ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO FIC ] Second Chance - KRISLAY

    ลำดับตอนที่ #4 : RACING FOUR

    • อัปเดตล่าสุด 4 ส.ค. 56




    Second Chance

    Author : kissye

    Pairing : Kris x Lay

    Rate : PG15-NC17




    4

     

    “ผมกำลังตกหลุมรักคริสหรือครับ”

     

    ซูโฮนิ่งค้างไม่ตอบอะไรจนเลย์ใจไม่ดี ใบหน้าหวานเลิกลั่กเป็นเชิงถาม ซูโฮกระพริบตาปริบๆตอบใส่เลย์อยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ

     

    “ทำไมเลย์ถึงคิดแบบนั้นล่ะ” ซูโฮหยั่งเชิงน้องเล็กน้อย

     

    “ก็...พี่บอกว่าการที่เราใจเต้นแรงเมื่อนึกเขาอะไรประมาณนั้นเป็นการตกหลุมรัก”

     

    “แล้วเลย์คิดว่าเลย์กำลังตกหลุมรักคริสหรือเปล่าล่ะ...เอาความคิดแวบแรกนะ”

     

    “ไม่ครับ ผมรู้สึกไม่ชอบแต่...แต่เวลาผมนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น คำที่เขาบอกให้ผมเชื่อใจเขามันดังก้องอยู่ตลอด ผมรู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่นึกถึงคำที่เขาขอให้ผมเชื่อใจ”

     

    “แต่พี่ครับ ผมจะเชื่อใจคนแบบเขาได้ยังไงกันจริงไหมครับ..ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ผมไม่อยากตกหลุมรักผู้ชายแบบนั้น ไม่ใช่แบบเขา ผมไม่เอานะฮะ ไม่เอานะพี่ ไม่เอานะ ไม่เอา!” ซูโฮลุกเร่งเข้าไปกอดร่างเลย์ที่ดิ้นโวยวายร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร เขารู้ว่าตอนนี้เลย์กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง

     

    ในความคิดซูโฮรู้สึกว่าเลย์อยากเปิดใจให้คริสได้มาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตในฐานะคนรู้จัก แต่อาจเป็นเพราะการเจอหน้ากันครั้งแรกของทั้งคู่ไม่ได้เริ่มต้นอย่างสวยงาม และเหตุการณ์ที่เกิดตามมาก็ไม่เป็นที่น่าจดจำสำหรับเด็กที่มีอดีตแบบเลย์

    สิ่งที่ทำให้เลย์สับสนมากที่สุดในตอนนี้คงไม่พ้นคำที่คริสขอให้เลย์เชื่อใจตนเอง เด็กแบบเลย์เป็นคนที่มีนิสัยเชื่อใครอยากมาตั้งแต่แรก ดังนั้นเมื่อมีคนมาอ้อนวอนกึ่งบังคับให้เชื่อใจ และยิ่งเป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยแคร์หรือให้ความสนใจแบบคริสนั้นแล้ว คงยิ่งทำให้เลย์คิดหนัก ซูโฮค่อนข้างแน่ใจในความคิดตัวเองว่าคริสคนนั้นคงเป็นเด็กที่มีอดีตไม่ดีเช่นเดียวกับเลย์

    หากแต่เป็นอดีตที่มีเรื่องราวแตกต่างกัน คริสยกคำว่าตัวเดิมพันในตัวเลย์ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่หมอนั้นมีสิทธิ์จะได้จากเลย์ขึ้นมาเป็นสิ่งที่จะดึงรั้งเลย์เอาไว้ให้เชื่อใจตนและอยู่กับตน แต่ถ้าคริสอะไรนั้นตั้งใจจะให้เลย์เชื่อใจจริงๆหรืออยากให้เลย์อยู่กับตนจริงๆ ทำไมถึงเงียบหายไปไม่มีการติดต่ออีกเลยหลังจากเหตุการณ์วั้นนั้น

     

    “ไม่เป็นไรนะเลย์ อย่าคิดมากให้ปวดหัวเลย...พี่เป็นห่วงเรานะ ทุกๆคนก็เป็นห่วง” เลย์ครางรับในลำคออยู่ในอ้อมกอดของซูโฮ ก่อนจะผละออกเมื่อประตูร้านเปิดออกพร้อมลูกค้าคนคุ้นตาเดินเข้ามา

     

    คนมาใหม่ชะงักค้างเมื่อเห็นเลย์นั่งร้องไห้อยู่บนเก้าอี้ก่อนจะเอ่ยทัก เลย์เพียงแค่พยักหน้ารับไม่ได้สนใจอะไรต่อ ลุกผละออกจากที่นั่งเดินหายไปหลังร้าน

    ชานยอลสบตากับซูโฮเงียบๆหลังจากละสายตาออกจากแผ่นหลังบางของเลย์ที่หายไป

     

                    “แกล้งเลย์หรือไงพี่” ซูโฮส่งค้อนขวับให้คนที่ยืนค้ำหัวอยู่ ชานยอลหัวเราะในลำคอแผ่วเบาแล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงข้าม

