ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Infection : เชื้อสยอง ครองโลก

    ลำดับตอนที่ #1 : Episode 1 : Start (จุดเริ่มต้น)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 63


    28 มีนาคม 2563 เวลา 06:00 น.

    ไทเลอร์ตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่เค้าฝันว่ารถคว่ำเมื่อคืน

       “ฝันบ้าฝันบออะไรเนี่ย???”  ไทเลอร์รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ตัวเองฝันเค้าได้หยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างที่นอนมาเปิดดูข้อความที่เพื่อนส่งมาให้

       “คืนนี้เลิกงานแล้วอย่าลืมมาร่วมงานวันเกิดของฉันนะ”  เฟรดดี้ส่งข้อความมาเตือนไทเลอร์ว่าอย่าลืมมาร่วมงานวันเกิดของเค้า

    ไทเลอร์ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันเตรียมตัวไปทำงานเพราะวันนี้เค้าต้องเข้ากะตอนเช้า(ไทเลอร์เป็นหมอ) หลังจากที่ทำธุระเสร็จเค้าก็ได้ออกจากบ้านแล้วขับรถมุ่งหน้าไปที่ทำงานระหว่างที่ขับไปนั้นเค้าก็ได้เจอกับรถตำรวจและรถพยาบาลขับแซงเค้าไปเหมือนในฝัน

       “เหมือนที่ฝันเอาไว้เลย”  ไทเลอร์เริ่มระแวงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    ไทเลอร์เค้าจึงตัดสินใจที่จะเปลี่ยนเส้นทางในการเดินทางเพราะกลัวว่าถ้าขับไปเรื่อยๆจะเกิดเรื่องเหมือนที่เค้าฝันเอาไว้

    เวลา 07:00 น. ไทเลอร์มาถึงที่ทำงาน

       “สวัสดีค่ะคุณหมอไทเลอร์”  เดซี่พนักงานที่ยืนอยู่ที่แผนกทำบัตรได้กล่าวต้อนรับไทเลอร์

       “สวัสดีครับคุณเดซี่ย์”  ไทเลอร์ทักทายกลับ หลังจากนั้นเค้าก็ได้เดินไปที่ห้องทำงานเพื่อวางกระเป๋าก่อนที่จะเดินออกไปที่โรงอาหารเพื่อทานอาหารเช้าแต่สีหน้าและท่าทางของไทเลอร์วันนี้ดูแปลกๆดูไม่สบายใจยังไงไม่รู้

       “ว่าไงไทเลอร์วันนี้พร้อมทำงานมั้ย??สีหน้านายดูแปลกๆนะ”  ไมค์เพื่อนร่วมงานของไทเลอร์เข้ามาทักทาย

       “พร้อมอยู่แล้วว่าแต่หน้าฉันมันทำไมหรอ???”  ไทเลอร์สงสัยในสิ่งที่ไมค์พูด

       “หน้าตานายดูอมทุกข์จังเลยวันนี้มีเรื่องอะไรรึป่าว”  ไมค์ถามไทเลอร์

       “เมื่อคืนฉันฝันร้ายน่ะ”  ไทเลอร์บอกกับไมค์ถึงสาเหตุที่ทำให้เค้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

       “แค่ฝันร้ายเนี่ยนะ!! แล้วทำไมต้องดูเครียดขนาดนั้นด้วย”  ไมค์ไม่อยากจะเชื่อว่าฝันร้ายทำให้คนเราเครีดได้ขนาดนี้เลยหรอ

       “ช่างมันเถอะกินข้าวกันต่อดีกว่า”  ไทเลอร์ตัดบทพูดของไมค์พร้อมกับกินข้าวต่อ

       “เออว่าแต่…จีน่ามาทำงานรึยัง”  กินข้าวไปสักพักไทเลอร์ก็ถามถึงจีน่าเพื่อนสนิทของเค้าว่ามาทำงานรึยัง

       “ยังไม่เห็นเลยนะ”  ไมค์บอกไทเลอร์
     

    หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปทำงานไทเลอร์กำลังจะเดินไปที่ห้องทำงานทันใดนั้นเองเหล่าหมอและพยาบาลก็วิ่งกรูกันไปที่ประตูเพราะตอนนี้รถพยาบาลได้พาผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ามาในโรงพยาบาล

