คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
เช้านี้แฮร์รี่ พอตเตอร์เพิ่งได้รับจดหมายเชิญให้กลับไปเรียนปีการศึกษาสุดท้ายจากโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์เป็นฉบับที่สาม เพื่อนสนิทของเขา เฮอร์ไมโอนี่ตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดขณะที่รอนลังเลเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมกลับไปเรียนต่อตามคู่หมั้น เหลือก็แต่แฮร์รี่ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเพราะเขารู้สึกว่าอยากใช้ชีวิตในโลกมักเกิ้ลมากกว่า
“นมจะหมดอีกแล้ว” เด็กหนุ่มพึมพำเมื่อพบว่านมจืดในตู้เย็นเหลือไม่พอสำหรับอาหารเช้ามื้อถัดไป
หลังจากรักษาตัวจนหายดีแฮร์รี่ก็ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตในโลกมักเกิ้ล นอกจากบ้านโพรงกระต่ายแล้วก็แทบไม่ได้ไปเหยียบส่วนไหนของโลกเวทมนตร์อีก เขาไม่ได้กลับไปที่กริมโมลด์เพลซแต่กลับหาที่พักใหม่ในลอนดอนแทนเพราะสำหรับแฮร์รี่แล้วการไปบ้านตระกูลแบล็กมีแต่จะทำให้คิดถึงพ่อทูนหัวของเขามากขึ้น
ตอนแรกแฮร์รี่ไม่ได้คิดว่าจะเอ้อระเหยนานขนาดนี้จึงถอนเงินจากกริงกอตส์ไม่เยอะนัก เงินมักเกิ้ลที่แลกไว้ใกล้จะหมดเต็มทีแล้วและแฮร์รี่ก็ไม่อยากถอนเงินออกจากเซฟไปมากกว่านี้ เขาคิดว่าตัวเองควรเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างสักทีหลังจากใช้ชีวิตอย่างไร้จุดมุ่งหมายมาเกือบสามเดือน แม้จะเป็นหุ้นส่วนร้านเกมกลวีสลีย์อยู่แล้วแต่เขาก็เคยคิดเรื่องเปิดธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ไม่ต้องขายดิบขายดี แค่ช่วยให้มีอะไรทำนอกเหนือจากการนอนมองเพดานก็พอ
“ว่าไง เฮอม” เด็กหนุ่มรีบกดรับสายทันทีที่เห็นชื่อของเพื่อนรักบนหน้าจอ เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนเดียวที่ใช้โทรศัพท์มือถือ รอนเองก็มีเครื่องหนึ่งแต่เจ้าตัวไม่เคยใช้มันสักครั้ง ไม่แน่นะ เพื่อนของเขาอาจจะทำหายไปแล้วก็ได้ คุณวีสลีย์—พ่อของรอน—ชอบโทรศัพท์มือถือมาก เขาอยากซื้อเป็นของตัวเองสักเครื่องแต่ดันไม่มีใครให้โทรหา
“เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า”
“ไม่ ทำไมเหรอ”
“ฉันแค่จะโทรมาถามว่าเธอเปลี่ยนใจหรือยัง”
“อีกแล้วเหรอ” แฮร์รี่ขำใส่ปลายสาย เขาพูดเรื่องนี้จนเบื่อแล้ว แม้จะเคยปฏิเสธไปหลายต่อหลายครั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงโทรมารบเร้าให้ตัดสินใจใหม่อยู่ร่ำไป
“อย่าพูดแบบนั้นสิ ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะเปิดเทอม เธอลองคิดเรื่องนี้ดูอีกสักรอบสองรอบก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่จริงไหม อีกอย่างฉันกับรอนก็ไปด้วย เธอไม่เหงาหรอก”
“ฉันไม่ได้กลัวเหงาสักหน่อย ฉันแค่ไม่อยากกลับไป”
“แต่แฮร์รี่ เธออยากเป็นมือปราบมารมาตลอด—”
“ฉันปราบไปแล้ว” แฮร์รี่พูดติดตลกแม้จะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น
“แต่เธอก็ไม่ได้ปราบจนหมดนี่ใช่ไหม”
