คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เดทแรก
Chapter 10 เดทแรก
เช้าวันต่อมา
ทางออกทางตะวันตกของฐานทัพวาเรีย
“มาม่อน~ เจ้าชายตื่นสาย ขอโทษนะที่มาช้า ชิชิชิ”เบลในชุดลำลองวิ่งมาหามาม่อนอย่าเร่งรีบ เมื่อรู้ว่าตนเองมาเลยเวลานัดมาตั้งหนึ่งชั่วโมง
“ช้าชะมัด เสียเวลา เดี๋ยวก็เก็บเงินซะหรอก”มาม่อนในชุดเดรตสั้นสีม่วงอ่อนเอ่ยอย่างขัดใจ
‘เป็นคนนัดเอง ยังมาช้าอีกนะ’
คิดในใจขณะพิจารณาคนตรงหน้า เบลวันนี้ใส่ชุดเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมออกสองสามเม็ดเผยแผ่นอกกว้างกับกางเกงแนบเนื้อสีดำ รวมทั้งเอามงกุฎที่ชอบใส่เป็นประจำออกไปด้วย ถึงจะไม่ได้ใส่อะไรมาก แต่คนมองก็อดที่จะชมไม่ได้ว่าคนตรงหน้านั้น ไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีไปซะหมด
“จ้องหน้าเจ้าชายทำไมหรอ เจ้าชายหล่อแทงใจใช่มั้ยล่ะ ชิชิชิ”พูดพร้อมยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มจนมาม่อนต้องรีบใช้มือดันออกไปด้วยใบหน้าขึ้นสี เรียกเสียงหัวเราะจากร่างสูงตรงหน้า จนอดที่จะโวยใส่ไม่ได้
“หึ เนี่ยหรอหล่อ เลวี่ยังดูดีกว่าตั้งเยอะน่า อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย เบล”พูดจบก็เชิดหน้าไปอีกทาง เตรียมตัวรอฟังเสียงโวยของเบล แต่ทว่า รอตั้งนานก็ไม่มีเสียงใดกลับมาจนคนรอต้องขมวดคิ้วมุ้น ก่อนหันกลับไปมองช้าๆ ก็สบกลับดวงตาภายใต้เส้นผมที่มองตนอยู่นาน
“มองอะไรของ
”
“ไม่ชอบหรอ?”
“ห๊ะ?”
เบลยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงเศร้าๆนิดๆ
“มาม่อนไม่ชอบให้เจ้าชายแต่งตัวแบบนี้หรอ?”
“คือ
คือว่า
”
“งั้นเจ้าชายไปเปลี่ยนดีมั้ยล่ะ?”พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกไปจริงๆ จนร่างบางต้องรีบคว้ามือหนาไว้
“ฉันประชดตังหากเล่า แล้วนายจะมาแคร์คำพูดฉันทำไมล่ะ หืม”
“ก็เพราะว่าเป็นมาม่อนน่ะสิ”
“เอ๋?”แต่ก็ต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยใบหน้าแดงจัด เมื่อได้ฟังคำพูดหวานๆที่ทำเอาใจเต้นแรง
“ถ้าเจ้าชายไม่แคร์คนที่เจ้าชายรัก แล้วจะให้เจ้าชายไปแคร์ใครที่ไหนล่ะหืม มาม่อน~”เอ่ยเสียงหวานเมื่อเรียกชื่อคนตรงหน้าที่บัดนี้หน้าแดงจนไม่รู้จะแดงยังงัยแล้ว เบลอมยิ้มกับปฏิกิริยาของคนตรงหน้าก่อนจะรีบคว้ามือบางลากออกไปจากฐานทัพ
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิ รีบมากนักรึไง”
“ชิชิชิ เปล๊า เจ้าชายก็แค่คิดว่าขืนเจ้าชายรอให้มาม่อนเขินต่อไป วันนี้คงไม่ได้เที่ยวกันพอดีน่ะ ชิชิชิ”
“อีตาบ้า”
“ชิชิชิ”
มาม่อนมองค้อนเบลก่อนจะมองมือของตนที่ถูกกุมไว้ด้วยมืออบอุ่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เราคืนดีกัน
..
