คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : จุดเกิดแห่งตำนานโลกแฟนตาซี
The Storied Of Fantasy
ตอนที่ 1 จุดเกิดแห่งตำนานโลกแฟนตาซี
ในอดีตกาล ณ โลกแฟนตาซีเมื่อ 1000 ปีก่อน ได้เกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นระหว่างเหล่ามนุษย์กับกองทัพอสูรร้ายโดยมีจอมอสูรอาร์ชิวลาร์บงการอยู่ โดยหวังจะทำลายเผ่ามนุษย์ให้หมดไปและสร้างเผ่าอสูรขึ้นมาแทนในโลกแฟนตาซีใบนี้ จอมอสูรอาร์ชิวลาร์ได้ทำร้ายชีวิตอันบริสุทธิ์ของมนุษย์จนนับไม่ถ้วน จนในที่สุดมังกรแห่งแสงสว่าง Holy Dragon ก็ปรากฎตัวขึ้นเพื่อปกป้องโลกจากพลังอำนาจด้านมืดของจอมอสูรอาร์ชิวลาร์ จึงได้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างจอมอสูรด้านมืดกับจอมอสูรด้านแสงสว่าง จนในที่สุด Holy Dragon ก็สามารถเอาชนะพลังอำนาจจากด้านมืดได้และสละชีพของตนเพื่อปิดผนึกจอมอสูรอาร์ชิวลาร์ไว้ในการ์ดใบหนึ่งจนถึงปัจจุบัน
1 ศตวรรษต่อมาในยามรัติกาลอันมืดมิดซึ่งเคยเป็นเวลาพักผ่อนของมนุษย์แต่ภายในเมืองนี้กับดูวุ่นวายกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา เหล่าประชาชนต่างวิ่งไปคนละทิศทางราวกับกำลังวิ่งหนีอะไรบางอย่าง
"แย่แล้วท่านพ่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว ทหารของอาณาจักรเบโอวูฟบุกเข้ามาในเมืองแล้ว พวกเราจะทำยังไงดี" ชายหนุ่มอายุราวๆ 18 ถามชายผู้เป็นพ่อ เค้าคือ เคน อิลัสการ์ เป็นบุตรชายคนเดียวของ อัลฟรอง อิลัสการ์
"งั้นพวกเรารีบไปคุ้มครองความปลอดภัยของพระราชามุสตาร์กับองค์หญิงวาเนียกันเถิด ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะได้รับอันตราย" ชายผู้เป็นพ่อพูดพร้อมกับวิ่งออกจากห้องรับแขกภายในบ้านของตนแล้ววิ่งนำหน้าชายผู้เป็นลูกเพื่อมุ่งหน้าไปยังปราสาท
ภายในห้องโถงอันหรูหราบนปราสาทใหญ่ มีข้าราชบริวารกับเหล่าทหารไม่น้อยกำลังหาลือกันอยู่ กึก กึก กึก กึก เสียงฝีเท้าของสองพ่อลูกที่วิ่งมายังภายในห้องโถงดังขึ้น ผู้คนมากมายต่างแสดงความคิดเห็นของตนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ต่อพระราชมุสตาร์ โดยมีองค์วาเนีย เวนโดรนาร์ อายุราวๆ 18 เช่นเดียวกับเคนกำลังร่วมการสนทนานี้อยู่ ในขณะที่ทุกคนกำลังหาลือกันอยู่นั้นองค์หญิงวาเนียผละจากสนทนานั้นนั้นแล้วเคินตรงไปยังระเบียงใหญ่ที่ติดกับห้องโถงนั้น ภาพเหตุการณ์ที่ทหารเบโอวูฟกำลังฝ่าทหารของเวนโดรเนียเข้ามา ภาพฉากหลังอันน่าสยดสยองนั้นเต็มเปลวเพลิงที่เผาไหม้ทุกสรรพสิ่งกับซากศพของเหล่าทหารทั้งสองฝ่ายและร่างของประชาชนนับพันกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยคาบน้ำสีแดงข้นไหลนองไปทั่วร่างกายผู้คนเหล่านั้น จนทำให้น้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาอันเศร้าหมองคู่นั้นไหลไปทั่วใบหน้าอันงดงามและขาวผ่องดุจดวงจันทราที่เฉิดฉายในยามมืดมิดของพระองค์
