คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ::marry me. -01 ครบ100%แล้วงืมมมมม
::Marry me::
Marry me
ผมว่าเราเข้ากันไม่ได้
นักเขียนโลกสวย กับ คุณสัตวแพทย์ผู้เขร่งขรึม เราจะเข้ากันได้ยังไง..?
นั้นสิผมก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าเราจะเข้ากันได้ยังไง ทั้งๆที่เรากำลังจะแต่งงานกันแล้วแท้ๆนะ...
ผมชื่อ บยอนแบคฮยอนครับ เป็นนักเขียนนะ เพิ่งเข้าวงการหนังสือไปได้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่งานเขียนของผมกลายเป็นที่นิยมทั้งๆที่เป็นนักเขียนหน้าใหม่ อายุแค่ 17 เท่านั้น เป็นนักเรียน ม.ปลายปีสุดท้ายครับนักเรียนม.ปลาย ที่กำลังจะแต่งงาน! นี่มันอะไรกันพระเจ้า ถึงผมจะโลกสวยแต่ผมก็ไม่พร้อมกับอะไรแบบนี้หรอกนะ ถึงแม้เจ้าบ่าวของผมจะหล่อมากๆก็ตามเถอะ แต่ความจริงผมความจะเป็นเจ้าบ่าวสิครับ ถึงจะ ตัวเล็ก เอวบาง ปากแดง หน้าตาเหมือนผู้หญิงที่เพื่อนสนิทเรียกพวกเธอกลายๆว่าแก๊งชะนีก็ตามทีเหอะ
“ม๊า แบคว่าแบคไม่พร้อม”
“พร้อมสิลูกรัก พี่ชานยอลทั้งหล่อ ใจดี ถึงจะมีอายุไปหน่อยแต่หน้าใส่อย่างกับเด็ก 18 หน้าที่การงานมั่นคง แถมยังเป็นสุภาพบุรุษเหมาะกับแบคฮยอนลูกของม๊าสุดๆ”
แม่ของผมนางก็ยังคงนั้งบรรยายสรรพคุณของว่าที่ลูกเขยคนเก่งให้ผมฟัง ถึงผมจะพยามเปลี่ยนเรื่องก็ตามเถอะ เหอะ บยอนแบคฮยอนขัดคุณแม่ได้ด้วยหรอครับ ถึงหน้าตาจะจิ้มลิ้มแต่นิสัยไม่ได้บ๊องแบ๊วตามหน้าตาหรอกนะครับ สายดำฮับกิโดไม่อยากโม้แต่ขอโม้หน่อยเถอะ ตอนเด็กๆคุณแม่อยากได้ลูกผู้หญิงแต่โชคร้าย บยอนแบคฮยอนคนดีเกิดออกมาเป็นเด็กผู้ชายตาโต หน้าตาน่ารัก โตมาคุณแม่เลยจับให้ผมเรียนทำขนม การบ้านการเรือน ราวกับเตรียมตัวเป็นแม่บ้าน โตมาหน่อยคุณพ่อเห็นว่ายังไงซะก็เป็นเด็กผู้ชายควรเรียนอะไรพวกนี้ไว้ป้องกันตัวด้วย และแน่นอนบยอนแบคฮยอนทำได้ดี
“แต่แบคเป็นผู้ชายนะ”
“แล้วยังไงพี่เค้าก็เป็นผู้ชาย เค้ายังไม่มีปัญหาที่ต้องมาแต่งงานกับผู้ชายเลย”
“ม๊าไม่เข้าใจแบคเลยอะ ฮือ”
ผมได้แต่นอนดิ้นดีดอยู่อย่างนั้น ทำไมแม่ไม่เข้าใจแบค พูดแล้วมันก็น่าโมโหนักตั้งแต่รู้ว่าจะต้องมีคนเข้ามาใช้ชีวิตร่วมด้วยอีกหนึ่งคน แม่ก็พูดกลอกหูผมทุกวันว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วเราสองคนคงต้องเข้ากันดี มันจะเข้ากันได้ยังไงนะ แบคฮยอนเป็นนักเขียนโลกสวยอยู่กับนิยายเพ้อฝัน แต่คุณพี่ชานยอลอะไรนั้นเป็นคุณสัตวแพทย์หนุ่มอายุ30ผู้มาดนิ่งเขร่งขรึม ผมมองยังไงเราสองคนก็ไม่มีวันเข้ากันได้หรอก เชอะ!
