ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ EXO FIC ] Second Chance - KRISLAY

    ลำดับตอนที่ #1 : RACING ONE

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 56



     

    Second Chance

    Author : kissye

    Pairing : Kris x Lay

    Rate : PG15-NC17

     

     

    1.

                   

    เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังสนั่นอยู่ทั่วบริเวณ บนอัฒจันทร์ถูกจับจองจนเกือบเต็มทั่วพื้นที่ทั้งหมด เสียงเพลงดังจนน่ารำคาญแต่ไม่ได้ส่งผลต่อผู้คนมากมายที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้

    เลย์สะบัดข้อมือหนีออกจากการจับกุมของเพื่อนสนิท ใบหน้าหวานแสดงถึงความหงุดหงิดเสียเต็มประดา ลู่หานยกยิ้มส่งให้คนด้านข้าง ลากเลย์ลงมาจากอัฒจันทร์เพื่อจะทักทายคนรู้จัก ใจจริงลู่หานไม่ได้ตั้งใจจะลากเพื่อนสนิทผู้แสนเรียบร้อยอย่างจางอี้ชิงมาด้วยในคืนนี้ แต่เนื่องจากวันนี้เลย์ไม่ต้องทำงานพิเศษ เขาเลยชวนให้เพื่อนมานอนที่คอนโดและคืนนี้ก็ไม่อยากจะทิ้งไว้คนเดียวเลยลากออกมาด้วยแม้อีกฝ่ายจะขัดขืนเต็มทีก็เถอะ

     

     

    กลิ่นบุหรี่ไม่คุ้นเคยลอยฟุ้งอยู่ด้านหลังของเลย์ คนตัวเล็กหันไปมองด้วยความไม่พอใจแต่กลับไม่เจอเจ้าของควันบุหรี่นั้นจะเจอก็แต่ฝูงคนที่ยืนอยู่ด้านล่างบริเวณสนามหญ้ารอบสนาม ลองดิ้นบิดข้อมืออีกครั้งแต่ยังถูกลู่หานจับกุมไว้แน่น เลย์ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ยืนนิ่งเมื่อลู่หานกระซิบบอก

     

    “ไม่เจอกันนานนะ” เลย์มองคนพูดด้วยความสงสัย อ้าปากเตรียมถามแต่ก็ถูกลู่หานส่งสายตาปรามเอาไว้จึงได้ปิดปากเงียบตามเดิมแม้จะสงสัยมากแค่ไหนก็ตาม

     

    “ไม่คิดว่ายังจำกันได้..หึ..เป็นยังไงบ้างล่ะ? คิมมินซอกเด็กของคริส” ชื่อไม่คุ้นเคยในความรู้สึกของเลย์ คิมมินซอกคู่สนทนาของลู่หานจ้องคนถามด้วยใบหน้าขุ่นมัวต่างจากรอยยิ้มในตอนแรก

     

    “สบายดี..ดีกว่าตอนอยู่กับนายเยอะเลยล่ะ แล้วนี้ใครล่ะ เด็กใหม่?” สายตาที่จ้องมาไม่ได้ทำให้เลย์รู้สึกอึดอัดหรืออะไร เลย์จ้องตอบกลับอีกฝ่ายอย่างไม่หลบสายตาจนลู่หานเอ่ยตอบอีกฝ่ายจึงละสายตามาเป็นที่คู่สนทนาดังเดิม

     

    “นี้จางอี้ชิง...เลย์ นี้คิมมินซอก คู่ขาเก่าของฉัน” มินซอกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินลู่หานเอ่ยถึงสถานะเก่าของเขาทั้งคู่ให้เลย์ฟังได้อย่างปกติ

     

    “คู่ขา?” เลย์ถามย้ำ เอียงคอเป็นเชิงสงสัย

     

    “อดีตเนวิเกเตอร์คู่ใจนะ อย่าไปสนใจเลยเลย์อ่า...แล้วนี้คนดูแลนายไปไหนซะละ” ยังไม่ทันที่มินซอกจะได้ตอบคำถามเสียงล้อเบียดพื้นถนนก็ดังขึ้นเรียกความสนใจของทุกคนในสถานที่แห่งนี้ให้หันมอง ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาจับจ้องไปยัง Lamborghini Aventador สีขาวสะอาดที่จอดนิ่งอยู่กลางสนาม แสงไฟที่สาดส่องขับให้ตัวรถดูเด่นกว่าเดิม

    คริสก้าวลงจากรถคันโปรดไม่ได้สนใจผู้คนโดยรอบที่จับจ้อง ร่างสูงยืนนิ่ง สายตาภายใต้แว่นกันแดดยี่ห้อดีกวาดทั่วสนามเพื่อตามหาตัวใครสักคนและหยุดสายตาลงเมื่อเจอจุดหมาย สองขายาวก้าวตรงเข้ามาหาก่อนจะยืนนิ่งเคียงข้างคิมมินซอก

     

    “หึ...” เสียงหัวเราะในลำคอของผู้มาใหม่ดังขึ้นเมื่อมองเห็นลู่หานยืนนิ่งอยู่ เลย์ยืนเงียบไม่ได้เอ่ยถามอะไร

     

    “คิดจะลงแข่งหรือไงลู่หาน” คนตัวสูงเอ่ยถาม ลู่หานไม่ได้ตอบเพียงแต่บีบมือที่กอมกุมมือเพื่อนสนิทอย่างเลย์แน่น เลย์ไม่รู้ว่าทั้งสามคนมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหน้าและไม่เคยรู้ว่าลู่หานเป็นกลุ่มคนที่ชอบประลองความเร็ว

     

    “ถ้าใช่แล้วทำไมคริส”  คริสยกยิ้มมุมปากราวกับจะดูถูก พลันสายตาเหลือบมาเห็นใครอีกคนข้างกาย

     

    “ตัวเดิมพัน? น่ารักไม่หยอกนี่...ว่าไง” เสียงทุ้มถามก่อนจะทักทายเลย์ คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหลบนิ้วมือของคริสที่หมายจะสัมผัสแก้มของตน ดวงตาหวานตวัดมองด้วยความไม่พอใจและแฝงเต็มไปด้วยความเหย่อหยิ่ง ริมฝีปากแดงเม้มแน่นเข้าหากัน

     

    “อย่ายุ่งกับเ..อี้ชิง” ลู่หานปัดมือที่ค้างอยู่กลางอากาศของคริสออกให้ห่างจากเพื่อนรัก รั้งร่างอี้ชิงมายืนซ้อนด้านหลังของตัวเอง

     

    “นายรู้กฎลู่หาน” คริสพูดโดยยังไม่ละสายตาออกจากอี้ชิงที่จ้องกลับมาจากด้านหลังของลู่หาน

     

    “ฉันไม่ได้มาแข่ง อย่าเอาอี้ชิงมาเกี่ยวข้องเขาเป็นเพื่อนของฉัน” คริสหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินคำตอบ เลย์ขมวดคิ้วสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นหัวเราะอะไร มีอะไรน่าตลกหรือไงกัน

     

    “รู้ไหม..ยิ่งนายหวงมากเท่าไร ฉันก็ยิ่งอยากได้มากเท่านั้น” ลู่หานชะงักกับคำพูดของคนตัวสูงไม่ต่างจากคิมมินซอกที่ยืนเงียบมาพักใหญ่

     

     

    ยิ่งคริสต้องการคนใหม่มากเท่าไร คิมมินซอกก็ยิ่งหมดค่ามากเท่านั้น...

     

     

                    “ฉันจะบอกอีกครั้งอย่ามายุ่งกับอี้ชิง!