     

                    “มาทำไม บอกแล้วว่าไม่ต้องมา ไม่มีเรียนหรือไง” ซูโฮแทบจะถีบเก้าอี้ของคนนั่งทิ้งไปเมื่อถามไปแล้วอีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาไม่สนใจที่จะตอบคำถามของตน เด็กเวร ไม่น่าไปยอมโอนอ่อนให้มันเลย

     

                   

                    เลย์เดินออกมาจากหลังร้านหลังจากล้างหน้าล้างตาตัวเองเรียบร้อย ซูโฮเอ่ยบอกให้เลย์ไปจัดหนังสือที่ด้านบนชั้นสอง เลย์พยักหน้ารับแล้วหยิบไม้ปัดขนไก่ติดมือขึ้นบันไดไป

     

                   

     

                    .

     

     

                    ลู่หานจอดออดี้สีขาวของตนอยู่ด้านหน้าตึกคณะรอให้เพื่อนสนิทตัวร้ายแบคฮยอนเดินลงมา เสียงข้อความเข้าดังขึ้นในเครื่องมือสื่อสาร ทำให้ต้องหยิบมากดอ่าน ใจความในข้อความไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไรอ่านจบจึงกดปิดและตั้งลงที่เดิม ก่อนประตูรถจะถูกเปิดออก แบคฮยอนแทรกตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว โน้มตัวมากดล็อคประตูที่โซนควบคุมรถฝั่งคนขับลู่หานเลิกคิ้วถามก่อนจะคลายออกเมื่อเห็นร่างสูงของรุ่นน้องคุ้นตายืนเคาะกระจกรถฝั่งแบคอยอนอยู่โดยคนนั่งก็ไม่ได้สนใจสักนิด

     

                    “ไม่สนใจหน่อยเหรอ...มันตามจีบนายมาพักหนึ่งแล้วนะ” แบคฮยอนยู่หน้าใส่ก่อนจะส่ายหัวแทนเอ่ยตอบ

     

                    “น่าสงสารมันนะ มาชอบคนขี้งอแงแบบพยอนแบคฮยอน”

     

                    “หุบปากน่า...แฟนนายล่ะ ไม่ต้องรีบไปรับหรือไง” แบคฮยอนถามกลับพลางดึงเบลล์มาขาดเพื่อความปลอดภัย

     

                    “ส่งข้อความมาบอกว่ามีรายงานกลุ่ม คงเลิกเย็นกว่านี้ แล้วนี้จะให้ไปส่งที่ไหนคอนโดหรือห้างที่ไหน”

     

                    “ไปหาเลย์!!!” ตะโกนลั่นรถแล้วส่งยิ้มหวานชวนหยิกไปให้คนข้างๆหนึ่งที ลู่หานพยักหน้ารับแล้วเคลื่อนรถออกจากหน้าตึกคณะไป

     

     

     

     

                    .

     

     

                    ภาพวิวบ้านเรือนมากมายที่มองจากมุมสูงไม่ได้สวยงามในสายตาของคริสในตอนนี้แม้แต่น้อย ร่างสูงในเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นพอดีเข่าดีดำยืนพิงรถหรูคันสุดรักที่พึ่งลงแข่งด้วยกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ในมือคีบแท่งที่บรรจุสารนิโคตินไว้ ยกขึ้นสูบสองสามทีก่อนโยนลงพื้นหญ้าแล้วใช้เท้าบดขยี้ให้มอดลง

                    สายลมเย็นพัดโบกปะทะใบหน้าหล่อ ผมที่ไม่ได้จัดทรงมาทั้งวันยุ่งเหยิงกว่าเดิมด้วยแรงลม แต่ไม่ได้ส่งผลให้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลานั้นดูดีน้อยลง แว่นกันแดดสีชาเหน็บอยู่ตรงเสื้อถูกหยิบขึ้นมาสวมใส่ คริสถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งก่อนหมุนตัวหันหลังให้กับภาพทิวทัศน์มุมสูงด้านหน้า เดินกลับขึ้นรถไป

     

                    บทสนทนาเมื่อคืนก่อนระหว่างตนกับลู่หานยังชัดเจนในสมอง รอยช้ำหลายจุดบนหน้ายังคงทิ้งรอยเอาไว้แม้จะเริ่มจางลงไปบ้างแล้วก็ตาม ดูเหมือนว่าวันนั้นเขาคงจะทำให้ลู่หานทนไม่ได้จริงๆ หมอนั้นถึงได้ยอมโทรหาเพื่อเรียกเขาออกมาคุย แต่เพียงแค่เห็นหน้ากันร่างของลู่หานก็พุ่งเข้าใส่พร้อมด้วยหมัดหนักๆที่ลอยกระแทกหน้าจนเขาเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น