วันเวลามันผ่านไปเร็วนะครับ เผลอแป้บเดียวผมก็โดนจับใส่ชุดเจ้าสาว(แม่บอก)ที่เหมือนชุดเจ้าบ่าวเสียมากกว่าแน่สิครับ ก็ผมเป็นผู้ชาย จะให้ใส่เกาะอกกระโปรงฟูฟ่องมันก็ไม่ใช่เรื่องปะครับ แค่ตัวผมเองต้องมาแต่งงานกับผู้ชายด้วยแล้วยิ่งไม่ใช่เรื่อง แต่โลกสมัยนี่มันเปลี่ยนไปแล้วครับ ใครๆก็รับได้ทั้งนั้นแหละ...
การมงคลสมรสระหว่างเราก็ผ่านไปด้วยดีนั้นแหละครับ ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของเจ้าสาววัยกระเตาะที่ถูกบังคับให้แต่งงาน แล้วเขินเจ้าบ่าวทั้งๆที่ไม่ได้รักกันก็วันนี้นี่แหละ เจ้าบ่าวของผมในชุดสูทสีขาวทั้งตัว ผมสีน้ำตาลเข้มถูกเช็ตเอาไว้อย่างดี ต่างจากผมถึงแม้เราจะใส่ชุดสูทสีขาวเหมือนกัน แต่ผมสีม่วงอมแดงเปลือกมังคุดที่ย้อมเพื่อความเกร๋นี่ถูกเช็ตเป็นผมหน้าม้า แลดูน่ารักน่าชัง เมื่อยืนเทียบกันแล้วผมรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กมากเลยแฮะ ไม่หรอกบางทีพี่เค้าคงจะสูงมากเกินไป...
“แบคฮยอนครับตื่นเต้นหรือเปล่า หืมส์”
เสียงทุ่มนุ่มของเจ้าบ่าวตัวสูงปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ที่กำลังวาดฝันถึงจากงานเลี้ยงหรูในโปรเจคนิยายเรื่องใหม่ที่ผมกำลังร่างเรื่องราวเอาไว้ เมื่อวันก่อน
อ่าส์ ตอนแรกก็ไม่ตื่นเต้นหรอกครับ แต่พอพี่ทักแบคฮยอนก็เขินเลยแหละ...
“ม...ไม่ครับ แค่ไม่ชอบที่คนเยอะๆนิดหน่อย”
“พี่ก็ไม่ชอบนะ...เราน่าจะเข้ากันได้ดี”
โอ๊ยกรี๊ดแบคฮยอนอยากจะกรี๊ดดดดดดดด อย่ายิ้มให้กันแบบนี้เลยครับเจ้าบ่าวสุดหล่อของผม ตอนแรกก็รู้สึกเฉยๆนะ ก่อนแต่งงานกันก็เคยเจอกันบ้างประปราย คุยกันนิดๆหน่อยๆ พี่เค้าหล่อครับผมยอมรับ แต่ออกจะมาดนิ่งเขร่งขรึมไปหน่อย พูดน้อยต่างจากผมที่พูดได้ทั้งวัน เค้าบอกคนพูดมากเป็นคนมีเสน่ห์ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรต่ออย่างที่บอกพี่เค้าเป็นคนพูดน้อย ผมได้แต่ยิ้มไปให้พี่เค้า เราจับมือกัน มือพี่เค้าใหญ่มากจริงๆแต่ผมรู้สึกอบอุ่นนะอยู่กับพี่เค้าผมกลายเป็นเด็กตัวเล็กๆไปเลยแหละ XD ผมเห็นสายตาสาวๆในงานต่างส่งสายตาประมาณว่า สุดท้ายอีนี่ก็คาบไปแดรก ครับ ผมภูมิใจนะก็เจ้าบ่าวหล่อไง จากตอนแรกความไม่อยากแต่งงาน 100% เต็ม แต่ตอนนี้คงเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นแล้วละ ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของเจ้าสาวตอนโดนเชียร์ให้จูบกันกลางแขกนับร้อย ถึงผมจะแอบ กร้านโลกมาพอสมควรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหน้าด้านขนาดนั้นหรอกนะครับ
