต้องตกใจ "หนีเถอะวะ"
เกรทไม่พูดอะไร
"แกจะยอมรับชะตาแล้วก็ต้องดำเนินไปอย่างนี้ทั้งๆที่เราสองคนก็ไม่ยอมรับอย่างนั้นเหรอวะ" เอิร์นพูดเสียงกร้าว
"แล้วจะหนีไปที่ไหน ไอ่กบห่านั่นก็ไม่รู้อยู่แถวไหน ตรงๆเลยนะเฟ้ย ถ้าเกิดเราหนีไปแล้วเกิดซวยหลงไปนู่นไปนี่ แล้วยิ่งกว่าซวยอีก ไม่ต้องตายกันเหรอวะ ตูว่า ไม่มีประโยชน์ว่ะ ลองนึกถึงแฮรี่ดิ่ มันยังยอมรับชะตากรรมเลยฟ่ะ" ไปโผล่เรื่องแฮรี่ได้ไงวะเนี่ยะ?
"นั่นมันหนังเฟ้ย นี่ชีวิตจริงเฟ้ย อ้ากกกก" เอิร์นเริ่มจะตบะแตก
"เชื่อเถอะ มันไม่มีประโยชน์ที่เราจะสวนกระแส สู้ไปตามน้ำไม่ดีกว่าเหรอ คิดซะว่านี่คือ ความฝัน" ไอ่เกรทที่เพิ่งพูดว่าไร้สาระอยู่ปาวๆก็กลับความคิดราวกับพลิกฝ่ามือ
"คิดถึงบ้าน..."เอิร์นครางออกมา หน้าแดงเหมือนน้ำตาจะไหล เกรทได้แต่ตบไหล่ปลอบใจเท่านั้น
"เอาล่ะ ถ้าเราจะต้องมีชะตาแบบนี้จริง แกต้องสัญญากับฉันว่า ห้ามพูดคำว่า คิดถึงบ้าน อีกได้ยินไหม"
ก่อนที่เอิร์นจะทันได้ปริปากพูดอะไรออกไป เสียงหัวเราะอันสั่นประสาทก็ดังมาทางเบื้องหลัง เสียงเนิบๆยานๆนั้นฟังก็รู้ว่าเป็นใคร
"หึหึ ในเมื่อปลงตกกันได้แล้ว หึหึ ลองเล่นอะไรที่ในโลกของเจ้าไม่มีหน่อยเป็นไง" แล้วยายเฒ่าก็ชูกระดาษสีกาแฟขึ้นมา "นี่คือกระดาษ "พันธะสัญญา" พวกเจ้าจะต้องเขียนคำสัญญาลงไปแล้วตั้งเงื่อนไขของการผิดสัญญาไว้ จากนั้นก็จุดไฟเผา พันธะนั้นจะเป็นจริงสัมฤทธิ์ผล"
"ตลกน่า ใครจะกล้าเล่นฟ่ะ" เอิร์นพูดออกมาอย่างแหยงๆ ราวกับว่าตรงหน้ามันเป็นสิ่งน่ารังเกียจ
"ไหนๆก็ไหนๆแล้ววุ้ย" กลับกัน ไอ่เกรทผู้กล้าลองในสิ่งแปลกๆ คว้ากระดาษจากมือของยายเฒ่ามาพร้อมกับปากกาขนนก ก่อนจะลงมือเขียนด้วยมือบรรจง
...ในระหว่างเราสองคน เกรท และ เอิร์น (ในตอนนี้เอิร์นโวยวายลั่นว่า ทำไมต้องเขียนชื่อมันไปด้วย) หากมีใครคนหนึ่งพูดคำว่า "คิดถึงบ้าน" หรือ "อยากกลับบ้าน" ขอให้บุคคลนั้นจงกลายเป็น..(เกรทแหงนมองฟ้าพลางใช้ความคิด) จิ้งเหลน!..เป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม!..