แฮร์รี่เงียบ รอฟังว่าคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่จะงัดไม้ไหนมาใช้
“กลับไปเรียนกับพวกเราเถอะแฮร์รี่ อย่างน้อยเธอก็ควรจะเรียนต่อให้จบนะ อย่าลืมสิ เธอไม่มีใบจบจากโรงเรียนมักเกิ้ลด้วยซ้ำ”
“มันไม่จำเป็นสักหน่อย”
“เธอต้องกำลังล้อฉันเล่นอยู่แน่”
“เปล่านี่ ก็ถ้าฉันเป็นเจ้าของธุรกิจเองไง” แฮร์รี่อมยิ้ม รู้ดีว่าสำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้วการศึกษาสำคัญแค่ไหน
“ฉันไม่อยากคุยกับเธอแล้ว ไม่รู้ล่ะ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกลับไปเรียนต่อ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอเอาแต่จมในอยู่แฟลตเน่า ๆ นั่นแน่”
“ค่าเช่ามันตั้ง—เฮอม! เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ถอนหายใจหลังถูกเพื่อนรักตัดสาย ไม่ว่าจะทำยังไงเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ยอมเลิกเรียกห้องพักสองห้องนอนของเขาว่าแฟลตเน่า ๆ สักที แฮร์รี่ลำบากอยู่นานกว่าจะเจอห้องที่ถูกใจและอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เพราะเขาซื้อนกฮูกตัวใหม่แล้วเพื่อที่จะได้ไม่ขาดการติดต่อกับคนโลกเวทมนตร์ เจ้าเฮนน่าเป็นนกฮูกหิมะเหมือนเฮ็ดวิก ต่างกันแค่เฮนน่ามีแต้มสีดำเยอะกว่า
แฮร์รี่เก็บโทรศัพท์มือถือเข้ากระเป๋า หยิบปากกากับใบเสร็จร้านอาหารเดลิเวอรี่มาจดรายการของที่ต้องซื้อก่อนจะคว้ากุญแจรถยนต์แล้วเดินออกจากห้องพัก เขาคิดถึงรสชาติซุปข้าวโพดของร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปครึ่งเมือง หลังซื้อของเสร็จ ขอแวะไปกินข้าวที่นั่นด้วยเลยแล้วกันเพราะแฮร์รี่เบื่ออาหารสำเร็จรูปในตู้เย็นเต็มทน
“สวัสดีแฮร์รี่” เพื่อนบ้านประตูถัดไปทักเขา คุณนายชอว์คือสตรีวัยหกสิบปีผู้มีผมสีดอกเลาและใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“สวัสดีครับคุณนายชอว์” แฮร์รี่ทักทายกลับไป เดาว่าเธอคงเพิ่งกลับจากการเอาขยะไปทิ้ง
“ฉันอบบิสกิตไว้ รอตรงนี้เดี๋ยวหนึ่งนะ ฉันจะไปหยิบมาให้”
“เอ่อ.. ครับคุณนายชอว์” แฮร์รี่ยิ้มและยืนรออยู่หน้าประตูห้องที่ถูกแง้มไว้เล็กน้อย เพื่อนบ้านคนนี้มักจะนำอาหารมาแบ่งให้เสมอ เขาเคยปฏิเสธไปแล้วเพราะรู้สึกเกรงใจแต่คุณนายชอว์ก็ยังคงทำแบบเดิม แฮร์รี่จึงทำได้แค่รับน้ำใจและซื้อขนมติดมือมาฝากเธอและสามีบ้างเป็นครั้งคราว
“เอานี่ ไปแบ่งกันทานกับแฟนของเธอนะ”
“ผมไม่มีแฟนนะครับ” แฮร์รี่รีบปฏิเสธ
“ตายจริง แล้วแม่หนูคนนั้นล่ะ” คุณนายชอว์พูด เธอดูตกใจและเขินอายในเวลาเดียวกัน แฮร์รี่เดาว่าคนที่เธอพูดถึงคงจะเป็นเฮอร์ไมโอนี่แน่เพราะรายนั้นน่ะชอบโผล่มาเกลี้ยกล่อมเขาให้กลับไปเรียนต่อบ่อย ๆ
“เราเป็นแค่เพื่อนกันครับ เธอหมั้นกับเพื่อนอีกคนของผม จำได้ไหมครับ ผู้ชายผมแดงที่มีกระบนหน้า”
“พ่อหนุ่มนั่นน่ะเหรอ” หญิงชราเลิกคิ้ว เธอทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรนิดหน่อยก่อนจะพูดต่อ “พวกเขาหมั้นกันแล้วงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ”