คุณคิดว่าผมจะฟินนาเร่ขนาดไหนตอนริมฝีปากนั้นแตะลงมาเบาๆบนริมฝีปากของผม ไม่มีการรุกล้ำแต่อย่างได้มีแต่สัมผัสละมุนแผ่วเบา ผมแทบล้มทั้งยืน เราจูบกันต่อหน้าแขกที่มาในงานนับร้อยคน มองตากัน จับมือกัน ทำอะไรเหมือนที่คู่แต่งงานปกติทำกัน ทั้งๆที่เราแทบจะไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำไป งานล่วงเลยมาจนถึงช่วงสุดท้าย ช่วงเวลาที่ใครหลายคนรอคอย การเข้าหอ ตลอดชีวิตบยอนคนดีก็นอนกับคุณพ่อคุณแม่มาตลอด จะให้มานอนกับคนอื่นมันก็ต้องเขินอายเป็นธรรมดาปะครับ งือออ
แขกในงานต่างก็ทยอยกันกลับ บางคนงกหน่อยก็เอาถุงพลาสติกที่พกมาตักอาหารในงานกลับบ้านไรงี้ครับ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก ของมันเหลือกินเหลือใช้ ที่สิ่งที่ทำให้ผมมายืนหน้าบูดอยู่หน้างานนี่ก็เพราะนี่เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าๆที่ผมควรจะได้อาบน้ำให้สบายตัวแล้วนอนกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียงไม่ใช่หรือครับ ไม่ใช่มาฟังโอวาทการใช้ชีวิตคู่อะไรนี่ ป๊าครับม๊าครับ ไม่เข้าใจแบคเลยอะฮึก
ญาติผู้ใหญ่ของเราทั้งสองฝ่ายพูดไม่นานก็ขอตัวกลับบ้าน ให้เหตุผลสั้นๆว่า
‘ม๊าไม่อยากอยู่นานๆมันเสียเวลา ม๊าอยากได้หลานไวๆ’
ครับ ถ้าแบคมีมดลูกแม่คงได้หลานตั้งแต่แบค15แล้วละครัช
หลังจากทุกคนกลับไปก็เหลือแค่เราสองคน พูดแล้วก็อดเขินไม่ได้อะ เกิดมาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงที่จะเสียตัวมากขนาดนี้มาก่อน ถ้าถามว่าชอบมั๊ย เรียบร้อยๆแบบแบคฮยอนที่ถูกปลูกฝังมาอย่างดีต้องบอกเลยครับว่า กูตื่นเต้นมากกกกกกกก ลองมาอยู่ในห้องกับผู้ชายหล่อๆ สองต่อสองที่ตอนนี้สถานะของเรากลายเป็นสามีภรรยากันแล้วดูสิครับ ชุดนอนก็เข้ากับบรรยากาศฝนตกพรำๆนี่ก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน เสื้อเชิตบางๆสีขาวกับกางเกงขาสั้นนี่เป็นอะไรที่นางเอกละครใส่ทีไรก็เสียตัวทุกทีจริงๆ เฮ้ออ
“แบคฮยอนครับ ตอนนี้ เอ่อ...เราอยู่ในฐานะ สามีภรรยากันแล้ว ทั้งๆที่เรายังไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำ เรารู้สึกอึดอัดบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ครับ...อยู่กับพี่แล้วแบครู้สึกดีนะ”
เราไม่เหมือนคู่รักคู่อื่น เราไม่ได้รักกันมาก่อน เราแทบไม่รู้จักตัวตนของกันและกันเลยด้วยซ้ำไป ความจริงตอนแรกก็ผมรู้สึกไม่ชอบพี่เค้าด้วยซ้ำไป เพราะผมไม่ชอบผู้ชายขี้เก็ก พูดน้อยหน้านิ่ง ไม่สนใจโลก ตอนเจอกันครั้งแรก ผมบอกได้เลยว่าความประทับใจในตัวพี่เค้าติดลบนะครับ แต่เมื่อมาสัมผัสตัวตนจริงๆแล้ว ทำไมถึงน่ารักแบบนี้ละครับ งือออออออ
“เราลองมาศึกษากันดูดีไหมครับ”
“...”
