คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คำสัญญา
มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ความรักครั้งแรกนั้นเปรียบเสมือนฤดูร้อน เป็นความรู้สึกที่หอมหวาน เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข จนทำให้ใจของคุณเต้นแรง เป็นความรู้สึกที่คิดถึงที่สุดหากว่าคุณนั้นสูญเสียมันไป เป็นความสุขในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่ไม่อาจลืมได้และ แม้ว่าคุณจะพยายามลืมมันสักแค่ไหน คุณจะยิ่งคิดถึงมันมากขึ้น” คุณเชื่อแบบนั้นมั้ย
…เสียงนกร้องหยอกล้อกันและกัน ท่ามกลางต้นโอ๊กขนาดใหญ่ ลำต้นของต้นโอ๊กมีร่องรอยของการแตกของเปลือกไม้ เป็นสัญลักษณ์ว่ามันอยู่มานานพอสมควรแล้ว รากหนาหยั่งลึกลงใต้ดิน ยึดแน่นกับผืนดินอย่างมั่นคง กิ่งก้านสาขาแผ่กว้างออกไปสร้างร่มเงาให้แก่ผืนดินในบริเวณนั้น ใบของมันบางส่วนเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว และมันกำลังจะผลัดใบในอีกไม่ช้า
เป็นเวลาบ่ายอ่อนๆของวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง ที่ใต้ต้นโอ๊กขนาดใหญ่มีผู้พักพิงรายล่าสุดกำลังปรึกษาอะไรกันบางอย่าง สีหน้าของคนทั้งสองแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่กำลังปรึกษากันอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแต่อย่างใด อันที่จริงต้นโอ๊กคุ้นเคยกับเด็กๆทั้งสอง เพราะที่นี่เป็นที่ประจำของพวกเขา ซองยอลและมยองซูมักจะมาเล่นที่นี่ด้วยกันเป็นประจำทุกๆวัน หากแต่วันนี้ไม่มีรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของทั้งสองปรากฏให้เห็นเลย...
สายลมพัดมาเป็นระยะๆเหมือนมีความเหงาแอบแฝงอยู่ในนั้น เสียงเครือความเศร้าของใครคนหนึ่งถูกเปล่งออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่กดดัน
"ซองยอลอา~ นายจะต้องไปจริงๆเหรอ? แล้วนายจะกลับมาเมื่อไหร่?"
สีหน้าของเด็กผู้ชายผิวขาว ที่มีผมสีดำขลับหม่นลงเมื่อพูดถึงประเด็นสำคัญของวันนี้
เขาคือคิม มยองซูเด็กชายไร้เพื่อน ไร้สังคม ไม่มีแม้แต่ใครที่อยากจะเข้าใกล้ เขาถูกคนภายนอกมองว่าเป็นเด็กที่น่ากลัว เนื่องจากพ่อของเขาเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจ น่าเกรงขามและเผด็จการ คนทั่วไปจึงรู้จักเขาในนามของ “ลูกชายมาเฟีย” เด็กส่วนใหญ่ในวัยเดียวกันจึงถูกกีดกันไม่ให้เล่นกับเขา การที่พ่อแม่กีดกันลูกๆของพวกเขานั้นคงเป็นเพราะไม่อยากจะมีปัญหา
มยองซูจึงมีเพื่อนเพียงคนเดียวเท่านั้น คือเด็กชายที่อยู่บ้านติดกับเขา เด็กชายลี ซองยอลนั่นเองซองยอลที่ซึ่งไม่เคยมองว่ามยองซูน่ากลัวหากแต่ในความรู้สึกลึกๆของเขานั้น มยองซูช่างน่าสงสาร
ด้วยที่ว่าบ้านของทั้งคู่มีสวนหลังบ้านอยู่ในรั้วเดียวกัน ซองยอลจึงมาหามยองซูได้ทุกๆวัน บางวันซองยอลจะเอาขนมมาแบ่ง ของเล่นใหม่ๆของซองยอลก็มีแค่มยองซูเท่านั้นที่เขายอมให้เล่นก่อนใคร ซองยอลมีน้องชายที่ห่างกัน 4 ปี แต่เขากับน้องไม่ได้อยู่ด้วยกัน ป้าของซองยอลไม่มีลูกจึงขอน้องชายไปเลี้ยงเขาจึงใช้ชีวิตเหมือนลูกคนเดียวมาโดยตลอด
ซองยอลชอบมยองซู เพราะมยองซูเคยบอกว่าชอบเขา นั่นเป็นเหตุผลที่มยองซูไม่เคยเปิดใจให้ใครนอกจากซองยอล
