ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hidden. ซ่อน ความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ เรื่องของวันวาน

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 55


     บทนำ  เรื่องของวันวาน
    เคร้งง!...
    เสียงข้าวของตกกระจายเกลื่อนพื้นด้วยผีมือของบุคคลเบื้องหน้า  หญิงสาววัยกลางคนเซทรุดลงกับพื้นด้านด้านของห้องรับแขก นัยน์ตามีของเหลวสีขาวใสเอ่อล้นจนไหลลงอาบแก้ม สองมือที่สั่นเครือไขว่คว้าไร้จุดหมายหาหนทางที่จะฉุดร่างกายวัยห้าสิบของเธอให้ลุกขึ้นยืนและหนีไปในที่อื่นที่ไม่ใช่ตรงนี้ได้  จานข้าวที่เธอจัดเตรียมเอาไว้กระจัดกระจายแตกทั่วพื้น  หญิงสาวเหลือบซ้ายแลขวาเพื่อหาหนทางที่จะหนี หันไปมองที่ประตู แสงดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินสาดแสงสีเหลืองส้มแสบตาจนเธอต้องยกมือขึ้นมาบังเอาไว้
    ...นี่มันอะไรกัน...
    ภายในโสตประสาทของหญิงสาวพูดคำนี้ในใจนับล้านๆครัั้้ง  เธอรู้สึกเจ็บปวดใจที่สุดที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้  ทั้งๆที่หากมีแสงสว่างมากกว่านี้สักหน่อยเธอคงจะหาทางหนีไปได้  แต่นี่!  ไฟดับ...
    หญิงสาวใช้สองมือนั้นถลาตัวเองไปตามพื้นที่มันขลับดันตัวเองให้ถอยหลังออกห่างจากบุคคลเบื้องหน้า  ร่างกายที่ดูบึกบึนแข็งแรง แม้จะไม่ได้ดูน่ากลัวแต่ในเวลานี้ หญิงสาวคงสู้ไม่ได้  มีดทำครัวขนาดเล็กที่ ‘เขา’ ถือเอาไว้ในมือจ่อมาทางหญิงสาวอย่างแน่วแน่  ดวงตาของบุคคลเบื้องหน้าฉาบแววอำมหิตอย่างแรงกล้าสะท้อนแสงทองของดวงอาทิตย์ทำให้ดูน่ากลัวอย่างยิ่ง
    เธอถอยหลังไปจนเจอกับโซฟาตัวใหญ่ที่อยู่หลังห้องนั้น เป็นที่สำหรับการนั่งพูดคุยหลังมื้ออาหารเย็น  จับมันจนมั่นแล้วยันร่างกายตัวเองขึ้นไปยืนโดยที่สายตายังไม่ละจากร่างกายเบื้อหน้า  นาทีนี้เธออยู่ตัวคนเดียวลูกสาวของเธอคงยังไม่กลับมาจากการไปทำรายงานและสามีของเธอก็คงทำงานโอเวอร์ไทม์ตามเคย หญิงสาวแอบยิ้มในใจเล็กน้อย  แม้ว่าตอนนี้เธอจะยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดแล้ว แต่อักใจของหญิงสาวก็คิดเสียว่า 
    ...ดีแล้วที่ไม่มีใครอยู่บ้านกับเรา...
    เธอลุกเกาะโซฟาเอาไว้แล้วดันตัวเองติดกับผนังด้านหลัง ห่างออกไปราวเมตรเศษเป็นประตูมุ้งลวดที่ติดต่อกับหลังบ้าน  มันเป็นหนึ่งในหนทางหนี แต่ประตูนี้มันเป็นประตูที่เปิดเข้าด้านใน  หากเธอหนีโอกาสต้องหันหลังให้กับร่างเบื้องหน้า  เธอหลับตานิ่ง
    ...ไม่!  ฉันไม่หนีหรอก    เธอคิด
    เธอเดินอ้อมโซฟาไปนั่งลงอย่างไม่มีทีท่าเกรงกลัวอีกต่อไป  โซฟาตัวโปรดของเธอที่เธอใช้นั่งเขียนสมุดบันทึกและทำกิจกรรมยามว่างเป็นประจำ
    เธอนั่งลงอย่างเรียบร้อยสงบเสงี่ยมสองมือของเธอวางทับกันบนตักราวกับหญิงไทยสมัยก่อน  เงยหน้ามองร่างเบื้องหน้า มองตั้งแต่หัวจรดเท้า หลายครั้ง แสงทองจากดวงอาทิตย์กำลังจะจางหายไป  แต่แม้ในความมืดแบบนี้  สายตาที่พร่ามัวแบบนี้ หญิงสาวก็ยังตั้งใจที่จะมองร่างเบื้อหน้าอย่างสังเกตสังกา
    ...พรึ่บ...
