ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    「Fic Douluo Dalu」เป็นลูกสาวท่านผอ.ฟู่นี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 66


    คำเตือนแฟนฟิคเรื่องนี้จัดทำโดยอิงจากอนิเมะเป็นหลัก อาจจะมีข้อมูลที่ไม่ตรงในบางครั้งต้องขออภัยล่วงหน้ามาณที่นี้ด้วยค่ะ


     

     

     

     

    'ที่นี่…ที่ไหน? ทำไมข้าขยับไม่ได้'

     

    ได้แต่เอ่ยถามกับตนเองในใจพลางมองไปรอบๆ ช่างเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ไหนจะบ้านเรือนที่มีไม้เลื้อยขึ้นเต็มไปหมด ซุ้มประตูเก่าๆ ที่มีตัวอักษรเขียนอยู่  ร่างเล็กพยายามที่จะขยับตัวแต่ก็ดูท่าจะเป็นไปไม่ได้ ทันทีที่เอื้อมมือออกมาได้ก็ต้องตกใจเสียยกใหญ่ เพราะมือทั้งสองข้างนั้นกลายเป็นมือของเด็กทารกไปเสียแล้ว

     

    ‘นี่มันบ้าอะไรกัน!!’ ร่างของทารกตัวน้อยในตะกร้าพยายามที่จะเอ่ยคำพูด แต่มันช่างดูไร้ประโยชน์นัก ทุกๆคำที่เอ่ยล้วนกลายเป็นเสียงอ้อแอ้ของเด็กเล็กฟังไม่เป็นภาษา จนแล้วจนรอดท้องน้อยๆนั้นก็เริ่มประท้วงขึ้น แม้ว่าจะควบคุมตนเองได้ดีแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้พร้อมกับแผดเสียงร้องไห้ออกมาดังลั่นบริเวณ

     

    ผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบจากตะวันกลางหัวเริ่มคล้อยต่ำลง เด็กน้อยร้องไห้จนเหนื่อยแล้ว แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือเลยแม้แต่น้อย ‘นี่ข้าต้องหิวจนตายหรือนี่ น่าอนาถนัก’ ได้แต่เอ่ยปลงตกกับตนเองในใจ ทันใดนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าหนึ่งเดินเข้าทางที่เธออยู่ เด็กน้อยในห่อผ้าจึงไม่รอช้ารีบแผดเสียงร้องออกมาทันที

     

    และดูเหมือนว่าความพยายามครานี้จะได้ผล เสียงฝีเท้านั้นเดินตรงดิ่งมาที่เด็กสาวในห่อผ้าก่อนจะย่อตัวลงพลางอุ้มขึ้นมาอย่างช้าๆ  “ใครกันเอาเด็กน้อยมาทิ้งไว้ที่นี่” ฟังเสียงแล้วคงจะเป็นชายวักลางคนเป็นแน่ ทารกตัวน้อยค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพื่อมองผู้ที่กำลังอุ้มตนอยู่นั้น พบว่าเป็นชายวัยกลางคนตามที่คาดไว้ 

     

    เขามีแววตาราวกับนกเค้าแมวถูกบังด้วยแว่นทรงสี่เหลี่ยม ไว้หนวดเคราดูน่าเกรงขามกำลังอุ้มเธออย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีอำพันนั้นมองมาที่ดวงตาเล็กๆ สีแสดของเด็กน้อยในอ้อมแขน ตำหนิสีดำใต้ตาซ้ายนั้นทำให้ดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด “ช่างเป็นเด็กน้อยที่น่ารัก คนใจร้ายที่ไหนกันมาทิ้งเจ้าไว้ที่นี่” เขาเอ่ยพลางยื่นมือหมายให้เด็กน้อยจับ 

     

    “โอ้ยๆ ปล่อยข้าก่อนๆ" แต่แทนที่จะจับมือดันไปดึงเคราเสียได้ เมื่อดึงจนหนำใจแล้วเด็กทารกก็หัวเราะเอิ้กอ้ากออกมา ทำเอาชายวัยกลางคนหัวเราะตามด้วยความเอ็นดู ทั้งคู่หยอกล้อกันอยู่สักพัก จนในที่สุดชายที่อุ้มเธออยู่ก็ตัดสินใจที่จะรับเลี้ยงเด็กน้อยคนนี้เป็นบุตรบุญธรรมของตนเอง 

