ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Boy's Love) The Blessing of Curse

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 : ลงนามข้ารับใช้

    • อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 53


    เดือนแห่งปลายฝนและต้นลมหนาวค่อยๆเข้ามาอย่างเร็ววัน.....

    วิว เด็กชายเส้นผมสีดำสนิท ที่มีรูปร่างสมส่วนราวกับตัวตุ๊กตาในหนังสือการ์ตูน และชอบเก็บตัวอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเอง บัดนี้กำลังจะมีอายุครบ 20 ปี เขากำลังนอนอย่างกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอน ด้วยใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อ ท่ามกลางห้องที่มีแสงไฟสลัวๆจากทีวีที่เปิดทิ้งไว้  เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมาจากความฝันด้วยความหวาดกลัว ทีวียังคงเปิดอยู่กับรายการการ์ตูนในยามดึก


           
    อีกแล้วหรอ ฝันบ้าๆอีกแล้ว

    เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองด้วยความเซ็ง แล้วหันไปมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาเที่ยงคืนตรง วิวลุกตัวขึ้นจากเตียงนอนแล้วเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้า

    นี่เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่เขาฝันถึงแต่เรื่องเดิมๆแล้วก็ตื่นมาเวลาเดิมทุกครั้ง

    ในห้องของเขาของทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างเรียบๆ โดยใช้โทนสีดำเสียส่วนใหญ่ แม้แต่ผ้าม่านก็ยังเป็นสีดำที่บังได้แม้แต่แสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า เขาเดินมาหยิบโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะกดโทรหาพ่อ แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขาจึงวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วจัดแจงเดินเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหารประจำคนเซ็งๆ นั่นก็คือ บะหมี่สำเร็จรูป

    เด็กหนุ่มถือถ้วยมะหมี่แล้วเดินมาตรงเตียงนอน แต่สิ่งที่เขาาแปลกใจมากที่สุดคือ มีขนเส้นเล็กๆสีดำ เหมือนกับขนของสัตว์บางชนิด กระจายอยู่เต็มทั่วเตียงนอนของเขา

           อีกแล้ว...อยากรู้จริงๆว่าเส้นขนพวกนี้มาจากไหนกัน

    วิว บ่นกับตัวเองแล้วก็จัดการเอาเครื่องดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดด้วยความโมโหเล็กๆ เสียงร้องของแมวลอดผ่านเข้ามาทางระเบียงของเขา วิวเดินไปเปิดผ้ามานและบานกระจกของระเบียงแล้วก้มตัวลงลูบหัวแมวน้อยสีเทา

        ไงเจ้าเหมียว แอบมาหนีเที่ยวอีกแล้วซินะ ดูทีวีด้วยกันมะ

    วิว อุ้มแมวแล้วเดินเข้ามาในห้องแล้ววางลงที่โซฟา และเขาก็นั่งกินบะหมี่ไปพลางคุยกับแมวไปพลางโดยไม่ได้สนใจกับเรื่องฝันหรืออะไรอีกเลย จนกระทั่งคล้อยหลับไปบนโซฟาพร้อมกับเจ้าแมว

            ก็อก ก็อก ก็อก ก็อก

     เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องของวิว ทำให้เขาตื่นขึ้น แสงแดดยามเช้าสาดเข้ามาทางปรตูระเบียงที่เปิดไว้ เด็กหนุ่มค่อยเดินไปเปิดประตูด้วยความงัวเงีย

     "ขอโทษนะ พอดีเจ้าเมียวเราหายตัวไปอีกแล้ว ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่ห้องของ วิว หรือป่าว"

    อิม หญิงสาวที่อยู่ห้องถัดไปจากวิว ถามด้วยความกังวล แล้วไม่ทันไรเจ้าเหมียวก็เดินมายังหน้าประตูห้องของวิว อิม อุ้มเจ้าเหมียวด้วยความดีใจ

     "เป็นแบบนี้ทุกทีเลย เป็นเพราะระเบียงมันเชื่อมกัน เลยแอบมาห้องวิวตลอด"


