ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC INFINITE] Are you remember me? [MYUNGYEOL]

    ลำดับตอนที่ #4 : พรหมลิขิตหรือความบังเอิญ

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 55


           

         คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตมั้ย?  คนสองคนที่อยู่ห่างกันคนละทวีป  มีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เป็นตัวกั้นขวางระยะทาง แต่มันไม่อาจกั้นขวางความรักได้ 

    คนหลายคนเชื่อว่าเนื้อคู่จะมีด้ายแดงที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้และเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะมาพบกันและเกิดเป็นความรัก

    คุณคิดว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริงหรือไม่
     

    ฮะฮะฮัดชิ้ว!!!”  ชายหนุ่มร่างเพรียวปิดหนังสือที่เพิ่งอ่านได้เพียงหน้าเดียวเก็บลงกระเป๋าใบใหญ่


    โอ้ยยย ใครนินทาฉันเนี่ย ?  ซองยอลนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะอันที่จริงเขามาถึงที่นี่ได้สองสามชั่วโมงแล้ว แต่ขี้เกียจเข้าที่พัก

     

     มาถึงปารีสทั้งที ต้องเที่ยวก่อนสิถึงจะถูก  เดินไปเดินมาเขาก็ไปเจอหนังสือเล่มนึง มีเนื้อหาเกี่ยวกับพรหมลิขิตเลยนั่งพักเพื่ออ่านมันสักหน่อย

     แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะหิวหน่อยๆแล้วสิ


    ซองยอลลุกขึ้น แล้วเดินลากกระเป๋าใบใหญ่มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร
    อารยธรรมที่นี่สำหรับเขามันน่าสนใจทีเดียว

     

    ซองยอลเดินเตร็ดเตร่เรื่อยๆมาตามทางเท้า ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง

    ทำไมนะเค้ารู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาเดินเข้าไปในนั้น                เขาตัดสินใจทำตามความรู้สึกของเขา

    แอ๊ดดด….กรุ๊งกรี๊งงงงง 

     

    เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้า พนักงานต้อนรับสาว โค้งให้ซองยอล

    สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับค่ะมากี่ท่านคะ”  
    มาคนเดียวฮะ^^” 

    ซองยอลยิ้มให้กับคำต้อนรับ อืม ร้านอาหารเกาหลี ชายหนุ่มมองไปรอบๆ

     “เชิญค่ะ

     พนักงานสาวชาวเกาหลีพาเขาเดินไปที่โต๊ะด้านในสุด เนื่องจากเก้าอี้ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีที่ว่างเลย

     

    ซองยอลนั่งลงที่โต๊ะด้านในติดกับกระจกบานใหญ่ เขามองเข้าไปในกระจกมันสะท้อนเงาของเขา 

    ชายร่างเพรียวที่มีเรือนผมสีช๊อกโกแลต ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี แก้มที่เป็นเอกลักษณ์ยกขึ้น ซองยอลยิ้มใส่กระจก ฮ่าๆ เรานี่ก็ดูดีนะ ซองยอลคิด


    ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับอะไรฮะ”  

    ซองยอลหันกลับมาหาพนักงานที่เพิ่งมาถึง พนักงานหนุ่มเตรียมจดรายการอาหารอย่างใจจดใจจ่อ ซองยอลยิ้มให้เขา

    "เอาทงคัตสึแล้วก็ซุปสาหร่ายนะฮะ^^" 

    พอสั่งอาหารเสร็จซองยอลก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆร้านอีกครั้ง บรรยากาศในร้านครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ

     

    บรรยากาศแบบนี้ทำให้เขานึกถึงบ้าน อันที่จริง ซองยอลไม่ได้อยากมาปารีสสักเท่าไหร่ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีมันชวนเขา เขาจึงต้องจองตั๋วเครื่องบินเป็นเพื่อนมัน พอถึงวันจริงมันดันมากับเขาไม่ได้ เขาเลยต้องมาที่นี่เพียงลำพัง เฮ้อ

     

    เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ อื้มบ่ายโมงพอดี 

     

    อาหารมาเสริฟแล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับ” เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเอาอาหารมาเสริฟเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ลูกค้าทยอยกันออกจากร้าน มีลูกค้ามาใหม่

    ซองยอลสังเกตุเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวเกาหลี  เสียงพนักงานสาวกล่าวขอบคุณลูกค้าสองคนที่เพิ่งเดินออกไปมีเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบาๆ ได้บรรยากาศเกาหลีสุดๆ 

    ดีจัง มีร้านแบบนี้ในปารีสด้วยจะได้กินทงคัตสึทุกวันเลย^^  


    ซองยอลผู้กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบข้างและทงคัตสึ หารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเขาอยู่

    ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้แล้ว....
                                                                                                       

    เป็นเวลาไม่นานนักหลังจากที่แอลและโฮย่าเดินออกจากร้านอาหาร พวกเขาก็หาที่พักพิงในสวน สาธารณะแห่งหนึ่ง  

     

    ที่นี่มีต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ต้นไม้แต่ละต้นได้รับการดูแลอย่างดี แอลมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่จะเป็นที่แรกที่เค้านึกถึงเวลามีเรื่องไม่สบายใจเขาจะมานั่งที่ประจำของเขา ม้านั่งตัวโปรดที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้แห่งความทรงจำ

    ...ต้นโอ๊ก 

     

    ที่นี่สงบเงียบไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านนัก เขาและโฮย่ามีนิสัยที่เหมือนกันคือ ชอบที่เงียบๆและนี่คือเหตุผลที่เขามาที่นี่ในวันนี้เหตุผลที่ทำให้เขาชาไปทั้งตัวตอนเขานั่งทานอาหารอยู่ในร้านนั้นเขาเห็นคนคนนั้น คนในความทรงจำ คนที่เขารอคอย ลี ซองยอล

    หน้าตาที่คุ้นเคย ท่าทางที่คุ้นตา เสียงและรอยยิ้มที่เค้าคิดถึงเหลือเกิน  แอลไม่กล้าเข้าไปทักเนื่องจากเขากลัวว่าซองยอลจะตกใจ


    มีสองอย่างที่แอลคิดคือ หนึ่งซองยอลจำเขาไม่ได้กับสองซองยอลไม่เห็นเขา แต่ใจของเขาอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า

     

    บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบได้ไม่นานก็ถูกแทรกด้วบทสนทนาที่ แอลเป็นคนเปิดประเด็น



    โฮย่า นายเห็นผู้ชายที่ลากกระเป๋าเข้ามาตอนเราอยู่ในร้านนั้นมั้ย?”

    น้ำเสียงคนถามทุ้มต่ำ บ่งบอกว่าเขาจริงจัง

    เห็น ทำไมเหรอ?”  โฮย่าที่กำลังนั่งดึงหญ้าที่ติดพื้นรองเท้าของเขาออกเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามแอล ก่อนที่จะก้มลงไปอีกครั้ง

    ไม่รู้สิ นายว่าหน้าเขาคุ้นๆมั้ย  นายจำรูปเด็กผู้ชายที่ฉันเคยให้นายดูได้มั้ย?”

    รูป?... อ่อ เด็กผู้ชายแก้มป่องๆที่นายบอกว่าเป็นเพื่อนนายตอนเด็กใช่มั้ย   อืมไม่คุ้นนะ” โฮย่าครุ่นคิดก่อนที่จะตอบพลางหย่อนก้นลงบนพื้นที่ว่างบนเก้าอี้สาธารณะข้างๆแอล

     

    ลมเอื่อยๆพัดมา ผมของทั้งคู่ปลิวไสว สายลมเหมือนกระซิบบอกบางอย่างกับแอล  เขาแน่ใจ ต้องเป็นซองยอลไม่ผิดแน่

     

    ในแววตาคู่นั้นมีความหวังปรากฏขึ้น  ท่าทีของเขาดูเป็นกังวลจนโฮย่ารู้สึกได้

     นายจำผิดคนหรือป่าว คนเรามีหน้าคล้ายกันก็เยอะนะ อย่าคิดมากน่าโฮย่าเห็นท่าทางของแอลจึงปลอบเขาไม่อยากให้แอลคิดมาก

     

