คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2
คำเตือนแฟนฟิคเรื่องนี้จัดทำโดยอิงจากอนิเมะเป็นหลัก อาจจะมีข้อมูลที่ไม่ตรงในบางครั้งต้องขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านค่ะ
เช้าในวันต่อมา
เป็นเช้าที่สดใสอีกกหนึ่งวัน หลังจากได้นอนสบายๆอย่างเต็มอิ่ม เด็กสาวบิดตัวคลายกล้ามเนื้อสักเล็กน้อยหลังลุกจากเตียง ฟู่มี่หลิงรีบแต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนลงไปทานมื้อเช้า ในระหว่าที่กำลังจับเส้นผมมัดขึ้นเป็นหางม้านั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่มันจะถูกเปิดออกโดยฟู่หลันเต๋อ ที่เข้ามาเช็คความเรียบร้องของบุตรสาวของตน เมื่อตรวจความเรียบร้อยแล้วก็หันมาคุยกับเด็กสาว
"เมื่อคืนหลับสบายดีมั้ย?" ชายวัยกลางคนว่าพลางวางมือลูบกลุ่มผมสีเงินอย่างเบามือ "หลับสบายดีค่ะ" ฟู่มี่หลิงเอ่ยพร้อมยิ้มรับฝ่ามือนั้นอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นทั้งสองก็ลงมาที่ล็อบบี้พบกับจ้าวอู๋จี๋ที่กำลังสั่งอาหารเช้ามารอทั้งสองเพื่อทานก่อนที่จะเดินทางเข้าป่าซิงโต่ว สองพ่อลูกเดินมาที่โต๊ะอาหารอย่างไม่รีบร้อนเท่าไหร่นัก
“เจ้าคิดไว้รึยังว่าอยากได้สัตว์วิญญาณแบบไหน?” จ้าวอู๋จี๋เอ่ยเปิดประเด็นขึ้นทันที่ที่ฟู่มี่หลิงนั่งลงกับโต๊ะอาหาร “ข้าไม่รู้เลยว่าสัตว์วิญญาณประเภทไหนเหมาะกับข้า ท่านพ่อกับอาจารย์จ้าวมีความเห็นไหมเจ้าคะ?” เด็กสาวเอ่ยถามพลางหันไปขอความเห็นจากเหล่าผู้ใหญ่ทั้งสอง ฟู่หลันเต๋อและจ้าวอู๋จี๋ต่างทำสีหน้าครุ่นคิด
“วิญญาณยุทธ์ของเจ้าคือเคียวปีศาจ ก็คงจะหนีไม่พ้นสัตว์วิญญาณประเภทธาตุมืดเป็นแน่” เป็นฟู่หลันเต๋อหันมากล่าวกับบุตรสาว ฟู่มี่หลิงพยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนจะหันมาสนใจกับอาหารมากหน้าหลายตาบนโต๊ะ แล้วเวลาของมื้อเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และค่าอาหารในครั้งนี้ก็มีฟู่หลันเต๋อเป็นคนออกให้ทั้งหมด ทำเอาจ้าวอู๋จี๋แอบแปลกใจกับตัวของผอ.ฟู่คนนี้ไม่น้อย
หลังจากที่ทั้งสามทานอาหารเพื่อเติมพลังจนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะออกล่าสัตว์วิญญาณเสียที ฟู่หลันเต๋อบอกว่าในป่าเขตนอกนั้นไม่มีสัตว์วิญญาณที่เหมาะสมกับมี่หลิงเลยแม้แต่น้อย จึงจำเป็นที่จะต้องเดินเข้าป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ และในระหว่างเดินหาสัตว์วิญญาณที่เหมาะสมฟู่หลันเต๋อก็คอยอธิบายทั้งเกี่ยวกับวงแหวนวิญญาณ การดูดซับวงแหวนวิญญาณ และข้อควรระวังต่างๆ