    อิมพูดกับเด็กหนุ่มด้วยความแจ่มใส่ แต่วิวกลับอยู่ในสีดหน้าธรรมดาของเขา

     "ไม่เป็นไรหรอก"


    จบคำพูด วิว กำลังปิดประตูห้อง


     "
    วิว เดี๋ยวก่อน ....พ่อของวิวส่งการ์ดมา"

    อิมรีบพูดสวนมาด้วยความตื่นเต้น

     
    วิวรับการ์ดจากมือของ อิม แล้วเปิดอ่าน ด้านในไม่มีอะไรมากนอกจากคำอวยพรในวันเกิด

    "พ่อของเธอเขามาฝากเราไว้ตั่งแต่เมื่อวานตอนเธอไม่อยู่ บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดเธอ .... ไงก็สุขสันต์วันเกิดนะวิว"

    อิมพูดแล้วเดินฮัมเพลงจากไปกับแมวตัวน้อยของเธอ

    วิวปิดประตูแล้ววางการ์ดไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปยังประตูกบานกระจกหลังห้อง เขามองเหม่อออกไปในแสงแดดยามเช้า กับบรรยากาศผู้คนที่กำลังออกไปทำงาน พ่อแม่กับลังพาลูกๆไปโรงเรียน คุณยายที่กำลังทำบุญ บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยความอบอุ่นท่ามกลางเมืองหลวงที่วุ่นวาย เขาค่อยปิดผ้าม่าน แล้วทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น...เขาเดินมาหยิบโทรศัพท์แล้วชื่อขึ้นบนหน้าจอก็ทำให้ วิว ถึงกับหัวเราะ

     

    "อะไรดลใจให้โทรหาแต่เช้า สงสัยฝนจะตกนะวันนี้"  วิว พูด ด้วยน้ำเสียงกวน


    บรรยากาศโดยรอบห้องที่มืดทึม เริ่มมีประกายแห่งความสุขที่ฉายออกมาจากสายตาของวิว

     

     "อยู่ห้องคอนโดดิ ให้อยู่ไหนได้ล่ะถามแปลก"


    เท้าเล็กขนาดเบอร์เจ็ดเดินย่ำพรมวนไปทางซ้ายแล้วย้ายมาทางขวาอย่างไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย ท่าทางของวิว ราวกับว่าตัวเองกำลังลอยไปเรื่อยๆมากกว่าจะเดินด้วยซ้ำ เขาค่อยๆนั่งลงช้าๆบนโซฟาตัวเดิมและมองดูทีวีที่เปิดฉายอยู่ทั้งคืน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมว่า


    "เห้ย ยังไม่ได้บอกเลยว่าว่าง ฮาโหล!"

     

    คู่สายถูกวางลงไปแล้วมีเพียงเสียงสัญญาณของโทรศัพท์ถูกตัดสายดังอยู่ วิวยิ้มเล็กๆให้กับโทรศัพท์แล้ววางมันลงเบาๆบนโต๊ะหน้าโซฟา หนุ่มน้อยเอื้อมมือคว้าหมอนใบใหญ่ที่อยู่ข้างๆ แล้วกอดไว้แน่นเอาหน้าซุกลงไปเหลือไว้แต่สายตาที่ยังคงมองดูทีวีด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับตัว มือเล็กๆหยิบรีโมทสีดำแล้วค่อยๆกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆก่อนที่จะถอนหายใจ และกดปิดทีวี

    ห้องอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งทุกอย่างเงียบจนได้ยินแม้แต่เสียงของเข็มนาฬิกาสีดำที่แขวนอยู่ตรงผนังด้านบนของทีวี.. แสงแดงตอนเช้าพยายามสาดแสงลอดเขามาตามช่องว่างของผ้าม่าน แต่นั่นก็ไม่ทำให้ห้องที่ห้องสว่างได้ทั้งหมด วิวหยัดลุกตัวขึ้นจากโซฟาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้ห้องอยู่ในความทึบและเงียบคล้ายจะไร้เสียงลมหายใจ

    แล้วทันใดนั้น ทีวีก็เปิดตัวเองฉายภาพออกมาโดยที่ไม่มีคนกดเปิด...






