คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ถูกจับ
Chapter 13 ถูกจับ
ฐานทัพมิลฟิโอเล่
เหล่าวองโกเล่และวาเรียที่ถูกจับกุมถูกต้อนเข้ามาภายในห้องแห่งหนึ่ง ห้องโล่งสีขาวขนากใหญ่ มีเพียงเก้าอี้สีแดงสดเพียงตัวเดียว
“โอ๊ย!! เบาๆหน่อยสิฟร่ะ”เสียงโวยวายของโกคุเดระดังขึ้น
“ใจเย็นหย่อนนะ โกคุเดระคุง”สึนะพูดอย่างปลอบใจทั้งๆที่ภายในใจร้อนรุ่มไม่แพ้คนอื่นๆ สึนะกวาดตามองทุกๆคน
‘แม้แต่แซนซัสก็ยัง
นี่พวกเราถูกจับหมดเลยหรอ”คิดด้วยความกังวลความดีใจก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อพบว่ามีคนเข้ามาหาพวกเขา ร่างสูงโปร่งของชายทีมีสีขาวตั้งแต่หัวจรดเท้า ก้าวขึ้นมานั่งบนเก้าอี้กลางห้องราวกับราชา
“บะ เบียคุรัน”
“เว้ยยยยยยย ฉันจะฆ่ามัน”เสียงสคอลโล่ดังขึ้นอย่างโกรธแค้น เรียกรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
“หึหึหึ ไม่ได้ดูฐานะตัวเองตอนนี้เลยนะ สคอลจัง หึหึหึ”เบียคุรันกล่าวเสียงเย้ยนิดๆหลายคนถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห
“ทำไมถึงไม่ฆ่าพวกฉัน ไอ้สวะหัวเผือก”แซนซัสที่ดูใจเย็นที่สุดเปิดการเจรจา
“หืม หึหึ ผมบอกตอนไหนว่าจะไม่ฆ่าน่ะ หึหึ ผมแค่อยากเก็บพวกคุณไว้เป็นของเล่นก็เท่านั้นเอง ถ้าเบื่อก็ค่อยๆฆ่าให้ทรมานอย่างช้าๆ น่าสนุกดีออก หึหึ”
“แก!!!!”
“หึหึ เอาเขาเข้ามา”เบียคุรันเอ่ยสั่งลูกน้องคนหนึ่ง มันเพียงพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอกแล้วพาใครคนหนึ่งเข้ามา โยนลงกลางวงของพวกสึนะ
“เบล!!!”
“ไอ้เบล”ทุกคนมองเบลที่นิ่งไม่ไหวติง ไม่แม้แต่ขยับหรือลืมตาขึ้นมา
“นี่แกทำอะไรเค้า!!!”
“หึหึ แค่อำมพาตชั่วคราว ไม่ตายหรอก
มั้ง หึหึหึ”
“แก!!!”
“หึหึ ช่วยทำตัวดีๆ ไม่ก่อเรื่องจนกว่าฉันจะมาใหม่นะครับ เพราะตอนนี้ฉันมีเรื่องที่ต้องคุยกับสายรุ้งทั้งเจ็ดหน่อย”
“เดี๋ยวสิวะ คิดจะทำอะไรพวกเขา”
ปัง! ร่างสูงได้ออกไปแล้ว ทิ้งไว้ให้แต่ความกังวลและความกลัวแก่เหล่าวองโกเล่เท่านั้น
ห้องขัง สายหมอกของอัลโกบาเลโน่
แอ๊ด~ปัง!
เสียงเปิดและปิดของประตูเรียกนัยน์ตาสีม่วงคู่สวยให้เปรยขึ้นมอง
“เบียคุรัน”
“ไงครับ ผมนึกว่าคุณจะแตะจุกนมแล้วซะอีก”
“ผิดหวังมากหรอ
.”มาม่อนถามด้วยอารมณ์ที่เริ่มกรุ่น
“เบลเป็นไงบ้าง”
“นั่นสินะครับ เป็นไงน้อ”
“
”
“จะว่าไปการที่คุณยังไม่แตะจุกนมก็ดีเหมือนกันนะ”
“?”