กลับไปสู่เหตุการณ์เมื่อวาน
หลังจากเหตุการณ์ที่ห้องสมุด มาม่อนก็มานั่งอยู่ในสวนดอกกุหลาบภายในฐานทัพ(มันปลูกยังงัยฟระ)เพื่อระงับอารมณ์
“ไอ้บ้า ผู้ชายงี่เง่า ไร้ความคิด ไอคิวต่ำ ปัญญาอ่อน ไร้สมอง
”
“แล้วไงอีก?”
“นาย!!”มาม่อนเอ่ยเสียงดังแทบจะเป็นตวาด เมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินตรงมาหาเธอ สภาพคนตรงหน้าดูไม่จืด เลือดอาบทั่วตัวอย่างน่าสงสัยว่าทำไมถึงเดินไปมาได้ปกติขนาดนั้น
“นายเกลียดฉันมากรึไง”
“
”
“มีปัญหาอะไรกับฉันนักหนา”
“
”
“แล้วไง”
“จะตามมาฆ่าฉันอีกรึไง?”มาม่อนเอ่ยอย่างฉุนนิดๆ ขณะกำลังจะลุกขึ้นเดินหนีร่างสูงตรงหน้าที่จงใจหย่อนตัวนั่งข้างๆเธอ
หมับ!
มือของคนที่เงียบมาตลอดคว้าหมับที่มือเธอ ร่างบางทั้งหยิก จิก ตี ก็ไม่ยอมปล่อย
“นายจะเอายังงัยกับฉันอีก!?”
“มาง้ออ่ะ~~”เสียงอุบอิบเอ่ยขึ้นเบาๆ จนมาม่อนต้องขมวดคิ้ว
“เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“เจ้าชายมาง้อ”เสียงที่ปิดความเขินไว้ไม่มิด แก้มที่ขึ้นสีจัด พร้อมกับปล่อยรังสีวิ๊งๆ~ อย่างที่มาม่อนใส่หูกับหางไปให้เรียบร้อยแล้ว
“เจ้าชายขอคุยด้วยหน่อย
ได้มั้ย”เสียงสุดท้ายสั่นเครือจนคนฟังใจกระตุก สุดท้ายก็ยอมนั่งลงฟังแต่โดยดี
“ว่ามา”
“เจ้าชายน่ะ
เจ้าชายน่ะ
เกิดมาไม่เคยรู้จักกับคำว่าความอบอุ่นและความสุขจริงๆสักครั้ง มีพี่ พี่ก็เป็นศัตรู ครอบครัวมองเจ้าชายเหมือนเป็นคนนอก จนวันนึง ความอดทนของเจ้าชายก็สิ้นสุดลง เจ้าชายเชือดทุกๆคนในปราสาททิ้ง ก่อนจะหนีมาเข้าวาเรียในฐานะผู้พิทักษ์วายุ พอเข้ามา เจ้าชายก็ได้รู้จักกับบอส บอสทำให้เจ้าชายได้สัมผัสกับความรู้สึกของคำว่าพ่ออย่างที่พ่อจริงๆของเจ้าชายไม่เคยให้เจ้าชายเลยตั้งแต่เกิดมา เจ้าชายเจอสคอลโล่ที่เหมือนเป็นทั้งแม่และพี่ในเวลาเดียวกัน เจอกับลุซเซอเรียที่เหมือนแม่นมของเจ้าชาย เจอกับเลวี่ที่ทนมือทนทีนเจ้าชาย และยังได้ระบายความรู้สึกกับเจ้าโกล่ามอสก้า ที่ไม่ว่าเจ้าชายจะพูด จะบ่นอะไรก็รับฟังโดยไม่โต้เถียง