คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 6:คนที่เป็นห่วงพวกเรามากที่สุด
Cheer’s part
ผมยอมรับว่าผมเป็นคนคิดมาก
และในบางครั้งมันก็ออกจะเกินไป...
ภาพตอนที่ปีหนึ่งล้มลงไปกลางสนามนั้นผมยังจดจำได้ดี ตอนนั้นผมช๊อคมากจนไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยืนมองอยู่นิ่งๆ เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน แต่ก็มีรุ่นพี่ที่ชื่อ ‘พี่’ คนนั้นแหละที่ได้สติเร็วกว่าใครแล้วรีบวิ่งไปดูอาการปีหนึ่งที่นอนสลบอยู่กลางสนาม
ตอนนั้นพี่พี่ร้องไห้ออกมาด้วย...
ผมไม่เข้าใจในความหมายของน้ำตาที่พี่พี่เขาร้องไห้ออกมา แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจแล้ววิ่งไปช่วยพี่พี่แบกร่างของปีหนึ่งมาที่ห้องพยาบาล พี่พี่บอกให้ผมรีบกลับไปเข้าร่วมการรับน้องต่อแต่ผมก็ไม่เชื่อฟังและนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวรอตรงหน้าห้องพยาบาล มันเป็นเวลานานมากแต่ผมก็ยังคงอดครุ่นคิดถึงสาเหตุของน้ำตานั้นไม่ได้อยู่ดี
“ทำไมไม่ไปรับน้อง”
เสียงคุ้นๆดังขึ้นมาข้างๆผม ทำให้ผมถูกดึงออกมาจากห่วงความคิด พี่ว๊ากเดินมานั่งลงข้างๆผมพร้อมกับฮัมเพลงอย่างสบายใจ ผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที มันทำตัวไม่ถูกเลยเวลาอยู่กับพวกรุ่นพี่
“เป็นห่วงเพื่อนงั้นเหรอ?”
“...ครับ”
“แล้วทำไมไม่เข้าไปในห้องพยาบาลล่ะ”
“พี่พี่ไล่ผมให้ไปรับน้อง...แต่ผมก็ไม่ฟังเลยนั่งรออยู่ตรงนี้”
“ฮ่าๆๆๆๆ”
จู่ๆพี่ว๊ากก็หัวเราะออกมา มันมีอะไรที่น่าขำอย่างนั้นเหรอ? ผมก็แค่เป็นห่วงเพื่อนแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวพี่พี่เท่านั้นเอง พี่ว๊ากยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ การกระทำที่ปุบปับนี้ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่ อยากจะเอาหัวหนีแต่ก็กลัวเป็นการเสียมารยาทน่ะสิ
“เชียร์เห็นใช่มั้ย ตอนที่ไอ้พี่มันร้องไห้น่ะ”
“...ครับ”
“อึ้งไปเลยใช่มั้ยล่ะ ตอนนั้นน่ะพี่ยืนอยู่บนตึกแต่ก็พอจะเห็นเหตุการณ์ต่างๆน่ะนะ จริงๆแล้ว...ไอ้พี่น่ะมันไม่ได้อยากจะรับหน้าที่เป็นพี่ว๊ากในงานรับน้องปีนี้หรอก”
เสียงของพี่ว๊ากฟังดูเศร้าสลดลง มือที่ลูบหัวผมอยู่ชะงักค้างไว้สักพักก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาพาดกับพนักพิงของเก้าอี้ยาวแทน ผมหันไปมองหหน้าพี่ว๊าก สายตาที่ฉายแววกลุ้มใจแบบนั้นผมไม่เคยคิดเลยว่าพี่ว๊ากก็จะมีโมเมนท์นี้ มุมปากของพี่ว๊ากยกยิ้มขึ้นเล็กๆ
“แต่สุดท้ายมันก็ยอมจนได้ เชียร์รู้มั้ยทำไมมันถึงยอมเป็น?”
“อยากให้รุ่นน้องสามัคคีกัน?”
“ฮ่าๆๆๆ เกือบถูกนะ ไอ้พี่มันมาเล่าว่าตัวมันเองน่ะไม่มีความมั่นใจเลย ถึงในสายตาของคนอื่นจะมองว่ามันว๊ากเก่งและมีความเป็นผู้นำสูงแต่ทุกครั้งที่ทำอย่างนั้นใช่ว่ามันจะไม่รู้สึกกดดันนะ ทุกๆครั้งที่มีคนบาดเจ็บเพราะคำสั่งของมัน มันก็จะเก็บไปคิดมากคนเดียวแล้วก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะมัน...พี่ว่าจริงๆแล้วไอ้พี่ที่ดูเหมือนมีอำนาจมากที่สุดนี่แหละคือคนที่อ่อนแอที่สุดในคณะ...”