     

                    “นายมีสิทธิ์มาห้ามฉันตั้งแต่เมื่อไร...เพื่อน” ไม่พูดเปล่าคริสยังเดินอ้อมมาด้านหลังดึงคนตัวเล็กให้หลุดออกจากการจับกุมของลู่หานมาไว้ในอ้อมกอดของตน

                    เลย์ทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ยิ่งดิ้นคริสก็เหมือนจะยิ่งแกล้งกอดไว้แน่นขึ้น ลมหายใจร้อนปะทะแผ่วอยู่ตรงบริเวณลำคอทำให้เลย์รู้สึกจักจี้จนต้องเอียงหน้าหลบ เลย์เบิกตาด้วยความตกใจเมื่อความชื้นร้อนของลิ้นคนที่กอดตนอยู่ด้านหลังแตะลงข้างแก้ม คริสขบเม้มแก้มขาวเนียนจนเกิดรอยและผละออก

     

                    “ห้ามสิ ทำไมไม่ห้ามล่ะ..เหอะ นี่รู้ไหมจางอี้ชิง ลู่หานของนายนะมันไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่เห็นหรอกนะ”  เสียงทุ้มกระซิบข้างหู

     

                    “อย่ามาว่าลู่หานนะ!!” เสียงหวานตะโกนลั่นรวบรวมแรงให้มากที่สุดแล้วดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของคริส  เลย์ทรุดลงเล็กน้อยเมื่อหลุดออกมา ลู่หานเดินเข้าไปพยุงร่างของเพื่อนสนิทมาไว้ข้างกายอีกครั้ง

     

                    “เห็นไหมลู่หาน ว่าเขากำลังปกป้องนาย...งั้นคืนนี้มาดูกันว่านายจะปกป้องเขาจากฉันได้ไหม” สิ้นเสียงคำพูดของคริส ร่างสูงก็เดินตรงไปที่รถ หยิบกระดาษสีแดงที่มีชื่อตนเองกำกับอยู่ในนั้นและกระดาษสีแดงว่างเปล่าเดินกลับมาส่งให้ลู่หาน

                    ลู่หานจ้องหน้าคริสด้วยความโกรธ ไม่ยอมรับกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้ เลย์กระตุกชายเสื้อเพื่อนสนิทเป็นเชิงถาม ลู่หานจูงเลย์ออกมาห่างจากจุดเดิมเล็กน้อยและอธิบาย

     

                    “เลย์ ฟังฉันนะ ก่อนอื่นฉันต้องขอโทษนายที่ต้องลากนายมาเกี่ยวข้องกับเรื่องบ้าบอนี่ ก่อนนายจะย้ายมาฉันเป็นพวกชอบแข่งรถแต่ก็เลิกราไปแล้วพักใหญ่ จนวันนี้ฉันได้ข้อความชวนแต่ไม่รู้จากใคร ก็เลยมาแต่ไม่คิดว่าไอบ้านั้นจะท้าแข่ง เข้าใจใช่ไหมเลย์” ลู่หานมั่นใจว่าเลย์ไม่ใช่คนโง่ คำอธิบายเพียงแค่นั้นสามารถทำให้เลย์ปะติดปะต่อเรื่องราวได้แน่นอน

     

                    “ถ้านายชนะนายจะได้คิมมินซอกอะไรนั้นคืน และฉันก็จะปลอดภัยงั้นเหรอ”

     

                    “ใช่..เลย์ ขอโทษ..” ลู่หานเอ่ยปากขอโทษเพื่อนสนิท เลย์สะบัดมืออกจากการจับกุมของเพื่อนผลักไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ ใบหน้าหวานงอง้ำน้อยใจอย่างปิดไม่มิด

     

                    “แต่ถ้านายแพ้ล่ะ...” อยู่ๆคำถามนี้ก็เกิดขึ้นภายในจิตใจจนต้องเอ่ยถาม เลย์ได้แต่ภาวนาขอให้คำตอบที่ได้ไม่เป็นอย่างที่คิด ดวงตาหวานสวยหลับสนิทราวกับพยายามปิดกั้นตนเองออกจากสิ่งที่กำลังจะได้ยิน

     

                    “นายจะตกเป็นของอีกฝ่าย..” เลย์ลืมตามองเพื่อนสนิท ใบหน้าหวานเรียบเฉยจนลู่หานแปลกใจ เขาคิดว่าคนอย่างเลย์จะต้องงอแงแน่ แต่นี้กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

     

                    “ฉันจะได้อะไรตอบแทนกับสิ่งที่นายยัดเยียด” ลู่หานมองใบหน้าหวานด้วยความไม่เข้าใจ เลย์มองหน้าความสงสัยของเพื่อนจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ลู่หานถึงกับหน้าเสีย เลย์ไม่เคย ไม่เคยหัวเราะใส่เข้าด้วยท่าทางแบบนี้ ท่าทางที่ต่อต้านโลก เหมือนจะสดใสแต่กลับแฝงเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ลู่หานแน่ใจว่ามันไม่ใช่จางอี้ชิงเพื่อนสนิทของเขา

     

                    “เลย์...”

     

                    “นายคิดว่าคนอย่างจางอี้ชิงโง่หรือไง จะบอกให้นะลู่หานพวกคนรวยมีเงินเหลือเฟือแบบพวกนายนะมันไม่เคยเห็นค่าชีวิตของคนอื่นหรอก พวกมันนะทำทุกอย่างสนองความต้องการของตัวเองทั้งนั้นแหละ โธ่ อย่ามองกันแบบนั้นสิ แค่ช่วยเพื่อนสนิทแบบนายให้ได้คนรักกลับมานะ จางอี้ชิงทำให้ได้อยู่แล้ว” ลู่หานยิ้มเยาะให้กับความโง่เขลาของตัวเอง จางอี้ชิงที่เคยคิดว่าใสซื่อ แท้จริงก็คือผ้าขาวที่แปดเปื้อนจากสิ่งสกปรกนั้นเอง

     

                    “สิบล้านวอน..ฉันจ้างนายมาเป็นตัวเดินพันฝั่งฉัน” เลย์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยิน ยกมือตบไหล่คนพูดเบาๆ

     

                    “ฉันตกลง...หวังว่านายจะชนะนะลู่หาน เพราะนายก็คงจะรู้ว่าถ้านายแพ้ จะไม่ได้อะไรสักอย่างแถมยังเสียทั้งเลย์คนน่ารักกับเงินสิบล้านวอนให้จางอี้ชิงด้วยนะ” ลู่หานพยักหน้ารับแล้วจูงมือเลย์กลับมาหาคริสและมินซอกที่ยืนรออยู่ ทั้งคู่ทำเหมือนการสนทนาร้ายกาจที่เปิดเผยตัวตนของเลย์ไม่ได้เกิดขึ้น

                    ลู่หานรับกระดาษสีแดงในมือคริสมาถือไว้ก่อนจะเซ็นชื่อตัวเองกำกับลงไปแล้วส่งคืน มินซอกรับกระดาษแผ่นนั้นมาประกบคู่กันและเดินหายไป

     

     

     

     

     

                    เสียงประกาศรายชื่อการแข่งขันคู่สุดท้ายดังขึ้น สิ้นเสียงประกาศเสียงโห่เชียร์ก็ดังลั่น รถยนต์ที่ถูกปรับแต่งมาเพื่อการแข่งขันทั้งสองคันจอดขนานกันอยู่ในถนนสนามแข่ง เลย์เดินลงจากอัฒจันทร์ไปหาลู่หานที่นั่งอยู่บน

     

                    ลู่หานลดกระจกรถลงเมื่อเห็นเลย์เดินตรงมา คนตัวเล็กโน้มตัวลงเสมอกับช่องว่างของกระจกรถที่ลดลง เลย์เงียบอยู่เล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปาก

     

                    “ขอโทษนะ..แต่นายก็ทำแบบนี้เพราะมีเหตุผลของนาย ฉันก็มีเหตุผลของฉันลู่หาน”

     

                    “หึ” เสียงหัวเราะดูถูกดังมาจากคนในรถ เลย์กรอกตาไปมาเมื่อลู่หานทำสีหน้าบ่งบอกว่าคำพูดของเลย์เปรียบเสมือสายลมที่พัดผ่าน

     

                    “จะโกรธก็ไม่ว่า เพราะฉันก็โกรธนายไม่ต่างกัน แต่ก่อนที่ความสัมพันธ์เราจะแย่กว่าเดิม ขออะไรสักอย่างสิ” ลู่หานเงียบ เลย์ก็เงียบเพื่อรออีกฝ่ายตอบรับการขอของเขา ลู่หานเห็นเลย์เงียบจึงหันไปมอง

     

                    “ได้โปรดอย่าแพ้เลยนะ..นายนะ รักคิมมินซอกนั้นจะแย่ เพราะฉะนั้นเห็นแก่คิมมินซอกก็อย่าแพ้เลยนะ..ขอให้โชคดี” เลย์พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทิ้งคบขับไว้กับ Jaguar XJ220 คันคู่ใจเอาไว้พร้อมกับจิตใจที่ว้าวุ่น

     

     

     

                    เลย์ทิ้งตัวลงนั่งข้างสนามตามที่ติดป้ายเอาไว้สำหรับตัวเดิมพัน อีกฝั่งขวามือเป็นคิมมินซอกที่นั่งจ้องมาทางตน เลย์ไม่ได้หันกลับไปมองแต่กลับนั่งนิ่งมองไปยังภาพเบื้องหน้า ในใจได้แต่ภาวนาให้ลู่หานเป็นผู้ชนะในคืนนี้ เขาไม่ชอบผู้ชายตัวสูงคนนั้น การกระทำที่น่ารังเกียจ ทำเหมือนเลย์ไม่มีค่าทั้งๆที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าตนเองไม่ได้มีค่ามากมายบนโลกใบนี้