     

    “ต่อจากนี้ไปเจ้าจะเป็นลูกสาวของข้าฟู่หลันเต๋อ และเจ้ามีชื่อว่า ฟู่มี่หลิง” ฟู่หลันเต๋อเอ่ยออกมาด้วยความภาคภูมิ ก่อนจะพาเด็กทารกเข้าไปในโรงเรียน หรือจะเรียกว่าบ้านดีล่ะ? แต่ก่อนที่เด็กทารกตัวน้อยจะได้นอนหลับอย่างสงบหลังดื่มนม กลับกลายเป็นว่าต้องมาคอยรับมือกับเหล่าผู้ใหญ่ที่เข้ามามุงเธอล้อมหน้าล้อมหลังจนไม่เป็นอันนอน หลังจากที่เหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลายได้เล่นกับเธอสมใจก็ถึงเวลาที่เธอจะได้นอนแล้ว

     

     

     

    6 ปีต่อมา

     

    เด็กสาวเรือนผมสีเงินประกายยามต้องแสงจันทร์กำลังนั่งอยู่ที่ริมระเบียงราวกับว่าไม่กลัวตกเลยแม้แต่น้อย มือทั้งสองข้างเคลื่อนไหวไปมาราวกับกำลังเชิดหุ่นในโรงละครอย่างคล่องแคล่ว พลันมีหุ่นเชิดสองตัวพุ่งออกมาจากห้องอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว หุ่นเชิดทั้งสองมีรูปร่างเป็นเด็กวัย8-9ขวบ ตัวหนึ่งเป็นชายและตัวหนึ่งเป็นหญิง

     

    หุ่นเชิดทั้งสองเคลื่อนกายไปมากลางอากาศราวกับว่าบินได้ หุ่นเชิดทั้งสองร่ายรำอยู่บนอากาศก่อนที่จะปล่อยเข็มแหลมคมพุ่งไปที่ต้นไม้ใกล้ๆ จนเป็นรูพรุนไปหมด หุ่นเชิดเด็กชายและเด็กสาวพุ่งโฉบเฉี่ยว อย่างปราดเปลี่ยวด้วยฝีมือของผู้ชักใย แต่ก่อนที่พวกมันจะได้แสดงฝีมือมากกว่านี้ก็ต้องหยุดชะงักไว้ก่อน

     

    ก็อก ก็อก ก็อก 

     

    เกิดเป็นเสียงเคาะจากด้านนอกทำให้เด็กสาวจำเป็นต้องรีบเก็บพวกมันเข้าที่ในทันที ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้กับแขกที่มาหน้าประตูห้องก็พบว่าเป็นอาจารย์หลี่อวี้ซงที่มาเคาะห้องของเธอนั่นเอง “สวัสดียามเย็นเจ้าค่ะอาจารย์หลี่” เด็กสาวทักทายอย่างยิ้มแย้ม

     

    “พรุ่งนี้เช้าท่านผอ.ฟู่นัดไปที่เสาธงเพื่อปลุกวิญญาณยุทธ์ให้เจ้าน่ะ” หลี่อวี้ซงแจ้งแก่เด็กสาวก่อนจะขอตัวกลับก่อน เธอพยักหน้ารับพลางกล่าวขอบคุณแก่อาจารย์ ทันทีที่ประตูห้องปิดลงเด็กสาวก็รีบดับตะเกียงพร้อมกับเข้านอนทันที เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้ปลุกวิญญาณยุทธ์แล้ว แล้ววิญญาณยุทธ์ของนางจะเป็นเช่นไรกันนะ อดใจรอไม่ไกวแล้วสิ

     

     

    เช้าวันรุ่งขึ้น

     