       “คุณหมอไทเลอร์เชิญทางนี้ค่ะ”  แอนนี่พยาบาลของไทเลอร์ได้เรียกให้ไทเลอร์เข้ามาดูอาการผู้ป่วย

       “คนไข้เป็นอะไร”  ไทเลอร์ถามพยาบาล

       “เค้าและก็คนอื่นๆพึ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศน่ะค่ะอยู่ดีๆเค้าก็ล้มลงไปชักกับพื้น”  แอนนี่บอกกับไทเลอร์

       “ไหนขอผมดูซิ”  ไทเลอร์ได้ตรวจดูอาการของคนไข้

       “เค้าเป็นโควิดรึป่าวคะ”  แอนนี่ถามไทเลอร์

    ในตอนที่แอนนี่กำลังถามไทเลอร์อยู่นั้นคนไข้ก็ได้อ้วกใส่แอนนี่เต็มๆก่อนที่เค้าจะสลบไปหลังจากนั้นหัวใจของคนไข้ก็หยุดเต้นไทเลอร์จึงบอกให้พยาบาลไปเอาเครื่องปั๊มหัวใจมาแต่ปั๊มเท่าไหร่คนไข้ก็ไม่ฟื้นไทเลอร์จึงทำการบันทึกเวลาตายเอาไว้แต่ไม่ได้มีแค่คนไข้คนนี้คนเดียวที่เสียชีวิตคนอื่นๆที่กู้ภัยได้นำตัวมาก็เสียชีวิตเหมือนกันหมด

       “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย??”  ไทเลอร์ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

       “ไทเลอร์!!!…เป็นไงบ้าง”  ไมค์รีบวิ่งเข้ามาถามไทเลอร์เกี่ยวกับคนไข้ของเค้า

       “ไม่รอดน่ะสิแล้วนายหล่ะ”  ไทเลอร์ถามไมค์กลับถึงคนไข้ของเค้า

       “ของฉันก็ไม่รอดเหมือนกันพวกเค้าไปโดนอะไรมานะ??”  ไมค์สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคนไข้ก่อนหน้านี้

       “แค่ก…แค่ก”  แอนนี่พยาบาลผู้ช่วยของไทเลอร์ได้เกิดอาการไอขึ้นมา

       “แอนนี่…เธอโอเครึป่าว”  ไทเลอร์ถามแอนนี่ด้วยความเป็นห่วง

       “โอเคค่ะแค่ไอนิดเดียวเอง”  แอนนี่บอกกับไทเลอร์ก่อนที่จะเดินไปเข้าห้องน้ำ

    หลักจากที่แอนนี่เดินไปได้ไม่นานจู่ๆกู้ภัยที่นำตัวของคนไข้มาส่งก็เกิดอาการไอขึ้นเหมือนกันแต่เค้าก็ได้ไอจนสลบไปไทเลอร์กับไมค์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ได้วิ่งเค้ามาช่วย

       “ไทเลอร์!!!รีบไปเข็นเตียงมาเร็ว!!!”  ไมค์บอกให้ไทเลอร์ไปเข็นเตียงมาให้กับกู้ภัยคนนี้

    หลังจากที่ไทเลอร์เข็นเตียงมาให้ไมค์ก็อุ้มกู้ภัยขึ้นมานอนบนเตียงพร้อมกับปั๊มหัวใจเพราะหัวใจของกู้ภัยคนนี้ก็หยุดเต้นแล้วเหมือนกัน

       “ถ้าเป็นอย่างนี้งั้นก็…แอนนี่!!!”  ไทเลอร์รีบวิ่งไปตามหาแอนนี่ที่ห้องน้ำเพราะคิดว่าตอนนี้เธอก็คงมีอาการไม่ต่างกับคนอื่นๆ

    แต่พอวิ่งไปถึงไทเลอร์ก็ไม่พบแอนนี่ในระหว่างที่ไทเลอร์กำลังตามหาแอนนี่อยู่นั้นเหล่าคนไข้ที่ได้ตายไปก่อนหน้านี้ก็ได้ลุกขึ้นมากลายเป็นซอมบี้แล้วไล่กัดทุกคนที่อยู่ที่โรงพยาบาลส่วนกู้ภัยคนนั้นที่ไมค์กำลังช่วยอยู่ก็ได้ลุกขึ้นมากัดที่คอของไมค์ก่อนที่ไมค์จะวิ่งหนีไปตอนนี้เหตุการณ์ในโรงพยาบาลวุ่นวายไปหมดไทเลอร์ที่ได้ยินเสียงผู้คนร้องโวยวายก็ได้วิ่งออกมาดูเค้าก็ได้พบกับเหล่าคนไข้จำนวนมากที่กำลังไล่กัดกินคนที่อยู่ในโรงพยาบาล