     

                    ใช่ จางอี้ชิงไม่ได้เกิดมาบนโลกที่สวยงาม ไม่สิ ต้องบอกว่าสวยงามในตอนแรกแต่นั้นก็เป็นก่อนที่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป จากอ้อมกอดอุ่นจากครอบครัวกลายเป็นอ้อมกอดเย็นเยียบจากความโดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ พ่อและแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำขณะกำลังเดินทางกลับจากสนามบิน

                    เลย์ถูกส่งต่อเป็นมรดกให้กับผู้เป็นอาของตนตามกฎหมายทางสายเลือด ในคราแรกอาของเขาก็เลี้ยงดูย่างดีแต่เมื่อออกเรือนแต่งงานไปกลับห่างเหิน ส่งเลย์มาเรียนต่อที่เกาหลีจากแรกๆก็ส่งเงินค่าใช้จ่ายมาให้ก็ค่อยๆหายไปจนกลายเป็นขาดการติดต่อโดยถาวร

                    เลย์หางานพิเศษทำหลังจากเลิกเรียนที่มหาลัย งานตามร้านอาหารรายได้ค่อนข้างน้อยกว่าการทำงานตามผับบาร์ แต่เลย์ไม่สามารถทนฝืนทำงานตามสถานที่เริงรมย์ยามดึกได้เนื่องจากเป็นคนแพ้บุหรี่หลายยี่ห้อ โชคดีที่ไม่ทุกยี่ห้อเพราะไม่งั้นป่านนี้คงไม่ได้มานั่งหายใจ เลย์ยอมลาออกจากงานในผับมาเป็นเด็กส่งหนังสือพิมพ์อยู่พักหนึ่งแต่สุดท้ายบริการนี้ก็ปิดตัวลงเมื่อลุงเจ้าของธุรกิจมีปัญหากับทางสำนักพิมพ์ ตอนนี้เลย์เลยทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านเช่าหนังสือใกล้มหาลัยแทน

                   

     

                    เสียงให้สัญญาณเตรียมปล่อยตัวของรถดังขึ้น เสียงเหยียบคันเร่งเพื่อเร่งเครื่องดังสนั่น เลย์ดึงตัวเองกลับสู่โลกปัจจุบัน แต่หากในใจก็ยังคงนึกสมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย เขาไปทำเวรทำกรรมอะไรให้ ทำไมฟ้าถึงลงโทษกันแบบนี้

                    สัญญาณไฟด้านบนเปลี่ยนเป็นสีเขียวเพื่อบอกว่าสามารถออกจากจุดสตาร์ทได้ แลมโบกินี่สีขาวพุ่งทะยานออกไปก่อนตามด้วยจากัวร์สีเทาบลอนด์ของลู่หานออกไปติดๆทิ้งไว้เพียงกลุ่มควันสีขาว ไฟสีแดงของรถทั้งสองคันค่อยๆหายไปกับความมืดของรัตติกาล

     

     

     

                   

                    คริสเหยียบคันแร่งสุดแรงและผ่อนออกเพื่อให้รถไถลไปด้วยความเร็วที่มั่นคงและอยู่ภายใต้การควบคุมของตนได้ง่ายขึ้น รถของลู่หานทิ้งช่วงห่างอยู่ชั่วครู่ก่อนถูกเจ้าของรถเร่งความเร็วจนแซงคริสขึ้นไประหว่างกำลังเข้าโค้ง ร่างสูงสบถแผ่วเบาและเร่งคันเร่งตามไปอีกครั้ง คริสแซงลู่หานขึ้นนำอีกครั้ง

                    ฉับพลันจากัวร์สีเทาก็เบี่ยงเข้ามาชนด้านข้างเขา ทำให้รถของคริสแฉลบไปชนราวกั้นข้างสนาม รถของเขาจึงสะเทือนและถูกรถของลู่หานเบียดอยู่ในเส้นทางแคบๆนั้น

                    คริสหักพวงมาลัยรถเมื่อถนนแยกออกเป็นเลนกว้าง ตัวรถเบี่ยงชนรถของลู่หานจนเสียหลักเป็นการเอาคืน  รถอีกฝ่ายหมุนติ้วอยู่กลางถนน เสียงล้อเบียดกับพื้นถนนรวมกับเสียงเบรกดังลั่นเหมือนเสียงกรีดร้องที่แสนทรมาน คริสเร่งความเร็วเครื่องยนต์อีกครั้ง เปลี่ยนเกียร์รถจากปกติเข้าสู่สภาวะสปอร์ตเพื่อเร่งการขับเคลื่อนให้คล่องต่อสภาพสนามที่เปลี่ยนเป็นเนินเขาที่มีทางนำขึ้นไปสู่เขาสูง

     

     

                    ลู่หานดึงรถให้เข้าสู่สภาพปกติอย่างเร็วที่สุด เหยียบคันเร่งสุดแรงแล้วปั๊มไนตรัสของรถเพื่ออัดแรงส่งให้รถทะยานอยู่แนวตรงได้แรงขึ้น ไฟท้ายรถของคริสนำอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก

                    รถของคริสถูกเบียดจากลู่หานอีกครั้ง คราวนี้หนักและรุนแรงกว่าคราแรก คริสยอมผ่อนคันเร่งลงปล่อยให้ลู่หานแซงนำไป เหลืออีก โค้งเดียวและเป็นโค้งที่อันตรายมาก ถ้าพลาดมีแต่ตายกับตาย แต่คนแบบคริสไม่มีทางยอมทั้งแพ้และตาย คริสตลบเกียร์เข้าสู่ระบบปกติ ผ่อนแรงรถจนถึงจุดต่ำที่สุดจนรถเกือบดับ

                    ลู่หานมองกระจกด้านหลังเห็นช่วงรถของคริสทิ้งห่างไปเยอะก็เอะใจ ในสมองคิดหาเหตุผลว่าทำไมก่อนจะร้องออกมาด้วยความตกใจกับความคิดของตัวเอง

     

                    หวังว่าไอบ้านั้นคงไม่ทำแบบนั้น โค้งข้างหน้าอันตรายยิ่งกว่าอะไร นักแข่งหลายคนประสบอุบัติเหตุกับโค้งนั้นมากมาย การปล่อยคันเร่งจนรถเกือบดับสนิทแล้วเร่งความเร็วสูงสุดทำให้รถพุ่งทะยานอย่างเร็วก็จริงแต่ก็อันตรายหากตัวรถกับคนขับไม่สานงานกัน

                   

                    คริสยกยิ้มดวงตาหลับลงชั่วครู่ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยคำภาวนาของให้พระเจ้าคุ้มครอง แลมโบกินี่ที่ถูกลดความเร็วลงจนเครื่องเริ่มสั่นคล้ายจะดับ คริสกำมือรอบพวงมาลัยแน่น เท้าภายใต้สนีกเกอร์สำดำสวยกดแรงลงไปเต็มที่ที่คันเร่ง กระทิงดุสีขาวคำรามลั่นบริเวณก่อนจะพุ่งไปด้านหน้าด้วยความแรง ภาพด้านข้างไหลไปอย่างรวดเร็ว ตัวรถทะยานขึ้นจากพื้นไม่สูงนัก ก่อนจะกระแทกตัวลงเคียงข้างจากัวร์ของลู่หาน คริสเหยียบคันเร่งเต็มที่อีกครั้งจนแซงลู่หานขึ้นไปได้

                    ลู่หานยอมรับในเรื่องโชคของคริสก็วันนี้ ไม่บ่อยนักที่หลายคนจะรอดจากการแซงรถด้วยวิธีการแบบนั้น  ผ่อนแรงคันเร่งลงเมื่อรู้ว่าไม่สามารถชนะคริสได้

                    คริสพึมพำของคุณพระเจ้าก่อนตวัดเกียร์ครั้งสุดท้ายแล้วเร่งคันเร่งเข้าโค้งหักศอกตรงหน้าไป รถคันหรูสีขาวกลับมาวิ่งในทางเรียบตรงปกติพร้อมเข้าสู่เส้นชัยอย่างสวยงาม

                    เสียงโห่เชียร์ดังสนั่นบริเวณเมื่อคริสกับรถคันโปรดวิ่งเข้าสู่เส้นชัย ตามมาด้วยรถของลู่หานที่ทิ้งช่วงห่างเพียงไม่กี่วินาที

     

     