                    เสียงสบถด่าทอที่รุนแรงออกจากปากของอีกฝ่ายไม่หยุด บรรยายถึงการกระทำอันเลวร้ายที่ทำให้คนที่เข้มแข็งแบบเลย์เสียศูนย์ถึงขั้นร้องไห้ไม่หยุดหย่อน เขายอมอยู่นิ่งๆไม่ตอบโต้อีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทั้งการกระทำหรือคำพูดทั้งที่ถ้าทำคนเจ็บหนักก็คงจะเป็นลู่หานไม่ใช่เขา นานพอสมควรกว่าลู่หานจะยอมเย็นลงและกระชากคอเสื้อเขาขึ้นมานั่งคุยดีๆก่อนจะจบบทสนทนาที่กินเวลาไม่นานนักด้วยคำของร้อง

     

                   

                    “ปล่อยเลย์...เลิกยุ่งกับเลย์ ฉันขอ อย่าดึงเขาเข้ามาในเกมส์ที่สกปรกแบบนี้เลยคริส”

     

                    เขาเลือกที่จะเงียบไม่ตอบรับคำขอร้องของลู่หาน อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไม่ตอบก็คงจะหงุดหงิดไม่น้อยถึงได้ถีบเขาจนตกม้านั่งแล้วชกซ้ำที่หน้าอีกสองสามทีปิดท้ายด้วยการกระทืบลงบนหน้าท้องจนเลือดกระอักแล้วขับรถหายไปกับความมืด คืนนั้นเขาลากสังขารตัวเองกลับคอนโดได้หรือว่าโชคช่วยอย่างแท้จริง อาการเจ็บระบมร่างกายรวดร้าวยังไม่เท่ากับความเจ็บอย่างไม่มีสาเหตุในหัวใจ ยิ่งนึกถึงประโยคสุดท้ายของลู่หานคริสก็ยิ่งเจ็บ เจ็บจนเผลอปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว

     

     

     

                    เลย์ยกมือเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเองพลางเสยผมที่ปรกหน้าขึ้น ใบหน้าหวานแดงจากความเหนื่อยล้า เดินตรวจความเรียบร้อยของชั้นหนังสืออีกหนึ่งรอบ เมื่อไม่พบจุดบกพร่องก็เดินลงกลับไปยังเคาน์เตอร์ชั้นหนึ่ง ชานยอลยกมือโบกลาอยู่ที่หน้าประตูให้ซูโฮ ก่อนจะหันมาเห็นเลย์แล้วทำท่าจะโบกมือลาเช่นกัน หากแต่ถูกเมินจนซูโฮแอบยกยิ้มสะใจ

     

                    “ไปนั่งพักเหนื่อยก่อนเลย์ เดี๋ยวพี่ทำชานมนิ่มให้” เลย์ยกมือเป็นเชิงห้าม แต่เมื่อเงยหน้าเจอสายตากึ่งบังคับของซูโฮก็เลยต้องจำยอมไปนั่งนิ่งๆที่โต๊ะคิดเงินโดยดี

     

                    เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่ตรงประตูดังขึ้นพร้อมกับประตูร้านที่ถูกเปิดออก เลย์เงยหน้ามองผู้มาใหม่แล้วส่งยิ้มให้ แบคฮยอนยืนส่งยิ้มกว้างให้เพื่อนสนิทแล้วเอ่ยทักซูโฮลวกๆแล้ววิ่งรี่เข้ามาหาเลย์ที่หน้าเคาน์เตอร์ เลย์ปล่อยให้เพื่อนรักเอาทิชชู่เช็ดหน้า เอามือจัดผมให้ตนอยู่สักครู่แล้วส่งยิ้มบางให้ลู่หานที่พึ่งเดินเข้ามาถึง

     

                    “วันนี้ลู่หานขับรถไม่น่ารักอีกแล้วเลย์ ต้องทำโทษมันนะ” แบคฮยอนฟ้องทันทีที่ลู่หานเดินมาโอบไหล่ตนเอาไว้

    ลู่หานหัวเราะในลำคอ แล้วส่ายหน้าให้กับความขี้ฟ้องของแบคฮยอน 

     

                    “ลู่หานทำอะไรอีกล่ะ” เลย์ถามเสียงแผ่ว หันไปเอ่ยขอบคุณซูโฮที่ส่งแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีชมพูของชานมเย็นเอาไว้ พลันจะยกดูดก็ถูกแบคฮยอนแย่งไปหน้าตาเฉย ซูโฮทิ้งที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆเลย์ นั่งรอฟังบนสนทนาของบุคคลที่เหลือในร้าน

     

                    “ไม่ขาดเบลล์ แถมยังคุยโทรศัพท์กับไอผู้ชายคนนั้นตอนขับรถอีก ไม่ได้เรื่องเลยเนอะเลย์เนอะ อ่ะ พี่ซูโฮ ผมอยากกินสโคน” เสียงใสเอ่ยเจื้อยแจ้วเรียกความเอ็นดูจากบุคคลทั้งสามในร้านได้เป็นอย่างดี เลย์เอ่ยปรามลู่หานพอเป็นพิธีว่าคราวหน้าคราวหลังพยายามอย่าทำอะไรแบบนั้นอีก

     

     