ขณะที่เกรทจะจุดไฟเผากระดาษงี่เง่าอันเป็นคำสัญญานั้น เอิร์นก็ชิงทำลายมันซะก่อนด้วยเวทไฟที่เธอเพิ่งได้มันมา "คีร่า!!!" แล้วกระดาษนั้นก็กลายเป็นผงไป
เอิร์นยืนหอบหายใจถี่ ยายเฒ่ายืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ "ใช้ไฟเผา หรือ ใช้เวทไฟเผาก็ไม่ต่างกันหร๊อกก" แล้วยายแกก็เดินจากไป ทำเอาเอิร์นแทบจะบ้า
"ไม่เห็นเป็นไรเลยแก ฉันกับแกจะได้ไม่ต้องคิดไรมากอีกไง แฮ่ๆ" เกรทยืนหัวเราะอย่างกวนตีล
"แกเขียนไปว่าไรนะ?" เอิร์นถามเสียงสูงอย่างซื่อๆ
"ก็เขียนไปว่า ห้ามพูดคำว่า "คิดถึงบ้าน"..." ไม่ทันขาดคำ ราวกับมีระเบิดควันถูกจุดบนตัวเกรท มันดังปุ๊ง! เหมือนเสียงตด จากนั้นเกรทก็หายไป
จิ้งเหลนสีทองคำมีขนสามเส้นหยิกหยอยโผล่มาตรงหนังหัวน่าขนลุก วิ่งพล่านไปมา เอิร์นนั่งหัวเราะงอหงายอยู่กับพื้นอย่างแทบจะคลั่ง จิ้งเหลนทองอร่ามตัวนั้นวิ่งลิ่วๆมาที่ฝ่าเท้าของเอิร์นแล้วก็เงยหน้าขึ้นมอง
"ไอ่ชั่ว เมิงหลอกกรู!" จิ้งเหลนร้องเสียงแหลมแล้ววิ่งพล่านไปอีกครั้ง
"สมน้ำหน้า อยากลองเล่นอะไรแบบนี้ทำไม ไง..ได้ลองกับตัวเองแล้วเป็นไง ให้ตายเถอะโรบิ้น!!~" เอิร์นใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหยิบตรงหางจิ้งเหลนขึ้นมาทำท่าขยะแขยงใส่ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์ดี
..คืนนั้นผ่านไปอย่างไม่ค่อยดีนิดหน่อย..
เช้าตรู่ตะวันยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆซึ่งถูกยกให้เด็กสาวต่างโลกผู้ใช้เวท ซึ่งกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงขนาดพอเหมาะอย่างสบายอารมณ์ ต้องถูกปลุกด้วยเสียงโครมครามจากห้องข้างๆซึ่งเป็นห้องนอนของไอ่เกรทเพื่อนเธอ
"อะไรวะ" เอิร์นลุกขึ้นมาอย่างงัวเงีย ขยี้เส้นผมสีดำสนิทนั้นอย่างแรงก่อนจะล้มลงไปนอนกับที่ต่อ แต่ยังไม่ทันจะหลับตา ประตูไม้ก็ถูกผลักออกดัง ปึง! ร่างเตี้ยๆเดินเข้ามาหา ก่อนที่จะทันได้รู้สึกรู้สมอะไร เหมือนกับมีงูมาเลื้อยพันข้อเท้า ทันใดนั้นร่างของเอิร์นก็ถูกเหวี่ยงขึ้นไปอยู่กลางอากาศในสภาพหัวดิ่งลงพื้น
"ขี้เซาเหลือเกินนะพวกเจ้า ได้เวลาฝึกซ้อมแล้ว วันนี้เจ้าจะต้องไปฝึกซ้อมกับคาร์ลพร้อมกับเพื่อนของเจ้าด้วย" ยายแก่เอ็ดออกมา
"เกี่ยวอะไรด้วยอ่ะ ฉันใช้เวทน้า" เอิร์นเริ่มจะออกอาการเลือดคลั่งในสมองพูด
"จุดอ่อนของคนใช้เวทคือเชื่องช้า เสียเปรียบในด้านเชิงรับและรุกอย่างมาก ข้าจะไม่ให้เจ้าไปฝึกตีรันฟันแทงอะไรหรอก แค่ให้ไปฝึกความคล่องแคล่วว่องไวในการหลบหลีกการจู่โจมจากบุคคลไม่พึงประสงค์อะไรพวกเนี้ยแหละ มันจะเป็นประโยชน์เวลาเจ้าต่อสู้ด้วย เจ้าเร็วกว่าเจ้าก็เหนือกว่า" พร้อมกับพูดจบ ร่างของเอิร์นก็ถูกเหวี่ยงออกไปนอกประตูกระทบกับพื้นไม้ดังโครม ในใจลึกๆแค้นอย่างบอกไม่ถูก
ละอองน้ำจากสายน้ำตกที่ตกกระทบกับโขดหินมากมายกระจายมากระทบกับผิวหน้าอันเนียนใส่ผุดผ่องของเด็กสาวต่างโลกทั้งสองซึ่งนั่งแหมะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่คาร์ลจัดเตรียมอุปกรณ์อะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆ
"แม่งปลุกตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่เลย" เกรทเอ่ยทำลายความเงียบ
"เจ็บตัวด้วย" เอิร์นลูบหน้าผากที่ปูดโน วันนี้เธอไม่ได้แบกตำราพี่บิ๊กมาด้วยเพราะถูกลากมาฝึกร่างกายให้คล่องแคล่วก่อน ซึ่งยายเฒ่าบอกเธอว่า ต้องฝึกแบบนี้ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ประมาณหนึ่งเดือน!!
