ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [fic reborn BM]ถึงตาย...ฉันก็ไม่ยอมเสียเธอ

    ลำดับตอนที่ #1 : ความจริง

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 53


    เรื่อง : ถึงตาย...ฉันก็ไม่ยอมเสียเธอ

    ตอนที่ 1 : ความจริง

    คู่หลัก : BM

     

     

              ณ ปราสาทวาเรีย  เที่ยงคืนตรง

              ช่วยด้วย

              ฉึก! ฉึก!

              ได้โปรด อย่าทำอะไรผมเลย

              ฉึก! ฉึก! ฉึก!

              อ๊ากกกกกกกก

              เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความทรมานของเหล่าลูกน้องวาเรียที่โดนเล่นงานคนแล้วคนเล่า ดังทั่วปราสาทวาเรีย ปลุกให้เหล่าหัวหน้าหน่วยคนสำคัญของวาเรียตื่นกันหมด

              ว้าย! เกิดอะไรขึ้นฮะเนี่ย มีคนมาบุกปราสาทหรอ?” เสียงหวาน (?) ของกระเทยสาวแห่งวาเรียร้องด้วยความตกใจ เมื่อลงมาเห็นสภาพของปราสาทตอนนี้

              ข้าวของทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระจกทุกบานแตกร้าว ตามฝาผนังเต็มไปด้วยเลือดของศพลูกน้องที่นอนตายกันเกลื่อนกลาด บางศพแขนขาด ขาขาด บางศพถูกของมีคมกรีดทั่วร่าง บางศพถูกคว้านอวัยวะภายในออกมาอย่างน่าสยดสยอง ใบหน้าของศพทุกคนบิดเบี้ยว ดวงตาเหลือกค้าง เป็นการบอกได้อย่างดีเลยว่า พวกเขาต้องทรมานมากขนาดไหนก่อนตาย

              เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นว่ะ ลุซเซอเรีย สเคลบี สควอโล่ ฉลามขาวแห่งวาเรียเอ่ยถาม ดวงตาสีวารีนคู่สวยกวาดมองไปทั่วปริเวณ จนไปสะดุดตากับแสงสีเงินจากมีดสั้นแสนคุ้นเคย ที่เสียบคาอกศพลูกน้องคนหนึ่ง

              รึว่า ไอ้เด็กนั่นมันรู้แล้ว

              สควอโล่จัง คิดว่าเป็นฝีมือใครหรอ

              คำตอบน่ะ มันก็อยู่ตรงหน้าต่างนั่นแล้วไง ลุซเซอเรียหันไปมองทางที่สควอโล่บอกก็ถึงกับหน้าซีดเป็นไข่ต้ม เมื่อเห็นคนคุ้นเคย...เบลเฟกอล

              ร่างตรงหน้านั่งชันเข่าข้างหนึ่งบนขอบหน้าต่าง เส้นผมสีทองพลิ้วไหวไปตามแรงลมยามรัตติกาล เลือดไหลออกมาตามขาและแผ่นหลัง อย่างที่ใครมองก็รู้ว่าคนตรงหน้า ไม่คิดที่จะเอาเศษกระจกของบานหน้าต่างที่แตกออกก่อนที่จะนั่งลงไป ริมฝีปากที่เคยแย้มยิ้มโรคจิตเป็นประจำ ตอนนี้บึ้งสนิทจนดูน่ากลัว

              เอาไงดีล่ะจ๊ะ สควอจัง  เจ๊ว่าเบลจังรู้เรื่องแล้วแน่เลย ทำไงดี ทำไงดี ทำไง...ลุซเซอเรียเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น

              เดี๋อวฉันจัดการเอง สุรเสียงอำนาจดังจากด้านหลัง หัวหน้าหน่วยทั้งสองรีบหันหลังไปมอง

              บอส!”

              ดวงตาสีแดงฉานของแซนซัสมองไปที่เบลเฟกอลนิ่ง เดินเข้าไปหาอย่างเชื่องช้าโดยไม่สะทกสะท้านต่อรังสีอำมหิตของเบลเฟกอลที่แผ่ออกแม้แต่น้อย

              เบล เบลเฟกอลนั่งนิ่ง

              ไอ้เบล เบลเฟกอลก็ยังนิ่ง

              ไอ้สวะเบล ก็ยังไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่ท่านแซนเรียก

              ไอ้สวะ เบลเฟกอล!” เสียงตะโกนดังราวฟ้าผ่า อย่างที่ใครได้ยินจากบอสแห่งวาเรียก็ต้องกลัวจนหัวหด แต่เบลเฟกอลก็ยังคงนิ่ง แซนซัสกัดฟันกรอด กำหมัดแน่น แล้วซัดที่หน้าเบลเฟกอลอย่างแรง! ใบหน้าเบลเฟกอลหันไปตามแรง เลือดไหลออกทางมุมปาก

              แกเป็นบ้าอะไรของแกว่ะ หุบปากเงียบอย่างนี้ ใครจะไปตรัสรู้ว่ะ พูดออกมาสิว่ะไอ้สวะเบล แซนซัสกระชากคอเสื้อเบลอย่างแรง แต่เมื่อยังไม่เห็นปฏิกิริยาโต้ตอบ เส้นความอดทนของแซนซัสก็ขาดผึ่ง

