คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พรหมลิขิตหรือความบังเอิญ
คุณเชื่อในเรื่องพรหมลิขิตมั้ย? คนสองคนที่อยู่ห่างกันคนละทวีป มีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่เป็นตัวกั้นขวางระยะทาง แต่มันไม่อาจกั้นขวางความรักได้
คนหลายคนเชื่อว่าเนื้อคู่จะมีด้ายแดงที่มองไม่เห็นเชื่อมโยงพวกเขาเอาไว้และเมื่อถึงเวลาพวกเขาจะมาพบกันและเกิดเป็นความรัก
คุณคิดว่าเรื่องพวกนี้มีอยู่จริงหรือไม่
“ฮะ…ฮะ…ฮัดชิ้ว!!!” ชายหนุ่มร่างเพรียวปิดหนังสือที่เพิ่งอ่านได้เพียงหน้าเดียวเก็บลงกระเป๋าใบใหญ่
โอ้ยยย ใครนินทาฉันเนี่ย ? ซองยอลนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะอันที่จริงเขามาถึงที่นี่ได้สองสามชั่วโมงแล้ว แต่ขี้เกียจเข้าที่พัก
มาถึงปารีสทั้งที ต้องเที่ยวก่อนสิถึงจะถูก เดินไปเดินมาเขาก็ไปเจอหนังสือเล่มนึง มีเนื้อหาเกี่ยวกับพรหมลิขิตเลยนั่งพักเพื่ออ่านมันสักหน่อย
แต่ตอนนี้เขาเริ่มจะหิวหน่อยๆแล้วสิ…
ซองยอลลุกขึ้น แล้วเดินลากกระเป๋าใบใหญ่มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร
อารยธรรมที่นี่สำหรับเขามันน่าสนใจทีเดียว
ซองยอลเดินเตร็ดเตร่เรื่อยๆมาตามทางเท้า ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง…
ทำไมนะเค้ารู้สึกเหมือนมีอะไรดึงดูดให้เขาเดินเข้าไปในนั้น เขาตัดสินใจทำตามความรู้สึกของเขา
แอ๊ดดด….กรุ๊งกรี๊งงงงง
เสียงกระดิ่งร้านดังขึ้นบ่งบอกว่ามีลูกค้าเข้า พนักงานต้อนรับสาว โค้งให้ซองยอล
“สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับค่ะมากี่ท่านคะ”
“มาคนเดียวฮะ^^”
ซองยอลยิ้มให้กับคำต้อนรับ อืม ร้านอาหารเกาหลี ชายหนุ่มมองไปรอบๆ
“เชิญค่ะ”
พนักงานสาวชาวเกาหลีพาเขาเดินไปที่โต๊ะด้านในสุด เนื่องจากเก้าอี้ด้านนอกเต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีที่ว่างเลย
ซองยอลนั่งลงที่โต๊ะด้านในติดกับกระจกบานใหญ่ เขามองเข้าไปในกระจกมันสะท้อนเงาของเขา
ชายร่างเพรียวที่มีเรือนผมสีช๊อกโกแลต ผิวขาวอมชมพูดูสุขภาพดี แก้มที่เป็นเอกลักษณ์ยกขึ้น ซองยอลยิ้มใส่กระจก ฮ่าๆ เรานี่ก็ดูดีนะ ซองยอลคิด
“ยินดีต้อนรับครับ ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าจะรับอะไรฮะ”
ซองยอลหันกลับมาหาพนักงานที่เพิ่งมาถึง พนักงานหนุ่มเตรียมจดรายการอาหารอย่างใจจดใจจ่อ ซองยอลยิ้มให้เขา
"เอาทงคัตสึแล้วก็ซุปสาหร่ายนะฮะ^^"
พอสั่งอาหารเสร็จซองยอลก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆร้านอีกครั้ง บรรยากาศในร้านครึกครื้นขึ้นเรื่อยๆ
บรรยากาศแบบนี้ทำให้เขานึกถึงบ้าน อันที่จริง ซองยอลไม่ได้อยากมาปารีสสักเท่าไหร่ แต่เจ้าเพื่อนตัวดีมันชวนเขา เขาจึงต้องจองตั๋วเครื่องบินเป็นเพื่อนมัน พอถึงวันจริงมันดันมากับเขาไม่ได้ เขาเลยต้องมาที่นี่เพียงลำพัง เฮ้อ
เขาก้มมองนาฬิกาข้อมือ อื้มบ่ายโมงพอดี
“อาหารมาเสริฟแล้วครับ ทานให้อร่อยนะครับ” เป็นเวลาเดียวกับที่พนักงานเอาอาหารมาเสริฟเสียงกริ่งประตูดังขึ้น ลูกค้าทยอยกันออกจากร้าน มีลูกค้ามาใหม่
ซองยอลสังเกตุเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่เป็นชาวเกาหลี เสียงพนักงานสาวกล่าวขอบคุณลูกค้าสองคนที่เพิ่งเดินออกไปมีเสียงเพลงที่ทางร้านเปิดคลอเบาๆ ได้บรรยากาศเกาหลีสุดๆ
ดีจัง มีร้านแบบนี้ในปารีสด้วยจะได้กินทงคัตสึทุกวันเลย^^
ซองยอลผู้กำลังเพลิดเพลินกับบรรยากาศรอบข้างและทงคัตสึ หารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องเขาอยู่
ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาในร้านนี้แล้ว....
