ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พี่ว๊ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง

    ลำดับตอนที่ #6 : 6:คนที่เป็นห่วงพวกเรามากที่สุด

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 56


     

    Cheer’s part

     

     

    ผมยอมรับว่าผมเป็นคนคิดมาก

     

     

    และในบางครั้งมันก็ออกจะเกินไป...

     

     

     ภาพตอนที่ปีหนึ่งล้มลงไปกลางสนามนั้นผมยังจดจำได้ดี  ตอนนั้นผมช๊อคมากจนไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยืนมองอยู่นิ่งๆ  เพื่อนคนอื่นๆก็เช่นกัน  แต่ก็มีรุ่นพี่ที่ชื่อ พี่ คนนั้นแหละที่ได้สติเร็วกว่าใครแล้วรีบวิ่งไปดูอาการปีหนึ่งที่นอนสลบอยู่กลางสนาม

     

     

     

    ตอนนั้นพี่พี่ร้องไห้ออกมาด้วย...

     

     

     

    ผมไม่เข้าใจในความหมายของน้ำตาที่พี่พี่เขาร้องไห้ออกมา  แต่ผมก็ทำได้เพียงแค่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจแล้ววิ่งไปช่วยพี่พี่แบกร่างของปีหนึ่งมาที่ห้องพยาบาล  พี่พี่บอกให้ผมรีบกลับไปเข้าร่วมการรับน้องต่อแต่ผมก็ไม่เชื่อฟังและนั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวรอตรงหน้าห้องพยาบาล  มันเป็นเวลานานมากแต่ผมก็ยังคงอดครุ่นคิดถึงสาเหตุของน้ำตานั้นไม่ได้อยู่ดี

     

     

     

    “ทำไมไม่ไปรับน้อง”

     

     

     

    เสียงคุ้นๆดังขึ้นมาข้างๆผม  ทำให้ผมถูกดึงออกมาจากห่วงความคิด  พี่ว๊ากเดินมานั่งลงข้างๆผมพร้อมกับฮัมเพลงอย่างสบายใจ  ผมรู้สึกเกร็งขึ้นมาทันที  มันทำตัวไม่ถูกเลยเวลาอยู่กับพวกรุ่นพี่

     

     

     

    “เป็นห่วงเพื่อนงั้นเหรอ?”

     

     

     

    ...ครับ”

     

     

     

    แล้วทำไมไม่เข้าไปในห้องพยาบาลล่ะ

     

     

     

    พี่พี่ไล่ผมให้ไปรับน้อง...แต่ผมก็ไม่ฟังเลยนั่งรออยู่ตรงนี้

     

     

     

    ฮ่าๆๆๆๆ

     

     

     

    จู่ๆพี่ว๊ากก็หัวเราะออกมา  มันมีอะไรที่น่าขำอย่างนั้นเหรอ?  ผมก็แค่เป็นห่วงเพื่อนแต่ไม่กล้าเข้าไปเพราะกลัวพี่พี่เท่านั้นเอง  พี่ว๊ากยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ  การกระทำที่ปุบปับนี้ทำเอาผมทำตัวไม่ถูกไปกันใหญ่  อยากจะเอาหัวหนีแต่ก็กลัวเป็นการเสียมารยาทน่ะสิ 

     

     

     

    “เชียร์เห็นใช่มั้ย  ตอนที่ไอ้พี่มันร้องไห้น่ะ”

     

     

     

    “...ครับ”

     

     

     

    “อึ้งไปเลยใช่มั้ยล่ะ  ตอนนั้นน่ะพี่ยืนอยู่บนตึกแต่ก็พอจะเห็นเหตุการณ์ต่างๆน่ะนะ  จริงๆแล้ว...ไอ้พี่น่ะมันไม่ได้อยากจะรับหน้าที่เป็นพี่ว๊ากในงานรับน้องปีนี้หรอก”

     

     

     

    เสียงของพี่ว๊ากฟังดูเศร้าสลดลง  มือที่ลูบหัวผมอยู่ชะงักค้างไว้สักพักก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาพาดกับพนักพิงของเก้าอี้ยาวแทน  ผมหันไปมองหหน้าพี่ว๊าก  สายตาที่ฉายแววกลุ้มใจแบบนั้นผมไม่เคยคิดเลยว่าพี่ว๊ากก็จะมีโมเมนท์นี้  มุมปากของพี่ว๊ากยกยิ้มขึ้นเล็กๆ

     

     

     

    “แต่สุดท้ายมันก็ยอมจนได้  เชียร์รู้มั้ยทำไมมันถึงยอมเป็น?”