ยิ่งกว่าเกณฑ์ทหาร!!
คาร์ลหันมาส่งสายตาอันเป็นเชิงบอกให้เกรทรู้ว่า ได้เวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลาสนุกแล้วสิแบบเทเลทับบี้ ซึ่งเกรทก็ต้องทำใจกระโดดขึ้นไปนั่งบนโขดหินตากน้ำตกที่ตกลงมาจากเทือกเขาสูงลิ่ว ในใจนึก 'กูอยากตีแบตโฟ้ย'
เห็นเพื่อนรักจากไปแล้วหนึ่ง ก็เหลือแต่เธอ คาร์ลโบกมือเรียกเธอราวกับมัจจุราชรอเชือด เอิร์นกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะลุกเดินออกไปหา
"เอาล่ะ ก่อนอื่นต้องบริหารร่างกายก่อนแล้วค่อยฝึก จากนี้ไปให้วิ่งตามข้าล่ะ" ไม่ทันจบประโยคดีเขาก็ออกตัววิ่งลงเนินไป เอิร์นได้แต่ผงะแว้บหนึ่งก่อนจะออกวิ่งตาม
ยิ่งกว่าการ์ตูน - - หากจะให้นึก นึกถึงภาพภูเขาหลายๆลูกติดกันแล้วก็มีเงาคนสองคนวิ่งขึ้นลงแต่ละลูก โดยคนแรกวิ่งเหมือนตัวการ์ตูนอนิเมชั่นที่วิ่งไปไม่รู้จักเหนื่อย ห่างจากคนแรกไปประมาณภูเขาลูกหนึ่ง เงาคนอีกหนึ่งผู้วิ่งตาม กำลังวิ่งบวกกับคลานสลับกันไป โดยคนแรกไม่ยอมผ่อนฝีเท้าให้เลยแม้แต่นิดเดียว
"แฮ่ก แฮ่ก" เอิร์นคลานขึ้นเนินมาอย่างแช่มช้าแทบจะขาดใจตาย จนมาถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ ละอองน้ำจากน้ำตกผ่อนความเหนื่อยลงไปบ้าง ร่างกายนี่เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ แทบจะยึดตึง ปวดระบมไปหมด เบื้องหน้าคาร์ลยืนผูกท่อนซุงขนาดย่อมไว้กับกิ่งใหญ่ของต้นไม้ ราวกับกระสอบทราย เอิร์นเห็นแล้วภาวนาในใจอย่าให้เธอต้องมาฝึกมวยไทยกับไม้เลย
"โอ้วแม่เจ้า" เอิร์นบัดนี้ไม่เหลือเค้าความงามอะไรเลย(ความจริงมันก็ไม่มีอยู่แล้ว) เหงื่อโทรมกายจนเสื้อแนบติดกับเนื้อเห็นเป็นส่วนสัดอย่างชัด ไขมงไขมันเห็นหม๊ด
"มา..เจ้าต้องยืนอยู่ตรงนี้แล้วคอยเหวี่ยงตัวหลบท่อนซุงนี่ ห้ามก้าวเกินออกจากอาณาเขตที่ข้ากำหนดไว้ เอ้อ และห้ามป้องกันตัวเองนอกจากจะเหวี่ยงตัวหลบเท่านั้น" เขาเอากิ่งไม้ขีดเป็นวงกลมขนาดเล็กซึ่งเอิร์นยืนได้พอดีเป๊ะ แถบจะกระดิกขาไปไหนไม่ได้เลย
แล้วกรูจะหลบยังไงวะ..!