     หากแต่แอลไม่ได้ยินเสียงของโฮย่าเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังจมอยู่กับความคิดของเขาเอง ซองยอลฉันขอให้นายจำฉันได้ด้วยเถอะ

     

     แอลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอซองยอลที่นี่ มีหลายต่อหลายครั้งที่เขาท้อและบอกกับตัวเองให้เลิกรอได้แล้ว  

     

    แต่วันนี้เขาไม่สามารถปล่อยซองยอลไปได้อีก และเขาค่อนข้างแน่ใจว่าชายคนนั้นคือซองยอล

     เอาวะ!! เป็นไงเป็นกัน จะใช่หรือไม่ใช่เขาก็ไม่สน 


    ขอให้เห็นชัดๆกับตาของเขาก็พอ...

    ฉันจะไปดูให้แน่ใจ”  การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนของแอล ทำให้โฮย่าเป็นบ้า "ไปดูอะไร ไปไหน เฮ้ยย แอลล!!! นายจะไปไหน?" เขาลุกพรวดจากเก้าอี้


    ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง   ชายร่างสูงวิ่งออกไปโดยไม่สนใจฟังเสียงโวยวายข้างหลังเลยแม้แต่น้อยขอให้นายยังอยู่ ที่ร้านนั้น อย่าเพิ่งไปไหนนะซองยอล รอฉันก่อน

    แอลวิ่งมาจนสุดฝีเท้าภาวนาให้ซองยอลคนนั้นยังไม่ออกจากร้าน เขาชะลอฝีเท้าเมื่อถึงหน้าร้าน 

    ขอบคุณที่เข้าร้านเราค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” เสียงพนักงานต้อนรับคนเดิมแว่วมา มีคนเดินออกมาจากร้าน

     

    แอลมองไปที่ร่างนั้นดวงตาคมเบิกกว้างแอลแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง ซองยอลเดินออกมาจากร้านอาหาร เขารู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองเขาอยู่

     

     เขาจึงหันมา และพบว่ามีชายร่างสูง(น้อยกว่าเขา) กำลังมองเขาด้วยสายตาอาวรณ์ราวกับเราเป็นคนรักกัน ผมสีดำของชายผู้นั้นปลิวตามลมที่พัดผ่านไป 

     

    เขามองซองยอลอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน  ร่างเพรียวมองกลับมาสีหน้าที่มีแววแปลกใจ  ใครกันนะ?   

     

    ด้วยความรวดเร็วโดยที่ซองยอลไม่ทันตั้งตัวแอลเดินเข้ามาหาร่างเพรียวด้วยแววตาที่โหยหา !!


    ซะซองยอล! ซองยอลจริงๆด้วย ซองยอลใช่มั้ยนายจำฉันได้มั้ย? ฉันคิดถึงนายเหลือเกินเขาร่ำร้องเรียกชื่อคนที่เขารัก น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น  แสดงความอ่อนแอให้คนตรงหน้าเห็น แขนแกร่งดึงร่างเพรียวมากอดเอาไว้

     

    ซองยอลขัดขืนเขางงเกิดอะไรขึ้น ชายผู้นี้ ทำไม? และในที่สุด ร่างเพรียวก็หลุดออกจากอ้อมกอดของคนแปลกหน้า แอลไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาพุ่งเข้าหาซองยอล


    มือสองข้างจับไหล่ของซองยอลเขาเขย่าร่างเพรียวอย่างบ้าคลั่งจนร่างตรงหน้าโงนเงนตามแรง  เกิดอะไรขึ้น ชายคนนี้เป็นใคร เขาควรจะทำอย่างไร ตอนนี้ซองยอลตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามรวบรวมสติของเขา

     

     ก่อนที่จะดิ้นอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น "อะไรเนี่ย? เดี๋ยว!!โอ้ย!! ปล่อยผมนะ!! ปล่อยยย!! ผมบอกให้ปล่อยไง!! ปล่อยย!!"