    จากทารกน้อยในวันนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวหน้าตาหน้ารักและเป็นที่ชื่นชอบของใครหลายๆ คนในสื่อไหลเค่อ และวันนี้เองก็เป็นวันที่ฟู่มี่หลิงจะได้ปลุกวิญญาณยุทธ์ของตนเอง เด็กสาวจึงตั้งหน้าตั้งตาตื่นแต่เช้า เพื่อไปหาบิดาของตนที่หน้าเสาธง ทันทีที่จัดการตนเองเรียบร้อยก็รีบโดดลงมาจากระเบียงชั้นสองทันที

     

    ฟู่มี่หลิงมาถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะใช้วิชาภายในจากชาติก่อนจึงทำให้ไม่เสียแรงมากนักในการวิ่ง บริเวณรอบๆเสาธงมีเหล่าอาจารย์ในโรงเรียนยืนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ ทำเอาเด็ดสาวเคอะเขินไม่น้อย ถ้าหากเธอได้วิญญาณยุทธ์ที่หน้าขายหน้าขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า

     

    “มาตรงเวลาดีนี่” ฟู่หลันเต๋อว่าพลางมองมาที่บุตรสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เด็กสาวยิ้มรับอย่างตื่นเต้น “เอาล่ะงั้นเรามาเริ่มกัน หลับตาลงเสีย” มี่หลิงทำตามอย่างว่าง่ายพลางยื่นมืออกมาข้างหน้า บนฝ่ามือเล็กเริ่มรู้สึกถึงพลังที่ไหลเวียนอยู่ ก่อนจะปรากฏเป็นรูปร่างของเคียวยาวสีดำสนิท 

     

    “ช่างเป็นวิญญาณยุทธ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน” อาจารย์จ้าวอู๋จี๋เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ฟู่มี่หลิงเรียกวิญญาณยุทธ์ของตนเองออกมา เป็นเคียวด้ามยาวที่น่าจะยาวราวๆ 2 เมตรกว่าได้ หลังจากที่สำรวจจนพอใจแล้วเด็กสาวจึงได้เก็บวิญญาณยุทธ์กลับไปพลางมองรอบก็พบว่าเหล่าอาจารย์ต่างกำลังพูดคุยเกี่ยวกับวิญญาณยุทธ์ของเธอ

     

    “ข้าอยากทดสอบพลังวิญญาณต่อเจ้าค่ะ” เด็กสาวว่าพลางเอื้อมมือไปที่ลูกแก้วสำหรับวัดพลังวิญญาณ พู่หลันเต๋อจึงส่งลูกแก้วให้กับมือเล็กๆ คู่นี้ และแสงที่เปล่งออกมาจากลูกแก้วก็ทำเอาหลายๆ คนตกใจไม่น้อย พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างตกใจพร้อมๆกันว่า 

     

    “พลังสมบูรณ์แต่กำเนิด!!” เหล่าอาจารย์มีท่าทีตื่นเต้นและตกใจไม่น้อย ไม่เพียงแค่มีวิญญาณยุทธ์ที่แปลกประหลาดทั้งยังมีพลังวิญญาณสมบูรณ์แต่กำเนิดอีก ฟู่มี่หลิงดูสับสนกับการแสดงออกขอเหล่าอาจารย์ไม่น้อยจึงได้เอ่ยถามออกมาว่า “พลังสมบูรณ์แต่กำเนิดคืออะไรเหรอคะ?” เด็กสาวหันไปถามผู้เป็นบิดาที่ทำหน้าภูมิใจแปลกๆ

     

    “พลังสมบูรณ์แต่กำเนิดก็ คือเจ้าสามรถรับวงแหวนแรกได้ทันทีอย่างไรเล่า!!” ว่าจบฟู่หลันเต๋อก็อุ้มบุตรสาวของตนเองขี่คอก่อนที่สองพ่อลูกจะเดินออกไปพร้อมกับเสียงหยอกล้อ แต่ไม่ทันจะไปไหนไกลก็หันมาคุยกับจ้าวอู๋จี๋ “จ้าวอู๋จี๋เตรียมตัวให้พร้อมเราจะไปล่าสัตว์วิญญาณกันวันมะรืน” หลังแจกแจงเสร็จก็เดินกลับห้องพักของตน

     

     

     