                    เลย์ยกยิ้มสมเพชให้กับตนเอง ก็รู้ผลตั้งแต่แรกว่าลู่หานคงไม่น่าจะชนะ รถของคริสได้ชื่อว่าเป็นซุปเปอร์คาร์ที่ดีที่สุดแห่งปี แล้วจากัวร์ของลู่หานจะสู้ได้ยังไง นอกเสียจากมาพร้อมดวงเท่านั้น

                    เลย์เดินไปหาลู่หานทันทีที่ร่างของเพื่อนเดินลงมาจากรถ ทิชชู่ในมือยกซับเหงื่อให้แผ่วเบา ลู่หานเอ่ยขอโทษแผ่วเบา เลย์ส่ายหน้าแล้วยิ้ม

     

                    “ให้อภัย...เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหม” อยู่ๆเลย์ก็สงสัย ถ้าถามว่าก่อนหน้านี้เขาตั้งใจจะพูดแบบนั้นใส่ลู่หานไหมคงต้องบอกว่าไม่ แต่ความน้อยใจที่อีกฝ่ายทำเหมือนเขาไม่มีค่ามันตีตื้นจนอดไม่ได้ที่จะพูดแบบนั้นออกไป

                   

                    ลู่หานรั้งใบหน้าหวานของเลย์เข้ามาชิด กดริมฝีปากลงบนแก้มเนียนแผ่วเบาแล้วกระซิบตอบ

     

                    “เรายังเป็นเพื่อนกันเสมอ..ให้อภัยนายเลย์” ความรู้สึกที่มีต่อเลย์ของลู่หานมีเยอะไม่ต่างกัน เขาดึงเพื่อนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องวุ่นวายนี้เต็มๆ แถมสุดท้ายเขายังแพ้อย่างเฉียดฉิวให้คริส  ทั้งสองผละออกจากกันเมื่อเห็นปลายรองเท้าของใครสักคนเดินมายืนอยู่ไม่ไกล

     

                   

                    คริสยักคิ้วให้ลู่หานก่อนจะผลักมินซอกที่ยืนอยู่ข้างกายออกมาด้านหน้า เลย์มองการกระทำนั้นแล้วรู้สึกไม่พอใจ คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงผลักไสคนอื่นได้ง่ายๆแบบนั้น  เลย์เอื้อมแขนไปดึงร่างของมินซอกที่ยืนอยู่มารวมอยู่กับตนและลู่หาน  มินซอกเอ่ยขอบคุณแผ่วเบา

     

                    “แลกกัน!” คริสพูดแล้วตั้งท่าเดินเข้ามาหาเลย์ ลู่หานเลื่อนตัวมาบังเอาไว้

     

                    “ไม่” คริสทำหน้าราวกับจะฆ่าลู่หานลงตรงนั้น แต่ก็เปลี่ยนมาเป็นหัวเราะ เลย์พึมพำกับตัวเองว่าคนคนนี้ต้องบ้าแน่ มินซอกหัวเราะแผ่วเบาหลังจากได้ยินเลย์หันมองอีกฝ่ายก็ทำเป็นไม่สนใจ

     

                    “อย่าแหกกฎลู่หาน นายแพ้ฉัน ฉันคืนมินซอกให้นี้ก็ล้ำค่ามากแล้วนะ เพราะฉะนั้นส่งเด็กนายมา”

     

                    “อี้ชิงเป็นเพื่อนฉัน  ฉันแพ้นายก็ใช่แต่ฉันไม่ได้บอกนิว่าตัวเดิมพันจะต้องไปเป็นของนายเมื่อนายชนะ” ดวงตาคมของคริสฉายแววโกรธเคืองจนน่ากลัว

     

                    “ฉันจะเอาตัวเดิมพันของนาย” คริสยังคงยืนยันตามเดิม

     

                    “ฉันจะยกให้นายแน่ แต่ตราบใดที่ฉันยังไม่เชื่อใจนายฉันจะยังไม่ให้อี้ชิงไปอยู่กับนายเด็ดขาด แม้เขาจะมีตำแหน่งเป็นคนของนายแล้วก็ตาม” ทันทีที่เอ่ยจบคริสกระชากคอเสื้อของลู่หานอย่างแรง สองสายตามองจ้องกันไม่ลดละ เลย์ส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่าย มันจะอะไรนักหนากับการไปเป็นตัวเดิมพันอีกฝ่ายแทน นี้แหละเขาไม่เข้าใจเลยอะไรกัน ตัวเดินพันมีหน้าที่อย่างอื่นอีกหรือไงกัน

     

                    “กล้าต่อยฉันไหมล่ะคริส ถ้ากล้าก็ต่อยสิ ต่อยเลย...หึ ไม่กล้าสินะ”

     

                    ผลั่กก..

     

                    ใบหน้าหวานของลู่หานเซไปตามแรงหมัดที่อัดเข้าข้างแก้ม ริมฝีปากบางแตกจนเลือดซิบ คริสทิ้งตัวคร่อมคนที่ทรุดอยู่บนพื้นหญ้าแล้วกระหน่ำหมัดใส่อีกสองสามหมัดอย่างแรง่อนจุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าคาดโทษ

     

                    “มึงจำไว้ อะไรที่เป็นของกู ไม่ว่าตอนนี้เป็นของใคร กูก็จะเอามาเป็นของกูให้ได้” พูดทิ้งท้ายแล้วเตะซ้ำไปที่ร่างของลู่หานอย่างแรงจนคนถูกกระทำงอตัวด้วยความเจ็บ คริสคว้าข้อมือของมินซอกแล้วกระชากลากให้เดินตาม เลย์พยายามดึงกลับแต่ก็สู้แรงคริสไม่ได้ จึงจำเป็นต้องปล่อยไป

                    เลย์ทิ้งตัวลงข้างลู่หานที่นอนกุมท้องหน้ามองฟ้าอยู่ มือเรียวเกลี่ยปอยผมสีขาวที่ปรกหน้าของลู่หานออกไปทัดไว้ข้างหู นิ้วหัวแม่มือไล่เช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าให้อย่างไม่ได้นึกรังเกียจ

     

                    “รู้ว่าสู้เขาไม่ได้ยังจะไปท้าเขาให้ต่อย แล้วเห็นไหมเขาเอาคิมมินซอกนั้นกลับไปด้วยอีกต่างหาก” ลู่หานยันตัวลุกขึ้นมานั่ง ส่งยิ้มบางให้เลย์

     

                    “ไม่เป็นไรหรอกนา แล้วนี้จางอี้ชิงหายไปไหน เหลือแต่เลย์ไว้แล้วหรือไง” เลย์หัวเราะแผ่วเบา ตีเบาๆลงข้างไหล่เพื่อน ลู่หานรั้งใบหน้าหวานของเพื่อนสนิทมาแล้วกดจูบลงที่ริมฝีปากอิ่ม ลิ้นร้อนไล่วนลุกล้ำอยู่ภายใน มือข้างหนึ่งเลื่อนมาลูกเอวบางผ่านเนื้อผ้า เลย์ครางฮือในลำคอก่อนจะผลักลู่หานออก

     

                    “ถ้าจะทำก็กลับไปทำที่ห้อง ไม่ใช่ต่อหน้าคนเยอะแยะ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืน ส่งมือให้ลู่หานจับแล้วเดินไปยังรถที่มีรอยยุบจากการแข่งขันเมื่อครู่ปรากฏอยู่

     

     

     

     

    .