     

    ซองยอลสะบัดตัวสุดแรงแล้วถอยหนีแอลอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้น กับผม นายคนนี้เป็นใครกันO_O  สีหน้าซองยอลบ่งบอกว่าตกใจสุดขีด  คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าของไม่พอใจ

    คนทั้งสองหอบหายใจด้วยความเหนื่อย สงครามขนาดย่อมจวนจะเริ่มขึ้นแล้ว  "นี่!! บอกมานะ ว่านายเป็นใคร? ต้องการอะไร? รู้จักชื่อฉันได้ยังไง? แล้วทำไมต้องทำรุนแรงกับฉัน?"

     

    ร่างเพรียวตั้้งสติได้และเริ่มสอบสวนบุคคลน่าสงสัยตรงหน้าทันที      แอลมองเข้าไปในดวงตาของซองยอล  แววตาของแอลทำให้คนตรงหน้าอ่อนลง

     

    แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ซองยอลรู้สึกคุ้นกับแววตาแบบนี้ แววตาที่ทำให้เขาโกรธไม่ลง  เกิดคำถามมากมายขึ้นกับแอล ทำไม มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ซองยอลจำเขาไม่ได้  ถ้านายจำฉันไม่ได้ ฉันจะเป็นคนรื้อฟื้นความทรงจำให้นาย ด้วยแผนการของฉัน เอง แอลไม่รอช้า แผนของเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว


    ขอโทษครับ  ผมชื่อแอลนะครับยินดีที่ได้รู้จักขอโทษด้วยคือผมจำผิดคน ว่าแต่คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ”   ไม่น่าถามก็เห็นๆกันอยู่

    "ก็ นิดหน่อยฮะ" ซองยอลเย็นลงมากแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่โจรละนะ แอลเห็นซองยอลลูบไหล่ป้อยๆ  บ้าเอ้ย นิดหน่อยอะไรล่ะแรงนายมันเยอะอย่างกะแรง...(ละไว้ในความหมายที่เข้าใจตรงกัน)

    "ผมซองยอลฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก" มือทั้งคู่จับกันเป็นการทักทาย


    "ผมต้องขอโทษคุณจริงๆนะครับ พอดีผมค่อนข้างดีใจมากไปหน่อยที่เจอคุณ หน้าของคุณเหมือนเพื่อนของผมหน่ะครับ " แอลต้องการตีสนิทซองยอลเพื่อที่จะล่อให้ติดกับดักของเขาได้ง่ายขึ้น

     

    "เพื่อนของแอล ชื่อซองยอลเหรอครับ?"  

     "ครับ ชื่อเหมือนคุณเลย แล้วนี่ซองยอลมาคนเดียวเหรอครับ" มาคนเดียวนายก็เสร็จฉัน มาหลายคนนายก็เสร็จฉันอยู่ดีแหละ


    "ครับ ผมมาถึงวันนี้ฮะ แล้วแอลล่ะฮะ?”  เข้าแผน!!ฉันไม่คิดเลยว่าจะง่ายขนาดนี้นายมันก็เป็นแค่กระต่ายน้อยตัวหนึ่งส่วนฉันก็เป็นนักล่าที่มาในคราบเทพบุตร(สุดหล่อ)   ซองยอลต่อไปนี้ฉันจะใส่หน้ากากใส่นายจนกว่านายจะเป็นของฉัน!!

    แล้วนายจะรู้ว่าฉันเลวกว่าที่นายคิด


    "ผม มาถึงนี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับยังหาเพื่อนคุยไม่ได้เลย ผมจึงต้องไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้เองล่ะครับ"

     

     แอลแสร้งทำเป็น ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จเรียกความเห็นใจจากซองยอล

    กระต่ายน้อยที่ไว้ใจนักล่า


    ลำบากจังนะฮะแบบนี้ดีมั้ยฮะ คุณ เอาเบอร์ผมไป เผื่อว่าเราจะได้นัดเจอกัน

    น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร แววตาที่แสดงออกถึงความเห็นใจ ซองยอลหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาจดเบอร์ของเขาให้กับแอล

     

     แอลรับมันมาด้วยความเต็มใจ  

     ตกหลุมพรางฉันแล้วล่ะ

    "ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ซองยอลมีที่พักหรือยังครับ มาพักโรงแรมเดียวกับผมมั้ย
    ? เผื่อว่าจะได้เป็นเพื่อนกัน"  แอลหยิบนามบัตรโรงแรมให้ซองยอล