    ภาพลางๆสีจางๆเด็กชายคนหนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้อยู่บนชิงช้า ตัวของเขาขาวซีดราวกับสีขาวของผ้า ในตักของเขามีนกพิราพสีขาวที่นอนแน่นิ่งอยู่ เด็กผู้ชายหลายคนหน้าตาดูท่าทางไม่เป็นมิตรกำลังยืนอยู่รายล้อมเขา บางคนก็เอาก้อนหินปาใส่เขาด้วยความสนุกสนาน เสียงร้องไห้ของเด็กชายค่อยจางหายไป กลับกลายเป็นเสียงหายใจหอบที่ดังราวกับสัตว์ร้าย เสียงเด็กผู้ชายหลายคนที่กำลังหัวเราะก็เงียบลงทันใดกลายเป็นเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วก็แตกตื่นวิ่งกระจายไปคนละทิศทาง สีหน้าของเด็กเหล่านั้นหวาดกลัวราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ใบหน้าบางคนก็มีรอยแผลเหมือนโดนกรงเล็บข่วนลงที่ใบหน้ารอยเลือดไหลออกมาตามแผล

                น้ำตาไหลลงมากระทบกับมือที่เปื้อนไปด้วยเลือด เสียงของเด็กชายที่ตัวขาวซีดได้พูดกับตัวเองแค่คำว่า

           "ผมไม่ได้ตั้งใจ ... "

     




    ท่ามกลางความวุ่นวายของรถราที่วิ่งติดกันไปมา วัยรุ่นน้อยใหญ่เดินกันให้เกลื่อน ที่นี่เป็นแหล่งรวมของคนหลายแบบและหลายแฟชั่น ชายหนุ่มตัวเล็กยืนเอามือท้าวราวเล็กระเบียงของห้าง หน้าตาดูเหม่อลอยกับสิ่งที่มอง มือน้อยๆค่อยปัดปอยผมไปทางซ้ายทีขาวที ก่อนที่ก้มหน้ามองดูนาฬิกาข้อมือของตัวเอง ไม่นานนักหนุ่มตัวสูงราวรอยแปดสิบเซนกฌทำท่าทางเหมือนกระต่ายย่องเข้ามาทีละน้อยทางด้านหลังของวิว มือของเขาค่อยๆสะกิดที่บ่าของวิวทางด้านขวาและแอนหลับตัวเองไปยังทางด้านซ้าย

     

           "ว่าไง...เรย์"

    วิวหันไปทางซ้าย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆและสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของความตื่นเต้น

     

    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเรย์ดังขึ้นและทำลายทุกความเงียบสงบของบรีเวณนั้นรวมทั้งสีหน้าที่ไร้อารมณ์ของวิวก็กลับมีรอยยิ้มเล็กกับสายตาที่ก้มมองพื้นอย่างช้าๆ

     

           "นี่ฉันไม่เคยแกล้งเธอได้สำเร็จเลยใช่มะ"

    น้ำเสียงและคำพูดที่แจ่มใส่ทุกคำของเรย์ กำลังเริ่มทำลายความมั่นใจของวิวอย่างช้าๆ

     

           "แล้วนี่นัดมามีธุระอะไรหรือเปล่า"

    วิวถามด้วยความสงสัย แต่ก็ยังคงมองและเลี่ยงสายตาไปยังทางอื่น

     

    เรย์โบกมือไปมาผ่านหน้าของวิวด้วยท่าทางกวนอารมณ์ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มสายตาที่เบิกกว้าง ยักคิ้วด้านขวาค้างไว้

           "ฮาโหลๆ นี่เวลาพูดก็หัดมองหน้าฉันซิ"

     

    มือเล็กๆคว้าผมของเรย์ที่กับโบกไปมาอยู่ตรงหน้า แล้วค่อยหันมาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ

           "รู้แล้ว.."