"องค์หญิง องค์หญิง องค์หญิงครับ"เสียงชายหนุ่มเรียกเธออยู่หลายครั้ง
"มีไรเหรอเคน" เธอเอามือมาป้ายน้ำตาของเธอให้หายไปแล้วจึงหันไปยังเสียงนั้น
"เชิญเสด็จไปด้านในก่อนเถิดครับ" เคน อิลัสการ์ กล่าวด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเธอ
องค์หญิงวาเนียเธอยืนนิ่งสักพักจึงย่างเท้าก้าวเดินเข้าไปภายในห้องโถงนั้นแล้วมุ่งหน้าไปหาเสด็จพ่อของตนทันที
"เสด็จพ่อ ทหารของศัตรูบุกเข้ามาจวนจะถึงตัวปราสาทแล้ว" เธอพูดแทรกขึ้นมาจากกาสนทนานั้น
"พวกเราไม่มีเวลาแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกันพวกเจ้าทุกคนรีบหนีไปกันให้หมดเดี๋ยวนี้เลย" พระราชาผู้แสนสง่าพูด
"แล้วเสด็จพ่อล่ะ จะไปด้วยกันมั้ยคะ"เสียงหวานๆ ขององค์หญิงดังขึ้นมา
"ไม่ได้หรอก พ่อไปไม่ได้ พ่อเป็นกษัตริย์พ่อจะทิ้งทุกคนไปไม่ได้" เสียงเข้มๆ ของชายผู้ทุกคนเป็นห่วงดังขึ้นมาอีกครั้ง
"แต่............." เคนไม่ทันที่จะกล่าวจบเพราะมีคนพูดตัดบทเค้าเสียก่อน
"ไม่มีแต่ทั้งนั้น เคน อิลัสการ์ เราฝากดูแลวาเนียลูกเราด้วยนะ" พระราชามุสตาร์กล่าวพร้อมกับหันหน้าไปมองลูกรักของพระองค์
"ครับ ผมขอสัญญา ผมจะต้องปกป้ององค์หญิงไม่ให้ได้รับอันตรายโดยเด็ดขาด พระองค์ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับด้วยชีวิตและจิตวิญญาณของผมนี้ผมจะดูแลองค์หญิงเองครับ" ชายหนุ่มผู้ถูกฝากฝังให้ดูแลหญิงสาวคนหนึ่งพูด
"เอาล่ะพวกเจ้าทุกคนไปกันได้แล้ว ขืนมัวช้าแบบนี้เราต้องตายกันหมดแน่ ลูกพ่อดูแลตัวเองด้วยนะ พ่อเชื่อว่าซักวันลูกจะต้องมากอบกู้อาณาจักรของพวกเราทุกคนให้กลับคืนมาได้แน่ รีบไปเถิด บอกให้ไปไง!" ด้วยน้ำเสียงของพระองค์ที่พูดนั้น ทำให้ทุกคนต้องตัดใจหันหน้าไปยังทางออกแล้วแล้วย่างเท้าก้าวเดินออกไป
หลังจกที่ทุกคนจำใจต้องทิ้งพระราชามุสตาร์ไว้นั้น พวกเค้าทุกคนก็วิ่งออกมายังนอกปราสาทอันหรูหรายกเว้นก็แค่เพียงพระราชามุสตาร์พระองค์เดียวเท่านั้น แล้วในที่สุดเรื่องที่ทุกคนไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเบลุฟทหารเอกของพระราชาอินาวูฟผู้ปกครองอาณาจักรเบโอลูฟนั้นได้ปรากฎตัวขึ้นมาต่อหน้าของพวกเค้าพร้อมกับทหารนับร้อยนาย
"เป็นไงพวกแก หนีกันเข้าไป คิกหรือว่าจะหนีข้าไปได้"ชายผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของผู้ที่ต้องการหลบหนีพูด
"นี่แกเบลุฟ พวกแกต้องการอะไรกันแน่ ถึงต้องทำอย่างนี้" เคนพูดด้วยความอยากรู้
"ข้าได้รับคำสั่งให้พาตัวองค์หญิงวาเนียไป องค์หญิงจะต้องไปกับข้าส่วนคนอื่นที่อยู่ที่นี่จะต้องตายกันให้หมด" เบลุฟกล่าวพ้อมกับจับดาบชี้ไปยังหน้าของเคน
"ใครจะไปยอมให้องค์หญิงกับแกไปกันวะ"ชายหนุ่มสถบออกมา