“มันจะได้สนุกขึ้น”
“!”เบียคุรันเดินเข้ามาใกล้ แล้วคว้าแขนบอบบาง กระชากให้ลุกขึ้นเดินตามไปอย่างรุนแรงโดยไม่สนใจความเจ็บปวดของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“เจ็บ จะพาฉันไปไหน”
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะ”
เบียคุรันพามาม่อนมายังห้องหนึ่งในชั้นใต้ดิน ภายในห้องทึบปรากฏร่างของคนเจ็ดคน ถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กตรึงกับเสารูปร่างแปลกตา มาม่อนที่ตามมาแล้วเห็นภาพ ถึงกับกำมือแน่น เม้มริมฝีปาก เมื่อเห็นว่าคนที่ถูกพันธนาการอยู่นั้น คือเพื่อนอัลโกบาเลโน่ของเธอนั่นเอง เบียคุรันหันมาหาเธอด้วยรอยยิ้มที่แสร้งทำเป็นจริงใจแล้วลากร่างบางไปยังเสาต้นหนึ่งที่ว่างอยู่ เบียคุรันจับเธอใส่โซ่ล็อกเอาไว้เหมือนกับคนอื่นๆ
“นี่จะทำอะไรน่ะ”
“ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ครับ ว่าจะเอาพลังสุดยอดนั่นมาแบบไม่ต้องใช้ทั้งวองโกเล่ริงค์และมาเรริงค์ ใช้เพียงพวกคุณแปดคนเท่านั้น”
“นายทำเพื่ออะไรกัน”คำถามที่ทำให้การหัวเราะหยุดชะงักค้าง มาม่อนแอบเห็นแววตาปวดร้าวของคนใจร้ายครู่นึงก่อนจะหายไป
“ฉันทำไปเหื่อให้คนๆนึงอยู่กับฉันตลอดไป
ก็เท่านั้น”
“คนคนนั้นคงไม่เต็มใจใช่มั้ยล่ะ”คำพูดจี้ใจดำ ทำให้เบียคุรันคิ้วกระตุก
“นั่นมันเรื่องของฉัน”
“แล้วจะมาพูดให้ฉันฟังทำไม”
“เงียบเถอะ”
“
”
“คุณน่ะ
พักผ่อนก่อนเถอะนะ”
ปึก!
“โอ๊ย”เบียคุรันใช้สันมือฟาดเข้าต้นคอจนร่างบางสลบไป
“หึหึ”
“ขออนุญาตครับ”
“เข้ามาสิ คิกจัง”
“ท่านจะเริ่มมันเมื่อไหร่ครับ”
“พรุ่งนี้ตอนเที่ยงละกัน อ้อ แล้วก็เอาเชลยของเรามาเป็นผู้ชมด้วยล่ะ หึหึ”
“รับทราบครับ”
วันต่อมา เวลา 11.50 น.
“บะ
บล
ไอ้..เบ
ไอ้เบล”
“อืม
นี่มัน”ดวงตาภายใต้เรือนผมสีทองลืมขึ้นอย่างงัวเงีย สบเข้ากับดวงตาสีวารีนคุ้นเคย
“สคอลโล่?...ขออีกห้านาที”
“
”
“อืม”
“เว้ยยยยยยย ไอ้เบล ตื่นขึ้นมาดูสถานการณ์ตอนนี้ก่อนสิเว้ย”สคอลโล่ที่เส้นความอดทนขาดผึ่งตะโกนลั่น เบลสะดุ้งตื่นขึ้มมา
“อะไร”
“หัดแหกตาดูอะไรบ้าง”
“อ่ะ”ภาพที่เห็นคือทุกคนถูกจับตัวมารวมกันบริเวณด้านหนึ่งของลานกว้างทรงกลมขนาดใหญ่ รอบๆมีพวกมิลฟิโอเล่ยืนคุมอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น แล้ว
มาม่อนล่ะ มาม่อนอยู่ไหน”
“ใจเย็นก่อนสิวะ พวกเราถูกมันจับมา สภาพก็อย่างที่เห็นนี่แหล่ะ”
“แล้ว
มาม่อนล่ะ”
‘มันสนแต่เรื่องมาม่อนจริงๆเลยวุ้ย’
“สคอลโล่มาม่อนอยู่ไหน”เบลที่เริ่มใช้เท้าสะกิด เรียกร้องคำตอบ เนื่องจากมือถูดมัดเอาไว้
“เออๆ ดูนั่นก่อนสิ”พูดพร้อมหันหน้าไปตรงกลางลานที่ถูกยกระดับขึ้นมา เบลมองตามก็พบกับร่างบางในสภาพสลบไสลถูกพันธนาการอยู่กับเสาไม่แตกต่างจากอัลโกบาเลโน่คนอื่นๆ
“มาม่อน!!!”