     

    มือของเรย์จับที่มือของวิวทันทีที่วิวพูดจบ หนุ่มร่างสูงที่มีรอยยิ้มและใบหน้าที่สดใส กำลังวิ่งจูงมือของหนุ่มตัวน้อย ผ่านกระแสความวุ่นวายของผู้คน วิวจำเป็นต้องเร่งเท้าให้ทันก้าวของเรย์ที่กำลังวิ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เด็กหนุ่มได้แต่ทอดสายตามองด้านหลังของเรย์ เขารู้สึกราวกับว่านาฬิกาของโลกได้หยุดหมุนไปชั่วขณะนี้ ภาพผู้คนหรือเสียงใดๆเหมือนจะเลือนลางและช้าลงอย่างไม่น่าเชื่อ

     

           "นี่..เธอจะพาฉันไปไหน ฉันเดินเองได้"

    วิวพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นรัวและหายใจแทบไม่ทัน

     

           "ไม่ได้หรอก ขืนปล่อยให้เธอเดินเองมีหวังไม่ทันแน่ ตัวก็เล็กขาก็สั้น ฮ่าฮ่าฮ่า"

    เรย์หันกลับมาพูดในขณะมือนั้นจะคงจับมือของวิวไว้แน่น และเขาก็ยั่งรีบวิ่งฝ่าฝูงชนอย่างไม่แคร์สายตาใดๆ

    วิวได้แต่อมยิ้มไว้แล้วก็วิ่งตามแรงดึงดูดของเรย์ไปเรื่อยๆ สำหรับวิวแล้วตอนนี้ทำให้เขานึกถึงภาพในวัยเด็ก วิวเป็นเพียงแค่เด็กชายผิวขาวซีดๆ เป็นตัวประหลาดในหมู่เด็กๆคนอื่นในหมู่บ้าน มีเพียงเรย์คนเดียวเท่านั้นที่เพื่อนคนเดียวที่คอยปกป้องและค่อยๆสร้างรอยยิ้มให้กับเขา เด็กผู้ชายสองคนที่กำลังวิ่งจูงมือกันไปอย่างรีบเร่ง แล้วคนที่วิ่งนำหน้าวิวอยู่เสมอนั้นก็คือเรย์ จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังคงเป็นเรย์อยู่เหมือนเดิม

     

    เรย์หยุดอย่างกะทันหันทำให้วิวถึงกับหน้ากระแทกที่ด้านหลังของเรย์อย่างจัง หนุ่มน้อยส่งเสียงร้องเบาๆเพราะความเจ็บ

     

           "คิวต่อไปหมายเลข 7 สองท่านครับ"

    เสียงประจากจากลำโพงหน้าร้านดังไปทั่วบริเวณนั้น

    เรย์ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปแล้วหยิบกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วค่อยๆยื่นให้กับพนักงานหน้าร้าน เรย์หันกลับมามองวิวแล้วก็หัวเราะก่อนที่จะหมุนตัวมาด้านหลังของวิว แล้วเอามือทั้งสองวางลงบนบ่า เรย์ค่อยผลักวิวไปด้านหน้าอย่างช้าๆเหมือนคุณตาที่กำลังเข็นรถไอติมขายในช่วงฤดูร้อน

     

    เรย์กำลังเลื่อนตัวของวิวอย่างช้าๆมาที่โต๊ะที่มีทุกอย่างจัดเตรียเอาไว้เรียบร้อย เค้กสีขาวไม่ใหญ่มากมายประดับด้วยผลไม้สตรอเบอร์รี่สีแดงสดวางอยู่กลางโต๊ะ พนักงานที่รออยู่ที่โต๊ะสามคน ท่าทางยิ้มแย้มบนหัวประดับด้วยหมวกทรงกรวยสามเหลี่ยมเหมือนของงานเทศกาลปีใหม่ เสียงร้องเพลงอวยพรวันเกิดดังขึ้นท่ามกลางสายตาของผู้คนในร้านอาหาร วิวรู้สึกเหมือนกับว่านาทีนี้มันช่างน่าอายและมีความสุขไปด้วยในเวลาเดียวกัน เรย์ค่อยดันตัวของวิวเข้าไปใกล้เค้กที่จุดเทียนวันเกิดไว้แค่เพียงสิบห้าเล่มเท่านั้น ถึงแม้ว่าร้านทั้งร้านจะไม่ได้ปิดไฟให้มืดลง แต่แสงเทียนในเวลานั้นก็กำลังสว่างอยู่ในใจของวิว ราวกับว่าเค้กวันเกิดได้วางอยู่ใจกลางโต๊ะที่อยู่ในห้องมืดมิด