       “ไทเลอร์หนีไป!!!”  ไมค์วิ่งมาบอกไทเลอร์ให้รีบหนีไปก่อนที่เค้าจะถูกพวกซอมบี้รุมกัดกินทั้งเป็น

    ไทเลอร์ไม่รู้จะวิ่งไปที่ไหนเพราะไปทางไหนก็เจอแต่ซอมบี้สุดท้ายเค้าวิ่งไปยังอีกตึกนึงแต่พอไปถึงปรากฎว่าประตูทางเข้ามันล็อกไทเลอร์จึงพยายามหาอะไรมาทุบในระหว่างที่เค้ากำลังพังประตูอยู่นั้นก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเปิดประตูแล้วให้ไทเลอร์เข้ามา

       “ขอบคุณมากครับ”  ไทเลอร์ขอบคุณคนที่เปิดประตูให้เค้าปรากฎว่าคือเดซี่พนักงานที่อยู่ตรงแผนกทำบัตร

       “ไทเลอร์!!! นายโอเคมั้ย”  เดซี่ถามไทเลอร์พร้อมกับยื่นมือให้

       “ไม่โอเคเท่าไหร่”  ไทเลอร์บอกเดซี่พร้อมกับจับมือของเธอแล้วยืนขึ้น

       “นี่คุณทำอะไรของคุณน่ะ!!!??”  ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเดซี่ด้วยความโกรธ

       “ก็ช่วยคนไง”  เดซี่ตอบชายคนนั้นไปด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีเหมือนกัน

       “เธอรู้มั้ยว่าสิ่งที่เธอทำจะทำให้พวกเราตายกันหมด!!!”  ชายคนนั้นยังคงต่อว่าเดซี่

       “ก็ฉันรู้จักเค้า เค้าเป็นเพื่อนฉันอีกอย่างต่อไม่ให้เพื่อนของฉันยังไงฉันก็พร้อมใจที่จะช่วย”  เดซี่สวนกลับชายคนนั้นไป

       “พอได้แล้วครับเลิกทะเลาะกันได้แล้ว”  ไทเลอร์เค้ามาห้ามให้ทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน

       “อย่ามาจับฉันนะ!!!นายติดเชื้อพวกมันแล้วรึป่าว??”  ชายคนนั้นได้ตีตัวออกห่างไทเลอร์เพราะกลัวว่าจะติดเชื้อ

       “ใจเย็นๆก่อนน่าเลิกทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมได้แล้ว”  เดซี่บอกชายคนนั้นก่อนที่เค้าจะเดินออกห่างพวกไทเลอร์ไป

       “ขอโทษแทนเค้าด้วยนะเค้าพึ่งสูญเสียเมียและลูกไปเค้ายังคงเสียใจอยู่น่ะเค้าชื่อว่าวิลเลี่ยม” เดซี่ได้เล่าให้ไทเลอร์ฟังถึงที่มาของพฤติกรรมอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเค้า

       “ไม่เป็นไรผมเข้าใจ”  ไทเลอร์เข้าใจความรู้สึกของวิลเลี่ยม

       “ไทเลอร์…นี่เธอทำงานที่นี่หรอ”  มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหาไทเลอร์พร้อมกับลูกชายของเธอ

       “ครูเรเชล…ครูก็อยู่ที่นี่ด้วยหรอเนี่ย”  ไทเลอร์รู้สึกดีใจที่ได้เห็นคุณครูที่คอยสั่งสอนเค้ามาตั้งแต่เด็กอยู่ที่นี่กับเค้าด้วย

       “พี่เค้าเป็นใครหรอแม่???”  บิลลี่ลูกชายของเรเชลถามแม่ของเค้า

       “พี่เค้าชื่อไทเลอร์แม่สอนพี่เค้ามาตั้งแต่เด็กแล้ว”  เรเชลบอกกับลูกชายของเธอ

       “ผมดีใจจังที่ครูอยู่ที่นี่ด้วย…ครูมาทำอะไรหรอครับ”  ไทเลอร์ถามเรเชลถึงเหตุผลที่เธอต้องมาโรงพยาบาล