     

     

     

    “อยากให้รุ่นน้องสามัคคีกัน?”

     

     

     

    “ฮ่าๆๆๆ  เกือบถูกนะ  ไอ้พี่มันมาเล่าว่าตัวมันเองน่ะไม่มีความมั่นใจเลย  ถึงในสายตาของคนอื่นจะมองว่ามันว๊ากเก่งและมีความเป็นผู้นำสูงแต่ทุกครั้งที่ทำอย่างนั้นใช่ว่ามันจะไม่รู้สึกกดดันนะ  ทุกๆครั้งที่มีคนบาดเจ็บเพราะคำสั่งของมัน  มันก็จะเก็บไปคิดมากคนเดียวแล้วก็เอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะมัน...พี่ว่าจริงๆแล้วไอ้พี่ที่ดูเหมือนมีอำนาจมากที่สุดนี่แหละคือคนที่อ่อนแอที่สุดในคณะ...”

     

     

     

    “...เพราะงั้นก็เลยร้องไห้ออกมาสินะครับ”

     

     

     

    “อืม  คงจะถึงขีดสุดแล้วล่ะมั้ง  เฮ้อออ  ตอนนี้มันก็เลยทิ้งงานแล้วหนีมาหมกตัวอยู่ในห้องพยาบาลงี้ไง”

     

     

     

    ผมหันกลับไปมองบานประตูสีขาวของห้องพยาบาลอีกครั้ง  เหมือนกับว่าผมจะเริ่มเข้าใจในสาเหตุของน้ำตานั้นขึ้นมาแล้วล่ะ  

     

     

     

    นั่นสินะ...คนที่เป็นห่วงพวกเรามากที่สุด

     

     

     

    ก็คือเหล่าบรรดารุ่นพี่นี่แหละ

     

     

     

    ผมยิ้มออกมาบางๆ  รู้สึกดีใจที่ได้มายืนอยู่ที่นี่และได้มีโอกาสรับรู้ถึงความรู้สึกอันลึกซึ้งนี้  ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นวันรับน้องวันแรกแต่ก็สามารถทำให้ผมจำไปตลอดชีวิตเลย  จู่ๆก็มีเสียงเอะอะดังมาจากห้องพยาบาลแล้วพี่พี่ก็เปิดประตูออกมา  พี่เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นผมกับพี่ว๊ากก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินหนีไป  พี่ว๊ากหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ

     

     

     

    “ไอ้พี่อายจนหนีไปซะแล้วสิ  ถึงคิวเราไปเยี่ยมคนไข้แล้วล่ะ  ป่ะเข้าไป  อ้อ แล้วเรื่องรับน้องน่ะ  พอดีก่อนมาที่นี่พี่ไม่เห็นเชียร์อยู่ในฐานกิจกรรม  คิดว่าต้องมาอยู่ที่นี่แน่ๆก็เลยบอกพวกที่ประจำกลุ่มหนึ่งให้แล้วนะ”

     

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

     

    พี่ว๊ากยื่นมือมาตรงหน้าผม  ผมยิ้มตอบกลับไปแล้วยื่นมือไปกุมมือของพี่เขา  พี่ว๊ากออกแรงฉุดช่วยให้ผมลุกได้ง่ายขึ้นแล้วผมก็เดินไปเปิดประตูห้องพยาบาลออก  เมื่อเห็นปีหนึ่งนอนอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าที่ดูสบายดีขึ้นผมก็อดโล่งอกไม่ได้  ผมเดินไปใกล้ๆแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้างของเตียง

     

     

     

     “เป็นไงมั่งปีหนึ่ง  ไหวรึเปล่า?”