“ไอ้สวะ หุบปาก”แซนซัสที่ฟังการสนธนาอยู่ร้องห้าม
“มาม่อน!!!”
“เห้ย มีอะไรว่ะ หุบปากซะ ถ้าไม่อยากโดนดี”ลูกน้องคนหนึ่งของมิลฟิโอเล่ตะคอกใส่ พร้อมสายตากร้าว
“มาม่อน”แต่ไม่วาย เจ้าชายมาไม่เคยเห็น(หัว)ใครอยู่ในสายตาก็ยังตะโกนอย่างไม่กลัวเกรง
“หุบปาก”
“มาม่อน”
“หนอย ไอ้เด็กเวร”
“มา
”
ปึก!
“โอ๊ย”มันใช้ปืนที่ถืออยู่ซัดเข้าหน้าเบลอย่างแรงจนเลือดไหลออกมาจากปาก เบลไม่พูดอะไร เพียงแต่ส่งสายตาอาฆาตแค้นไปเท่านั้น
“ดื้อเหมือนเด็กสายหมอก อัลโกบาเบโน่นั้นไม่มีผิด”
“!”เบลยิ่งจ้องหน้ามันนิ่ง เมื่อมันทำท่าเหมือนกับรู้จักคนรักเขาเป็นอย่างดี เบลตั้งใจจะลุกขึ้นไปถีบไอ้บ้าตรงหน้า แต่ติดมือของแซนซัสที่จับเอาไว้เป็นการห้าม
“มันไม่คุ้ม ไอ้สวะ”เบลสบตาแซนซัส สุดท้ายก็ยอมทำตัวนิ่งโดยดี แต่สายตานั้นไม่ได้ละจากไอเวรหน้าปลากระโห่แม้แต่น้อย พยายามจำหน้ามันไว้เผื่อมีโอกาสจะได้ตามเชือดมันทีหลัง(ปล. ไอ้คนที่เอาปืนฟาดหน้าเบลคือคนที่หำลามกกับมาม่อนตอนที่แล้วนะ หุหุ ต่อๆ)สายตาอาฆาตที่ทิ่มแทงอยู่ ทำให้ไอ้หน้าปลากระโห่ยิ้มอย่างเยาะเย้ย
“ไม่กล้ารึไง ไอ้หนู”
“...”
“คิดอะไรอยู่ ไอ้ขี้แพ้”
“...”
“ว่าไงล่ะว่ะ”
“ชิ ชิ ชิ ถ้ารอดไปได้เมื่อไหร่ จะฆ่าแกให้ตายคามือ”
“ฮะๆ แล้วฉันจะรอละกันนะ”มันเดินจากไปแล้ว เบลร้องอย่างขัดใจ ก่อนจะหันมาถามเรื่องที่ค้างคาใจอยู่กับฉลามขาว
“สคอลโล่”
“หืม”
“เจ้าชายเป็นอำมพาตมาใช่หรอ หายได้ไงล่ะ”
“เหอะ เบียคุรันมันถอนพิษให้”
“หา”
“มันบอกว่าอยากให้พวกเราทุกคนได้เห็นจุดจบของอัลโกบาเลโน่ ในแบบที่สวยงามที่สุดไงล่ะ”
“ว่าไงนะ จุดจบหรอ”เบลตะโกนลั่น ก่อนจะโดนส้นเท้าอรหันต์ของบอสวาเรียโขกกลางกบาลด้วยความรำคาญ
“โอ๊ย บอส”
“เงียบหน่อย”
“ตกลงว่าไงสคอลโล่”เจ้าชายที่แสนจะเชื่อ(?)ฟังบอสยังคงส่งเสียงถามต่อไป
“ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะทำอะไร แต่ที่มั่นใจ คือมันจบไม่สวยแน่ๆ”
“งั้นหรอ”เบลขานรับก่อนจะทอดสายตามองไปยังร่างบางด้วยใจที่แสนจะรักและเป็นห่วงแทบขาดใจ
‘มาม่อน..’
‘ได้ยินเจ้าชายมั้ย’
‘เจ้าชายรักมาม่อนนะ’
‘เพราะงั้น
’
‘เจ้าชายไม่มีทาง
ไม่มีทาง...ให้มาม่อนหายไปอีกเด็ดขาด’
ความคิดเห็น