“...เพราะงั้นก็เลยร้องไห้ออกมาสินะครับ”
“อืม คงจะถึงขีดสุดแล้วล่ะมั้ง เฮ้อออ ตอนนี้มันก็เลยทิ้งงานแล้วหนีมาหมกตัวอยู่ในห้องพยาบาลงี้ไง”
ผมหันกลับไปมองบานประตูสีขาวของห้องพยาบาลอีกครั้ง เหมือนกับว่าผมจะเริ่มเข้าใจในสาเหตุของน้ำตานั้นขึ้นมาแล้วล่ะ
นั่นสินะ...คนที่เป็นห่วงพวกเรามากที่สุด
ก็คือเหล่าบรรดารุ่นพี่นี่แหละ
ผมยิ้มออกมาบางๆ รู้สึกดีใจที่ได้มายืนอยู่ที่นี่และได้มีโอกาสรับรู้ถึงความรู้สึกอันลึกซึ้งนี้ ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันรับน้องวันแรกแต่ก็สามารถทำให้ผมจำไปตลอดชีวิตเลย จู่ๆก็มีเสียงเอะอะดังมาจากห้องพยาบาลแล้วพี่พี่ก็เปิดประตูออกมา พี่เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกับพี่ว๊ากก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินหนีไป พี่ว๊ากหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
“ไอ้พี่อายจนหนีไปซะแล้วสิ ถึงคิวเราไปเยี่ยมคนไข้แล้วล่ะ ป่ะเข้าไป อ้อ แล้วเรื่องรับน้องน่ะ พอดีก่อนมาที่นี่พี่ไม่เห็นเชียร์อยู่ในฐานกิจกรรม คิดว่าต้องมาอยู่ที่นี่แน่ๆก็เลยบอกพวกที่ประจำกลุ่มหนึ่งให้แล้วนะ”
“ขอบคุณครับ”
พี่ว๊ากยื่นมือมาตรงหน้าผม ผมยิ้มตอบกลับไปแล้วยื่นมือไปกุมมือของพี่เขา พี่ว๊ากออกแรงฉุดช่วยให้ผมลุกได้ง่ายขึ้นแล้วผมก็เดินไปเปิดประตูห้องพยาบาลออก เมื่อเห็นปีหนึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ดูสบายดีขึ้นผมก็อดโล่งอกไม่ได้ ผมเดินไปใกล้ๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างของเตียง
“เป็นไงมั่งปีหนึ่ง ไหวรึเปล่า?”
“อืม ก็ดีขึ้นหน่อยนึงแล้วล่ะนะ”
พี่ว๊ากเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆเตียงแล้วส่งยิ้มให้ปีหนึ่ง
“ดูท่าว่าจะสบายดีแล้วนี่”
“ครับ พี่ว๊าก”
ปีหนึ่งหันไปทักทายพี่ว๊ากก่อนจะทำหน้านึกอะไรขึ้นได้แล้วหันกลับมาพูดกับผม
“จริงสิ แล้วเชียร์ไม่ไปเข้ารับน้องเหรอ”
“อืม...ก็นะ”
ผมเหลือบมองพี่ว๊ากแวปนึงเป็นข้อความลับให้ปีหนึ่งพอเข้าใจในเหตุผล พี่ว๊ากทำหน้างงเล็กน้อยแต่วินาทีถัดมาก็ทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เฮ้ยเชียร์ ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ ไปเข้ารับน้องต่อเถอะ”
“แน่ใจนะปีหนึ่ง”
“โห เราถึกจะตาย”
แล้วปีหนึ่งก็ชูสองนิ้วพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม ผมเลยพยักหน้าช้าๆเป็นการตกลง ก็ในเมื่อผมแน่ใจแล้วว่าอาการของปีหนึ่งไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากมาย ผมก็ควรกลับไปเข้าร่วมกิจกรรมแบบเพื่อนคนอื่นๆสิ
“ไม่ต้องไปก็ได้นะ อยู่กับเพื่อนเถอะ”
“ไม่ครับ ผมจะไป...ถ้าเพื่อนกำลังลำบาก ผมก็อยากจะลำบากด้วย ผมไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนครับ”
ผมตอบกลับพี่ว๊ากไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง พี่ว๊ากและปีหนึ่งทำหน้าอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกันและนั่นก็ทำให้ผมอดหัวเราะตัวเองที่เผลอพูดอะไรที่ลึกซึ้งออกไป
“เชียร์พูดงี้แล้วเหมือเราเห็นแก่ตัวเลย”
“คนป่วยก็อยู่ส่วนคนป่วยสิปีหนึ่ง”
ปีหนึ่งทำปากจู๋แล้วเชิดหน้าไปทางอื่นแล้วก็บ่นพึมพัมๆออกมาเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งผมและก็พี่ว๊าก ไม่อยากจะทำร้ายเพื่อนตัวเองหรอกนะ แต่เวลาปีหนึ่งทำปากจู๋แล้วมันฮามากเลย
“อะไรกัน!! มันฮาขนาดนั้นเลยเหรอวะ!”
--------------------------------------------------------------------------
อยากจะแต่งในมุมของเชียร์บ้างเลยใช้ความพยายามโคตร 555555
รู้สึกว่าอิมเมจของตัวละครยังไม่ชัดเจนกันใช่มั้ยคะ?
ไรท์ขอสารภาพเลยว่ามันเป็นฟิคที่แต่งขึ้นชั่ววูบมาก ก็เลยสั้น...ที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา orz
แถมยังไม่ได้วางรายละเอียดของตัวละครแบบเจาะลึกเลย Q[]Q //ที่อ่านๆกันมาก็ชั่ววูบหลายๆวูบ(?)
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ ซึ้งอ่าตัวเธอว์
และก็ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ เค้าอ่านทุกคอมเมนท์นะเออ >oOd
ความคิดเห็น