เป็นเวลาไม่นานนักหลังจากที่แอลและโฮย่าเดินออกจากร้านอาหาร พวกเขาก็หาที่พักพิงในสวน สาธารณะแห่งหนึ่ง
ที่นี่มีต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม ต้นไม้แต่ละต้นได้รับการดูแลอย่างดี แอลมาที่นี่ไม่บ่อยนัก แต่จะเป็นที่แรกที่เค้านึกถึงเวลามีเรื่องไม่สบายใจเขาจะมานั่งที่ประจำของเขา ม้านั่งตัวโปรดที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้แห่งความทรงจำ
...ต้นโอ๊ก
ที่นี่สงบเงียบไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านนัก เขาและโฮย่ามีนิสัยที่เหมือนกันคือ ชอบที่เงียบๆและนี่คือเหตุผลที่เขามาที่นี่ในวันนี้เหตุผลที่ทำให้เขาชาไปทั้งตัว…ตอนเขานั่งทานอาหารอยู่ในร้านนั้นเขาเห็นคนคนนั้น คนในความทรงจำ คนที่เขารอคอย ลี ซองยอล
หน้าตาที่คุ้นเคย ท่าทางที่คุ้นตา เสียงและรอยยิ้มที่เค้าคิดถึงเหลือเกิน แอลไม่กล้าเข้าไปทักเนื่องจากเขากลัวว่าซองยอลจะตกใจ
มีสองอย่างที่แอลคิดคือ หนึ่งซองยอลจำเขาไม่ได้กับสองซองยอลไม่เห็นเขา แต่ใจของเขาอยากให้เป็นอย่างหลังมากกว่า
บรรยากาศรอบข้างเงียบสงบได้ไม่นานก็ถูกแทรกด้วบทสนทนาที่ แอลเป็นคนเปิดประเด็น
“โฮย่า นายเห็นผู้ชายที่ลากกระเป๋าเข้ามาตอนเราอยู่ในร้านนั้นมั้ย?”
น้ำเสียงคนถามทุ้มต่ำ บ่งบอกว่าเขาจริงจัง
“เห็น ทำไมเหรอ?” โฮย่าที่กำลังนั่งดึงหญ้าที่ติดพื้นรองเท้าของเขาออกเงยหน้าขึ้นมาตอบคำถามแอล ก่อนที่จะก้มลงไปอีกครั้ง
“ไม่รู้สิ นายว่าหน้าเขาคุ้นๆมั้ย นายจำรูปเด็กผู้ชายที่ฉันเคยให้นายดูได้มั้ย?”