ไม่ทันจะตั้งตัวคาร์ลก็เหวี่ยงท่อนซุงเข้าหาตัวเอิร์น เธอแหกปากร้องกรี้ดพร้อมกับเอี้ยวตัวหลบเหมือนเจมส์ บอน เอี้ยวตัวหลบกระสุนปืน หากแต่นี่มันท่อนซุงอันใหญ่เท่าตัวเธอ
หวืด.. เอิร์นเอี้ยวไปทางซ้าย เฉียดใบหู
หวืด.. เอิร์นย่อตัว แต่อนิจจาย่อไม่พ้นเพราะท่อนซุงมันสูงเลยพื้นดินไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฟาดเข้ากลางหน้าอย่างจัง หงายหลังก้นจ้ำเบ้า
"หน้าช้านนนนน กรี้ดดดด" เอิร์นนั่งดิ้นพรวดพราดอยู่กับพื้น คราวนี้พอท่อนไม้มันเหวี่ยงเข้ามาอีกรอบ เธอก็ยกฝ่าตีลที่สวมด้วยรองเท้าคอนเวิร์ดขึ้นแล้วกระแทก(ถีบ)มันออกไปอย่างแรง ทำเอาคาร์ลหลบแทบไม่ทัน
"เอ้า! พักก่อนก็ได้" คาร์ลจับท่อนไม้นั้นไว้แล้วเอียงหน้าออกมาบอกกับเอิร์น ชายวัยกลางคนหัวเราะอยู่ในลำคอพลางมองร่างของเด็กสาวที่พยายามพยุงตัวเองด้วยการคลานไปที่ใต้ต้นไม้
ตัดมาทางเกรทซึ่งขณะนี้หัวมันคงยุบลงไปคืบหนึ่งแล้วกระมัง มันนั่งทำคอแข็งต้านน้ำตกอยู่ไม่นานก็หงายหลังตกน้ำไป แล้วก็พยุงตัวเองขึ้นมานั่งทำใหม่ แล้วก็เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเกรทก็ทำท่าเหมือนจอมยุทธ์ฝึกกระบวนท่าวิชาสำเร็จ เธอยกแขนขึ้นข้างลำตัวสูงเหนือหัวพร้อมกับตะโกนออกมาสุดเสียง เพียงแต่ขาดเอฟเฟคแบบในหนัง คือมีน้ำระเบิดกระจัดกระจายออกมาก็เท่านั้น
"ย้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก" เกรทร้องออกมาอย่างทนไม่ไหว
"เฮ้ๆ ในที่สุดจอมยุทธหญิงก็ฝึกกระบวนท่าไม้ตายได้สำมะเหร็ด" เอิร์นตบมือพลางยิ้มยิงฟันให้ เมื่อเห็นเกรทเดินตรงเข้ามาดุ่มๆอย่างเหน็ดเหนื่อย ภายหลังจากคาร์ลให้พัก
เกรทหย่อนตัวนั่งจุ้มปุ๊กข้างๆเอิร์นก่อนยันกายแล้วเปลี่ยนเป็นท่านอนกับพื้นหญ้า เอิร์นนั่งมองอย่างเวทนาให้กับเพื่อนและตัวเอง
+++++++++++++++++
"อะไรนะ!! นี่คือความจริงงั้นหรือ!" เสียงห้าวต่ำดังออกมาจากชายสูงวัยคนหนึ่ง ซึ่งนั่งอยู่ในเงามืด ไม่อาจเดาสีหน้าและอารมณ์ได้ชัด ชายอีกคนซึ่งยืนก้มหน้านิ่งอยู่ตรงข้ามกับชายสูงวัย มีเพียงโต๊ะกว้างเท่านั้นเป็นเขตกั้น
"ยังไม่ทันจะเริ่มทำอะไรมากนัก ผู้ที่ถูกเลือกก็ถูกนำพามาที่แห่งนี้แล้ว รู้ตัวเร็วดีเหลือเกิน.. หึ..แต่จะไม่มีอะไรขัดขวางข้าได้ ข้าจะเป็นผู้ก่อกำเนิดและเริ่มต้นประวัติศาสตร์ครั้งใหม่เอง! ถ่ายทอดคำสั่งออกไป!!"
ชายเบื้องหน้าเอ่ยเอื้อนรับคำอย่างหนักแน่น
"ฆ่าพวกมันซะ!!" น้ำเสียงเด็ดขาดและเหี้ยมเกรียมดังก้องกังวานไป ณ ที่นั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เย้วๆ ตัวอักษรสีดำจะเป็นของเรานะค่ะ ส่วนสีฟ้าน่ะของไอ่ Kit มัน อ้ากก พักนี้คอมเจ๊ง น่าเศร้าเยี่ยงนัก โฮกๆๆ ให้ตายเถอะโรบิ้น!
ความคิดเห็น