     

           "อธิษฐานเลย"

    เรย์กระซิบที่ข้างหูของวิวด้วยวาจาที่อ่อนนุ่ม

    วิวค่อยหลับตาแล้วก้มลง

     

           "อย่าขอเยอะนะ เดี่ยวเทพอวยพรวันเกิดเธอเขาจะจดไม่ทัน"

    เรย์พูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาทอีกครั้ง

     

    วิวลืมตาแล้วหัวเราะทันทีที่เรย์พูดจบ แล้วเขาก็ค่อยก้มหน้าเป่าเทียนวันเกิดจนดับ เสียงปรบมือของพนักงานและเรย์ดังไปทั่ว แล้วทุกๆอย่างก็กลับคืนสู่บรรยากาศปรกติอีกครั้ง ทั้งเรย์และวิวค่อยเดินมานั่งที่โต๊ะ สายตาของวิวดูมีความสุขกับการได้เห็นเรย์กำลังนับจำนวนของสตรอเบอร์รี่ที่อยู่บนหน้าเค้ก เรย์ค่อยเงยหน้าขึ้นมาแล้วพูดกับวิว

     

           "อายุครบ 20 ปีแล้วนะครับ เด็กผู้ชาย.."

     



    บรรยากาศยามเย็นที่ตะวันกำลังจะตกดิน แสงสีส้มออกแดงเข้มสาดสว่างไปทั่ว วิวเด็กน้อยเพิ่งจะมีอายุครบสิบขวบกำลังนั่งร้องไห้อยู่ตรงชิงช้าในสวนสาธาระณะ น้ำตาของเด็กน้อยกำลังหยุดลงบนมือที่เปื้อนไปด้วยเลือด

     

           "เธอร้องไห้ทำไม ... นั่นมือโดนอะไรมาหรอ?"

    เด็กชายคนเสื้อสีฟ้าสดใส่ยืนอยู่ตรงหน้าของวิว รอยยิ้มแล้วสายตาของเขาดูสดใสเกินกว่าอะไรที่วิวเคยรู้สึก

     

           "รักษามันได้แล้ว.. แต่เราไม่ได้ทำร้ายคนอื่นนะ ไม่ได้ทำ"

    เด็กน้อยผิวซีดเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมน้ำตาและน้ำมูกที่เลอะเต็มไปหมด

     

    เด็กชายค่อยเอาชายเสื้อสีฟ้าเช็ดรอยเลือดที่มือของเด็กน้อยตัวซีดๆ

          "ไม่เป็นไรแล้วเห็นมั๊ย มือเธอไม่ได้เป็นแผลสักหน่อย"

    เด็กชายเสื้อฟ้าพูดด้วยท่าทางปลอบโยน

     

    บัดนี้ชิงช้าสองตัวกำลังแกว่งไปคู่กัน เด็กชายเสื้อฟ้าแล้วเด็กชายเสื้อขาวตัวซีดๆกำลังนั่งเล่นชิงช้าในยามเย็นของเดือนหนาวอย่างสบายอารมณ์ สายตาของวิวยังคงจับจ่องที่ชายเสื้อสีฟ้าที่มีรอยเปื้อนเลือด แต่ว่าแสงตะวันก็กำลังเริ่มเลือนหายไปช้าความมืดเริ่มปกคลุมทีละน้อย

     

           "บ้านเธออยู่ไหนหรอ?"