                    เสียงนาฬิกาดังบอกเวลาสามทุ่มตรง เลย์โค้งขอบคุณลูกค้าคนสุดท้ายของร้านก่อนจะเริ่มเก็บเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะ แบคฮยอนที่นั่งหลับอยู่บนโซฟาถูกผลักให้ตื่นโดยลู่หาน ใบหน้าหวานยู่ไม่พอใจที่ถูกขัด แถมไม่ยอมตื่นจนเลย์ต้องบอกให้ลู่หานอุ้มไปนอนบนรถก่อนแล้วหลังจากช่วยซูโฮปิดร้านเสร็จจะตามไป ลู่หานพยักหน้ารับแล้วพยายามแบกร่างเจ้าตัวแสบออกไป

     

                    “เลย์....” ซูโฮเรียกเอาไว้เมื่อเห็นเลย์สะพายกระเป๋าขึ้นบนไหล่

     

                    “อย่าคิดมากนะ ถ้าไม่สบายใจหรือคิดมากเมื่อไร เล่าให้ลู่หานหรือแบคฮยอนฟังก็ได้ จะโทรหาพี่ก็ได้เหมือนกันนะ”

     

                    “ครับ..ขอบคุณมากนะครับพี่ซูโฮ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เย็นนะฮะ” เลย์เอ่ยตอบรับส่งยิ้มขอบคุณ เอ่ยลาอีกฝ่ายแล้วเดินออกจากร้านไป

     

     

     

     

                    ลู่หานพาเลย์และแบคฮยอนมาอู่รถนอกขนาดใหญ่ ก่อนจะพาไปทานข้าวเย็น แบคฮยอนตื่นตากับอุปกรณ์รถที่อยู่ภายในร้านนั้น ไม่ต่างกับเลย์ที่มองตามสิ่งของมากมายในร้านด้วยแววตาที่เป็นประกาย ลู่หานเดินกลับมาบอกให้ทั้งคู่นั่งรอก่อน ส่วนตนจะเข้าไปดูรถคันที่พึ่งส่งมาเช็คสภาพปรับปรุง

                    เลย์เดินตามแบคฮยอนอยู่ห่างๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นรถคันคุ้นตา แลมโบกินี่สีขาวคันคุ้นตาของใครคนนั้นจอดนิ่งอยู่ข้างจากัวร์ของลู่หาน คงส่งซ่อมด้วยกันทั้งคู่หลังจากแข่งเสร็จในคืนนั้น ถึงว่าคืนนั้นคันที่เลย์นั่งเป็นสีดำแทนที่จะเป็นสีขาวคันเดิม

                    มือเรียวเผลอยกขึ้นแตะหน้าอกซ้ายของตนอย่างไม่รู้ตัว หัวใจเต้นแรงถี่จนน่ากลัวจะหลุดออกมา เพียงแค่เห็นรถของเขาคนนั้น เลย์ยังใจเต้นแรงขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดเจ้าของมาอยู่ตรงหน้าล่ะ จะมีอาการยังไงกันนะ จะเกลียดจนไม่อยากมองหน้า หรือหลงรักตามทฤษฎีใจเต้นแรงแปลว่าตกหลุมรักของพี่ซูโฮกันแน่ เลย์หลุดออกจากห้วงความคิดเมื่อแบคฮยอนตีเข้าที่ไหล่ของตนอย่างแรง

     

                    “เรียกตั้งหลายครั้ง เหม่ออะไรอีกแล้ว..ทำไมหน้าแดงอ่ะ?” เลย์ยกมือกุมแก้มทั้งสองข้างของตน แบคฮยอนหัวเราะถูกอกถูกใจอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว

     

                    “แล้วเรียกทำไม” เลย์เอ่ยถามถึงสาเหตุที่แบคฮยอนเรียกตน

     

                    “ลู่หานเสร็จธุระแล้ว ไปกันเถอะ ว่าแต่หน้าแดงอะไรอ่ะ อย่าบอกนะว่าหลงรักเจ้าจากัวร์ของลู่หานอ่ะ” เลย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยอ่อน แบคฮยอนยักไหล่ไม่สนใจแล้วจูงมือเพื่อนออกเดินไปหาลู่หานที่ยืนรออยู่ตรงจุดชำระเงิน

     

     

                    ลู่หานพาทั้งคู่มานั่งกินอาหารญี่ปุ่นตามความต้องการของแบคฮยอน เจ้าคนอยากกินถูกอกถูกใจสั่งอาหารมาเสียเต็มโต๊ะ จนสุดท้ายก็กินไม่หมดจนต้องใส่กล่องกลับบ้าน ลู่หานยัดเยียดอาหารที่เหลือใส่มือแบคฮยอนก่อนจะไล่แบคฮยอนลงจากรถไปเมื่อถึงคอนโด เลย์ยิ้มโบกมือลาเพื่อนตัวแสบ แบคฮยอนวิ่งหายเข้าไปในคอนโดจนลับสายตา ลู่หานจึงเคลื่อนรถออก

     

                    “คืนนี้จะนอนไหน” ลู่หานเอ่ยถามเลย์ที่นั่งหลับตาเอาศีรษะพิงอยู่กับกระจกรถตามความเคยชินที่เลย์ชอบทำเป็นประจำ เลย์ปรือตาหันมามองเล็กน้อย