“เอ่อ...แบคหมายถึง เราต้องอยู่ด้วยกันอีกน...”
“เวลาพี่อยู่กับแบคฮยอนแล้วพี่มีความสุขนะ”
“.....”
อย่าหาว่าแรดเลยครับ ตอนแรกก็ไม่ชอบหรอกที่โดนจับแต่งงานกับใครก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ยอมรับเลยว่าพี่เค้าน่ารักมากจริงๆนะ เวลาอยู่กับคนเยอะๆเค้าจะดูนิ่งๆขรึมๆซึ่งผมไม่ชอบ แต่ใครจะไม่รู้ละว่าเวลาอยู่ด้วยกันสองคนเค้าจะเปลี่ยนจากหลังเท้าเป็นหน้ามือแบบนี้ โอ๊ยยเขินอะ หวั่นไหว หัวใจอ่อนแออะบอกเลย
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ เงียบมากจนได้ยินเสียงฝนตกข้างนอกห้อง เสียงเครื่องปรับอากาศเลยด้วยซ้ำ ระยะห่างของเราสองคนบนเตียงค่อยๆเนียนเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ แบบนี่มันเสี่ยงนะ เสี่ยงที่ผมจะเผลอใจนะสิ! ไม่ได้นะ บยอนแบคฮยอนหยุดเคลิ้มกับใบหน้าหล่อๆนั้นซักทีเถอะ นายเพิ่งอายุ 17 นะโว๊ยยยยยย
“ตัวเล็กมากเลยรู้มั๊ย...”
“...”
“มือเล็กๆนี่อย่าทำงานหนักๆเลยนะครับ”
“...”
“ต่อไปนี้...ให้พี่ดูแลแบคฮยอนเถอะนะครับ”
ปุ๊งงง! แบคฮยอนน็อคเอาท์ ตายอะตายสนิท หัวใจอ่อนแอ ต้องการ ปาร์ค ชานยอลมาดูแลด่วนๆเลยครับฮือออออออออ
ผมไม่ได้ตอบอะไรพี่ชานยอลกลับไป ได้แต่นั้งเขินตัวบิด แอบเห็นสายตาที่พี่ชานยอลมองมาด้วยอะ อบอุ่นเป็นบ้า ให้ตายนี่มันพระเอกนิยายของผมชัดๆเหอะ สาบานว่าผู้ชายคนนี้อายุ 30 อะนะ ไหนจะร่างกายที่สมส่วนนั้นอีก
ขอลวนลามเจ้าบ่าวซักคืนด้วยการนอนจับมือ พี่เค้าคงไม่หาว่าผมแรดหรอกนะ
ผมว่าตอนนี้ผมกำลังตกหลุมรักแล้วละครับ....
.
.
.
.
.
.
50%
ผมว่าเราน่าจะเข้ากันได้
ความจริงตอนแรกผมไม่ได้คิดแบบนั้น ตอนที่โดนเรียกตัวกลับโซลเรื่องงานแต่งนี่ ผมตอบปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลยจริงๆ แม่กำลังคิดอะไรอยู่ จับผมแต่งงานกับเด็กอายุ 17 เสี่ยงคุกไปมั๊ยครับ
คุณรู้มั๊ยอะไรที่คุณหมอวัย 30 ปี อย่างผมเกลียดมากที่สุด... ความรักไงครับ เพ้อฝัน ผมไม่ชอบเลย มีครั้งนึงที่ผมเคยรู้จักกับมันแต่ก็นั้นแหละ ครั้งแรกแล้วก็ครั้งเดียว ครั้งเดียวที่ความรักทำผมเจ็บปางตายแล้วก็ไม่เคยคิดที่จะเปิดใจรับใครเข้ามาอีก จนกระทังมีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆเดินเข้ามาในชีวิต ผมยอมรับเลยว่ารู้สึกดีกับเค้านะ ไม่เคยมีใครทำให้ผมประหม่าแบบนี้มานานแล้วหละ