และที่พวกเขาเป็นแบบนี้ เพราะพ่อและแม่ของซองยอลเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทที่พ่อของ มยองซูเป็นเจ้าของ ทั้งสองครอบครัวจึงสนิทกันมาก ซองยอลจึงเปรียบเสมือนสิ่งสำคัญในชีวิตของมยองซู ซองยอลทำให้เขาได้เรียนรู้หลายๆสิ่งที่เขาไม่เคยรู้ ซองยอลทำให้หัวใจของเขาอบอุ่น ซองยอลทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตของเขามีค่าและเขาคือคนสำคัญ
เด็กชายมองหน้าคนตรงข้ามอย่างเฝ้ารอคำตอบ
"ฉัน…ฉันต้องไปแล้วจริงๆ…และฉันก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอนายอีกเมื่อไร"
ถ้อยคำของซองยอล ทำให้เขาต้องก้มหน้าลงเพื่อปิดกลั้นความอ่อนแอของลูกผู้ชายเอาไว้ แม้ว่าดวงตาทั้งสองข้างของเขาจะร้อนผ่าว ลำคอของเขาเริ่มตีบตันแล้วก็ตาม มือทั้งสองข้างที่กำแน่นอยู่ข้างลำตัว บ่งบอกว่ามยองซูพยายามกดความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ให้อยู่ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉย เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นและฝืนยิ้มอย่างยากลำบากให้กับซองยอล เพื่อไม่ให้คนตัวเล็กต้องเป็นกังวลเพราะเขา
"ฉัน…ฉันสัญญาว่าจะไม่ลืมนาย จากนี้และตลอดไป ฉันหวังว่าเราจะได้เจอกันสักวันหนึ่ง ถึงตอนนั้นนายกับฉันจะได้อยู่ด้วยกัน” มยองซูพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าหากแต่เสียงนั้นสั่นเครือจนคนฟังรู้สึกเศร้าตาม
“ฮึกก ฉัน…ไม่อยากไปจากที่นี่ ฮืออ ฉัน อยากอยูกับ มยองซู”หยดน้ำตาแห่งความเสียใจหยดระเรี่ยแก้มใสลงมารวมกันอยู่ที่ปลายคาง หูทั้งสองข้างเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง ร่างบางสั่นตามแรงสะอื้น มยองซูมองคนตรงหน้าด้วยความเป็นห่วง ซองยอล บอบบางเกินกว่าจะรับมือกับความเศร้าได้ เขาเองก็เศร้าไม่แพ้กัน แต่หากเขาร้องไห้ ถ้าเขาไม่เข้มแข็ง ใครเล่าจะเป็นกำลังใจให้ร่างบางตรงหน้าของเขา
“ซองยอล นายอย่าร้องสิ นาย ต้องเข้มแข็งนะ นายรู้มั้ยยิ่งฉันเห็นนายร้อง ฉันยิ่งเสียใจนะ” มยองซูดึงคนตัวบางกว่าเข้ามากอดไว้ มือข้างหนึ่งของเขาลูบผมลื่นของซองยอลเชิงปลอบประโลม คำพูดมากมายพรั่งพรูออกมา
“ฉัน ฉัน ฮึก~ ฉันเป็นห่วง มยองซู ฉันกลัวว่ามยองซูจะไม่มีเพื่อน ฮือออ~~” ซองยอลร้องไห้หนักขึ้นเมื่อคิดว่าจะต้องไปแล้วจริงๆ หากว่าเขาไปแล้วใครเล่าจะเป็นเพื่อนเล่นคนใหม่ของ มยองซู เขาจะมีเพื่อนที่เข้าใจทุกอย่างเหมือนที่ซองยอลเข้าใจหรือป่าว เขาอดเป็นห่วงมยองซูไม่ได้
ร่างเล็กที่อยู่ภายใต้อ้อมกอดครั้งสุดท้ายของมยองซู สะอื้นอย่างหนัก ความรู้สึกที่หลากหลายถูกส่งผ่านมายังเขา มยองซูกดหน้าสวยลงบนบ่าของเขา “ซองยอล ไหล่ของฉันจะเป็นที่รองรับน้ำตานายเอง” แม้ว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ตาม…
ซองยอลรู้ไม่มากนักถึงสาเหตุของการจากลาในครั้งนี้ หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุ แม่ก็บอกกับเขาว่าจะย้ายบ้าน แม่บอกเขาแค่นี้ และดูเหมือนแม่จะหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้อีก
เมื่อหวนคิด ซองยอลค่อนข้างผูกพันกับสถานที่แห่งนี้ พ่อเคยสอนเขาปั่นจักรยาน แม่เคยนั่งเล่านิทานให้เขาฟัง เขากับมยองซู วิ่งเล่นกันทุกวันในที่ตรงนี้
เขาเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า ทิ้งคราบน้ำตาไว้บนบ่าของเพื่อนรัก แต่น้ำตาหยดใสยังคงไหลอาบแก้มเรื่ออยู่ มยองซูเห็นดังนั้นจึงใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตานั้นอย่างอ่อนโยน เขาลูบผมของ ซองยอลอย่างแผ่วเบาเพื่อที่ว่าซองยอลของเขาจะคลายความกังวลลงไปไม่มากก็น้อย