     

     ซองยอลจะรู้มั้ยนะว่าเขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมนี้


    อ๊ะ! นี่มันโรงแรมที่ผมกำลังจะไปนี่ บังเอิญจังเลยนะฮะ ดีจัง^^”  ร่างเพรียวดูตื่นเต้น จนเผลอยิ้มให้กับแอล รอยยิ้มแบบนั้น แววตาแบบนั้น ทำให้แอลหน้าแดง หัวใจเขาเต้นในจังหวะที่แปลกไป  รอยยิ้มที่แสนจะคิดถึงของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

    ฉันไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ คิดถึงเหลือเกิน แอลอยากดึงซองยอลมากอด แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ แอลรู้ว่าซองยอลคงไม่ยอมแน่

     

    เขายิ้มตอบซองยอลในแบบที่เค้าไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน  หน้าซองยอลแดง เขารู้สึกร้อนแปลกที่แก้มทั้งสองข้าง ทำไมนะ?

     

    "เราไปดื่มกันนะครับ ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ เพื่อนใหม่ของผม"

     

    ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ฮะ แต่ถ้าเป็นกาแฟผมไม่ปฏิเสธ ร่างเพรียวที่กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้งเพราะกาแฟแท้ๆ ความไม่ไว้ใจคนตรงหน้าของซองยอลหมดไป

     

    แอลเดินนำซองยอลไปที่รถสปอร์ตเปิดประทุนสีดำ ยานพาหนะตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้ซองยอล "รถสวยจังเลยนะฮะ ของคุณเหรอฮะ?"

    ไหนบอกว่ามาเที่ยวไง แล้วรถคันนี้ล่ะ  แอลคงไม่ได้เอาขึ้นเครื่องมาด้วยหรอกนะ= =

    อ่อ รถเช่าครับ ผมไม่ค่อยชอบไปไหนมาไหนรวมกับคนอื่น เลยตัดสินใจเช่ามันมาครับ

     

     แอลพูดพลางเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านคนนั่ง เขาผายมือเชิญให้ซองยอลขึ้นไป ร่างเพรียวก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะกำมะหยี่สำดำสุดหรู ที่มีแค่สองที่นั่ง

     

    แอลปิดประตูแล้วเข้ามานั่งข้างๆซองยอล ประตูรถด้านคนขับถูกปิดลง

     

    ลีซองยอล นายมันไร้เดียงสาเสียจริง แอลหันไปมองซองยอลที่ตอนนี้กำลังสำรวจรถของเขาอยู่  แขนแกร่งยืนไปหาร่างเพรียว  

     

    "จะ!!ทำอะไรฮะ?" ซองยอลสะดุ้ง


    "คุณควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อโดยสารรถ กฏหมายที่นี่ไม่เหมือนที่เกาหลีครับ ถ้าตำรวจเห็นว่าคุณไม่ได้คาดมัน คุณจะต้องเสียค่าปรับ^^"

     

    แอลดึงเข็มขัดนิรภัยข้างตัวซองยอลมาสวมให้  ซองยอลยิ้มเชิงขอบคุณ แอลสังเกตว่าหน้าซองยอลแดงอีกแล้วซองยอลกำลังเขิลเขาอยู่ใช่มั้ย

     

    ล้อของยานพาหนะสีดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ แอลหยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ ทำให้ซองยอลหันมามอง

     

    คนข้างๆเขานี่จะดำไปไหน เสื้อโค้ทสีดำ เสื้อตัวในก็สีดำ กางเกงสีดำ ผมดำ รองเท้าหนังสีดำ รถก็สีดำ แถมยังใส่แว่นดำอีก

     

     ระหว่างที่ซองยอลคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังจ้องแอลอยู่ ซองยอลเหมือนโดนมนต์สะกด เขาไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ เขาไม่เคยเจอคนที่สมบูรณ์แบบเช่นแอลมาก่อน

     

    ผิวขาวซีดของแอล ทำให้เขาดูเท่ห์ ดวงตาแข็งกร้าวแต่กลับมีแววตาที่อบอุ่น จมูกโด่งสันเป็นจุดที่เด่นที่สุดบนใบหน้าของแอล ปากได้รูปที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก แดงระเรื่อคงเป็นเพราะอากาศหนาวสินะ