“โอ้ ความรักของหนุ่มสาว” คุณนายชอว์หัวเราะเบา ๆ พูดอะไรอีกสองสามประโยคก่อนจะปล่อยให้แฮร์รี่ไปทำธุระต่อ เขาจึงบอกลาเธอแล้วเดินอย่างไม่เร่งรีบมาที่ลิฟต์เพื่อลงไปยังลานจอดรถ
แฮร์รี่ซื้อรถยนต์ก่อนจะหาห้องพักได้ด้วยซ้ำ เฮอร์ไมโอนี่ไม่เห็นด้วยสักนิด เธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ความจริงในตอนแรกเขาเองก็ไม่อยากจะใช้เงินไปกับพาหนะคันนี้สักเท่าไรเพราะเขามีทั้งไม้กวาดและเครือข่ายฟลูอยู่แล้ว แต่หลังจากสองอาทิตย์ที่ไม่สามารถเอาภาพมันออกจากหัวได้ แฮร์รี่ก็ตัดสินใจซื้อและตื่นขึ้นในเช้าวันถัดมาพร้อมความรู้สึกผิดแต่พอเวลาผ่านไปเขาดันชอบและรู้สึกคิดถูกที่ซื้อมาแทน
หลังสงครามจบลง หลายสิ่งก็เปลี่ยนไป
แฮร์รี่บังเอิญเจอดัดลีย์ครั้งหนึ่งบนรถไฟใต้ดิน ญาติวัยไล่เลี่ยกันนิสัยเปลี่ยนไปหลังเข้ามหาลัย หลังจากนั้นพวกเขาก็แลกเปลี่ยนจดหมายกันสองสามครั้ง เป็นข้อความสั้น ๆ ไม่มีใจความอะไรมากไปกว่าถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ความสัมพันธ์ของเขากับญาติดีขึ้น แฮร์รี่ไปเยี่ยมครอบครัวเดอร์สลีย์นับครั้งได้ ลุงเวอร์นอนยังคงไม่ชอบหน้าเขาอยู่ ลุงชอบทำเสียงฮึดฮัดเวลาเห็นหน้าเขาแต่ก็ยอมร่วมโต๊ะอาหารเย็นด้วย ป้าเพ็ตทูเนียเองก็เหมือนจะทำใจยอมรับเขาเป็นหลานได้แล้วเช่นกัน
แฮร์รี่ยกโทษให้ครอบครัวเดอร์สลีย์ ไม่ได้รู้สึกแค้นเคืองอะไรต่อกันอีกแล้ว พอย้อนกลับไปเขาก็เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันเข้าใจ ลุงกับป้าคงโกรธมากและอาจจะรู้สึกไม่ยุติธรรมด้วยที่จู่ ๆ เช้าวันหนึ่งก็มีตะกร้าเด็กทารกมาวางหน้าประตูพร้อมจดหมายขอให้เลี้ยงดู
“ฉันเคยสาบานว่าจะไม่มีวันให้เธอรู้เรื่องเวทมนตร์” ป้าเพ็ตทูเนียพูดกับเขาในบ่ายวันหนึ่ง “แต่เธอก็รู้เข้าจนได้”
“ทำไมครับ” แฮร์รี่ถามออกไป ป้าหันมามองเขาด้วยสายตาตำหนิ เธออิดออดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“ตอนนั้นดัดลีย์ก็ไม่ได้อายุมากไปกว่าเธอ ฉันยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเขาจากเรื่องพวกนั้น”
แฮร์รี่หลบสายตา แก้มร้อนขึ้นมาด้วยความละอายใจ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน สิ่งที่ป้าทำคือความรักของแม่ที่อยากให้ลูกชายของเธอปลอดภัยแม้จะต้องแลกกับอะไรก็ตาม เขาเพิ่งจะเข้าใจในตอนนั้นเองว่าป้าเพ็ตทูเนียก็ไม่ได้ต่างอะไรกับแม่ของเขา น้องสาวของเธอ ป้าจะทำหน้ายังไงนะถ้าแฮร์รี่พูดออกไปว่าเธอเหมือนน้องสาวแค่ไหน
“เรื่องเหลวไหลนั่นขโมยทุกอย่างไปจากฉัน” เธอพูด
แฮร์รี่เห็นความเจ็บปวดในแววตาของป้าเพ็ตทูเนีย เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากปากผู้หญิงคนนี้ เด็กหนุ่มยกชาขึ้นมาจิบเมื่อรู้สึกทำอะไรไม่ถูกและไม่รู้ว่าควรต่อบทสนทนายังไง
หลังจากเงียบอยู่นานจู่ ๆ ป้าก็หันมามองหน้าเขา แวบนึ่งแฮร์รี่สาบานได้ว่าเขาเห็นความเมตตาซ่อนอยู่ในดวงตาของเธอ เป็นแววตาแบบที่แฮร์รี่อยากให้ป้าเพ็ตทูเนียใช้มองเขาสักครั้งตอนยังเด็ก
ปี๊น!