"งั้นพวกแกก็ลงนรกไปกันให้หมดเลยซะ ทหารจับตัวองค์หญิงมาให้ได้ส่วนที่เหลือส่งมันไปลงนรกให้หมด" เมื่อสิ้นสุดคำพูดของทหารเอกเบลุฟเหล่าทหารของเบโอวูฟก็บุกเข้าฟาดฟันทหารของเวนโดรเนียทันที
"โธ่เว้ย! เคนเจ้ารีบพาองค์หญิงหนีไปซะ ส่วนทางนี้เดี๋ยวพวกเราจะต้านเอาไว้เอง รีบไปเร็วเข้า"เสียงของอัลฟรอง อิลัสการ์พูดกับลูกของตนขณะกำลังต่อสู้อยู่
"ครับ! รีบไปกันเถิดองค์หญิง"เคนตอบรับทันทีพร้อมกับจูงมือองค์หญิงวาเนีวิ่งหนีไป
เหล่าทหารและข้าราชบริวารที่วิ่งหนีมาต่างนั้นต่างเข้ามาช่วยกันต่อสู้กับทหารของเบโอวูฟ ขณะองค์หญิงวาเนียวิ่งหนีไปกับเคนนั้นเธอได้พรึมพรำออกมามาอย่างเบาๆ ทำไมเรื่องทุกอย่างต้องเป็นเช่นนี้ แล้วทำไมเรื่องแบบนี้มันต้องเกิดกับเราด้วย เราไม่รู้ว่านี่คือบทลงโทษจากนรกหรือโชคชะตาจากสวรรค์กันแน่ เราเป็นองค์หญิงเราจะต้องเข้มแข็งเราต้องทำใจยอมรับมันให้ได้หละสินะ
สิ่งที่ทำให้ความอ่อนแอของเธอผลุดขึ้นมาอีกครั้งก็คือ เมื่อเธอเห็นร่างกายนับพันอันไร้วิญญาณของเหล่าประชาชนตาดำๆที่ไม่รู้ไม่เห็นกับสงครามครั้งนี้นอนกระจัดกระจายบนพื้นพระสุธาสีแดงข้น ทำให้เธอกลั้นน้ำตาของเธอไม่อยู่ เสียงสะอื้นสลับกับเสียงหอบเหนื่อยจากการวิ่ง ทำให้ชายหนุ่มอายุราวๆ 18 ที่จับมือเธอวิ่งนั้น ต้องหันหน้ากลับมามององค์หญิงด้วยสายตาที่เป็นห่วงเป็นใย
ในป่าใหญ่อันมืดทึบไม่มีแสงสว่างใดนอกจากแสงดาวนับล้านดวงกำลังส่องแสงอยู่รำไรบางดวงก็ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาบางดวงก็กระพริบอย่างริบหรี่ ทั้งคู่วิ่งมาถึงป่าไกลจากตัวเมืองพอสมควร
"องค์หญิงครับปลอดภัยแล้วครับ พวกเราหนีมาไกลมากแล้วทหารของเบโอวูฟคงไม่ตามมาแล้วครับ คืนนี้เราพักที่นี่กันก่อนเถิดครับ พรุ่งนี้เช้าค่อยเดินทางต่อครับ" เคนพูดพร้อมกับทิ้งตัวนั่งยังโขลกหินใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น
"เคนเราขอบใจมากนะ ที่คอยช่วยเรา แต่ตอนนี้เราไม่เหลืออะไรอีกแล้วอาณาจักรเวนโดรเนียและทุกคนต่างหายกันไปหมดแล้ว อีกอย่างเราเป็นห่วงเสด็จพ่อมากไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านจะปลอดภัยดีมั้ย"องค์หญิงวาเนียพูดด้วยสีหน้าอย่างสลดใจ
"พระราชามุสตาร์จะต้องไม่เป็นไรครับ ซักวันหนึ่งพวกเราจะต้องไปเอาทุกสิ่งทุกอย่างคืนมาอีกครั้งเพราะฉะนั้นพวกเราจะต้องไม่ท้อแท้เพื่อวันหน้าของเรา" เคนพูดให้กำลังใจ
"ใช่! พวกเราจะต้องไม่ท้อแท้ พวกเราต้องสู้ ขอบใจนะที่ปลอบใจเรา เรารู้สึกดีขึ้นมาดแล้วหละ คืนนี้เราพักผ่อนกันก่อนเถิด" องค์หญิงวาเนียพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ยิ้มนั้นไม่ใช่ยิ้มแรกที่เคนเห็น แต่มันเป็นยิ้มแรกที่องค์หญิงยิ้มอย่างไม่มีความสุขห่วงหาอาทรอะไรบางอย่างซึ่งยิ้มแบบนี้มันเป็นครั้งแรกทั้งเค้าเห็น
ความคิดเห็น