    เด็กชายเสื้อฟ้าถามด้วยความสงสัย

    วิวค่อยเอามือน้อยๆชี้ไปอีกด้านของสวนสาธารณะ ชี้ไปยังบ้านไม้สีโอ๊คหลังไม่ใหญ่มากที่มีหลังค่าเป็นสีกระเบื้องน้ำตาลเข้ม

     

           "นั่นบ้านเธอหรอ"

    เด็กชายถามด้วยความตื่นเต้น

    แต่วิวก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากขยักหน้าตอบรับอย่างช้าๆ

    เด็กชายเสื้อสีฟ้ากระโดดตัวลงจากชิงช้าแล้วชี้นิ้วไปทางเดียวกับวิวด้วยท่าทางมั่นใจ

           "นั่นบ้านเรา"

     

    วิวหยุดแกว่งชิงช้าของตัวเองและมองตามนิ้วมือของเด็กชายคนนั้น บ้านหลังที่เขาชี้ไปนั้นอยู่ติดกับบ้านของวิวซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มีคนมาเช่าอยู่ เด็กชายเสื้อฟ้าค่อยยืนมือมาให้วิวแล้วพูดว่า

     

           "เราเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ยังไม่มีเพื่อนเลย เธอเป็นเพื่อนเราได้มั๊ย"

     

    วิวค่อยลุกตัวขึ้นจากชิงช้าใบหน้าดูกังวล แล้วค่อยเดินผ่านเด็กชายเสื้อฟ้าไปก่อนจะหันหลังกับมาแล้วพูดว่า

           "ฉันชื่อ วิว แล้วไม่ต้องเรียกฉันว่า เธอ....."

    วิวหลังหลังกลับไปก่อนจะทิ้งประโยคสุดท้ายไว้ให้กับเด็กชายอีกคน

           "ฉันเป็นเด็กผู้ชาย"

    สายลมหนาวเริ่มพัดมาทีละช้าๆ พาใบไม้ปลิวไปทั่ว วิวค่อยเดินจากไปปล่อยให้เด็กชายเสื้อฟ้ายืนเอามือจับหลังศีรษะด้วยความสงสัย ท่ามกลางบรรยากาศของตะวันที่กำลังลับขอบฟ้าและมีนกพิราบขาวที่กำลังบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างเสรี




     

    เสียงผู้คนในร้านอาหารแล้วความวุ่นวายของพนักงาน ภาพของเค้กวันเกิดที่เหลือเพียงจานรองเค้ก ดูเหมือนกว่าเค้กแห่งความสุขนั้นถูกตักกินด้วยความอร่อยอย่างไม่หยุดของผู้ที่เป็นคนจัดงานให้

     

           "นี่ ค่อยๆกินก็ได้ไม่แย่งหรอก"

    วิวพูดกับเรย์ด้วยน้ำเสียงหยอกล้อก่อนจะยกแก้วชาร้อนขึ้นมาจิบอย่างช้าๆ แต่ทันใดนั้นเองราวกับว่าความเป็นส่วนตัวกำลังถูกละเมิดอย่างรุนแรง วิวสะดุดเข้ากับสายตาของชายคนหนึ่ง เขาดูเป็นชายที่ผิดปรกติกว่าชายคนอื่นๆ การแต่งตัวทุกๆอย่างดูเนี้ยบและหรู เสื้อสูทสีดำสนิทใบหน้าและสายตาที่เย็นเยือก เขากำลังจ้องมองมาทางวิวอย่างไม่ลดละสายตา การได้สบสายตากับชายคนนี้เหมือนทำให้วิวรู้สึกว่าตัวเองกำลังเริ่มร้อนผ่าวขึ้นจากข้างใน

           "วิว..วิว  เธอเป็นอะไร"

    เสียงเรียกของเรย์ทำให้วิวรู้สึกตัว

           "เปล่าๆ ไม่มีอะไร"

    วิวพูดด้วยท่าทางที่เหนื่อยล้า

     

    เมื่อมองกลับไปที่โต๊ะที่ชายคนนั้น วิวกลับมองไม่เห็นใครนั่งอยู่ตรงนั้นแล้ว วิวเริ่มรู้สึกว่าตัวเองร้อนราวกับไฟที่กำลังลุกโชน ภาพทุกอย่างเริ่มเลือนลางไปเสียงผู้คนเริ่มเลือนหายกลายเป็นเสียงยืดเหมือนเทปยาน ความร้อนในตัวเริ่มละอุเหมือนจะระเบิดออกมาจากร่างกาย เด็กหนุ่มพยายามยกแก้วชาขึ้นมาดื่มแต่ก็ทำมันหลุดตักและลวกเข้าที่มือด้านซ้าย เสียงร้องของวิวดังไปทั่วร้านจนทำให้เรย์ตกใจเป็นอย่างมากและรีบดึงทิชชู ภาพที่วิวเห็นมือด้านซ้ายกำลังมีเล็บที่ยาวและยื่นออกมา ขนสีดำกำลังงอกขึ้นจากผิวหนัง