    ความในใจจากเด็กประถมกระต่ายน้อยซองยอล

    สวัสดีฮะ^^ เด็กประถมซองยอลเองฮะ  อ่า หน้าผมร้อนไปหมดเลย เป็นเพราะแอลแท้ๆ  อันที่จริงผมไม่ได้เป็นคนเสียมารยาทขนาดที่นั่งจ้องใครแล้ววิเคราะห์นานๆแบบนี้หรอกนะ

     

     แต่ไม่รู้ทำไมพอผมมองหน้าแอล  ผมก็ไม่สามารถควบคุมให้ตนเองหันไปทางอื่นได้ อย่างที่บอกไปแอลช่างน่าหลงใหลนัก   

    เอ้ยย!!ซองยอลอย่ามองเขาสิ!! ซองยอลบังคับตัวเองให้หันกลับไปอย่างอยากลำบาก

    ความในใจจากมยองซูผู้เงียบขรึม

    สวัสดีฮะ ผมแอลผู้เงียบขรึมนะครับ ผมเห็นซองยอลเขาจ้องหน้าผมตั้งนาน หน้าผมมีอะไรติดรึป่าว ดูท่าว่าเขาจะไม่รู้ว่าผมก็มองเขาอยู่เหมือนกันฮ่าๆๆๆ

    ทำไงได้ก็ผมมันหล่อ
    ^^  แต่ก็เถอะ เขาจ้องผมขนาดนั้นผมก็เขิลเป็นนะแต่ก็มีอีกเรื่องที่

    ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมซองยอลจึงเห็นว่าผมเป็นคนแปลกหน้า นี่เขาจำผมไม่ได้เลยเหรอ มันน่าน้อยใจจริงๆ แต่ไม่เป็นไรผมจะทำให้
    เขาเข้ามาอยู่ในวงโคจรของผมให้ได้

     

    ผมคือพระอาทิตย์ที่ร้อนแรงครับ^^ ผมจะไม่ให้เขาไปไหนอีกแล้ว 

     

     

    ท่ามกลางเสียงลมที่เกิดขึ้นจากแรงต้านของรถ แอลมองซองยอลและเห็นร่างเพรียวเริ่มสั่น

      “หนาวเหรอครับ?”  ซองยอลสะดุ้งเฮือก เพราะเขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ 

     

    อ่อ มะไม่หนาวครับ คุณขับรถไปเถอะครับไม่ต้องห่วงผม ผมสบายมาก^^”…. ซะที่ไหนกัน!!  อันที่จริงหนาวโคตร ก็นี่มันรถเปิดประทุนนะครับ พ่อคุณเล่นขับเร็วขนาดนี้ไม่หนาวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วแต่ผมต้องปากแข็งเข้าไว้ทำตัวห่างๆเข้าไว้ ต้องไม่เผลอมองหน้าเขาอีก> <



    รถสีดำวิ่งผ่านถนนที่ไร้ผู้คน ดอกไม้ในร้านกำลังบานสะพรั่ง

    ดอกไม้ โฮ ยา อืม สวยดีนะ

    เฮ้ยO.O!!!!

     แอลคิดอะไรบางอย่างออกโดยพลัน เขาเหยียบเบรกทำให้เกิดเสียงของล้อรถที่เบียดกับพื้นถนน สร้างความสงสัยให้กับซองยอล ขับอยู่ดีๆเบรกทำไมเนี่ย?

    จอดทำไมฮะ” คนที่นั่งมาด้วยถามหน้าซื่อ 

    แต่ไอ้คนที่เหยียบเบรกนี่สิดูเหมือนจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง

    ชิบหายแล้ว!!!!!ลืมไอ้โฮย่าสนิท
    !!  แอลที่กำลังสติแตกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความด้วยความไวแสง

    โฮย่าฉันขอโทษที่ทิ้งนายไว้ ฉันมีเรื่องด่วนต้องรีบไปทำ ไว้วันหลังจะเลี้ยงข้าวไถ่โทษ^^ …

     