แฮร์รี่หลุดจากภวังค์เพราะเสียงแตรของรถคันหลัง แก้มของเขาขึ้นริ้วสีแดง เด็กหนุ่มรีบออกรถก่อนจะมีเสียงแตรดังขึ้นอีก ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็มาถึงจุดหมายปลายทาง แฮร์รี่จอดรถ ล้วงใบเสร็จออกมาตรวจรายการของที่ต้องซื้ออีกครั้งแล้วจึงค่อยเดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต
เช้านี้ตอนที่ตื่น แฮร์รี่คิดว่าวันนี้คงจะเป็นแค่วันธรรมดา ๆ อีกวันในชีวิต แต่เปล่าเลย สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าไม่ปกติเลยสักนิด เขาเดินวนไปมาในล็อกอาหารสำเร็จรูปเกือบสิบนาทีแล้วและแฮร์รี่สาบานว่าเขาเห็นเดรโก มัลฟอยยืนเลือกสินค้าอยู่ไม่ไกล ถึงแม้จะเห็นแค่ด้านหลังแต่แฮร์รี่ก็จำได้ดีว่าเป็นใคร มองจากสายตาคนนอกแล้วภาพเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนเลือกซื้อผลไม้แห้งคงไม่ได้แปลกอะไรแต่มัลฟอยจะไปต้องการอะไรจากซูเปอร์มาร์เก็ตของมักเกิ้ลกัน
แฮร์รี่สวมฮู้ดก่อนจะดันรถเข็นเข้าไปใกล้เป้าหมายโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นเลือกไม่ได้ว่าอยากซื้ออะไรมากกว่ากันระหว่างถั่วกระป๋องกับมะเขือเทศกระป๋อง ไม่นานนักเขาก็เห็นชายท่าทางซอมซ่อเหมือนคนไร้บ้านเดินเข้าไปใกล้มัลฟอย พวกเขาพูดคุยกันโดยที่ไม่ได้หันไปมองคู่สนทนา แฮร์รี่หายใจติดขัดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นสัญลักษณ์ผู้เสพความตายบนข้อมือของทั้งสองคน
บ้าน่า โวลเดอมอร์ตายไปแล้ว ตรามารก็ควรหายไปด้วยสิ
เด็กหนุ่มขบริมฝีปากด้วยความข้องใจ แฮร์รี่อยากเข้าไปใกล้กว่านี้เพราะแทบไม่ได้ยินเลยว่าสองคนนั้นกำลังคุยเรื่องอะไรกัน เวลาผ่านไปพักใหญ่ก่อนที่มัลฟอยจะหยิบถุงแครนเบอร์รี่อบแห้งจากชั้นวางสินค้าแล้วตรงไปยังเคาน์เตอร์ชำระเงิน แฮร์รี่เห็นแบบนั้นจึงรีบไถรถเข็นตามไปทันทีแต่แถวชำระเงินที่ยาวกว่าทำให้เขาคลาดกับมัลฟอยจนได้ จะเห็นก็แต่แผ่นหลังของคนผมบลอนด์ที่เดินหายไปหลังมุมถนนก็เท่านั้น
“บ้าชะมัด” แฮร์รี่พึมพำอย่างเสียดาย เขาอยากตามมัลฟอยไปแต่ดันถือข้าวของอยู่เต็มมือ เด็กหนุ่มถอนหายใจ ตัดสินใจเดินกลับไปที่รถเมื่อไม่สามารถทำอะไรได้อีก แฮร์รี่ปลดล็อกรถ วางสัมภาระทั้งหมดไว้บนเบาะข้างคนขับก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์
“ไม่มีอะไรทำหรือไง”
“เฮ้ย!” แฮร์รี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ เงยหน้ามองกระจกมองหลังก็เห็นมัลฟอยนั่งไขว่ห้างอยู่กลางเบาะ ในมือยังถือถุงแครนเบอร์รี่อบแห้งที่เพิ่งจะซื้อมาเอาไว้ด้วย “นายขึ้นมาได้ยังไง”