     

     

     

    “อืม  ก็ดีขึ้นหน่อยนึงแล้วล่ะนะ”

     

     

     

    พี่ว๊ากเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆเตียงแล้วส่งยิ้มให้ปีหนึ่ง

     

     

     

     “ดูท่าว่าจะสบายดีแล้วนี่”

     

     

     

    “ครับ พี่ว๊าก”

     

     

     

    ปีหนึ่งหันไปทักทายพี่ว๊ากก่อนจะทำหน้านึกอะไรขึ้นได้แล้วหันกลับมาพูดกับผม

     

     

     

     “จริงสิ  แล้วเชียร์ไม่ไปเข้ารับน้องเหรอ”

     

     

     

    “อืม...ก็นะ”

     

     

     

    ผมเหลือบมองพี่ว๊ากแวปนึงเป็นข้อความลับให้ปีหนึ่งพอเข้าใจในเหตุผล  พี่ว๊ากทำหน้างงเล็กน้อยแต่วินาทีถัดมาก็ทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร

     

     

     

    “เฮ้ยเชียร์  ไม่เป็นไรแล้วจริงๆ  ไปเข้ารับน้องต่อเถอะ”

     

     

     

    “แน่ใจนะปีหนึ่ง”

     

     

     

    “โห  เราถึกจะตาย” 

     

     

     

    แล้วปีหนึ่งก็ชูสองนิ้วพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม  ผมเลยพยักหน้าช้าๆเป็นการตกลง  ก็ในเมื่อผมแน่ใจแล้วว่าอาการของปีหนึ่งไม่ได้ย่ำแย่อะไรมากมาย  ผมก็ควรกลับไปเข้าร่วมกิจกรรมแบบเพื่อนคนอื่นๆสิ

     

     

     

    “ไม่ต้องไปก็ได้นะ  อยู่กับเพื่อนเถอะ”

     

     

     

    “ไม่ครับ  ผมจะไป...ถ้าเพื่อนกำลังลำบาก  ผมก็อยากจะลำบากด้วย  ผมไม่อยากเอาเปรียบเพื่อนครับ”

     

     

     

    ผมตอบกลับพี่ว๊ากไปด้วยน้ำเสียงจริงจัง  พี่ว๊ากและปีหนึ่งทำหน้าอึ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมกันและนั่นก็ทำให้ผมอดหัวเราะตัวเองที่เผลอพูดอะไรที่ลึกซึ้งออกไป

     

     

     

    “เชียร์พูดงี้แล้วเหมือเราเห็นแก่ตัวเลย”

     

     

     

    “คนป่วยก็อยู่ส่วนคนป่วยสิปีหนึ่ง”

     

     

     

    ปีหนึ่งทำปากจู๋แล้วเชิดหน้าไปทางอื่นแล้วก็บ่นพึมพัมๆออกมาเรียกเสียงหัวเราะจากทั้งผมและก็พี่ว๊าก  ไม่อยากจะทำร้ายเพื่อนตัวเองหรอกนะ  แต่เวลาปีหนึ่งทำปากจู๋แล้วมันฮามากเลย 

     

     

     

     

     

    “อะไรกัน!!  มันฮาขนาดนั้นเลยเหรอวะ!”  



    --------------------------------------------------------------------------
    อยากจะแต่งในมุมของเชียร์บ้างเลยใช้ความพยายามโคตร 555555
    รู้สึกว่าอิมเมจของตัวละครยังไม่ชัดเจนกันใช่มั้ยคะ?
    ไรท์ขอสารภาพเลยว่ามันเป็นฟิคที่แต่งขึ้นชั่ววูบมาก ก็เลยสั้น...ที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา orz
    แถมยังไม่ได้วางรายละเอียดของตัวละครแบบเจาะลึกเลย Q[]Q //ที่อ่านๆกันมาก็ชั่ววูบหลายๆวูบ(?)

    ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันนะคะ  ซึ้งอ่าตัวเธอว์
    และก็ขอบคุณทุกคอมเมนท์เลยนะคะ  เค้าอ่านทุกคอมเมนท์นะเออ >oOd

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×