"ฮึก นายสัญญานะมยองซู" ซองยอลเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาด้วยแววตาที่มีความหวัง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา มยองซูเปลี่ยนจากลูบผมไปเป็นเช็ดน้ำตาที่แก้มใสอย่างแผ่วเบาอีกครั้ง ส่งผลให้แก้มใสเปลี่ยนสีโดยอัตโนมัติ
"ฉันสัญญา ว่าเราต้องได้พบกันอีกครั้ง และเมื่อนั้นเราจะอยู่ด้วยกัน" มยองซูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อสิ้นสุดคำมั่น…ซองยอลเงียบไปครู่หนึ่ง ทำให้คนตรงหน้าอดแปลกใจไม่ได้
"นายเงียบทำไม ไม่เชื่อใจฉันเหรอ?" เขาถามพลางยื่นมือไปหยิกแก้มยุ้ยของอีกฝ่าย
"อะ โอ้ยย ฉันเจ็บนะ -*- " ซองยอลขมวดคิ้ว ที่แก้มใสปรากฏรอยแดงเพราะแรงหยิกเมื่อกี้
“โอ๋ๆๆ อย่าโกรธนะ เดี๋ยวมยองยกลูกอมนี่ให้ยอลลี่หมดเลยดีมั้ย^^” มยองซูล้วงลูกอมหลากรสออกมาจากกระเป๋ากางเกง คนตรงหน้ามองลูกอมในมือตาแป๋วตามที่เขาคาดไว้
“หมดเลยจริงๆนะ *.*?” รอยยิ้มที่เขาอยากเห็นเป็นครั้งสุดท้ายเผยออกมาจากคนตรงหน้า….เฮ้ออ~~~ เป็นเพราะลูกอมแท้ๆ
“อืม หมดนี่เป็นของยอลลี่ล่ะ^^” มยองซูจับมือเล็กแบออกแล้ววางลูกอมลงไป
สีหน้าของซองยอลกลับมาสดใสอีกครั้ง มยองซูมองคนตรงหน้า รอยยิ้มของนาย ฉันจะไม่มีวันลืมเลย ซองยอล…นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นมันสินะ…
มยองซูคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่นึง ก่อนที่จะเอ่ยขึ้น“นี่ ยอลลี่ เรามาทำพันธะสัญญากันดีมั้ย?” เขาพูดพลางเอามือล้วงเข้าไปใต้คอเสื้อและดึงสร้อยเส้นหนึ่งออกมา
“อ๊ะ นี่มันสร้อยที่ฉันเคยให้นี่ นายยังเก็บมันไว้อยู่อีกเหรอ?” ซองยอลมองสร้อยรูปดาวครึ่งเสี้ยว เขาจำสร้อยเส้นนี้ได้ เขาได้มันมาจากห่อขนม เขามีอีกเสี้ยวหนึ่งที่เป็นคู่กัน
“อืม เรามาฝังมันไว้ใต้ต้นโอ๊กกันดีมั้ย? เป็นสัญญาว่าเราจะได้เจอกันอีกไง” มยองซูถอดมันออกจากคออย่างง่ายดาย เขาถือสร้อยสีเงินไว้ในมือ รูปดาวของเขามีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่คอของซองยอล
“เอาสิ น่าสนุกจัง นี่ของฉัน เรามาฝังมันกันเถอะ” คนตัวเล็กออกอาการตื่นเต้นการทำพันธะสัญญาอย่างเห็นได้ชัด เขาถอดสร้อยรูปดาวสีทองออกจากคออย่างระมัดระวัง ก่อนที่ดาวทั้งสองเสี้ยวจะรวมกันเป็นหนึ่งดวง ซองยอลและมยองซูนำสร้อยทั้งสองเส้นมาประกบกัน ก่อนจะวางลงในหลุมเล็กๆที่พวกเขาช่วยกันขุดท่ามกลางบรรยากาศยามบ่าย สร้อยทั้งสองเส้นถูกฝังอยู่ใต้ผืนดินอย่างบรรจง
“ให้ต้นโอ๊กเป็นพยานว่า คิม มยองซู จะจดจำลี ซองยอลตลอดไป” สิ้นคำสัญญา มยองซูก็กลบปากหลุม เขามองไปที่ซองยอล พลางจับมือเล็กขึ้นมาปัดเศษดินออกและกุมมือบางเอาไว้ “ซองยอล นายจะไม่ลืมฉันใช่มั้ย?” มยองซูเอ่ยถามคนตัวเล็ก “อืม ฉันจะไม่มีวันลืมนาย” คนทั้งคู่ยิ้มให้กัน และนั่นคือรอยยิ้มครั้งสุดท้าย…
มิตรภาพของทั้งคู่จะไม่มีวันจางหายไปจากความทรงจำ หรือถ้าหากจางหายไป คนใดคนหนึ่งคงต้องรื้อฟื้นเพื่อให้มันกลับคืนมา
........................................................................................................................................
สนุกหรือไม่สนุกก็เม้นนะคะ ถือว่าเป็นมารยาทที่ดีของผู้อ่าน
รีไรท์
25/12/12
ความคิดเห็น