     

                    “มินซอกนอนไหน”

     

                    “คอนโดของตัวเอง” ลู่หานเอ่ยตอบแม้จะไม่เข้าใจว่าเลย์จำเป็นต้องถามถึงทำไม

     

                    “กับคริสเหรอ” ลู่หานเผลอเหยียบเบรกกะทันหันจนรถสั่นแล้วดับลงกลางถนน โชคดีที่รถหลังที่ช่วงห่างไปอยู่มากจึงไม่เกิดอุบัติเหตุ เลย์ไม่ได้หันมองลู่หาน แต่ยังคงหลับตาอยู่นิ่งๆ ภายในสมองมีความคิดหลายความคิดตีกันจนวุ่นวาย หากจะถามว่าทำไมถึงถามออกไปแบบนั้นเลย์ก็คงไม่มีคำตอบให้เช่นกัน แต่ในใจลึกๆก็หวังว่าคำตอบที่จะได้ยินคงไม่ใช่อย่างที่คิด

     

                    “เปล่า นอนคอนโดตัวเอง” เลย์ไม่ตอบทำแค่พยักหน้ารับ หากแต่ในใจกับรู้สึกโล่งอย่างประหลาด แม้จะไม่เข้าใจในความรู้สึกนี้แต่เลย์ก็ยังสบายใจที่อย่างน้อยคืนนี้มินซอกก็ไม่ได้ไปนอนกับคริสที่คอนโด ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องคิดมากว่าคืนนี้คริสจะนอนกับใครที่ไหน จะคิดมากไปทำไม ไหนบอกว่าเกลียดไงเลย์ จะไปนึกถึงทำไมกัน หัวใจนะจะเต้นแรงทำไมกัน!

     

                    “เราไปนอนกับลู่หานได้ไหม”

     

     

    .

     

     

     

    ร่างสองร่างบนโซฟาผละริมฝีปากออกจากกัน หยาดน้ำใสไหลเลอะมุมปากหากแต่ไม่มีใครคิดจะสนใจ ทั้งคู่โถมตัวเข้าหากันแนบริมฝีปากชิดกันอีกครั้ง เสียงจูบจาบจ้วงดังก้องอยู่ในห้องชุด ลู่หานดันร่างเพื่อนสนิทให้นอนเอนลงกับโซฟาก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับแล้วระดมจูบริมฝีปากแดงที่บวมเจ่อของเลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    “ลู่..อื้อ..พอแล..อื้ออ” ครั้นจะเอ่ยปากห้ามก็ถูกปิดห้ามด้วยริมฝีปากอีกครั้ง ลิ้นร้อนแทรกเข้ามาภายในโพรงปาก ดูดดึงจนเลย์คล้อยตาม ลู่หานละออกมาจูบซับริมฝีปากนั้นอีกไม่กี่ครั้งแล้วผละออก ดึงรั้งร่างของเลย์มากอดแน่น

     

    “ถ้ามินซอกมาเห็นคงช็อคตายไหม เห็นเพื่อนทำแบบนี้กัน” เลย์เอ่ยถามติดตลกผละออกจากอ้อมกอดของลู่หาน เดินไปเปิดทีวีแล้วกลับมานั่งดูตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลู่หานหัวเราะแผ่วเบาแล้วหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะกระจกเตี้ยขึ้นมากดโทรหาคนที่ถูกพูดถึง ก่อนจะเดินออกไปคุยตรงระเบียงด้านนอก

     

    เลย์มองเวลาบนนาฬิกาข้อมือแล้วหันมองเพื่อนสนิทที่ยังคงคุยโทรศัพท์อยู่ไม่มีท่าว่าจะวางสายกันได้ง่ายๆ จึงเดินไปเอ่ยบอกเสียงเบาว่าจะเข้านอนแล้ว ลู่หานพยักหน้ารับ ดึงรั้งเลย์มากอดจูบลงแผ่วเบาลงบนหน้าผากเนียนของเพื่อนสนิทแล้วปล่อยไป

     

    เลย์ทิ้งตัวลงบนที่นอนหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อย ดวงตาหวานปิดลงเตรียมพร้อมสู่ห้วงความฝันอันยาวไกลในค่ำคืนนี้ 

    เสียงสั่นเครือของโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะโคมไฟหัวเตียงดังปลุกเลย์ที่เคลิ้มหลับให้หยิบมันขึ้นมามองชื่อผู้โทรเข้า ชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอทำให้ความง่วงงุนเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง เลย์ลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ ก้อนเนื้อหัวใจเต้นถี่อย่างรุนแรง มือที่ถือโทรศัพท์เอาไว้สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ในใจสับสนตีกันวุ่นวายจนเลย์อึดอัด

                    เลย์ปล่อยให้เจ้ามือถือเครื่องนั้นหยุดสั่นไปเอง แต่หากวางลงที่เดิมมันกลับสั่นขึ้นมาอีกครั้ง บนจอยังคงปรากฏชื่อคนคนเดิมเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้