     

     

     

                    เลย์ซุกตัวเข้าสู่หาอ้อมกอดอุ่นของลู่หาน อีกฝ่ายกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ลมหายใจอุ่นของลู่หานรินรดอยู่ตรงหน้าผากทำให้เลย์หัวเราะออกมา ลู่หานเปิดตามองด้วยความสงสัยแล้วปิดลงด้วยความเหนื่อยอ่อนอีกครั้ง

                    เลย์นอนนิ่งให้ลู่หานกอดอยู่อีกสักพัก แล้วผละออกลุกออกจากห้องไปทำกับข้าวให้อีกฝ่ายทาน เสร็จก็เข้ามาอาบน้ำแล้วเอ่ยปลุกคนที่หลับใหลอยู่บนที่นอน

     

                    “เฮ้ย ตื่น!” ลู่หานตื่นสักพักแล้วตั้งแต่เลย์ออกไปทำกับข้าวและเข้ามาอาบน้ำจนถึงตอนนี้ คนบนที่นอนหัวเราะให้กับคำพูดห้วนๆที่ออกมาจากปากของเลย์ คำพุดไม่ได้เข้ากับหน้าตาเลยจริงๆ

     

                    “เลย์อ่า...มอร์นิ่งคิสหน่อย” เลย์ทิ้งตัวลงคร่อมทับร่างของลู่หาน แล้วจูบลงบนปากอีกฝ่ายที่ตั้งท่ารออยู่แผ่วเบาแล้วผละออก

     

                    “มายเฟรนด์ ไปอาบน้ำได้แล้ว” ลู่หานยอมลุกออกจากที่นอนในที่สุด มองสภาพตัวเองในกระจกแล้วก็ท้อใจ จริงอย่างที่เลย์พูด เขาไม่น่าไปท้าความบ้าคริสเลยจริงๆ เจ็บระบมไปทั้งตัว

     

                    เลย์นอนแผ่อยู่บนที่นอนเมื่อลู่หานหายเข้าไปในห้องน้ำ ถ้าถามความสัมพันธ์ของลู่หานกับเขาก็คงตอบได้ว่าเป็นเพื่อน เพื่อนที่ทำในสิ่งที่มากกว่าเพื่อนทำกัน แต่ถ้าถึงขั้นมีอะไรกันของเขาทั้งคู่ เลย์ตอบได้อย่างเต็มปากว่าไม่เคย และมั่นใจว่าลู่หานคงไม่ทำ เพราะถ้าทำเมื่อคืนคงจะทำไปแล้ว

                    เลย์หลับตาลงแล้วถอนหายใจ ภาพใบหน้าหล่อคมของคริสยังอยู่ในความทรงจำ สายตาที่จ้องมาที่เขาบ่งบอกถึงความต้องการจนสังเกตได้ รวมถึงคำพูดที่จะเอาตัวเขาไปให้ได้ของคริสนั้นทำให้เลย์รู้สึกอยากจะจับคนพูดมาฆ่าทิ้งให้ได้ โชคดีแค่ไหนที่ลู่หานต่อกรกับคริสเพื่อไม่ให้เขาไปอยู่กับหมอนั้น แต่ยังไงความโชคดีก็ยังน้อยกว่าความโชคร้ายอยู่ดี เพราะยังไงแล้วเขาก็กลายเป็นของของคริสไปแล้วตามข้อตกลงของการแข่งรถ

     

                    เสียงน้ำในห้องน้ำเงียบไปแล้วเลย์เปิดเปลือกตาก็เห็นลู่หานยืนมองตนอยู่ จึงได้ยันตัวลุกขึ้นนั่ง รับกระปุกยาแก้รอยช้ำมาถือไว้ ลู่หานทิ้งตัวลงด้านข้างนั่งนิ่งให้เลย์เอายาแตะแต้มทั่วบริเวณที่มีรอยช้ำเด่นชัดเจน

     

                    “โอ้ย เจ็บๆๆ!” เลย์รีบละมือออกเมื่อลู่หานโวยวายออกมา

     

                    “เจ็บเหรอ นี้เบาสุดๆแล้วะลู่..จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีเนี่ย ตอนทำไม่คิดนั้นแหละ นี่แหน่ะๆ” พูดจบก็กดลงนิ้วลงไปบนรอยช้ำตรงมุมปากเต็มแรงผสานไปกับเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บของลู่หาน

     

     

                    อาหารเช้าของลู่หานวันนี้เป็นข้าวต้มกับเกลือ แต่ของเลย์กลับเป็นข้าวผัดหอมฟุ้ง เลย์มองสายตาละห้อยของเพื่อนแล้วก็อดแขวะออกมาอีกไม่ได้ ลู่หานยู่หน้าใส่แล้วก้มหน้าก้มตาฝืนทั้งความเจ็บและความห่วยของข้าวต้มกินข้าวไป

                   

    เลย์อ้อยอิ่งอยู่บนโซฟาหน้าทีวีกับลู่หานอยู่สักพัก จนสายตาเหลอบไปเห็นนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาสายของวัน เลย์จึงยอมผละออกจากการคลอเคลียของลู่หาน

     

                    “เดี๋ยวเลคเชอร์มาให้ จะเอาอะไรก็โทรมาบอกล่ะกัน..ไปนะ” ลู่หานที่นั่งหันหลังให้อยู่หันกลับมามองเพื่อนในชุดนักศึกษาแล้วก็เอะใจ ทำท่าจะลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่ก็ถูกเลย์ห้ามเอาไว้

     

                    “ไม่ต้องไปหรอก แฟนคลับนายขาดใจตายพอดีไปสภาพนี้ ตัวก็อุ่นๆด้วยกินยาด้วยนะเตรียมไว้ให้แล้ว” ลู่หานพยักหน้าแต่ก็เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วเดินไปหาเลย์ที่ใส่รองเท้าอยู่

     

                    “ไปส่ง” เลย์เงยหน้ามองคนพูดแล้วส่ายหน้ารัว ดันหลังให้ลู่หานกลับไปที่โซฟาแล้วเอ่ยบอกว่าไม่ต้อง เลย์กำชับเพื่อนสนิทเรื่องทานข้าวทานยานอนพักอีกครั้งจนแน่ใจว่าลู่หานจะยอมทำตาม ก็คว้ากระเป๋าเรียนแล้วออกจากห้องพักของคอนโดไป

     

     

     

     

     

                   

     

     

     

    คริสสะลึมสะลือตื่นด้วยเสียงปลุกของมินซอก มินซอกพูดอะไรสักอย่างสองสามประโยคแล้วปิดประตูห้องไป คริสพลิกตัวไปมาแล้วเปลี่ยนเป็นนอนหงาย ดวงตาคมจ้องมองเพดานห้องที่ถูกติดด้วยวอลเปเปอร์สำเช่นเดียวกับผนังและผ้าม่าน

     

    จางอี้ชิง..?

     

    คิดว่าจะหนีกันพ้นหรือไง คริสยกยิ้มมุมปาก หยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงขึ้นมากดโทรออกหาใครสักคน รอไม่นานปลายสายก็รับ

     

     

    “หาประวัติคนที่ชื่อจางอี้ชิงให้หน่อย ที่อยู่ด้วย” ไม่มีอะไรที่ผู้ชายอย่างคริสอยากได้และไม่ได้

     

                   

    คริสลูกชายคนเล็กของตระกูลอู๋บริษัทส่งออกผลิตภัณฑ์ยาบริษัทใหญ่ของประเทศ คริสถูกเลี้ยงมาแบบละเลยพ่อและแม่ต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยเช่นเดียวกับพวกพี่ๆที่ต่างคนก็ต่างอยู่ไม่มีใครสุงสิงกับใคร คริสเป็นคนใจร้อน วู่วาม และความมั่นใจในตัวเองสูงเกินไปจนไม่สนใจว่าการกระทำของตนส่งผลเสียต่อใครอย่างไร

    เขาเริ่มแข่งรถครั้งแรกสมัยปีสองพร้อมกับลู่หานซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุด จนอีกฝ่ายทิ้งตนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศหนึ่งปีแล้วก็กลับมาถ้าถามว่าลู่หานทำอะไรผิดร้ายแรงต่อคริสหรือไม่ก็คงไม่ แต่การที่ทิ้งเพื่อนไปโดยไม่บอกกล่าวนั้นก็ร้ายแรงมากแล้วสำหรับเด็กขาดความอบอุ่นแบบอู๋อี้ฟาน

     

     

    มินซอกเปิดประตูโผล่หน้ามาบอกคริสให้ลุกไปอาบน้ำและออกมากินข้าวซะ คิมมินซอกอดีตคนรักของลู่หาน หมอนั้นทิ้งทั้งเขาและคนรักไปโดยไม่บอกกล่าว คริสไม่ได้เป็นอะไรกับคิมมินซอก แต่ที่ต้องหิ้วไปไหนมาไหนด้วยเพราะอีกฝ่ายไม่มีใครที่ไหนสนิทด้วย และอีกอย่างก็ยังเคยเป็นอดีตคนรักของเพื่อสนิทเก่าของเขา

     

    เสียงเตือนอีเมลเข้าดังขึ้นจากโทรศัพท์ คริสหยิบมาเปิดเช็คดูแล้วยกยิ้มเมื่อเห็นข้อมูลที่ปรากฏอยู่ภายใน ประวัติของคนที่มากับลู่หานเมื่อคืน คนที่ยอมเป็นตัวเดิมพันของลู่หานโดยไม่มีแววสงสัยอะไรทั้งๆที่หากเป็นคนอื่นคงต้องถามนู่นถามนี้