“รูป?... อ่อ เด็กผู้ชายแก้มป่องๆที่นายบอกว่าเป็นเพื่อนนายตอนเด็กใช่มั้ย อืมไม่คุ้นนะ” โฮย่าครุ่นคิดก่อนที่จะตอบพลางหย่อนก้นลงบนพื้นที่ว่างบนเก้าอี้สาธารณะข้างๆแอล
ลมเอื่อยๆพัดมา ผมของทั้งคู่ปลิวไสว สายลมเหมือนกระซิบบอกบางอย่างกับแอล เขาแน่ใจ ต้องเป็นซองยอลไม่ผิดแน่
ในแววตาคู่นั้นมีความหวังปรากฏขึ้น ท่าทีของเขาดูเป็นกังวลจนโฮย่ารู้สึกได้
“นายจำผิดคนหรือป่าว คนเรามีหน้าคล้ายกันก็เยอะนะ อย่าคิดมากน่า” โฮย่าเห็นท่าทางของแอลจึงปลอบเขาไม่อยากให้แอลคิดมาก
หากแต่แอลไม่ได้ยินเสียงของโฮย่าเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขากำลังจมอยู่กับความคิดของเขาเอง ซองยอลฉันขอให้นายจำฉันได้ด้วยเถอะ
แอลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะเจอซองยอลที่นี่ มีหลายต่อหลายครั้งที่เขาท้อและบอกกับตัวเองให้เลิกรอได้แล้ว
แต่วันนี้เขาไม่สามารถปล่อยซองยอลไปได้อีก และเขาค่อนข้างแน่ใจว่าชายคนนั้นคือซองยอล
เอาวะ!! เป็นไงเป็นกัน จะใช่หรือไม่ใช่เขาก็ไม่สน
ขอให้เห็นชัดๆกับตาของเขาก็พอ...
“ฉันจะไปดูให้แน่ใจ” การตัดสินใจแบบปัจจุบันทันด่วนของแอล ทำให้โฮย่าเป็นบ้า "ไปดูอะไร ไปไหน เฮ้ยย แอลล!!! นายจะไปไหน?" เขาลุกพรวดจากเก้าอี้
ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ชายร่างสูงวิ่งออกไปโดยไม่สนใจฟังเสียงโวยวายข้างหลังเลยแม้แต่น้อย…ขอให้นายยังอยู่ ที่ร้านนั้น อย่าเพิ่งไปไหนนะซองยอล รอฉันก่อน
แอลวิ่งมาจนสุดฝีเท้าภาวนาให้ซองยอลคนนั้นยังไม่ออกจากร้าน เขาชะลอฝีเท้าเมื่อถึงหน้าร้าน
“ขอบคุณที่เข้าร้านเราค่ะโอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ” เสียงพนักงานต้อนรับคนเดิมแว่วมา มีคนเดินออกมาจากร้าน
แอลมองไปที่ร่างนั้นดวงตาคมเบิกกว้างแอลแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง ซองยอลเดินออกมาจากร้านอาหาร เขารู้สึกเหมือนมีสายตาคู่หนึ่งมองเขาอยู่
เขาจึงหันมา และพบว่ามีชายร่างสูง(น้อยกว่าเขา) กำลังมองเขาด้วยสายตาอาวรณ์ราวกับเราเป็นคนรักกัน ผมสีดำของชายผู้นั้นปลิวตามลมที่พัดผ่านไป
เขามองซองยอลอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน ร่างเพรียวมองกลับมาสีหน้าที่มีแววแปลกใจ ใครกันนะ?
ด้วยความรวดเร็วโดยที่ซองยอลไม่ทันตั้งตัวแอลเดินเข้ามาหาร่างเพรียวด้วยแววตาที่โหยหา !!
ซะ…ซองยอล! ซองยอลจริงๆด้วย “ ซองยอลใช่มั้ย? นายจำฉันได้มั้ย? ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน” เขาร่ำร้องเรียกชื่อคนที่เขารัก น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็น แสดงความอ่อนแอให้คนตรงหน้าเห็น แขนแกร่งดึงร่างเพรียวมากอดเอาไว้
ซองยอลขัดขืนเขางงเกิดอะไรขึ้น ชายผู้นี้ ทำไม? และในที่สุด ร่างเพรียวก็หลุดออกจากอ้อมกอดของคนแปลกหน้า แอลไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาพุ่งเข้าหาซองยอล
มือสองข้างจับไหล่ของซองยอลเขาเขย่าร่างเพรียวอย่างบ้าคลั่งจนร่างตรงหน้าโงนเงนตามแรง เกิดอะไรขึ้น ชายคนนี้เป็นใคร เขาควรจะทำอย่างไร ตอนนี้ซองยอลตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามรวบรวมสติของเขา
ก่อนที่จะดิ้นอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น "อะไรเนี่ย? เดี๋ยว!!โอ้ย!! ปล่อยผมนะ!! ปล่อยยย!! ผมบอกให้ปล่อยไง!! ปล่อยย!!"