เขตป่าซิงโต่ว
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยามในที่สุดก็เดินมาจนถึงป่าเขตกลางที่สัตว์วิญญาณส่วนใหญ่จะอายุร้อยถึงพันปีขึ้นไป บรรยากาศรอบตัวนั้นเงียบสงบมีเพียงแค่เสียงของลมและแมลงป่า แต่ก็ชื่นชมธรรมชาติได้ไม่นานนักก็มีเสียงขู่กรรโชคของสัตว์ร้ายดังขึ้นใกล้ๆ ฟู่หลันเต๋อจึงดึงฟู่มี่หลิงให้ไปหลบข้างหลังของตนเองในทันที ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นหมาป่าที่พุ่งออกมาจากที่ไหนสักที่อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเป็นหมาป่าตัวสีดำขนาดใหญ่หน้าตาดูดุร้าย ในปากของมันมีสัตว์วิญญาณที่เป็นกวางอยู่ หลังจากที่ประเมินด้วยสายตาแล้วฟู่หลันเต๋อสามารถรู้ได้ทันที่ว่านี่คือ หมาป่าทมิฬ ที่อายุน่าจะราวๆ สามถึงสี่ร้อยปีได้ มันกำลังสนใจกวางที่ล่ามาได้และฉีกเนื้อกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่น่าจะเพราะจมูกที่ดีของมันก็พบว่ามีผู้บุกรุกใกล้ๆ นี้ มันมองไปรอบๆจนพบกับกับมนุษย์ทั้งสามที่ยืนอยู่ไม่ไกล
"สัตว์วิญญาณที่ดูจะเหมาะกับเจ้าก็คงไม่พ้นหมาป่าทมิฬตัวนี้แล้วล่ะอาหลิง และดูท่าว่าเจ้าตัวนี้คงจะอายุสักอายุหลักร้อยปีได้" ฟู่หลันเต๋อเอ่ยพลางมองไปที่หมาป่าทมิฬตรงหน้า มันมีขนาดตัวใหญ่กว่าหมาป่าปกติอยู่มากโข มันมองมาที่ทั้งสามด้วยสายตาราวกับเจอเหยื่ออันโอชะก่อนจะส่งเสียขู่เพื่อข่มขวัญของศัตรู แต่มีหรือที่พวกเขาจะกลัว ทั้งสามจึงเตรียมตัวเข้าปะทะในทันที
ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกมาเพื่อข่มขวัญเช่นกัน ส่วนฟู่มี่หลิงเองก็เรียกวิญญาณยุทธ์ของตนเองออกมาทั้งยังมีหุ่นเชิดอีกหนึ่งตัวคอยสนับสนุน สามคนกับอีกหนึ่งตัวหยั่งเชิงกันอยู่ครูหนึ่งก่อนจะเป็นเจ้าหมาป่าที่เริ่มกระโจนเข้าใส่ จ้าวอู๋จี๋จึงได้ใช้ร่างของตันเองรับการโจมตีนั้นเอาไว้ ในขณะที่สองคนที่เหลือก็เตรียมบุกเข้าจากทางด้านข้าง
แต่ดูเหมือนเจ้าหมาป่าทมิฬจะฉลาดไม่น้อยสามารถผละออกมาเพื่อหลบการโจมตีได้อย่างทันท่วงที มันเห่าขู่อีกครั้ง ก่อนที่จะเลือกพุ่งเข้าใส่ตัวของเด็กสาว ไม่ทันที่มันจะได้ตะครุบเหยื่อตัวจ้อยก็โดนดึงหางเอาไว้เสียก่อน มันหันกลับไปหมายจะขย้ำคนที่จับมันไว้ให้แหลก หมาป่าทมิฬดิ้นจนสุดแรงเพื่อหนีจากการจับกุมของจ้าวอู๋จี๋ที่ดึงรั้งเอาไว้
แม้หางจะหลุดออกมาได้แต่ก็โดนหุ่นเชิดทั้งสองของฟู่มี่หลิงที่เรียกออกมาจากกำไลลูกปัดใช้มีดตรึงเท้าทั้งสี่ของมันไว้กับพื้นดินจนไม่สามารถขยับได้เพราะความเจ็บปวด หมาป่าทมิฬร้องคำรามลั่นป่าจนสัตว์บริเวณโดยรอบต่างตื่นกลัว เมื่อเห็นว่าเจ้าสัตว์วิญญาณไม่สามารถขยับได้แล้วฟู่หลันเต๋อจึงบินโฉบเฉี่ยวซัดจนมันเริ่มมีบาดแผลตามตัวมากมาย