    คริสยังจำแววตาที่จ้องมาที่เขาได้ดี แววตาที่เหย่อหยิ่งถือตัว ดื้อรั้น คำพูดคำจาและการกระทำที่ขัดความใบหน้าน่ารักนั้นชวนให้คนอย่างคริสอยากจะเข้าไปค้นหาความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายในของผู้ชายคนนั้น นึกแล้วก็อดขำไม่ได้ลู่หานคิดได้ยังไงว่าการที่ยังไม่ยกอี้ชิงมาให้คริสในตอนนี้จะเป็นเรื่องดีต่ออี้ชิง ทั้งที่ลู่หานน่าจะรู้ดีกว่าใครว่าอะไรที่คริสอยากได้ก้ต้องได้ และตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาต้องการไปกว่าการได้ตัวเดิมพันของตนเองที่ถูกยึดไว้มาอยู่กับตน

    เขาอยากได้ร่างบางๆของอี้ชิงมาครอบครอง อยากค้นหาเข้าไปในแววตาคู่นั้น เขาอยากรู้ว่านักว่าเด็กที่ผ่านปัญหามามากมายแบบอี้ชิงนั้นอยู่ได้ยังไงบนโลกที่แสนสกปรกโสมมแบบนี้โดยไม่ได้รับความรักความอบอุ่นจากใครเลยสักคน คริสปิดล็อคหน้าจอโทรศัพท์เมื่ออ่านประวัติทั้งหมดของอี้ชิงจบ

     

     

    แล้วเราจะเจอกันในไม่ช้าเลย์...

     

     

     

     

    .

     

     

    เลย์เดินออกจากคอนโดของลู่หานในใจยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเดินทางไปมหาลัยด้วยรถโดยสารประจำทางหรือแท็กซี่ดีกว่ากัน ยกนาฬิกาบนข้อมือขึ้นมาดูก็พบเวลาเหลือเฝือกว่าจะถึงเวลาเรียนวิชาแรกของวัน  เลย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่ม คุยกันสักพักและวางสายลงเมื่อตกลงสถานที่ที่จะนัดเจอกันได้

    เลย์ออกเดิน คนตัวเล็กตั้งใจว่าจะไปร้านหนังสือที่เขาทำงานก่อนจะออกไปหาเพื่อนตามที่นัด แล้วค่อยออกเดินทางไปมหาลัยพร้อมกัน

     

    แสงแดดยามสายส่องกระทบใบหน้าหวาน เลย์ยกมือป้องเหนอศีรษะเพื่อบดบังแสงแดดที่กำลังจะทิ่มเข้าตา สัญญาณข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว เลย์ออกเดินข้ามถนนพร้อมกับผู้คนหลายคน ใบหน้าหวานชื้นด้วยเหงื่อเล็กน้อย แก้มเนียนขึ้นสีเรื่อๆเนื่องจากความร้อน

     

     

    เลย์เปิดประตูร้านเช่าหนังสือเข้าไป ชั้นแรกของร้านถูกจัดเป็นสามส่วน ส่วนแรกส่วนหนังอ่านหนังสือของลูกค้า ส่วนที่สองเป็นส่วนของคอฟฟี่ช็อปเพื่อให้ความสะดวกแก่ลูกค้าที่มานั่งทำงานและอ่านหนังสือในร้าน ส่วนที่หลือเป็นหนังสือหมวดวรรณกรรม

    เจ้าของร้านเอ่ยปากทักทายผู้มาใหม่โดยไม่ละสายตาออกจากการชงกาแฟ เลย์ไม่เอ่ยตอบแต่เดินเข้าไปหา และวางกระเป๋าลงที่ช่องเก็บของใต้เคาน์เตอร์บาร์ด้านหลัง ซูโฮหันมองก่อนจะเอ่ยปากทัก

     

    “อ้าว เลย์..ทำไมมาก่อนเวลางานเยอะจัง” เลย์ส่งยิ้มให้คนที่เดินเอากาแฟไปปั่นแล้วหันมองลูกค้าที่ต้องเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าประจำ อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้เลย์ไม่ได้ยิ้มตอบเพราะพี่ซูโฮกำลังมองมาและต้องการคำตอบจากคำถามที่ตนถามไป

     

    “มาช่วยพี่ก่อนไงแล้วค่อยไปเรียนพร้อมแบคฮยอน เดี๋ยวแบคฮยอนมาหาที่ร้านนะ” ซูโฮครางรับเป็นอันเข้าใจ เจ้าของร้านในร่างบาริสต้าหมุนตัวไปหยิบแก้วด้านหลังมา จัดการเทมอคค่าปั่นลงแก้วปิดฝาแล้วส่งให้ลูกค้า เลย์หันหลังให้บุคคลทั้งสอง ทำท่าไม่ได้สนใจแต่ก็ได้ยินเสียงพูดคุยสั้นๆนั้นชัดเจน  เสียงเปิดประตูร้านและเปิดเงียบลงเลย์จึงเอ่ยถาม

     

    “สรุปคบกัน?” ซูโฮถอดผ้ากันเปื้อนวางลงใกล้ๆจุดที่เลย์ยืน

     

    “เด็กนั้นก็โอเคไม่ใช่เหรอ มหาลัยเดียวกับเลย์นิ”

     

    “เหรอฮะ ผมไม่ยักรู้” ซูโฮถอนหายใจให้กับนิสัยที่ไม่ค่อยสนใจโลกของเลย์ เขาไม่รู้ว่าเลย์มีปัญหาอะไรภายในจิตใจถึงทำให้เลย์ต่อต้านการที่จะเปิดรับใคร เลย์ไม่ค่อยทำตัวสนิทกับใคร หลายครั้งที่มีลูกค้าเขาคุยกับเลย์ขณะรอกาแฟ เลย์ก็จะทำนิสัยถามคำตอบคำหรือบางครั้งก็ไม่ตอบเลย

    แรกๆซูโฮต้องเอ่ยเตือนและเรียกมาสอนบ่อยครั้ง จนเห็นว่าเลย์ดีขึ้นจากเดิมแต่แก้ไม่หายพอเค้นถามว่าทำไมอีกฝ่ายก็เลี่ยงตอบ จึงคิดว่าคงมีผลมาจากความทรงจำในอดีตของเลย์ ซูโฮเป็นจิตแพทย์ที่ออกจากการเป็นแพทย์มาเปิดกิจการร้านหนังสือและร้านกาแฟเพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับการทำงานที่ตนไม่ได้รัก

     

    “สนใจอะไรรอบตัวบ้างสิเลย์ อย่าจมปลักกับอดีตเลยนะ พี่ไม่รู้หรอกว่าเมื่อก่อนเราเจออะไรมาบ้างแต่ถ้าเก็บไว้คนเดียวแล้วมันไม่สบายใจ ก็คุยกับพี่ได้นะเลย์” เลย์ไม่อยู่ฟังจนจบแต่เดินหายไปหลังร้าน ซูโฮมองตามแผ่นหลังที่หายเข้าไปก็ได้แต่นึกสงสาร เขาอยากช่วยเลย์จริงๆหวังว่าสักวันเลย์คงจะเปิดใจ

     

     

    เลย์ได้ยินทุกคำพูดของซูโฮ เขาเข้าใจว่าซูโฮอยากช่วยเหลือเขารักซูโฮเหมือนพี่ชายคนหนึ่งได้แต่ก็ไม่อยากทำ เลย์ไม่อยากรับความช่วยเหลือหรือความสงสารจากใจ เพราะผู้คนเหล่านั้นต่างก็ต้องการสิ่งตอบแทนกันทั้งนั้น ไม่มีใครยอมทำเพื่อคนอื่นโดยไม่ได้หวังอะไรหรอก  เสียงซูโฮตะโกนบอกเลย์ว่าโทรศัพท์มีสายเข้า ทำให้เลย์ต้องดึงตัวเองออกมาเผชิญความจริงอีกครั้ง

    เบอร์โทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคยแสดงโชว์อยู่บนหน้าจอ เลย์วางทิ้งไว้ไม่ได้สนใจและหันไปช่วยซูโฮจัดแก้วแทน ซูโฮเหลือบมองโทรศัพท์สลับกับเลย์

     

    “ไม่รับเหรอเลย์” อีกฝ่ายไม่ตอบแต่การกระทำก็ตอบทุกอย่างแทน เมื่อเลย์ยังคงไม่สนใจโทรศัพท์ที่สั่นครืดอยู่ คนโทรเข้ายอมตัดสายทิ้งไป แต่ชั่วครู่ก็ดังขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เลย์ยังคงปฎิเสธทุกอย่างด้วยความเงียบ

     