      บรื้นนน..ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างๆ 

    ซองยอลเลยได้แต่นั่งเงียบตลอดทาง สักครู่หนึ่งดูเหมือนว่าสติของ

    แอลจะกลับมาแล้ว เขานึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ระหว่างเขากับซองยอล
    เขาหันไปหาซองยอล เห็นมือของร่างเพรียวซีด


    ไม่หนาวอะไรมือนายซีดหมดแล้วนั่น” แอลยื่นมือมาจับมือของซองยอลไว้ ความอบอุ่นจากผมคุณคงได้รับมันนะ ต่อจากนี้ผมจะอยู่ข้างๆคุณ ผมจะปกป้องคุณเอง...

     

    แต่ทว่า ร่างเพรียวเลือกที่จะดึงมือออกจากมือของแอล โดยไม่รู้เลยว่าแววตาที่แสนเจ็บปวดได้ถูกแสดงออกมาภายใต้แว่นดำ สีหน้าของแอลหม่นลง

     

    ใช่สิ สำหรับคุณ ผมมันเป็นแค่คนแปลกหน้า ผมขอโทษที่ไม่สามารถทำให้คุณเชื่อใจผม ความรู้สึกของคุณไม่เหมือนไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ

     

              ที่สวนหลังบ้านแห่งเดิม มีเด็กชายสองคนกำลังเล่นก่อกองทรายอยู่ สำหรับแอลภาพเหล่านี้ยังคงชัดเจนเสมอมา


    ซองยอลยื่นมือมาสิ อยู่ดีๆเด็กชายมยองซูก็โพล่งขึ้นมา ทำให้เด็กน้อยซองยอลแปลกใจ

     

    ทำไมเหรอ?”… 

    ฉันอยากจะจับมือนายอ่ะ”  น้ำเสียงเอาแต่ใจสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนตรงหน้า

    ฮ่าๆๆๆ ทำไมต้องจับมือฉันไว้ล่ะนายก็มีมือนายก็จับมือนายเองสิ”… ซองยอลไม่ยอมทำตาม เขายังคงง่วนอยู่กับการตักทรายใส่ถัง โดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย


     มยองซูผู้เอาแต่ใจ เลือกที่จะใช้แผนสร้างความเห็นใจ นี่เป็นวิธีสุดท้ายแล้ว  “ฉันกลัวนายจะหนีฉันไปฉันกลัวไม่มีเพื่อนเล่น ซองยอลเงยหน้ามองมยองซู เขาคิดอะไรสนุกๆได้แล้ว

    "แบร่ๆแน่จริงจับฉันให้ได้สิมยองซู ฮ่าๆๆๆๆ^^"….ร่างเล็กลุกขึ้นท้าทายให้มยองซูจับเขา ยังไงก็ต้องมีคนวิ่งตามมาล่ะนะ 

     

    ตามที่เขาคิดไว้ มยองซูวิ่งตามซองยอลไป เด็กทั้งสองคนทิ้งกองทรายไว้เบื้องหลัง

     

     เย้..ในที่สุดก็จับได้แล้ว คนอย่างมยองซูถ้าต้องการอะไรแล้วนะ ไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจหรอก^^”  เด็กน้อยดูภูมิใจที่เขาทำสำเร็จ

    ซองยอลยิ้มให้เขาพร้อมกับยื่นมือออกไปให้เขา

    อ่ะตามสัญญา^^”  มยองซูจับมือซองยอลมาเขาปัดทรายที่ติดอยู่บนมือเล็กออกอย่างแผ่วเบา มือสองมือของคนสองคนจับกันแกว่งไปมา เสียงหัวเราะและความสุขในวันวาน เขาจะทำให้มันกลับมาได้มั้ย

    ถ้าเป็นตอนนั้นฉันคงคิดกับนายแค่เพื่อน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันปล่อยนายไปไม่ได้อีกแล้ว ลีซองยอล

    ………………………………………………………………………….

    ขอหลายๆคอมเม้นให้ตอนนี้หน่อยนะคะ กว่าจะเสร็จไรเตอร์แทบตาย ^^

    รีไรท์

    ครั้งที่1:  12\10\2012

    ครั้งที่2:  13\10\2012
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×