มีคนกล่าวเอาไว้ว่าวันเวลามักผ่านไปเร็วเสมอ ผมเชื่ออย่างนั้นนะ ผมสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง พิจรณาชุดเจ้าบ่าวสีขาวของตัวเอง นึกแล้วก็ใจหาย เราสองคนมีเวลาสนิทกันน้อยมากๆ ทั้งๆที่เราควรจะได้ศึกษาตัวตนของกันและกันก่อนแต่งงาน กลับกลายเป็นว่าเราเคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้งก่อนแต่งงาน ไม่เคยออกเดทกันด้วยซ้ำไป คุยกันแค่เรื่องพื้นๆ ผมรู้แค่ว่าเจ้าสาวตัวน้อยของผมชื่อ บยอน แบคฮยอน เป็นนักเขียนอายุ 17 ปี และที่สำคัญเป็นผู้ชาย ส่วนเค้าก็คงรู้แค่ว่า ผมขื่อ ปาร์ค ชานยอล เป็นสัตวแพทย์ อายุ 30 ปี
เจ้าสาวตัวเล็กของผมดูท่าทางประหม่าไม่น้อย เค้าถึงกับเก็บอาการแทบไม่อยู่ สีหน้าที่ดูกังวลนั้นบวกกับใบหน้าที่ติดจะเขินอายตลอดเวลาทำให้เขาดูจิ้มลิ้มน่ารักขึ้นมาเป็นกอง สาบานได้ว่านอกจากลู่หานผมก็ยังไม่เคยเห็นผู้ชายน่าตาน่ารักขนาดนี้มาก่อน
ถึงบยอนแบคฮยอนจะดูอ่อนโยนน่ารัก แต่ก็แอบเปรี้ยวเบาๆด้วยสีผมแสบสันสีแดงอมม่วงเปลือกมังคุดนั้นถูกเซ็ตเป็นผมหน้าม้า ยิ่งทำให้ในหน้าหวานของเค้าดูดีเข้าไปอีกในสายตาของผมนะ ตัวของเค้าเล็กมาก บอบบาง ไหล่แคบ สูงแค่หน้าอกผมเท่านั้นแหละถ้ามายืนเทียบกันจริงๆ
“แบคฮยอนตื่นเต้นหรือเปล่าครับ...หืมส์”
น้องเงียบมากครับเวลาอยู่กับผมสองคน อย่างที่บอกเราไม่สนิทกันไม่คุ้นเคยกัน จะให้น้องร่าเริงก็คงจะแปลก ผมเลยต้องเอ่ยทำลายความเงียบที่กำลังก่อตัวขึ้นช้าๆ อ่า ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่ อยากได้ยินเสียงน่ารักงุ้งงิ้งของเค้ามากกว่าเอาแต่เงียบแบบนี้อะนะ
“ม...ไม่ครับ แค่ไม่ชอบที่คนเยอะๆนิดหน่อย”
“พี่ก็ไม่ชอบนะ...เราน่าจะเข้ากันได้ดี”
เห้ ผมพูดความจริงนะ ผมเป็นคนไม่ชอบอะไรที่คนเยอะๆ วุ่นวายอะไร ไม่ได้พูดเพื่อหยอกน้องให้เขินเล่นแบบนี้หรอกนะครับ ความจริงตอนแรกที่เจอกันผมรู้สึกดีๆกับแบคฮยอนแล้วนะครับ แต่ด้วยความที่เราเป็นผู้ใหญ่อายุมากกว่า จะให้มาทำท่าทางอะไรมากมายมันก็ไม่ดี ผมจึงพยามทำตัวนิ่งๆ เงียบๆ เข้ากลบเกลื่อนความจริงอยากพูดอยากคุย แต่ทำไงได้ละครับ ไม่อยากเขินให้เด็กมันเห็นนี่ ผมยื่นมือไปจับมือแบคฮยอนแล้วกระชับเบาๆ มือเขาเล็กมากจริงๆครับ นุ่มด้วยนะ อะไรกัน อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่ได้เป็นตาแก่โรคจิตที่ชอบหลอกแต๊ะอั๊งนะครับ แต่แบคฮยอนน่ารักเกินไปต่างหาก สายตาของผู้ชายในงานมองมาทางผมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าอิจฉาสุดๆที่ได้แต่งงานกับคนตัวเล็กตรงนี้ แน่สิ เจ้าสาวผมออกจะน่ารักขนาดนี้ใครไม่หลงก็แย่แล้วครับ