“ฉันเป็นพ่อมด”
“ฉันหมายถึง—ช่างเถอะ แต่ฉันจะช่วยบอกให้เผื่อนายไม่รู้ว่าที่ทำอยู่เรียกว่าบุกรุก”
“อือฮึ แล้วยังไง”
“ฉันแค่คิดว่านายจะมีมารยาทมากกว่านี้” แฮร์รี่ขมวดคิ้ว
“โอ้ เชื่อสิว่าฉันเป็นคนมีมารยาทแต่ครั้งนี้นายแส่ไม่เข้าเรื่องก่อนเองพอตเตอร์” ถึงคำพูดคำจาจะร้ายกาจแต่สีหน้าของเดรโกกลับเรียบเฉยต่างจากทุกทีที่มักจะยกยิ้มเย้ยหยัน
“เดี๋ยวนะ นายรู้ตัวงั้นเหรอ” แฮร์รี่เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะระมัดระวังตัวตลอดเวลาขนาดนี้
“ฉันคงจะตาบอดถ้าไม่เห็นคนที่มีพิรุธขนาดนั้น”
“ลงไปจากรถซะ มัลฟอย” แฮร์รี่พูด
“ฉันไปแน่” เดรโกตอบ เขาเลื่อนสายตามาจ้องดวงตาสีเขียวของคนขับผ่านกระจกมองหลัง “อ้อ แล้วก็นะ นอกจากสร้างปัญหากับยุ่งเรื่องของคนอื่นแล้วนายควรจะหาอย่างอื่นทำบ้าง”
พูดจบชายผมสีสว่างก็หายตัวไปจากตรงนั้นทันที เร็วมากเสียจนแฮร์รี่หาคำมาตอกกลับไม่ทัน เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว กระทรวงเวทมนตร์ตัดสินไม่ให้ครอบครัวมัลฟอยใช้เวทมนตร์นอกที่พักจนกว่าจะพ้นทัณฑ์บนแต่สิ่งที่หมอนั่นเพิ่งทำคือหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเขา
แฮร์รี่นั่งตัวแข็งเหมือนโดนคาถาสะกดนิ่ง ทำไมมัลฟอยคนลูกถึงทำผิดทัณฑ์บนล่ะ แล้วรอยนั่นไม่ใช่ว่าหายไปพร้อมการตายของเจ้าแห่งศาสตร์มืดหรอกเหรอ
แฮร์รี่เคยเห็นผู้เสพความตายคนอื่นที่กระทรวงเวทมนตร์ แม้ตอนนั้นเขาจะเหนื่อยและยังโศกเศร้าเกินกว่าจะสนใจเรื่องความเป็นไปของผู้เสพความตายแต่แฮร์รี่รู้ว่าคนเหล่านั้นไม่มีตรามารบนท้องแขนอีกแล้ว
แฮร์รี่ขมวดคิ้ว เดี๋ยวสิ มัลฟอยไม่มีรอยนั่นแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขาเจอกันบ่อย ๆ ช่วงที่ครอบครัวมัลฟอยต้องขึ้นศาล ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายมักจะใส่แต่เสื้อแขนยาวแต่แฮร์รี่ก็แอบเห็นว่ามันไม่มีรอยอะไรอยู่บนท้องแขนของเจ้านั่นทั้งนั้น
ให้ตาย ต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ เขาคงปลีกตัวจากโลกเวทมนตร์มานานเกินไปแล้วมั้งถึงไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย แฮร์รี่อยากโทรศัพท์ไปหาเพื่อนที่บ้านโพรงกระต่ายมันเสียตอนนี้ เขาอยากรู้จะแย่แล้วว่าทำไมตรามารถึงยังไม่หายไปและทำไมมัลฟอยถึงต้องถ่อมาซื้อแครนเบอร์รี่อบแห้งถึงลอนดอน
แฮร์รี่ถอนหายใจก่อนจะขับรถกลับแฟลตอย่างเซ็ง ๆ เมื่อพบว่ามัลฟอยพูดถูก
ใช่ เขามันชอบหาเรื่องใส่ตัวจริง ๆ
***
ความคิดเห็น