     

     

     ‘KRIS’

     

    จะกดตัดสายทิ้งใจก็ไม่กล้า จะกดรับก็ไม่กล้าเช่นเดียวกัน เลย์ปล่อยให้มันตัดสายไปอัตโนมัติอีกครั้ง เสียแต่ว่า อีกฝ่ายคงไม่ยอมรามือหยุดไปง่ายๆแน่หากเขาไม่กดรับ เลย์กดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วล้มตัวลงนอน หากแต่ในความมืดมิดของห้อง แสงสว่างของจอโทรศัพท์ยามมีสายโทรเข้าก็ยังคงสว่างอยู่อย่างต่อเนื่อง เลย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีกครั้งถอนหายใจหลับตาตั้งสมาธิแล้วจึงเลื่อนกดรับ

     

    “..............” เงียบ ทุกอย่างอยู่ในความเงียบเลย์เอาโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่ออกมาดูก็ยังพบว่าเลขเวลาการสนทนาได้เริ่มเดินไปหลายวินาทีแล้ว หากแต่ปลายสายก็ยังคงเงียบ และถ้าหากจะรอให้เลย์เป็นฝ่ายเริ่มพูดไปก่อนก็คงไม่ขอทำ

     

    ความเงียบปกคลุมการสนทนาของทั้งคู่อยู่เป็นเวลาเกือบสองนาที จนในที่สุดอีกฝ่ายก็เป็นฝ่ายตัดสายทิ้งไป เลย์ดึงโทรศัพท์ออกมาดูด้วยงงงุน ในใจสับสนด้วยความไม่เข้าใจ ต้องการอะไรถึงทำแบบนี้ ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น โทรศัพท์ก็แสดงการโทรเข้าอีกครั้งจากคนคนเดิม เลย์เลื่อนสไลด์หน้าจอตอบรับปลายสาย

     

    “......นอนหรือยัง” เสียงทุ้มดังมาให้ได้ยิน เลย์ยกมือขึ้นแตะอกซ้าย หัวใจที่เต้นถี่ อากาศรอบตัวดูร้อนวูบวาบตนน่ากลัว เขาเป็นอะไรไป

     

    “ยัง”

     

    “.....ทำอะไรอยู่” เลย์พลิกตัวนอนคว่ำ แนบหน้าลงกับหมอนนุ่มหอมกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่ม

     

    “นอน”

     

    “อ้าว...แล้ว” พึ่งนึกได้ว่าการตอบไปแบบนั้นดูค่อนข้างจะกวนอารมณ์อีกฝ่าย เลย์เม้มปากเข้าหากัน

     

    “นอนอยู่ แต่ยังไม่หลับ มีอะไร”

     

    “..............” เงียบ ไม่มีการตอบกลับของอีกฝ่าย เลย์ถอนหายใจออกมาคลายความอึดอัด

     

    “อยู่ไหน”

     

    “คอนโดลู่หาน มีอะไร” เสียงหัวเราะหึในลำคอของอีกฝ่ายทำให้เลย์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ

     

    “ทำไมต้องไปนอนคอนโดมัน คอนโดตัวเองไม่มีหรือไง” เสียงทุ้มตะคอกถามกลับมา ถ้าหากจะให้นึกภาพหน้าอีกฝ่ายเลย์คงนึกไม่ออก แต่ก็พอจะเดาได้ว่าคิ้วหนาๆนั้นคงขมวดเข้าหากัน

     

    “มี” 

     

    “แล้วทำไมต้องไปนอน หรือว่าที่ไม่รับสายเมื่อกี้กำลังทำอะไรกับมันอยู่ นี้ตกลงที่มันมาขอให้ฉันเลิกยุ่งกับนายเพราะจริงๆแล้วอยู่ในฐานะเกินเพื่อนกันใช่ไหม น่าสงสารคิมมินซอกนะ นี้ถ้ารู้ขึ้นมาจะเป็นยังไงนะ”

     

    “บ้าหรือเปล่า” เลย์ตอบเสียงนิ่ง ในใจเริ่มไม่พอใจกับคำพูดของอีกฝ่าย

     

    “อย่าลืมเลย์ ว่าตอนนี้นายเป็นของฉันแล้ว ไม่ว่าจะตัวเดิมพันหรือในฐานะผู้ชายคนแรกของนาย เพราะฉะนั้นฉันมีสิทธิ์เต็มที่ในตัวนาย”

     

    “หุบปาก!!” เลย์ตะโกนลั่นห้อง ก่อนจะเอามือปิดปากเพราะกลัวว่าลู่หานที่อยู่ด้านนอกจะได้ยิน

     

    “ทำไม พอฉันพูดความจริงเข้าไปมันจี้เข้าไปเลยใช่ไหม หึ จริงๆแล้วนายก็เป็นผู้ชายง่ายๆที่พร้อมจะนอนอ้าขาให้ผู้ชายทุกคนสินะ”

     