การจูบกันของคู่บ่าวสาวในงานแต่งมันไม่ได้พิเศษอะไรมากมายหรอกครับ ถ้านี่ไม่ใช่งานแต่งของผม เสียงเชียร์ของแขกที่มาร่วมงานต่างตะโกนเชียร์ให้เราจูบกัน มันเป็นธรรมเนียมของงานแต่งไปแล้วหรือ แต่ผมเต็มใจทำนะ เพราะมันหมายความว่าผมได้กำไลจากเรื่องนี้ไปเต็มๆ คุณคิดว่าผมรู้สึกยังไง เมื่อริมฝีปากของเราสองคนแตะกัน ไม่รุกล้ำ มีแต่สัมผัสที่แผ่วเบา แต่หอมหวานนั้น อดเปรี้ยวไว้กินหวานนะครับ อย่าทำให้ไก่ตื่นเดี๋ยวเจ้าสาวตัวน้อยจะหาว่าผมเป็นตาแก่ตัณหากลับไปเสียก่อน
ผมแทบจะรอไม่ไหวเมื่อถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ อ่า ผมไม่ได้คิดเรื่องอะไรอย่างว่านะครับ แต่การได้นอนเตียงเดียวกับเจ้าสาวตัวเล็ก บอบบางนี่ ผมแทบจะรอเวลานี้ไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ ไม่ได้คิดจะทำอะไรกับน้องหรอกคืนนี้ ผมรู้ว่าน้องยังไม่พร้อม ขอแค่ได้นอนด้วยกันก็พอแล้วครับ ผมอยากเป็นพี่หมอที่แสนดีในสายตาของน้องอยู่นะครับ ญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายของเราพอให้โอวาทการใช่ชีวิตคู่เสร็จก็ขอตัวกลับบ้าน ให้เหตุผลว่า
‘แม่อยากได้หลานไวๆ’
แม่ครับ ปาร์ค ชานยอล ลูกชายแม่คนนี้เข้าใจนะครับว่าแม่อยากอุ้มหลาน แต่ลูกสะใภ้ที่คุณแม่หามาให้ผมเค้าเป็นผู้ชายนะครับ แต่ผมไม่ถือหรอก ครอบครับ คนรอบตัวผมเป็นคนหัวสมัยใหม่กันหมด เพราะงั้นเรื่องที่ผู้ชายจะแต่งงานกันมันไม่ใช่ปัญหาเลยนะครับ
หลังจากทุกคนกลับไป เจ้าสาวตัวน้อยทำเอาผมแทบคลั่ง ชุดนอนนั้นใส่ให้มันดีๆไม่ได้หรือบยอนแบคฮยอน ทำไมต้องใส่เสื้อตัวบางขนาดนั้นนอน ไหนจะกางเกงขาสั้นนั้นอีก รู้หรือเปล่าพี่เป็นพวกความอดทนต่ำมากนะครับคนดี
“แบคฮยอนครับ ตอนนี้ เอ่อ...เราอยู่ในฐานะ สามีภรรยากันแล้ว ทั้งๆที่เรายังไม่สนิทกันเลยด้วยซ้ำ เรารู้สึกอึดอัดบ้างหรือเปล่า”
“ไม่ครับ...อยู่กับพี่แล้วแบครู้สึกดีนะ”
จะว่ายังไงดีละผม รู้สึกดีกับคำตอบที่น้องตอบผมมากนะครับ น้องอยู่กับผมแล้วรู้สึกดี ทำไมน้องน่ารักแบบนี้ละครับ ดูใบหน้าหวานที่ขึ้นริ้วเขินอายนั้นสิ เค้าน่ารักจนผมอยากจะจับมาฟัดให้จมเขี้ยว แต่ก็ต้องนั้งข่มใจ เป็นพี่หมอที่ดีของน้องๆๆๆ
“เราลองมาศึกษากันดูดีไหมครับ”
“...”
“เอ่อ...แบคหมายถึง เราต้องอยู่ด้วยกันอีกน...”
“เวลาพี่อยู่กับแบคฮยอนแล้วพี่มีความสุขนะ”
“.....”