เมื่อเห็นท่าไม่ดีเจ้าหมาป่าทมิฬจึงใช้แรงเฮือกสุดท้ายดิ้นจนขาหน้าทั้งสองหลุดออกมาและจะตะปบใส่ฟู่หลันเต๋อที่กำลังบินเข้ามาด้วยความเร็วจนคิดว่าไม่สามารถหลบได้ทันอย่างแน่นอน ฟู่มี่หลิงที่อยู่ไม่ไกลจึงได้ใช้พลังภายในเสริมความเร็วให้กับตนเองก่อนที่จะพุ่งเข้าไปฟันที่ข้าซ้ายของมันด้วยเคียวของตนจนขาของมันไม่สามรถใช้ได้อีก
เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวอู๋จี๋จึงเสยหมัดใต้คางของหมาป่าทมิฬที่ทนไม่ไหวแล้วหลังโดนอัดจนน่วมจึงได้ล้มตัวลงหมดสติไป "เอาล่ะทีนี้ เจ้าต้องเป็นคนปลิดชีพมันอาหลิง" ฟู่หลันเต๋อเอ่ย เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆกับเจ้าหมาป่าตัวใหญ่ ก่อนจะใช้เคียวในมือผ่าไปที่กลางอกของมันจนสิ้นใจในครั้งเดียว ทันใดนั้นเองก็มีวงแหวนสีเหลืองลอยออกมาจากตัวของหมาป่าทมิฬ
"จำที่พ่อบอกได้มั้ย?" ฟู่หลันเต๋อเอ่ยถามบุตรสาวของตน "ข้าจำได้เจ้าค่ะ" ฟู่มี่หลิงพยักหน้ารับก่อนที่จะเริ่มนั่งสมาธิและดูซับวงแหวนวงแรกของตนเองอย่างใจเย็น เพราะเป็นสัตว์ร้ายจึงมีจิตอาฆาต การต่อสู่ภายในจิตใจนั้นหนักหน่วงทำเอาเหงื่อกาฬไหลทั่วตัว จิตอาฆาตของหมาป่าทมิฬนั้นรุนแรง ทำให้ต้องใช้เวลานานไม่น้อยกว่าจะสามารถสยบมันให้อยู่หมัด
หลังจากที่สามารถดูดซับวงแหวนได้สำเร็จ ฟู่มี่หลิงจึงได้นั่งสมาธิต่อเพื่อปรับลมปราณให้สมดุลกัน ในการดูดซับวงแหวนครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่าพลังภายในนั้นสามารถทะลุคอขวดมาได้ หลังปรับสมดุลเสร็จสิ้นเด็กสาวจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองพื้นที่รอบๆตัว ก็พบว่ามันค่ำแล้ว เด็กสาวหันไปมองก็พบว่าบิดาของตนกำลังกางเต็นท์สำหรับนอนในคืนนี้อยู่ ในทางฝั่งอาจารย์จ้าวเองก็ไปหาเก็บฟืนมาก่อไฟ
เห็นดังนั้นเด็กสาวจึงคิดที่จะลุกไปช่วยแต่ก็ต้องหยุดไว้ก่อน เพราะทันทีที่ลุกขึ้นก็พบว่าตัวของเธอนั้นอ่อนแรงเอามากๆ จนแทบเดินไม่ไหว ผู้เป็นพ่ออย่างฟู่หลันเต๋อจึงได้สั่งให้นางทานมือเย็นก่อนที่จะเข้านอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะตรวจร่างกายเผื่อว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันกับบุตรสาวของตน
"กินเอาแรงก่อนค่อยไปนอนพัก" ฟู่หลันเต๋อว่าพลางยื่นถ้วยซุปอุ่นๆ มาให้แก่เด็กสาว "ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ" มือเล็กๆทั้งสองรับถ้วยซุปมาเป่าให้อุ่นก่อนค่อยเริ่มทานช้าๆ ผู้ใหญ่ทั้งสองที่เห็นดังนั้นก็เริ่มลงมือทานบ้าง จนผ่านไปพักหนึ่งทั้งสามก็ทานขนหมด หลังทานมื้อเย็นฟู่มี่หลิงรู้สึกว่ามีแรงขึ้นมาบ้างแล้ว จึงได้ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย
"ว่าแต่ทักษะวิญญาณยุทธ์ของเจ้าคืออะไรล่ะ?" จ้าวอู๋จี๋เอ่ยถามขึ้น เด็กสาวจึงเดินออกมาที่หน้ากองไฟก่อนจะเรียกวิญญาณยุทธ์ออกมา เคียวปีศาจของนางเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง จากที่เป็นสีดำสนิทก็เริ่มมีสีม่วงเข็มเข้ามาแซมทั้งยังมีสัญลักษณ์หัวหมาป่าเพิ่มขึ้นมาบนยอดของด้ามจับ ใบมีดของตัวเคียวเองก็ยาวขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
วงแหวนสีเหลืองบ่งบอกถึงอายุตบะของสัตว์วิญญาณส่องแสงก่อนที่ใบมีดของตัวเคียวจะถูกเคลือบด้วยออร่าสีม่วงเข้มเช่นเดียวกับตัวของมัน "ทักษะวิญญาณที่หนึ่ง หมาป่าทมิฬคลั่ง ทักษะนี้จะเพิ่มพลังกายและพลังการโจมตีขึ้นร้อยละ 60 เป็นเวลา 30 นาทีเจ้าค่ะ" มี่หลิงอธิบายจบก็เก็บวิญญาณยุทธ์ของตนเองทันที
"วงแหวนของเจ้ากี่ร้อยปีอาหลิง?" ฟู่หลันเต๋อเป็นผู้ที่เอ่ยถามขึ้น เด็กสาวยกยิ้มขึ้นกว้างก่อนจะตอบกลับมาว่า "580 ปีเจ้าค่ะ พลังวิญญาณข้าตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาถึง 15 แล้วด้วย" ทันทีที่ว่าจบฟู่มี่หลิงก็โดนฝ่ามือใหญ่ของผู้เป็นบิดานั้นลูบหัวของนางอย่างอ่อนโยน "ฮ่าฮ่าฮ่า สมแล้วที่เป็นปีศาจน้อยของข้า แล้วก็พอกลับไปข้าจะฝึกเจ้าเอาให้หนักๆ" ฟู่หลันเต๋อหัวเราะออกมาอย่างดีใจ
"ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปนอนก่อนะเจ้าคะ" ว่าจบก็เดินไปเก็บหุ่นเชิดทั้งสองตัวที่ถูกวางไว้ข้างๆกับเต็นท์เข้ากำไลก่อนจะหนีเข้าเต็นท์ไปนอนทันที ผู้ใหญ่ทั้งสองดูจะพอใจในทักษะวิญญาณแต่ก็ยังคงติดใจเรื่องที่ฟู่มี่หลิงสามารถใช้วิชาเชิดหุ่นได้อย่างคล่องแคล่วไม่ติดขัดแม้แต่น้อย แต่หากจะให้ถามตอนนี้ก็เกรงว่าจะไม่ได้ เพราะเจ้าตัวดันหนีเข้าเต็นท์ไปนอนเสียแล้ว และทั้งคู่ต่างรู้ดีว่า อาหลิงของพวกเขาไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลานอนเป็นที่สุด
'สงสัยคงได้ถามวันพรุ่งนี้แทน'
.
.
.
.
.
.
(ตรวจคำผิดแล้ว)
สวัสดีอีกครั้งค่า ขอสารภาพเลยว่าเราไม่เก่งเรื่องการเขียนฉากต่อสู่เท่าไหร่ ถ้าขัดใจตรงไหนอยากให้แก้ยังไงก็บอกได้น้า เราจะปรับปรุงให้ค่ะ แล้วก็ฝากคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาาาา
ความคิดเห็น