เจ้าชายตอนนั้นมีความสุขแต่ว่าเรื่องในอดีตก็ฝังใจเจ้าชายมาตลอด ทำให้เจ้าชายมีนิสัยก้าวร้าว เอาแต่ใจตนเอง เรียกว่าเลวแบบสุดๆเลยก็ได้ เจ้าชายใช้ชีวิตอย่างนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งวันนึง วันที่ 22 ธันวา วันเกิดเจ้าชาย วันนั้นทางวาเรียรับสมาชิกใหม่ คนที่จะเข้ามารับหน้าที่ผู้พิทักษ์สายหมอกวาเรีย ครั้งแรกที่เจ้าชายเห็นนั้น ชิชิชิ เจ้าชายยังนึกหมันไส้เลย เด็กอะไรก็ไม่รู้ เห็นเงินเป็นอาหารรึไงถึงได้งกนัก ดูนิ่งๆเฉยๆแต่เวลาโมโหน่ากลัวกว่าบอสซะอีกอ่ะ แต่ว่า เธอมีบางสิ่งที่พิเศษที่คนที่รู้จักจริงๆเท่านั้น ถึงจะสัมผัสได้ ทั้งความอบอุ่นและความอ่อนโยน เธอเป็นเพียงคนเดียวที่หาเจ้าชายเจอ ไม่ว่าเจ้าชายจะแอบหนีเที่ยว แอบหนีงาน หรือว่า แอบไปนั่งร้องไห้เงียบๆ เธอก็เป็นคนเดียวที่หาเจ้าชายจนเจอ เป็นคนที่คอยปลอบใจเจ้าชายอย่างที่ไม่มีใครทำได้ เป็นคนที่น่ารักที่สุดในโลกเลย~~ เธอเป็นเหมือนดังของขวัญของพระเจ้าที่เจ้าชายเชื่อว่าไม่เคยเหลียวแลคนอย่างเจ้าชายเลยมอบให้ เป็นคนแรกและเป็นคนเดียวที่เจ้าชายรัก
แต่ว่าวันนึง เวลาแห่งความสุขก็หายไป เมื่อเธอคนนั้นได้จากไปจากเจ้าชาย โดยทุกคนเชื่อว่า เป็นฝีมือของเจ้าชายเอง ความรู้สึกตอนนั้น มันเหมือนเจ้าชายสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไป สับสน เสียใจ เหมือนทุกอย่างมันมากดดันเจ้าชายจนแทบจะกลายเป็นบ้า แล้วหลังจากนั้น ก็มาเจอกับคนที่ตัวเองรักมากที่มาจากอดีต โดยที่เขาไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเจ้าชาย เหมือนเป็นคนอีกคนที่ไม่รู้จัก แม้แต่ชื่อชองเธอก็เปลี่ยน เจ้าชายเครียด เครียดมาก เก็บกด จนในที่สุดวันนี้มันก็ระเบิดออกมาจนเผลอทำร้ายคนที่ตอนนี้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
เจ้าชายขอโทษนะ ไวเปอร์”
“เรียกชื่อฉันถูกสักทีนะ”
“ชิชิชิ”
“ผู้หญิงที่นายบอกน่ะ คือฉันในยุคนี้สินะ”
“อืม”
มือบางเอื้อมไปกุมมือหนาอย่างให้กำลังใจ อมยิ้มน้อยๆ
“หายโกรธแล้วล่ะ”
“จริงอ่ะ?”