    “หุบปากสิ...หยุดพูดเดี๋ยวนี้” เลย์ตะคอกใส่โทรศัพท์ หากแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุดพูดคำพูดทิ่มแทงจิตใจที่พึ่งจะฟื้นไข้ได้ไม่นานของเลย์เข้าไปอีกครั้ง

     

    “อย่ามาตะคอกฉันนะเลย์..อย่าลืม...” เลย์ไม่ถือสายอยู่ฟังจนจบ คนตัวเล็กบนที่นอนกดตัดสายทิ้งไป เลย์เหวี่ยงโทรศัพท์ไปอีกทางอย่างแรง เจ้าโทรศัพท์สุดหรูแตกร้าวเช่นเดียวกับจิตใจที่ยังได้รับการเยียวยาไม่เต็มที่ของเลย์  ร่างเล็กทรุดตัวลงนอน ผ้าห่มพื้นหน้าดึงขึ้นมาคลุมตัวเองออกจากรอบข้าง หยดน้ำตาใสไหลลงเปรอะเปื้อนทั้งใบหน้า และหมอนหนุน

     

    “คนเลว...ฮึก..เกลียด เกลียดนาย”

     

     

     

    คริสเหวี่ยงโทรศัพท์ตัวเองในมือทิ้งไปจนกระแทกกับหน้าต่างห้อง ทั้งสองอย่างแตกร้าว ใบหน้าหล่อคมเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว คริสคว้าสิ่งของรอบตัวเหวี่ยงลงพื้น เสียงแตกกระจุยกระจายดังลั่นห้อง หากแต่ไม่ได้อยู่ในโสตประสาทของคนที่กำลังโมโห

    ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตัดสายใส่เขาแบบนี้ และก็ไม่เคยมีใครเหมือนกันที่มาทำให้เขาวุ่นวายใจได้ขนาดนี้เพียงแค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน ที่ห้องของใคร ใจจริงไม่ได้ตั้งใจจะให้ทุกอย่างเละแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม เพียงแค่ชื่อของผู้ชายคนอื่นหลุดออกมาให้ได้ยิน เขาจะต้องโกรธถึงขั้นพูดจาทำร้ายอีกฝ่ายไปได้ขนาดนั้น

    ไม่สิ แต่เลย์ก็ผิดไม่ใช่เหรอ ทั้งที่เป็นตัวเดิมพันของเขา และร่างกายนั้นก็เป็นของเขาแล้ว ยังกล้าหนีไปแถมยังไปอยู่กับไอลู่หานนั้นอีก ไม่รู้หรือไงว่าลู่หานก็มีคิมมินซอกอยู่แล้ว จะโทษเขาฝ่ายเดียวเขาไม่ยอมรับผิดหรอก ไม่มีทาง!

     

     

    ถ้าคิดว่าจะหนีกันพ้นก็รอให้ความตายมาพรากกันก็แล้วกันเลย์

     

     

     

     

    แสงสว่างที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา พร้อมกับเสียงกุกกัก และเสียงพูดคุยแผ่วเบาราวกับกลัวเขาจะตื่นดังขึ้นอยู่เหนือหัว เลย์ปรือตามองรอบข้างก่อนจะต้องหลับปี๋ลง สองตาหนักอึ้ง ศีรษะปวดร้าวราวกับใครเอาอะไรมากดทับไว้ ร่างกายภายในร้อนรุ่มราวกับไฟเผา

     

    “รู้สึกยังไงบ้างเลย์ ตัวร้อนนะ เจ็บคอไหม ปวดหัวหรือเปล่า” หลังจากได้ยินคำถาม เลย์เดาเอาว่าคงจะเป็นมินซอก เพราะเสียงแบบนี้ไม่ใช่เสียงของเพื่อนทั้งสองของเขาแน่  เลย์ลองกลืนน้ำลายลงคอก็ต้องหลับตาแน่นกว่าเดิมเมื่อความรู้สึกเจ็บแล่นปลาบไปทั่วลำคอ เลย์ครางอือยกแขนข้างหนึ่งพาดลงบนหน้าผาก ก่อนจะถูกดึงออก

     

    “ยิ่งก่ายยิ่งปวดนะ นอนนี่ก่อนลู่หานออกไปซื้อยาแล้วล่ะ” มินซอกกระชับผ้าห่มให้คนป่วยเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้สูงขึ้น เลย์พยายามปรือตามองแต่ภาพที่เห็นพร่าลายชวนเวียนหัวจนต้องหลับตานอนนิ่ง

     

    “ทำไมป่วยได้นะ เมื่อวันก่อนยังสบายดีอยู่เลย ...” มินซอกพึมพำแผ่วเบาอยู่ข้างเตียง เสียงประตูห้องดังขึ้นพร้อมร่างของลู่หานและแบคฮยอน ลู่หานเอายาส่งให้คนรักก่อนจะเอ่ยบอกแบคฮยอนให้ไปเทข้างต้มใส่ชามซะ

     

    “ลู่หานขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” ลู่หานเดินตามหลังคนรักออกไปด้านนอกห้อง ปิดประตูแผ่วเบาเพื่อกันรบกวนคนป่วยในห้อง