แทบจะกัดลิ้นตาย เขิน ประหม่า รู้สึกแปลกๆกับตัวเอง น้องเก่งมากนะครับที่ทำเอาผมไม่เป็นตัวของตัวเองได้ขนาดนี้ อย่าหาว่าเป็นตาแก่หื่นกามเลยครับ ความจริงแล้วตอนนี้อยากจับน้องมากดลงเตียงแล้วลงโทษซะให้เข็ดโทษฐานทำตัวน่ารักมากเกินไป ความจริงผมไม่ใช่คนแบบนี้ซักหน่อย แต่เวลาอยู่กับน้องทีไรอาการมันออกทุกที
น้องไม่ตอบครับ นั้งอึ้ง ผมเห็นใบหน้าหวานชะงักไปพักนึง เสียงเครื่องปรับอากาศยังคงดังมาเป็นระยะๆ ไอเย็นของแอร์กัดผิวบางๆที่โผล่พ้นเสื้อเชิตตัวบางนั้นจนแดงไปหมด เห็นแล้วน่าฟัดมากจริงๆเลยครับ นี่คนหรือตุ๊กตากันนะ
“ตัวเล็กมากเลยรู้มั๊ย...”
“...”
“มือเล็กๆนี่อย่าทำงานหนักๆเลยนะครับ”
“...”
“ต่อไปนี้...ให้พี่ดูแลแบคฮยอนเถอะนะครับ”
เสี่ยวมากกกกกกกกกกก แทบจะตีปากตัวเองเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป สาบานได้ผมไม่ได้หลอกลวงน้องเลยนะครับ ที่พูดมานั้นอออกมาจากใจจริงๆ ก็น้องน่ารักตัวเล็ก ยิ่งเวลาเขินตัวใบหน้าหวานขึ้นสียิ่งน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ ถึงแม้อายุจะห่างกันเป็นสิบปี แต่เรื่องหว่านล้อมเด็กนี่ปาร์คชานยอลถนัดมากนะครับ
ดูเหมือนน้องเขาจะคิดถึงบ้านนะครับ แน่สิน้องบอกเองว่าต้องนอนกับคุณพ่อคุณแม่ทุกคืน นี่คืนแรกที่ต้องมานอนกับคนแปลกหน้าก็เกร็งเป็นธรรมดา โอ๋ๆเด็กดีของพี่ ไม่ต้องเศร้าไปนะครับ นอนจับมือเจ้าบ่าวคนนี้รับรองว่าคืนนี้ฝันดีเป็นร้อยเท่า แต่คนที่ได้กำไลนะผมรับไปเต็มๆเลยละ
ปาร์คชานยอลบอกแล้วไงครับ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน คืนนี้ได้แค่จับมือคืนหน้าจะได้จับอะไร....เจอกันแชปหน้าฝันดีครับ J
100%
คือจริงๆตอนนี้จะตัดเป็นสองตอนเพราะพิมในเวิร์ดคือมันยาวงะ
แต่พอเอาลงแล้วทำไมมันสั้นเหลือแค่นั้นเลยเอามารวมกันเป็น
สองตอน อันนี้ครบ 100% แล้วจ้า คือเราพยามจะสือให้เห็น
ว่าในสถานการเดียวกัน แต่ต่างคนต่างความคิด ต่างอารมณ์
อยากให้เห็นว่านะหว่างชานยอลกับแบคฮยอน รู้สึกยังไงใน
พาทนี้ เคมั๊ยเก็ทนะ คือฟิคเรื่องนี้พล็อตสดด้นสด อะไรๆก็สด
สาระคือไม่มีนะ ไม่พูดเล่นไม่มีจริงๆ พี่ชานยอลไม่ได้หื่นกาม
นะครับบอกไว้เลย อย่าเพิ่งเข้าใจนางผิด5555555555555
มาแค่นี้แหละ ไปและเจอกันแชปหน้า รักทุกคน
อย่าลืมแท็กนะ#มรม
*แก้ไขคำผิดรอบที่1
**ไม่มีใครสงสัยมั้งอ๋อ ลู่ห่าน เป็นใคร อุส่าทิ้งประเด็นแล้วหนาาา
แท็ก+เม้น
ความคิดเห็น