ซองยอลสะบัดตัวสุดแรงแล้วถอยหนีแอลอย่างรวดเร็ว เกิดอะไรขึ้น กับผม นายคนนี้เป็นใครกันO_O สีหน้าซองยอลบ่งบอกว่าตกใจสุดขีด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันบ่งบอกว่าเจ้าของไม่พอใจ
คนทั้งสองหอบหายใจด้วยความเหนื่อย สงครามขนาดย่อมจวนจะเริ่มขึ้นแล้ว "นี่!! บอกมานะ ว่านายเป็นใคร? ต้องการอะไร? รู้จักชื่อฉันได้ยังไง? แล้วทำไมต้องทำรุนแรงกับฉัน?"
ร่างเพรียวตั้้งสติได้และเริ่มสอบสวนบุคคลน่าสงสัยตรงหน้าทันที แอลมองเข้าไปในดวงตาของซองยอล แววตาของแอลทำให้คนตรงหน้าอ่อนลง
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ซองยอลรู้สึกคุ้นกับแววตาแบบนี้ แววตาที่ทำให้เขาโกรธไม่ลง เกิดคำถามมากมายขึ้นกับแอล ทำไม มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ซองยอลจำเขาไม่ได้ ถ้านายจำฉันไม่ได้ ฉันจะเป็นคนรื้อฟื้นความทรงจำให้นาย ด้วยแผนการของฉัน เอง แอลไม่รอช้า แผนของเขาได้เริ่มขึ้นแล้ว
“ขอโทษครับ ผมชื่อแอลนะครับยินดีที่ได้รู้จักขอโทษด้วยคือผมจำผิดคน ว่าแต่คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ไม่น่าถามก็เห็นๆกันอยู่
"ก็ นิดหน่อยฮะ" ซองยอลเย็นลงมากแล้ว อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่โจรละนะ แอลเห็นซองยอลลูบไหล่ป้อยๆ บ้าเอ้ย นิดหน่อยอะไรล่ะแรงนายมันเยอะอย่างกะแรง...(ละไว้ในความหมายที่เข้าใจตรงกัน)
"ผมซองยอลฮะ ยินดีที่ได้รู้จัก" มือทั้งคู่จับกันเป็นการทักทาย
"ผมต้องขอโทษคุณจริงๆนะครับ พอดีผมค่อนข้างดีใจมากไปหน่อยที่เจอคุณ หน้าของคุณเหมือนเพื่อนของผมหน่ะครับ " แอลต้องการตีสนิทซองยอลเพื่อที่จะล่อให้ติดกับดักของเขาได้ง่ายขึ้น
"เพื่อนของแอล ชื่อซองยอลเหรอครับ?"
"ครับ ชื่อเหมือนคุณเลย แล้วนี่ซองยอลมาคนเดียวเหรอครับ" มาคนเดียวนายก็เสร็จฉัน มาหลายคนนายก็เสร็จฉันอยู่ดีแหละ
"ครับ ผมมาถึงวันนี้ฮะ แล้วแอลล่ะฮะ?” เข้าแผน!!ฉันไม่คิดเลยว่าจะง่ายขนาดนี้นายมันก็เป็นแค่กระต่ายน้อยตัวหนึ่งส่วนฉันก็เป็นนักล่าที่มาในคราบเทพบุตร(สุดหล่อ) ซองยอลต่อไปนี้ฉันจะใส่หน้ากากใส่นายจนกว่านายจะเป็นของฉัน!!