     

    “ตอนนายออกไปซื้อยา ฉันเจอโทรศัพท์เลย์ตกอยู่ข้างเตียงและมันแตก ไม่รู้นะว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น พวกนายทะเลาะกันเหรอ” ลู่หานส่ายหน้าเป็นคำตอบ มือก็รับโทรศัพท์ที่มินซอกส่งมาให้พลิกดูสองสามทีแล้วกดปลดล็อค

     

    ลู่หานขมวดคิ้วแน่นเมื่อมองหน้าจอมือถือของเลย์ ชื่อของคนที่โทรเข้ามาเมื่อคืนชัดเจนอยู่ในสายตา ลู่หานเริ่มพอจะเดาได้ว่าใครเป็นตัวการทำให้เลย์นอนซมอยู่บนเตียงแบบนี้

     

    “ไม่ใช่ฉันหรอก...คริสต่างหาก” มินซอกรีบดึงโทรศัพท์เลย์กลับมามองด้วยตาตัวเอง ก่อนจะเงยสบตากับลู่หาน ลู่หานหันหน้าหนีไม่สบตา เพียงครู่เดียวก็เดินรี่ไปยังห้องของเลย์ทันที

     

     

    “เลย์!!!!..ลุกขึ้นมา ลุก!!” ลู่หานตะคอกเสียงดัง ดึงแขนเรียวของเลย์อย่างแรงจนคนป่วยที่นอนซมพิษไข้อยู่ปลิวตามแรงดึงขึ้นมานั่งโอนเอนอยู่

     

    “ลู่หาน! เลย์ป่วยอยู่นะ ...แบคฮยอน! เข้ามานี้หน่อย!” มินซอกเอ่ยปรามคนรัก พยายามแกะมือแกร่งที่กำแน่นอยู่รอบข้อมือของเลย์จนน่ากลัวว่าถ้าออกแรงกดไปอีกนิดอาจจะแตกหักก็เป็นได้

     

    “ลู่หาน ทำไมทำเลย์แบบนั้น!!” เสียงใสของแบคแหวขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า รี่เข้ามาช่วยมินซอกแกะมือลู่หานอีกคนแต่ก็ไม่เป็นผล

     

    “เลย์ ตอบมาเดี๋ยวนี้นะว่ามันคุยอะไรกับนาย บอกฉันมาเลย์ บอกฉันมาเดี๋ยวนี้!! บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ารับสายมัน ทำไมไม่ฟัง ห้ะ!!?” ไม่ดุเปล่า ยังจับร่างนั้นเหวี่ยงอย่างแรงจนเลย์ไถลลงจากเตียง ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บกาย รวมทั้งพิษไข้ที่ยังปะทุใหม่ๆ

    ร่างเล็กสะอื้นฮักอยุ่บนพื้นอย่างน่าสงสาร ในขณะที่ลู่หานยังเขย่าไหล่เล็กนั้นจนเลย์สั่นไปทั้งตัวเพื่อเค้นคำตอบ แบคฮยอนกรีดร้องไห้ด้วยความสงสารเพื่อนและความกลัวกับการของลู่หาน มินซอกที่พยายามดึงรั้งก็ถูกผลักออกมาจนเซล้มไปอีกคน

     

    “ทำไมไม่ฟังเลย์ ทำไม! อยากกลับไปอยู่กับมันหรือไงกัน ตอบสิ!!” เลย์สะอื้นรุนแรง อากาศรอบตัวร้อนจนน่าอึดอัด ใบหน้าหวานซีดเผือด ศีรษะปวดร้าวหนักกว่าเดิม เลย์รู้สึกถึงสิ่งอุ่นร้อนที่ไหลออกจากโพรงจมูก เสียงโวยวายของใครมากมายดังก้องอยู่ในสมอง ดวงตาหวานพยายามลืมขึ้นเพื่อมอง แต่ภาพเหล่านั้นต่างบิดเบือนจนน่ากลัว

     

     

    “เลย์!!!

     

     

    TBC.



    NOTE : เวลคัมแบ็คค่ะ ขอโทษจริงๆค่ะที่อัพช้า ติดกิจกรรมสีที่โรงเรียน เล่นเอาเหนื่อยล้าเลยล่ะ ดำยิ่งกว่าถ่านแล้วค่ะ น่ากลัวมากจริงๆ กลัวตัวเอง ฮ่าๆ เอาล่ะ เนื้อหาตอนนี้สั้นกว่า สามตอนที่แล้วทั้งหมดเลยนะค่ะ คิสไม่อยากแต่งยาวเว่อแล้ว มันเยอะจนค้างแล้วเรื่องมันยืดไปเลย เอาแบบนี้กระชับๆดีกว่าเนอะ ไม่สั้นไปใช่ไหม ฮ่าๆ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แต่ยืนยันคำเดิมนะ เรื่องนี้คริสเลย์จริงๆ ตอนหน้ามีสิทธิ์หวานๆเยิ้มๆน้ำตากันนะ ... ฝันดีน้า รักจ้ะ












    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×