       “ก็พาบิลลี่มาหาหมอปกตินี่แหละ”  เรเชลบอกไทเลอร์

       “นี่พวกคุณช่วยหยุดคุยกันก่อนได้มั้ยพวกมันจะพังประตูเข้ามาแล้ว!!!”  วิลเลี่ยมบอกให้ทั้งสองคนหยุดคุยกันก่อนเพราะพวกซอมบี้มันกำลังจะพังประตูเข้ามาแล้ว

       “ครูหลบไปก่อนครับ”  ไทเลอร์พูดพร้อมกับวิ่งไปหาไม้ยาวๆเพื่อที่จะนำมาสอดตรงด้ามจับของประตูพวกซอมบี้จะได้เข้ามาไม่ได้

       “เจอแล้ว…เดซี่มาช่วยหน่อย!!!”  ไทเลอร์เรียกให้เดซี่มาช่วยดันประตูไว้เค้าจะได้สอดไม้เข้าไปที่ด้ามจับได้

       “น่าจะช่วยถ่วงเวลาได้สักพัก”  ไทเลอร์คิดว่าสุดท้ายพวกซอมบี้ก็ต้องพังเข้ามาได้อยู่ดี

       “ตอนนี้เรามาช่วยกันหาวิธีออกไปที่นี่เถอะ”  เดซี่บอกให้ทุกคนมาวางแผนช่วยกันหาทางออกไปจากที่นี่  

       “ที่นี่ไม่มีทางออกทางอื่นแล้วหรอ???”  เรเชลถามทุกคนถึงประตูออกทางอื่น

       “มีทางออกอีกทางหนึ่งอยู่ด้านหลังมันเป็นห้องของพนักงานประตูมันล็อคแต่วิลเลี่ยมกำลังพยายามเปิดมันอยู่”  เดซี่บอกว่ามีทางออกอีกทางอยู่ที่ด้านหลังตึก

       “งั้นเราก็ไปช่วยเค้าสิ”  ไทเลอร์บอกให้ทุกคนไปช่วยวิลเลี่ยมพังประตู

    ในระหว่างที่ทุกคนกำลังพังประตูห้องพนักงานกันอยู่นั้นประตูทางเข้าที่ทำจากกระจกก็ได้แตกพวกซอมบี้จึงทำการบุกเข้ามาแล้วตามไล่ล่าจับกินพวกเค้า

       “เวรหล่ะ…เปิดสักทีสิไอประตูบ้า!!!”  วิลเลี่ยมเริ่มกดดันก็กลัวว่าพวกซอมบี้มันจะมาถึงตัวของเค้าก่อนเค้าพูดพร้อมกับเอาตัวกระแทกประตู

    ไทเลอร์จึงมองหาของรอบๆแล้วไปหยิบเก้าอี้เหล็กมาพังกลอนประตูจนสามารถเปิดเข้าไปในห้องพนักงานได้เมื่อมาถึงห้องพนักงานวิลเลี่ยมก็พาทุกคนออกไปข้างนอกเพื่อไปขึ้นรถของเค้าแต่ตอนที่ทุกคนกำลังจะออกไปนั้นวิลเลี่ยมได้ต่อยไปที่หน้าของไทเลอร์ทำให้เค้าสลบไป

       “คุณทำบ้าอะไรน่ะ!!!”  เรเชลรู้สึกตกใจกับสิ่งที่วิลเลี่ยมทำ

       “เค้าอาจจะติดเชื้อแล้วก็ได้ไม่มีเวลามาพูดมากแล้วรีบไปกันเถอะ”  วิลเลี่ยมพูดพร้อมกับพาเรเชลกับบิลลี่ไปที่รถ

    จบไว้แค่นี้ก่อนดีกว่า เป็นอย่างไรบ้างกับตอนแรกถ้าเกิดชอบไม่ชอบตรงไหนคอมเมนท์บอกได้นะคะจะได้ไปปรับปรุงอย่าลืมกดติดตามและกดเป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนะคะเจอกันใหม่ในวันศุกร์กับตอนที่ 2 จร้าาาา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×