แล้วนายจะรู้ว่าฉันเลวกว่าที่นายคิด
"ผม มาถึงนี่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วครับยังหาเพื่อนคุยไม่ได้เลย ผมจึงต้องไปไหนมาไหนคนเดียว กินข้าวคนเดียว ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย เดี๋ยวคุณก็จะได้รู้เองล่ะครับ"
แอลแสร้งทำเป็น ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จเรียกความเห็นใจจากซองยอล
กระต่ายน้อยที่ไว้ใจนักล่า…
“ลำบากจังนะฮะแบบนี้ดีมั้ยฮะ คุณ เอาเบอร์ผมไป เผื่อว่าเราจะได้นัดเจอกัน”
น้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสงสาร แววตาที่แสดงออกถึงความเห็นใจ ซองยอลหยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาจดเบอร์ของเขาให้กับแอล
แอลรับมันมาด้วยความเต็มใจ
ตกหลุมพรางฉันแล้วล่ะ
"ขอบคุณมากครับ ว่าแต่ซองยอลมีที่พักหรือยังครับ มาพักโรงแรมเดียวกับผมมั้ย? เผื่อว่าจะได้เป็นเพื่อนกัน" แอลหยิบนามบัตรโรงแรมให้ซองยอล
ซองยอลจะรู้มั้ยนะว่าเขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงแรมนี้
“อ๊ะ! นี่มันโรงแรมที่ผมกำลังจะไปนี่ บังเอิญจังเลยนะฮะ ดีจัง^^” ร่างเพรียวดูตื่นเต้น จนเผลอยิ้มให้กับแอล รอยยิ้มแบบนั้น แววตาแบบนั้น ทำให้แอลหน้าแดง หัวใจเขาเต้นในจังหวะที่แปลกไป รอยยิ้มที่แสนจะคิดถึงของคนตรงหน้ายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ฉันไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ คิดถึงเหลือเกิน แอลอยากดึงซองยอลมากอด แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ แอลรู้ว่าซองยอลคงไม่ยอมแน่
เขายิ้มตอบซองยอลในแบบที่เค้าไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน หน้าซองยอลแดง เขารู้สึกร้อนแปลกที่แก้มทั้งสองข้าง ทำไมนะ?
"เราไปดื่มกันนะครับ ผมอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้ เพื่อนใหม่ของผม"
“ผมไม่ดื่มแอลกอฮอล์ฮะ แต่ถ้าเป็นกาแฟผมไม่ปฏิเสธ” ร่างเพรียวที่กลับมาสดใสร่าเริงอีกครั้งเพราะกาแฟแท้ๆ ความไม่ไว้ใจคนตรงหน้าของซองยอลหมดไป
แอลเดินนำซองยอลไปที่รถสปอร์ตเปิดประทุนสีดำ ยานพาหนะตรงหน้าสร้างความแปลกใจให้ซองยอล "รถสวยจังเลยนะฮะ ของคุณเหรอฮะ?"
ไหนบอกว่ามาเที่ยวไง แล้วรถคันนี้ล่ะ แอลคงไม่ได้เอาขึ้นเครื่องมาด้วยหรอกนะ= =
“อ่อ รถเช่าครับ ผมไม่ค่อยชอบไปไหนมาไหนรวมกับคนอื่น เลยตัดสินใจเช่ามันมาครับ”
แอลพูดพลางเดินอ้อมไปเปิดประตูด้านคนนั่ง เขาผายมือเชิญให้ซองยอลขึ้นไป ร่างเพรียวก้าวขึ้นไปนั่งบนเบาะกำมะหยี่สำดำสุดหรู ที่มีแค่สองที่นั่ง
แอลปิดประตูแล้วเข้ามานั่งข้างๆซองยอล ประตูรถด้านคนขับถูกปิดลง
ลีซองยอล นายมันไร้เดียงสาเสียจริง แอลหันไปมองซองยอลที่ตอนนี้กำลังสำรวจรถของเขาอยู่ แขนแกร่งยืนไปหาร่างเพรียว
"จะ!!ทำอะไรฮะ?" ซองยอลสะดุ้ง
"คุณควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งเมื่อโดยสารรถ กฏหมายที่นี่ไม่เหมือนที่เกาหลีครับ ถ้าตำรวจเห็นว่าคุณไม่ได้คาดมัน คุณจะต้องเสียค่าปรับ^^"
แอลดึงเข็มขัดนิรภัยข้างตัวซองยอลมาสวมให้ ซองยอลยิ้มเชิงขอบคุณ แอลสังเกตว่าหน้าซองยอลแดงอีกแล้วซองยอลกำลังเขิลเขาอยู่ใช่มั้ย
ล้อของยานพาหนะสีดำเคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ แอลหยิบแว่นดำขึ้นมาใส่ ทำให้ซองยอลหันมามอง
คนข้างๆเขานี่จะดำไปไหน เสื้อโค้ทสีดำ เสื้อตัวในก็สีดำ กางเกงสีดำ ผมดำ รองเท้าหนังสีดำ รถก็สีดำ แถมยังใส่แว่นดำอีก
ระหว่างที่ซองยอลคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเขากำลังจ้องแอลอยู่ ซองยอลเหมือนโดนมนต์สะกด เขาไม่อาจละสายตาไปจากคนตรงหน้าได้ เขาไม่เคยเจอคนที่สมบูรณ์แบบเช่นแอลมาก่อน
ผิวขาวซีดของแอล ทำให้เขาดูเท่ห์ ดวงตาแข็งกร้าวแต่กลับมีแววตาที่อบอุ่น จมูกโด่งสันเป็นจุดที่เด่นที่สุดบนใบหน้าของแอล ปากได้รูปที่ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก แดงระเรื่อคงเป็นเพราะอากาศหนาวสินะ
ความในใจจากเด็กประถมกระต่ายน้อยซองยอล
สวัสดีฮะ^^ เด็กประถมซองยอลเองฮะ อ่า หน้าผมร้อนไปหมดเลย เป็นเพราะแอลแท้ๆ อันที่จริงผมไม่ได้เป็นคนเสียมารยาทขนาดที่นั่งจ้องใครแล้ววิเคราะห์นานๆแบบนี้หรอกนะ
แต่ไม่รู้ทำไมพอผมมองหน้าแอล ผมก็ไม่สามารถควบคุมให้ตนเองหันไปทางอื่นได้ อย่างที่บอกไปแอลช่างน่าหลงใหลนัก
เอ้ยย!!ซองยอลอย่ามองเขาสิ!! ซองยอลบังคับตัวเองให้หันกลับไปอย่างอยากลำบาก
ความในใจจากมยองซูผู้เงียบขรึม
สวัสดีฮะ ผมแอลผู้เงียบขรึมนะครับ ผมเห็นซองยอลเขาจ้องหน้าผมตั้งนาน หน้าผมมีอะไรติดรึป่าว ดูท่าว่าเขาจะไม่รู้ว่าผมก็มองเขาอยู่เหมือนกันฮ่าๆๆๆ
ทำไงได้ก็ผมมันหล่อ^^ แต่ก็เถอะ เขาจ้องผมขนาดนั้นผมก็เขิลเป็นนะแต่ก็มีอีกเรื่องที่
ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมซองยอลจึงเห็นว่าผมเป็นคนแปลกหน้า นี่เขาจำผมไม่ได้เลยเหรอ มันน่าน้อยใจจริงๆ แต่ไม่เป็นไรผมจะทำให้
เขาเข้ามาอยู่ในวงโคจรของผมให้ได้
ผมคือพระอาทิตย์ที่ร้อนแรงครับ^^ ผมจะไม่ให้เขาไปไหนอีกแล้ว
ท่ามกลางเสียงลมที่เกิดขึ้นจากแรงต้านของรถ แอลมองซองยอลและเห็นร่างเพรียวเริ่มสั่น
“หนาวเหรอครับ?” ซองยอลสะดุ้งเฮือก เพราะเขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่
“อ่อ มะ…ไม่หนาวครับ คุณขับรถไปเถอะครับไม่ต้องห่วงผม ผมสบายมาก^^”…. ซะที่ไหนกัน!! อันที่จริงหนาวโคตร ก็นี่มันรถเปิดประทุนนะครับ พ่อคุณเล่นขับเร็วขนาดนี้ไม่หนาวก็ไม่รู้จะว่าไงแล้วแต่ผมต้องปากแข็งเข้าไว้ทำตัวห่างๆเข้าไว้ ต้องไม่เผลอมองหน้าเขาอีก> <
รถสีดำวิ่งผ่านถนนที่ไร้ผู้คน ดอกไม้ในร้านกำลังบานสะพรั่ง
ดอกไม้ โฮ ยา อืม สวยดีนะ…
เฮ้ยO.O!!!!
แอลคิดอะไรบางอย่างออกโดยพลัน เขาเหยียบเบรกทำให้เกิดเสียงของล้อรถที่เบียดกับพื้นถนน สร้างความสงสัยให้กับซองยอล ขับอยู่ดีๆเบรกทำไมเนี่ย?