    แสงสว่างจ้าขึ้นมาในทันทีจนหญิงสาวและร่างเบื้องหน้าเธอยกมือขึ้นมาบังสายตาเอาไว้รอจนกว่าสายตาจะปรับเข้ากับแสงได้  ไฟกลับมาแล้ว  นัยน์ตาเธอเริ่มชินกับแสงแล้ว เอามือที่ยกบังกลับมาวางที่เดิมแล้วจ้องมองยังร่างเบื้องหน้าอีกครั้ง
    “ก  แกมองฉันทำไมวะ  ยายแก่หน้าโง่เอ๊ย!!” ร่างนั้นตะคอกเสียงดังยกมีดขึ้นมาชี้จ่อไปที่หน้าของเธอ แต่เธอยังคงนิ่งเงียบและมองมาราวกับสติเธอได้เลื่อนลอยไปแล้ว  สายตาที่ดูอ่อนโยนกดดันให้ร่างนั้นสั่นเครือไปทั้งตัวและมีท่าทีลุกลี้ลุกรนอย่างเห็นได้ชัด  เสียงหายใจดังอย่างเหนื่อยหอบ “ยังไม่หยุดอีก  ฉันฆ่าแกจริงๆนะ!” เขาตะคอกต่อและต้องหยุดชะงักตาค้างทันที
    “.........” หญิงสาววัยกลางคนผุดยิ้มขึ้นมาอย่างอ่อนโยนแววตาเปล่งประกาย แต่น้ำตาที่ไหลก็ยังคงไหลอาบแก้มเธอไม่หยุด “มาเถอะจ้ะ”
    “น  นี่แก บ้าไปแล้วเรอะ  ยัยแก่หน้าโง่  แกบ้าไปแล้วรึไง?” มีดที่จ่อตรงหน้าหญิงสาวเริ่มสั่นไปมาตามมือที่สั่นเครือของเขา  แม้ว่าบรรยากาศภายในห้องตอนนี้จะเย็นฉ่ำไปด้วยความเย็นจากเครื่องปรับอากาศตัวเขื่อง แต่ทั้งร่างกายของเขายังเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬที่ไหลอาบทั่วร่าง
    “มาฆ่าฉันเลย!” หญิงสาวยกมือทั้งสองขึ้นมากางออกพอประมาณราวกับจะโอบกอดเขาเอาไว้  มันยิ่งทำให้เขาคลุ้มคลั่ง
    “โธ่  นังแก่เอ๊ย  แกมันรนหาที่ตายจริงๆ” เขาพูดแล้วพุ่งพรวดเข้าหาหญิงสาวทันทีทั้งๆที่ในใจของเขาตอนนี้มันสับสนจนจับต้อนชนปลายไม่ถูกว่าเขามาที่นี่ได้อย่างไร  และทำไมเขาต้องถือมีด  และกำลังจะฆ่าหญิงสาวเบื้องหน้า
    เธอหลับตาลงช้าๆหยดน้ำตาหยดสุดท้ายไหลลงอาบแก้มทันทีและคงไม่ไหลลงมาอีกแล้วรอยยิ้มจางๆราวกับมีความสุขฉาบทั่วใบหน้าแม้วินาทีที่มีดในมือเขาทิ่มเขาไปในกลางอกของเธอ
    ...ฉึก   ฉึก   ฉึก  ...
    มีดในมือเขาถูกดึงออกมาแล้งแทงลงไปในบริเวณใกล้เคียงที่เดินซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนหญิงสาวสิ้นใจอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า เลือดของหญิงสาวกระเด็นไปทั่วโซฟาและโต๊ะกระจกตัวเล็กที่วางอยู่ตรงกลาง  หนังสือและสมุดต่างๆที่วางอยู่เปรอะด้วยเลือดเต็มไปหมด
    เมื่อแน่ใจว่าเธอตายแล้ว เขาก็ลุกขึ้นยืน  มือถือมีดเอาไว้แน่นก้มหน้ามองร่างหญิงสาวที่นอนแน่นิ่งร่างกายท่วมไปด้วยเลือดเบื้องหน้าด้วยสายตาเหยียดๆ
    “ยายแก่เอ๊ย  จะตายอยู่แล้วยังจะยิ้มอยู่ได้  บ้าจริงๆ  ถุย”  เขาถุยน้ำลายลงไปทีร่างของหญิงสาวอีกครั้งราวกับกำลังซ้ำเติมความต่ำต้อยให้เธอ เลือดที่พื้นเริ่มเจิ่งนองไหลตามพื้นมาเปรอะเท้าเขา เขาขยี้เท้าไปมาแล้วหันกลับไปทางประตูแล้วเขาก็ต้องชะงัก
    “กรี๊ดดดดดดดดดด   แม่!!!!”
    หญิงสาวในชุดนักศึกษากรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเสียงดังลั่นจนเขาเริ่มกลัวว่าถ้าหากมีคนได้ยินจะทำอย่างไร
    ...อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ...    เขาคิด
    หญิงสาวในชุดนักศึกษาทรุดลงร้องไห้กับพื้น  เพียงครู่เธอก็หยุดแล้วลุกขึ้นมามองหน้าเขาเขม็ง
    “แกฆ่าแม่  ไอ้สาระเลว...”  แม้ในมือของเขาจะมีมีดถืออยู่แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอเกรงกลัวมันเลย เธอลุกพรวดถือกระเป๋าพุ่งเข้ามาแล้วทุบมันลงที่ร่างของเขาหลายครั้ง  แต่เขากลับไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกอะไรเลย
    “........” เขากลับยิ้มมุมปากด้วยความคิดที่ว่าเมื่อครู่คงต้องเข้าไปฆ่าเธอที่เห็นเหตุการณืเสียแล้ว  แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับเข้ามาประชิดตัวขนาดนี้
    “แก  ไอ้เลว ไอ้ชาติชั่ว..ไอ้...” เธอสบถคำด่าอันหยาบคายที่พอจะคิดได้ออกมาใส่หน้าเขาพร้มยังรัวกระเป๋าทุบลงที่ร่างเขาไม่ยั้ง
    “น่ารำคาญชะมัด!!”
    ...ฉึก!!!...
    ร่างของหญิงสาวที่กำลังถือกระเป๋าเงื้อมือสูงนั้นค่างเติ่งทันที  นัยน์ตาเบิกโพลงความเจ็บปวดแล่นสู่สมองทันทีเมื่อมีดทำครัวอันเดิมถูกแทงเข้าไปที่กลางลำตัวของเธอ  เธอทรุดล้มลงนอนกับพื้น แต่สติยังคงไม่ได้หลุดลอยไป  คงเพราะว่าเธอยังเป็นวัยรุ่นสินะ
    “อึก  แก๊  ไอ้ชั่ว  เดนนรก  อ๊อก...”
    “ฮึ่!  ยังมีแรงมาปากมากอีกนะแม่หนูน้อย  งั้นก็อย่าพูดเลย  มันฟังไม่รู้เรื่อง” เขายิ้มหยามๆแล้วจรดปลายมีดลงกับพื้นข้างๆต้นคอของเธอแล้วกรีดลากเป็นทางยาวขนานกับลำคอของเธออย่างช้าๆ  เสียงอ่อกแอ่กดังขึ้นมาทันทีที่คมมีดกรีดลงคอหอยของเธอ  เลือดจำนวนมากไหลทะลักสู้แรงมีด  เธอกระตุกสองครั้งแล้วแน่นิ่งไป
    เขาเงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวาแล้วพุ่งตัวออกทางประตูมุ้งลวดใกล้ๆกัน
    ห้านาทีต่อมา
    เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดเดินขึ้นมาบนบ้านด้วยท่าทีที่อารมณ์ดีเพราะเขาฮัมเพลงมาตลอดตั้งแต่ประตูหน้าบ้าน เปิดประตูบ้านเข้ามาแล้วเอ่ยทักทายคนในบ้านด้วนรอยยิ้ม
    “แม่ครับ  พี่ครับ  เนรศกลับมาแล้วครับ...”
    “.........” ไม่มีเสียงตอบรับใดๆทั้งสิ้นทั้งๆที่ปกติเสียงที่เขาจะต้องได้ยินกลับมาคือ  กลับมาแล้วเหรอ  ไม่ก็  กินข้าวมาหรือยัง
    เขาไม่เก็บความสงสียเอาไว้เด็ดขาดพุ่งพรวดเข้าในในตัวบ้านทันทีและสิ่งที่พบก็คือ...
    “แม่  พี่!!  ไม่....................”เขาหมดสติลงตรงนั้นทันทีโดยที่ไม่ได้เข้าไปหาร่างของแม่และพี่สาวของเขาที่นอนอยู่ร่างกลางเตียงสีเลือดที่ฉาบไปทั่วพื้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×