    วิวตกใจและพุ่งตัวขึ้นจากโต๊ะ สายตาทุกคู่ในร้านอาหารกำลังจับจองมาที่เขา แต่เหมือนว่าทุกอย่างดูช้าและภาพเบลอไปหมดทุกอย่าง หนุ่มน้อยตัดสินใจวิ่งออกจากร้านอาหารทันที ปล่อยให้เรย์มึนงงอยู่กับอาหารของวิว เรย์รีบเรียกพนักงาน

           "เช็คบิลด่วนครับ"

     

     

    ประตูห้องน้ำเปิดออกดังลั่น ชายหนุ่มหลายคนตกใจกับการโผล่เข้ามาอย่างรีบร้อนของวิว  เขารีบวิ่งข้องห้องน้ำที่อยู่ห้องสุดท้ายแล้วปิดประตูเสียงดัง หนุ่มน้อยรีบปิดฝาชักโครกแล้วนั่งลงด้วยท่าทางที่รีบร้อน ราวกับว่าไฟกำลังแผดเผาตัวของวิวอย่างรวดเร็ว วิวพยายามจะถอดเสื้อออกเพื่อคลายความร้อนที่มี แต่เหมือนทุกอย่างกำลังแย่ลงเรื่อยๆ ขนสีดำกับลังขึ้นไปทั่วตัวของวิวอย่างรวดเร็ว ม่านตาของวิวเบิกกว้างแล้วสีตานั้นค่อยเปลี่ยนเป็นสีแดงทับทิม วิวส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ภาพทุกอย่างกำลังจะดับหายไปในความมืดมิด

     

    เสียงลมหายใจแผ่วเบา ตอนนี้เสียงหัวใจเต้นดังขึ้นอย่างรัว วิวมองเห็นภาพลางๆนั้นคือประตูห้องน้ำ และทันใดนั้นก็มีเสียงคนร้องดังไปทั่วห้องน้ำ วิวบัดนี้กลายเป็นแมวน้อยสีดำสนิทในตาของเขาเป็นสีแดงทับทิม แมวน้อยพยายามลอดตัวเองออกมาจากช่องด้านล่างของประตูห้องน้ำ ชายคนหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น ส่วนชายอีกคนหนึ่งกำลังยิ้มหัวเราะด้วยความดีใจ ในมือของเขามีมีดที่อาบไปด้วยเลือด

    เจ้าแมวน้อยร้องด้วยความตกใจ แต่เสียงที่ร้องออกมานั้น ดังไปทั่วเหมือนเสียงคำรามที่ทรงอำนาจ ชายคนหนึ่งหน้าตาหวาดกลัวและรีบวิวหนีออกไป แมวน้อยเดินวนไปวนมาอยู่รอบชายคนที่นอนแน่นึงอยู่ที่บน แต่นั้นชายคนนั้น มีใบหน้าที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีกับวิว ใบหน้าขอบชายคนนั้นเป็นชายคนเดียวกับที่วิวเรียกเขาว่า พ่อ...

     

    น้ำตาเริ่มเอ่อนองบนดวงตาดีแดงทับทับของเจ้าแมวน้อย เสียงประตูห้องน้ำค่อยเปิดขึ้นอย่างช้าๆ เสียงผิวปากเป็นเพลงที่ฟังแล้วชวนขนลุกกำลังเคลื่อนตัวเข้ามา เจ้าแมวหันไปมองแล้วส่งเสียงคำรามแบบเดิมอย่างที่ทำ แต่ชายลึกลับในสูทสีดำที่หรูหร่าหาได้กลัว เขากลับปรกมือด้วยความยินดีแล้วพูดว่า

     

           "นี่ขนาดเป็นครั้งในการเปลี่ยนร่างของเจ้า ยังส่งเสียงอานุภาพร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้ ช่างน่าเป็นที่ยินดีจริงๆ หึหึ"

     ชายผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก ก่อนที่จะเดินเข้ามายืนตรงหน้าของเจ้าแมวน้อย ชายลึกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อและบรรจงสบัดมันที่เพียงทีเดียว ร่างของเข้าแมวน้อยค่อยคืนกลับกลายเป็นร่างธรรมดาของวิว เด็กหนุ่มนอนเหนื่อยหอบเหงื่อท่วมตัวอยู่ข้างศพของพ่อก่อนที่เขาพยายามจะลุกตัวขึ้นจากพื้น

     

           "เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อน หึหึ การเปลี่ยนร่างครั้งแรกต้องใช้พลังงานค่อนข้างเยอะ นี่ไม่มีใครเคยสอนเจ้าหรอกหรือ"

    ชายผู้นั้นค่อยเดินเดินมายังอีกฟากของวิว แล้วก้มลงเอามือค่อยบรรจงลูบไล้ใบหน้าของหนุ่มน้อย

           "ช่างน่าเสียดายเหลือเกินถ้าจะปล่อยให้พลังแห่งสายเลือดแบบนี้สูญปล่าวโดยไม่ใช้ประโยชน์"

     

    ชายผู้นั้นค่อยเอนตัวลงนอนข้างๆวิว หนุ่มน้อยที่ไม่มีแม้แต่แรงที่จะขยับตัว ชายผู้นั้นนำผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมสะบัดไปมา แล้วกลุ่มความสีเทาค่อยก่อตัวขึ้นกลายเป็นกระดาษหนึ่งแผ่นลอยอยู่เหนือใบหน้าของวิว

           "ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน และขอเสนอของข้านั้นรับรองว่าต้องโดนใจเจ้ามากอย่างแน่นอน เพียงแค่ให้เจ้าลงนามยอมรับในสัญญาใบนี้ หึหึ"

     

    ทันทีที่เขาพูดจบชายคนนั้นก็หายตัวไปอยู่อีกด้านนึงและกำลังนอนลูบไล้ใบหน้าพ่อของวิวอย่างอ่อนโยน

     

           "อย่าแตะเขา..."

    หนุ่มน้อยพูดจาติดๆขัดๆอย่างโมโหมาก แววตาของวิวค่อยเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียหัวเราะของชายลึกลับดังหลับไปทั่ว ทำให้พื้นดินสั่น แสงไฟหลอดนีออนกระพริบระรัว เมื่อเขาหัวเราะจนพอใจ

           "ถ้าเจ้ายอมลงนามรับใช้ข้า ... พ่อของเจ้าจะมีชีวิตกลับมาอีกครั้ง..."

     

    เพียงพริบตาเดียวชายหนุ่มคนนั้นกลับมานอนแนบอยู่ข้างตัวของวิวอีกครั้ง

           "ว่ายังไงล่ะ เจ้าจะยอมตกลงหรือไม่"

    วิวค่อยหันไปมองพ่อที่นอนแน่นึ่ง น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาสีแดงของเขา ในนาทีนั้นวิวตัดสินใจได้ทันทีว่า

           "ตกลง.."

     

    เสียงหัวเราะของชายลึกลับดังลั่นไปทั่วอีกครั้ง เขาค่อยจับมือของวิวไปจุ่มบนเลือดที่นองอยู่บนพื้น แล้วค่อยบบรรจงเอามือของวิวมาวางลงบนกระดาษที่ลอยอยู่ ไม่ทันไรกระดาษนั้นก็ค่อยๆสลายหายไปในอากาศ ชายลึกลับค่อยบรรจงเอามือทั้งสองจับบนใบหน้าของวิว ก่อนจะจูบบนริมฝีปากของเขา หนุ่มน้อยรู้สึกราวกับว่า พลังงานแล้วเรี่ยวแรงทั้งหมดกำลังถูกดูดออกไปจากร่างกาย เขาเหมือนคนกำลังจะตาย ชายลึกลับผู้นั้นค่อยลุกขึ้นและผิวปากด้วยเพลงเดิมที่ชวนน่าขนลุก ก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องน้ำและออกไป....

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×