“จริงสิ พอฟังที่นายพูดมา ฉันก็เข้าใจแล้ว ว่าสาเหตุที่นายมาทำบ้าๆกับฉันมันเพราะอะไร และก็นะ ฉันน่ะ เชื่อนะว่านายไม่ได้ฆ่าตัวฉันในยุคนี้ เพราะงั้น เลิกโทษตัวเองซะที เอาเวลาที่นายคิดมากไปหาตัวคนร้ายที่ก่อเรื่องแบบนี้ดีกว่านะ เอ้า ลุกขึ้นไปทำแผลได้แล้ว”พูดพร้อมกับค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะยื่นมือบางมาตรงหน้าเบล เบลมองมือนั้นอย่างชั่งใจ และดูเหมือนมาม่อนจะสัมผัสความรู้สึกนั้นได้
“ถึงฉันจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมาก แต่ว่า ฉันจะให้โอกาสนายแก้ตัว ตกลงมั้ย
จะว่าไป ยังไม่รู้จักชื่อนายเลย ชื่ออะไรหรอ”
“เบล
ฉันชื่อเบลเฟกอล”
“ขอเรียกว่าเบลเฉยๆละกันนะ”
‘ขอเรียกว่าเบลเฉยๆละกันนะ’
คำพูดที่เหมือนกันกับตัวเล็กมาม่อนที่ทักเขาเมี่อสิบปีก่อนไม่มีผิด ทำให้เบลยิ้มออกมาอย่างไม่ฝืนและสบายใจที่สุดเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน เบลเอื้อมมือไปจับกับมือเรียวที่รออยู่นานแล้วอย่างมีความสุขที่สุด
“ขอบคุณมากนะ มา เอ๊ย ไวเปอร์”
“อยากเรียกก็เรียกไปสิ”
“เอ๋?”มาม่อนสบตากับเบลที่ทำหน้างงๆอย่างน่ารัก
“อยากเรียกชื่อมาม่อนก็เรียกไป ฉันยอมให้นายเรียกฉันด้วยชื่อนี้ได้คนเดียวนะ รู้ไว้ด้วย”
“ขอบคุณจริงๆนะ มาม่อน”
“ขอบคุณเหมือนกัน”
“ขอบคุณเรื่องอะไรล่ะ?”
“ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้ว่า ฉันก็เชื่อใจคนอื่นเป็น ยอมรับเลยนะ ว่าถึงฉันจะเพิ่งรู้จักกับนาย แต่ว่าฉันกับเชื่อใจนายมากอย่างน่าประหลาด อย่างกับรู้จักกันมานานอย่างนั้นแหล่ะ
รู้สึกว่านายจะมีความสำคัญกับฉันพอสมควรเลยน้า เบล”
“มาม่อน
”
“ไปทำแผลได้แล้ว”
“ชิชิชิ เจ้าชายมีความสุขที่สุดเลย~~”
กลับสู่ปัจจุบัน
“คิดอะไรอยู่หรอ มาม่อน”
“อ่ะ ปล่าวหรอก คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วจะไปเที่ยวไหนล่ะ”
“เที่ยวไหนก็ได้ แต่ต้องไปกินซูชิด้วยน้า ชิชิชิ”
“กินบ่อยๆไม่เบื่อรึไง”
“ไม่เบื่อหรอก คราวนี้มีคนไปป้อน วันนี้มาม่อนต้องป้อนอาหารให้เจ้าชายทั้งวันเลยนะ”
“ไม่มี
”
“123 เป็นอันตกลง ไปกันเหอะ”พูดจบก็ลากขึ้นรถแท็กซี่โดยไม่ฟังเสียงทักท้วงของคนที่ต้องทำหน้าที่ป้อนอาหารให้เจ้าชายที่ทำตัวไม่รู้จักโตคนนี้สักนิด
“เดี๋ยวก่อน”
“หืม”
“ใช้ภาพมายาของฉัน จะเดินทางไวกว่านะ”
“งั้นก็ได้”
“จับมือฉันไว้ล่ะ”
ทั้งสองคนค่อยๆหายไปช้าๆ โดยไม่รับรู้ถึงสายตาสองคู่ที่มองมาเลย
“สคอลจัง เจ๊ว่าแอบตามไปอย่างนี้ ถ้าสองคนนั้นรู้ เราสองคนอาจจะไปนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลได้นะจ๊ะ”
“เว้ย แกจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมาว่ะ ลุซเซอเรีย มาคิดดีกว่าว่าจะตามพวกนั้นไปยังงัย”
“อืม/อืม”และในขณะนั้นเอง โครมผู้แสนโชคดี(?)ก็เดินเข้ามาทักทาย
“อรุณสวัสค่ะ พวกคุณ”สคอลโล่กับลุซเซอเรียสบตากัน ก่อนจะหันไปหาโครม
“นี่โครมจังจ๊ะ”
“?”