    วันออกล่าสัตว์วิญญาณมาถึงแล้ว ทั้งสามออกเดินทางด้วยรถม้าตั้งแต่เช้าตรูไปที่ป่าซิงโต่ว เพื่อหาสัตว์วิญญาณที่เหมาะสมแกเด็กสาว โดยที่ฟู่มี่หลิงก็พกหุ่นกระบอกมาด้วยถึงสองตัวทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสองสงสัยติดใจไม่น้อย  “อาหลิงเจ้าเอาตุ๊กตามาด้ายทำไมกัน?” เป็นอาจารย์จ้าอู๋จี๋ที่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

    “ไว้เมื่อถึงเวลาท่านจะรู้เองเจ้าค่ะ" เด็กสาวตอบพร้อมกับส่งยิ้มให้ ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงไม่คาดคั้นต่อได้แต่ปล่อยเลยตามเลย นั่งรดม้าจนมาถึงเมืองสั่วทัวฟู่หลันเต๋อก็บอกว่าจะแวะซื้อของสักเล็กน้อยแล้วให้ทั้งสองรออยู่บนรถม้า รอนจนผ่านไปราวเกือบครึ่งชั่วยามฟู่หลันเต๋อก็กลับมาพร้อมกับกลองบางอย่างในมือ

     

    ทันทีที่เขานั่งลงบนเบาะ รถม้าก็ออกเดินทางต่อทันที ฟู่หลันเต๋อยื่นกล่องสีน้ำตาลในมือมาให้กับบุตรสาวของตน “รับนี่ไปสิ” เด็กสาวรับมาเปิดดูก็พบกับกำไลข้อมือลูกปัดสีดำที่ร้อยด้วยเชือกสีส้ม ฟู่มี่หลิงหยิบขึ้นมาดูอย่างฉงนพลางหันไปมองที่บิดาของตนด้วยสายตำที่เต็มไปด้วยคำถาม

     

    “นี่เป็นอาวุธวิญญาณ สามารถใช้เป็นคลังเก็บของได้เพียงแค่เจ้าใส่พลังวิญญาณลงไปก็ใช้ได้แล้ว ไหนเจ้าลองเก็บเจ้าสองตัวนี้เข้าไปสิ” เด็กสาวทำตามที่ว่าเก็บหุ่นกระบอกทั้งสองตัวเข้าไปในกำไลข้อมือ ลูกปัดมีทั้งหมด30ลูก หนึ่งลูกมีขนาดถึง3ลูกบาศก์เมตร สามารถเก็บของได้มากมายพอตัว “ขอบคุณท่านพ่อสำหรับของขวัญเจ้าค่ะ” ฟู่มี่หลิงเอ่ยพร้อมกับสวมมันไว้ที่มือซ้าย

     

    ทั้งสามนั่งรถมามาเรื่อยๆจนมาถึงเขตนอกป่าซิงโต่วก็เป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว จึงตกลงที่จะพักกันที่โรงแรมก่อนไปล่าสัตว์วิญญาณกันพรุ่งนี้ หลังจากที่ส่งเด็กสาวเข้านอนแล้วสองผู้ใหญ่จึงมานั่งคุยกันอยู่ข้างล่างในล็อบบี้ของโรงแรม “ปกติท่านผอ.จะงกเรื่องเงินมากทำไมถึงได้ซื้อของแพงขนาดนั้นเป็นของขวัญให้อาหลิงได้ล่ะ?” จ้าวอู๋จี๋ว่าพลางยกเหล้าขึ้นดื่ม

     

    “ทำไม่ข้าจะซื้อของขวัญให้ลูกสาวไม่ได้ เงินแค่นั้นขนหน้าแข้งข้าไม่ร่วงหรอก” 

     

    ‘จะจริงเร้ออออออ’

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    (ตรวจคำผิดแล้ว)

     

    สวัสดีค่าาาา ในตอนแรกนางเอกของเราอาจจะไม่ได้โชว์โหดมาเท่าไหร่ แต่ต่อไปก็ต้องเก่งขึ้นแน่นอนค่ะ ฝากคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาา ผิดพลาดตรงไหนสามรถติชมได้ค่าาา

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×