“จอดทำไมฮะ” คนที่นั่งมาด้วยถามหน้าซื่อ
แต่ไอ้คนที่เหยียบเบรกนี่สิดูเหมือนจะลืมเรื่องสำคัญบางอย่าง
ชิบหายแล้ว!!!!!ลืมไอ้โฮย่าสนิท!! แอลที่กำลังสติแตกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้อความด้วยความไวแสง
…โฮย่าฉันขอโทษที่ทิ้งนายไว้ ฉันมีเรื่องด่วนต้องรีบไปทำ ไว้วันหลังจะเลี้ยงข้าวไถ่โทษ^^ …
บรื้นนน..ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างๆ
ซองยอลเลยได้แต่นั่งเงียบตลอดทาง สักครู่หนึ่งดูเหมือนว่าสติของ
แอลจะกลับมาแล้ว เขานึกถึงบทสนทนาเมื่อครู่ระหว่างเขากับซองยอล
เขาหันไปหาซองยอล เห็นมือของร่างเพรียวซีด
“ไม่หนาวอะไรมือนายซีดหมดแล้วนั่น” แอลยื่นมือมาจับมือของซองยอลไว้ ความอบอุ่นจากผมคุณคงได้รับมันนะ ต่อจากนี้ผมจะอยู่ข้างๆคุณ ผมจะปกป้องคุณเอง...
แต่ทว่า ร่างเพรียวเลือกที่จะดึงมือออกจากมือของแอล โดยไม่รู้เลยว่าแววตาที่แสนเจ็บปวดได้ถูกแสดงออกมาภายใต้แว่นดำ สีหน้าของแอลหม่นลง
…ใช่สิ สำหรับคุณ ผมมันเป็นแค่คนแปลกหน้า ผมขอโทษที่ไม่สามารถทำให้คุณเชื่อใจผม ความรู้สึกของคุณไม่เหมือน…ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ…
ที่สวนหลังบ้านแห่งเดิม มีเด็กชายสองคนกำลังเล่นก่อกองทรายอยู่ สำหรับแอลภาพเหล่านี้ยังคงชัดเจนเสมอมา
“ซองยอลยื่นมือมาสิ” อยู่ดีๆเด็กชายมยองซูก็โพล่งขึ้นมา ทำให้เด็กน้อยซองยอลแปลกใจ
“ทำไมเหรอ?”…
“ฉันอยากจะจับมือนายอ่ะ” น้ำเสียงเอาแต่ใจสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนตรงหน้า
“ฮ่าๆๆๆ ทำไมต้องจับมือฉันไว้ล่ะนายก็มีมือนายก็จับมือนายเองสิ”… ซองยอลไม่ยอมทำตาม เขายังคงง่วนอยู่กับการตักทรายใส่ถัง โดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจคนข้างๆเลยแม้แต่น้อย
มยองซูผู้เอาแต่ใจ เลือกที่จะใช้แผนสร้างความเห็นใจ นี่เป็นวิธีสุดท้ายแล้ว “ฉันกลัวนายจะหนีฉันไปฉันกลัวไม่มีเพื่อนเล่น” ซองยอลเงยหน้ามองมยองซู เขาคิดอะไรสนุกๆได้แล้ว
"แบร่ๆแน่จริงจับฉันให้ได้สิมยองซู ฮ่าๆๆๆๆ^^"….ร่างเล็กลุกขึ้นท้าทายให้มยองซูจับเขา ยังไงก็ต้องมีคนวิ่งตามมาล่ะนะ
ตามที่เขาคิดไว้ มยองซูวิ่งตามซองยอลไป เด็กทั้งสองคนทิ้งกองทรายไว้เบื้องหลัง
“เย้..ในที่สุดก็จับได้แล้ว คนอย่างมยองซูถ้าต้องการอะไรแล้วนะ ไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจหรอก^^” เด็กน้อยดูภูมิใจที่เขาทำสำเร็จ
ซองยอลยิ้มให้เขาพร้อมกับยื่นมือออกไปให้เขา
“อ่ะ…ตามสัญญา^^” มยองซูจับมือซองยอลมาเขาปัดทรายที่ติดอยู่บนมือเล็กออกอย่างแผ่วเบา มือสองมือของคนสองคนจับกันแกว่งไปมา เสียงหัวเราะและความสุขในวันวาน เขาจะทำให้มันกลับมาได้มั้ย
ถ้าเป็นตอนนั้นฉันคงคิดกับนายแค่เพื่อน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉัน…ปล่อยนายไปไม่ได้อีกแล้ว ลีซองยอล
………………………………………………………………………….
ขอหลายๆคอมเม้นให้ตอนนี้หน่อยนะคะ กว่าจะเสร็จไรเตอร์แทบตาย ^^
รีไรท์
ครั้งที่1: 12\10\2012
ความคิดเห็น