“ช่วยอะไรพวกเจ๊หน่อยได้มั้ย”
ณ โรงหนังแห่งหนึ่ง
“ขอน้ำอัดลมกับนมสตอเบอรี่”มาม่อนสั่งพนักงานขายของระหว่างรอเบลไปซื้อตั๋วดูหนังรอบเที่ยงวัน และระหว่างจะจ่ายเงินนั้นเอง ดวงตาสีม่วงคู่สวยก็เหลือบไปเห็นคนในกระจกที่สะท้อนจากข้างหลัง
‘คนนึงผมสีเงิน อีกคนหัวเขียว อีกคนหัวสับปะรดแต่มีผ้าปิดตา สคอลโล่ ลุซเซอเรีย โครม
หึ กล้ามากนะที่แอบตามมา แต่ขอโทษนะ พอดีว่าฉันชอบความเป็นส่วนตัวน่ะ’
มาม่อนคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ที่ต้องการ
“นั่นใคร ไอ้สวะ”
“นั่นแซนซัสใช่มั้ย?”
“ไวเปอร์หรอ มีธุระอะไร”
“ก็แค่หวังดี โทรมาบอกว่าสคอลโล่สุดที่รักของคุณตอนนี้กำลังหนีเที่ยวกับผู้ชาย”
“ว่าไงนะ”เสียงดังตวาดใส่หูโทรศัพท์
“บอกแค่นี้แหล่ะ ระดับอย่างคุณ คงจะตามหาได้ไม่ยากหรอกนะ โชคดี”
“ดะ เดี๋ยว”
มาม่อนตัดสายโทรศัพท์ก่อนจะโทรหาคนถัดไป
“คึหึหึหึ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผมหรอครับ”
“สวัสดี โรคุโด มุคุโร แค่หวังดีโทรมาบอกน่ะว่า โครมของนายออกมาเที่ยวกับผู้ชาย”
“ใครครับ”เสียงปลายสายที่ส่อแววไม่พอใจ ทำให้มาม่อนเหยียดยิ้ม
“แล้วคิดว่าใครที่โครมยอมไว้ใจขนาดนั้นกันล่ะ”
“หรือว่าจะเป็น ฮิบาริ เคียวยะ”
“ก็แล้วแต่นายจะคิด ผู้ใช้มายาอย่างนายคงหาเองได้นะ แค่นี้แหละ”
มาม่อนตัดสาย ก่อนจะโทรหาเป้าหมายสุดท้าย
ตรู๊ด~~
“นั่นใคร”
“ฮิบาริ เคียวยะ ใช้มั้ย”
“เธอเป็นใคร”
“ไม่สำคัญเท่าเรื่องที่ฉันจะบอกหรอก”
“มีอะไร อย่ามาทำฉันเสียเวลานะ”
“โครม โดคุโร กำลังจะถูกใครบางคนงาบไปกิน ตอนนี้อยู่ที่โรงหนังที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี่ รีบมาล่ะ บาย~~”
“มาม่อน เจ้าชายมาแล้ว ได้ตั๋วมาแล้วล่ะ ชิชิชิ”พูดพร้อมโชว์ของในมือ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ้นเมื่อมองร่างบางที่เอาแต่จ้องนาฬิกาไม่วางตา
“อีกตั้งสิบห้านาทีกว่าจะถึงเวลา รีบอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก ฉันกำลังรอ
”
ปัง!