              หนอย ไอ้เบลเพลิงพิโรธปรากฏขึ้นบนมือของแซนซัส สควอโล่กับลุซเซอเรียเห็นอย่างนั้น ก็รีบวิ่งเข้ามาห้ามด้วยกลัวว่าบอสจะเจื่อนเจ้าชายตัวดีซะก่อน

              ใจเย็นก่อนนะฮะบอส

              เฮ้ย! เดี๋ยวเบลมันก็ตายพอดี

              พวกแกหุบปากไปเลย ฉันจะซัดมันจนกว่ามันจะอ้าปากบอกมาว่ามันเป็นบ้าอะไรแซนซัสที่ตอนนี้ถูกสควอโล่และลุซเซอเรียจับแขนจับขาเป็นพัลวันพูดอย่างหมดความอดทน

              บอสรู้อยู่แล้ว ยังจะมาถามเจ้าชายอีกทำไมเสียงของตัวปัญหาเอ่ยขึ้น ทำให้ทุกคนหยุดชะงักกึกหันไปมองหน้าเบลเป็นทางเดียว

              แกหมายถึงอะไร ไอ้เบลสควอโล่ถาม

              ชิ...เรื่องอะไรงั้นหรอ  ก็เรื่องที่มาม่อนตายแล้ว แต่ทุกคนก็ปิดเจ้าชายไว้เป็นเดือน โดยไม่ยอมให้เจ้าชายรู้ยังไงล่ะ!!!” เสียงตะโกนลั่นที่แฝงไปด้วยความโกรธ  ความสับสน ความอ้างว้างและความเศร้าเสียจนเหล่าวาเรียใจกระตุกวูบ

              พวกบอสน่ะแกล้งบอกเจ้าชายว่ามาม่อนไปญี่ปุ่นเพื่อไปปรึกษากับพวกอัลโกบาเลโน่ที่เหลือโดยไม่มีกำหนดเวลากลับ  แต่ความจริงมาม่อนตายไปตั้งแต่เดือนที่แล้ว ทำไมต้องโกหกเจ้าชายด้วย ทำไม!!!”

              แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ไอ้สวะคำถามของแซนซัสที่ตอนนี้กำหมัดแน่น เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากเบลเฟกอล   นัยน์ตาที่ถึงแม้จะถูกผมบังจนมองไม่เห็นแต่ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่า ดวงตาคู่นั้นทอแววอบอุ่น อ่อนโยนมากมายเพียงใด

              มาม่อนไม่มีทางหายไปไหนโดยไม่ยอมบอกเจ้าชายหรอก เจ้าชายเชื่ออย่างนั้น มาม่อนรู้ดีว่าเจ้าชายจะเป็นห่วงมากถ้ามาม่อนหายไป...เพราะงั้นเราสองคนเลยสัญญากันเอาไว้ว่าถ้าใครคนหนึ่งไปไหน ต้องบอกอีกคนก่อน     เพราะงั้น...มันเป็นไปไม่ได้เลยถ้ามาม่อนจะหายไปเป็นเดือนโดยไม่ยอมบอกเจ้าชาย แต่ถึงหยั่งงั้นเจ้าชายก็ยังทำใจเชื่อสิ่งที่บอสบอก แต่พอเจ้าชายทนไม่ไหวแล้ว เจ้าชายก็เลยไปถามเจ้าลูกน้องพวกนี้ แต่พวกมันก็เอาแต่อ้ำๆอึ้งๆ เจ้าชายรำคาญก็เลยฆ่าทิ้งซะ (นั่นเหตุผลแกเรอะ - วิ่งหลบมีด) จนมีพวกมันคนหนึ่งยอมบอกเจ้าชายว่ามาม่อนตายแล้ว  ทำไมถึงไม่ยอมบอกเจ้าชาย ทำไม  เจ้าชายไม่อยากเชื่อบอสแล้ว ไม่เชื่อพวกสควอโล่ด้วย!!”

              งั้นก็ตามใจแกเถอะ ไอ้สวะ ถ้าแกคิดว่านี้เป็นความผิดของพวกฉัน แซนซัสพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

              บอสหมายความว่าไง เจ้าชายไม่เข้าใจ

              แกรู้มั้ยไอ้เบลว่ามาม่อนมันตายยังไง    ฉันจะบอกให้แกหายโง่เอง

              อย่านะบอส!!!” สควอโล่และลุซเซอเรียตะโกนห้าม หน้าเริ่มซีด

              ขืนมันรู้มีหวัง...

              พวกแกสองคนถ้าไม่อยากตายก็หุบปาก!”

              แต่... คำที่จะพูดถูกกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสบสายตาของบอสวาเรีย

              ไอ้สวะเบล แกน่ะไม่มีสิทธิ์ไปโกรธใครหรอกนะ แกจำไม่ได้หรอ ว่าแกน่ะ...เป็นคนฆ่ามาม่อนด้วยมือของแกเอง!!!”

             

     

     

    จบไปแล้วนะค่ะกับตอoที่ 1 หวังว่าคงจะชอบกันนะค่ะ มีข้อติชมอะไรบอกด้วยนะค่ะจะได้นำไปปรับปรุง แล้วนักอ่านที่ดีก็ต้องช่วยเม้นด้วยน้า (^_^)

    ป.ล.ถ้าคิดว่าฟิคนี้เศร้าล่ะก็คิดผิดถนัดค่ะ หุหุ

             

             

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×