    “รับเถอะเลย์ โทรมาหลายครั้งขนาดนี้คงมีธุระจริงๆ” เลย์พยักหน้าเห็นด้วยเมื่อเห็นว่าเบอร์โทรนี้พยายามโทรหาเขาจนน่ารำคาญ เลย์ขอตัวไปรับโทรศัพท์ ซูโฮพยักหน้าอนุญาต

     

    “เลย์...คุยตรงนี้ก็ได้” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเลย์ถึงยอมทำตามคำพูดนั้นของซูโฮ แต่เลย์ก็รู้สึกว่าการคุยตรงนี้เหมือนจะปลอดภัยกว่าการออกไปคุยไกลๆ

     

     

    “ฮัลโหล...” เลย์กรอกเสียงให้ปลายสาย ทันทีที่ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับคำเอ่ยสวัสดีจากคู่สนทนาก็ทำให้เลย์ต้องเอาโทรศัพท์ออกจากหูมาดูหน้าจอให้แน่ใจ

     

    “เอาเบอร์ผมมาจากไหน.....ตอบ!” เลย์ตะคอกเสียงดังจนซูโฮต้องละมือออกจากการเช็ดแก้วและหันมามอง ใบหน้าหวานของเลย์ซีดจนผิดปกติ

     

    “คุณไม่จำเป็นต้องรู้ ถ้าคุณไม่ตอบคำถามผม” ซูโฮวางแก้วนมจืดอุ่นพร้อมกับคุกกี้รูปสัตว์ลงแผ่วเบาลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับเลย์

     

    “ไม่..ผมไม่ไป  อย่ายุ่งกับลู่หานนะ”

     

    “ไม่เอา อย่ามายุ่งจะได้ไหม...แข่งบ้าแข่งบออะไรอีกไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ แค่นี้นะ!” เลย์รีบกดวางสายโดยไม่รอคำตอบอะไรจากอีกฝ่าย ใบหน้าหวานจากซีดเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ ซูโฮเลื่อนแก้วนมอุ่นไปให้ตรงหน้า พยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้เลย์ดื่ม เลย์ยอมยกขึ้นมาดื่มเล็กน้อยแล้ววางลง

     

    “อธิบายมาเลย์” ซูโฮไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่ จากการนั่งฟังเลย์ตอบโต้กับปลายสายแล้วคงไม่ใช่เรื่องดี แถมยังมีชื่อเพื่อนสนิทของเลย์อย่างลู่หานเข้ามาเกี่ยวข้อง

     

    “ผมไม่เป็นไรพี่ไปทำงานต่อก็ได้” ลุกขึ้นยืนทำท่าจะเดินไปยังส่วนของชั้นหนังสือเรียวแขนก็ถูกรั้งเอาไว้

     

    “พี่เป็นเจ้านายของนายนะเลย์ อย่างน้อยเรื่องนี้พี่มีสิทธิ์รับรู้ได้” เลย์ถอนหายใจแล้วยอมทิ้งตัวลงนั่ง ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเลย์จะยอมเอ่ยปากเล่าเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนให้ซูโฮฟัง

     

     

     

    หลังจากได้ยินเรื่องราวเมื่อคืนจากปากเลย์ ซูโฮยอมรับว่าค่อนข้างโกรธและไม่ถูกใจในการกระทำของลู่หาน แต่ยังพอให้อภัยได้ที่ลู่หานกล้ายึดตัวเลย์มาไว้แทนที่จะยกให้อีกฝ่ายไปตามกฎของการแข่งรถ เลย์ถอนหายใจเมื่อนึกถึงการสนทนาเมื่อครู่กับปลายสาย เลย์ไม่รู้ว่าคริสไปเอาเบอร์โทรศัพท์ของตนมาจากไหน จะว่าไปเอามาจากลู่หานเขาก็ไม่อยากจะปักใจเชื่อ เพราะเชื่อมั่นในลู่หานมากกว่า

     

    “แล้วเขาโทรมาทำไม ต้องการอะไร” ซูโฮเอ่ยถาม เลย์ยกมือขยี้หัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดใจและเอ่ยตอบ

     

    “คืนนี้มีแข่งที่เขตคังนัม และเขาต้องการผมไปเป็นเนวิเกเตอร์ให้เขาในคืนนี้”

     

    “เนวิเกเตอร์?...บ้าหรือเปล่าแข่งรถแบบนั้นยังจะมีเนวิเกเตอร์ไปอีกทำไม เขาเอาอะไรมาต่อรองหรือเปล่า”

     

    “เขาบอกว่าถ้าผมไม่ยอมไป ก็ให้เอาลู่หานมาลงแข่ง..พี่ซูโฮ มันเป็นการแข่งแบบไหนกันแน่” เลย์เริ่มไม่แน่ใจว่าการแข่งขันรถใต้ดินแบบนี้จะเป็นแค่เพียงการแข่งรถ ทำไมถึงต้องโยนคนนั้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง

     

    ซูโฮส่ายหน้าเมื่อไม่สามารถตอบคำถามรุ่นน้องได้ เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นทำให้ซูโฮต้องยอมลุกขึ้นจากการสนทนาไปต้อนรับ ไหล่เล็กถูกบีบเป็นเชิงให้กำลังใจ เลย์ส่งยิ้มบางไปให้แทนคำขอบคุณ

    ซูโฮไม่กล้ายืนยันไปกับเลย์ในสิ่งที่ตัวเขากำลังคิด แต่จากการคาดเดาการแข่งขันในคืนนี้คงไม่ใช่การแข่งขันแบบธรรมดาๆ  เสียงโทรศัพท์ของเลย์ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เลย์กดรับทันที เลย์ถกเถียงกับปลายสายสักพักแล้วกดวาง ก่อนประตูร้านจะเปิดขึ้นและการปรากฏตัวของลู่หาน ใบหน้าที่ติดไปทางหวานของลู่หานนั้นขุ่นมัวด้วยอารมณ์ที่ยากจะเข้าใจ

     

    “บอกมาอี้ชิง! มันคุยกับนายว่าอะไร” ไหล่เล็กถูกบีบจนเลย์ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ ลู่หานเหมือนจะรู้สึกตัวจึงผ่อนแรงลง หันไปบอกซูโฮที่กำลังชงกาแฟให้ลูกค้าว่าขอยืมตัวเลย์ไปคุยหลังร้านสักครู่ ซูโฮโบกมือไล่ๆไปเมื่อลูกค้าจ้องมองด้วยความสงสัย

     

     

     

    “นายตอบตกลงมันไปหรือเปล่า!!?” ลู่หานเปิดประเด็นทันที เลย์ส่ายหน้าเป็นคำตอบ ดวงตาหวานก้มมองพื้นหญ้า เขี่ยเท้าไปมา

     

    “เลย์ ถ้าคริสโทรมาอีกห้ามรับสายเด็ดขาด เรื่องนี้ฉันจัดการเอง”

     

    “ลู่หาน อธิบายมาหน่อยฉันจำเป็นต้องรู้นะว่าการแข่งขันพวกนี้มันคืออะไร ในเมื่อตอนนี้ฉันอยู่ในฐานะตัวเดินพันของคริสอะไรนั้น ฉันมีสิทธิ์รู้ไม่ใช่เหรอ” ในที่สุดเลย์ก็ทนไม่ไหว เขาไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ได้อีกแล้ว ยังไงลู่หานก็ต้องตอบคำถามข้อนี้ของเขา

     

    “ไปคุยกันในร้านเดี๋ยวนี้” ซูโฮโผล่หน้ามาบอกเมื่อลูกค้าคนนั้นออกจากร้านไปแล้ว ลู่หานจูงมือเลย์ออกมานั่งที่โต๊ะเดิมที่เลย์นั่งอยู่ก่อนหน้า ขนมปังกรอบรูสัตว์ถูกหยิบเข้าปากสองสามชิ้นก่อนลู่หานจะนั่งลงตามเช่นเดียวกับซูโฮ

     

    “การแข่งขันรถประลองความเร็วโดยใช้ตัวเดิมพันเป็นการแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้าเกี่ยวข้องเพราะมีผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลังเลย์ เมื่อคืนเป็นการแข่งที่พื้นฐานที่สุด แข่งโดยการแข่งในสนามแข่งธรรมดาผู้แพ้จะต้องยกตัวเดิมพันให้ฝ่ายผู้ชนะไป ...แต่ฉันแหกกฎด้วยการไม่ยกนายให้คริส ไม่สิ ฉันยกนายให้คริสเพียงแค่ชื่อ แต่ตัวของนายยังอยู่กับฉัน และนั้นคงทำให้คริสไม่พอใจ เพราะนิสัยหมอนั้น..อยากได้อะไรก็ต้องได้” เลย์นั่งฟังนิ่งเงียบ เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้นพร้อมคนตัวเล็กในชุดนักศึกษา แบคฮยอนยืนส่งยิ้มมาให้ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อสัมผัสถึงความเย็นเยือกภายในร้าน คนตัวเล็กย่องเดินมาช้าๆแล้วทิ้งตัวลงข้างซูโฮและลู่หาน นั่งเงียบไม่กล้าเปิดปากถาม