“ไอ้สวะ อยู่ที่ไหน”การปรากฏของแซนซัสของวาเรีย พร้อมกับกระสุนปืนห่าใหญ่ยิงกราดไปทั่ว ทำเอาชาวบ้านชาวช่องบริเวณนั้นแตกกระเจิง
“อ้าว ทำไมบอสถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ ชิชิชิ”ไม่ทันที่จะเดินเข้าไปหาบอส เบลก็ถูกมาม่อนลากเข้าไปหลบมุมหนึ่งเสียแล้ว
“นี่มันอะไรกันน่ะ มาม่อน?”
“เอาน่า อยู่นิ่งๆก่อน”
“ฉันถามว่า ไอ้สวะเสคลบี สคอลโล่ อยู่ที่ไหน”
“เว้ย!!ไอ้บอสเฮงซวย มีอะไรนักหนาว่ะ”สคอลโล่ที่ทนต่อเสียงเรียกของบอสวาเรียไม่ไหว รีบเดินเข้ามาหาอย่างเอาเรื่อง
“มีอะไรว่ะบอส”
“ชู้แกอยู่ไหน”
“หะ
ห๊า แกพูดเรื่องอะไรวะ”
“เหอะ เอาไว้แก้ตัวบนเตียงเหอะ”แซนซัสกระชากผมสีเงินนั้นตรงเข้ารถของตนไป โดยไม่สนสายตาประชาชีที่มองมาด้วยความงง
‘เสร็จไปหนึ่ง เหลืออีกสอง’มาม่อนคิดในใจ
“คุณลุซเซอเรีย นี่มันเกิดอะไรขึ้นค่ะ โครมงง”
“นั่นสิ ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับ ว่ามันเกิดอะไร โครมที่น่ารักของผม”
“ท่านมุคุโร่”โครมหันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะตกใจหนักเข้าไปอีก เมี่อได้ยินเสียงอีกเสียงทางด้านหลัง
“ยัยสายหมอก”
“คุณผู้พิทักษ์เมฆา”
‘ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ’
โครมยืนจ้องชายหนุ่มสองคนที่ยืนประจันหน้าพร้อมซัดกันได้ทุกเมื่อด้วยความสับสน ไม่แพ้ลุซเซอเรียที่ช๊อกตั้งแต่บอสเดินเข้ามาแล้ว
“คึหึหึหึ คุณน่ะหรอครับคนที่โครมไว้ใจ”
“แล้วสัตว์กินพืชอย่างแกน่ะหรอ จะมาแย้งคนของฉัน”
“คนของผมตางหาก”
“หึ ฉันไม่แคร์”พูดจบต่างฝ่ายก็ซัดกันอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านที่ต้องวิ่งหนีตายกันอีกรอบ โครมพยายามห้ามอย่างสุดชีวิต ส่วนลุซเซอเรียก็รีบกลับไปหาสควอโล่โดยทิ้งโครมไว้รับชะตากรรมซะงั้น มาม่อนที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มกว้างอย่างอดไม่อยู่ จนเบลต้องสะกิดถาม
“นี่มันเกิดอะไรหรอ มาม่อน”มาม่อนหันไปทางเบลก่อนจะเล่าเรื่องราวให้ฟังทั้งหมด
“ชิชิชิ แสบเหมือนกันนะเนี่ย~~”
“เพิ่งจะรู้หรอ ไปกันได้แล้วไป เดี๋ยวก็ไปดูหนังไม่ทันหรอก”
“เดี๋ยวไปดูหนังไม่ทันหรือกลัวขาดทุนกันแน่น่ะ ชิชิชิ”
“นายน่ะ เงียบไปเลย”
“ชิชิชิ”
ความคิดเห็น