     

    “ส่วนการแข่งขันคืนนี้ ฉันได้รับข้อความแล้วว่าจะมีการให้ตัวเดิมพันมาเป็นเนวิเกเตอร์ และฉันจะไม่มีทางยอมให้นายไปเป็นเนวิเกเตอร์ให้คริสเด็ดขาด”

     

    “เดี่ยวลู่หานนี้มันอะไร เลย์อะไรกันเมื่อคืนพวกนาย..เกิดอะไรขึ้น” แบคฮยอนเอ่ยถามด้วยความสงสัย ซูโฮแตะไหล่เล็กนั้นเป็นเชิงปราม แบคฮยอนยอมนิ่งลงและนั่งฟังตามเดิม

     

    “ทำไมนายถึงไม่ยอมให้ฉันไปเป็นเนวิเกเตอร์คืนนี้...ทั้งที่ฉันเป็นตัวเดิมพันของคริสไปแล้วเขามีสิทธิ์เต็มที่ไม่ใช่เหรอ” ลู่หานพยักหน้ารับว่าความคิดของเลย์ถูกต้อง

     

    “ถ้าไม่แข่งบนถนนย่านธุรกิจที่มีรถราวิ่งเต็มไปหมดฉันก็พร้อมจะให้นายลงไปเป็นเนวิเกเตอร์ของคริส เพราะถือว่าความแม่นยำในด้านนี้ของคริสใช้ได้ แต่นี้เลย์ มันคือการแข่งขันกลางเมืองโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีเยอะถึง 90% ฉันปล่อยนายไปเสี่ยงแบบนั้นไม่ได้”

     

    “มะ...หมายความว่าเป็นการแข่งขันในเมืองก็ดูไม่น่าอันตรายนินา” ซูโฮอึกอักถามออกไป

     

    “ใช่ครับถ้าหากไม่มีเนวิเกเตอร์ถือว่าไม่อันตรายเท่าไร เพราะอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ตัวคนขับ แต่การที่มีเนวิเกเตอร์เป็นคนนั่นหมายถึงการแข่งขันคืนนี้เป็นเดทแมทช์ครับ”  ลู่หานเอ่ยตอบอย่างสุภาพ

     

    “ด...เดทแมทช์ อะไรกันลู่หาน นั่นมันมีค่าความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเต็มร้อยเปอร์เซ็นเลย พวกนายเล่นอะไรกัน นายคิดยังไงถึงให้เลย์ไปลงเป็นตัวเดิมพันเมื่อคืน ลู่หานนายบ้าหรือเปล่า!?” ซูโฮเอ้ดดังลั่นร้าน ลู่หานก้มหน้ายอมรับความผิด แบคฮยอนมองคนทั้งสามสลับไปมา นั่งฟังเรื่องราวก็พอจะจับประเด็นได้ ใบหน้าหวานยู่ลงแล้วตีลงไปเต็มแรงบนไหล่ลู่หาน

     

    “ลู่หานไม่น่ารักเลย ทำแบบนี้ได้ไง!” ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจว่าเดทแมทช์เป็นยังไง แต่แบคฮยอนฟังจากชื่อก็พอจะเข้าใจว่าคงจะมีสิทธิ์เสี่ยงถึงตายได้ร้อยเปอร์เซ็นตามที่ซูโฮโวยวาย เลย์ยังคงนั่งนิ่งในใจเริ่มก่อตัวด้วยความมืดมิดและความกลัว ความน้อยใจ

    ผู้คนพวกนี้เห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องสนุก ชีวิตของผู้คนมากมายที่เดินอยู่บนท้องถนนยามค่ำคืน รถรามากมายที่มีเป้าหมายจะกลับไปหาครอบครัวหลังเลิกงาน แต่กลุ่มคนพวกนี้ทำให้ทุกอย่างดูเสี่ยงอันตรายด้วยการนำรถราคาแพงมาเหยียบแข่งกันโดยมีคนเป็นของเดินพัน เป็นสิ่งที่ยืนอยู่ขอบของหน้าผาชัน พลาดก็เท่ากับตาย นี่มันเกมส์ที่พากันตกนรกชัดๆ

     

    “เลย์ ฉันไม่ยอมให้นายไป...อย่ามามองกันแบบนั้นเลย์ หยุดคิดอะไรบ้าๆนะ” ลู่หานจ้องมองเข้าไปในแววตาของเลย์ แววตาที่มองมาอย่างตัดพ้อต่อว่า

     

     

    ในเมื่อคนพวกนี้เห็นชีวิตของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก เลย์ก็จะทำให้มันสนุกสมใจตามที่พวกนั้นต้องการ

     

     

    เลย์หยิบโทรศัพท์มากดแล้วตั้งโดยคว่ำหน้าลงบนโต๊ะ ซูโฮมองการกระทำนั้นของเลย์แล้วอ้าปากจะห้ามแต่เลย์กลับทำแค่ส่งยิ้มและพยักหน้ามาให้ราวกับยืนยันในการกระทำของตัวเอง แบคฮยอนสบตากับเลย์แล้วรีบหลบ เลย์หัวเราะแผ่วเบาให้กับความขี้กลัวของเพื่อนสนิทสุดน่ารัก

     

     

    “ฉันจะลงแข่งกับคริสคืนนี้”

     

     

    “เลย์!!!  เสียงสามเสียงร้องดังลั่นหลังจากได้ยินคำพูดของเลย์

     

                   

    คริสยกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินการตอบกลับที่น่าพึงพอใจจากคู่สนทนา คริสกดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ลงไปบนเตียง เดินออกจากห้องไปก็เจอมินซอกยืนอยู่หน้าห้อง

     

    “สนุกหรือไงคริส อี้ชิงไม่เคยลงแข่งเดทแมทช์ เด็กนั้นไม่รู้แม้แต่กติกา” มินซอกโวยวาย เขาไม่อยากดึงอี้ชิงมาอยู่ในโลกของพวกเขา มันอันตรายและน่ากลัวเกินกว่าที่จะให้เด็กที่อ่อนต่อโลกอย่างอี้ชิงมาเกี่ยวข้อง

    มินซอกรู้ดีว่าจริงๆแล้วจางอี้ชิงคนนั้นก็ทำเป็นคนเข้มแข็งเพื่อสร้างเกราะกำแพงป้องกันความอ่อนแอของตนเองไว้เท่านั้นแหละ จริงๆแล้วเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่มีจิตใจอ่อนหวานอย่างแน่นอน ทำไมถึงรู้นะเหรอ

     

    เพราะแววตาตัดพ้อที่อี้ชิงมองลู่หานก่อนแข่ง และแววตาที่แฝงไปด้วยความเสียใจหลังจากลู่หานแข่งแพ้ไงล่ะ เขาเห็นมันอย่างชัดเจน เพราะคนอย่างจางอี้ชิงกับคิมมินซอกก็มีอดีตที่เลวร้ายพอๆกัน

     

    “แล้วมีอะไรไม่น่าสนุกนะมินซอก เดทแมทช์เลยนะ”

     

     

     

     

     

    “ผูกข้อมือแข่งรถโดยมีอีกคนบอกทางทั้งๆที่ไม่รู้กติกา ถ้านายคิดว่ามันสนุกก็บ้าที่สุดแล้วอู๋อี้ฟาน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Note : สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่สนามแข่งรักค่ะ กรี๊ดดด เปิดเรื่องใหม่ทำไม สร้างภาระให้ตัวเองอีกแล้วสนุกจริงๆ คือ หนีไปเที่ยวมาคืนก่อน เพื่อนไปดูแข่งรถกันค่ะ เออสนุกดี ฮ่าๆ อ่านๆคอมเม้นๆกันน้า เรื่องนี้สนุกน้า (ห้ะ) อ่านแล้วใครเล่นทวิตติดแท็ก #ซคช กันได้นะ เขาอยากเล่นบ้าง ไปล่ะ ตอนที่สองเร็วๆนี้เลยล่ะกำลังคึก 55555  เอ้อ ลืมบอก ปมอี้ชิงเคลียร์เกือบหมดแล้วนะ ถ้างงๆบอกค่ะเดี๋ยวจะตามไปอธิบาย 55555

     

     

     

     


    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×